พันธกานต์สิเน่หา
งานเขียนนี้เคยตีพิมพ์ในนามปากกาทิตภากร ปัจจุบันต้นฉบับได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อความสมบูรณ์ของเนื้อเรื่องและวางจำหน่ายในรูปแบบ e-book เท่านั้น!!
(เปิดให้ทดลองอ่านบางส่วน)
(เปิดให้ทดลองอ่านบางส่วน)
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ 12
หนึ่งชั่วโมงให้หลัง อันโตนิโอขี่จักรยานเลียบชายฝั่งพาเพนนีเที่ยวชมเกาะเล็กๆ ซึ่งเป็นสมบัติส่วนตัว หยุดพักที่ปลายหาดอันเป็นที่ตั้งประภาคารแล้วเลยไปดูคนงานเก็บรังนก จนกระทั่งบ่ายคล้อยก็มานั่งพักรับประทานอาหารกันใต้ร่มไม้
ช่วงเวลาแสนเพลิดเพลินนั้นช่างน่าประทับใจ เพนนีได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มากมาย อีกทั้งยังทราบว่าอันโตนิโอทำธุรกิจหลากหลาย ไม่ใช่แค่ร่วมหุ้นกับบริษัทซอฟแวร์ของตระกูลแบรนเนต แต่ยังเป็นเจ้าของสัมปทานรังนกและกิจการอื่นอีกมากมาย
เขาไม่ใช่คนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อหรือสำอางเหมือนรูปลักษณ์ภายนอก แต่เป็นคนเอาการเอางาน สังเกตจากการชี้จุดบกพร่องให้คนงานรับรู้ ตลอดจนปีนป่ายและหยิบจับสิ่งของได้อย่างทะมัดทะแมง จนเพนนีอดแปลกใจไม่ได้
ช่างเป็นเรื่องเหลือเชื่อเสียจริงๆ ใครจะคิดว่าคนที่ใช้ชีวิตหรูหราในแวดวงสังคมชั้นสูงอย่างเขาจะทำอะไรที่อยู่เหนือความคาดหมาย เวลานี้จากที่มองในแง่ลบกลับต้องคิดใหม่ เริ่มแน่ใจในความคิดของตนเอง เพราะลองคำนวณรายได้ที่อันโตนิโอได้รับแต่ละปีก็พบว่ามากมายมหาศาล ซึ่งยังไม่รวมทรัพย์สินอื่นๆ ข้อกังขาเรื่องการแสวงหาผลประโยชน์จึงตกไป
ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าเพนนีจะไว้วางใจเสียทีเดียว เพราะคำว่า ‘ผลประโยชน์’ ไม่เข้าใครออกใคร ญาติพี่น้องร่วมอุทรฆ่ากันตายมานักต่อนัก ก็เพราะความละโมบโลภมากทำให้คนดีกลายเป็นคนชั่วได้ในพริบตา แล้วนับประสาอะไรกับหล่อน แม้จะได้ชื่อว่าเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว...ความสัมพันธ์ที่มีต่อกันก็ไม่ต่างจากคนแปลกหน้า
“มีหนังสืออยู่ในเป้สองสามเล่ม พอดีว่าผมหยิบติดมือมา คุณจะเอามาอ่านเล่นก็ได้นะ” อันโตนิโอเปรยขึ้น เมื่อเห็นเพนนีวางตะกร้าปิกนิกแล้วทิ้งตัวลงนั่งอิงหลังกับต้นไม้ใหญ่
“คุณรู้ได้ยังไงคะว่าฉันชอบอ่านหนังสือ”
“หน้าผากคุณเขียนบอกว่าอย่างนั้น” อันโตนิโอยิ้ม หันไปหยิบอาหารกับผลไม้ออกจากตะกร้า ภาพหล่อนนั่งอ่านหนังสือใต้ร่มไม้ในสวนสวยภายในคฤหาสน์แบรนเนตยังติดอยู่ในหัวเขา
“อย่าล้อเล่นสิคะ บอกฉันมา...คุณรู้ได้ยังไง”
“ผมเดาเอาน่ะ ลองหยิบมาอ่านดูสิ ไม่รู้ว่าจะถูกใจคุณหรือเปล่า” อันโตนิโอยื่นแซนวิชให้ เพนนีรับมากัดคำหนึ่งแล้วเปิดกระเป๋าเป้ตามคำชวน ครั้นเห็นวรรณกรรมของนักประพันธ์ชื่อดังที่ชื่นชอบก็เงยหน้าขึ้นมองเขา
“คุณก็ชอบอ่านหนังสือพวกนี้ด้วยเหรอคะ?”
