แก้วขวัญวันรัก "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
เป็นเรื่องราวต่อยอดมาจาก แก้วขวัญวันรัก
โดยเรานำเรื่องราวของนางเอกทั้งสี่แบ่งพาสเป็นเรืองของตัวเองประกอบไปด้วย
"ประกาสิตรักแก้วกัลยา"
"พันธนาการรักขวัญชีวัน"
"ละลายรักวันวิวาห์"
"กลบ่วงรักรักจิรา"

โดยเรื่องแรกของ แก้วขวัญวันรักที่นำมาให้ได้อ่านกันคือ "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"

แก้วกัลยาพี่สาวของโตของบ้านสิทธิทรัพย์อาภา
เมื่อถูกกดดันให้คลุมถุงชนกับเจษฎา เธอจึงต้องหาทางดิ้นให้พ้นบ่วงนี้
เธอจึงออกปากท้าอากง ว่าจะหาสามีที่ดีมาโชว์ให้ได้
แก้วกัลยาเลือก "เพทาย" ประธานหนุ่มแห่งวินัสมีเดีย
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ ผู้ชายที่เธออยากจะเอาชนะใจ
ผู้ชายที่ติดอยู่ในความทรงจำของเธอมาตลอดเจ็ดปี

แก้วกัลยาจะพิชิตใจเพทายได้หรือไม่ติดตามได้ใน "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
Tags: แก้วกัลยา เพทาย ความรัก เดิมพัน

ตอน: ตอนที่ 15 บุกถ้ำเสือได้ลูกปืน

15
บุกถ้ำเสื้อได้ลูกปืน




“ตัวเจ๋งอ่ะเจ๊แก้ว” รักจิราเอ่ยขึ้นเมื่อลูกพี่ลูกน้องสาวพูดสิ่งที่มีสาระและดูเป็นคนดี

“ฉันพึ่งจะเข้าใจรุ่นน้องของแกก็ตอนมาเห็นนี่แหละ แค่ชีวิตหมดอนาคตเพราะโดนยัดข้อหาก็แย่แล้ว แต่นี่มีแม่เป็นภาระอีก คงไม่มีทางออก แล้วไปคบกับพวกแก๊งค์ค้ายาพวกนั้น มันเป็นวงจรที่เลวร้ายจริง ๆ แล้วนี่เราจะไปไหน”

“ก็ไปซอยที่ว่าไง เผลอ ๆ เค้าอาจจะได้ข่าวกลับไปแก้ตัวให้สายฟ้าดูว่าฉันทำข่าวได้”

“หยุดคิดไปเลยนะ จำไว้ว่าพวกเราไม่ได้มาทำข่าว ถ้าไม่อยากเดือดร้อนห้ามทำสิ่งที่แกคิดอยู่ เอาไว้เราออกมาแล้วโทรแจ่งตำรวจ แล้วแกจะมาทำข่าวฉันไม่ว่า แม่ของนายนั่นบอกว่าถัดไปสองสามซอยใช่ไหม”

“ลองถามคนแถวนี้ดูก็ได้”

“นี่แกคิดว่าคนอื่นเขาจะรู้หรอ เปิดบ่อนนะเว้ย”

“ไม่เชื่อใช่ไหม เดี๋ยวรอดู” รักจิรามองคนที่เดินผ่านไปผ่านมาและตรงไปห้าป้าคนหนึ่งที่กำลังขายส้มตำอยู่

“ป้าค่ะ คือพวกเราจะไปบ่อนเสี่ยพงศ์ ต้องเดินไปอีกไกลไหม” แม่ค้าส้มตำทำหน้างง ๆ มองการแต่งตัวของสองสาวเหมือนยังงง

“เดินไปอีกสองซอย บ่อนเสียพงศ์อยู่สุดซอย แต่บ่อนเสี่ยพงศ์ไม่ค่อยให้คนนอกเข้าไป ส่วนใหญ่ต้องเป็นขาประจำ” สองสาวมองหน้ากัน

“เอ่อ...พอดีมีคนแนะนำมาค่ะป้า พวกเราขอตัวนะคะ” สองสาวพากันเดินไปตามที่แม่ค้าขายส้มตำบอก

“เฮ้ยบ่อนมีคนรู้แบบนี้ทำไมตำรวจยังจับไม่ได้”

“ก็แม่ไอ้แบงค์มันบอกอยู่ว่าแถวนี้ถิ่นเสี่ยพงศ์ คงมีปิดปากอะไรไปบ้าง ไปเถอะเจ๊แก้ว เดี๋ยวก็เย็นพอดี มาตั้งแต่บ่ายนี่สามโมงกว่าแล้วนะ ฝนก็จะตกด้วย”

“แล้วเราจะเข้าไปยังไง ป้าร้านส้มตำแกก็บอกว่ามันไม่ให้คนแปลกหน้าเข้าไป ถ้าไปขอเจอไอ้แบงค์ตรง ๆ เขาไม่ให้เข้าแน่” แก้วกัลยาคิด รักจิราไม่รอลากแขนแก้วกัลยาให้เดินดุ่ม ๆ เข้าไปด้านใน

“ไอ้รักแกอยากตายก่อนหรือไง” แก้วกัลยาพูดเมื่อรักจิราเดินไปที่บ้านไม้ที่สภาพกึ่งเก่ากึ่งไม้ที่หลังรั้วมีบ้านสองหลังที่ปลูกติดกัน รักจิราคิดว่ามันคงเคยเป็นบ้านคนละหลัง แต่เสี่ยพงศ์คงรื้อรั้วกั้นกลางออกและทำเป็นบ่อนโดยสร้างทางเชื่อมต่อระหว่างสองบ้านเข้าหากัน

“เถอะน่า” รักจิราลากพี่สาวมาถึงหน้าประตูทางเข้าซึ่งมีชายร่างยักษ์สองคนยืนอยู่

“ที่นี่ไม่ให้คนแปลกหน้าเข้า”

“พวกเรารู้จากน้านงค์ แม่ของแบงค์ รวมถึงแก๊งค์ของไอ้แบงค์ฉันก็รู้จัก น้านงค์บอกว่าที่นี่เป็นบ่อนของเสี่ยพงศ์ ปลอดภัยที่สุดในกรุงเทพ พวกเรามีเงิน พวกเราจะจ่ายให้นายคนละสองพันให้พวกเราเข้าไปเล่นได้ไหม”

“ไม่ได้กฎก็ต้องเป็นกฎ ถ้าอยากเข้าก็ต้องเป็นสมาชิกหรือมีคนรับรองก่อน”

