แก้วขวัญวันรัก "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
เป็นเรื่องราวต่อยอดมาจาก แก้วขวัญวันรัก
โดยเรานำเรื่องราวของนางเอกทั้งสี่แบ่งพาสเป็นเรืองของตัวเองประกอบไปด้วย
"ประกาสิตรักแก้วกัลยา"
"พันธนาการรักขวัญชีวัน"
"ละลายรักวันวิวาห์"
"กลบ่วงรักรักจิรา"
โดยเรื่องแรกของ แก้วขวัญวันรักที่นำมาให้ได้อ่านกันคือ "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
แก้วกัลยาพี่สาวของโตของบ้านสิทธิทรัพย์อาภา
เมื่อถูกกดดันให้คลุมถุงชนกับเจษฎา เธอจึงต้องหาทางดิ้นให้พ้นบ่วงนี้
เธอจึงออกปากท้าอากง ว่าจะหาสามีที่ดีมาโชว์ให้ได้
แก้วกัลยาเลือก "เพทาย" ประธานหนุ่มแห่งวินัสมีเดีย
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ ผู้ชายที่เธออยากจะเอาชนะใจ
ผู้ชายที่ติดอยู่ในความทรงจำของเธอมาตลอดเจ็ดปี
แก้วกัลยาจะพิชิตใจเพทายได้หรือไม่ติดตามได้ใน "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
โดยเรานำเรื่องราวของนางเอกทั้งสี่แบ่งพาสเป็นเรืองของตัวเองประกอบไปด้วย
"ประกาสิตรักแก้วกัลยา"
"พันธนาการรักขวัญชีวัน"
"ละลายรักวันวิวาห์"
"กลบ่วงรักรักจิรา"
โดยเรื่องแรกของ แก้วขวัญวันรักที่นำมาให้ได้อ่านกันคือ "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
แก้วกัลยาพี่สาวของโตของบ้านสิทธิทรัพย์อาภา
เมื่อถูกกดดันให้คลุมถุงชนกับเจษฎา เธอจึงต้องหาทางดิ้นให้พ้นบ่วงนี้
เธอจึงออกปากท้าอากง ว่าจะหาสามีที่ดีมาโชว์ให้ได้
แก้วกัลยาเลือก "เพทาย" ประธานหนุ่มแห่งวินัสมีเดีย
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ ผู้ชายที่เธออยากจะเอาชนะใจ
ผู้ชายที่ติดอยู่ในความทรงจำของเธอมาตลอดเจ็ดปี
แก้วกัลยาจะพิชิตใจเพทายได้หรือไม่ติดตามได้ใน "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
Tags: แก้วกัลยา เพทาย ความรัก เดิมพัน
ตอน: ตอนที่ 16 ก่อนพายุจะมา
16
ก่อนพายุจะมา
หลังจากวันที่วิ่งเข้าไปในบ่อนผิดกฎหมายนั่นก็ผ่านมาเกือบสัปดาห์เธอก็แทบไม่ว่างเลย เพราะนอกจากต้องเตรียมงานแฟชั่นโชว์ที่แม้จะเหลือเวลาอีกนาน แต่เธอไม่ต้องการความผิดพลาด และยังเรื่องครีมตัวใหม่ที่เหมือนจะมีปัญหาถูกตีกลับมา เธอวิ่งดูงานจนแทบเหนื่อยหอบ เพทายแวะมารับเธอไปทานข้าวบางวัน บางวันก็ไปหาพรทิพย์ที่อาการยังไม่ดี ส่วนอธิชาติสามารถรอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ กระสุนที่ฝังในสมองไม่โดยจุดสำคัญเขาจึงรอดมาได้ แต่จะครบสามสิบสองไหมหมอบอกอาจต้องรอดูอาการตอนฟื้น ตอนนี้ผ่านมาร่วมอาทิตย์อธิชาติยังไม่มีท่าทีจะฟื้น และอติพงษ์ติดต่อกับเธอมาแล้วพบปลอกกระสุนปืนสองอันในที่เกิดเหตุ และกระสุนปืนทั้งสองเป็นคนละชนิดกัน เป็นไปตามที่แก้วกัลยาได้บอกว่ามีคนกำลังตามฆ่าปิดปากอธิชาติ
ทางด้านทรงกลดที่รอเสียบตำแหน่งแทนก็เหมือนจะเริ่มเป่าหูบอร์ดบริการเรื่องคดีความและมีคำสั่งให้ลอยแพรบัณฑิตาได้แล้ว บัณฑิตาจะเป็นปัญหาของบริษัท แต่เพทายไม่เห็นด้วย เกิดการโต้แย่งกันในห้องประชุม ผลสรุปของบอร์ดบริหารคือให้เพทายรีบจัดการปัญหานี้ให้เร็วที่สุด ภาระกลับมาตกที่เพทายอีกครั้งที่ต้องวิ่งวุ่นหาหลักฐาน ไหนจะจัดโปรเจ็คคอนเสิร์ต์ที่กำลังจะเกิดขึ้นแต่ปัญหาในบริษัทยังไม่คลี่คลายก็ต้องพับโครงการเก็บไป แก้วกัลยาได้แต่โทรไปให้กำลังใจเขาบ้าง โทรไปหยอดเรียกคะแนน อีกสิ่งหนึ่งที่หายไปคือดารินทิพย์ที่เธอไม่เคยเจออีกเลย แก้วกัลยาคิดว่ามันดีมากเพราะมันเป็นโอกาสของเธอแล้ว
ความคิดที่วกวนหยุดชะงักแก้วกัลยากลับมาสนใจมองแบบเสื้อสำหรับงานแฟชั่นของพีโอเนียที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาหลายปี เสื้อผ้าของห้องเสื้อพีโอเนียที่เคยไปโลดแล่นอยู่บนเวทีระดับโลกให้ผู้คนได้เห็นจนเป้นที่ประทับใจ ปลายปีนี้แก้วกัลยาจะจัดงานแฟชั่นโชว์ครบรอบปีที่ห้าของพีโอเนียร์ในงาน Paeonia Fall Winter 2014 ของห้องเสื้อ Paeonia ดังนั้นเธอและเทเรว่าต้องระดมสมองร่วมกันเตรียมงานที่ยิ่งใหญ่นี้ เสื้อผ้าในส่วนของเทเรซ่าส่งมาให้เธอช่วยดูเพื่อแก้อะไรเพิ่มเติม ส่วนของเธอเธอต้องส่งกลับไปให้เทเรซ่าตรวจสอบแก้ไขก่อนจะเริ่มลงมือตัดชุดสำหรับงานที่จะเกิดขึ้น เริ่มมีการแคสนางแบบที่เหมาะกับคอนเซป แก้วกัลยาต้องการนางแบบเอเชียหน้าใหม่ เพราะคอนเซปครั้งนี้คือ colors of the East สีสันแห่งตะวันออก แก้วกัลยาต้องการโชว์ความเป็นตะวันออกให้กับคนยุโรปได้เห็น แต่ก็มีบางส่วนอยากให้เป็นนางแบบมืออาชีพ หลังจากวีดีโอคอลเถียงกับทีมงานอยู่สักพักทุกคนก็ตกลงว่าจะเลือกนางแบบเอเชียที่เหมาะสมกับคอลเซปที่สุด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณแก้ว” แก้วกัลยามองมิลาที่เดินเข้ามา
“ทำไมมาได้ แมทล่ะ”
“วันนี้คุณแมทมีนัดทานข้าวกับคุณพิตต้าค่ะ”
“แล้วเธอมาทำไม ทำไมไม่ตามแมทไป ฉันให้เธอตามแมท แบบนี้ก็ไม่รู้สิว่ายัยพิตต้ากำลังทำอะไรกันแน่ เธอตามแมทตั้งนานแล้วยังไม่มีอะไรคืบหน้าให้ฉันเลยนะ” มิลาก้มหน้านิ่ง ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แก้วกัลป์ยาถอนใจกับหนูน้อยเปราะบาง
“ดิฉันขอคุณแมทตามไปแล้ว แต่เธอบอกสั่งถ้าตามไปเธอจะส่งดิฉันกลับมาทำงานกับคุณแก้วเหมือนเดิม”
“แมทอยู่ไทยมาเป็นเดือนแล้ว น่าแปลกที่เขายังไม่กลับ จะว่าคุณน้าขอให้อยู่ต่อก็ไม่ใช่ นายแมทบ้างานจะตายไป” แก้วกัลยาเปรยเสียงออกมา
“ดูเหมือนคุณแมทอยู่รออะไรสักอย่างค่ะ แต่ดิฉันไม่รู้ว่าคืออะไร ตอนก่อนจะออกไปกับคุณพิตต้า คุณแมทดู เหมือนจำใจไปมากกว่าค่ะ”
“แสดงว่าคงต้องมีอะไรที่แมทไม่ยอมบอกฉัน ที่มาไม่มีอะไรทำใช่ไหมงั้นก็ดี คุณมงกุฎจะกลับมาอาทิตย์หน้า วันนี้เธอกลับไปเอาแบบเสื้อในแฟ้มสีแดงมาให้ฉันด้วย พรุ่งนี้ฉันต้องส่งให้เทรซแล้ว”
“ค่ะ แล้ว...”
“รีบไปรีบมาเดี๋ยวฉันจะออกไปข้างนอก” มิลาเดินออกไปหลังจากรับคำ แก้วกัลยาวางดินสอในมือลงและมองไปที่โทรศัพท์ กดโทรหาใครคนหนึ่ง
(ฮัลโหล ว่าไงครับคุณแก้ว) เสียงนุ่มทุ่ม ฟังกี่ทีก็อุ่นใจดังผ่านปลายสายออกมา
“ยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ” แก้วกัลยาไม่เคยรู้สึกประหม่าเวลาพูดหรือคุย เธอมั่นใจทุกครั้งไม่ว่าจะทำอะไร แต่ช่วงหลัง ๆ มานี้ เธอกับรู้สึกว่าเวลาคุยกับเพทาย เธอรู้สึกไหววูบแปลก ๆ อาการประหม่าปรากฏขึ้นมาเสียอย่างนั้น ถ้าเธอจับตัวเขาเธอยังไม่รู้สึกอะไร แต่ถ้าเขาเผลอแตะตัวเธอ ใบหน้าของเขาแสดงความรู้สึกบางอย่างออกมา เธอรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟวิ่งไปทั่วร่าง แต่เรื่องอะไรเธอจะให้เพทายจับได้ เธอมักจะกลบเกลื่อนความรู้สึกเหล่านั้นได้ดีจนเพทายจับถึงความประหม่านั้นไม่ได้ ยิ่งความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขามันทวีความรุนแรงขึ้น ยิ่งเห็นสายตาอบอุ่นของเขาที่มองมามันอบอุ่นขึ้น เธอยิ่งรู้สึกว่าประหม่า เธออาจจะแพ้ผู้ชายสุภาพแบบเขา หรืออาจจะบอกว่าเธอแพ้ผู้ชายอย่างเพทายจะดีกว่า
(ไม่ครับ ผมเพิ่งกลับออกมาจากเยี่ยมแบร์ครับ กำลังจะไปเยี่ยมคุณแม่) เขาเอ่ยตอบ
“แล้วแบร์ว่าไงบ้างคะ”
(เดี๋ยวเราค่อยออกมาคุยกันดีกว่า เรื่องนี้มีเบื้องหลังจริง ๆ อย่างที่เราเดาไว้ครับ คงต้องรอให้แบงค์ฟื้น เราอาจจะได้รู้อะไรมากกว่านี้ เราต้องหาตัวคนบงการให้เจอ ผมไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ ต้องการทำลายวีนัส หรือทำลายผม คุณแก้วว่างไหมครับ)
“ว่างค่ะ” แก้วกัลยาตอบและปิดสมุดบันทึกทันทีที่ได้ยินคำถามจากเขา
(ถ้าอย่างนั้นออกมาทานข้าวไหมครับ เดี๋ยวหลังทานข้าวเราแวะไปเยี่ยมคุณแม่กัน) แก้วกัลยายิ้มแก้มปริ เผลอหยิกแก้มตัวเองราวกับต้องการเรียกสติ
“โอ๊ย!!!”
(เป็นอะไรหรือเปล่าครับ)
“ปะ..เปล่าค่ะ ถ้าอย่างนั้นคุณมารับฉันนะคะ ฉันอยู่ที่บ้าน จะแต่งตัวสวย ๆ รอ อย่าช้านะคะ ฉันไม่ชอบรออะไรนาน ๆ ถ้านานต้องมีการทำโทษกันสักหน่อย” แก้วกัลยาตัดสายและรีบวิ่งเข้าห้องน้ำแต่งตัวที่คิดว่าสวยที่สุด และเดินลงมาข้างล่าง พอดีกลับที่รักจิราเดินเข้าบ้านมา รักจิรามองลูกพี่ลูกน้องสาวก่อนจะเอ่ยขึ้น
“วันนี้องค์ที่ไหนลง แต่งตัวสวยขนาดนี้”
“ปกติฉันก็สวยอยู่แล้วย่ะ แน่นอน ฉันมีอะไรจะอวด คุณเพชรชวนฉันไปเดท อิจฉาไหมล่ะ ฉันกำลังจะมีแฟน คอยดูนะอีกไม่นาคุณเพชรต้องขอฉันแต่งงาน ทีนี้แหละอากงจะต้องอึ้ง แล้วแก..แกจะต้องอึ้งแน่ไอ้รัก” รักจิราเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าก่อนจะยกมือขึ้นอังหน้าผากเธอและเอ่ยขึ้น
“อะไรของแก”
“ตัวก็ไม่ร้อน ไข้ก็ไม่ขึ้น คงไม่ได้เพ้อเพราะพิษไข้ หรือตัวฝันกลางอยู่ กลับไปนอนก็ได้นะ อ้อเค้าแนะนำว่าไปหาหมอขอยาสลายมโนด่วนนะ จะได้หยุดคิดเองเออเองสักที”
“ไอ้...”
