แก้วขวัญวันรัก "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
เป็นเรื่องราวต่อยอดมาจาก แก้วขวัญวันรัก
โดยเรานำเรื่องราวของนางเอกทั้งสี่แบ่งพาสเป็นเรืองของตัวเองประกอบไปด้วย
"ประกาสิตรักแก้วกัลยา"
"พันธนาการรักขวัญชีวัน"
"ละลายรักวันวิวาห์"
"กลบ่วงรักรักจิรา"
โดยเรื่องแรกของ แก้วขวัญวันรักที่นำมาให้ได้อ่านกันคือ "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
แก้วกัลยาพี่สาวของโตของบ้านสิทธิทรัพย์อาภา
เมื่อถูกกดดันให้คลุมถุงชนกับเจษฎา เธอจึงต้องหาทางดิ้นให้พ้นบ่วงนี้
เธอจึงออกปากท้าอากง ว่าจะหาสามีที่ดีมาโชว์ให้ได้
แก้วกัลยาเลือก "เพทาย" ประธานหนุ่มแห่งวินัสมีเดีย
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ ผู้ชายที่เธออยากจะเอาชนะใจ
ผู้ชายที่ติดอยู่ในความทรงจำของเธอมาตลอดเจ็ดปี
แก้วกัลยาจะพิชิตใจเพทายได้หรือไม่ติดตามได้ใน "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
โดยเรานำเรื่องราวของนางเอกทั้งสี่แบ่งพาสเป็นเรืองของตัวเองประกอบไปด้วย
"ประกาสิตรักแก้วกัลยา"
"พันธนาการรักขวัญชีวัน"
"ละลายรักวันวิวาห์"
"กลบ่วงรักรักจิรา"
โดยเรื่องแรกของ แก้วขวัญวันรักที่นำมาให้ได้อ่านกันคือ "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
แก้วกัลยาพี่สาวของโตของบ้านสิทธิทรัพย์อาภา
เมื่อถูกกดดันให้คลุมถุงชนกับเจษฎา เธอจึงต้องหาทางดิ้นให้พ้นบ่วงนี้
เธอจึงออกปากท้าอากง ว่าจะหาสามีที่ดีมาโชว์ให้ได้
แก้วกัลยาเลือก "เพทาย" ประธานหนุ่มแห่งวินัสมีเดีย
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ ผู้ชายที่เธออยากจะเอาชนะใจ
ผู้ชายที่ติดอยู่ในความทรงจำของเธอมาตลอดเจ็ดปี
แก้วกัลยาจะพิชิตใจเพทายได้หรือไม่ติดตามได้ใน "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
Tags: แก้วกัลยา เพทาย ความรัก เดิมพัน
ตอน: ตอนที่ 18 ฆาตกร ฆาตกรรม
18
ฆาตกร ฆาตกรรม
แก้วกัลยานั่งกระสับกระส่ายไปมาหลังจากกลับจากการเยี่ยมพรทิพย์ เพทายได้รับสายโทรศัพท์ดูเหมือนอธิชาติจะฟื้นตัวแล้ว แม้จะยังไม่เต็มร้อยแต่เขาจำทุกอย่างได้ กระสุนที่ฝังในสมองไม่ได้มีผลอะไรต่อความจำ เพทายจึงรีบย้อนกลับไปที่โรงพยาบาลแต่เขาให้เธอรอฟังข่าวอยู่ที่นี่เขาจะจัดการทุกอย่างเอง ครั้งนี้แก้วกัลยายอมฟังเพราะหลายครั้งที่เธอทำอะไรโดยไม่ฟังเขา คิดว่าเขาอาจต้องการจัดการปัญหาเองบ้าง แต่ตอนนี้ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงยังไม่มีข่าวใด ๆ จากเพทาย แถมเขายังปิดเครื่องยิ่งทำให้เธอร้อนใจ โทรหามินตราก็ไม่ติด ตอนนี้อกเธอมันร้อนไปหมดแล้ว