“งั้นพวกเราขอพบเสี่ยพงศ์ก่อนก็ได้”

“เสี่ยพงศ์ไม่อยู่”

“เอาอย่างนี้ฉันจะเซ็นเช็คให้พวกนายคนละสองหมื่น ให้พวกเราเข้าไปเล่น พอเสี่ยพงค์กลับมานานก็เข้าไปตามพวกฉันให้ไปพบเสี่ย ยังไงพวกเราก็หนีไม่ได้ และถ้าเสี่ยยอมให้พวกเราเข้ามาเล่นในบ่อนนี้ได้ เสี่ยอาจจะเลื่อนขั้นจากคนเฝ้าประตูไปทำหน้าที่อื่นที่มันสำคัญกว่านี้เพราะพวกนายหาลูกค้ากระเป๋าหนักอย่างพวกฉันให้” ทั้งสองหันมองหัน

“ก็ได้ เอาเงินมาก่อน” แก้วกัลยาหยิบเช็คขึ้นมาเซ็นและส่งให้ทั้งสอง ทั้งสองรับเช็คมาเปิดดูอย่างพอใจเมื่อเห็นจำนวนเงิน ยิ่งนามสกุลทั้งสองก็พอมองออกว่าสองสาวเป็นคนมีเงิน

“เอ่อ...แบงค์อยู่ที่นี่ไหม”

“ถามถึงมันทำไม”

“มันบอกว่าจะยืมเงินฉันไปใช้หนี้น่ะ”

“มันอยู่ด้านในนั่นแหละ” รักจิราพยักหน้ารับและเดินตามชายร่างใหญ่ก้ามปูคนนั้นที่เปิดประตูให้ทั้งสองเดินเข้าไปด้านใน ภายในบ่อนเหมือนกับที่เคยเห็นในโทรศัพท์ไม่มีผิด มีคนนั่งอยู่ตามโต๊ะต่าง ๆ เสียงเอะอะโวยวายดังอยู่ในโต๊ะของตัวเอง ใบหน้าแต่ละคนเหมือนอดหลับอดนอนมาหลายคืน แต่ละคนตั้งหน้าตั้งตาเล่นดูเอาจริงเอาจังมาก รักจิรามองภาพนั้นอย่างสมเพชรและเวทนา ทั้งคนแก่ คนหนุ่ม วัยรุ่น วัยทำงาน ปะปนอยู่ในกลุ่มคนเหล่านี้ เธอพึ่งเข้าใจคำว่าอบายมุขหล่อหลอมให้คนกลายเป็นเดรัจฉานได้ก็ตอนมาเห็นกับตา

“นี่เจ๊ลงทุนขนาดนี้เลยหนอ”

“เดี๋ยวไปอายัดเช็คสิ ใครจะโง่ให้เงินพวกมันจริง ๆ เอาอย่างนี้ก่อนที่ให้เสี่ยพงศ์จะกลับมา เรารีบไปตามหานายแบงค์ อีกสิบห้านาทีมาเจอกันตรงนี้นะ คงอยู่นานไม่ได้ จำไว้นะไอ้รักอย่าก่อเรื่องให้ฉันซวยไปกับแกเด็ดขาด” ทั้งสองพยักหน้าและเดินแยกกันตามหาอธิชาติ แก้วกัลยากวาดสายมองมองดูรอบ ๆ พยายามทำตัวไม่ให้มีพิรุธด้วยการทำเป็นไปยืนอยู่ข้างโต๊ะวงไพ่ แก้วกัลยาส่ายหน้าและมองอย่างดูแคลน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แก้วกัลยามองโทรศัพท์ โชคดีที่ทุกคนมัวแต่ส่งใจกับสิ่งตรงหน้า แก้วกัลยาไม่กล้ากดรับโทรศัพท์ เมื่อเห็นเบอร์ที่ขึ้นอยู่หน้าจอ

...เฮียเจต...

“ใครปากมากเนี่ย” แก้วกัลยามองสายที่ตัดไปและดังขึ้นอีกครึ่งรอบนี้เป็นสาย ...แมทธิว... แก้วกัลยากำลังจะกดตัดสายแต่เธอเห็นใครบางคนเดียวเข้ามา ท่าทางน่ากลัวกว่าพวกนักเลงคุมบ่อนที่ยืนอยู่รอบ ๆ และเหมือนกำลังคุยอะไรบางอย่างและตามหาคน แก้วกัลยารีบทรุดตัวนั่งลงกับพื้นเมื่อสายตาของพวกมันตวัดมา

...ไอ้รัก...

แก้วกัลยาค่อย ๆ คลานไปตามโต๊ะ พยายามหลบหลีกสายตาพวกนักเลงคุมบ่อน เธอสังเกตเห็นว่ามันกำลังตามหาคน และอาจจะเป็นเธอนี่แหละ แก้วกัลยาคลานมาหลบอยู่มุมโต๊ะและกวาดสายตาลอบมองไปหน้าประตูที่มีนักเลงคุมบ่อนยืนอยู่เต็มไปหมด ในใจเริ่มสงสัยว่าพวกมันรู้ได้ยังไง และจังหวะที่แก้วกัลยากำลังเหม่อลอยมีใครคนหนึ่งวางมือลงที่ไหล่ของเธอ แก้วกัลยามีท่าทีตกใจอ้าปากจะร้อง แต่เพราะเห็นใบหน้าชายหนุ่มที่มีหน้าตาคล้ายกับรูปภาพที่รักจิราหามาให้ทำให้แก้วกัลยาสงบลง

“นาย...”

“ชูว์ เบา ๆ ครับ พี่คงเป็นพี่แก้ว พี่สาวเจ๊รัก ผมเคยได้ยินเจ๊รักพูดถึง พวกพี่ไม่ควรเข้ามาที่นี่ ที่นี่ไม่เหมือนบ่อนที่อื่น ผมจะขึ้นไปตามเจ๊รัก พี่ต้องรีบออกไปจากที่นี่ก่อนพวกมันจะเจอตัว”

“หมายความว่ายังไง”

“ไอ้หน้าตาโหด ๆ เถื่อน ๆ นั่นชื่อชด เป็นหัวหน้าคุมบ่อน คนสนิทของเสี่ยพงษ์ มีคนโทรไปบอกมันว่ามีสายเข้ามาในบ่อน บอกลักษณะตรงกับพวกพี่สองคน ตอนนี้พวกมันกำลังตามหาพวกพี่ พวกมันมันกลับลูกค้าแตกตื่นเลยอย่างไม่ทำอะไรเอิกเกริก แต่อีกพักถ้ามันหาพี่ไม่เจอมันจะกระจายตัวหาทั่วแน่ พวกพี่ต้องรีบหนีไปก่อนมันจะหาพวกพี่เจอ”

“ใครมันโทร...”