“เปล่า...”
“อ้าว...แล้วคุณไปเอามาจากไหนคะ”
“พอดีมันอยู่ในกระเป๋าเอกสารน่ะ คงเป็นของเลขาผม” อันโตนิโอปดคำโต เขาสอบถามข้อมูลจากกอร์ดอน ครั้นทราบว่าเพนนีชอบอ่านหนังสือของนักประพันธ์ท่านนี้ก็ให้ปีร์โลไปหาซื้อมา ถึงกระนั้นก็ไม่อยากให้หล่อนเข้าใจผิดคิดว่าเขาล่วงล้ำความเป็นส่วนตัว
“อย่างนั้นเหรอคะ” เพนนีลูบคลำหนังสือ สีหน้าแววตามีความกังวลอย่างเห็นได้ชัด จนอันโตนิโออดแปลกใจไม่ได้
“มีอะไรหรือเปล่า ทำไมสีหน้าคุณดูไม่ดีเลย”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันก็แค่คิดว่าเลขาของคุณคงเศร้าใจที่หนังสือหายไป”
“ไม่หรอก เลขาผมไม่ใช่คนเซนซิทีฟ คุณคิดมากเกินไปแล้ว”
“แต่ฉันว่ายังไงเธอก็ต้องกังวลใจค่ะ เพราะหนังสือพวกนี้ราคาแพงมากและก็หายากด้วย ฉันคงไม่รู้สึกดีเท่าไหร่ ถ้าต้องอ่านมันทั้งที่รู้ว่าเจ้าของกำลังว้าวุ่นใจ”
“ถ้าอย่างนั้น...ผมจะขอซื้อต่อเอง”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่โทรไปบอกเธอว่าหนังสืออยู่กับคุณ ขออนุญาตให้ฉันยืมอ่าน สัญญาว่าจะไม่ทำให้ยับแล้วกลับไปจะคืนให้ก็พอแล้วล่ะค่ะ”
“โอเค ผมจะทำตามนั้น คุณคงจะอ่านได้อย่างสบายใจ”
“ขอบคุณค่ะ”
เพนนีคลี่ยิ้ม ครั้นเห็นอันโตนิโอทำแก้มป่องเอียงหน้าเข้ามาหาก็หุบยิ้มฉับพลางตวัดค้อน หล่อนไม่น่าเอ่ยปากขอบคุณเขา ครั้นจะบ่ายเบี่ยงก็ใช่ที่ คนเจ้าเล่ห์อย่างเขาคงไม่ยอมให้หลบเลี่ยงแน่
เพนนีจำใจต้องจุ๊บแก้มสากๆ ซึ่งก็ทำให้อันโตนิโอฉีกยิ้มหน้าบาน ถือโอกาสล้มตัวลงนอนหนุนตักหน้าตาเฉย จนหล่อนต้องผลักไสด้วยความเขินอาย
“อย่าทำอย่างนี้สิคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
“ก็ช่างปะไร ใครก็รู้ว่าเราเพิ่งแต่งงานกัน”
“แต่...”