“แก้ว เลิกเดินเถอะ” แก้วกัลยาหันไปมองวันวิวาห์ที่พึ่งกลับมาจากระยอง ส่วนคีตภัทรเองก็พึ่งกลับบ้านไปเขาเบี้ยวไม่ยอมกลับมาตามกำหนดเป็นเดือน ดูเหมือนกลับมาคราวนี้จะมีบางอย่างแปลกไป ยิ่งตอนที่คีตภัทรมาส่งก่อนจะกลับไปบรรยากาศของคนทั้งคู่ก็แปลก ๆ แต่แก้วกัลยาเลือกไม่ถามเพราะถ้าวันวิวาห์อยากจะบอกก็บอกเอง
ส่วนเธอก็กลับมานอนที่บ้านเป็นเพื่อนวันวิวาห์ แต่สถานการณ์ของบ้านไม่ปกติ แก้วกัลยาโทรให้ตำรวจมาตรวจตราเป็นระยะกันเหตุฉุกเฉิน จะเห็นตำรวจวนเวียนอยู่แถว ๆ หมู่บ้าน รวมถึงยามที่ทำหน้าที่แข็งขันมาก
“เดินไปเดินมาก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น นั่งเถอะ”
“ก็...ไอ้รัก มาได้ยังไง แล้วสายฟ้าล่ะ” แก้วกัลยามองรักจิราที่วิ่งเข้ามาในบ้านแทบจะวิ่งชนเธอล้ม ใบหน้าของรักจิราไม่มีท่าทีทะเล้นเหมือนทุกครั้ง แต่เหมือนจะกำลังตกใจงวยงง
“เอ่อ...คืนนี้เค้าขอค้างด้วยคนนะ”
“ค้าง ทำไมไม่กลับคอนโด ผู้กองติก็บอกแล้วว่าเราควรจะแยกกันอยู่ ถ้าเกิดเป็นอะไรจะได้ไม่ตายคู่ แล้วทำไมแกถึงมาที่นี่ได้รัก” รักจิราก้มหน้าไม่ตอบ และยังหลบสายตาเธออีก
“มีเรื่องกับไอ้ฟ้า ฉันเดาถูกใช่ไหม” แก้วกัลยาจับสังเกตจากใบหน้า เธอรู้จักรักจิราดีที่สุดไม่แพ้บรรดาพี่น้องอีกสองคนหรอก จะมีกี่เรื่องที่ทำให้คนเก่ง ห้าวหาญอย่างรักจิราก้มหน้าหลบตาแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เรื่องของโจทย์เก่าเจ้าประจำอย่างอัสนี
“คราวนี้เรื่องอะไร ดูท่าทางแล้ว แกหนีมาสินะ คนอย่างแกอยู่ ๆ มาไม่บอกไม่กล่าวล่วงหน้า แถมมาหน้าหงอย ๆ ซีด ๆ แกหนีมันมาใช่ไหม”
“เจ๊แก้ว เอ่อ...เค้าไปอาบน้ำก่อนนะ รู้สึกตัวเหนียว ๆ อยากนอนด้วย ไว้ค่อยคุยกัน” รักจิรารีบวิ่งไป
“เดี๋ยวไอ้รัก รัก รัก”
“พอเถอะแก้ว ปล่อยรักไปก่อนเถอะ เดี๋ยวอยากบอกก็บอกเอง คาดคั้นไปไม่มีประโยชน์หรอก” แก้วกัลยาพยักหน้าเธอเดินไปหยิบโทรศัพท์กำลังจะกดโทรหามินตราที่อยู่กับเพทาย เสียงโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้น แก้วกัลยาหันไปมอง พลางคิดว่าใครกันโทรมาเวลานี้ วันวิวาห์ทำท่าจะเดินไปรับ
“ฉันเอง” แก้วกัลยาเอ่ยและเดินไปรับสายนั้น
“บ้านสิทธิทรัพย์อาภา ขอสายใครคะ”
(ขอพูดสายคุณรักจิราครับ) แก้วกัลยาเลิกคิ้วขึ้นสูง เมื่อเสียงที่ตอบกลับมาเป็นเสียงผู้ชาย แก้วกัลยาเอ่ยตอบกลับไปในทันที
“ดิฉันแก้วกัลยาเป็นพี่สาวของรักจิรา มีอะไรฝากไว้ได้ค่ะ ตอนนี้รักจิราไม่สะดวกรับสาย” เสียงหนุ่มปริศนาเงียบไปสักพักก่อนจะเอ่ยตอบกลับมา