“ผมไม่รู้ ผมจะขึ้นไปตามเจ๊รัก พี่ออกไปทางประตูหลัง ตอนนี้ยังไม่มีคนเฝ้า”

“ฉัน...”

“ออกไปแล้วผมจะบอกความจริง ถ้าไม่ออกพี่จะไม่ได้ออกไปอีก” แก้วกัลยาพยักหน้ามองอธิชาติที่วิ่งขึ้นไปชั้นบนที่มีรักจิราอยู่ด้วย พลันเสียงเอะอะโวยวายก็ดังขึ้น แก้วกัลยาคิดว่ารักจิราก่อเรื่องแล้ว ใจอยากจะก้าวเท้ากลับไป แต่คิดว่าเธอต้องออกไปแจ้งตำรวจ หาคนกลับมาช่วยรักจิรา ถ้าอยู่ต่อโดนจับได้อาจจะตายทั้งคู่แน่ แก้วกัลป์ยาคานมองมือสองเท้าไปตามมุมหลบหลีกสายตาคนคุมบ่อน จนเธอมองเห็นประตูหลังที่อธิชาติชี้บอก เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง แก้วกัลยามองเบอร์ที่โชว์อยู่ก็รีบกดรับทันที

(คุณอยู่ที่ไหน ทำไมทำแบบนี้ คุณสายฟ้าโทรมาหาผม เขารู้เรื่องที่คุณกับคุณรักออกมาด้วยกัน ตอนนี้ทั้งผมทั้งคุณเจต คุณแมทกำลังตามหาคุณให้วุ่น คุณ...)

“อย่าพึ่งพูดคุณเพชร แก้วอยู่ที่บ่อนเสี่ยพงษ์แถวคลองเตย ตอนนี้สถานการณ์คับขันมาก ฉันกำลังจะกลับออกไป ถ้าฉันออกไปได้เราค่อยว่ากัน...โอ๊ย!!!” แก้วกัลยาชักมือกลับเมื่อเท้าของใครคนหนึ่งเหยียบลงที่มือของเธอ

“เหยียบมาได้มือคนนะไม่ใช่พรมเช็ดเท้า เดินยัง...ไง” แก้วกัลยาตาค้างนิ่งช็อคเมื่อเห็นผู้ชายรูปร่างใหญ่ หน้าตาโหด และรอยแผลที่พาดเฉียงตรงหางตาเพิ่มให้ใบหน้าดุดูโหดเหี้ยมขึ้น ผู้ชายคนนี้คือชด หัวหน้านักเลงคุมบ่อนที่อธิชาติชี้ให้ดู และเขาคือคนที่เหยียบมือเธอ

(คุณแก้ว คุณแก้ว...) มือที่จับโทรศัพท์แนบหูเริ่มสั่นก่อนจะปล่อยโทรศัพท์ล่วงหล่นกับพื้นพร้อมกับเสียงตะโกนสุดท้ายของเพทายที่ดังรอดมาก่อนโทรศัพท์จะดับไป

“เธอสินะสายตำรวจ”

“ไม่ใช่ ฉันแค่มาเล่นไพ่ สายอะไร ฉันรู้เรื่อง แต่ฉัน ฉันจะเข้าห้องน้ำ...” แก้วกัลยาเอ่ย

“ห้องน้ำทางประตูหลังเนี่ยนะ เฮ้ยจับนังผู้หญิงคนนี้” แก้วกัลยาถอยหลังชนกับผนัง

“ไม่มีหลักฐานมาข่มขู่ลูกค้าได้หรอ”

“ที่นี่ไม่ต้องมีหลักฐาน แค่สงสัยก็จบ จับนังผู้หญิง แล้วไปตามหานังอีกคนให้เจอ ก่อนที่มันจะออกไปได้แล้วไปแจ้งตำรวจมาจับ” ลูกน้องของนายชดเดินเข้ามาทำท่าจะมาจับเธอ

“ไม่ต้อง ฉันเดินไปเองได้ ไม่ต้องจับ”

“จะตุกติกอะไร”

“ก็บอกว่าเดินเอง ไม่ต้องจับ” แก้วกัลยาเอ่ย เมื่อเห็นพวกมันทำท่าจะเดินเข้ามาจับตัวเธอ

“นี่ ฉันผู้หญิงตัวเล็ก ๆ จะมีปัญญาอะไรไปสู้กับพวกแก ดูสภาพฉันสิ ยังไงฉันก็หนีไม่ได้ ฉันอยู่ในถิ่นพวกแก ไปทางไหนบอกมาสิ” แก้วกัลยาเอ่ย พวกมันมองด้วยสายตาหวาดระแวงและมองไปที่นายชด นายชดพยักหน้าและเดินคุมตัวแก้วกัลยาขึ้นไปชั้นสอง ในห้อง ๆ หนึ่งที่มีชายคนหนึ่งนอนจมกองเลือดกำลังถูกพาตัวออกไป

“อย่าตุกติกถ้าไม่อยากเป็นเหมือนมัน อยู่เงียบ ๆ รอ นังผู้หญิงที่มากับเธอ ถ้าตุกติก เตรียมตัวมีผัวเป็นโหล” เมื่อมันขู่เสร็จก็เดินออกไป แก้วกัลยามองที่เหมือนห้องทำงาน เธอมองหาช่องทางหนี หน้าต่างที่เปิดอ้ามีลูกกรงล็อคปิดไว้

“ซวยอะไรอย่างนี้ ใครมันโทรมาบอก ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ ๆ ไอ้รักจะเป็นยังไงบ้าง หนีไปได้หรือเปล่า โอ๊ย!!! คิดไม่ออก ทำยังไงดี ใจเย็น ๆ สิวะไอ้แก้ว ค่อย ๆ คิด” แก้วกัลยาพยายามคิด และสำรวจช่องทางหนี ดวงตาคมมองไปที่แต่ละชิ้นภายในห้อง และตอนนั้นเองมันก็โยนร่างใครคนหนึ่งเข้ามาในห้อง แก้วกัลยาที่ยืนอยู่ถอยหนีทันที

ตุบ!!!