“แน่ะ แต่งตัวสวย แต่ปากไม่สวย ระวังนะแต่งตัวเป็นแม่สายบัวรอเก้อ”
“ไอ้รัก!!!” แก้วกัลยาอ้าปากเตรียมพ่นไฟ แต่รักจิราไม่อยู่รีบวิ่งขึ้นไปบนห้อง ปิดประตูเสียงดังเพื่อหนีแก้วกัลยา แก้วกัลยาสบถออกมาอย่างหงุดหงิด
“อย่าให้ถึงตาฉันบ้างแล้วกัน” แก้วกัลยาเดินมานั่งรอที่โซฟา มองนาฬิกาที่บอกเวลาเที่ยงครึ่ง เธอหยิบนิตยสารฉบับล่าสุดออกมาเปิดเพื่อดูเทรนแฟชั่นของเดือนนี้ แก้วกัลยาเปลี่ยนมากดโทรศัพท์คุยไลน์ เธอทำทุกอย่างที่เหมาะสำหรับคนว่าง มิลานำแบบมาให้เธอ เธอตรวจเช็คแบบเสื้อผ้าก่อนจะให้มิลาสแกนภาพเหล่านี้ส่งให้เทเรซ่าตรวจเช็ค และเธอจะรีบจัดเตรียมส่วนของเธอและตามไปฝรั่งเศส เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้จนแก้วกัลยาเงยหน้าขึ้นไปมองนาฬิกา
“บายสองครึ่ง” ใบหน้าสวยที่ยิ้มแย้มแจ่มใสตอนนี้เริ่มนิ่วหน้า ใบหน้าแทบจะม้วนกองลงมาเป็นก้อนเดียว เกิดมาไม่เคยรอใครขนาดนี้ โทรไปสายกับไม่ว่าง ตกลงยังจะมาอยู่ไหม
“ยังไม่ไปอีกหรอเจ๊แก้ว” รักจิราเดินลงมาในสภาพที่เรียกว่าบ้านสุด ๆ
“ถ้าไปแล้วแกจะเห็นฉันไหมล่ะ”
“อะไรกัน พูดดี ๆ ทำไมต้องหงุดหงิด คุณเพชรติดธุระหรือเปล่า” รักจิราเดินและเดินไปที่ครัวออกมาพร้อมกับแก้วน้ำสองใบ แก้วกัลยารับมากรอกเข้าปาก รักจิรามั่นใจว่าไม่ได้ดื่ม หรือจิบ แต่กรอกระบายความหงุดหงิดงุ่นง่านในใจ
“ไม่รู้โทรไม่ติด”
“คุณมินตราไง ลองโทรหาคุณมินตรา” แก้วกัลยากำลังจะกดโทรศัพท์โทรหามินตรา เสียงโทรศัพท์เธอก็ดังขึ้น แต่เป็นเบอร์ไม่คุ้นตา แก้วกัลยานิ่งไปสักพักว่าควรจะกดรับดีไหม
“อาจเป็นคุณเพชรก็ได้ รับสิ”
“รู้แล้วน่า” แก้วกัลยากดรับสายทันที เธอเงียบไม่ได้เอ่ยทักหรือเอ่ยรับใด ๆ รอให้ปลายสายได้เอ่ยขึ้นมาก่อน แต่ปลายสายก็เงียบจนแก้วกัลยาอยากจะกรีดร้องแต่เมื่อสบตากับรักจิราที่ส่ายหน้าก็ผ่อนลมหายใจออกมาช้า ๆ
“นั่นใคร ถ้าไม่พูดฉันจะวางแล้วนะคะ”
(ผมขอโทษ ผมติดธุระด่วน) น้ำเสียงที่แก้วกัลยาจำได้ขึ้นใจดังขึ้น แก้วกัลยาหันไปมองหน้ารักจิราที่ส่ายหน้า
“ช่างเถอะค่ะ นัดของฉันคงไม่สำคัญอะไรกับคุณหรอก แค่นี้ก่อนนะคะ” แก้วกัลยากดตัดสายไปทันที รักจิราทำตาโตมองเหมือนไม่คิดว่าแก้วกัลยาจะเป็นฝ่ายจบบทสนทนาห้วน ๆ แบบนี้
“ทำไมตัวไม่...”
“ผู้หญิงเรา เล่นตัวบ้าง แกรอดูนะอีกครึ่งชั่วโมง คุณเพชรจะมาปรากฏตัวหน้าบ้านเรา”
“ทำไมตัวรู้”
“เขากำลังตกหลุมรักฉันไงล่ะ”
“มั่นมาก ใครสอนความมั่นใจแบบหลงตัวเองให้กับตัวกันเจ๊แก้ว หรือติดนิสัยเจ๊ชาช่ากันเนี่ย” รักจิราเอ่ยถึงชาติชายหรือชาช่าเพื่อนร่วมก๊วนของแก้วกัลยา และทำท่าจะหัวเราะ
“แกไม่เชื่อรอดู” แก้วกัลยาเอ่ยและจับเวลานับถอยหลัง ระหว่างนั้นสองพี่น้องก็ถกเถียงปัญหากันไปมา จนเริ่มได้เวลาแก้วกัลยาเริ่มเงยหน้ามองนาฬิกาถี่ขึ้น ความมั่นใจเริ่มจางหาย
“ไหนล่ะคุณเพชร”
“สงครามยังมาจบอย่าพึ่งนับศพทหาร เหลืออีกสามนาที เขาต้องมาแน่แกรอดูแล้วกัน” แก้วกัลยาด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ แต่ใจของเธอเริ่มแกว่งเมื่อไม่เห็นแม้แต่เงาของเพทาย ไม่มีโทรตาม เธอเริ่มไม่แน่ใจ
“ถ้าคุณเพชรไม่มา ตัวต้องบอกความลับของตัวมาหนึ่งอย่าง”
“แกคิดว่า”
“เอาความลับมาแลกเสียดี ๆ นับถอยหลังเลยนะ ห้า” แก้วกัลยาทำหน้าเหมือนอยากจะต่อว่าน้องสาว
“สี่”
“สาม”
“สอง”
“หนึ่ง” ทันทีที่คำว่าหนึ่งดังขึ้น แก้วกัลยาใจหายวาบ ผลุนตัวลุกขึ้นเมื่อเสียงรถจอดลงที่หน้าบ้าน ใบหน้าที่กังวลชั่วเสี้ยววินาทีจางหายก่อนจะยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
“ฉันบอกแล้วไง แกไปเปิดดิ”
“ไปเองดิ”
“แกแพ้ ไปเปิดสิ” รักจิราชักสีหน้าและวิ่งไปเปิดประตูเมื่อเสียงกริ่งดังขึ้น แก้วกัลยาทำเป็นนั่งหลับฟุบอยู่ที่โต๊ะ รักจิราที่เดินเข้ามาถึงกับยิ้ม ตามจริงอยากจะหัวเราะแต่กลัวแก้วกัลยาจะลุกขึ้นมาตบเธอ
“เอ่อ...ฝากเจ๊แก้วด้วยนะคะ รอคุณตั้งแต่เที่ยงแล้ว เกือบเป็นแม่สายบัวแต่งตัวรอเก้อ ถ้าเจ๊แก้วอาละวาดอย่าถือสาผู้หญิงที่ใกล้วัยทองนะคะ” แก้วกัลยาเกือบเงยหน้าขึ้นมาอ้าปากด่าแต่เพราะรักจิราเอ่ยขึ้น
“ฉันขอพูดอะไรอีกอย่าง เจ๊แก้วน่ะดูเป็นคนร้าย ๆ แต่ก็เพี้ยน ไม่ได้ร้ายจริง ๆ จัง ๆ ที่สำคัญยัยเจ๊แก้วไม่เคยงอนใคร หยอดหวาน ๆ สักสองประโยคขี้คร้านจะวิ่งเข้าใส่คุณเพชร เอิ่ม...ขอตัวนะคะ รู้สึกเหมือนพายุจะเข้า” แล้วรักจิราก็วิ่งขึ้นไป เพทายมองตามไปอย่างงง ๆ และมองร่างที่ยังฟุบนิ่งจนเขาไม่รู้จะทำยังไง พอทำท่าจะเดินไป
“จะไม่พูดอะไรหน่อยหรอคะ ทำให้ฉันโกรธแล้วก็จะกลับไปเฉย ๆ เนี่ยหรอคะ”
“คุณไม่ได้...”
“ถ้าฉันหลับคงไม่เงยหน้าขึ้นมาหรอก คุณหลอกให้ฉันแต่งตัวรอได้ยังไงคะ คุณทำแบบนี้กับฉันได้ยังไงกัน ไม่มาก็น่าจะบอกกันสักนิดแต่อยู่ ๆ ก็หายเงียบไป”
“ผมมีธุระ ผมขอโทษ ถ้าผมขอแก้ตัวตอนนี้จะทันไหมครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะผิดนัดจริง ๆ และผมก็มาแล้ว” แก้วกัลยาที่นั่งหันหลังให้เขายิ้มออกมา ก่อนจะตีหน้านิ่งและหันหน้ากลับไปมองเขา เขามองแก้วกัลยาก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าแก้วกัลยาพลางยื่นดอกไม้ดอกหนึ่งให้เธอ แก้วกัลยามองดอกกุหลาบในมือเขา
“คุณไม่ได้ตัดมาจากหน้าบ้านฉันใช่ไหม” เพทายยิ้ม
“เปล่าครับ ผมซื้อมาเอง รับไหม” แก้วกัลยามองดอกไม้ เขาทำท่าจะชักมือกลับ แก้วกัลยาก็คว้ามือไปหยิบไว้ทันทีเหมือนกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจ
“ให้แล้วจะเอาคืนได้ไง ครั้งนี้ฉันไม่โกรธก็ได้ และคุณต้องไถ่โทษ วันนี้จนถึงหกโมงเย็นคุณต้องให้เวลาของคุณทั้งหมดกับฉัน ตามใจฉันห้ามเถียงห้ามขัดใจให้ฉันอารมณ์เสีย เข้าใจไหมคะ” เขาทำหน้าเหมือนนึกก่อนจะพยักหน้า
“ฉันพึ่งสังเกตหน้าคุณไปโดนอะไรมาคะ” แก้วกัลยาเอ่ยและยื่นมือไปจะแตะหน้าเขา เธอเห็นรอยแผลที่มุมปาก รอยช้ำที่ใบหน้า และที่ขมับมีรอยแผลเล็ก ๆ เพทายมองหน้าเธอและส่ายหน้า
“อุบัติเหตุเล็กหน่อยไม่มีหรอกครับ” แก้วกัลยายังมองอย่างสงสัย
“เราน่าจะรีบไปกันนะครับ คุณแก้วมีโปรโมชั่นจากผมไม่มาก ถ้าช้าเวลาจะยิ่งลดลงไปอีก”
“ก็ได้ค่ะ คุณออกไปรอฉันข้างนอกสักครู่แล้วฉันจะตามออกไป” เพทายพยักหน้าและเดินออกไป แก้วกัลยาเดินหายไปในครัวสักพักก็เดินออกมา เพทายกำลังยืนรออยู่ด้านนอกเดินไปรีบตะกร้าปิกนิกมาใส่ไว้หลังรถ
“ฉันขอเป็นคนขับรถนะคะ”
“ครับ” แก้วกัลยายิ้ม เธอดึงแขนเขาไว้ยังไม่ยอมให้ขึ้นรถ ก่อนจะเขย่งตัวขึ้นและฉกฉวยโอกาสนี้จรดริมฝีปากลงบนแก้มของเขาในทันที ใบหน้าหล่อปรากฏรอยแดง ๆ แก้วกัลยายิ้มและดึงแก้วเขาเบา ๆ เหมือนหยอกล้อ
“ลงโทษไงคะ”
“คุณเป็น...”
