แก้วขวัญวันรัก "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
เป็นเรื่องราวต่อยอดมาจาก แก้วขวัญวันรัก
โดยเรานำเรื่องราวของนางเอกทั้งสี่แบ่งพาสเป็นเรืองของตัวเองประกอบไปด้วย
"ประกาสิตรักแก้วกัลยา"
"พันธนาการรักขวัญชีวัน"
"ละลายรักวันวิวาห์"
"กลบ่วงรักรักจิรา"

โดยเรื่องแรกของ แก้วขวัญวันรักที่นำมาให้ได้อ่านกันคือ "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"

แก้วกัลยาพี่สาวของโตของบ้านสิทธิทรัพย์อาภา
เมื่อถูกกดดันให้คลุมถุงชนกับเจษฎา เธอจึงต้องหาทางดิ้นให้พ้นบ่วงนี้
เธอจึงออกปากท้าอากง ว่าจะหาสามีที่ดีมาโชว์ให้ได้
แก้วกัลยาเลือก "เพทาย" ประธานหนุ่มแห่งวินัสมีเดีย
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ ผู้ชายที่เธออยากจะเอาชนะใจ
ผู้ชายที่ติดอยู่ในความทรงจำของเธอมาตลอดเจ็ดปี

แก้วกัลยาจะพิชิตใจเพทายได้หรือไม่ติดตามได้ใน "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
Tags: แก้วกัลยา เพทาย ความรัก เดิมพัน

ตอน: ตอนที่ 14 พยานปากเอกรายใหม่

14
พยานปากเอกรายใหม่




แก้วกัลยามาถึงโรงพยาบาลแต่เช้าครู่ โดยมีรักจิราเป็นคนอาสาขับรถมาให้ และสถานการณ์ของแก้วกัลยาเองก็ไม่สู้ดีนัก คนร้ายอาจจะย้อนกลับมาทำร้ายแก้วกัลยาอีก ทั้งสองเดินขึ้นไปชั้นหกหลังจากรู้จากมินตราว่าคุณน้ำทิพย์ออกจากห้องไอซียูแล้วแต่ยังไม่วี่แววว่าจะฟื้นอาการยังอยู่ในระดับหน้าเป็นห่วง แก้วกัลยามองนักข่าวที่ถูกกันไม่ให้เข้าไปในห้อง มินตราที่ยืนอยู่หน้าประตูเห็นแก้วกัลยาอยู่ด้านหลังกลุ่มก้อนนักข่าวก็เดินเลี่ยงมาหา

“คุณแก้ว”

“คุณน้าอาการเป็นยังไงบ้างมินตรา”

“อาการยังน่าเป็นห่วงค่ะ ท่านประธานเครียดมากกว่าเดิมอีกค่ะ คุณแก้วอยากเข้าพบไหมคะ” แก้วกัลยาพยักหน้า มินตราเคลียร์ทางและพาแก้วกัลยาเข้าไปด้านใน ด้านในมีแขกที่แก้วกัลยาถึงกับต้องชักสีหน้าใส่อยู่ด้วยสองคน รักจิรารู้ว่าพี่สาวเริ่มอารมณ์พุ่งพล่านเมื่อเห็นสองสาวคู่กรณีทีทำให้เธอกับเพทายไม่มองหน้ากัน จึงต้องรีบจับมือไว้พร้อมกระซิบว่า ...คุณพรทิพย์ป่วยอยู่... แก้วกัลยาจึงยอมสงบลง ดารินทิพย์กับสุจิราหันมามองคนที่เข้ามา สุจิราออกตัวทันที

“เธอมาทำไม ยังมีหน้ามาอีกหรอ” เพทายที่กำลังจับมือมารดาไว้ก็หันไปมอง แต่เขาไม่ได้เอ่ยอะไร เขายังคงนั่งเงียบจับมือพรทิพย์ไว้ แววตาที่นิ่งเฉยยามสบกับเธอดูเหนื่อยล้า ดารินทิพย์จับมือสุจิราไว้และส่ายหน้า

“ไม่เอาน่าซูซี่ คุณป้าท่านป่วยอยู่” สุจิราทำหน้าไม่พอใจแต่ก็ไม่กล้าโวยวาย แก้วกัลยาเดินเข้ามาในห้องโดนตั้งใจเดินไปหยุดยืนข้างหลังเพทาย เธอยืนเงียบอยู่สักพัก

“ตำรวจว่ายังไงบ้างคะคุณเพชร” แก้วกัลยาเอ่ยถาม เพทายมีสีหน้าหมองแม้ไม่มีน้ำตาบนใบหน้าหล่อเหลา แต่สายตาของเขากลับบอกอะไรมากมาย ความทุกข์ เจ็บปวด และเหนื่อยล้า

“คุณตำรวจบอกว่าการที่รถคว่ำมันไม่ใช่อุบัติเหตุค่ะ แต่ตอนเกิดเหตุเหมือนมีรถคันหนึ่งตั้งใจปาก้อนหินไปที่รถของคุณป้าทำให้รถคุณป้าเสียหลักพลิกคว่ำ” ดารินทิพย์ตอบแทนเพทายที่เหมือนจะยังพูดไม่ออก มันเร็วมาก อยู่ ๆ แม่เขาต้องมาอยู่ในสภาพที่เสี่ยงตาย แต่แก้วกัลยาคิดว่าเพทายโกรธจนไม่อยากมองหน้าเธอ ไม่อยากพูดกับเธอในเวลานี้ เธอไม่อยากให้เพทายต้องเครียดมากไปกว่านี้