แก้วกัลยามองร่างโชกเลือด ก่อนจะทำหน้าตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นอธิชาติ เธอกำลังจะอ้าปากเอ่ย

“จับนังนั่นมัดไว้ เกิดทำตัววุ่นวายเหมือนนังผู้หญิงที่หนีไปจะแย่” แล้วมันก็เข้ามามัดตัว แก้วกัลยาร้องโวยวาย เมื่อมันหยิบมีดออกมาจี้คอแก้วกัลยาจึงเงียบเสียงลงอย่างกลัวตาย

“นี่ นี่ ตื่นสิ ตื่น” แก้วกัลยาใช้เท้าสะกิดที่ขาอธิชาติ อธิชาติค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ใบหน้าปูดบวมค่อย ๆ เงยมองแก้วกัลยาที่กำลังจ้องเขาตาเขม็ง

“ไหนบอกไปช่วยไอ้รัก แล้วทำไมมีสภาพนี้ แล้วไอ้รักเป็นยังไงบ้าง หนีไปได้ไหม”

“เจ๊รัก...เจ๊รักหนีไปแล้ว ผมหนีไม่ทัน พวกมันจับผมได้”

“ก็ดีที่หนีไปได้ จากนี่ก็ต้องมาคิดแล้วจะหนีไปยังไง ทำยังไงถึงจะรอดไปได้ นี่ เงยหน้าขึ้นมาพูดกันก่อน มาช่วยกันคิดว่าจะหนีไปยังไง” อธิชาติที่นอนหายใจพะงาบ ๆ อยู่กับพื้นลืมตาขึ้นอย่างเหนื่อย ๆ

“ผมว่าพี่ควรจะปลง ตัดใจซะเถอะไอ้ชดถ้ามันจับใครแล้วไม่มีใครรอดไปได้ สายที่เข้ามาไม่เคยมีใครรอดไปได้สักคน ถ้าเป็นผู้ชายก็ฆ่าทิ้งเอาศพไปฝังในป่าช้า แต่ถ้าผู้หญิง ถ้าสวยมันคงเอาไปอยู่ซ่อง”

“ใครจะยอมตาย ยอมขายตัวล่ะ เพราะนายคนเดียวเลยที่ทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้” แก้วกัลยามองอธิชาติด้วยสายตาหงุดหงิด ตอนนี้เธอหงุดหงิดมาก เธอต้องการลงกับใครสักคน และคนที่สามารถลงได้มีแค่คนเดียว ส่วนคนเจ็บหนักก็ได้แต่ทำตาปริบ ๆ เปลือกตาปิดลงอีกครั้ง

“นี่อย่าพึ่งตายนะ ฉันไม่อนุญาตนะ ถ้านายตายใครจะมาเป็นพยานให้แบร์ แล้วบริษัทคุณเพชรคงแย่แน่ นี่นายทำให้ฉันต้องมาซวยอยู่ที่นี่จะมาตายไม่ได้นะ” แก้วกัลยาที่ตัวโดนมัดใช้เท้าเขี่ยหลังอธิชาติที่ล้มนอนหมดสติอยู่ แต่จังหวะนั้นเองไฟแช็คก็หล่นออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ตัวเก่าของอธิชาติ

บางอย่างแล่นเข้ามาในหัวสมอง แก้วกัลยากวาดตามองไปรอบ ๆ ห้อง คล้ายมองหาอุปกรณ์ที่จะช่วยในการหลบนหนี สายตาโฟกัสกลับไปที่มีดเล่มเล็กที่ปีกอยู่บนเป้ากระดานตรงมุมห้อง แก้วกัลยาพยามลุกขึ้นยืน ขาที่ถูกผูกทำให้ก้าวได้ไม่สะดวกนัก แก้วกัลยาใช้ความพยายามในการเดินมาจนถึงหน้าเป้ากระดานที่อยู่สูงประมาณหนึ่งช่วงแขนของเธอพอดี แก้วกัลยามองอย่างใช้ความคิดว่าเธอจะเอามันลงมายังไงล่ะก็มือของเธอโดนมัดไพล่หลังอยู่ แก้วกัลยาทำหน้าหงุดหงิดสะบัดเท้าไปเตะตู้ที่อยู่ใกล้ ๆ อย่างฉุนเฉียว

เพล้ง!!!

แก้วกัลยาก้าวเท้าหลบได้ทันพอดิบพอดีในจังหวะที่แจกันล่วงหล่นลงมาจากหลังตู้กระจก หลังจากนั้นเพียงสามนาทีประตูห้องก็ถูกเปิดออก คนคุมบ่อนที่มีใบหน้าทะมึงตึงเดินเข้ามา เขามองแก้วกัลยาด้วยสายตาจับผิด

“ทำอะไรของเอ็ง”

“เอ่อ...ปะ...เปล่า คือฉันเห็นแบงค์นอนจมกองเลือดเลยจะหากระดาษทิชชู่หรือผ้ามาเช็ดเลือดให้ แต่พลาดไปทำแจกันหล่นน่ะ” แก้วกัลยามองหน้ามันอย่างลุ้น มันจะเชื่อเธอไหม

“ให้มันจมเลือดตายนั่นแหละ เอ็งรีบมานั่งเฉย ๆ เลยนังคนสวย เสี่ยจะมาแล้ว” แก้วกัลยามองประตูที่ปิดลงและถอนหายใจอย่างโล่งใจ แก้วกัลยาหันกลับไปมองเศษแจกันที่แตก ก่อนจะค่อย ๆ เอื้อมมือหยิบขึ้นมา ทั้งที่เป็นคนใจร้อนไม่แพ้รักจิราแต่เธอก็พยายามตัดเชือกอย่างใจเย็น มีอยู่วูบหนึ่งที่มันพลาดไปโดนนิ้วเธอ เลือดไหลซึมออกมาจนเธอรับรู้ได้ ช่วงนี้ต้องเป็นปีชงของเธอแน่ ๆ ถึงได้มีแผลแทบไม่ซ้ำรอยแบบนี้

“ออกแล้ว” แก้วกัลยาเอ่ยขึ้น และรีบยกมือขึ้นปิดปาก เธอเดินสำรวจมองรอบ ๆ ห้อง ก่อนจะเดินไปช่วยอธิชาติ อธิชาติค่อย ๆ ลุกขึ้น แก้วกัลยาส่งผ้าเช็ดหน้าให้อธิชาติ

“เช็ดเลือดซะ เห็นแล้วมื้อเที่ยงของฉันจะอาเจียนออกมาหมด” อธิชาติพยักหน้าและเช็ดเลือดบนหน้า แก้วกัลยาช่วยแก้มัดเชือกให้ และเดินสำรวจห้องต่ออีกนิด

“นี่ฟังนะ ฉันจะเผาห้องนี้” อธิชาติทำหน้าตกใจ

“เผา”

“ใช่ พอฉันตะโกน นายนั่งนิ่ง ๆ รอให้พวกมันเข้ามาในห้อง ได้จังหวะต้องหนีทันที เข้าใจนะ”

“เอ่อ...”

