อลวน ถนน หัวใจ (จบแล้ว)
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: 14. อลวน ถนน หัวใจ
14.
“แสงพาเจ้านายเธอกลับเข้าห้องไป” คนเป็นเจ้านายใหญ่ออกคำสั่ง
“ยังไม่กลับ พวกพี่ ๆ นั่นแหละกลับออกไปก่อน สิตาอยากคุยกับแขกของสิตาตามลำพังบ้าง คุณด้วยคุณรัชดาพร คุณไม่ใช่แขกของฉันนะคะ”
“ค่ะ” รัชดาพรลุกขึ้นทิ้งผ้ากันเปื้อนแล้วรีบหมุนตัวออกจากวงทันที คุณวินิตรารีบลุกตามไปเพื่อขอโทษ
“จบกัน แกนี่มันเหลวไหลใหญ่แล้ว”
“เหลวไหลอะไร พี่ใหญ่ก็เหมือนกัน ไปเลยค่ะ กลับไปนอนเลย หนูอยากอยู่ตามลำพังกับพวกเขา ไปเถอะ ไม่หนีไปไหนแล้ว จำนนแล้ว จนมุมแล้ว”
ยิ่งได้ยินโชคชัยก็ยิ่งสงสารหญิงสาว อินทราเองก็กลืนอะไรไม่ลงคอเอาอีกเสียเลย พวกเศรษฐีนี่เขามีอะไร แปลก ๆ กันเสียจริง
“ฝากพวกคุณดูแลแกด้วยนะครับ อย่างไรพรุ่งนี้เช้าเรียนเชิญที่ห้องอาหารของรีสอร์ตตามสะดวกเลยนะครับ ก่อนจะกลับผมคงมีของเล็ก ๆ น้อย ๆ ฝากติดมือไปด้วย”
ว่าแล้วคนเป็นประมุขของบ้านก็ลุกขึ้นจากไป
รังสิตาหัวเราะอย่างสนุกออกมา
“นมแสงก็ด้วย เรียนเชิญกลับไปพักผ่อน ไปนอนให้ครบแปดชั่วโมงนะคะ”
“ค่ะ” พูดจบคนเป็นแม่บ้านก็เดินสะบัดตัวออกไปพร้อมกับบรรดาสาวใช้ที่ตามออกมาบริการเจ้านาย
“เหลือแต่พวกเรากันเองแล้ว ตามสบายเลยค่ะ” รังสิตาลุกขึ้นไปหยิบขวดไวน์มารินใส่แก้วให้ทุก ๆ คน
“ดื่มให้กับชีวิตของฉันหน่อย ชีวิตบัดซบ”
“คุณเมาแล้วนะคะ” อินทราลุกขึ้นคว้าขวดไวน์ไปวางไว้ในที่ห่างมือหญิงสาว
“ดื่มค่ะดื่ม เร็วคุณโชคชัย ชนแก้วกับฉันหน่อย” ว่าแล้วหญิงสาวก็ใช้แขนข้างซ้ายของตัวเองเหนี่ยวคอเขาไว้จนร่างกายเบียดกับต้นแขนของชายหนุ่ม โชคชัยหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทันที อินทราเองก็รู้สึกหงุดหงิดที่เห็นภาพนั้น ส่วนประดิพัทธ์เขาอยากจะลุกไปแกะแขนเจ้าหล่อนออก เพราะรู้สึกถึงความไม่น่าดูเอาเสียเลย
“ชนแก้ว ดื่มค่ะ ดื่มให้หมด” สายตาของเธอไล่อยู่ที่วงหน้าของชายหนุ่มอย่างเปิดเผย
“ถ้าไอ้ว่าที่เจ้าบ่าวเฮงซวยนั่นหน้าตาดีเท่าครึ่งหน้าตาหนุ่มคนนี้ ฉันคงอยากแต่งงานด้วย”
“เขาขี้เหร่มากหรือฮะ”
“ขี้เหร่รึเปล่าไม่รู้ แต่เป็นคนขี้ขลาดแน่ ฉันไม่อยากแต่งงานกับพวกผู้ชายที่ขี้ขลาดก็เท่านั้นเอง มีอย่างที่ไหน โตจนป่านนี้แล้วยังจะให้พ่อแม่หาเมียให้ ไม่เรียกว่าขี้ขลาดแล้วจะเรียกว่าอะไร” พูดไปพลางยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ
อินทราอยากแกะมือที่เหนียวคอของโชคชัยออก แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะชอบเสียเหลือเกิน
“แก้ไขสถานการณ์ซิคุณพัทธ์” อินทราจึงหันมาเม้งกับผู้ชายอีกคน
“หึงเขาซิ”
“บ้า หึงบ้าอะไร” ปากปฏิเสธ แต่ใบหน้าของคนพูดแดงกลัดทีเดียว เมื่อได้เห็นประดิพัทธ์สั่นศีรษะกับความในใจของเด็กดื้อ แต่เขาเองก็ไม่อยากเห็นภาพแบบนั้นเหมือนกัน เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปอีกฝั่งของรังสิตา
“มาคุณรังสิตาชนแก้วกับผมหน่อย” ประดิพัทธ์พูดไม่ทันจบ รังสิตาก็ฝังจมูกไปที่ใบหน้าของคนขับแท็กซี่เสียแล้ว
“อี๊” อินทราใช้ปลายนิ้วบิดไปที่แขนข้างซ้ายของโชคชัยอย่างแรง เธอคิดว่าโชคชัยก็ยินดีที่เห็นอีกคนเมาแล้วเป็นอย่างนี้ เมื่อปลายจมูกของรังสิตาหลุดออกจากโหนกแก้มของฝ่ายชายแล้ว เธอก็หันไปเปลี่ยนแก้วไวน์มามือข้างซ้ายแล้วใช้แขนข้างขวากอดเอวของผู้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
“ชนแก้ว” สายตาของเธอเชื่อมอยู่กับตาของประดิพัทธ์ซึ่งบาดคมความรู้สึกในใจของอินทรา เลยทีเดียว
“อี๊” อินทราเข่นเขี้ยวเมื่อเห็นว่าหลังจากที่คุณรังสิตาคว่ำแก้วแล้วเธอกล้าที่จะเขย่งจูบหน้าที่มีไรขนครึ้มนั่นอีก ผู้ชายทำไมเห็นแก่ได้กันอย่างนี้นะ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ อินทราจึงรีบเดินไปอีกฝั่งของรังสิตาหวังให้หญิงสาวหันมาหาเธอบ้าง ซึ่งรังสิตาเองก็ละแขนจากเอวของประดิพัทธ์มาจับที่ใบหน้าเนียนนวลของหญิงสาวคนที่ตัวเล็กกว่า
“ขอบคุณคุณอินทรามาก ๆ เลยค่ะ วันนี้คุณสวยจริง ๆ มาเถอะค่ะเรามาหาอะไรที่มันสนุก ๆ กว่านี้ทำกันดีกว่า คุณหยิบขวดไวน์บนโต๊ะแล้วมาตรงนี้กัน”