“คุณคงยังไม่อยากพูดกับฉัน ฉันก็ไม่อยากกวนใจคุณตอนนี้ ถ้าอย่างนั้นไว้ฉันจะมาใหม่ ถ้าคุณน้าฟื้นฝากบอกด้วยนะคะว่าขอให้ท่านหายไว ๆ แล้วฉันจะแวะมาเยี่ยม” แก้วกัลยากำลังจะหันหน้าหนี เพทายกับจับมือเธอไว้ ดวงตาบอกว่าเธอคือที่พึ่งของเขา ขอให้เธออยู่ต่อ ดวงตาเขามองเธอแปลก ๆ

รักจิราที่มองอยู่ห่าง ๆ เหมือนเข้าใจสถานการณ์บางอย่างของแก้วกัลยาและเพทาย และแอบยิ้มในใจ แก้วกัลยาทำเกือบจะสำเร็จแล้วอีกนิดเดียวคุณเพทายคงสยบแทบเท้าพี่สาวเธอแน่ รักจิราหันไปมองดารินทิพย์ที่ไม่ได้มีท่าทีใด ๆ แต่คนที่ออกท่าเยอะเห็นจะเป็นสุจิรา

“คุณดาหวัน คุณซูซี่ ฉันว่าเราออกไปข้างนอกดีไหมคะ”

“ทำไมฉันต้องออก”

“ดีค่ะ ไปกันเถอะซูซี่ วันนี้เธอมีงานไม่ใช่หรอคะ” ดารินทิพย์เอ่ย สุจิราทำท่าจะค้านแต่ดารินทิพย์และรักจิรากลับช่วยกันดึงเธอออกจากห้องไป รักจิราดึงสองสาวมาที่หน้าลิฟต์และแยกตัวไปหาเพื่อนนักข่าว

“ทำแบบนี้จะปล่อยให้ยัยนั่นได้คะแนนหรอไง แค่เดือนเดียวยัยนั่นแทบจะทำให้คุณเพชรหลงหัวปักหัวปำแล้วนะ เธอจะปล่อยแบบนี้ไม่ได้”

“แต่คุณป้าท่านกำลังป่วย พวกเราอยู่ก็ช่วยไมได้ ไม่เห็นหรอพวกเรามาตั้งนานแล้ว แต่พี่เพชรไม่คุยกับเราสักคำ อยู่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ เกะกะเขาเปล่า ๆ”

“อย่าทำเป็นแม่พระ เธอจำที่คุณหญิงน้าบอกไม่ได้หรอว่าเธอต้องได้ตัวคุณเพชรมา”

“แต่ว่า...”

“เธอจะปล่อยคุณเพชรไม่ได้ เธอไม่ทำ ฉันจะแย่งเค้ามา เธอมันซื่อบื้อจริง ๆ” แล้วสุจิราก็สะบัดก้นเดินหนีไป ดารินทิพย์มองตามเพื่อนไปด้วยแววตาเศร้า ๆ





เพทายยังคงจับมือเธอไว้ทั้งที่หน้ายังคงมองร่างของมารดาที่นอนหลับอยู่ ตามตัวบอบช้ำ ถ้าเป็นไปได้เขาอยากจะเจ็บแทนแม่ เขาไม่เหลือใครแล้ว ถ้าแม่เขาเป็นอะไรไปเขาจะทำอย่างไร ก่อนที่พ่อเขาจะเสีย พ่อฝากให้เขาดูแลแม่ ดูแลแม่แทนพ่อให้ดีที่สุด เขาแทบไม่เคยขัดใจมารดา มารดาอยากไปไหน อยากได้อะไรเขาก็หามาให้ แต่มารดาของเขาไม่เคยเรียกร้องขอโน้นขอนี่ แต่ขอให้เขากลับมากินข้าวที่บ้านทุกวัน เขาก็ทำให้ อยากให้เขามีคนรัก เขาก็เลือกผู้หญิงที่ดีที่สุดที่คิดว่าจะช่วยดูแลแม่เขาได้อย่างดารินทิพย์

“คุณเพชร คุณน้าเธอปลอดภัยแล้วนะคะ อีกไม่กี่วันคงฟื้น คุณอย่าเศร้าเลยนะคะ”

“ผมเหลือแค่ท่าน”

“ใครบอกคะ คุณยังมีฉันไงคะ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณ คุณเพชรคนเก่งของฉันอยู่ตรงไหน ถ้าคุณน้ารู้คงจะไม่สบายใจ อย่าเศร้าอีกเลยนะคะ”

“มีคนส่งข้อความไปบอกแม่ว่าที่บริษัทเกิดเรื่อง ท่านเลยรีบกลับมา ผมมารู้ตอนท่านประสบอุบัติเหตุแล้ว ผมเป็นลูกที่ไม่ได้เรื่องเลย”

“อย่าโทษตัวเองสิคะคุณเพชร เชื่อสิคะว่าคุณน้าคงไม่คิดแบบนั้น คุณเพชรเก่งขนาดนี้ ทำอะไรให้ท่านตั้งเยอะตั้งแยะ ตามใจดูแลท่านอย่างดี แม้จะทำงานหนักแต่ก็มีเวลาให้ท่าน แค่นี้ก็ดีมากแล้ว ที่สำคัญนี่มันไม่ใช่อุบัติเหตุ ถ้าคุณอยากให้คุณแม่คุณใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและปลอดภัยเหมือนแต่ก่อน ฉันว่าคุณเอาเวลามาช่วยกันหาคนร้าย พอแม่คุณฟื้นมาจะได้อยู่อย่างสบายใจหายห่วง ดีกว่ามานั่งเศร้า เชื่อสิคะว่าท่านจะปลอดภัย”

“คุณ...”