(เราพบตัวคุณขวัญชีวันแล้ว ตอนนี้คุณขวัญชีวันพักรักษาตัวอยู่ที่ภูเก็ต ถ้าอาการเธอทรงตัวเมื่อไหร่เราจะย้ายคุณขวัญกลับเกาะดารา ถ้าคุณรักจิราจะแวะมาเยี่ยมให้ติดต่อกลับมาด้วยนะครับ)
“ดิฉันจะบอกให้ ขอบคุณมากค่ะ” แก้วกัลยากดตัดสายไปทันที และหันไปมองวันวิวาห์ ก่อนเธอจะรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องรักจิรา แก้วกัลยากระชากประตูเปิดเข้าไปโดยไม่มีการบอก หรือเคาะขออนุญาตเจ้าของห้อง
“อะไรกันเจ๊แก้ว” รักจิราที่เดินออกมาจากห้องน้ำในชุดเสื้อยืดคอกลมกางเกงขาสั้น
“ขวัญอยู่ไหน”
“เอ่อ...ก็อยู่ฝรั่งเศสไง”
“ฉันถามอีกครั้ง ขวัญอยู่ไหน” รักจิราหน้าถอดสี ไม่กล้าเอ่ยพูด แค่สบตาดูเธอก็รู้แล้วว่าแก้วกัลยารู้ความจริงหมดแล้ว รักจิราเลี่ยงหลบตาแก้วกัลยา
“คนจากเกาะดาราโทรมาบอกว่า หาตัวขวัญพบแล้ว ถ้าแกจะแวะไปให้แจ้งทางเกาะดาราก่อน แกจะบอกฉันได้หรือยัง ไหนแกบอกฉันว่าขวัญอยู่ฝรั่งเศสกับแม่เชฟคนโปรด แกเลิกโกหกฉันแล้วเล่าความจริงมาได้แล้ว”
“คือ...”
“ฉันเป็นพี่ ฉันมีสิทธิ์รู้ ถ้าแกคิดว่าตัวเองเป็นน้อง เป็นครอบครัว บอกฉันมา” น้ำเสียงของแก้วกัลยาจริงจังมาก จนรักจิราไม่กล้าที่จะโกหกอีก ถ้าแก้วกัลยามีสีหน้าจริงจัง ถ้าน้ำเสียงของแก้วกัลยาเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงนิ่งเรียบ นั่นคือต้องบอกความจริงทุกอย่าง เพราะขีดจำกัดแห่งความอดทนกำลังจะขาดสะบั้นลง
“คือว่า เมื่อสองเดือนก่อน...” รักจิราตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับแก้วกัลยาฟัง
“ทำไมเรื่องใหญ่ขนาดนี้แกไม่บอกฉัน”
“เจ๊ขวัญขอไว้ เจ๊ขวัญไม่อยากให้ใครมาเดือดร้อนด้วย” รักจิราเอ่ย
“มันไม่ได้อยู่ที่ฉันเดือดร้อน ตอนนี้ขวัญเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ฉันจะไปรับตัวขวัญกลับบ้าน ฉันไม่กลัวนายมาเฟียนั่นหรอกนะ ไอ้หมอนั่นต้องการเงินเท่าไหร่ฉันจะคืนให้ ฉันไม่ให้เอาชีวิตขวัญไปแขวนไว้บนเส้นด้ายแบบนั้นแน่ ๆ”
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกเจ๊แก้ว”
“ฉันจะทำให้มันเป็นเรื่องง่ายเอง ฉันจะไปรับขวัญกลับมาเอง” แก้วกัลยาเอ่ยเสียงเด็ดขาด แต่ประตูห้องก็เปิดออก วันวิวาห์เดินเข้ามาในห้อง ในมือถือโทรศัพท์มองมาที่แก้วกัลยา
“แก้ว เมื่อครู่คุณคีตะโทรมา คุณเพชรเป็นผู้ต้องหาในคดีฆ่านายทวีป ตอนนี้ถูกควบคุมตัวไปสถานีตำรวจแล้ว” แก้วกัลยานิ่งเหมือนกำลังช็อค
“เกิดบ้าอะไรขึ้นอีกเนี่ย วันเธอได้ถามหรือเปล่าว่าทำไมคุณเพชรถึงเป็นผู้ต้องหาได้”
“ฉันก็ไม่รู้ คุณคีตะวางสายไปก่อน”
“เรื่องเก่ายังไม่ทันจบ เรื่องใหม่มาอีกแล้วหรอ”
“เอาอย่างนี้ไหม เรื่องเจ๊ขวัญเค้าจะไปจัดการเอง ส่วนตัวอยู่ทางนี้แหละ คุณเพชรเธอไม่มีใครเลยนะ คุณน้าก็ยังนอนป่วย เจ๊ขวัญเค้าจัดการได้”