“เข้าใจไหม” แก้วกัลยามองด้วยสายตาข่มขู่ อธิชาติพยักหน้ารับอย่างไม่กล้าขัด สายตาแก้วกัลยาบ่งบอกว่าให้ตกลงเท่านั้นไม่ตกลงเธอจะเพิ่มแผลบนใบหน้าให้เขา แก้วกัลยาเดินไปหยิบม้วนหนังสือพิมพ์ ฉีกกระดาษ หาวัตถุที่ติดไฟง่าย รวมถึงผ้าม่าน ทุกอย่างในห้องมากองสุมรวมกันที่หลังโต๊ะทำงาน เธอหันไปมองอธิชาติ

“นอนอยู่ทำไมเช็ดเลือดเสร็จแล้วก็มาจุดไฟสิ” อธิชาติทำหน้าเหรอหรา สภาพเขาเรียกว่าแทบจะไม่สมประกอบ แต่ก็พยุงตัวขึ้นมาหยิบไฟแช็คที่ตกอยู่และเดินไปจุดไฟให้ แก้วกัลยามองไฟที่กำลังติดขึ้นและลุกขึ้น

“กลับไปนั่ง” ทั้งสองเดินมานั่ง และรอก่อนที่แก้วกัลยาจะตะโกนขึ้น

“ไฟไหม้ ไฟไหม้ ไฟไหม้” แก้วกัลยารอจังหวะ แต่เพราะควันเริ่มลอยคลุ้งขึ้น แก้วกัลยาจึงตะโกนสุดเสียงอย่างรอไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเธอกับอธิชาติคงได้ตายในห้องก่อน ทันทีที่เสียงของแก้วกัลยาตะโกนขึ้น ประตูก็ถูกกระชากออก

“เฮ้ย ไฟไหม้!!!” คนเฝ้าประตูตะโกนเสียงดัง พวกลูกน้องพากันกรูเข้ามา ควันเริ่มคุ้งโขมงไปทั่วห้อง พร้อมกับคนคุมบ่อนที่พากันวิ่งถือถังน้ำขึ้นมาสาดใส่ต้นเหตุของเพลิง ผ่านไปเกือบสิบนาทีในที่สุดไฟที่ลุกไหมก็ดับลง

“ไฟไหม้ได้ไงวะ หรือสองคนนั้นมันจะเผาบ่อนเรา เฮ้ย!!! พวกมึง...มันหายไปไหน”

“มันต้องหนีไปตอนพวกเราวิ่งเอาทำขึ้นมาดับไฟแน่ ๆ”

“แล้วจะมัวยืนทำอะไรล่ะ อยากโดนเสี่ยฆ่าทิ้งหรือไงไปตามมันสิ” พวกมันรีบวิ่งออกมา ตอนนี้ไม่ใช่แค่ข้างบนที่ชุลมุน แก้วกัลยาที่ลงมาข้างล่างตะโกนไฟไหม้เสียงดังลั่น บวกกับกลิ่นไหม้และควันไฟทำให้บ่อนวุ่นวาย คนที่กำลังเล่นไพ่ ไฮโลต่าง ๆ นาน ๆ พากันกรูวิ่งออก แก้วกัลยาและอธิชาติแฝงตังเข้าไปในกลุ่มนั้นและวิ่งออกไป ทั้งสองกำลังจะวิ่งออกจากประตู

“หยุดนะ” เสียงของคนคุมบ่อนดังขึ้น เพราะการแต่งตัวของเธอมันสะดุดตาเกินไปอย่างที่รักจิราได้บอกไว้ พอวิ่งออกมาไม่ต้องมองอะไรมากเสื้อสีน้ำเงินรัดรูปของเธอที่มันสะท้อนแสงอย่างมากทำให้มันเห็นได้อย่างง่าย เธอพลาดเองนั่นแหละ

ปัง!!!

เสียงปืนดังขึ้น แก้วกัลยาหยุดขาหันไปมอง เธอมั่นใจว่าเธอได้ยินเสียงมันไม่ได้มาจากในบ่อน เธอกำลังจะก้าววิ่งต่ออะไรบางอย่างสั่งให้เธอหันกลังกลับไปมอง ร่างของอธิชาติล้มคว่ำลง ที่หลังมีบาดแผลจากการถูกยิง แต่อีกแผลหนึ่งคือกระสุนที่พุ่งเข้าหัวของอธิชาติ ทิศทางของกระสุนอีกลูกทำให้แก้วกัลยาหันกลับไปมองที่บ้านหลังข้าง ๆ ที่ปิดไฟเงียบ แต่เงาร่างที่ไหววูบหายไปหลังม่านทำให้ผิดสังเกต

“แสบนักนะ จับนังนั่น”

“นี่ นี่ จะมาตายไม่ได้นะ เราจะรอดอยู่แล้ว ตื่นก่อน ถ้านายตายใครจะมาเป็นพยานให้แบร์ล่ะ” ...พยาน...แก้วกัลยาฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ ก่อนหน้าที่อธิชาติจะแยกไปช่วยรักจิราพูดเหมือนว่าตัวเองกำลังโดนตามเลยต้องมาพึ่งอำนาจของเสี่ยให้ช่วยเหลือ หรือว่าที่เธอเห็นเมื่อกี้ ...ฆ่าปิดปาก...

แก้วกัลยามองอกที่ยังกระเพิ่มไหว แก้วกัลยาเอามือไปอังที่จมูก และลองกดนิ้วไปที่คอ ปรากฏว่ายังมีลมหายใจ แต่ถ้าเขาไม่ได้รับการช่วยเหลือภายในสิบห้านาทีนี้เขาอาจจะตาย เพราะกระสุนที่ฝังที่หลัง และที่หัว

“รอก่อนนะ ฉันจะรีบไปตามคนมาช่วย” แก้วกัลยาลุกขึ้นจะวิ่งไป แต่ขาก็ชะงักเมื่อเจอนายชดยืนขวางหน้าไว้ แก้วกัลยาถอยหลังจะหนี แต่ข้างหลังมีลูกน้องของชดยืนรอขวางอยู่

“หนีไม่ได้แล้ว ถ้าคิดว่าหนีแบบนังผู้หญิงที่มากับเธออีก เธอโดนรุมโทรมแน่ ไอ้หมูจับนังนี่กลับไป ต้องรีบเคลียร์ก่อนตำรวจจะตามกลิ่นมา” ชดสั่ง