“ฉันแก้วกัลยาว่าที่ภรรยาจะดูแลแม่สามีเองค่ะ ส่วนตอนนี้คุณต้องไปทานอาหารที่ว่าที่ภรรยาคุณเตรียมไว้ก่อนมีแรงแล้วมาช่วยกันคิด ส่วนแม่คุณฉันจะช่วยดูแลให้ คุณไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้นนะคะ”

“มันใช่เวลาไหมคุณแก้ว”

“ไม่ใช่ แต่คุณก็กำลังยิ้มอยู่ในใจนี่คะ มากินข้าว มินตราโทรมาบอกว่าคุณไม่ยอมทานอะไรนี่แปดโมงกว่าแล้วนะ ทำไมฉันต้องมาตามคุณกินข้าวให้ครบมื้อด้วย” เพทายที่อยากเลี่ยงแต่เลี่ยงไมได้เมื่อแก้วกัลยาดึงเข้าลุกขึ้น เขาหันมองมารดา

...ผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคุณแม่อีก...

“ผมหวังว่าคุณจะไม่ใช่ความดีนี้หักลบที่คุณโกหกผม”

“โธ่คุณช่วยลืม ๆ ไปก่อนไม่ได้หรอคะ เอาเป็นว่าหลังคุณน้าหายคุณค่อยโกรธฉันใหม่แล้วกัน เชื่อเถอะถึงตอนนั้นคุณก็โกรธฉันไม่ลง ตอนนี้ทานอาหารก่อนนะคะ นะคะ” เพทายมองผู้หญิงที่จัดแจงเทโน่นนี่อย่างคล่องแคล่ว และเขาพึ่งสังเกตว่าเธอมาในชุดที่ธรรมดามาก แก้วกัลยาเงยหน้าขึ้นเมื่อรู้สึกตัวว่าถูกมองอยู่

“มองแบบนี้คิดอะไรกับฉันอยู่หรอคะที่รัก แบบนี้ฉันควรเขินได้ไหมนะ” เพทายถอนสายตาหนีทันที

“ผมแค่แปลกใจที่มีวันที่แก้วกัลยาแต่งตัวธรรมดา”

“ฉันรีบนี่คะ เมคอัพก็ไม่มี ถ้ามีปาปารัซซี่ถ่ายรูปไปลงข่าว คุณต้องรับผิดชอบนะคะ เลิกพูดแล้วทานดีกว่าค่ะ มีบริการเสริมอยากให้ป้อนก็ได้นะคะ” เพทายรีบจับช้อนขึ้นมาและดึงชามข้ามต้วนั้นมาตรงหน้าทันที แต่สายตากลับสังเกตเห็นว่าแก้วกัลยามีรอยช้ำตามตัวรวมถึงที่หัวก็มีแผล

“คุณไปทำอะไรมา” แก้วกัลยาเอามือจับที่แผลที่อยู่ข้างหน้าผาก

“อุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ แต่ฉันไม่ได้แกล้งนะคะ มันพลาดนิดหน่อย แต่ไม่เป็นอะไรเลย แค่นี้สบายมาก อีกสองสามวันก็หายแล้ว” เขามองสีหน้าที่ร้อนรนของแก้วกัลยาและพยักหน้า

“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย มาทานด้วยกันสิครับ”

“ไม่ดีกว่าค่ะ”

“คุณรังเกียจ”

“ใครบอกกันคะว่าเค้ารังเกียจที่รัก แทบอยากกลืนกินขนาดนี้คงรังเกียจที่รักได้ลง อย่ามาใส่ความนะคะ เค้าแค่อยากให้ที่รักกินเยอะ ๆ คนทำงานหนักกินน้อยมันไม่ดีนะคะ ทานเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปนั่งเฝ้าคุณน้าถ้าเกิดคุณน้าตื่นจะได้เรียกคุณ” เพทายพยักหน้าและมองตามแก้วกลับที่เดินไปนั่งข้างเก้าอี้แทนเขา ดวงตาที่เคยแข็งกร้าวเวลาสบมองเธออ่อนลง เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงรั้งเธอไว้ ทั้งที่ยังอยากจะทำเมินเธอต่อ แต่ความรู้สึกอุ่นใจตอนเห็นหน้าเธอทำให้เขาจับมือเธอไว้ ในเวลานั้นเขาต้องการให้คนอยู่เป็นเพื่อน และผู้หญิงที่นึกออกก็คือแก้วกัลยาไม่ใช่เพราะเธอคอยช่วยและแก้ปัญหา แต่เวลาเห็นหน้าเธอ ได้ยินเสียง กำลังใจที่หดหายจะกลับมาอย่างช้า ๆ เหมือนในตอนนี้ ผู้หญิงที่ท่าทางไม่เอาไหน วิ่งตามเขาตะลอน ๆ กลับมีมุมนี้ มุมที่คนนอกเข้าไปไม่ถึง เขาเองเคยอยู่ในมุมคนนอกมองเธอแต่เพียงผิวเผิน เธอไม่ดีในสายตาเขาไม่ใช่เรื่องหน้าตา แต่นิสัย แต่ยิ่งรู้จัก ก็ยิ่งรู้ว่าเธอยังมีอีกมุมหนึ่งที่ซ่อนเอาไว้ ที่ไม่มีใครเคยรู้

“คุณไม่เบื่อบ้างหรอวิ่งตามผมมาสามปีแล้ว” แก้วกัลยานิ่งชะงัก ก่อนจะยิ้มออกมา

“คุณจำได้ด้วยว่าสามปี เอ๊ะ แสดงว่าคุณก็สนใจฉันอยู่ใช่ไหมล่ะ” แก้วกัลยาชี้หน้าเขาและยิ้ม ทำท่าจะถึงเนื้อถึงตัวเขาอีก เพทายก็เบรกแก้วกัลยาด้วยคำพูดไว้ก่อน

“ของแบบนี้ไม่ต้องสนใจก็จำได้ คุณตามผมขนาดนั้น”

“คุณช่วยพูดให้ฉันรู้สึกว่าพิเศษบ้างสิคะ”

“ผมไม่ชอบโกหก” แก้วกัลยาสะอึก และเงียบทันที เหมือนความผิดเก่ายังเป็นชนักติดหลังอยู่ เพทายมองแก้วกัลยาที่เงียบเสียง บรรยากาศกลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง เพทายนั่งทานข้าวต่อเงียบ ๆ