“จัดการได้แล้วขวัญจะเป็นอย่างนี้หรอ” แก้วกัลยาหันไปมองหน้าน้องสาวตัวดี อารมณ์ของแก้วกัลยาตอนนี้ยังไม่คงที่ แก้วกัลยาเป็นคนโมโหร้าย และกัดไม่เลือกถ้าไม่พอใจ
“แก้วใจเย็นสิ ให้รักลงไปเถอะ เดี๋ยววันจะลงไปด้วย”
“แล้วไม่ทำงานหรอ งานวันก็ดูยุ่ง ๆ”
“วันจะขอทำเรื่องย้ายไปประจำโรงพยาบาลสาขาในระยอง ช่วงนี้แม่อาการไม่ดีเลย อยู่ที่โน่นวันจะได้ช่วยดูแลแม่ได้ เหลือแค่รอผู้อำนวยการอนุมัติ”
“แน่ใจหรอวัน”
“อืม”
“ถ้าอย่างนั้นตัวไม่ต้องห่วงเจ๊แก้ว เค้าจัดการได้ ยังไงนายมาเฟียนั่นต้องยอมปล่อยตัวเจ๊ขวัญแน่ ตัวมีงานเยอะไม่ใช่หรอ ไหนจะเรื่องคุณเพชรอีก ตัวไม่ต้องห่วงนะ จัดการทางนั้นเสร็จเค้าจะโทรมา เค้าจะเก็บกระเป๋าจองตั๋วเครื่องบินให้เร็วที่สุด จะรับตัวเจ๊ขวัญกลับมาให้ได้”
“ก็ได้...แต่...”
“แต่อะไร”
“ฉันยังไม่บอกแก ตอนนี้ฉันขอไปจัดการเรื่องของฉันก่อน” แก้วกัลยาเดินออกจากห้องรักจิราหยิบกระเป๋าและโทรศัพท์รีบโทรกลับหามินตราเพื่อถามเรื่องที่เกิดขึ้นทันที ตอนนี้เธอพะวักพะวงกับทุกเรื่อง ได้แต่ภาวนาให้เรื่องมันจบเร็ว ๆ อย่าให้เพทายต้องโชคร้ายไปมากกว่านี้
หลังจากแยกกับเพทายเธอก็ได้แต่นั่งรอข่าวไม่คิดว่าระหว่างที่กำลังจะสอบสวนอธิชาติตำรวจอีกกลุ่มเข้ามาควบคุมตัวเพทายในข้อหาฆ่านายทวีป แก้วกัลยาเดินมาหยุดอยู่หน้าสถานีตำรวจยังไม่กล้าเดินเข้าไปด้านใน ในใจของเธอภาวนาให้ทุกอย่างเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด เสียงเอะอะโวยวายทำให้แก้วกัลยาหันไปมองเธอเห็นกลุ่มนักข่าวยืนอยู่หน้าโรงพักซึ่งมินตราโทรมาบอกเธอแล้ว ตำรวจไม่อนุญาตให้นักข่าวเข้าไปด้านในเพราะกันการเกิดเหตุวุ่นวายขณะที่เจ้าพนักงานกำลังทำงาน
“คุณแก้ว” แก้วกัลยาหันไปมองคนที่เอ่ยเรียกเธอขณะยืนเหม่อลอย
“ผู้กองติ” แก้วกัลยามองผู้ชายที่เธอโทรเรียกเขามา เธอคิดออกคนเดียว คนที่พอจะช่วยเรื่องคดีได้ก็มีแต่อติพงษ์ คดีของรักจิรา และคดีรถคว่ำของเธอเขาก็กำลังตามสืบให้ ตำรวจที่พอจะช่วยได้ก็คงมีแต่เขาในเวลานี้
“ผมพึ่งเช็คข่าวแล้วก็โทรถามเรื่องคดีกับเพื่อนตำรวจที่นี่แล้ว” แก้วกัลยาพยักหน้า ใบหน้าสวยที่มักจะเชิด มีความถือดีอวดดีดูร้อนใจมาก เพทายคงสำคัญกับแก้วกัลยาไม่มากก็น้อยไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ร้อนใจมากกว่านี้ อติพงษ์คิด
“มันเกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมคุณเพชรถึงเป็นฆาตกรไปได้ คดีเก่ายังไม่จบ ทำไมคดีใหม่ตามมาเร็วแบบนี้”