รังสิตาดึงแขนของอินทราไปทางทะเลสาบ เมื่อเป็นดังนั้น ชายหนุ่มสองคนซึ่งยืนอึ้งอยู่กับเหตุการณ์เมื่อครู่ต่างมองหน้ากันเขิน ๆ
“ตามไปไหม” ประดิพัทธ์ถามโชคชัยซึ่งแววตาของเขาเริ่ม ‘กรุ่น’ จากไฟราคะที่รังสิตาเป็นคนจุด โชคชัยไม่ตอบเขาถือแก้วไวน์รีบเดินตามหญิงสาวไป เพราะรสจูบเมื่อครู่นี้มันกระตุ้นอำนาจส่วนต่ำของเขาให้ทำงานทีเดียว เธอจะเป็นขาวหรือดำ เขาไม่สนแล้ว ในเวลานี้เขาขอเพียงดอมดมดอกไม้ที่มีกลิ่นและสีที่เขาชื่นชอบให้อิ่มเอมสักหน่อยเถอะ
####################################
ด้วยเป็นคืนเดือนหงาย รังสิตาจึงดึงอินทรามายังริมทะเลสาบ เมื่อมาถึงท่าเทียบที่มีเรือสกู๊ตเตอร์จอดเทียบท่าอยู่ หญิงสาวก็หัวเราะหมุนตัวไปรอบ ๆ เพื่อให้แสงจันทร์สาดใบหน้าที่นวลเนียน อินทรากลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก เธอรู้สึกว่ารังสิตาไม่ได้เมาแค่ไวน์เท่านั้น มันอาจจะมีสารเคมีอย่างอื่นอีกในร่างกายของหญิงสาว
“คุณเป็นอะไรมากหรือเปล่า”
“ฉันไม่ได้เมา ฉันไม่ได้เมา”
ร้อยทั้งร้อยของคนเมาก็จะพูดปฏิเสธคำว่าเมาทั้งนั้น
“แสงจันทร์คืนนี้สวยนะคะ ถามจริง ๆ เถอะ คุณกับคุณโชคชัยไปถึงไหน ๆ กันแล้ว พูดจบคนถามก็หัวเราะคิก ๆ
“เขาน่ารักนะคะ แก้มเขาหอมจังเลย หึงฉันหรือเปล่า” อินทราหน้าแดงด้วยความเขินขึ้นมา เธอมันหัวโบราณไปหรือเปล่านะ ถึงรับกับเรื่องแบบนี้ไม่ได้ นึกไปก็อดสงสารว่าที่เจ้าบ่าวนั่นไม่ได้ หากย้อนหลังมารู้พฤติกรรมอันบัดสีแบบนี้เขาจะรู้สึกอย่างไร
“ทะเลสาบกว้างใหญ่ อยากลงไปว่ายน้ำเล่นไหมคะ” รังสิตาทำท่าจะเดินลงบันไดไป พอดีกับอินทรารีบรั้งไว้
“อันตรายค่ะคุณ”
“งั้นเราไปนั่งบนเรือกัน ฉันขับเรือเป็นนะ พรุ่งนี้เช้าฉันจะขับพาพวกคุณเที่ยวเกาะกลางทะเลสาบเอาไหม”
แล้วร่างของโชคชัยก็เดินมาหยุดที่สองสาว รังสิตายิ้มให้เขาอย่างยั่วยวน
“คุณหล่อสมาร์ททีเดียว ถ้าคุณไม่ขับแท็กซี่นะ ฉันคงติดบ่วงเสน่ห์คุณแน่ ๆ” ว่าแล้วหญิงสาวก็ผละจากอินทราไปหาชายหนุ่ม ด้วยความเมาทำให้เธอเดินเข้าไปหาแล้วกอดเขาซุกใบหน้าลงที่ตรงหน้าอกที่ผึ่งผาย อินทราอยากจะลุ้นว่าเขาจะยกมือขึ้นโอบหญิงสาวเพื่อฉวยโอกาสไหม
แต่เขาก็ทำอย่างนั้น
“อี๊”
เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ประดิพัทธ์เดินตามมาถึง เขาเดินทอดอารมณ์มาคล้ายกับว่าไม่ได้สนใจภาพตรงหน้านั้นเลย
“ไป เราลงเรือกันเถอะ นั่งคุยกันในเรือดีกว่า” พูดจบเธอก็รั้งโชคชัยให้เดินตามเธอไปยังเรือสกู๊ตเตอร์ที่จอดอยู่
“จะลงไปทำไม” อินทราอยากจะรั้งไว้แต่โชคชัยก็ก้าวตามรังสิตาไปเสียแล้ว แล้วเธอจะไม่เข้าไปเป็นกว้างขวางคอได้อย่างไร
“เร็วคุณประดิพัทธ์มาด้วยกัน” ประดิพัทธ์ลังเลที่จะก้าวเข้าไปนั่งในเรือด้วย มันมีเหตุผลเสียที่ไหนล่ะ ยืนคุยกันข้างบนก็ได้ หรือเธอมีจุดประสงค์อื่น รังสิตาร้องเรียกเขาอีกรอบ เขารีบก้าวตามไปนั่งลงข้าง ๆ อินทราทางด้านหลัง
“คุณโชคดึงเชือกออกด้วย” รังสิตาร้องสั่งชายหนุ่ม โชคชัยปฏิบัติตามทันที
“มาเอาไวน์มารินอีก ดื่มอีกคนละอึกนะ” รังสิตาส่งแก้วไวน์ให้ อินทรารินให้อย่างไม่เต็มใจนัก เมื่อทุกคนได้ไวน์แล้ว รังสิตาก็ร้องขอให้ชนก่อนจะยกขึ้นดื่มจนหมด หญิงสาวหัวเราะออกมา ก่อนจะใช้มือบิดกุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์
#######################################
เมื่อเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มขึ้น เพียงอึดใจเรือสกู๊ตเตอร์ลำนั้นก็แล่นลิ่วออกจากตลิ่งทันที นมแสงที่กำลังจะหลับรีบผุดลุกขึ้นมา “ชิบหายแล้ว”
แม้วัยจะล่วงเข้าห้าสิบปี แต่นางก็เร็วพอตัว เมื่อวิ่งมาถึงบริเวณศาลาทรงบาหลี ไม่เห็นเงาของนายสาวและบรรดาแขกรับเชิญอย่างเป็นไม่เป็นทางการ นมแสงวิ่งไปที่ตลิ่งพบว่าไม่มีใครหลงเหลืออยู่เช่นกัน และนมแสงก็เดาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทันทีว่านี่คือการหนีโดยคุณสิตาเป็นคนคิดแผนการแต่เพียงผู้เดียว