“เมื่อสามปีก่อนไม่ใช่การเจอกันครั้งแรกของเรา แต่เราเจอกันเมื่อเจ็ดปีก่อน” แก้วกัลยาเอ่ยและเงยหน้าขึ้นสบตาเขาอีกครั้ง เหมือนต้องการหาความจริงว่าเขาจำได้หรือไม่ แต่แววตาของเขากลับว่างเปล่า มีร่องรอยของความสงสัย

“ก็ไม่แปลกที่คุณจะจำไม่ได้ ตอนนั้นฉันจมน้ำ คุณเป็นคนช่วยชีวิตฉัน ฉันจำคุณได้ไม่มีลืม ฉันสัญญากับตัวเองว่าถ้าเจอคุณอีกครั้งฉันจะไม่มีทางปล่อยคุณเด็ดขาด แล้วเราก็ได้เจอกัน คุณไม่คิดบ้างหรอว่ามันเป็นพรหมลิขิต”

“คุณเชื่อเรื่องพวกนี้”

“ก็ไม่ แต่เชื่อมันเพราะเป็นคุณ คุณคิดดูสิ แม่เรารู้จักกัน เป็นเพื่อนกัน เรายังมาเจอกัน คุณช่วยฉันถึงสองครั้ง แล้วเป็นเหตุการณ์จมน้ำทั้งสองครั้ง มันไม่ใช่แค่บังเอิญคุณไม่คิดบ้างหรอ”

“ผมเชื่อเหตุผลของการตั้งใจ มากกว่าบังเอิญ” แก้วกัลยายักไหล่

“ก็ไม่แปลกที่คุณจะเชื่อแบบนั้น จริงสิ ฉันมีของจะให้คุณด้วย” แก้วกัลยาหยิบกระเป๋าก่อนจะหยิบดอกกุหลาบดอกหนึ่งที่ยัดใส่กระเป๋ามาและมายื่นให้เขาต่อหน้า

“ฉันไม่ได้ถือต้นกระบองเพชรน้อยติดมือมา แต่ฉันตัดกุหลาบสุดหวงของวันมาแทน ฉันรู้ว่าดอกกุหลาบดอกเดียว กระบองเพชรอีกเจ็ดต้น มันแทนไม่ได้กับความรู้สึกที่เสียไปของคุณ ฉันจะไม่บอกว่าฉันไม่ตั้งใจ เพราะฉันตั้งใจจะโกหกคุณตั้งแต่แรก คิดว่ามันคือโอกาสเดียวของฉัน ถ้าเกิดย้อนกลับไปได้ฉันก็คงเลือกทำอย่างเดิม เพราะมันทำให้คุณยอมให้ฉันก้าวเท้าเข้าไปอยู่ใกล้คุณหนึ่งก้าว ฉันไม่มีอะไรมากไปกว่าคำว่าขอโทษ คุณจะให้อภัยฉันหรือไม่ฉันก็ไม่รู้ แต่อย่าไล่ฉัน อย่าไล่ฉันไปตอนนี้” แก้วกัลยานิ่งนิ่งไม่ยอมยื่นมือกลับจนกว่าเขาจะรับดอกไม้จากเธอ เพทายมองหน้าแก้วกัลยาสลับกับดอกไม้ เขาวางช้อนและลุกขึ้นยืนขยับมาใกล้แก้วกัลยา ดวงตาคมสบมองกับดวงตาสีฟ้าประกาย

“ผมอยากโกรธคุณนะ ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงโกรธคุณไม่มองหน้าคุณไปแล้ว อาจจะเกลียดคุณไปเลยด้วย แต่หลังจากที่คุณช่วยอะไรผมมากมาย ผมก็รู้สึกว่าคุณก็เป็นคนดีมากคนหนึ่ง แต่ผมไม่ใช้เหตุผลของความดีมาลบล้างความผิดหลอกนะ เพราะสิ่งที่ผมเกลียดที่สุดก็คือการโกหก” แก้วกัลยาหน้าเสียไปเมื่อเขาเอ่ยคำพูดนั้นออกมา

“แต่ครั้งนี้ผมจะเชื่อในความจริงใจของคุณ ผมยอมยกโทษให้เพราะความจริงใจของคุณที่ผมสัมผัสได้ แต่แค่ครั้งนี้เท่านั้นนะ” เขารับดอกไม้นั้นมา แก้วกัลยายิ้มอย่างดีใจและโผเข้ากอดเข้าไว้ทันที

“คุณน่ารักแบบนี้ แล้วฉันจะตัดสินได้ยังไง ฉันไม่ยอมแพ้หรอก คุณเป็นคนเดียวนะที่ฉันยอมขอโทษขนาดนี้ ยอมง้อขนาดนี้ ฉันไม่มีวันทำอีกแน่ เพราะคราวหน้าคุณต้องง้อฉัน”

“ผมว่าคุณปล่อยผมได้แล้ว แม่ผมก็นอนอยู่ แล้วการที่คุณมากระโดดกอดผู้ชายแบบนี้มันไม่ดีนะครับ คุณเป็นผู้หญิงถึงเนื้อถึงตัวผู้ชายแบบนี้ คนอื่นจะมองไม่ดี” แก้วกัลยายิ้มและมองหน้าเขาที่ทำหน้ากระอักกระอ่วนใจ

“กำไรให้ฉันหน่อยสิ อาทิตย์หนึ่งเชียวนะที่เราไม่ได้เจอกัน ถ้าไม่ใช่คุณฉันก็ไม่ทำแบบนี้หรอก ไม่ต้องหวงเค้านะที่รัก เค้ารักที่รักคนเดียว กอดก็แค่ที่รัก”