“เป็นผู้หญิงไม่ควรทำแบบนี้ ฉันฟังจนเบื่อล่ะ ก็ถ้าคุณไม่อยากให้ฉันทำโทษคุณ คุณก็ห้ามผิดนัดฉันอีก ไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวหมดเวลา” แก้วกัลยามองเขาที่เปิดประตูรถเข้าไปนั่ง แก้วกับยายิ้มออกมานิด ๆ ใบหน้าสวยปรากฏรอยแดงเล็ก แก้วกัลยารีบเข้าไปนั่งตำแหน่งคนขับก่อนจะขับรถออกไป เพทายมองเส้นทางที่แก้วกัลยาขับออกไปและเอ่ยถาม
“เราจะไปไหนกันครับ”
“สวนรถไฟค่ะ”
“เราไม่ได้ไปทานข้าว”
“เราจะไปปิกนิกกันค่ะ” เพทายทำสีหน้าเหมือนแปลกใจ
“วันนี้จนถึงหกโมงเวลาของคุณเป็นของฉัน วันนี้เรามาเดตกัน แล้วก็วันนี้คุณเป็นที่รักของฉัน เข้าใจตรงกันนะคะ” เพทายทำสีหน้าเหมือนอยากจะค้าน แต่เมื่อเจอแววตาที่มองเขาเหมือนอ้อน ๆ เขาก็ตัดสินใจเงียบ แก้วกัลยาขับรถเลี้ยวมาจอด ลานจอดรถมีรถไม่ค่อยเยอะ ด้วยวันนี้เป็นวันธรรมดาและยังไม่ใช่เวลาเลิกงาน คนจึงดูไม่เยอะเท่าที่ควร
แก้วกัลยาเปิดประตูเดินอ้อมไปที่หลังรถ เปิดกระโปรงหลังรถหยิบตะกร้าและผ้าปูผืนหนึ่งส่งให้เขา ก่อนจะเดินนำเขาไป สวนรถไฟสถานที่พักผ่อนหย่อนใจกลางกรุง สวนสาธารณที่เหมาะแก่การทำกิจกรรมต่าง ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อนคลายเครียด ทั้งการออกกำลังกาย ปั่นจักรยาน หรือเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์รถไฟ อุทยานผีเสื้อ สวนสาธารณกลางเมือง ความร่มรื่นแห่งนี้ช่วยผ่อนคลายจิตใจชาวกรุง ท่ามกลางความวุ่นวายของด้านนอก เมื่อเข้ามาจะพบทั้งความสงบ รื่นเริงภายใน คนสูงอายุกำลังทำกิจกรรมนันทนาการ บ้างรำไทเก็ก เต้นแอโรบิก มีคู่รักมานักผ่อนผ่อนอยู่บ้าง รวมถึงมีคู่บ่าวสาวที่มีถ่ายภาพพรีเวดดิ้งก่อนแต่งงาน แก้วกัลยาหยุดรอเพทายและเดินเข้ามาคล้องแขนเขาไว้
“วันนี้เรามาเดตกันค่ะ” เพทายไม่กล้าเถียงได้แต่ปล่อยให้เธอลากเขาไปเรื่อย ๆ และมาหยุดอยู่ที่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งที่ดูร่มรื่น และอยู่ติดกลับริมน้ำ สายลมเย็นพัดปะทะเข้าที่หน้า ความสดชื่นผ่อนคลายที่ไม่ได้พบมาร่วมอาทิตย์ค่อย ๆ แทรกซึมเข้ามา แก้วกัลยาเดินมาดึงผ้าปูออกมามือเขาและลงมือปู วางตะกร้าลงบนผ้าและน้ำของในตะกร้าออกมาวาง
“คุณทานซูชิได้ไหมคะ”
“ครับ”
“พอดี ฉันให้มิลาซื้อมา กะว่าจะกินตอนทำงาน แต่พอดีคุณโทรมาชวนฉันเลยยังไม่ได้ทาน ก็เลยเอาติดมา ในนี้มีแค่ซูชิ แล้วก็ขนมปังไม่มีอาหารอย่างอื่น หรือคุณอยากทานอย่างอื่นคะ”
“แค่นี้ก็ได้ครับ เรามาปิกนิกนี่ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็นั่งสิคะ” แก้วกัลยาเอ่ยชวน เพทายถอดรองเท้าและเดินมานั่งบนผ้าปู เขามองแก้วกัลยาที่กุลีกุจอจัดแจงทุกอย่างและยิ้มออกมา ภาพของเด็กสาวผมเปียที่ลากเขามานั่งบนผ้าปูชวนเล่นขายของกลับเข้ามาในความทรงจำ ความทรงจำที่ครั้งหนึ่งมันเคยเกิดขึ้น เจ็ดปีก่อนอาจไม่ใช่การเจอกันครั้งแรก เขาเจอแก้วกัลยาครั้งแรกตอนนั้นแก้วกัลยายังเป็นเบบี๋ตัวน้อย ตอนนั้นเขาเพียงหกขวบ หลังจากนั้นเขาได้พบเธออีกครั้งตอนเธอตามแก้วตาแม่ของเธอมาที่บ้าน เด็กหญิงแก้วกัลยาวัยหกขวบท่าทางหงอย ๆ จนดูน่าสงสารดึงดูดให้เขาเข้าไปคุยด้วย และตลอดปิดเทอมนั้นเขาก็ได้เจอเธอเป็นแขกประจำทุกวันก่อนจะแยกจากกันจนมาเจอกันอีกครั้งในงานศพของแก้วตา แก้วกัลยาไม่ได้นั่งรองไห้โฮออกมา แต่ดวงตาคล้ายโลกกำลังจะแตกทำให้เขาต้องหันหลังกลับไปมองอีกครั้ง การสูญเสียครั้งแรกทำให้แก้วกัลยาในวัยแปดขวบกลายเป็นคนนิ่งขรึมเขาทำได้เพียงพูดปลอบใจในวันนั้นก่อนจะแยกกับเธอ
อีกสองปีต่อมาในงานศพของแดเนียลพ่อของแก้วกัลยา การสูญเสียครั้งที่สองคือการสูญเสียโลกทั้งใบ แก้วกัลยาวัยสิบสองขวบดูหมองลงกว่าเมื่อห้าปีก่อนหลังจากแม่เสียชีวิต นิสัยดูกระด้างขึ้น เธออาละวาดใส่คนที่ว่าพ่อแม่เธอโดยไม่กลัว แก้วกัลยาดูเข้มแข็งขึ้น แต่ถ้าเขาไม่แอบไปเห็นแก้วกัลยานั่งร้องไห้อยู่หลังศาลาก็คิดว่าเธอคงทำใจได้แล้ว นั่นเป็นการเจอกันครั้งสุดท้ายในวัยเด็กก่อนจะมาเจอกันอีกครั้งเมื่อเจ็ดปีก่อนตามที่เธอเคยบอกไป เขาไม่คิดด้วยซ้ำว่าผู้หญิงที่ช่วยขึ้นมาจากน้ำจะเป็นเธอ เธอเปลี่ยนไปมาก ที่จำได้มีเพียงดวงตาคู่สีฟ้าที่มีประกายบางอย่างที่มันชวนให้คนที่เคยเจอกับเธอไม่มีวันลืม
ยิ่งเธอเข้าสู่วงสังคมชื่อเสียงของเธอยิ่งกว้างออกไป เขาได้รู้จักเธอในอีกมุมหนึ่ง ตัวตนร้ายกาจที่ทำให้คนมากมายพากันถอยหนี นิสัยที่ออกเดตกับผู้ชายไปทั่ว สลัดรักผู้ชายได้อย่างไม่ปรานี ทำให้เธอมีภาพลบ เพื่อนในกลุ่มนักธุรกิจที่เคยออกเดตกับเธอนำเรื่องเหล่านี้มาเล่าให้เขาฟัง เขาถึงรู้ว่าไม่มีเด็กหญิงแก้วกัลป์ยาคนนั้นอีกแล้ว และเขาก็ไม่อยากจะต้องโดยสลัดรักแบบผู้ชายคนอื่น ๆ เขาจึงเลือกที่จะไม่เข้าใกล้เธอ เว้นระยะห่างเท่าที่ทำได้ แต่แรงดึงดูดบางอย่างก็ดึงเขากับเธอให้มาใกล้กันอีก วันนี้เขาได้รู้อะไรบางอย่างบางทีเขาอาจจะอคติกับเธอมากไป ตัวตนของเด็กหญิงแก้วกัลยายังอยู่ตัวของแก้วกัลยาคนนี้ ตัวตนที่แม่ของเขายังมองเห็นตั้งแต่วันที่แก้วกัลยากลับมา แต่เขาไม่เคยมองเห็น
“ทำไมคุณถึงชวนผมมาปิกนิก” เขาเอ่ยถามหลังจากนั่งเงียบมองเธอเหม่อมองนกที่กำลังบินโฉบไปมาในสระน้ำ แก้วกัลยาหันกลับมามองหน้าเขาและยิ้ม
“อยากสวีตกับคุณบ้างไม่ได้หรอคะ" แก้วกัลยาเอ่ยทีเล่นทีจริง เพทายมองลลนานิ่ง ๆ
"รับมุกหน่อยก็ได้ค่ะคุณเพชร"
"ตกลงว่า..."
"ช่วงนี้คุณยุ่ง ๆ เจอแต่เรื่องตลอดเลย ฉันคิดว่าพาคุณมานั่งผ่อนคลายจะดีกว่า คุณน่าจะชอบนั่งอยู่ท่ามกลางต้นไม้ สายลง แสงแดดแบบนี้ ฉันเดาถูกไหมคะ” เธอยิ้มผ่อนคลายส่งมาให้เขา
“ครับ ตั้งแต่เข้ามาทำงานวีนัส เวลาผมก็แทบไม่เหลือ ยิ่งมีเรื่อง ผมแทบไม่มีเวลาพักผ่อน”
“เพราะอย่างนั้นไงคะ ฉันถึงพาคุณมา ช่วงนี้ฉันมักจะเห็นคุณขมวดคิ้วบ่อย ๆ หน้าตาเครียดบ่อย ๆ คุณต้องสู้กับศึกหลายด้าน ศึกใน ศึกนอก คุณเหนื่อยมาก ร่างกายคนเรามีขีดจำกัด ฉันไม่อยากให้คุณต้องล้ม ฉันอยากให้คุณพักผ่อน หาที่สงบ ผ่อนคลาย ที่นี่เวลานี้สงบมาก การที่คนเราอยู่กับธรรมชาติจะช่วยให้เราผ่อนคลายขึ้น ฉันอยากให้คุณมีวันสบาย ๆ แบบนี้บ้าง”
“ขอบคุณครับ”
“ไม่มีใครรู้ใจคุณไปมากกว่าฉันหรอกค่ะ และไม่มีใครเข้าใจคุณไปมากกว่าฉันด้วย คุณทำหน้าแบบนี้รับผิดชอบด้วยนะคะ” เขาทำหน้างง
“ก็หน้าแบบผมซาบซึ้งคุณ ผมตกหลุมรักคุณ คุณช่างเข้าใจผมดีเหลือเกิน” เขายิ้มและส่ายหน้ากับความคิดของแก้วกัลยาก่อนจะอ้าปากเอ่ยกับเธอ
“คุณชอบคิดอะไรไปเองแบบนี้บ่อย ๆ หรือเปล่าครับ”
“อะไรที่คิดแล้วมีความสุข ฉันก็คิด จะได้ไม่ต้องคิดมาก พอคิดมากก็ทุกข์ คิดไปเองแล้วมีความสุข ตัวเอายิ้มได้ สบายใจ ฉันว่ามันก็ดีนี่คะ น้ำไหมคะ” แก้วกัลยายื่นขวดน้ำให้กับเขา เขารับมาดื่ม
“ครอบครัวนั้นน่ารักนะคะ” แก้วกัลยาชี้ไปที่ครอบครัวเล็ก ๆ ที่มีพ่อแม่ลูก กำลังนั่งปิกนิกอยู่ไม่ห่างจากพวกเธอมากนัก ลูกสาวลูกชายวิ่งเล่นไล่จับผีเสือที่บินอยู่ ส่วนสามีล้มนอนลงบนตักภรรยา ลูกสาวลูกชายวิ่งมาล้มตัวนอนลงข้าง ๆ ดูแล้วช่างเป็นครอบครัวที่น่าอิจฉา
“คุณง่วงไหม” แก้วกัลยาเอ่ยถาม เพทายมองไปที่ภาพครอบครัวและมองมาที่แก้วกัลยา
“ไม่”
“โธ่ คุณเพชร คุณง่วงหน่อยสิ ฉันจะได้เสียสละตักให้นอนไง”
“ผมไม่ง่วง”
“คุณเพชร วันนี้คุณมาเดต ช่วยสร้างซีนหวาน ๆ หน้าจดจำหน่อยไม่ได้หรอคะ ไม่รู้แหละ ถ้าคุณไม่นอนตักฉัน ฉันจะนอนตักคุณแทนนะคุณเพชร” เพทายสบตากับผู้หญิงที่ชอบบังคับ สายตาเธอเหมือนจะเอาจริง
“ครับ ๆ กลับจากที่นี่คุณอยากไปไหนต่ออีกไหม”
“เอาไว้ฉันบอกอีกที ตอนนี้นอนก่อนสิคะ” เพทายยังไม่กล้านอน แก้วกัลยายิ้ม
“ว้า...ที่รักง่วงแล้ว เสียดายที่ไม่ได้หยิบหมอบมาด้วย นอนพื้นจะไม่สบายหัว ถ้าอย่างนั้นที่รักนอนตักเค้าแล้วกันนะ ไม่ต้องเกรงใจ คุณเพชร....” แก้วกัลยาเอ่ยเสียงอ่อนใจ “นี่ฉันอุตส่าห์สร้างสถานการณ์ คุณก็ตามน้ำสิ”
“เอ่อ...” เค้าไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดิ “สร้างสถานการณ์”
“ใช่ คุณจะได้ไม่เขินไง”
“ผมเปล่าเขิน” เขาตอบแก้วกัลยาไปทันที
“ถ้าอย่างนั้นนอนสิคะ เชื่อสิ ฉันไม่เอามีดมาแทงคอคุณหรอก นอนตักฉันนิ่มจะตาย สบายด้วย ตอนเด็ก ๆ ฉันยังชอบนอนตักมัมมากเลยนะ อบอุ่นสบายใจรู้สึกปลอดภัย” แก้วกัลยาเอ่ย
“ผมไม่ใช่เด็ก ผมนอนพื้นได้”
“คุณรังเกียจ”
“ไม่ใช่ ผมไม่ได้...” เขามองใบหน้าของแก้วกัลยาที่กำลังจ้องกดดันเขาตาเขม็ง สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจจออกมาอย่างเหนื่อยหน่วยใจ
“ก็ได้ นอนก็นอน” เพทายเอ่ยอย่างไม่กล้าเถียง และล้มตัวนอนลงบนตักของเธอ แก้วกัลยายิ้มอย่างพอใจ และมองใบหน้าขาวใส ที่ไม่มีริ้วรอยไฝฝ่า เขาเหมือนเทวดา มีออร่าประหลาดดึงดูดเธอตั้งแต่ครั้งแรก ยิ่งมองใกล้ ๆ ออร่าขาว ๆ ก็เหมือนจะเยอะขึ้น