“ผมยังไม่รู้อะไรแน่ชัด แต่เพื่อนผมบอกว่าแม่บ้านที่กลับจากต่างจังหวัดโทรแจ้งว่าเจ้านายเขาเสียชีวิต ผลการชันสูตรศพพบว่าเขาถูกยิง ทางตำรวจตรวจกล้องวงจรปิดที่หน้าประตูเห็นว่าคุณเพชรเข้าไปบ้านหลังนั้นก่อนจะรีบร้อนออกมา และยังตรวจพบโทรศัพท์ของคุณเพชรที่บ้านด้วย”
“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคุณเพชรจะทำ”
“เอาเป็นเราเข้าไปด้านในกันก่อน เผื่อจะได้รู้อะไรมากกว่านี้ ถ้าเขาไม่ผิดจริง คงจะมีทางช่วยได้” แก้วกัลยาพยักหน้าและตามอติพงษ์เข้าไปทางประตูด้านหลัง แก้วกัลยามองหามินตราที่ตามเพทายมาด้วย มินตรานั่งอยู่หน้าห้องสอบสวน เธอกำลังนั่งกุมมือก้มหน้าเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเจอแก้วกัลยาก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที
“คุณเพชรล่ะ”
“ยังอยู่ในห้องสอบสวนค่ะ เขาไม่ให้คนนอกเข้าไป” เอ่ยจบประโยคนั้นพลันประตูห้องสอบสวนก็เปิดออก ตำรวจสองนายเดินออกมา อติพงษ์เดินแยกไปคุยกับตำรวจที่เหมือนจะรู้จักกัน พูดอะไรบางอย่างนายตำรวจคนนั้นก่อนจะเดินหายเข้าไปห้องอีก
“เรียกทนายหรือยัง เราจะประกันตัวคุณเพชร”
“เรียกแล้วค่ะ ทนายนพพลกำลังมาค่ะ” แก้วกัลยาพยักหน้า ในใจกำลังเป็นห่วงเพทาย
“ทำไมเรื่องมันเยอะนักนะ นักข่าวก็มารอเต็มไปหมด ฉันว่าพรุ่งนี้ตาแก่ทรงกลดต้องหาเรื่องประชุมปลดคุณเพชรแน่ ๆ ยังไงก็ต้องรีบหาทางพาคุณเพชรออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ผู้กองติคะ” แก้วกัลยาหันไปเห็นอติพงษ์ที่เดินออกจากห้องที่หายเข้าไปกับนายตำรวจหน้าดุ อติพงษ์เดินเข้ามาหาแก้วกัลยาใบหน้าดูจะไม่สู้ดีนัก
“ฉันจะขอพบคุณเพชรได้ไหมคะ”
“ผมกำลังจะเข้าไปคุยกับคุณเพชรเหมือนกัน ไปกับผมก็ได้” แก้วกัลยาร้อนใจมากเธอรีบผลักประตูเข้าไปด้านในทันที ภาพแรกที่เห็นคือเพทายกำลังนั่งหันหลังให้ประตู และไม่ยอมหันมามองคนที่เดินเข้ามาจนแก้วกัลยาวางมือลงบนไหล่เขา เขาก็เอ่ยเรียกชื่อเธอโดยที่ไม่หันมาแม้แต่น้อย
“คุณแก้ว”
“ฉันรู้เรื่องแล้วนะคะ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ ใช่วันนั้นไหม วันที่คุณมารับฉัน วันที่ฉันถามว่าหน้าคุณไปโดนอะไรมา” เพทายพยักหน้านิ่ง ๆ
“แต่ฉันไม่เชื่อว่าคุณจะฆ่าเขา”
“วันนั้นนกเรียกผมให้ไปหา เธอจะฟ้องหย่านายทวีป เธออยากให้ผมช่วย แต่ยังไม่ทันได้คุยอะไรกัน นายทวีปก็กลับมา เขาไม่พอใจที่ผมมาหาเมียเขา แล้วผมกับเขาก็ทะเลาะกัน แต่ผมไม่ได้ฆ่าเขา”
“ตำรวจพบปลอกกระสุนปืนสองอันในที่เกิดเหตุ มีการยิงกันสองครั้ง” อติพงษ์เอ่ยตามที่ได้คุยกับเพื่อนมา ซึ่งตำรวจก็ได้สอบสวนเพทายไปแล้วเช่นกัน แต่เพทายยังยืนกรานปฏิเสธว่าตนไม่รู้เรื่อง