“ผมไม่ได้ห่วง ผมไม่คุยแล้ว” เขาก้มหน้าทานข้าวต่อ แก้วกัลยายิ้มและมองเสี้ยวหน้าของเขาอย่างอารมณ์นี้ ผู้ชายเขินนี่มันน่ารักจริง ๆ จะหาได้ที่ไหนอีก ผู้ชายที่น่าแกล้งแบบเพทาย






แก้วกัลยาก็เดินออกมาจากโรงพยาบาล ตรงมาที่รถ หน้าตาดูสดใสขึ้นเพียงแค่วันเดียวที่เพทายยอมคุยด้วย เพียงแค่เขายอมยกโทษให้แก้วกัลยาก็จะมีความสุขมาก แก้วกัลยาเดินตรงไปที่รถเบนซ์ขับมาจอดรถอยู่หน้าโรงพยาบาล เธอรีบเปิดประตูขึ้นมานั่งบนรถ รักจิรามองใบหน้าของแก้วกัลยาด้วยความแปลกใจก่อนจะขับรถออกไปเมื่อเสียงบีบแตรดังมาจากรถคันข้างหลัง

“หน้าตานี่สดใสขึ้นกว่าเมื่อวานนะเนี่ย มีเรื่องดีอะไรกัน เค้ากลับไปธุระแค่พักเดียวกับมารับตัวดูสดใสราวกับคนละคนเลยนะเนี่ย”

“แน่นอนสิยะ ได้ยาดี ว่าแต่เรื่องที่แกไปถามรุ่นน้องแกมาว่ายังไง ได้เรื่องไหม”

“ไม่ได้ก็ไม่ใช่รักจิราสิ ไอ้นิวมันบอกว่าไอ้แบงค์เนี่ยอยู่แถว ๆ คลองเตยมันทำงานอยู่ที่ผับนั่นจริง ไอ้นิวเล่าประวัติมันให้ฟังด้วย มันบอกว่าแบงค์ติดคุกโดนยัดข้อหาค้ายา พอออกมาก็หางานทำไม่ได้ เลยมาเป็นลูกไล่ของพวกนักเลงแถวนั้น แม่ยังติดพนันต้องหาเงิน จากที่เค้ารู้จักมันเมื่อตอนนั้นมันเป็นคนดีมาก แต่นะชีวิตคน เฮ้อ...”

“แล้วเราจะเจอไอ้หมอนี่ที่นั่นไหม”

“น่าจะเจอ ไอ้นิวทำงานอยู่ผับเดียวกับมัน มันบอกว่าไอ้แบงค์ไม่มาทำงานหลายวันแล้ว คงกลัวโดนจับได้ หรือไม่ก็ตัวบงการสั่งให้หนี เราคงต้องไปดูมันที่บ้านก่อน ถ้ามันยังไม่หนีไปไหนก็คงจะเจอ”

“ถ้าช่วยคุณเพชรเรื่องนี้ได้คุณเพชรจะได้ลดความเครียดให้น้อยลง ฉันเห็นคุณเพชรหน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วไม่สบายใจ ฉันอยากจะช่วยเค้าให้ถึงที่สุด” รักจิรามองพี่สาวที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทนเจ้าตัวเขาอยู่เรื่อย

“ค่ะแม่คนดี หลงขนาดนี้ถ้าเกิดคุณเพชรเค้าไม่เลือกจะหัวเราะให้ดู”

“ปากหรอนั่น บอกให้ฉันต่างหากที่เลือกคุณเพชร”

“หรอ...ถ้าคิดแบบนั้นแล้วสบายใจก็ตามใจ”

“เลิกพูดเรื่องฉันได้แล้ว ว่าแต่ไอ้ฟ้ามันปล่อยให้แกห่างตาได้ยังไง ปกติแกไปไหนมันต้องตามไม่ใช่หรอ” พอพูดถึงสายฟ้าใบหน้าของรักจิราก็มุ่ยขึ้นมาทันที

“ไปหาแฟนเขามั้ง”

“บ้าน่า ไอ้ฟ้าเนี่ยนะมีแฟนแล้ว ไม่จริงหรอก ฉันว่าฉันไม่พลาดแน่ ๆ จากสายตามันอ่ะ”

“เลิกพูดเรื่องนี่เถอะเจ๊แก้ว” แก้วกัลยามองหน้ามุ่ย ๆ ของน้องสาวและยิ้มออกมา นี่ล่ะนะ ปากแข็ง ใจก็ทำแข็ง แต่ตาฟ้องออกมาแล้ว

“ไม่ถามถึงไอ้ฟ้าก็ได้ ฉันถามถึงว่าที่เจ้าบ่าวแกแล้วกัน หนีไอ้เปามันมาได้ยังไง”

“เจ๊แก้ว ถ้าตัวไม่หยุดพล่ามถึงคนที่ทำให้เค้าโมโห เค้าจะโทรไปหาเฮียเจต ฟ้องเฮียเจตว่าตัวกำลังขัดคำสั่งเฮียเจต ทีนี้คอยดูว่าเฮียจะจัดการตัวยังไง”

“หยุดความคิดแกเรื่อง เลิกพูดก็ได้ แล้วใกล้ถึงหรือยัง” ทันทีที่แก้วกัลยาถามรถก็จอดลง

“ถึงแล้วเจ๊แก้ว เราต้องเดินเข้าไปแล้วล่ะ” แก้วกัลยามองซอยแคบ ๆ เกิดมานี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นสลัมแบบชัด ๆ แก้วกัลยาเปิดประตูเดินลงมาในมือถือร่มสวมแว่นกันแดดครบครัน

“แกนี่เราต้องเข้าไปในนั้นจริงสิ”