นางวิ่งกลับมาที่ห้องพัก คิดจะไปเคาะประตูห้องเจ้านายผู้ชาย แต่ก็รู้ว่า ป่านฉะนี้ นายผู้ชายกับแม่พิธีกรสาวคงกำลังเริงสวาทกันอยู่ หากเข้าไปขัดจังหวะ ดีไม่ดีนางนั่นแหละที่จะถูกฉีกอก นมแสงเดินพล่านไปมาอยู่ที่หน้าห้อง ยามค่ำคืนแบบนี้ มันอันตรายคุณหนูจะรู้ไหมหนอ
“ผมบอกให้หยุดเรือ” เป็นเสียงของประดิพัทธ์ที่รู้ตัวแล้วว่าเขาตกบันไดพลอยโจนแน่ เขาอยากจะไปแย่งขับเรือเสียเองแต่ก็เกรงว่ายิ่งชุลมุนความวุ่นวายก็จะยิ่งตามมา
“พวกคุณไม่คิดช่วยฉันต่อ ฉันช่วยเหลือตัวเองก็ได้”
“แล้วคุณพาพวกเราออกมาด้วยทำไม ทำไมไม่หนีคนเดียว”
“ตายคนเดียวมันสนุกเสียที่ไหน” รังสิตายังคงจ้องอยู่ที่ผิวน้ำเรื่อด้วยแสงจันทร์ โชคชัยที่นั่งอยู่ด้านหน้าด้วยกันนิ่งเงียบจนอินทรานึกอยากทุบให้สักที เท่าที่เธอรู้มาในทะเลสาบยังมีตอไม้ยืนต้นโผล่ขึ้นมา หากเดินเรือด้วยความไม่ระวัง และไม่มีความชำนาญในเส้นทาง อาจจะทำให้เรือพุ่งเข้าชน เรือแตก อับปาง ตายทั้งหมด
“แล้วคุณจะพาเราไปไหน” ประดิพัทธ์ยังคงต้องการรายละเอียด
“เดี๋ยวก็รู้ แล้วจะบอก”
ผมของหญิงสาวยาวสยายปลิวสะบัดตามแรงลมมาถูกที่ใบหน้าของอินทราที่อยู่ในชุดกระโปรงแซกบางพลิ้ว เต็ม ๆ และด้วยเป็นยามวิกาล ด้วยเรือวิ่งอยู่กลางเวิ้งน้ำ ทำให้ความเย็นเข้ามาปะทะผิวเนียนอย่างเต็มแรง
“ฉันหนาวนะขับช้า ๆ หน่อย” อินทราเริ่มโวยวาย เมื่อได้ยินประดิพัทธ์จึงถอดสูทที่ตนสวมอยู่ส่งให้หญิงสาว อินทรารีบคว้ามาสวมแล้วดึงชายอกเสื้อทับกันจนแน่น
“ฉันกลัว” เธอกระซิบบอกประดิพัทธ์เบา ๆ
“ไม่ต้องกลัว อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วนี่” ประดิพัทธ์ยืนยันเสียงหนักแน่น
เรือลำที่รังสิตาบังคับลดความเร็วลงจนกระทั่งมองเห็นฝั่งอยู่ใกล้ ๆ เธอดับเครื่องยนต์แล้วปล่อยให้เรือสไลด์เข้าหาฝั่ง พอเรือจอดนิ่งเกยแผ่นดิน หญิงสาวก็ดึงกุญแจแล้วกระโดดออกจากเรือไปยืนจังก้า
“แล้วคุณจะไปไหน” โชคชัยตะโกนถาม
“คุณจะไปกับฉันไหมล่ะ”
ไม่มีคำตอบ โชคชัยกระโดดออกจากเรือแล้ววิ่งตามเจ้าหล่อนไปทันทีเช่นกัน
“บ้าฉิบหายแล้ว” ประดิพัทธ์สบถเสียงดังพลางลุกขึ้น
“เขากำลังมัดมือเราชก” อินทราพอรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
“เอาไงดีคุณ อยู่ตรงนี้กว่าพวกนั้นจะตามมาพบ หรือถ้าพวกพี่ชายเขาตามมาพบแล้วพลอยโกรธเราไปด้วยเราก็แย่นา”
“แต่ถ้าปล่อยเขาทั้งคู่วิ่งเข้าป่าไปมันก็อันตรายพอกัน” ประดิพัทธ์ใคร่ครวญถึงผลดีผลเสียแล้วตัดสินใจไม่ถูก
“ตามเขาไปเถอะ ฉันเป็นห่วงพวกเขา” อินทราบอกความรู้สึกตัวเองออกไป
“กลัวนายโชคชัยจะไปทำอะไรคุณรังสิตาซิท่า”
“มันหื่นได้ที่แล้วล่ะ” อินทราหัวเราะออกมา ประดิพัทธ์เองก็หัวเราะ แต่เมื่อประดิพัทธ์กระโดดลงจากเรือ
ไปแล้ว อินทราที่จะก้าวกระโดดตามกลับมีทีท่าลังเล ก็ชุดของเธอเป็นกระโปรงบางพลิ้วแถมใส่รองเท้าสายรัดบางเฉียบมีส้นแล้วชีวิตบนบกของเธอจะเป็นอย่างไร
ประดิพัทธ์ส่งมือทั้งสองข้างให้ เมื่ออินทราตัดสินใจกระโดดเธอจึงเสียหลักถลาสู่อ้อมกอดของเขาอย่างเต็ม ๆ
“ผมขอโทษ” เขาบอกตามตรง อินทรารีบดันตัวเขาออกห่าง ไม่ใส่ใจกับเรื่องที่เขาออกตัว
“พวกเขาวิ่งไปทางไหนกันนะ”
อินทราชี้เป้าหมายทันที เมื่อประดิพัทธ์ พาอินทราเดินขึ้นตลิ่งไปก็พบว่ารังสิตายืนกอดอกหัวเราะเสียงดัง
“ไม่ต้องมาสนุกเลยคุณ คุณมันบ้า”
“ก็เพราะพวกคุณ ฉันจึงต้องบ้าแบบนี้”
“แล้วคุณจะไปไหน ไปอย่างไรอีก” ประดิพัทธ์คิดว่าหญิงสาวคงได้มีการเตรียมทางหนีทีไล่มาแล้ว
“ฉันคิดออกแค่นี้แหละ”
“เอากุญแจมาคืนผม ผมจะกลับที่พัก คุณอยากจะไปไหนก็เรื่องของคุณผมไม่เกี่ยว”
“ฉันปามันลงน้ำไปแล้ว” รังสิตาบอกตามตรง
“คุณมันบ้า” ประดิพัทธ์ว่าให้
“ฉันแค่อยากทำอะไรที่มันสนุก ๆ ดูบ้างก็เท่านั้น ฉันรู้ว่าคุณเดือดร้อนแน่ แต่ฉันไม่เกี่ยว คนที่เกี่ยวตั้งแต่แรกก็คือคุณ ถ้าไม่เพราะกระเป๋าเฮงซวยของคุณนั่น ฉันก็คงไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก เพราะฉะนั้น จะเดินตามฉันไปหรือว่าจะรอลูกกระสุนปืนของพี่ใหญ่อยู่ที่นี่ก็เรื่องของคุณ” รังสิตาพูดจบก็คล้องแขนของโชคชัยออกเดิน อินทราเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งตามไปด้วย ประดิพัทธ์ยืนเหลียวหน้าแลหลัง เวลาประมาณเที่ยงคืน แบบนี้ มันน่ายืนอยู่คนเดียวเสียเมื่อไหร่ล่ะ ไปก็ไปด้วยกันซิ