“เขาสู้ไม่ได้ก็หยิบปืนขึ้นมายิงผม นกเห็นว่าอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีเธอเลยหยิบแจกันขึ้นมาฟาดหัวนายทวีป แล้วผมกับเธอก็หนีออกมา”
“แล้วทำไมปลอกกระสุนถึงมีสองอันคะ คุณผู้กอง”
“หัวกระสุนปืนที่เราตรวจพบนัดแรกมาจากปืนของคุณทวีปที่หล่นอยู่ ส่วนอีกนัดมาจากปืนของคุณเพทาย เราตรวจหัวกระสุนจากศพแล้ว” แก้วกัลยามองเพทายที่นั่งหน้าซีด
“จากการสอบปากคำ คนในละแวกบ้านนั้นได้ยินเสียงเพียงนัดเดียว”
“ไม่มีใครได้ยินเสียงปืนนัดที่สอง เป็นไปได้ไหมคะว่าอาจใช้ท่อเก็บเสียง”
“ครับ ทางตำรวจตรวจพบปืนพร้อมท่อเก็บเสียงบนรถของคุณเพชร และปืนกระบอกนั้นยังมีคราบเลือดที่กระเด็นมาติดบนปืนด้วย ทางตำรวจกำลังรอผลแลปวันพรุ่งนี้ ถ้ารอยเลือดนั่นเป็นรอยเลือดคุณทวีป คุณเพชรจะกลายเป็นผู้ต้องหาอย่างสมบูรณ์แน่นอนครับ หลักฐานภาพประกอบในกล้องวงจรปิด คำบอกเล่าของชาวบ้านในละแวกนั่นที่เห็นทั้งคู่ออกมาจากบ้านจะเป็นหลักฐานมัดตัวคุณเพชร”
“แล้วคุณชนกนาถล่ะคะ”
“เรากำลังตามหาตัว คุณเพชรแจ้งเราว่าเธอไปพักอยู่โรงแรมแชงกรีร่า ทางตำรวจได้ไปสอบถาม พนักงานแจ้งว่าวันที่เช็คอินเข้าพัก ตอนช่วงหัวค่ำเธอก็รีบร้อนออกจากโรงแรม และก็ไม่ได้กลับเข้ามาอีก ตอนนี้ตำรวจกำลังตามหาคุณชนกนาถ”
“แต่ถึงตามคุณชนกนาถมาได้ คดีมันก็มีสิทธิ์เป็นร่วมกันฆ่าหรือเปล่าคะ”
“ก็เป็นไปได้สูงครับ แต่ถ้าเรามีหลักฐานมากพอมาแก้ต่างให้คุณเพชรได้ คุณเพชรอาจจะรอดจากคดีนี้ เราคงต้องหาหลักฐานเพิ่มถ้าจะช่วยคุณเพชร”
“ขอบคุณมากนะคะผู้กอง”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็เชื่อในหลักฐาน ผมได้กลิ่นบางอย่างจากคดีนี้ มันอาจจะเชื่อมโยงไปที่คดีของคุณภีม และคุณแบร์ด้วย คุณไม่ได้อยู่ตอนที่เราสอบสวนอธิชาติเมื่อวานใช่ไหมครับ” แก้วกัลยาพยักหน้า
“อธิชาติสารภาพแล้วว่าเขาถูกจ้างวานให้จัดฉากทุกอย่างขึ้น ผู้จ้างวานติดต่ออธิชาติโดยได้เบอร์มาจากคนของเสี่ยพงษ์อีกทีหนึ่ง เราได้ภาพกล้องวงจรปิดจากร้านใกล้ ๆ กันจับภาพที่ผู้หญิงคนนั้นยืนคุยอยู่กับอธิชาติ”
“ผู้หญิง ใครคะ”
“ยังไม่แน่ใจครับ เธอใส่ผ้าปิดหน้าปิดตา และเราก็ยังไม่รู้ว่าเธอคือผู้จ้างวานตัวจริงหรือเป็นนกต่ออีกทีหนึ่ง เรากำลังตามคดีนี้ อีกไม่นานอาจจะได้อะไรเพิ่มขึ้นอีก”
“ฉันอยากเห็นภาพกล้องวงจรปิดนั้น”
“ผมรู้ว่าคุณแก้วต้องพูดแบบนี้ ผมเอารูปนั้นมาด้วย เดี๋ยวตอนกลับผมจะเอามาให้คุณดู” แก้วกัลยาพยักหน้ารับและหันไปมองเพทายอีกครั้ง
“ไม่ต้องห่วงนะคะ เรื่องนี้จะต้องจบโดยเร็วที่สุด ตอนนี้คุณแค่ยืนกรานปฏิเสธ ยังไงก็เอาผิดไม่ได้ ฉันจะลองไปหาหลักฐานมาช่วยคุณ ฉันไม่ให้คุณไปนอนในคุกแน่”