“จริง ถ้าอยากเจอมันก็ต้องเข้าไป ตั้งแต่หัวจรดขาเค้าก็โอเคนะ เสื้อยืดกางเกงยีนส์ เข้าใจว่าเมื่อช้ารีบเลยหลุดแต่งตัวนี้มา แต่รองเท้า ตัวหลุดบ้างก็ได้ ไอ้ส้นสูงยาวหกนิ้วเนี่ยมันเหมาะกับเดินสลัมที่ไหน ถ้าตัวตกน้ำตกท่าเค้าไม่ลงไปช่วยงมนะ เปลี่ยนส้นสูงเป็นอีแตะในรถเค้าเลย”

“ไม่เอา ฉันสาบานกับตัวเองว่าจะไม่ยอมถอดส้นสูงอีกเด็ดขาดหลังจากปาหัวไอ้เอ็มแตกไป รองเท้าคู่โปรดฉันต้องพัง ฉันไม่ยอม ไม่เอานะ”

“เจ๊แก้วนี่มันใช่เวลาไหม แล้วตัวรู้ไหมตรงนั้นอ่ะพื้นปูน แต่ตรงไปลึกข้างในมันเป็นพื้นไม้ เอาล่ะเปลี่ยนไม่เปลี่ยน เค้าไม่ให้ตัวมาเป็นภาระเค้านะ ถ้าไม่เปลี่ยนตัวก็ต้องรอตรงนี้”

“แกทำร้ายฉันไอ้รัก” แล้วแก้วกัลยาก็เดินหน้าบึ้งไปเปิดหลังรถหยิบรองเท้าแตะที่รักจิรานำมันมาถอดทิ้งไว้มาสวมใส่ เธอสาบานกับตัวเองแม้ต้องเดินเท้าเปล่าเธอจะไม่ใช่ปั๊บป้าเด็ดขาด แล้วนี่อะไรชีวิตไฮโซของเธอป่นปี้หมดเพราะรักจิรานี่นะ น้องตัวแสบที่ทำลายเธอทุกอย่าง

“ไอ้ส้นเข็มเนี่ยไม่ต้องใส่มันตลอดเวลาก็ได้ ปกติตัวก็สูงอยู่แล้ว ไม่ต้องเพิ่มความมั่นใจด้วยการใส่เพิ่มไปหรอก เพราะเวลาต้องลุยมันลำบาก ไปได้แล้ว ส่วนร่มเอาไปเก็บอย่าเอามันมาเป็นภาระ เสื้อแขนยาวกับแว่นกันแดดก็พอแล้ว”

“นี่แกเป็นพี่ฉันหรือน้องฉันไอ้รัก”

“หวังดีนะเจ๊แก้ว เค้าเตือนเพราะถ้าเกิดไปเจอเจ้าถิ่นเข้าจะแย่ ซอยแถวนี้เป็นซอยพวกแก๊งค์ขี้ยามันชอบมาซ่องสุม แม้ตัวจะวิ่งบนส้นสูงได้ แต่ส้นสูงบนพื้นไม้ตัวตายแน่เจ๊แก้ว แล้วยิ่งทำอะไรให้เป็นจุดเด่นจะยิ่งไม่ดี ไอร่มสีแดงแปร๊ดสะท้อนแสงของเจ๊เก็บมันเถอะ แถวนี้ไม่มีกระทิงให้ล่อ มีแต่โจร ไป” รักจิราเดินนำไป แก้วกัลยาทำเสียงฮึดฮัดอย่างขัดใจและรีบวิ่งตามรักจิราไป รักจิราพาแก้วกัลยาเดินลัดเลาะมองที่อยู่ในกระดาษและถามทางไปด้วย

“นี่เดินมานานแล้วแกรู้ทางป่ะเนี่ยไอ้รัก”

“พึ่งมาครั้งแรกเหมือนตัวนั้นแหละเจ๊แก้ว ตัวเลิกบ่นสักทีเถอะ ป้าคนนั้นบอกว่าเราเดินไปอีกนิดก็จะถึงแล้ว นั่นไง” รักจิราชี้ไปที่บ้านไม้โทรม ๆ เก่า ๆ บ้านเลขที่ 99 ตามใบที่เขียนบอกมา รักจิรามองประตูบ้านที่ปิดสนิท

“มีใครอยู่ไหม” รักจิราเอ่ย

“บ้านปิดประตูเงียบขนาดนี้แกยังถามโง่ ๆ อีกหรอไอ้รัก”

“อ้าว ตัวไม่เคยดูหนังหรอว่าคนทำผิดเค้าไม่เปิดประตูรับคนแปลกหน้า บางทีอาจมีคนอยู่แต่อาจจะแกล้งทำเป็นไม่อยู่ก็ได้”
“ฉันว่าแกดูละครมากไปนะ”

“มาหาใครล่ะ” สองสาวที่กำลังเถียงกันหันไปมองผู้หญิงหน้าตาโทรม ๆ ใบหน้าดูหงุดหงิด ดวงตาปรือ ๆ ในมือถือขวดเหล้า กลิ่นเหล้าคละคลุ้ง ทั้งสองมองหน้ากัน

“พวกเรามาหาแบงค์ค่ะ” รักจิราเอ่ย

“ไอ้แบงค์ หึ มันไม่กลับบ้านมาสามวันแล้ว ไปตายที่ไหนแล้วก็ไม่รู้” รักจิรามองใบหน้าผู้หญิงขี้เมาที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“แล้วป้าเป็นอะไรกับแบงค์คะ”

“ข้าก็เป็นแม่มันน่ะสิวะ ไม่มีอะไรแล้วก็หลบ ๆ ไป ข้าจะเข้าบ้าน” แก้วกัลยามองแม่ของแบงค์คล้ายจะเข้าไปข่วนหน้ากับความไม่สุภาพของผู้หญิงตรงนะ

“ป้าพอจะรู้ไหมคะว่าแบงค์ไปไหน”

“เอ๊ะ ก็บอกว่าไม่รู้ไง หลีกทางข้าจะเข้าบ้าน”