##################################
เมื่อนมแสงเห็นว่า ‘คงสมควรแก่เวลาแล้ว’ นางจึงตัดสินใจเคาะประตูห้องของแม่พิธีกรสาว เจ้าหล่อนเปิดประตูออกมาด้วยสีหน้างัวเงีย นมแสงพยายามสอดสายตาไปยังข้างในห้อง
“หาใครหรือป้า”
“คุณผู้ชายอยู่ข้างในไหม”
“อ้าว เขาก็อยู่กับเมียเขาซิ ป้านี่บ้าหรือเปล่า” หน้าตาคนพูดบึ้งตึงทันที มันดูถูกกันชัด ๆ เลย เมื่อเห็นว่าตัวเองผิดนมแสงจึงค่อย ๆ ถอยออกมากล่าวคำว่าขอโทษแล้วรีบเดินไปยังห้องของคุณนายใหญ่
“มีอะไรนมแสง” หน้าตาของคุณนายใหญ่บึ้งตึงไม่ต่างจากรัชดาพร
“คะคะคือคุณผู้ชายล่ะคะ”
“เขาไม่ได้นอนที่นี่”
“แล้วเขานอนที่ไหน”
“ก็ห้องเขาสิ ไม่น่าถาม แต่ว่ามีอะไร”
“เรื่องสำคัญมากแต่ว่าต้องบอกกับคุณผู้ชายเท่านั้น”
“คุณคะ คุณ” นมแสงใช้เสียงที่ดังพอเป็นพิธีและวิธีการเคาะที่เนิบนาบนี้นมแสงรู้ว่าผู้เป็นนายนั้นโปรดปรานเป็นที่สุด
“มีอะไรหรือนม”
“มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้วค่ะ”
ประตูบานใหญ่เปิดออกมาด้วยสายตากรุ้มกริ่มของผู้เป็นเจ้าของห้อง
“นมแสงหนาวใช่ไหม”
คนเปิดประตูออกมาทำท่าจะดึงนมแสงเข้าห้อง นมแสงเหลียวซ้ายแลขวา ก่อนจะผลุบตามไปอยู่ในอ้อมกอดที่เคยอุ่น“คุณรังสิตาขับเรือ พาพวกหนีไปค่ะ”
“อะไรนะ”
นมแสงรายงานอีกรอบ คราวนี้ผู้บัญชาการไม่สนใจแล้วว่าตัวเองนุ่งผ้าเรียบร้อยหรือไม่เขาเปิดประตูพร้อมกับใช้โทรศัพท์มือถือเรียกรวมพลทันทีเช่นกัน
รังสิตาเดินนำเพื่อนใหม่ทั้งสามคนไปทางทิศตะวันตก ซึ่งพอพ้นจากทิวไม้ป่าโปร่งแล้วจึงได้เห็นถนนลูกรังที่ทอดผ่าน
“คุณจะพาพวกเราไปไหน”
“ไปเรื่อยแหละ” รังสิตาตอบพลางสาวเท้ายาว ด้วยเธอสวมรองเท้าผ้าใบจึงไม่มีปัญหา แต่อินทราที่สวมรองเท้าแตะมีส้นถึงกับเดินโขยกเขยกเกาะแขนของประดิพัทธ์ระหว่างเดินไปด้วย
“ไหวไหม”
“ต้องไหวซิ” ด้วยเป็นคนที่อดทน เมื่อลงเรือลำเดียวกันมาแล้วเธอจำต้องฝืนทนเดินต่อไป
“ถ้าเราจะยืนรอพวกญาติของคุณรังสิตาที่ตรงนี้ละ” ประดิพัทธ์ถามความคิดเห็น ด้วยเขานึกถึงทรัพย์สินอันมีค่าของเขาที่จอดอยู่ในรีสอร์ต คนอื่น ๆ อาจจะหนีเอาตัวรอดไปได้ แต่เขาเองนั้น
ดาราหนุ่มถอนหายใจกับความซวยในครั้งนี้ อันที่จริงถ้าเขารู้ว่ามันจะเป็นอย่างนี้ เขาขึ้นรถโดยสารมาเสียยังดีกว่า แต่เฮ้อ! เรื่องมันผ่านมาจนถึงขั้นนี้แล้ว
อินทราพอเดาใจคนที่ประคองเธอเดินตามร่างสูงใหญ่ของโชคชัยและร่างเพรียวลมของรังสิตาออก หญิงสาวหยุดนิ่ง หันหน้าเข้าหาเขา อันที่จริงเธอควรใส่ใจความรู้สึกของนายจ้างของเธอมากกว่าเดินตามคนทั้งคู่ที่ยังเดินรุดหน้ากันไปเรื่อย ๆ
“ตกลงเราจะกลับไปที่เรือ ไปรอให้ทางนั้นมา แล้วเราค่อยคุยกัน ฉันว่าทางออกของปัญหาคงมี” พอพูดจบอินทราก็ตะโกนก้อง “คุณโชคชัย คุณโชคชัย” หล่อนเลือกเรียกแค่คนที่หล่อนมาด้วยเท่านั้น
“มีอะไร” โชคชัยตะโกนย้อนถามกลับมา
“เราสองคนจะไปรออยู่ที่เรือนะคะ” นั่นก็คือบอกให้รู้ว่า คุณต้องเลือกแล้วว่าจะช่วยผู้หญิงคนนั้นหรือจะกลับไปพร้อมกับเรา
โชคชัยหยุดนิ่ง ชั่งใจระหว่างก้าวตามร่างระหงที่ยังจ้ำเดินไปข้างหน้า กับเดินย้อนกลับมาหาคนที่ร่วมทุกข์กันมาสามวัน ถ้าเขาทิ้งให้รังสิตาเดินต่อไปคนเดียว กับทิ้งคนสองคนไว้
“คุณกลับไปรอที่เรือก็ได้ ผมจะตามคุณรังสิตาไปเอง”
เมื่อได้ยินอินทราถอนหายใจดังเฮือก
“ตกลงเธอจะเดินกลับใช่ไหม”
อินทราพยักหน้าอย่างใจหาย อันที่จริงเธอก็ไม่อยากทิ้งทั้งโชคชัยและรังสิตา แต่เธอก็จำเป็นต้อง
ช่วยคนที่กำลังพยุงเธออยู่เหมือนกัน
“แสงพาเจ้านายเธอกลับเข้าห้องไป” คนเป็นเจ้านายใหญ่ออกคำสั่ง
“ยังไม่กลับ พวกพี่ ๆ นั่นแหละกลับออกไปก่อน สิตาอยากคุยกับแขกของสิตาตามลำพังบ้าง คุณด้วยคุณรัชดาพร คุณไม่ใช่แขกของฉันนะคะ”
“ค่ะ” รัชดาพรลุกขึ้นทิ้งผ้ากันเปื้อนแล้วรีบหมุนตัวออกจากวงทันที คุณวินิตรารีบลุกตามไปเพื่อขอโทษ
“จบกัน แกนี่มันเหลวไหลใหญ่แล้ว”
“เหลวไหลอะไร พี่ใหญ่ก็เหมือนกัน ไปเลยค่ะ กลับไปนอนเลย หนูอยากอยู่ตามลำพังกับพวกเขา ไปเถอะ ไม่หนีไปไหนแล้ว จำนนแล้ว จนมุมแล้ว”