“ไม่เอาน่าที่รัก ผมเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ขอหลับสักงีบนะ” อันโตนิโอตัดบทอย่างเจ้าเล่ห์ พลางปิดเปลือกตาทั้งสองโดยไม่รอฟังคำตอบ
เพนนีไม่รู้จะทำยังไง นอกจากจำยอมให้อันโตนิโอนอนหนุนตัก เห็นเขาหลับก็คว้าหนังสือมาอ่านฆ่าเวลา ครั้นผ่านไปสักพัก...คนเจ้าเล่ห์ก็หยีตาขึ้นมองแล้วแสร้งส่งเสียงเรียกร้องความสนใจ
“ที่รัก...ผมอยากทานองุ่น”
เพนนีกำลังอ่านหนังสือเพลิน ครั้นได้ยินเสียงร้องขอก็ใช้มือข้างหนึ่งควานหาองุ่นในตะกร้าแล้วหยิบส่งให้ทั้งพวงโดยไม่ลดหนังสือในมือลง จนอันโตนิโออดน้อยใจไม่ได้ ถึงกระนั้นก็ไม่วายอ้อน
“ป้อนให้หน่อยสิที่รัก”
แม้เพนนีจะอ่านหนังสือติดพัน แต่ก็ยอมทำตามคำขอนั้นแต่โดยดี การป้อนเลยพลาดเป้าหมายไปบ้าง เพราะหล่อนต้องคลำหาริมฝีปากคนช่างอ้อนอยู่นาน กว่าจะยัดองุ่นใส่ปากเขาได้
“ป้อนดีๆ สิที่รัก ปากผมเปรอะไปหมดแล้วเนี่ย” อันโตนิโอประท้วง จนเพนนีต้องตัดใจวางหนังสือในมือลง พลางตวัดสายตาค้อนคนเรื่องมาก
“แล้วจะให้ฉันทำยังไงละคะ ก็ฉันอ่านหนังสืออยู่นี่นา กำลังถึงตอนสนุกเชียว”
“ก็ทำอย่างนี้ไง...” อันโตนิโอปลิดผลองุ่นออกจากพวงด้วยริมฝีปาก พลางตวัดแขนขึ้นรั้งลำคอเพนนีให้โน้มหน้าลงมาประกบปากกับเขา สอนวิธีป้อนให้กับภรรยา จนองุ่นรสเปรี้ยวอมหวานฉ่ำชุ่มลิ้น หวานเสียยิ่งกว่าน้ำผึ้งเดือนห้า...
พันธกานต์สิเน่หา By กันต์ระพี วางจำหน่ายในรูปแบบ e-book เท่านั้นค่ะ ซึ่งผู้เขียนจะลงให้อ่านอีก 3 ตอนเท่านั้น นักอ่านท่านใดสนใจสามารถโหลดพันธกานต์สิเน่หา by กันต์ระพี มาอ่านกันได้แล้วที่...
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNTE5MzI4IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMjc5OTUiO30
ช่วงเวลาแสนเพลิดเพลินนั้นช่างน่าประทับใจ เพนนีได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มากมาย อีกทั้งยังทราบว่าอันโตนิโอทำธุรกิจหลากหลาย ไม่ใช่แค่ร่วมหุ้นกับบริษัทซอฟแวร์ของตระกูลแบรนเนต แต่ยังเป็นเจ้าของสัมปทานรังนกและกิจการอื่นอีกมากมาย
เขาไม่ใช่คนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อหรือสำอางเหมือนรูปลักษณ์ภายนอก แต่เป็นคนเอาการเอางาน สังเกตจากการชี้จุดบกพร่องให้คนงานรับรู้ ตลอดจนปีนป่ายและหยิบจับสิ่งของได้อย่างทะมัดทะแมง จนเพนนีอดแปลกใจไม่ได้
ช่างเป็นเรื่องเหลือเชื่อเสียจริงๆ ใครจะคิดว่าคนที่ใช้ชีวิตหรูหราในแวดวงสังคมชั้นสูงอย่างเขาจะทำอะไรที่อยู่เหนือความคาดหมาย เวลานี้จากที่มองในแง่ลบกลับต้องคิดใหม่ เริ่มแน่ใจในความคิดของตนเอง เพราะลองคำนวณรายได้ที่อันโตนิโอได้รับแต่ละปีก็พบว่ามากมายมหาศาล ซึ่งยังไม่รวมทรัพย์สินอื่นๆ ข้อกังขาเรื่องการแสวงหาผลประโยชน์จึงตกไป
ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าเพนนีจะไว้วางใจเสียทีเดียว เพราะคำว่า ‘ผลประโยชน์’ ไม่เข้าใครออกใคร ญาติพี่น้องร่วมอุทรฆ่ากันตายมานักต่อนัก ก็เพราะความละโมบโลภมากทำให้คนดีกลายเป็นคนชั่วได้ในพริบตา แล้วนับประสาอะไรกับหล่อน แม้จะได้ชื่อว่าเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว...ความสัมพันธ์ที่มีต่อกันก็ไม่ต่างจากคนแปลกหน้า
“มีหนังสืออยู่ในเป้สองสามเล่ม พอดีว่าผมหยิบติดมือมา คุณจะเอามาอ่านเล่นก็ได้นะ” อันโตนิโอเปรยขึ้น เมื่อเห็นเพนนีวางตะกร้าปิกนิกแล้วทิ้งตัวลงนั่งอิงหลังกับต้นไม้ใหญ่
“คุณรู้ได้ยังไงคะว่าฉันชอบอ่านหนังสือ”
“หน้าผากคุณเขียนบอกว่าอย่างนั้น” อันโตนิโอยิ้ม หันไปหยิบอาหารกับผลไม้ออกจากตะกร้า ภาพหล่อนนั่งอ่านหนังสือใต้ร่มไม้ในสวนสวยภายในคฤหาสน์แบรนเนตยังติดอยู่ในหัวเขา
“อย่าล้อเล่นสิคะ บอกฉันมา...คุณรู้ได้ยังไง”
“ผมเดาเอาน่ะ ลองหยิบมาอ่านดูสิ ไม่รู้ว่าจะถูกใจคุณหรือเปล่า” อันโตนิโอยื่นแซนวิชให้ เพนนีรับมากัดคำหนึ่งแล้วเปิดกระเป๋าเป้ตามคำชวน ครั้นเห็นวรรณกรรมของนักประพันธ์ชื่อดังที่ชื่นชอบก็เงยหน้าขึ้นมองเขา
“คุณก็ชอบอ่านหนังสือพวกนี้ด้วยเหรอคะ?”
“เปล่า...”
“อ้าว...แล้วคุณไปเอามาจากไหนคะ”
“พอดีมันอยู่ในกระเป๋าเอกสารน่ะ คงเป็นของเลขาผม” อันโตนิโอปดคำโต เขาสอบถามข้อมูลจากกอร์ดอน ครั้นทราบว่าเพนนีชอบอ่านหนังสือของนักประพันธ์ท่านนี้ก็ให้ปีร์โลไปหาซื้อมา ถึงกระนั้นก็ไม่อยากให้หล่อนเข้าใจผิดคิดว่าเขาล่วงล้ำความเป็นส่วนตัว
“อย่างนั้นเหรอคะ” เพนนีลูบคลำหนังสือ สีหน้าแววตามีความกังวลอย่างเห็นได้ชัด จนอันโตนิโออดแปลกใจไม่ได้
“มีอะไรหรือเปล่า ทำไมสีหน้าคุณดูไม่ดีเลย”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันก็แค่คิดว่าเลขาของคุณคงเศร้าใจที่หนังสือหายไป”
“ไม่หรอก เลขาผมไม่ใช่คนเซนซิทีฟ คุณคิดมากเกินไปแล้ว”
“แต่ฉันว่ายังไงเธอก็ต้องกังวลใจค่ะ เพราะหนังสือพวกนี้ราคาแพงมากและก็หายากด้วย ฉันคงไม่รู้สึกดีเท่าไหร่ ถ้าต้องอ่านมันทั้งที่รู้ว่าเจ้าของกำลังว้าวุ่นใจ”
“ถ้าอย่างนั้น...ผมจะขอซื้อต่อเอง”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่โทรไปบอกเธอว่าหนังสืออยู่กับคุณ ขออนุญาตให้ฉันยืมอ่าน สัญญาว่าจะไม่ทำให้ยับแล้วกลับไปจะคืนให้ก็พอแล้วล่ะค่ะ”
“โอเค ผมจะทำตามนั้น คุณคงจะอ่านได้อย่างสบายใจ”
“ขอบคุณค่ะ”
เพนนีคลี่ยิ้ม ครั้นเห็นอันโตนิโอทำแก้มป่องเอียงหน้าเข้ามาหาก็หุบยิ้มฉับพลางตวัดค้อน หล่อนไม่น่าเอ่ยปากขอบคุณเขา ครั้นจะบ่ายเบี่ยงก็ใช่ที่ คนเจ้าเล่ห์อย่างเขาคงไม่ยอมให้หลบเลี่ยงแน่
เพนนีจำใจต้องจุ๊บแก้มสากๆ ซึ่งก็ทำให้อันโตนิโอฉีกยิ้มหน้าบาน ถือโอกาสล้มตัวลงนอนหนุนตักหน้าตาเฉย จนหล่อนต้องผลักไสด้วยความเขินอาย
“อย่าทำอย่างนี้สิคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
“ก็ช่างปะไร ใครก็รู้ว่าเราเพิ่งแต่งงานกัน”
“แต่...”