“ทำไมคุณถึงชอบปลูกกระบองเพชร” อยู่ ๆ เพทายก็เอ่ยขึ้น เขายังไม่กล้าหลับตา รู้สึกอุ่น ๆ ในใจ และร้อน ๆ บนใบหน้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จะข่มตานอนก็ทำไม่ลง เขากับเธอไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นสักหน่อย แต่เขาก็ไม่เข้าใจทำไมถึงไม่ยอมขัดใจเธอ
“คุณคิดว่ามันไม่เข้ากับฉันใช่ไหมคะ” เขาพยักหน้า
“อย่างที่ฉันเล่าในการ์ด ว่าอากงนำมันมาให้ฉัน ตอนนั้นแด๊ดพึ่งเสีย ฉันเสียใจมาก จนทุกคนเป็นห่วง ทุกคนพยายามหาทางให้ฉันลืมเรื่องเศร้า ๆ ด้วยการ หางานอดิเรกให้ฉันทำ วันหนึ่งอากงนำต้นไม้ต้นเล็กมาให้ฉันสี่พี่น้องคนละต้น วันได้ต้นกุหลาบ ขวัญได้ต้นมะยม รักได้ต้นกระเพรา ฉันได้ต้นกระบองเพชร อากงบอกว่าถ้าภายในสามเดือนพวกฉันดูแลมันไม่ตายจะมีรางวัลให้ ครบกำหนดสามเดือน คุณคิดไหมว่าฉันจะทำต้นกระบองเพชรตาย ตายตั้งแต่สองอาทิตย์แรกด้วย”
“ทำไมล่ะ” เขาเอ่ยถาม แก้วกัลยาเหม่อมองไปที่สะน้ำก่อนจะเอ่ยต่อ
“สามเดือนที่ฉันต้องเสียมัมไป ฉันไม่สนใจจะทำอะไรเลย ฉันคิดว่ากระบองเพชรคงไม่ต้องทำอะไรมากแค่เอาไปตากแดดมันก็ไม่ตายแล้ว ฉันรดน้ำให้มันครั้งแรกครั้งเดียวและเอากระถางไปตั้งไว้กลางแจ้ง ไม่เคยออกไปดูอีก มีอยู่วันหนึ่งฝนตกฉันก็ลืมเก็บมันกลับเข้าร่ม แต่ฉันก็ไม่สนใจ ในขณะที่พี่น้องคนอื่นกลับรดน้ำ ดูแลมันทุกวันแม้แต่รักที่มักจะห่วงเล่นยังสละเวลามารดน้ำให้ต้นไม้ตัวเอง ฉันเป็นคนเดียวที่ดูแลต้นไม้ตาย ต้นไม้ของฉันที่ดูแลง่ายที่สุดยังทำตายได้”
“อากงคุณว่ายังไง”
“อากงมองหน้าฉันแล้วบอกว่า ทำไมถึงเอาเวลาของตัวเองไปทิ้งกับสิ่งที่เรียกกลับมาไม่ได้ ทำไมไม่ใช้เวลาของเราที่เหลืออยู่ให้ดี ทำสิ่งที่ดีให้เป็นประโยชน์ ต้นไม้ต้นเดียวตัดสินได้เลยว่า ฉันมันคนไร้ความรับผิดชอบ ไร้ความสามารถ ถ้ามัมกับแด๊ดรู้คงจะเกลียดขี้หน้า เพราะเขาสองคนเป็นคนที่รักการทำงาน รักหน้าที่ แต่ฉันกลับไม่เคยทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ฉันจะไม่มีวันทำให้มัมกับแด๊ดหรือใครภูมิใจได้ ฉันมัน...ไร้ค่า”
“คุณคิดไหมว่าอากงพูดแรงไป”
“ไม่หรอก ไม่แรงเลย อากงแค่ต้องการดึงฉันให้ลุกขึ้น ทุกคนได้รางวัล ได้ไปเที่ยวทะเลกันเป็นอาทิตย์ ส่วนฉันอากงพามาทิ้งไว้ที่บ้านน้าวิภา แม่ของวัน และนั่นทำให้ฉันคิดได้ว่า วันมีสภาพแย่กว่าฉันเสียอีก ต้องดูแลแม่ที่มีสภาพไม่ต่างจากตายทั้งเป็น สามารถทำหน้าที่มากมาย รับภาระได้อย่างเข้มแข็งทั้งที่อายุแค่แปดขวบ อย่างน้อยฉันก็ไม่มีภาระเท่าวันทำไมถึงยังเอาแต่ใช้เวลาอย่างเปล่าประโยชน์ ปล่อยเวลาทิ้งไปวัน ๆ แล้วต้นไม้เล็ก ๆ ต้นไม้ต้นเดียว ถ้าฉันยังดูแลไม่ได้ แล้วชีวิตฉัน ฉันจะดูแลได้หรือเปล่า ทำไมฉันถึงเอาเวลาที่ผ่านมาแล้วมาทำร้ายตัวเองให้ต้องนั่งเศร้า
คุณรู้ไหม หลังจากวันนั้นนะ ฉันไปหาซื้อหนังสือเลี้ยงกระบองเพชร และทุบเงินในกระปุกหมูที่คิดว่าจะเอาไปซื้อชุดสวย ๆ เพราะอากงไม่ยอมซื้อให้ ไปซื้อต้นกระบองเพชรมาสิบกว่าต้น แล้วก็เปิดหนังสือดูว่ากระบองเพชรควรจะเลี้ยงยังไง แล้วใครจะไปคิดว่าฉันจะชอบการที่นั่งดูแลต้นกระบองเพชร กระบองเพชรไม่ต้องมีเวลาให้มันมากทุกวัน แต่แค่รู้จักใส่ใจ รู้ว่าเมื่อไหร่ควรให้น้ำ รู้ว่าแสงแดดแบบไหนเหมาะกับกระบองเพชร บางทีฉันก็คิดว่า ผู้ชายชอบเปรียบผู้หญิงเหมือนดอกไม้ สวยงามน่าเด็ดดอมมาเก็บไว้และแห่งเหี่ยวตาย แต่ฉันอยากจะบอก ฉันไม่ใช่ดอกไม้ เพราะฉันไม่ชอบให้ใครมาเด็ดแล้วทิ้ง แต่ฉันเหมือนกระบองเพชร เข้มแข็ง แข็งแกร่ง จะสวยงามเมื่อดอกไม้ผลิบานเพียงแค่รอเวลา สามารถทนร้อนทนหนาว แต่ถ้าขาดการดูแล เอาใจใส่ ฉันก็สามารถแห้งเหี่ยวตายได้” แก้วกัลยาก้มมองหน้าเขาก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ที่รักจะช่วยเลี้ยงดูต้นกระบองเพชรต้นนี้ได้ไหมคะ” เพทายยิ้มและหลับตาลงทันทีเหมือนหนีกันไปดื้อ ๆ
“หลับแบบนี้ หอมแก้มดีไหมหน้า หรือจะลักหลับดี” เพทายลืมตาทันทีอย่างที่แก้วกัลยาเดาไว้
“คุณเป็น...”
“ผู้หญิงไม่ควรทำแบบนี้ เป็นผู้หญิงแล้วไงคะ ฉันเป็นคนตรงชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็บอกไม่ชอบ ฉันชอบคุณฉันแสดงออกไม่เห็นจะผิดอะไร” เขามองแก้วกัลยาที่พูดเหมือนไม่สนใจอะไร เขารู้ว่าเธอเป็นคนมั่นแค่ไหน เพทายยิ้มเหนื่อยใจก่อนจะปิดดวงตาคมกล้าของเขาลงอย่างเถียงไม่ออก
“ฉันดีใจนะที่เป็นคุณที่ช่วยฉันเมื่อเจ็ดปีก่อน ไม่อย่างนั้นฉันคงจะไม่ได้มานั่งอยู่ตรง ๆ ฉันคงจะใช้ชีวิตแบบร้ายกาจไปวัน ๆ เห็นความรักเป็นเพียงเรื่องเล่น ๆ ไปวัน ๆ ถ้าจะขอบคุณใครสักคนก็ต้องขอบคุณรัก ถ้าวันนั้นฉันไม่เห็นรูปคุณที่รักถ่ายมา ฉันคงไม่ช่วยไปเป็นสไตลิสต์ให้ ปกติฉันไม่ชอบทำงานอะไรมากกว่าหน้าที่ตัวเองอยู่แล้ว ฉันดีใจที่ได้เจอคุณ ไม่เคยเบื่อที่วิ่งตามคุณ ฉันอาจไม่ดีพอ ไม่ได้เป็นผู้หญิงในฝันอย่างที่คุณชอบ และฉันคงทำตัวในแบบที่คุณชอบไม่ได้ แต่ฉันจะทำให้คุณรับในสิ่งที่ฉันเป็น ยิ่งอยู่ใกล้คุณมากเท่าไหร่ความรู้สึกที่มีต่อคุณมันก็ยิ่งมากขึ้น ฉันคิดว่าฉันคงปล่อยคุณอีกไม่ได้ สิ่งที่ฉันทำ มันไม่ใช่แค่อยากเอาชนะ แต่มันคือความรัก น่าแปลกที่มีผู้ชายที่ดีกับฉันถึงสองคน ฉันกลับไม่เคยสนใจ แต่คนที่ไม่เคยสนใจฉันอย่างคุณ ฉันเลือกที่จะรักโดยไม่ต้องคิด คุณเพชรคะ” แก้วกัลยาเอ่ยเรียกเขา แต่เขากลับยังเงียบ แก้วกัลยามองชะโงกหน้าลงมาใกล้ ๆ จังหวะลมหายใจที่สม่ำเสมอ เปลือกตาที่ปิดสนิท ทำให้รู้ว่า เขาหลับไปแล้ว
“พูดตั้งเยอะ หลับหรอเนี่ย” แก้วกัลยาเอ่ยออกมาอย่างเสียดาย เธอปัดผม มือแตะใบหน้าที่สงบนิ่งของเขา เธอรอวันนี้มานานแค่ไหนกันนะ เธออยากหยุดเวลาแห่งความสุขตรงนี้ไว้ เธอรู้สึกได้ว่าหลังจากวันนี้จะมีบางอย่างเกิดขึ้นอีกมาก และจะไม่มีทางได้อยู่สงบ ๆ กับเขาแบบนี้อีก เธอขอเก็บเกี่ยวความรู้สึกนี้ไว้ให้นานที่สุด เธอกลัวอะไรบางอย่าง กลัวว่าเขาจะไม่มีทางอยู่กับเธอแบบนี้อีก
ครืด ครืด ครืด
แก้วกัลยามองเบอร์ที่โชว์อยู่ เธอนิ่งอยู่สักพัก และคิดทบทวนไปมาว่าควรจะรับไหม เธอมองเพทายด้วยแววตาไม่สบายใจก่อนจะกดรับสาย
“ว่าไงมิน”
(ดิฉันติดต่อท่านประธานไม่ได้ เมื่อครู่ทางตำรวจติดต่อมาว่านายอธิชาติเหมือนจะได้สติแล้ว แต่ยังฟื้นร่างกายไม่เต็มที่ คุณแก้วกับคุณเพชรจะมาไหมคะ)
“เดี๋ยวฉันกับคุณเพชรจะไป เธอรอฉันสักพัก ตำรวจว่ายังไงบ้าง”
(หมอกำลังตรวจร่างกายนายอธิชาติ ถ้าจะสอบสวนก็ต้องรอให้ร่างกายอธิชาติพร้อมค่ะ)
“ขอบใจมาก” แก้วกัลยากดตัดสายและมองเขา เธอลูบผมนุ่มลื่นของเขาเบา ๆ
“เรื่องของแบร์ใกล้จบแล้ว เรามีความหวังแล้วคุณเพชร หวังว่าจบเรื่องนี้ บอร์ดบริหารคงจะไม่หาเรื่องเล่นงานคุณอีกนะคะ” แก้วกัลยาเอ่ย
เพทายขับรถมาจอดลงที่ลานจอดรถในโรงพยาบาล เขาเปิดประตูกำลังจะลงจากรถ แก้วกัลยาจับมือเขาไว้ก่อนที่เขาจะเปิดประตูลงไป เขาหันมามองแก้วกัลยาที่เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง
“คุณคิดว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือใครกันแน่คะ คุณทรงกลด เขาอยากได้วีนัส เขาจะทำลายชื่อเสียงวีนัสไปทำไมกันคะ หรือจะเป็นนายเมฆาที่มีส่วนเกี่ยวกับเรื่องนี้เต็ม ๆ”
“ผมก็ไม่รู้ เราอาจจะได้เรื่องอะไรบางอย่าง”
“คุณเป็นถึงผู้บริหาร ไม่จำเป็นต้องมาจัดการเรื่องพวกนี้เอง พวกเขาก็แค่อยากจะบีบคุณ จบเรื่องนี้มันอาจจะมีอีกก็ได้” แก้วกัลยาเอ่ย เพทายยิ้มเหนื่อย ๆ ให้เธออีกครั้ง
“ผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย บางทีผมอาจจะต้องทำอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะเกิดเรื่องร้ายแรงกว่านี้ เรื่องนี้มีชีวิตแม่ผมเข้าไปเกี่ยว เรื่องมันคงจะไม่ใช่แค่วีนัส”
“คุณไปคุยกับแบร์มาเป็นยังไงบ้างคะ” แก้วกัลยาถามหลังจากที่บัณฑิตาต้องนอนพักรักษาตัวจากอาการช็อคหมดสติไปจากการได้รับสารเสพติดในปริมาณมาก แต่โชคดีที่เข้ารักษาตัวได้ทันไม่อย่างนั้นบัณฑิตาอาจจะเสียชีวิตไปแล้ว แม้จะรอดชีวิตมาได้แต่ร่างกายบัณฑิตาก็ไม่พร้อมจะให้การจึงยืดเยื้อมาหลายสัปดาห์จนเมื่อเช้าที่เพทายมีโอกาสได้ไปคุยกับบัณฑิตา
“แบร์บอกว่าวันนั้นมีแบ็คสเตจ คนหนึ่งถือกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ บอกว่าเจ๊ลูกพีช ผู้จัดการส่วนตัวของแบร์ฝากมาให้ กระดาษใบนั้นบอกให้แบร์ไปร้องเพลงงานวันเกิด แบร์บอกว่าเธอแค่เข้าไปร้องเพลง หลังจากนั้นก็รู้สึกวูบไป รู้ตัวอีกทีเธอก็นอนอยู่ในห้องพยาบาล ถูกจับคดีเสพยาไปแล้ว”
“คุณได้ถามเรื่องยาเสพติดไหม”
“แบร์บอกไม่รู้”
“คืนนั้นในห้องน้ำน่ามีอะไรจริง ๆ แต่เหมือนแบร์จะรอดยากนะคะ คืนนั้นมีคนตั้งใจจัดฉากแบบสมบูรณ์การจองทุกอย่างใช้ชื่อแบร์ แขกในงานยังบอกว่าเป็นงานของแบร์ จะหลุดข้อกล่าวหาก็มีแค่แบงค์ ขอให้เขาหายดีจำทุกอย่างได้อย่าความจำเสื่อม อย่าเป็นเอ๋อ”
“เราอาจไม่โชคร้ายขนาดนั้น เราเข้าไปข้างในกันดีกว่าครับ”
...ติดตามตอนต่อไป...