ยิ่งได้ยินโชคชัยก็ยิ่งสงสารหญิงสาว อินทราเองก็กลืนอะไรไม่ลงคอเอาอีกเสียเลย พวกเศรษฐีนี่เขามีอะไร แปลก ๆ กันเสียจริง
“ฝากพวกคุณดูแลแกด้วยนะครับ อย่างไรพรุ่งนี้เช้าเรียนเชิญที่ห้องอาหารของรีสอร์ตตามสะดวกเลยนะครับ ก่อนจะกลับผมคงมีของเล็ก ๆ น้อย ๆ ฝากติดมือไปด้วย”
ว่าแล้วคนเป็นประมุขของบ้านก็ลุกขึ้นจากไป
รังสิตาหัวเราะอย่างสนุกออกมา
“นมแสงก็ด้วย เรียนเชิญกลับไปพักผ่อน ไปนอนให้ครบแปดชั่วโมงนะคะ”
“ค่ะ” พูดจบคนเป็นแม่บ้านก็เดินสะบัดตัวออกไปพร้อมกับบรรดาสาวใช้ที่ตามออกมาบริการเจ้านาย
“เหลือแต่พวกเรากันเองแล้ว ตามสบายเลยค่ะ” รังสิตาลุกขึ้นไปหยิบขวดไวน์มารินใส่แก้วให้ทุก ๆ คน
“ดื่มให้กับชีวิตของฉันหน่อย ชีวิตบัดซบ”
“คุณเมาแล้วนะคะ” อินทราลุกขึ้นคว้าขวดไวน์ไปวางไว้ในที่ห่างมือหญิงสาว
“ดื่มค่ะดื่ม เร็วคุณโชคชัย ชนแก้วกับฉันหน่อย” ว่าแล้วหญิงสาวก็ใช้แขนข้างซ้ายของตัวเองเหนี่ยวคอเขาไว้จนร่างกายเบียดกับต้นแขนของชายหนุ่ม โชคชัยหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทันที อินทราเองก็รู้สึกหงุดหงิดที่เห็นภาพนั้น ส่วนประดิพัทธ์เขาอยากจะลุกไปแกะแขนเจ้าหล่อนออก เพราะรู้สึกถึงความไม่น่าดูเอาเสียเลย
“ชนแก้ว ดื่มค่ะ ดื่มให้หมด” สายตาของเธอไล่อยู่ที่วงหน้าของชายหนุ่มอย่างเปิดเผย
“ถ้าไอ้ว่าที่เจ้าบ่าวเฮงซวยนั่นหน้าตาดีเท่าครึ่งหน้าตาหนุ่มคนนี้ ฉันคงอยากแต่งงานด้วย”
“เขาขี้เหร่มากหรือฮะ”
“ขี้เหร่รึเปล่าไม่รู้ แต่เป็นคนขี้ขลาดแน่ ฉันไม่อยากแต่งงานกับพวกผู้ชายที่ขี้ขลาดก็เท่านั้นเอง มีอย่างที่ไหน โตจนป่านนี้แล้วยังจะให้พ่อแม่หาเมียให้ ไม่เรียกว่าขี้ขลาดแล้วจะเรียกว่าอะไร” พูดไปพลางยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ
อินทราอยากแกะมือที่เหนียวคอของโชคชัยออก แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะชอบเสียเหลือเกิน
“แก้ไขสถานการณ์ซิคุณพัทธ์” อินทราจึงหันมาเม้งกับผู้ชายอีกคน
“หึงเขาซิ”
“บ้า หึงบ้าอะไร” ปากปฏิเสธ แต่ใบหน้าของคนพูดแดงกลัดทีเดียว เมื่อได้เห็นประดิพัทธ์สั่นศีรษะกับความในใจของเด็กดื้อ แต่เขาเองก็ไม่อยากเห็นภาพแบบนั้นเหมือนกัน เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปอีกฝั่งของรังสิตา
“มาคุณรังสิตาชนแก้วกับผมหน่อย” ประดิพัทธ์พูดไม่ทันจบ รังสิตาก็ฝังจมูกไปที่ใบหน้าของคนขับแท็กซี่เสียแล้ว
“อี๊” อินทราใช้ปลายนิ้วบิดไปที่แขนข้างซ้ายของโชคชัยอย่างแรง เธอคิดว่าโชคชัยก็ยินดีที่เห็นอีกคนเมาแล้วเป็นอย่างนี้ เมื่อปลายจมูกของรังสิตาหลุดออกจากโหนกแก้มของฝ่ายชายแล้ว เธอก็หันไปเปลี่ยนแก้วไวน์มามือข้างซ้ายแล้วใช้แขนข้างขวากอดเอวของผู้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
“ชนแก้ว” สายตาของเธอเชื่อมอยู่กับตาของประดิพัทธ์ซึ่งบาดคมความรู้สึกในใจของอินทรา เลยทีเดียว
“อี๊” อินทราเข่นเขี้ยวเมื่อเห็นว่าหลังจากที่คุณรังสิตาคว่ำแก้วแล้วเธอกล้าที่จะเขย่งจูบหน้าที่มีไรขนครึ้มนั่นอีก ผู้ชายทำไมเห็นแก่ได้กันอย่างนี้นะ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ อินทราจึงรีบเดินไปอีกฝั่งของรังสิตาหวังให้หญิงสาวหันมาหาเธอบ้าง ซึ่งรังสิตาเองก็ละแขนจากเอวของประดิพัทธ์มาจับที่ใบหน้าเนียนนวลของหญิงสาวคนที่ตัวเล็กกว่า
“ขอบคุณคุณอินทรามาก ๆ เลยค่ะ วันนี้คุณสวยจริง ๆ มาเถอะค่ะเรามาหาอะไรที่มันสนุก ๆ กว่านี้ทำกันดีกว่า คุณหยิบขวดไวน์บนโต๊ะแล้วมาตรงนี้กัน”
รังสิตาดึงแขนของอินทราไปทางทะเลสาบ เมื่อเป็นดังนั้น ชายหนุ่มสองคนซึ่งยืนอึ้งอยู่กับเหตุการณ์เมื่อครู่ต่างมองหน้ากันเขิน ๆ
“ตามไปไหม” ประดิพัทธ์ถามโชคชัยซึ่งแววตาของเขาเริ่ม ‘กรุ่น’ จากไฟราคะที่รังสิตาเป็นคนจุด โชคชัยไม่ตอบเขาถือแก้วไวน์รีบเดินตามหญิงสาวไป เพราะรสจูบเมื่อครู่นี้มันกระตุ้นอำนาจส่วนต่ำของเขาให้ทำงานทีเดียว เธอจะเป็นขาวหรือดำ เขาไม่สนแล้ว ในเวลานี้เขาขอเพียงดอมดมดอกไม้ที่มีกลิ่นและสีที่เขาชื่นชอบให้อิ่มเอมสักหน่อยเถอะ
####################################