“เดี๋ยว...แล้วแบงค์ล่ะ”

“เอาศพมันไปโยนลงน้ำ เราต้องรีบไปก่อนตำรวจจะมา”

“เขายังหายใจ เขาอาจจะรอดก็ได้ พวกนายทำแกทำแบบนี้ไม่ได้นะ” แก้วกัลยาเอ่ย

“มันไม่ใช่หน้าที่ของพวกฉัน พวกฉันไม่ใช่หมอ พวกฉันเป็นโจร จัดการ” แก้วกัลยาสะบักมือออกจะวิ่งกลับไปหาอธิชาติ นายชดหยิบปืนขึ้นและจ่อเข้าที่กลางหลังแก้วกัลยา และนั่นทำให้แก้วกัลยาไม่กล้าขยับต่อ

“ตำรวจมาครับพี่ชด พวกเราโดนจับได้แล้ว เสี่ยเองก็กำลังจะหนีออกนอกประเทศ ผมว่าเสี่ยไม่รอดแน่นอนครับตำรวจคงดักจับแล้ว ทำไงดีพี่” ลูกน้องคนหนึ่งวิ่งมา ชดทำหน้าหงุดหงิด

“ก็หนีสิวะจะอยู่ให้พ่อมึงมาจับหรือไง ไป”

“หยุดนะนี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ พวกแกโดนล้อมไว้หมดแล้ว ยอมมอบตัวซะ” แก้วกัลยาร้องสวรรค์อยู่ในใจ
“ยอมให้โง่สิ” ชดเอ่ย และยิงกลับอย่างไม่ยอมจำนน

ปัง!!!

“กรี๊ด!!!” แก้วกัลยาร้องเสียงดังอย่างตกใจพลางก้มหัวหลบ เอามือปิดหูไว้เมื่อชดยิงต่อสู้กับตำรวจโดยมีเธอบังอยู่ข้างหน้า แก้วกัลยาจะวิ่งไปหลบ เพราะตนบังวิถีกระสุนตำรวจทำให้ตำรวจไม่กล้าที่จะยิงมาทางเธอ แต่ชดกลับไวกว่าคว้าตัวเธอและใช้แขนข้างที่ไม่ถือปืนล็อคคอเธอไว้ และลากให้แก้วกัลยาตามมา ชดทิ้งให้ลูกน้องยิงสู้กับตำรวจอยู่เบื้องหน้าส่วนตนกำลังจะหนี โดยเอาตัวแก้วกัลยาไว้เป็นตัวประกัน

“โอ๊ย ปล่อยนะ”

“หุบปาก ถ้ายังไม่อยากตาย”

“เดี๋ยวแกก็ฆ่าฉันอยู่ดี ฉันรู้ มีโจรที่ไหนจะยอมปล่อยตัวประกัน หรือเอาตัวประกันไปเป็นภาระกัน ปล่อยฉันนะ ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย กรี๊ด!!!!” แก้วกัลยาร้องเสียงดังเพื่อให้ตำรวจที่กำลังตามมาได้ยิน แต่กลับกลายเป็นว่ามันเอามือออกจากคอเธอก่อนจะใช้ด้ามปืนตบหน้าเธอล้มลงไปนั่งกับพื้น

พลั่ก

“กรี๊ด!!! ไอ้บ้า ไอ้ชั่ว ไอ้เลว ฉันจะฆ่าแก แกตบฉัน ถ้าหน้าฉันเสียโฉมแกตายแน่ ไอ้ชั่ว” แก้วกัลยาพุ่งตัวเข้าไปบีบคอนายชด นายชดที่ไม่ทันตั้งตัวไม่คิดว่าแก้วกัลยาอยู่ ๆ ก็ของขึ้นมาซะเฉย ๆ

“แกตาย”

“อี...อีบ้า” และมันก็ผลักแก้วกัลยากระเด็นออกไปจนได้ แก้วกัลยาฟุบลงไปนอนอยู่กับพื้นตั้งท่าจะลุกขึ้นมา มันยกปืนขึ้นจ่อหน้าแก้วกัลยา

“อยากตายเร็วนักจะสงเคราะห์ให้” มันจ่อปืนมาที่หัวเธอ

พลั่ก

แก้วกัลยาก้มหัวหลบในทันที เพราะกลัวปืนที่มันถืออยู่จะลั่น ชดล้มลงเมื่อถูกบุคคลที่สามที่เข้ามาช่วยถือไม้ฟาดลงที่ต้นคอเข้าเต็ม ๆ ปืนในมือล่วงลงกับพื้น แก้วกัลยาหยิบปืนนั้นไว้และเล็งไปทางมันเหมือนระแวงว่ามันจะยังไม่สลบ เธอลองใช้เท้าเขี่ยไปที่ตัวมัน พร้อมลองเตะแรง ๆ ดูท่าทีว่ามันจะฟื้นไหม เมื่อเริ่มมั่นใจเธอก็หันไปมองคนที่มาช่วย

“คุณ...”

“ผมพอล เป็น...เพื่อนสายฟ้า เจ้านายน้องสาวคุณ” แก้วกัลยาพยักหน้า

“แล้วคุณ...”

“สายฟ้าตามคุณสองคนมา สายฟ้าโทรมาบอกว่าคุณรักปลอดภัยแล้ว เขาน่าจะพาคุณรักกลับไปด้วย ส่วนคุณแก้วสายฟ้าฝากให้ผมไปส่ง คุณไม่เป็นไรใช่ไหมครับ” แก้วกัลยามองสภาพตัวเองหัวจรดเท้า

“ดูสภาพฉันคุณคิดว่าไงคะ” แก้วกัลยาถามแบบไม่จริงจังนัก

“ขอบคุณนะคะ แล้วตำรวจ”

“ผมโทรแจ้งแล้ว ป่านนี้ตำรวจคงจับพวกมันหมดแล้ว ผู้กองติน่าจะมาถึงแล้ว โชคดีงานนี้ได้ผู้กองติที่ประสานงานกับตำรวจท้องที่ให้ทัน ไม่อย่างนั้นคงแย่กว่านี้ทั้งคุณแล้วคุณรัก ไปเถอะครับผมว่าคุณคงอยากกลับบ้านแล้ว” แก้วกัลยาพยักหน้า ตำรวจเดินมาทางเธอและรวบตัวนายชดที่สลบอยู่ไปที่รถ พอลเดินพาแก้วกัลยากลับไปหน้าปากซอยตำรวจกำลังเคลียร์พื้นที่ แก้วกัลยาหันไปเห็นอติพงษ์ที่ยืนคุยกับตำรวจอีกคนที่น่าจะเป็นตำรวจในพื้นที่