ก่อนพายุจะมา
หลังจากวันที่วิ่งเข้าไปในบ่อนผิดกฎหมายนั่นก็ผ่านมาเกือบสัปดาห์เธอก็แทบไม่ว่างเลย เพราะนอกจากต้องเตรียมงานแฟชั่นโชว์ที่แม้จะเหลือเวลาอีกนาน แต่เธอไม่ต้องการความผิดพลาด และยังเรื่องครีมตัวใหม่ที่เหมือนจะมีปัญหาถูกตีกลับมา เธอวิ่งดูงานจนแทบเหนื่อยหอบ เพทายแวะมารับเธอไปทานข้าวบางวัน บางวันก็ไปหาพรทิพย์ที่อาการยังไม่ดี ส่วนอธิชาติสามารถรอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ กระสุนที่ฝังในสมองไม่โดยจุดสำคัญเขาจึงรอดมาได้ แต่จะครบสามสิบสองไหมหมอบอกอาจต้องรอดูอาการตอนฟื้น ตอนนี้ผ่านมาร่วมอาทิตย์อธิชาติยังไม่มีท่าทีจะฟื้น และอติพงษ์ติดต่อกับเธอมาแล้วพบปลอกกระสุนปืนสองอันในที่เกิดเหตุ และกระสุนปืนทั้งสองเป็นคนละชนิดกัน เป็นไปตามที่แก้วกัลยาได้บอกว่ามีคนกำลังตามฆ่าปิดปากอธิชาติ
ทางด้านทรงกลดที่รอเสียบตำแหน่งแทนก็เหมือนจะเริ่มเป่าหูบอร์ดบริการเรื่องคดีความและมีคำสั่งให้ลอยแพรบัณฑิตาได้แล้ว บัณฑิตาจะเป็นปัญหาของบริษัท แต่เพทายไม่เห็นด้วย เกิดการโต้แย่งกันในห้องประชุม ผลสรุปของบอร์ดบริหารคือให้เพทายรีบจัดการปัญหานี้ให้เร็วที่สุด ภาระกลับมาตกที่เพทายอีกครั้งที่ต้องวิ่งวุ่นหาหลักฐาน ไหนจะจัดโปรเจ็คคอนเสิร์ต์ที่กำลังจะเกิดขึ้นแต่ปัญหาในบริษัทยังไม่คลี่คลายก็ต้องพับโครงการเก็บไป แก้วกัลยาได้แต่โทรไปให้กำลังใจเขาบ้าง โทรไปหยอดเรียกคะแนน อีกสิ่งหนึ่งที่หายไปคือดารินทิพย์ที่เธอไม่เคยเจออีกเลย แก้วกัลยาคิดว่ามันดีมากเพราะมันเป็นโอกาสของเธอแล้ว
ความคิดที่วกวนหยุดชะงักแก้วกัลยากลับมาสนใจมองแบบเสื้อสำหรับงานแฟชั่นของพีโอเนียที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาหลายปี เสื้อผ้าของห้องเสื้อพีโอเนียที่เคยไปโลดแล่นอยู่บนเวทีระดับโลกให้ผู้คนได้เห็นจนเป้นที่ประทับใจ ปลายปีนี้แก้วกัลยาจะจัดงานแฟชั่นโชว์ครบรอบปีที่ห้าของพีโอเนียร์ในงาน Paeonia Fall Winter 2014 ของห้องเสื้อ Paeonia ดังนั้นเธอและเทเรว่าต้องระดมสมองร่วมกันเตรียมงานที่ยิ่งใหญ่นี้ เสื้อผ้าในส่วนของเทเรซ่าส่งมาให้เธอช่วยดูเพื่อแก้อะไรเพิ่มเติม ส่วนของเธอเธอต้องส่งกลับไปให้เทเรซ่าตรวจสอบแก้ไขก่อนจะเริ่มลงมือตัดชุดสำหรับงานที่จะเกิดขึ้น เริ่มมีการแคสนางแบบที่เหมาะกับคอนเซป แก้วกัลยาต้องการนางแบบเอเชียหน้าใหม่ เพราะคอนเซปครั้งนี้คือ colors of the East สีสันแห่งตะวันออก แก้วกัลยาต้องการโชว์ความเป็นตะวันออกให้กับคนยุโรปได้เห็น แต่ก็มีบางส่วนอยากให้เป็นนางแบบมืออาชีพ หลังจากวีดีโอคอลเถียงกับทีมงานอยู่สักพักทุกคนก็ตกลงว่าจะเลือกนางแบบเอเชียที่เหมาะสมกับคอลเซปที่สุด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณแก้ว” แก้วกัลยามองมิลาที่เดินเข้ามา
“ทำไมมาได้ แมทล่ะ”
“วันนี้คุณแมทมีนัดทานข้าวกับคุณพิตต้าค่ะ”
“แล้วเธอมาทำไม ทำไมไม่ตามแมทไป ฉันให้เธอตามแมท แบบนี้ก็ไม่รู้สิว่ายัยพิตต้ากำลังทำอะไรกันแน่ เธอตามแมทตั้งนานแล้วยังไม่มีอะไรคืบหน้าให้ฉันเลยนะ” มิลาก้มหน้านิ่ง ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แก้วกัลป์ยาถอนใจกับหนูน้อยเปราะบาง
“ดิฉันขอคุณแมทตามไปแล้ว แต่เธอบอกสั่งถ้าตามไปเธอจะส่งดิฉันกลับมาทำงานกับคุณแก้วเหมือนเดิม”
“แมทอยู่ไทยมาเป็นเดือนแล้ว น่าแปลกที่เขายังไม่กลับ จะว่าคุณน้าขอให้อยู่ต่อก็ไม่ใช่ นายแมทบ้างานจะตายไป” แก้วกัลยาเปรยเสียงออกมา
“ดูเหมือนคุณแมทอยู่รออะไรสักอย่างค่ะ แต่ดิฉันไม่รู้ว่าคืออะไร ตอนก่อนจะออกไปกับคุณพิตต้า คุณแมทดู เหมือนจำใจไปมากกว่าค่ะ”
“แสดงว่าคงต้องมีอะไรที่แมทไม่ยอมบอกฉัน ที่มาไม่มีอะไรทำใช่ไหมงั้นก็ดี คุณมงกุฎจะกลับมาอาทิตย์หน้า วันนี้เธอกลับไปเอาแบบเสื้อในแฟ้มสีแดงมาให้ฉันด้วย พรุ่งนี้ฉันต้องส่งให้เทรซแล้ว”
“ค่ะ แล้ว...”
“รีบไปรีบมาเดี๋ยวฉันจะออกไปข้างนอก” มิลาเดินออกไปหลังจากรับคำ แก้วกัลยาวางดินสอในมือลงและมองไปที่โทรศัพท์ กดโทรหาใครคนหนึ่ง
(ฮัลโหล ว่าไงครับคุณแก้ว) เสียงนุ่มทุ่ม ฟังกี่ทีก็อุ่นใจดังผ่านปลายสายออกมา
“ยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ” แก้วกัลยาไม่เคยรู้สึกประหม่าเวลาพูดหรือคุย เธอมั่นใจทุกครั้งไม่ว่าจะทำอะไร แต่ช่วงหลัง ๆ มานี้ เธอกับรู้สึกว่าเวลาคุยกับเพทาย เธอรู้สึกไหววูบแปลก ๆ อาการประหม่าปรากฏขึ้นมาเสียอย่างนั้น ถ้าเธอจับตัวเขาเธอยังไม่รู้สึกอะไร แต่ถ้าเขาเผลอแตะตัวเธอ ใบหน้าของเขาแสดงความรู้สึกบางอย่างออกมา เธอรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟวิ่งไปทั่วร่าง แต่เรื่องอะไรเธอจะให้เพทายจับได้ เธอมักจะกลบเกลื่อนความรู้สึกเหล่านั้นได้ดีจนเพทายจับถึงความประหม่านั้นไม่ได้ ยิ่งความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขามันทวีความรุนแรงขึ้น ยิ่งเห็นสายตาอบอุ่นของเขาที่มองมามันอบอุ่นขึ้น เธอยิ่งรู้สึกว่าประหม่า เธออาจจะแพ้ผู้ชายสุภาพแบบเขา หรืออาจจะบอกว่าเธอแพ้ผู้ชายอย่างเพทายจะดีกว่า
(ไม่ครับ ผมเพิ่งกลับออกมาจากเยี่ยมแบร์ครับ กำลังจะไปเยี่ยมคุณแม่) เขาเอ่ยตอบ
“แล้วแบร์ว่าไงบ้างคะ”
(เดี๋ยวเราค่อยออกมาคุยกันดีกว่า เรื่องนี้มีเบื้องหลังจริง ๆ อย่างที่เราเดาไว้ครับ คงต้องรอให้แบงค์ฟื้น เราอาจจะได้รู้อะไรมากกว่านี้ เราต้องหาตัวคนบงการให้เจอ ผมไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ ต้องการทำลายวีนัส หรือทำลายผม คุณแก้วว่างไหมครับ)
“ว่างค่ะ” แก้วกัลยาตอบและปิดสมุดบันทึกทันทีที่ได้ยินคำถามจากเขา
(ถ้าอย่างนั้นออกมาทานข้าวไหมครับ เดี๋ยวหลังทานข้าวเราแวะไปเยี่ยมคุณแม่กัน) แก้วกัลยายิ้มแก้มปริ เผลอหยิกแก้มตัวเองราวกับต้องการเรียกสติ
“โอ๊ย!!!”
(เป็นอะไรหรือเปล่าครับ)
“ปะ..เปล่าค่ะ ถ้าอย่างนั้นคุณมารับฉันนะคะ ฉันอยู่ที่บ้าน จะแต่งตัวสวย ๆ รอ อย่าช้านะคะ ฉันไม่ชอบรออะไรนาน ๆ ถ้านานต้องมีการทำโทษกันสักหน่อย” แก้วกัลยาตัดสายและรีบวิ่งเข้าห้องน้ำแต่งตัวที่คิดว่าสวยที่สุด และเดินลงมาข้างล่าง พอดีกลับที่รักจิราเดินเข้าบ้านมา รักจิรามองลูกพี่ลูกน้องสาวก่อนจะเอ่ยขึ้น
“วันนี้องค์ที่ไหนลง แต่งตัวสวยขนาดนี้”
“ปกติฉันก็สวยอยู่แล้วย่ะ แน่นอน ฉันมีอะไรจะอวด คุณเพชรชวนฉันไปเดท อิจฉาไหมล่ะ ฉันกำลังจะมีแฟน คอยดูนะอีกไม่นาคุณเพชรต้องขอฉันแต่งงาน ทีนี้แหละอากงจะต้องอึ้ง แล้วแก..แกจะต้องอึ้งแน่ไอ้รัก” รักจิราเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าก่อนจะยกมือขึ้นอังหน้าผากเธอและเอ่ยขึ้น
“อะไรของแก”
“ตัวก็ไม่ร้อน ไข้ก็ไม่ขึ้น คงไม่ได้เพ้อเพราะพิษไข้ หรือตัวฝันกลางอยู่ กลับไปนอนก็ได้นะ อ้อเค้าแนะนำว่าไปหาหมอขอยาสลายมโนด่วนนะ จะได้หยุดคิดเองเออเองสักที”
“ไอ้...”