ด้วยเป็นคืนเดือนหงาย รังสิตาจึงดึงอินทรามายังริมทะเลสาบ เมื่อมาถึงท่าเทียบที่มีเรือสกู๊ตเตอร์จอดเทียบท่าอยู่ หญิงสาวก็หัวเราะหมุนตัวไปรอบ ๆ เพื่อให้แสงจันทร์สาดใบหน้าที่นวลเนียน อินทรากลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก เธอรู้สึกว่ารังสิตาไม่ได้เมาแค่ไวน์เท่านั้น มันอาจจะมีสารเคมีอย่างอื่นอีกในร่างกายของหญิงสาว
“คุณเป็นอะไรมากหรือเปล่า”
“ฉันไม่ได้เมา ฉันไม่ได้เมา”
ร้อยทั้งร้อยของคนเมาก็จะพูดปฏิเสธคำว่าเมาทั้งนั้น
“แสงจันทร์คืนนี้สวยนะคะ ถามจริง ๆ เถอะ คุณกับคุณโชคชัยไปถึงไหน ๆ กันแล้ว พูดจบคนถามก็หัวเราะคิก ๆ
“เขาน่ารักนะคะ แก้มเขาหอมจังเลย หึงฉันหรือเปล่า” อินทราหน้าแดงด้วยความเขินขึ้นมา เธอมันหัวโบราณไปหรือเปล่านะ ถึงรับกับเรื่องแบบนี้ไม่ได้ นึกไปก็อดสงสารว่าที่เจ้าบ่าวนั่นไม่ได้ หากย้อนหลังมารู้พฤติกรรมอันบัดสีแบบนี้เขาจะรู้สึกอย่างไร
“ทะเลสาบกว้างใหญ่ อยากลงไปว่ายน้ำเล่นไหมคะ” รังสิตาทำท่าจะเดินลงบันไดไป พอดีกับอินทรารีบรั้งไว้
“อันตรายค่ะคุณ”
“งั้นเราไปนั่งบนเรือกัน ฉันขับเรือเป็นนะ พรุ่งนี้เช้าฉันจะขับพาพวกคุณเที่ยวเกาะกลางทะเลสาบเอาไหม”
แล้วร่างของโชคชัยก็เดินมาหยุดที่สองสาว รังสิตายิ้มให้เขาอย่างยั่วยวน
“คุณหล่อสมาร์ททีเดียว ถ้าคุณไม่ขับแท็กซี่นะ ฉันคงติดบ่วงเสน่ห์คุณแน่ ๆ” ว่าแล้วหญิงสาวก็ผละจากอินทราไปหาชายหนุ่ม ด้วยความเมาทำให้เธอเดินเข้าไปหาแล้วกอดเขาซุกใบหน้าลงที่ตรงหน้าอกที่ผึ่งผาย อินทราอยากจะลุ้นว่าเขาจะยกมือขึ้นโอบหญิงสาวเพื่อฉวยโอกาสไหม
แต่เขาก็ทำอย่างนั้น
“อี๊”
เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ประดิพัทธ์เดินตามมาถึง เขาเดินทอดอารมณ์มาคล้ายกับว่าไม่ได้สนใจภาพตรงหน้านั้นเลย
“ไป เราลงเรือกันเถอะ นั่งคุยกันในเรือดีกว่า” พูดจบเธอก็รั้งโชคชัยให้เดินตามเธอไปยังเรือสกู๊ตเตอร์ที่จอดอยู่
“จะลงไปทำไม” อินทราอยากจะรั้งไว้แต่โชคชัยก็ก้าวตามรังสิตาไปเสียแล้ว แล้วเธอจะไม่เข้าไปเป็นกว้างขวางคอได้อย่างไร
“เร็วคุณประดิพัทธ์มาด้วยกัน” ประดิพัทธ์ลังเลที่จะก้าวเข้าไปนั่งในเรือด้วย มันมีเหตุผลเสียที่ไหนล่ะ ยืนคุยกันข้างบนก็ได้ หรือเธอมีจุดประสงค์อื่น รังสิตาร้องเรียกเขาอีกรอบ เขารีบก้าวตามไปนั่งลงข้าง ๆ อินทราทางด้านหลัง
“คุณโชคดึงเชือกออกด้วย” รังสิตาร้องสั่งชายหนุ่ม โชคชัยปฏิบัติตามทันที
“มาเอาไวน์มารินอีก ดื่มอีกคนละอึกนะ” รังสิตาส่งแก้วไวน์ให้ อินทรารินให้อย่างไม่เต็มใจนัก เมื่อทุกคนได้ไวน์แล้ว รังสิตาก็ร้องขอให้ชนก่อนจะยกขึ้นดื่มจนหมด หญิงสาวหัวเราะออกมา ก่อนจะใช้มือบิดกุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์
#######################################
เมื่อเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มขึ้น เพียงอึดใจเรือสกู๊ตเตอร์ลำนั้นก็แล่นลิ่วออกจากตลิ่งทันที นมแสงที่กำลังจะหลับรีบผุดลุกขึ้นมา “ชิบหายแล้ว”
แม้วัยจะล่วงเข้าห้าสิบปี แต่นางก็เร็วพอตัว เมื่อวิ่งมาถึงบริเวณศาลาทรงบาหลี ไม่เห็นเงาของนายสาวและบรรดาแขกรับเชิญอย่างเป็นไม่เป็นทางการ นมแสงวิ่งไปที่ตลิ่งพบว่าไม่มีใครหลงเหลืออยู่เช่นกัน และนมแสงก็เดาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทันทีว่านี่คือการหนีโดยคุณสิตาเป็นคนคิดแผนการแต่เพียงผู้เดียว
นางวิ่งกลับมาที่ห้องพัก คิดจะไปเคาะประตูห้องเจ้านายผู้ชาย แต่ก็รู้ว่า ป่านฉะนี้ นายผู้ชายกับแม่พิธีกรสาวคงกำลังเริงสวาทกันอยู่ หากเข้าไปขัดจังหวะ ดีไม่ดีนางนั่นแหละที่จะถูกฉีกอก นมแสงเดินพล่านไปมาอยู่ที่หน้าห้อง ยามค่ำคืนแบบนี้ มันอันตรายคุณหนูจะรู้ไหมหนอ
“ผมบอกให้หยุดเรือ” เป็นเสียงของประดิพัทธ์ที่รู้ตัวแล้วว่าเขาตกบันไดพลอยโจนแน่ เขาอยากจะไปแย่งขับเรือเสียเองแต่ก็เกรงว่ายิ่งชุลมุนความวุ่นวายก็จะยิ่งตามมา
“พวกคุณไม่คิดช่วยฉันต่อ ฉันช่วยเหลือตัวเองก็ได้”
“แล้วคุณพาพวกเราออกมาด้วยทำไม ทำไมไม่หนีคนเดียว”