“ผมว่าคุณคงอยากคุยกับผู้กอง ผมจะไปเอารถมารับคุณ คุณรออยู่ที่นี่นะครับ” แก้วกัลยาพยักหน้า

“ผู้กองคะ” แก้วกัลยาเดินเข้าไปหา

“มีอะไรครับ คุณแก้วดู...” เขามองสภาพของสาวสวยที่ดูจะเยินกว่าปกติ

“ไม่ต้องมองหรอกค่ะ ตำรวจที่คุณติดต่อไว้ใจได้แน่นะคะ”

“ครับ เขาเป็นเพื่อนผม ตำรวจท้องที่หลายนายรับสินบนเสี่ยพงษ์ ทำให้ตำรวจส่วนใหญ่ไม่เคยได้เข้ามาตรวจท้องที่ที่นี่ ชาวบ้านเองก็โดนอิทธิพลไม่มีใครกล้าร้องเรียน”

“แล้วจับเจ้าของบ่อนได้ไหมคะ”

“ตอนนี้ยังครับ มันหนีไปได้ ตำรวจลองสืบประวัตินางพงษ์ศักดิ์ดูแล้ว มันเคยเปิดบ่อนเถื่อนอยู่แถบชายแดนลาว ตำรวจเข้าไปตรวจสอบ มันก็โบ้ยความผิดออกไปให้คนอื่น ตำรวจไม่มีหลักฐาน มันก็เลยรอดหนีมาได้ แต่รอบนี้คงจะจับไอ้หมอนี่ได้ คุณสายฟ้าโทรมาบอกว่าคุณรักได้หลักฐานตอนเข้าไปในบ่อนติดมือมาด้วย”

“ก็ดีค่ะ หวังว่าจะจับได้จริง ๆ เอ่อ...ผู้กองค่ะ นายอธิชาติที่ถูกยิงเป็นยังไงบ้างคะ เขาโดนจุดสำคัญมาก” แก้วกัลยาเอ่ยถามพยานปากเอกที่เธอดั้นด้นบุกเข้าถ้ำเสือเพื่อดึงตัวมาช่วยเพทาย

“ส่งโรงพยาบาลแล้วครับ อาการยังไม่แน่ใจว่าจะรอดไหม ถ้ารอดก็คงปาฏิหาริย์ครับ”

“หน้าบ้านหลังที่พบแบงค์หลังนั้น ฉันมองเห็นเงาคนด้านใน ฉันเห็นประกายไฟ น่าจะมาจากตอนยิงปืน บางทีบ้านหลังนั้นน่าจะมีปลอกกระสุนปืนหล่นอยู่ ฉันอยากให้ลองขึ้นไปดู ถ้าไม่ผิดอาจจะมีคนกำลังตามเก็บแบงค์จริง ๆ อย่างที่แบงค์บอกมา”

“ผมจะลองไปดูคุณไม่ต้องห่วง แต่คุณไม่น่าจะทำแบบนี้ ควรจะแจ้งตำรวจก่อน”

“เอ่อ...คราวหน้าแล้วกันนะคะ ครั้งนี้ฉันแค่อยากมาตามตัวนายอธิชาติ แต่ไม่คิดว่าจะเข้าไปเจอเรื่องขนาดนี้ ฉันฝากเรื่องคดีกับผู้กองด้วยนะคะ เรื่องนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับคดีของภีมด้วย ฉันมีอีกเรื่องที่จะขอ...ได้ไหมคะ”

“ครับ”

“คือถ้าแบงค์รอด ฉันอยากให้ผู้กองช่วยจัดตำรวจสักสองสามคนไปเฝ้าแบงค์ไว้ ฉันคิดว่า...”

“คุณแก้ว” แก้วกัลยาหันไปมองเสียงที่คุ้นหูเธอมาก

“คุณเพชร...”

“ไปกลับบ้านผมจะไปส่ง” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าไม่สบายใจนัก

“คุณแก้วครับ เรากลับกันเลยไหมครับ” พอลเอ่ย แก้วกัลยาหันไปมองคนที่เดินเข้ามาตัดฉากของเธอกับเพทาย ยังไงเธอก็ต้องไปกับเพทายอยู่แล้ว แต่แก้วกัลยายังไม่ทันอ้าปากพูดกับเขา

“ผมจะไปส่งคุณแก้วเอง ขอบคุณที่เป็นห่วงคุณแก้วครับ ผมกับคุณแก้วต้องขอตัว” เพทายคว้าจับมือแก้วกัลยา แต่แก้วกัลยายื้อไว้ก่อนและหันไปมองอติพงษ์ที่ก็ยิ้มให้กับเธอ

“ฝากด้วยนะคะผู้กอง แล้วฉันจะโทรไปนะคะ” เพทายดึงแก้วกัลยาไปในทันที เพทายเปิดประตูรถและดันแก้วกัลยาเข้าไปนั่งในรถ เขาไม่สบอารมณ์ตั้งแต่รู้ว่าแก้วกัลยามาเสี่ยงอันตราย แล้วอารมณ์เขายิ่งครุกรุ่นเมื่อเห็นว่ามีผู้ชายที่ไหนไม่รู้ทำท่าเป็นห่วงเธอ แล้วยังตอนที่คุยกับอติพงษ์เหมือนนัดอะไรกันเขายิ่งไม่ชอบ

“คุณเป็นอะไรคะคุณเพชร”

“จากนี้คุณห้ามยุ่งเรื่องพวกนี้อีก คุณเจ็บตัวเรื่องพวกนี้มากี่ครั้งแล้ว ถ้าไม่ปรึกษาผมก่อน หรือไม่มีผมคุณห้ามมายุ่งกับเรื่องนี้เด็ดขาด” แก้วกัลยาขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ได้ยังไงล่ะคะ ฉันอยากช่วยนี่คะ”

“ช่วยแล้วคุณต้องมาเจ็บตัวแบบนี้ผมชอบ ดูสภาพคุณสิคุณแก้ว แผลเต็มตัวไปหมด ตั้งแต่คุณเข้ามายุ่ง คุณมีแผลไม่เว้นแต่ละวัน คราวหน้ามันอาจจะร้ายแรงกว่านี้ คุณเจต คุณแมท ทุกคนห่วงคุณมากตามหากันให้วุ่น นี่ถ้าคุณสายฟ้าไม่โทรมา ถ้าคุณสายฟ้าไม่รู้ว่าคุณมาที่นี่กัน คุณรู้ไหมว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เดี๋ยว...นี่มันตบคุณด้วยหรอ” เพทายที่กำลังใส่แก้วกัลยาชุดใหญ่ชะงักและค่อย ๆ เชยคางแก้วกัลยาขึ้นดูร่องรอยเขียวช้ำ แก้วกัลยายิ้มและตอบ