“แน่ะ แต่งตัวสวย แต่ปากไม่สวย ระวังนะแต่งตัวเป็นแม่สายบัวรอเก้อ”
“ไอ้รัก!!!” แก้วกัลยาอ้าปากเตรียมพ่นไฟ แต่รักจิราไม่อยู่รีบวิ่งขึ้นไปบนห้อง ปิดประตูเสียงดังเพื่อหนีแก้วกัลยา แก้วกัลยาสบถออกมาอย่างหงุดหงิด
“อย่าให้ถึงตาฉันบ้างแล้วกัน” แก้วกัลยาเดินมานั่งรอที่โซฟา มองนาฬิกาที่บอกเวลาเที่ยงครึ่ง เธอหยิบนิตยสารฉบับล่าสุดออกมาเปิดเพื่อดูเทรนแฟชั่นของเดือนนี้ แก้วกัลยาเปลี่ยนมากดโทรศัพท์คุยไลน์ เธอทำทุกอย่างที่เหมาะสำหรับคนว่าง มิลานำแบบมาให้เธอ เธอตรวจเช็คแบบเสื้อผ้าก่อนจะให้มิลาสแกนภาพเหล่านี้ส่งให้เทเรซ่าตรวจเช็ค และเธอจะรีบจัดเตรียมส่วนของเธอและตามไปฝรั่งเศส เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้จนแก้วกัลยาเงยหน้าขึ้นไปมองนาฬิกา
“บายสองครึ่ง” ใบหน้าสวยที่ยิ้มแย้มแจ่มใสตอนนี้เริ่มนิ่วหน้า ใบหน้าแทบจะม้วนกองลงมาเป็นก้อนเดียว เกิดมาไม่เคยรอใครขนาดนี้ โทรไปสายกับไม่ว่าง ตกลงยังจะมาอยู่ไหม
“ยังไม่ไปอีกหรอเจ๊แก้ว” รักจิราเดินลงมาในสภาพที่เรียกว่าบ้านสุด ๆ
“ถ้าไปแล้วแกจะเห็นฉันไหมล่ะ”
“อะไรกัน พูดดี ๆ ทำไมต้องหงุดหงิด คุณเพชรติดธุระหรือเปล่า” รักจิราเดินและเดินไปที่ครัวออกมาพร้อมกับแก้วน้ำสองใบ แก้วกัลยารับมากรอกเข้าปาก รักจิรามั่นใจว่าไม่ได้ดื่ม หรือจิบ แต่กรอกระบายความหงุดหงิดงุ่นง่านในใจ
“ไม่รู้โทรไม่ติด”
“คุณมินตราไง ลองโทรหาคุณมินตรา” แก้วกัลยากำลังจะกดโทรศัพท์โทรหามินตรา เสียงโทรศัพท์เธอก็ดังขึ้น แต่เป็นเบอร์ไม่คุ้นตา แก้วกัลยานิ่งไปสักพักว่าควรจะกดรับดีไหม
“อาจเป็นคุณเพชรก็ได้ รับสิ”
“รู้แล้วน่า” แก้วกัลยากดรับสายทันที เธอเงียบไม่ได้เอ่ยทักหรือเอ่ยรับใด ๆ รอให้ปลายสายได้เอ่ยขึ้นมาก่อน แต่ปลายสายก็เงียบจนแก้วกัลยาอยากจะกรีดร้องแต่เมื่อสบตากับรักจิราที่ส่ายหน้าก็ผ่อนลมหายใจออกมาช้า ๆ
“นั่นใคร ถ้าไม่พูดฉันจะวางแล้วนะคะ”
(ผมขอโทษ ผมติดธุระด่วน) น้ำเสียงที่แก้วกัลยาจำได้ขึ้นใจดังขึ้น แก้วกัลยาหันไปมองหน้ารักจิราที่ส่ายหน้า
“ช่างเถอะค่ะ นัดของฉันคงไม่สำคัญอะไรกับคุณหรอก แค่นี้ก่อนนะคะ” แก้วกัลยากดตัดสายไปทันที รักจิราทำตาโตมองเหมือนไม่คิดว่าแก้วกัลยาจะเป็นฝ่ายจบบทสนทนาห้วน ๆ แบบนี้
“ทำไมตัวไม่...”
“ผู้หญิงเรา เล่นตัวบ้าง แกรอดูนะอีกครึ่งชั่วโมง คุณเพชรจะมาปรากฏตัวหน้าบ้านเรา”
“ทำไมตัวรู้”
“เขากำลังตกหลุมรักฉันไงล่ะ”
“มั่นมาก ใครสอนความมั่นใจแบบหลงตัวเองให้กับตัวกันเจ๊แก้ว หรือติดนิสัยเจ๊ชาช่ากันเนี่ย” รักจิราเอ่ยถึงชาติชายหรือชาช่าเพื่อนร่วมก๊วนของแก้วกัลยา และทำท่าจะหัวเราะ
“แกไม่เชื่อรอดู” แก้วกัลยาเอ่ยและจับเวลานับถอยหลัง ระหว่างนั้นสองพี่น้องก็ถกเถียงปัญหากันไปมา จนเริ่มได้เวลาแก้วกัลยาเริ่มเงยหน้ามองนาฬิกาถี่ขึ้น ความมั่นใจเริ่มจางหาย
“ไหนล่ะคุณเพชร”
“สงครามยังมาจบอย่าพึ่งนับศพทหาร เหลืออีกสามนาที เขาต้องมาแน่แกรอดูแล้วกัน” แก้วกัลยาด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ แต่ใจของเธอเริ่มแกว่งเมื่อไม่เห็นแม้แต่เงาของเพทาย ไม่มีโทรตาม เธอเริ่มไม่แน่ใจ
“ถ้าคุณเพชรไม่มา ตัวต้องบอกความลับของตัวมาหนึ่งอย่าง”
“แกคิดว่า”
“เอาความลับมาแลกเสียดี ๆ นับถอยหลังเลยนะ ห้า” แก้วกัลยาทำหน้าเหมือนอยากจะต่อว่าน้องสาว
“สี่”
“สาม”
“สอง”
“หนึ่ง” ทันทีที่คำว่าหนึ่งดังขึ้น แก้วกัลยาใจหายวาบ ผลุนตัวลุกขึ้นเมื่อเสียงรถจอดลงที่หน้าบ้าน ใบหน้าที่กังวลชั่วเสี้ยววินาทีจางหายก่อนจะยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
“ฉันบอกแล้วไง แกไปเปิดดิ”
“ไปเองดิ”
“แกแพ้ ไปเปิดสิ” รักจิราชักสีหน้าและวิ่งไปเปิดประตูเมื่อเสียงกริ่งดังขึ้น แก้วกัลยาทำเป็นนั่งหลับฟุบอยู่ที่โต๊ะ รักจิราที่เดินเข้ามาถึงกับยิ้ม ตามจริงอยากจะหัวเราะแต่กลัวแก้วกัลยาจะลุกขึ้นมาตบเธอ
“เอ่อ...ฝากเจ๊แก้วด้วยนะคะ รอคุณตั้งแต่เที่ยงแล้ว เกือบเป็นแม่สายบัวแต่งตัวรอเก้อ ถ้าเจ๊แก้วอาละวาดอย่าถือสาผู้หญิงที่ใกล้วัยทองนะคะ” แก้วกัลยาเกือบเงยหน้าขึ้นมาอ้าปากด่าแต่เพราะรักจิราเอ่ยขึ้น
“ฉันขอพูดอะไรอีกอย่าง เจ๊แก้วน่ะดูเป็นคนร้าย ๆ แต่ก็เพี้ยน ไม่ได้ร้ายจริง ๆ จัง ๆ ที่สำคัญยัยเจ๊แก้วไม่เคยงอนใคร หยอดหวาน ๆ สักสองประโยคขี้คร้านจะวิ่งเข้าใส่คุณเพชร เอิ่ม...ขอตัวนะคะ รู้สึกเหมือนพายุจะเข้า” แล้วรักจิราก็วิ่งขึ้นไป เพทายมองตามไปอย่างงง ๆ และมองร่างที่ยังฟุบนิ่งจนเขาไม่รู้จะทำยังไง พอทำท่าจะเดินไป
“จะไม่พูดอะไรหน่อยหรอคะ ทำให้ฉันโกรธแล้วก็จะกลับไปเฉย ๆ เนี่ยหรอคะ”
“คุณไม่ได้...”
“ถ้าฉันหลับคงไม่เงยหน้าขึ้นมาหรอก คุณหลอกให้ฉันแต่งตัวรอได้ยังไงคะ คุณทำแบบนี้กับฉันได้ยังไงกัน ไม่มาก็น่าจะบอกกันสักนิดแต่อยู่ ๆ ก็หายเงียบไป”
“ผมมีธุระ ผมขอโทษ ถ้าผมขอแก้ตัวตอนนี้จะทันไหมครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะผิดนัดจริง ๆ และผมก็มาแล้ว” แก้วกัลยาที่นั่งหันหลังให้เขายิ้มออกมา ก่อนจะตีหน้านิ่งและหันหน้ากลับไปมองเขา เขามองแก้วกัลยาก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าแก้วกัลยาพลางยื่นดอกไม้ดอกหนึ่งให้เธอ แก้วกัลยามองดอกกุหลาบในมือเขา
“คุณไม่ได้ตัดมาจากหน้าบ้านฉันใช่ไหม” เพทายยิ้ม
“เปล่าครับ ผมซื้อมาเอง รับไหม” แก้วกัลยามองดอกไม้ เขาทำท่าจะชักมือกลับ แก้วกัลยาก็คว้ามือไปหยิบไว้ทันทีเหมือนกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจ
“ให้แล้วจะเอาคืนได้ไง ครั้งนี้ฉันไม่โกรธก็ได้ และคุณต้องไถ่โทษ วันนี้จนถึงหกโมงเย็นคุณต้องให้เวลาของคุณทั้งหมดกับฉัน ตามใจฉันห้ามเถียงห้ามขัดใจให้ฉันอารมณ์เสีย เข้าใจไหมคะ” เขาทำหน้าเหมือนนึกก่อนจะพยักหน้า
“ฉันพึ่งสังเกตหน้าคุณไปโดนอะไรมาคะ” แก้วกัลยาเอ่ยและยื่นมือไปจะแตะหน้าเขา เธอเห็นรอยแผลที่มุมปาก รอยช้ำที่ใบหน้า และที่ขมับมีรอยแผลเล็ก ๆ เพทายมองหน้าเธอและส่ายหน้า
“อุบัติเหตุเล็กหน่อยไม่มีหรอกครับ” แก้วกัลยายังมองอย่างสงสัย
“เราน่าจะรีบไปกันนะครับ คุณแก้วมีโปรโมชั่นจากผมไม่มาก ถ้าช้าเวลาจะยิ่งลดลงไปอีก”
“ก็ได้ค่ะ คุณออกไปรอฉันข้างนอกสักครู่แล้วฉันจะตามออกไป” เพทายพยักหน้าและเดินออกไป แก้วกัลยาเดินหายไปในครัวสักพักก็เดินออกมา เพทายกำลังยืนรออยู่ด้านนอกเดินไปรีบตะกร้าปิกนิกมาใส่ไว้หลังรถ
“ฉันขอเป็นคนขับรถนะคะ”
“ครับ” แก้วกัลยายิ้ม เธอดึงแขนเขาไว้ยังไม่ยอมให้ขึ้นรถ ก่อนจะเขย่งตัวขึ้นและฉกฉวยโอกาสนี้จรดริมฝีปากลงบนแก้มของเขาในทันที ใบหน้าหล่อปรากฏรอยแดง ๆ แก้วกัลยายิ้มและดึงแก้วเขาเบา ๆ เหมือนหยอกล้อ
“ลงโทษไงคะ”
“คุณเป็น...”