“ตายคนเดียวมันสนุกเสียที่ไหน” รังสิตายังคงจ้องอยู่ที่ผิวน้ำเรื่อด้วยแสงจันทร์ โชคชัยที่นั่งอยู่ด้านหน้าด้วยกันนิ่งเงียบจนอินทรานึกอยากทุบให้สักที เท่าที่เธอรู้มาในทะเลสาบยังมีตอไม้ยืนต้นโผล่ขึ้นมา หากเดินเรือด้วยความไม่ระวัง และไม่มีความชำนาญในเส้นทาง อาจจะทำให้เรือพุ่งเข้าชน เรือแตก อับปาง ตายทั้งหมด
“แล้วคุณจะพาเราไปไหน” ประดิพัทธ์ยังคงต้องการรายละเอียด
“เดี๋ยวก็รู้ แล้วจะบอก”
ผมของหญิงสาวยาวสยายปลิวสะบัดตามแรงลมมาถูกที่ใบหน้าของอินทราที่อยู่ในชุดกระโปรงแซกบางพลิ้ว เต็ม ๆ และด้วยเป็นยามวิกาล ด้วยเรือวิ่งอยู่กลางเวิ้งน้ำ ทำให้ความเย็นเข้ามาปะทะผิวเนียนอย่างเต็มแรง
“ฉันหนาวนะขับช้า ๆ หน่อย” อินทราเริ่มโวยวาย เมื่อได้ยินประดิพัทธ์จึงถอดสูทที่ตนสวมอยู่ส่งให้หญิงสาว อินทรารีบคว้ามาสวมแล้วดึงชายอกเสื้อทับกันจนแน่น
“ฉันกลัว” เธอกระซิบบอกประดิพัทธ์เบา ๆ
“ไม่ต้องกลัว อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วนี่” ประดิพัทธ์ยืนยันเสียงหนักแน่น
เรือลำที่รังสิตาบังคับลดความเร็วลงจนกระทั่งมองเห็นฝั่งอยู่ใกล้ ๆ เธอดับเครื่องยนต์แล้วปล่อยให้เรือสไลด์เข้าหาฝั่ง พอเรือจอดนิ่งเกยแผ่นดิน หญิงสาวก็ดึงกุญแจแล้วกระโดดออกจากเรือไปยืนจังก้า
“แล้วคุณจะไปไหน” โชคชัยตะโกนถาม
“คุณจะไปกับฉันไหมล่ะ”
ไม่มีคำตอบ โชคชัยกระโดดออกจากเรือแล้ววิ่งตามเจ้าหล่อนไปทันทีเช่นกัน
“บ้าฉิบหายแล้ว” ประดิพัทธ์สบถเสียงดังพลางลุกขึ้น
“เขากำลังมัดมือเราชก” อินทราพอรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
“เอาไงดีคุณ อยู่ตรงนี้กว่าพวกนั้นจะตามมาพบ หรือถ้าพวกพี่ชายเขาตามมาพบแล้วพลอยโกรธเราไปด้วยเราก็แย่นา”
“แต่ถ้าปล่อยเขาทั้งคู่วิ่งเข้าป่าไปมันก็อันตรายพอกัน” ประดิพัทธ์ใคร่ครวญถึงผลดีผลเสียแล้วตัดสินใจไม่ถูก
“ตามเขาไปเถอะ ฉันเป็นห่วงพวกเขา” อินทราบอกความรู้สึกตัวเองออกไป
“กลัวนายโชคชัยจะไปทำอะไรคุณรังสิตาซิท่า”
“มันหื่นได้ที่แล้วล่ะ” อินทราหัวเราะออกมา ประดิพัทธ์เองก็หัวเราะ แต่เมื่อประดิพัทธ์กระโดดลงจากเรือ
ไปแล้ว อินทราที่จะก้าวกระโดดตามกลับมีทีท่าลังเล ก็ชุดของเธอเป็นกระโปรงบางพลิ้วแถมใส่รองเท้าสายรัดบางเฉียบมีส้นแล้วชีวิตบนบกของเธอจะเป็นอย่างไร
ประดิพัทธ์ส่งมือทั้งสองข้างให้ เมื่ออินทราตัดสินใจกระโดดเธอจึงเสียหลักถลาสู่อ้อมกอดของเขาอย่างเต็ม ๆ
“ผมขอโทษ” เขาบอกตามตรง อินทรารีบดันตัวเขาออกห่าง ไม่ใส่ใจกับเรื่องที่เขาออกตัว
“พวกเขาวิ่งไปทางไหนกันนะ”
อินทราชี้เป้าหมายทันที เมื่อประดิพัทธ์ พาอินทราเดินขึ้นตลิ่งไปก็พบว่ารังสิตายืนกอดอกหัวเราะเสียงดัง
“ไม่ต้องมาสนุกเลยคุณ คุณมันบ้า”
“ก็เพราะพวกคุณ ฉันจึงต้องบ้าแบบนี้”
“แล้วคุณจะไปไหน ไปอย่างไรอีก” ประดิพัทธ์คิดว่าหญิงสาวคงได้มีการเตรียมทางหนีทีไล่มาแล้ว
“ฉันคิดออกแค่นี้แหละ”
“เอากุญแจมาคืนผม ผมจะกลับที่พัก คุณอยากจะไปไหนก็เรื่องของคุณผมไม่เกี่ยว”
“ฉันปามันลงน้ำไปแล้ว” รังสิตาบอกตามตรง
“คุณมันบ้า” ประดิพัทธ์ว่าให้
“ฉันแค่อยากทำอะไรที่มันสนุก ๆ ดูบ้างก็เท่านั้น ฉันรู้ว่าคุณเดือดร้อนแน่ แต่ฉันไม่เกี่ยว คนที่เกี่ยวตั้งแต่แรกก็คือคุณ ถ้าไม่เพราะกระเป๋าเฮงซวยของคุณนั่น ฉันก็คงไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก เพราะฉะนั้น จะเดินตามฉันไปหรือว่าจะรอลูกกระสุนปืนของพี่ใหญ่อยู่ที่นี่ก็เรื่องของคุณ” รังสิตาพูดจบก็คล้องแขนของโชคชัยออกเดิน อินทราเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งตามไปด้วย ประดิพัทธ์ยืนเหลียวหน้าแลหลัง เวลาประมาณเที่ยงคืน แบบนี้ มันน่ายืนอยู่คนเดียวเสียเมื่อไหร่ล่ะ ไปก็ไปด้วยกันซิ
##################################
เมื่อนมแสงเห็นว่า ‘คงสมควรแก่เวลาแล้ว’ นางจึงตัดสินใจเคาะประตูห้องของแม่พิธีกรสาว เจ้าหล่อนเปิดประตูออกมาด้วยสีหน้างัวเงีย นมแสงพยายามสอดสายตาไปยังข้างในห้อง
“หาใครหรือป้า”
“คุณผู้ชายอยู่ข้างในไหม”
“อ้าว เขาก็อยู่กับเมียเขาซิ ป้านี่บ้าหรือเปล่า” หน้าตาคนพูดบึ้งตึงทันที มันดูถูกกันชัด ๆ เลย เมื่อเห็นว่าตัวเองผิดนมแสงจึงค่อย ๆ ถอยออกมากล่าวคำว่าขอโทษแล้วรีบเดินไปยังห้องของคุณนายใหญ่