“แต่ป้าคะ พวกเรามีนี่ค่ะ” แก้วกัลยาหยิบแบงค์ห้าร้อยออกจากกระเป๋า อรนงค์แม่ของแบงค์หรืออธิชาติหันมามอง แต่ทำเป็นไม่เห็นและจะเดินเข้าบ้าน

“ถ้างั้นหนึ่งพันบาทถ้าป้าบอก”

“พวกเอ็งเป็นใครก็ไม่รู้ พันเดียวแลกกับลูกข้าไม่เอาหรอก ไป ๆ ข้าจะไปนอนแล้ว”

“สามพันขาดตัว ถ้าไม่เอา ดูจากสภาพป้าแล้ว คงรอเงินลูกอยู่ และถ้าลูกป้าไม่กลับบ้าน ป้าก็จะไม่มีเงินใช้ ดูจากสภาพนี้ป้าคงไปเล่นไพ่มาแล้วหมดตัวแล้ว บางทีอาจจะติดหนี้เขาอีก และรอเงินจากลูก แต่รับรองถ้าอาทิตย์นี้ลูกป้าไม่กลับมาป้าแย่แน่ คิดเอานะ ฉันจะนับหนึ่งถึงสามถ้าไม่เอา ก็จบ คิดว่ามีป้าคนเดียวหรือไงที่รู้ว่าลูกป้าอยู่ไหน หนึ่ง สอง...สาม...ไปรัก”

“เอ่อ...บอกแล้ว ๆ ไอ้แบงค์มันน่าจะไปคลุกตัวอยู่ที่บ่อนทำงานให้เสี่ยพงศ์บ่อนที่ข้าไปเล่น ไอ้แบงค์มันสั่งข้าไว้ว่าถ้ามีคนมาถามหามันให้บอกว่าไม่รู้”

“แล้วบ่อนนั่นอยู่ที่ไหน”

“ไม่ไกลจากที่นี่ เดินถัดไปอีกประมาณสามซอย บ่อนอยู่สุดซอยนั่นแหละ”

“ทำไมมีบ่อนมาอยู่ในสลัมเล็ก ๆ แถวนี้ไม่มีตำรวจรู้ มันเป็นบ่อนเล็ก ๆ หรือบ่อนใหญ่” รักจิราถามอย่างสนใจ การได้มาเห็นแหล่งข่าวลอยอยู่ตรงหน้า เลือดนักข่าวมันก็ร้อนขึ้นมาทันที

“เป็นบ่อนใหญ่ แต่ตำรวจจะไปรู้ได้ยังไง ก็แถวนั้นเป็นถิ่นเสี่ยพงษ์ ใครหือใครอือ แกสั่งเก็บหมด ข้าตอบหมดแล้วเอาเงินมาสิ ข้าจะได้ไปทำธุระปะปังของข้าบ้าง”

“ป้าแน่ใจแค่ไหนว่าลูกป้าอยู่ที่นั่นจริง ๆ ป้าไม่ได้โกหกพวกเราใช่ไหม” แก้วกัลยามองอย่างจับผิด อรอนงค์ไม่มีท่าทีโกหก และตอบแก้วกัลยากลับไป

“แน่สิ ข้าแม่มันนะ เวลามันไม่กลับบ้านถ้าไม่ไปที่นั่นก็ค้างที่ผับที่มันทำงานอยู่ แต่ก่อนกลับมาข้าแวะไปหามันมาแล้ว” แก้วกัลยายื่นเงินนั่นให้อรนงค์เมื่อได้รับคำตอบ มืออรนงค์กำลังจะคว้ารับเงินนั่นไว้ แก้วกัลยาชักมือกลับ

“ฉันขอเตือนนะป้า ถ้าลูกป้าตาย หรือเป็นอะไรขึ้นมา ป้าอดตายหรือไม่ก็โดนพวกบ่อนกระทืบตายแน่ ป้าควรจะคิดได้แล้วว่าอายุยิ่งมากโอกาสในการทำอะไรก็น้อยลง ถ้าป้ายังทำตัวแบบนี้วันหนึ่งไม่มีลูก ป้าจะอยู่ยังไง ที่แบงค์ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำก็เพื่อหาเงินมาให้ป้า แต่ป้าเองไปลงที่ขวดที่บ่อนหมด ถ้าป้ายังทำตัวแบบนี้วันหนึ่งป้าจะตายอย่างอนาถแน”

“แกแช่งข้าเหรอ”

“เปล่า ฉันก็แค่เตือนป้า ป้าใช้ชีวิตแบบนี้ตั้งแต่แบงค์ยังเรียนอยู่ จนแบงค์หมดอนาคตป้าก็ยังทำตัวแบบนี้ ป้าไม่สงสารแบงค์บ้างหรอ ป้ารู้ไว้เลยที่แบงค์ต้องเสียคนก็เป็นเพราะป้านั่นแหละ”

“แก...”

“ยังทำอะไรได้ก็ควรทำ ถ้าไม่ทำก็อย่าทำตัวให้เป็นภาระแก่ลูกมันเลยนะป้า ไปรัก” แก้วกัลยายัดเงินใส่มือคนที่ยืนนิ่งชะงัก และเดินออกไป ควรปล่อยให้ได้คิดอะไรบ้าง ถ้าพูดขนาดนี้แล้วคิดไม่ได้ สุดท้ายจุดจบก็คงไม่ต่างคนจรจัดที่ตายข้างถนน