“เป็นผู้หญิงไม่ควรทำแบบนี้ ฉันฟังจนเบื่อล่ะ ก็ถ้าคุณไม่อยากให้ฉันทำโทษคุณ คุณก็ห้ามผิดนัดฉันอีก ไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวหมดเวลา” แก้วกัลยามองเขาที่เปิดประตูรถเข้าไปนั่ง แก้วกับยายิ้มออกมานิด ๆ ใบหน้าสวยปรากฏรอยแดงเล็ก แก้วกัลยารีบเข้าไปนั่งตำแหน่งคนขับก่อนจะขับรถออกไป เพทายมองเส้นทางที่แก้วกัลยาขับออกไปและเอ่ยถาม
“เราจะไปไหนกันครับ”
“สวนรถไฟค่ะ”
“เราไม่ได้ไปทานข้าว”
“เราจะไปปิกนิกกันค่ะ” เพทายทำสีหน้าเหมือนแปลกใจ
“วันนี้จนถึงหกโมงเวลาของคุณเป็นของฉัน วันนี้เรามาเดตกัน แล้วก็วันนี้คุณเป็นที่รักของฉัน เข้าใจตรงกันนะคะ” เพทายทำสีหน้าเหมือนอยากจะค้าน แต่เมื่อเจอแววตาที่มองเขาเหมือนอ้อน ๆ เขาก็ตัดสินใจเงียบ แก้วกัลยาขับรถเลี้ยวมาจอด ลานจอดรถมีรถไม่ค่อยเยอะ ด้วยวันนี้เป็นวันธรรมดาและยังไม่ใช่เวลาเลิกงาน คนจึงดูไม่เยอะเท่าที่ควร
แก้วกัลยาเปิดประตูเดินอ้อมไปที่หลังรถ เปิดกระโปรงหลังรถหยิบตะกร้าและผ้าปูผืนหนึ่งส่งให้เขา ก่อนจะเดินนำเขาไป สวนรถไฟสถานที่พักผ่อนหย่อนใจกลางกรุง สวนสาธารณที่เหมาะแก่การทำกิจกรรมต่าง ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อนคลายเครียด ทั้งการออกกำลังกาย ปั่นจักรยาน หรือเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์รถไฟ อุทยานผีเสื้อ สวนสาธารณกลางเมือง ความร่มรื่นแห่งนี้ช่วยผ่อนคลายจิตใจชาวกรุง ท่ามกลางความวุ่นวายของด้านนอก เมื่อเข้ามาจะพบทั้งความสงบ รื่นเริงภายใน คนสูงอายุกำลังทำกิจกรรมนันทนาการ บ้างรำไทเก็ก เต้นแอโรบิก มีคู่รักมานักผ่อนผ่อนอยู่บ้าง รวมถึงมีคู่บ่าวสาวที่มีถ่ายภาพพรีเวดดิ้งก่อนแต่งงาน แก้วกัลยาหยุดรอเพทายและเดินเข้ามาคล้องแขนเขาไว้
“วันนี้เรามาเดตกันค่ะ” เพทายไม่กล้าเถียงได้แต่ปล่อยให้เธอลากเขาไปเรื่อย ๆ และมาหยุดอยู่ที่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งที่ดูร่มรื่น และอยู่ติดกลับริมน้ำ สายลมเย็นพัดปะทะเข้าที่หน้า ความสดชื่นผ่อนคลายที่ไม่ได้พบมาร่วมอาทิตย์ค่อย ๆ แทรกซึมเข้ามา แก้วกัลยาเดินมาดึงผ้าปูออกมามือเขาและลงมือปู วางตะกร้าลงบนผ้าและน้ำของในตะกร้าออกมาวาง
“คุณทานซูชิได้ไหมคะ”
“ครับ”
“พอดี ฉันให้มิลาซื้อมา กะว่าจะกินตอนทำงาน แต่พอดีคุณโทรมาชวนฉันเลยยังไม่ได้ทาน ก็เลยเอาติดมา ในนี้มีแค่ซูชิ แล้วก็ขนมปังไม่มีอาหารอย่างอื่น หรือคุณอยากทานอย่างอื่นคะ”
“แค่นี้ก็ได้ครับ เรามาปิกนิกนี่ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็นั่งสิคะ” แก้วกัลยาเอ่ยชวน เพทายถอดรองเท้าและเดินมานั่งบนผ้าปู เขามองแก้วกัลยาที่กุลีกุจอจัดแจงทุกอย่างและยิ้มออกมา ภาพของเด็กสาวผมเปียที่ลากเขามานั่งบนผ้าปูชวนเล่นขายของกลับเข้ามาในความทรงจำ ความทรงจำที่ครั้งหนึ่งมันเคยเกิดขึ้น เจ็ดปีก่อนอาจไม่ใช่การเจอกันครั้งแรก เขาเจอแก้วกัลยาครั้งแรกตอนนั้นแก้วกัลยายังเป็นเบบี๋ตัวน้อย ตอนนั้นเขาเพียงหกขวบ หลังจากนั้นเขาได้พบเธออีกครั้งตอนเธอตามแก้วตาแม่ของเธอมาที่บ้าน เด็กหญิงแก้วกัลยาวัยหกขวบท่าทางหงอย ๆ จนดูน่าสงสารดึงดูดให้เขาเข้าไปคุยด้วย และตลอดปิดเทอมนั้นเขาก็ได้เจอเธอเป็นแขกประจำทุกวันก่อนจะแยกจากกันจนมาเจอกันอีกครั้งในงานศพของแก้วตา แก้วกัลยาไม่ได้นั่งรองไห้โฮออกมา แต่ดวงตาคล้ายโลกกำลังจะแตกทำให้เขาต้องหันหลังกลับไปมองอีกครั้ง การสูญเสียครั้งแรกทำให้แก้วกัลยาในวัยแปดขวบกลายเป็นคนนิ่งขรึมเขาทำได้เพียงพูดปลอบใจในวันนั้นก่อนจะแยกกับเธอ
อีกสองปีต่อมาในงานศพของแดเนียลพ่อของแก้วกัลยา การสูญเสียครั้งที่สองคือการสูญเสียโลกทั้งใบ แก้วกัลยาวัยสิบสองขวบดูหมองลงกว่าเมื่อห้าปีก่อนหลังจากแม่เสียชีวิต นิสัยดูกระด้างขึ้น เธออาละวาดใส่คนที่ว่าพ่อแม่เธอโดยไม่กลัว แก้วกัลยาดูเข้มแข็งขึ้น แต่ถ้าเขาไม่แอบไปเห็นแก้วกัลยานั่งร้องไห้อยู่หลังศาลาก็คิดว่าเธอคงทำใจได้แล้ว นั่นเป็นการเจอกันครั้งสุดท้ายในวัยเด็กก่อนจะมาเจอกันอีกครั้งเมื่อเจ็ดปีก่อนตามที่เธอเคยบอกไป เขาไม่คิดด้วยซ้ำว่าผู้หญิงที่ช่วยขึ้นมาจากน้ำจะเป็นเธอ เธอเปลี่ยนไปมาก ที่จำได้มีเพียงดวงตาคู่สีฟ้าที่มีประกายบางอย่างที่มันชวนให้คนที่เคยเจอกับเธอไม่มีวันลืม
ยิ่งเธอเข้าสู่วงสังคมชื่อเสียงของเธอยิ่งกว้างออกไป เขาได้รู้จักเธอในอีกมุมหนึ่ง ตัวตนร้ายกาจที่ทำให้คนมากมายพากันถอยหนี นิสัยที่ออกเดตกับผู้ชายไปทั่ว สลัดรักผู้ชายได้อย่างไม่ปรานี ทำให้เธอมีภาพลบ เพื่อนในกลุ่มนักธุรกิจที่เคยออกเดตกับเธอนำเรื่องเหล่านี้มาเล่าให้เขาฟัง เขาถึงรู้ว่าไม่มีเด็กหญิงแก้วกัลป์ยาคนนั้นอีกแล้ว และเขาก็ไม่อยากจะต้องโดยสลัดรักแบบผู้ชายคนอื่น ๆ เขาจึงเลือกที่จะไม่เข้าใกล้เธอ เว้นระยะห่างเท่าที่ทำได้ แต่แรงดึงดูดบางอย่างก็ดึงเขากับเธอให้มาใกล้กันอีก วันนี้เขาได้รู้อะไรบางอย่างบางทีเขาอาจจะอคติกับเธอมากไป ตัวตนของเด็กหญิงแก้วกัลยายังอยู่ตัวของแก้วกัลยาคนนี้ ตัวตนที่แม่ของเขายังมองเห็นตั้งแต่วันที่แก้วกัลยากลับมา แต่เขาไม่เคยมองเห็น
“ทำไมคุณถึงชวนผมมาปิกนิก” เขาเอ่ยถามหลังจากนั่งเงียบมองเธอเหม่อมองนกที่กำลังบินโฉบไปมาในสระน้ำ แก้วกัลยาหันกลับมามองหน้าเขาและยิ้ม
“อยากสวีตกับคุณบ้างไม่ได้หรอคะ" แก้วกัลยาเอ่ยทีเล่นทีจริง เพทายมองลลนานิ่ง ๆ
"รับมุกหน่อยก็ได้ค่ะคุณเพชร"
"ตกลงว่า..."
"ช่วงนี้คุณยุ่ง ๆ เจอแต่เรื่องตลอดเลย ฉันคิดว่าพาคุณมานั่งผ่อนคลายจะดีกว่า คุณน่าจะชอบนั่งอยู่ท่ามกลางต้นไม้ สายลง แสงแดดแบบนี้ ฉันเดาถูกไหมคะ” เธอยิ้มผ่อนคลายส่งมาให้เขา
“ครับ ตั้งแต่เข้ามาทำงานวีนัส เวลาผมก็แทบไม่เหลือ ยิ่งมีเรื่อง ผมแทบไม่มีเวลาพักผ่อน”
“เพราะอย่างนั้นไงคะ ฉันถึงพาคุณมา ช่วงนี้ฉันมักจะเห็นคุณขมวดคิ้วบ่อย ๆ หน้าตาเครียดบ่อย ๆ คุณต้องสู้กับศึกหลายด้าน ศึกใน ศึกนอก คุณเหนื่อยมาก ร่างกายคนเรามีขีดจำกัด ฉันไม่อยากให้คุณต้องล้ม ฉันอยากให้คุณพักผ่อน หาที่สงบ ผ่อนคลาย ที่นี่เวลานี้สงบมาก การที่คนเราอยู่กับธรรมชาติจะช่วยให้เราผ่อนคลายขึ้น ฉันอยากให้คุณมีวันสบาย ๆ แบบนี้บ้าง”
“ขอบคุณครับ”
“ไม่มีใครรู้ใจคุณไปมากกว่าฉันหรอกค่ะ และไม่มีใครเข้าใจคุณไปมากกว่าฉันด้วย คุณทำหน้าแบบนี้รับผิดชอบด้วยนะคะ” เขาทำหน้างง
“ก็หน้าแบบผมซาบซึ้งคุณ ผมตกหลุมรักคุณ คุณช่างเข้าใจผมดีเหลือเกิน” เขายิ้มและส่ายหน้ากับความคิดของแก้วกัลยาก่อนจะอ้าปากเอ่ยกับเธอ
“คุณชอบคิดอะไรไปเองแบบนี้บ่อย ๆ หรือเปล่าครับ”
“อะไรที่คิดแล้วมีความสุข ฉันก็คิด จะได้ไม่ต้องคิดมาก พอคิดมากก็ทุกข์ คิดไปเองแล้วมีความสุข ตัวเอายิ้มได้ สบายใจ ฉันว่ามันก็ดีนี่คะ น้ำไหมคะ” แก้วกัลยายื่นขวดน้ำให้กับเขา เขารับมาดื่ม
“ครอบครัวนั้นน่ารักนะคะ” แก้วกัลยาชี้ไปที่ครอบครัวเล็ก ๆ ที่มีพ่อแม่ลูก กำลังนั่งปิกนิกอยู่ไม่ห่างจากพวกเธอมากนัก ลูกสาวลูกชายวิ่งเล่นไล่จับผีเสือที่บินอยู่ ส่วนสามีล้มนอนลงบนตักภรรยา ลูกสาวลูกชายวิ่งมาล้มตัวนอนลงข้าง ๆ ดูแล้วช่างเป็นครอบครัวที่น่าอิจฉา
“คุณง่วงไหม” แก้วกัลยาเอ่ยถาม เพทายมองไปที่ภาพครอบครัวและมองมาที่แก้วกัลยา
“ไม่”
“โธ่ คุณเพชร คุณง่วงหน่อยสิ ฉันจะได้เสียสละตักให้นอนไง”
“ผมไม่ง่วง”
“คุณเพชร วันนี้คุณมาเดต ช่วยสร้างซีนหวาน ๆ หน้าจดจำหน่อยไม่ได้หรอคะ ไม่รู้แหละ ถ้าคุณไม่นอนตักฉัน ฉันจะนอนตักคุณแทนนะคุณเพชร” เพทายสบตากับผู้หญิงที่ชอบบังคับ สายตาเธอเหมือนจะเอาจริง
“ครับ ๆ กลับจากที่นี่คุณอยากไปไหนต่ออีกไหม”
“เอาไว้ฉันบอกอีกที ตอนนี้นอนก่อนสิคะ” เพทายยังไม่กล้านอน แก้วกัลยายิ้ม
“ว้า...ที่รักง่วงแล้ว เสียดายที่ไม่ได้หยิบหมอบมาด้วย นอนพื้นจะไม่สบายหัว ถ้าอย่างนั้นที่รักนอนตักเค้าแล้วกันนะ ไม่ต้องเกรงใจ คุณเพชร....” แก้วกัลยาเอ่ยเสียงอ่อนใจ “นี่ฉันอุตส่าห์สร้างสถานการณ์ คุณก็ตามน้ำสิ”
“เอ่อ...” เค้าไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดิ “สร้างสถานการณ์”
“ใช่ คุณจะได้ไม่เขินไง”
“ผมเปล่าเขิน” เขาตอบแก้วกัลยาไปทันที
“ถ้าอย่างนั้นนอนสิคะ เชื่อสิ ฉันไม่เอามีดมาแทงคอคุณหรอก นอนตักฉันนิ่มจะตาย สบายด้วย ตอนเด็ก ๆ ฉันยังชอบนอนตักมัมมากเลยนะ อบอุ่นสบายใจรู้สึกปลอดภัย” แก้วกัลยาเอ่ย
“ผมไม่ใช่เด็ก ผมนอนพื้นได้”
“คุณรังเกียจ”
“ไม่ใช่ ผมไม่ได้...” เขามองใบหน้าของแก้วกัลยาที่กำลังจ้องกดดันเขาตาเขม็ง สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจจออกมาอย่างเหนื่อยหน่วยใจ
“ก็ได้ นอนก็นอน” เพทายเอ่ยอย่างไม่กล้าเถียง และล้มตัวนอนลงบนตักของเธอ แก้วกัลยายิ้มอย่างพอใจ และมองใบหน้าขาวใส ที่ไม่มีริ้วรอยไฝฝ่า เขาเหมือนเทวดา มีออร่าประหลาดดึงดูดเธอตั้งแต่ครั้งแรก ยิ่งมองใกล้ ๆ ออร่าขาว ๆ ก็เหมือนจะเยอะขึ้น
“ทำไมคุณถึงชอบปลูกกระบองเพชร” อยู่ ๆ เพทายก็เอ่ยขึ้น เขายังไม่กล้าหลับตา รู้สึกอุ่น ๆ ในใจ และร้อน ๆ บนใบหน้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จะข่มตานอนก็ทำไม่ลง เขากับเธอไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นสักหน่อย แต่เขาก็ไม่เข้าใจทำไมถึงไม่ยอมขัดใจเธอ