“ไม่เอาน่าที่รัก ผมเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ขอหลับสักงีบนะ” อันโตนิโอตัดบทอย่างเจ้าเล่ห์ พลางปิดเปลือกตาทั้งสองโดยไม่รอฟังคำตอบ
เพนนีไม่รู้จะทำยังไง นอกจากจำยอมให้อันโตนิโอนอนหนุนตัก เห็นเขาหลับก็คว้าหนังสือมาอ่านฆ่าเวลา ครั้นผ่านไปสักพัก...คนเจ้าเล่ห์ก็หยีตาขึ้นมองแล้วแสร้งส่งเสียงเรียกร้องความสนใจ
“ที่รัก...ผมอยากทานองุ่น”
เพนนีกำลังอ่านหนังสือเพลิน ครั้นได้ยินเสียงร้องขอก็ใช้มือข้างหนึ่งควานหาองุ่นในตะกร้าแล้วหยิบส่งให้ทั้งพวงโดยไม่ลดหนังสือในมือลง จนอันโตนิโออดน้อยใจไม่ได้ ถึงกระนั้นก็ไม่วายอ้อน
“ป้อนให้หน่อยสิที่รัก”
แม้เพนนีจะอ่านหนังสือติดพัน แต่ก็ยอมทำตามคำขอนั้นแต่โดยดี การป้อนเลยพลาดเป้าหมายไปบ้าง เพราะหล่อนต้องคลำหาริมฝีปากคนช่างอ้อนอยู่นาน กว่าจะยัดองุ่นใส่ปากเขาได้
“ป้อนดีๆ สิที่รัก ปากผมเปรอะไปหมดแล้วเนี่ย” อันโตนิโอประท้วง จนเพนนีต้องตัดใจวางหนังสือในมือลง พลางตวัดสายตาค้อนคนเรื่องมาก
“แล้วจะให้ฉันทำยังไงละคะ ก็ฉันอ่านหนังสืออยู่นี่นา กำลังถึงตอนสนุกเชียว”
“ก็ทำอย่างนี้ไง...” อันโตนิโอปลิดผลองุ่นออกจากพวงด้วยริมฝีปาก พลางตวัดแขนขึ้นรั้งลำคอเพนนีให้โน้มหน้าลงมาประกบปากกับเขา สอนวิธีป้อนให้กับภรรยา จนองุ่นรสเปรี้ยวอมหวานฉ่ำชุ่มลิ้น หวานเสียยิ่งกว่าน้ำผึ้งเดือนห้า...
พันธกานต์สิเน่หา By กันต์ระพี วางจำหน่ายในรูปแบบ e-book เท่านั้นค่ะ ซึ่งผู้เขียนจะลงให้อ่านอีก 3 ตอนเท่านั้น นักอ่านท่านใดสนใจสามารถโหลดพันธกานต์สิเน่หา by กันต์ระพี มาอ่านกันได้แล้วที่...
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNTE5MzI4IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMjc5OTUiO30
กันต์ระพี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.ค. 2558, 10:46:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.ค. 2558, 10:46:55 น.
จำนวนการเข้าชม : 1271
<< ตอนที่ 11 | ตอนที่ 13 >> |