ภายในห้องที่มืดทึบที่แม้ตอนนี้จะเป็นเวลากลางวันแต่ห้องที่ปิดหน้าต่าง ปิดไฟทำให้บรรยากาศในห้องคล้ายกับเวลากลางคืน ดูมืด ทึบและหลอน ภายในห้องมีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง บนกระจกบานใหญ่มีรูปแปะอยู่บนกระจกอยู่ห้าหกใบ หนึ่งในนั้นมีรูปของแก้วกัลยา ที่เธอใช้มีดกรีดใบนั้นนั้นจนแทบมองไม่ออก มือกำมีดแน่นอย่างโกรธแค้น แผนเธอต้องพลาดมากี่ครั้งแล้ว พลาดเพราะนังแก้วกัลยา เธอต้องหาทางจัดการแก้วกัลยาก่อนแผนเธอจะต้องพังไปมากกว่านี้ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หญิงสาวชุดดำหยิบขึ้นมากดรับ

“ว่าไง”

(คนที่สั่งเก็บ เรียบร้อยแล้ว ผมเก็บหลักฐานทุกอย่างแล้ว ตำรวจคงสาวมาไม่ถึงตัวคุณ แต่เหมือนนังผู้หญิงนั่นจะพยายามสืบเรื่องของคุณ แถมช่วงนี้มีคนแปลก ๆ โผล่เข้ามาเกี่ยวด้วย”

“ใช่ตำรวจหรือเปล่า”

(ไม่ครับ แต่เหมือนจะเป็นพวกของผู้หญิงนั่น วันนี้ผมเห็นมันแถว ๆ บ่อนเสี่ยพงษ์ ผมคิดว่ามันน่าจะมาหาไอ้แบงค์ ไอ้หมอนี่หมดประโยชน์แล้วใช่ไหมครับ)

“ตามเก็บนายอธิชาติ อย่าให้มันซัดทอดมาถึงฉันได้ ฉันจะเริ่มเดินหมากตัวใหม่อย่าให้พลาดอีก”

(ครับ) หญิงสาวตัดสายทิ้งและมองรูปแก้วกัลยาที่โดนกรีดเละก่อนจะยิ้มออกมาอย่างน่ากลัว

“แกช่วยมันไม่ได้ตลอดหรอก มาดูสิว่าแกจะช่วยไอ้เพชรมันได้อีกนานเท่าไหร่” หญิงสาวเอ่ยพลันแสงสว่างจากด้านนอกก็ส่องเข้ามาเมื่อประตูห้องถูกเปิดออก

“พี่ครับ ผมว่าพี่หยุดเถอะ” เสียงของเด็กชายที่นั่งอยู่บนรถวีลแชร์เอ่ยขึ้นและเขนรถเข้ามาในห้อง หญิงสาววางรูปในมือลงและหันไปมองเด็กชายที่นั่งอยู่บนวีลแชร์ด้วยสายตานิ่ง

“ไม่ได้ หยุดไม่ได้ ฉันก้าวมาถึงจุดนี้ ฉันหยุดไม่ได้ อีกนิดเดียวเราจะแก้แค้นพวกมันทุกคนได้แล้ว ใครอยู่ข้างนอก มาพาตาเล็กกลับห้องเดี๋ยวนี้” ใบหน้าของสาวใช้ต่างด้าวผงกหัวขอโทษและวิ่งเข้ามาเข็นวีลแชร์ออกไป

“อย่าให้ตาเล็กออกมาเพ่นพ่านอีก ถ้าน้องชายฉันเป็นอะไรไปฉันจัดการเธอแน่ ช่วยเตรียมของให้ฉันด้วยฉันจะไปวัด” คนใช้ทั้งสองรับคำสั่งก็ออกไป หญิงสาวปิดประตู และมองไปที่รูปที่วางอยู่บนหัวเตียงก่อนจะเอ่ยขึ้น

“ยังไง ถ้าพวกมันไม่พินาศ ถ้าฉันเอาความพินาศของมันมาเซ่นไหว้พ่อกับแม่ฉันไม่ได้ ฉันก็จะไม่หยุด ต่อให้มีคนตายมากกว่านี้ ฉันก็จะไม่หยุด” ดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยความอาฆาต ความแค้นที่ฝันลึกในจิตใจไม่มีวันจางหาย ยิ่งนึกถึงวันที่เธอต้องสูญเสียทุกอย่าง เปลวเพลิงสีแดง ความทุกข์ทรมาน ความเจ็บปวดพวกนั้นเธอไม่มีวันลืม ต่อให้ต้องตกนรก เธอก็จะไม่หยุด เธอจะลากพวกมันมาลงนรกไปด้วย ทำให้พวกมันรู้ซึ้งว่าการต้องสูญเสีย ต้องพินาศบนความทุกข์ของพวกเธอมันเป็นอย่างไร

เพล้ง!!!

ทันทีที่หญิงสาวเดินออกไป กรอบรูปที่วางอยู่บนโต๊ะมุมห้องก็หล่นลงมาอย่างไม่มีสาเหตุ เศษกระจกแตกกระจายพร้อมกับรูปที่กระจายออกมาด้วย มันเป็นเพียงรูปถ่ายครอบครัวเก่า ๆ รูปหนึ่ง รอยยิ้มของคนทั้งห้าดูมีความสุข แต่สภาพความเก่าและเสื่อมโทรมของรูปถ่ายดูไม่เข้ากับกรอบรูปที่หรูหราเลยสักนิด เพราะรูปถ่ายใบนั้นมีรอยเว้าแหว่ง รอยคราบดำ ๆ ที่เหมือนเคยถูกไฟไหม้ จนทำให้มีสภาพเก่า ทำให้ภาพดูหม่นหมองคล้ายขาดอะไรบางอย่างไป ความไม่สมบูรณ์ของภาพสะท้อนผ่านจิตใจของเจ้าของรูปที่หม่นหมอง มืดดำ และไร้ความสมบูรณ์



,,,,ติดตามตอนต่อไป....


ฝากติดตามเป็นกำลังใจด้วยนะคะ



พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ก.ค. 2558, 14:16:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ก.ค. 2558, 14:17:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 828





<< ตอนที่ 13 ห่วงหา   ตอนที่ 15 บุกถ้ำเสือได้ลูกปืน >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account