“คุณคิดว่ามันไม่เข้ากับฉันใช่ไหมคะ” เขาพยักหน้า
“อย่างที่ฉันเล่าในการ์ด ว่าอากงนำมันมาให้ฉัน ตอนนั้นแด๊ดพึ่งเสีย ฉันเสียใจมาก จนทุกคนเป็นห่วง ทุกคนพยายามหาทางให้ฉันลืมเรื่องเศร้า ๆ ด้วยการ หางานอดิเรกให้ฉันทำ วันหนึ่งอากงนำต้นไม้ต้นเล็กมาให้ฉันสี่พี่น้องคนละต้น วันได้ต้นกุหลาบ ขวัญได้ต้นมะยม รักได้ต้นกระเพรา ฉันได้ต้นกระบองเพชร อากงบอกว่าถ้าภายในสามเดือนพวกฉันดูแลมันไม่ตายจะมีรางวัลให้ ครบกำหนดสามเดือน คุณคิดไหมว่าฉันจะทำต้นกระบองเพชรตาย ตายตั้งแต่สองอาทิตย์แรกด้วย”
“ทำไมล่ะ” เขาเอ่ยถาม แก้วกัลยาเหม่อมองไปที่สะน้ำก่อนจะเอ่ยต่อ
“สามเดือนที่ฉันต้องเสียมัมไป ฉันไม่สนใจจะทำอะไรเลย ฉันคิดว่ากระบองเพชรคงไม่ต้องทำอะไรมากแค่เอาไปตากแดดมันก็ไม่ตายแล้ว ฉันรดน้ำให้มันครั้งแรกครั้งเดียวและเอากระถางไปตั้งไว้กลางแจ้ง ไม่เคยออกไปดูอีก มีอยู่วันหนึ่งฝนตกฉันก็ลืมเก็บมันกลับเข้าร่ม แต่ฉันก็ไม่สนใจ ในขณะที่พี่น้องคนอื่นกลับรดน้ำ ดูแลมันทุกวันแม้แต่รักที่มักจะห่วงเล่นยังสละเวลามารดน้ำให้ต้นไม้ตัวเอง ฉันเป็นคนเดียวที่ดูแลต้นไม้ตาย ต้นไม้ของฉันที่ดูแลง่ายที่สุดยังทำตายได้”
“อากงคุณว่ายังไง”
“อากงมองหน้าฉันแล้วบอกว่า ทำไมถึงเอาเวลาของตัวเองไปทิ้งกับสิ่งที่เรียกกลับมาไม่ได้ ทำไมไม่ใช้เวลาของเราที่เหลืออยู่ให้ดี ทำสิ่งที่ดีให้เป็นประโยชน์ ต้นไม้ต้นเดียวตัดสินได้เลยว่า ฉันมันคนไร้ความรับผิดชอบ ไร้ความสามารถ ถ้ามัมกับแด๊ดรู้คงจะเกลียดขี้หน้า เพราะเขาสองคนเป็นคนที่รักการทำงาน รักหน้าที่ แต่ฉันกลับไม่เคยทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ฉันจะไม่มีวันทำให้มัมกับแด๊ดหรือใครภูมิใจได้ ฉันมัน...ไร้ค่า”
“คุณคิดไหมว่าอากงพูดแรงไป”
“ไม่หรอก ไม่แรงเลย อากงแค่ต้องการดึงฉันให้ลุกขึ้น ทุกคนได้รางวัล ได้ไปเที่ยวทะเลกันเป็นอาทิตย์ ส่วนฉันอากงพามาทิ้งไว้ที่บ้านน้าวิภา แม่ของวัน และนั่นทำให้ฉันคิดได้ว่า วันมีสภาพแย่กว่าฉันเสียอีก ต้องดูแลแม่ที่มีสภาพไม่ต่างจากตายทั้งเป็น สามารถทำหน้าที่มากมาย รับภาระได้อย่างเข้มแข็งทั้งที่อายุแค่แปดขวบ อย่างน้อยฉันก็ไม่มีภาระเท่าวันทำไมถึงยังเอาแต่ใช้เวลาอย่างเปล่าประโยชน์ ปล่อยเวลาทิ้งไปวัน ๆ แล้วต้นไม้เล็ก ๆ ต้นไม้ต้นเดียว ถ้าฉันยังดูแลไม่ได้ แล้วชีวิตฉัน ฉันจะดูแลได้หรือเปล่า ทำไมฉันถึงเอาเวลาที่ผ่านมาแล้วมาทำร้ายตัวเองให้ต้องนั่งเศร้า
คุณรู้ไหม หลังจากวันนั้นนะ ฉันไปหาซื้อหนังสือเลี้ยงกระบองเพชร และทุบเงินในกระปุกหมูที่คิดว่าจะเอาไปซื้อชุดสวย ๆ เพราะอากงไม่ยอมซื้อให้ ไปซื้อต้นกระบองเพชรมาสิบกว่าต้น แล้วก็เปิดหนังสือดูว่ากระบองเพชรควรจะเลี้ยงยังไง แล้วใครจะไปคิดว่าฉันจะชอบการที่นั่งดูแลต้นกระบองเพชร กระบองเพชรไม่ต้องมีเวลาให้มันมากทุกวัน แต่แค่รู้จักใส่ใจ รู้ว่าเมื่อไหร่ควรให้น้ำ รู้ว่าแสงแดดแบบไหนเหมาะกับกระบองเพชร บางทีฉันก็คิดว่า ผู้ชายชอบเปรียบผู้หญิงเหมือนดอกไม้ สวยงามน่าเด็ดดอมมาเก็บไว้และแห่งเหี่ยวตาย แต่ฉันอยากจะบอก ฉันไม่ใช่ดอกไม้ เพราะฉันไม่ชอบให้ใครมาเด็ดแล้วทิ้ง แต่ฉันเหมือนกระบองเพชร เข้มแข็ง แข็งแกร่ง จะสวยงามเมื่อดอกไม้ผลิบานเพียงแค่รอเวลา สามารถทนร้อนทนหนาว แต่ถ้าขาดการดูแล เอาใจใส่ ฉันก็สามารถแห้งเหี่ยวตายได้” แก้วกัลยาก้มมองหน้าเขาก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ที่รักจะช่วยเลี้ยงดูต้นกระบองเพชรต้นนี้ได้ไหมคะ” เพทายยิ้มและหลับตาลงทันทีเหมือนหนีกันไปดื้อ ๆ
“หลับแบบนี้ หอมแก้มดีไหมหน้า หรือจะลักหลับดี” เพทายลืมตาทันทีอย่างที่แก้วกัลยาเดาไว้
“คุณเป็น...”
“ผู้หญิงไม่ควรทำแบบนี้ เป็นผู้หญิงแล้วไงคะ ฉันเป็นคนตรงชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็บอกไม่ชอบ ฉันชอบคุณฉันแสดงออกไม่เห็นจะผิดอะไร” เขามองแก้วกัลยาที่พูดเหมือนไม่สนใจอะไร เขารู้ว่าเธอเป็นคนมั่นแค่ไหน เพทายยิ้มเหนื่อยใจก่อนจะปิดดวงตาคมกล้าของเขาลงอย่างเถียงไม่ออก
“ฉันดีใจนะที่เป็นคุณที่ช่วยฉันเมื่อเจ็ดปีก่อน ไม่อย่างนั้นฉันคงจะไม่ได้มานั่งอยู่ตรง ๆ ฉันคงจะใช้ชีวิตแบบร้ายกาจไปวัน ๆ เห็นความรักเป็นเพียงเรื่องเล่น ๆ ไปวัน ๆ ถ้าจะขอบคุณใครสักคนก็ต้องขอบคุณรัก ถ้าวันนั้นฉันไม่เห็นรูปคุณที่รักถ่ายมา ฉันคงไม่ช่วยไปเป็นสไตลิสต์ให้ ปกติฉันไม่ชอบทำงานอะไรมากกว่าหน้าที่ตัวเองอยู่แล้ว ฉันดีใจที่ได้เจอคุณ ไม่เคยเบื่อที่วิ่งตามคุณ ฉันอาจไม่ดีพอ ไม่ได้เป็นผู้หญิงในฝันอย่างที่คุณชอบ และฉันคงทำตัวในแบบที่คุณชอบไม่ได้ แต่ฉันจะทำให้คุณรับในสิ่งที่ฉันเป็น ยิ่งอยู่ใกล้คุณมากเท่าไหร่ความรู้สึกที่มีต่อคุณมันก็ยิ่งมากขึ้น ฉันคิดว่าฉันคงปล่อยคุณอีกไม่ได้ สิ่งที่ฉันทำ มันไม่ใช่แค่อยากเอาชนะ แต่มันคือความรัก น่าแปลกที่มีผู้ชายที่ดีกับฉันถึงสองคน ฉันกลับไม่เคยสนใจ แต่คนที่ไม่เคยสนใจฉันอย่างคุณ ฉันเลือกที่จะรักโดยไม่ต้องคิด คุณเพชรคะ” แก้วกัลยาเอ่ยเรียกเขา แต่เขากลับยังเงียบ แก้วกัลยามองชะโงกหน้าลงมาใกล้ ๆ จังหวะลมหายใจที่สม่ำเสมอ เปลือกตาที่ปิดสนิท ทำให้รู้ว่า เขาหลับไปแล้ว
“พูดตั้งเยอะ หลับหรอเนี่ย” แก้วกัลยาเอ่ยออกมาอย่างเสียดาย เธอปัดผม มือแตะใบหน้าที่สงบนิ่งของเขา เธอรอวันนี้มานานแค่ไหนกันนะ เธออยากหยุดเวลาแห่งความสุขตรงนี้ไว้ เธอรู้สึกได้ว่าหลังจากวันนี้จะมีบางอย่างเกิดขึ้นอีกมาก และจะไม่มีทางได้อยู่สงบ ๆ กับเขาแบบนี้อีก เธอขอเก็บเกี่ยวความรู้สึกนี้ไว้ให้นานที่สุด เธอกลัวอะไรบางอย่าง กลัวว่าเขาจะไม่มีทางอยู่กับเธอแบบนี้อีก
ครืด ครืด ครืด
แก้วกัลยามองเบอร์ที่โชว์อยู่ เธอนิ่งอยู่สักพัก และคิดทบทวนไปมาว่าควรจะรับไหม เธอมองเพทายด้วยแววตาไม่สบายใจก่อนจะกดรับสาย
“ว่าไงมิน”
(ดิฉันติดต่อท่านประธานไม่ได้ เมื่อครู่ทางตำรวจติดต่อมาว่านายอธิชาติเหมือนจะได้สติแล้ว แต่ยังฟื้นร่างกายไม่เต็มที่ คุณแก้วกับคุณเพชรจะมาไหมคะ)
“เดี๋ยวฉันกับคุณเพชรจะไป เธอรอฉันสักพัก ตำรวจว่ายังไงบ้าง”
(หมอกำลังตรวจร่างกายนายอธิชาติ ถ้าจะสอบสวนก็ต้องรอให้ร่างกายอธิชาติพร้อมค่ะ)
“ขอบใจมาก” แก้วกัลยากดตัดสายและมองเขา เธอลูบผมนุ่มลื่นของเขาเบา ๆ
“เรื่องของแบร์ใกล้จบแล้ว เรามีความหวังแล้วคุณเพชร หวังว่าจบเรื่องนี้ บอร์ดบริหารคงจะไม่หาเรื่องเล่นงานคุณอีกนะคะ” แก้วกัลยาเอ่ย
เพทายขับรถมาจอดลงที่ลานจอดรถในโรงพยาบาล เขาเปิดประตูกำลังจะลงจากรถ แก้วกัลยาจับมือเขาไว้ก่อนที่เขาจะเปิดประตูลงไป เขาหันมามองแก้วกัลยาที่เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง
“คุณคิดว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือใครกันแน่คะ คุณทรงกลด เขาอยากได้วีนัส เขาจะทำลายชื่อเสียงวีนัสไปทำไมกันคะ หรือจะเป็นนายเมฆาที่มีส่วนเกี่ยวกับเรื่องนี้เต็ม ๆ”
“ผมก็ไม่รู้ เราอาจจะได้เรื่องอะไรบางอย่าง”
“คุณเป็นถึงผู้บริหาร ไม่จำเป็นต้องมาจัดการเรื่องพวกนี้เอง พวกเขาก็แค่อยากจะบีบคุณ จบเรื่องนี้มันอาจจะมีอีกก็ได้” แก้วกัลยาเอ่ย เพทายยิ้มเหนื่อย ๆ ให้เธออีกครั้ง
“ผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย บางทีผมอาจจะต้องทำอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะเกิดเรื่องร้ายแรงกว่านี้ เรื่องนี้มีชีวิตแม่ผมเข้าไปเกี่ยว เรื่องมันคงจะไม่ใช่แค่วีนัส”
“คุณไปคุยกับแบร์มาเป็นยังไงบ้างคะ” แก้วกัลยาถามหลังจากที่บัณฑิตาต้องนอนพักรักษาตัวจากอาการช็อคหมดสติไปจากการได้รับสารเสพติดในปริมาณมาก แต่โชคดีที่เข้ารักษาตัวได้ทันไม่อย่างนั้นบัณฑิตาอาจจะเสียชีวิตไปแล้ว แม้จะรอดชีวิตมาได้แต่ร่างกายบัณฑิตาก็ไม่พร้อมจะให้การจึงยืดเยื้อมาหลายสัปดาห์จนเมื่อเช้าที่เพทายมีโอกาสได้ไปคุยกับบัณฑิตา
“แบร์บอกว่าวันนั้นมีแบ็คสเตจ คนหนึ่งถือกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ บอกว่าเจ๊ลูกพีช ผู้จัดการส่วนตัวของแบร์ฝากมาให้ กระดาษใบนั้นบอกให้แบร์ไปร้องเพลงงานวันเกิด แบร์บอกว่าเธอแค่เข้าไปร้องเพลง หลังจากนั้นก็รู้สึกวูบไป รู้ตัวอีกทีเธอก็นอนอยู่ในห้องพยาบาล ถูกจับคดีเสพยาไปแล้ว”
“คุณได้ถามเรื่องยาเสพติดไหม”
“แบร์บอกไม่รู้”
“คืนนั้นในห้องน้ำน่ามีอะไรจริง ๆ แต่เหมือนแบร์จะรอดยากนะคะ คืนนั้นมีคนตั้งใจจัดฉากแบบสมบูรณ์การจองทุกอย่างใช้ชื่อแบร์ แขกในงานยังบอกว่าเป็นงานของแบร์ จะหลุดข้อกล่าวหาก็มีแค่แบงค์ ขอให้เขาหายดีจำทุกอย่างได้อย่าความจำเสื่อม อย่าเป็นเอ๋อ”
“เราอาจไม่โชคร้ายขนาดนั้น เราเข้าไปข้างในกันดีกว่าครับ”
...ติดตามตอนต่อไป...
พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ก.ค. 2558, 16:53:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ก.ค. 2558, 16:53:56 น.
จำนวนการเข้าชม : 1023
<< ตอนที่ 15 บุกถ้ำเสือได้ลูกปืน | ตอนที่ 17 เพื่อนรักเพื่อนร้าย >> |