“อย่าทำอะไรเด็ดขาดนะคุณแก้ว ผมไม่อยากให้คุณเดือดร้อนไปด้วย”
“เดือดร้อน...ไม่หรอก”
“ผมไม่อยากให้คุณวู่วามเหมือนครั้งก่อน อย่าทำแบบนั้นอีกนะคุณแก้ว คุณแก้วได้ยินผมพูดไหม” แก้วกัลยาไม่ยอมตอบแต่เพียงพยักหน้ารับเท่านั้น
“ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจจริง ๆ”
“รู้แล้วน่า ฉันคุยกับมินตราแล้ว มินตราบอกว่าทนายกำลังมา คืนนี้คุณคงได้กลับไปนอนที่บ้าน ยังไงหลักฐานแค่นั้นก็ยังทำอะไรคุณไม่ได้ จนกว่าจะเจอตัวคุณชนกนาถ ความหละหลวมของคดีนี้อีกหลายอย่าง ถึงคนร้ายตัวจริงจะฉลาด แต่ก็ฉลาดเกินไปถึงพยายามทำให้หลักฐานมันมาทางคุณแบบชัดมาก แต่ถึงอย่างนั้นถ้าพรุ่งนี้ผลเลือดบนปืนคุณตรงกับเลือดคุณทวีปจริง ตำรวจคงจับคุณมาอีกและคงทำเรื่องฝากขังคุณแน่”
“คุณดูมั่นใจผมมาก”
“ไม่ใช่แค่มั่นใจ แต่ฉันเชื่อใจคุณมาก และฉันไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคุณแน่คุณเพชร คนที่ทำคุณได้...มีแค่ฉันก็พอแล้ว”
“ผมควรจะดีใจว่างั้น”
“แน่สิคะ เพราะมีฉันที่ทำได้แต่ฉันจะไม่มีทางทำไง” เพทายยิ้มนิด ๆ มองดวงตากลมโตที่กำลังมองเขา ดวงตาคู่นี้ที่ยังมองเขาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เจ็ดปีที่เธอเพียรพยายามตามเขา เธอเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน ถึงยอมเสียสละตัวเองเพื่อเขาขนาดนี้ แก้วกัลยาอาจเป็นนางมารร้าย แต่เธอก็เป็นผู้หญิงที่ยอมเสียสละเพื่อใครคนหนึ่งได้อย่างไม่คิดชีวิต นี่สินะที่แมทธิวพูดกับเขาในวันนั้นว่าเขาเป็นผู้ชายที่น่าอิจฉา
“ฉันนึกได้ว่าฉันมีธุระด่วน ยังไงคุณอยู่กับมินตรานะ อีกเดี๋ยวทนายก็มาแล้ว ยังไงก็เตรียมตัวรับมือไว้ด้วยนะคะฉันไปก่อนนะคะ...แต่เหมือนฉันจะลืมบางอย่างไป...” แก้วกัลยาที่กำลังจะเดินออกไปหันไปมองเพทายและเดินกลับมาเธอวางแขนลงคล้องคอเขา เพทายหันสายตาไปขอความช่วยเหลือความอติพงษ์ แต่สายตาของแก้วกัลยาก็ตวัดไล่อติพงษ์ให้ออกไปก่อน อติพงษ์เองก็ไม่อยากอยู่นานให้เป็นก้างขวางคอจึงรีบเดินออกไปรอด้านนอก แก้วกัลยาที่แขนยังคล้องคอเพทายหันกลับมามองเขาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“ผมไม่เล่นนะคุณแก้ว”
“ใครว่าเล่นล่ะ ฉันแค่จะให้กำลังใจคุณ” แก้วกัลยาเอ่ยพลันเธอก็นั่งลงบนตักของเขา เพทายพยายามจะดันร่างของแก้วกัลยาออก แต่เพราะกลัวออกแรงมากจะทำให้แก้วกัลยาเจ็บตัวอีก เขาจึงหันหน้าหนีใบหน้าที่ยื่นเข้ามา
“คุณรักฉันบ้างหรือยังคะ...คุณเพชร” คำถามของแก้วกัลยาทำให้ใบหน้าหล่อเหลาเปลี่ยนสี