“มีอะไรนมแสง” หน้าตาของคุณนายใหญ่บึ้งตึงไม่ต่างจากรัชดาพร
“คะคะคือคุณผู้ชายล่ะคะ”
“เขาไม่ได้นอนที่นี่”
“แล้วเขานอนที่ไหน”
“ก็ห้องเขาสิ ไม่น่าถาม แต่ว่ามีอะไร”
“เรื่องสำคัญมากแต่ว่าต้องบอกกับคุณผู้ชายเท่านั้น”
“คุณคะ คุณ” นมแสงใช้เสียงที่ดังพอเป็นพิธีและวิธีการเคาะที่เนิบนาบนี้นมแสงรู้ว่าผู้เป็นนายนั้นโปรดปรานเป็นที่สุด
“มีอะไรหรือนม”
“มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้วค่ะ”
ประตูบานใหญ่เปิดออกมาด้วยสายตากรุ้มกริ่มของผู้เป็นเจ้าของห้อง
“นมแสงหนาวใช่ไหม”
คนเปิดประตูออกมาทำท่าจะดึงนมแสงเข้าห้อง นมแสงเหลียวซ้ายแลขวา ก่อนจะผลุบตามไปอยู่ในอ้อมกอดที่เคยอุ่น“คุณรังสิตาขับเรือ พาพวกหนีไปค่ะ”
“อะไรนะ”
นมแสงรายงานอีกรอบ คราวนี้ผู้บัญชาการไม่สนใจแล้วว่าตัวเองนุ่งผ้าเรียบร้อยหรือไม่เขาเปิดประตูพร้อมกับใช้โทรศัพท์มือถือเรียกรวมพลทันทีเช่นกัน
รังสิตาเดินนำเพื่อนใหม่ทั้งสามคนไปทางทิศตะวันตก ซึ่งพอพ้นจากทิวไม้ป่าโปร่งแล้วจึงได้เห็นถนนลูกรังที่ทอดผ่าน
“คุณจะพาพวกเราไปไหน”
“ไปเรื่อยแหละ” รังสิตาตอบพลางสาวเท้ายาว ด้วยเธอสวมรองเท้าผ้าใบจึงไม่มีปัญหา แต่อินทราที่สวมรองเท้าแตะมีส้นถึงกับเดินโขยกเขยกเกาะแขนของประดิพัทธ์ระหว่างเดินไปด้วย
“ไหวไหม”
“ต้องไหวซิ” ด้วยเป็นคนที่อดทน เมื่อลงเรือลำเดียวกันมาแล้วเธอจำต้องฝืนทนเดินต่อไป
“ถ้าเราจะยืนรอพวกญาติของคุณรังสิตาที่ตรงนี้ละ” ประดิพัทธ์ถามความคิดเห็น ด้วยเขานึกถึงทรัพย์สินอันมีค่าของเขาที่จอดอยู่ในรีสอร์ต คนอื่น ๆ อาจจะหนีเอาตัวรอดไปได้ แต่เขาเองนั้น
ดาราหนุ่มถอนหายใจกับความซวยในครั้งนี้ อันที่จริงถ้าเขารู้ว่ามันจะเป็นอย่างนี้ เขาขึ้นรถโดยสารมาเสียยังดีกว่า แต่เฮ้อ! เรื่องมันผ่านมาจนถึงขั้นนี้แล้ว
อินทราพอเดาใจคนที่ประคองเธอเดินตามร่างสูงใหญ่ของโชคชัยและร่างเพรียวลมของรังสิตาออก หญิงสาวหยุดนิ่ง หันหน้าเข้าหาเขา อันที่จริงเธอควรใส่ใจความรู้สึกของนายจ้างของเธอมากกว่าเดินตามคนทั้งคู่ที่ยังเดินรุดหน้ากันไปเรื่อย ๆ
“ตกลงเราจะกลับไปที่เรือ ไปรอให้ทางนั้นมา แล้วเราค่อยคุยกัน ฉันว่าทางออกของปัญหาคงมี” พอพูดจบอินทราก็ตะโกนก้อง “คุณโชคชัย คุณโชคชัย” หล่อนเลือกเรียกแค่คนที่หล่อนมาด้วยเท่านั้น
“มีอะไร” โชคชัยตะโกนย้อนถามกลับมา
“เราสองคนจะไปรออยู่ที่เรือนะคะ” นั่นก็คือบอกให้รู้ว่า คุณต้องเลือกแล้วว่าจะช่วยผู้หญิงคนนั้นหรือจะกลับไปพร้อมกับเรา
โชคชัยหยุดนิ่ง ชั่งใจระหว่างก้าวตามร่างระหงที่ยังจ้ำเดินไปข้างหน้า กับเดินย้อนกลับมาหาคนที่ร่วมทุกข์กันมาสามวัน ถ้าเขาทิ้งให้รังสิตาเดินต่อไปคนเดียว กับทิ้งคนสองคนไว้
“คุณกลับไปรอที่เรือก็ได้ ผมจะตามคุณรังสิตาไปเอง”
เมื่อได้ยินอินทราถอนหายใจดังเฮือก
“ตกลงเธอจะเดินกลับใช่ไหม”
อินทราพยักหน้าอย่างใจหาย อันที่จริงเธอก็ไม่อยากทิ้งทั้งโชคชัยและรังสิตา แต่เธอก็จำเป็นต้อง
ช่วยคนที่กำลังพยุงเธออยู่เหมือนกัน

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ก.ค. 2554, 21:42:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.ค. 2554, 21:42:24 น.
จำนวนการเข้าชม : 1983
<< 13.อลวน ถนน หัวใจ | 15 อลวน ถนน หัวใจ >> |

คิมหันตุ์ 18 ก.ค. 2554, 23:06:32 น.
สู้ๆ คุณโชคชัย
สู้ๆ คุณโชคชัย

loveleklek 19 ก.ค. 2554, 07:53:44 น.
ตามมาอ่าน
ตามมาอ่าน

Zephyr 19 ก.ค. 2554, 11:23:30 น.
เอ่อ ตอนนี้ขัดใจคุณสิตามาก ตาโชคอีก งั้นให้สองคนนี้คู่กันไปเหอะ เอาหนูอินให้นายพัทธ์ไปละกัน รู้สึกว่าสองคนนี้เป็นปุถุชนดีค่ะ ไม่ใช่เทวดาอย่างสองคนนั่น ที่ทำไรคงไม่ผิดหรอก แบ็กอัพดีทั้งคู่เลยนี่
เอ่อ ตอนนี้ขัดใจคุณสิตามาก ตาโชคอีก งั้นให้สองคนนี้คู่กันไปเหอะ เอาหนูอินให้นายพัทธ์ไปละกัน รู้สึกว่าสองคนนี้เป็นปุถุชนดีค่ะ ไม่ใช่เทวดาอย่างสองคนนั่น ที่ทำไรคงไม่ผิดหรอก แบ็กอัพดีทั้งคู่เลยนี่

nutcha 19 ก.ค. 2554, 21:50:51 น.
อินทราน่ารักที่ซู๊ด......สิตานิสัยไม่ดีเลย นายโชคชัยยังชอบได้ก็สมกันล่ะ
อินทราน่ารักที่ซู๊ด......สิตานิสัยไม่ดีเลย นายโชคชัยยังชอบได้ก็สมกันล่ะ