“เปล่ามันไม่ได้ตบนะคะ” เพทายมองแผลที่ริมฝีปาก และแก้วกัลยาก็เอ่ยต่อ “มันใช้ด้ามปืนฟาดมาต่างหาก”

“หึ” เธอได้ยินเขาสบถออกมาเบา ๆ

“ดีใจจังนะคะ” เพทายขมวดคิ้ว ว่าเธอเจ็บขนาดนี้ยังมีอะไรให้ดีใจอีก “ก็คุณห่วงฉัน แถมยังทำท่าเหมือน....หึงฉันด้วย” เพทายทำสีหน้าไม่ถูกเมื่อเริ่มถูกแก้วกัลยาจับผิด แถมจับถูกจุดด้วย

“ผมยอมรับผมห่วงคุณ เพราะคุณต้องเดือนร้อนเพราะผม แต่ผมเปล่าหึงคุณนะ” เขาตอบเสียงแข็งพยายามปรับโทนเสียงให้เป็นปกติที่สุด ใบหน้าของเขากำลังเปลี่ยนสี แก้วกัลยายิ้มกับผู้ชายที่อ่านง่าย ทั้งที่สร้างภาพอ่านยากแต่จริง ๆ เขามองง่ายมากในเรื่องพวกนี้

“หรอคะ แล้วทำไมคุณต้องทำเหมือนโกรธที่คุณพอลจะไปส่งฉัน”

“เอ่อ...คุณกับเขาพึ่งรู้จักกันไม่ใช่หรอ”

“คุณรู้ได้ยังไงคะ”

“คุณไม่เคยเล่าให้ผมฟัง แถมข่าวคุณก็ไม่เคยขึ้นกับเขา”

“แน่ะ แอบตามข่าวฉันด้วย” แก้วกัลยาทำท่าชี้หน้าและยิ้มมุมปากมองใบหน้าผู้ชายที่ยิ่งพูดยิ่งเผยความจริงออกมาให้จับได้

“เอ่อ...ผมไม่เถียงคุณแล้ว มันเปล่าประโยชน์ ผมจะพาคุณแวะหาหมอ มือคุณทำไมมีแผลด้วยคุณแก้ว” เขาพูดและจอดรถลงหน้าโรงพยาบาล เขาจับมือแก้วกัลยาขึ้นมาดู

“โดนเศษแจกกันบาดนิดหน่อย ตอนแรกเจ็บมากแต่เห็นหน้าที่รักห่วงเค้า ความเจ็บหายเป็นปลิดทิ้ง”

“คุณชอบทำเป็นเล่นแบบนี้ไงผมถึงไม่รู้ว่าอะไรจริงอะไรไม่จริง ไปให้หมอตรวจแล้วทำแผลดีกว่าครับ คุณรออยู่ตรงนี้ผมจะไปยืมร่มด้านในให้คุณ ฝนตกแล้ว”

“เดินไปก็ได้”

“คุณจะไม่สบาย แค่นี้ผมก็รู้สึกผิดจนไม่รู้จะยังไงแล้ว คอยอยู่บนรถ ผมจะรีบวิ่งไป” แก้วกัลยาพยักหน้า และมองเขาเดินออกไปยืมร่มกับยาม แก้วกัลยายิ้มอย่างพอใจ จังหวะนั้นเธอเห็นโทรศัพท์เพทายก็ดังขึ้น แก้วกัลยามองเพทายที่พึ่งกำลังเดินกลับมาพร้อมร่มในมือ แก้วกัลยามองเบอร์ที่ปรากฏเบอร์อยู่บนหน้าจอ เป็นเบอร์ของดารินทิพย์ และดูเหมือนจะโทรมาหลายรอบแล้ว แก้วกัลยากดตัดสาย พลันเสียงไลน์ก็ดังขึ้น แก้วกัลยากดเปิดอ่าน

...พี่เพชร น้องดาอยู่ที่โรงแรมราชาวดีมารับน้องดาได้ไหมคะ...

...พี่เพชรต้องมานะคะ น้องดามีเรื่องจะบอก...

“มาอ้อนคุณเพชรอีกแล้ว ฝันไปเถอะ” แก้วกัลยาพูดและกดลบข้อความในไลน์และกดปิดเครื่อง เธอไม่ยกคุณเพชรให้ผู้หญิงคนนี้เด็ดขาด ผู้หญิงที่แปดเปื้อนคนนี้ เธอไม่มีทางยกให้

“คุณแก้ว” แก้วกัลยารีบวางโทรศัพท์ลงและหันไปมองเขาที่เปิดประตูรถ หลีกทางให้เธอเดินออกมา แก้วกัลยาถือโอกาสคล้องแขนเขาไว้

“คุณไม่ต้องคล้องแขนผมก็ได้ มันดูไม่ดี”

“ร่มมันเล็ก ถ้าไม่ใกล้กันก็เปียกฝนสิคะ ที่รักจะให้เค้าเปียกฝนหรอ” เพทายไม่เถียงอีก

“คุณรู้ไหม ฉันฝันมาทั้งชีวิตเลยนะว่าจะได้เดินใต้ร่มเดียวกันกับใครสักคนที่รักฉันตอนฝนตก และก็มีวันนี้ โรแมนติกชะมัดคุณว่าไหม” แก้วกัลยายิ้มอย่างอิ่มใจ

“คุณพูดผิดนะ คุณอยากเดินใต้ร่มกับคนที่รัก แต่ผมยังไม่ได้รักคุณ”

“คนปากแข็ง ชิ” แก้วกัลยาเอ่ยอย่างหมั้นไส้ สักวันเธอจะทำให้เขายอมรับ วันนี้เขาอาจจะไม่ได้รักเธอมากที่สุด อาจแค่เริ่มรัก แต่วันหนึ่งเธอจะทำให้เขารักเธอที่สุด รักแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ภาพหญิงชายสองคนทำให้ใครที่มองลงมาคงรู้สึกอยากจะอมยิ้มกับความหวานน่ารักของคนทั้งคู่อย่างแน่นอน




...ติดตามตอนต่อไป...



พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ก.ค. 2558, 13:23:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ก.ค. 2558, 13:30:44 น.

จำนวนการเข้าชม : 854





<< ตอนที่ 14 พยานปากเอกรายใหม่   ตอนที่ 16 ก่อนพายุจะมา >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account