“น่าแปลกนะคะ ฉันมั่นใจไม่มีผู้ชายคนไหนต้นทานเสน่ห์อันเหลือล้นของฉันได้ แต่คุณก็ทำลายความภาคภูมิใจของฉันหมด จนวันนี้ฉันพึ่งสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง เวลาคุณทำหน้าไม่ชอบใจฉันคุณไม่เคยสบตาฉันเลย สบตาแบบตรง ๆ แบบนี้ ไหนลองสบตาฉันสิ”
“คุณแก้ว ผมบอกผมไม่เล่นไง” เขามองแก้วกัลยาอย่างหวาดระแวง
“มองตาฉันก่อน ถ้ามองตาฉัน ฉันจะยอมไปกลับ คุณเห็นกล้องมุมห้องโน่นไหม” เขาหันไปมองกล้องวงจรปิด
“ถ้าคุณไม่มองตาฉัน ฉันจะจูบคุณโชว์ตำรวจที่อาจจะกำลังมองอยู่ก็ได้ ว่าไงคะ มองตาฉันก่อน” เพทายค่อย ๆ หันไปสบตากับเธอ ดวงตาคมเข้มของเขาสบมองกับดวงตาสีฟ้ากระจ่างใส แก้วกัลยาไม่ได้มีแววตาใสซื่อบริสุทธิ์เหมือนดารินทิพย์ แต่เป็นแววตาของผู้หญิงที่มีความมั่นใจ กล้าแกร่ง ยิ่งสบมองบางอย่างมันก็ยิ่งดังขึ้น เสียงหัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น ความรู้สึกที่น่ากลัวแบบนี้มันไม่ควรเกิดขึ้น เพทายถอนสายตาหนีทันทีที่ใบหน้าของแก้วกัลยาเคลื่อนเข้ามาใกล้กว่าเดิม
“ผมทำแล้ว”
“จริง ๆ ด้วย” แก้วกัลยาพูดและอมยิ้มนิด ๆ
“จริงอะไร”
“ทำไมฉันถึงไม่เอะใจนะว่าทำไมคุณชอบหลบตาฉันบ่อย ๆ คุณกลัวจะหวั่นไหวใช่ไหมล่ะ คุณเพชร”
“เพ้อเจ้อน่า คุณลุกได้แล้ว” แก้วกัลยาขยับหน้าเขามาใกล้เขาอย่างเย้าแหย่ และถ้าเธอขยับอีกครั้งริมฝีปากของเธอคงประทับเขาที่ริมฝีปากของเขาแน่ เพทายจึงนั่งนิ่งตัวตรงเกร็งจนแก้วกัลยาต้องกลิ้นยิ้มไว้
“คุณกำลังหวั่นไหวนะคุณเพชร อย่าเกร็งสิคะ ฉันไม่ได้จะข่มขืนคุณสักหน่อย”
“คุณแก้วผมไม่สนุกนะ”
“แต่ฉันสนุก หน้าแดงใหญ่แล้วนะคะคุณเพชร” แก้วกัลยามองใบหน้าที่แดงขึ้นเรื่อย ๆ ของเขา รวมถึงใบหูที่แดงกว่าหน้าเสียอีก เขาเป็นผู้ชายที่ไม่เหมือนใครจริง ๆ
“ผมขอร้องล่ะคุณแก้ว”
“หอมแก้มฉันก่อนสิแล้วฉันจะไป คราวนี้ไปจริง ๆ” แก้วกัลยาเอ่ย
“คุณแก้ว”
“ไม่หอมไม่ไปนะเออ” แก้วกัลยาเอ่ย เพทายมองใบหน้าที่เอาจริงของแก้วกัลยา เธอจะปักหลักนั่งบนตักเขาไม่ไปไหน แล้วเขาเองก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่ไหน เธอทำแบบนี้เพราะคิดว่าเขาเป็นคนดีไม่กล้า แต่เขาเป็นผู้ชาย
“เปลี่ยนเป็นฉับจูบคุณเอง” พลันใบหน้าของแก้วกัลยาที่ยอมถอยออกไปเมื่อครู่ก็ยื่นกลับเข้ามาโดยที่เขาไม่แม้แต่จะได้ทันตั้งตัว เพทายทำได้แต่เอียงหน้าหลบ ดวงตาคมหลับตาลง
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“ฉันล้อเล่น ดูทำหน้าเข้าสิ ฉันชักสงสัยแล้วสิ ว่าคุณเคยเป็นแฟนกับคุณนก แล้วไม่เคยจูบกันหรือไง” เขามองผู้หญิงที่ลุกออกไปแล้วและยังหัวเราะไม่หยุดเหมือนกลับไม่เคยเจอผู้ชายที่แปลกเท่าเขา
“แม่คุณบอกฉันว่าคุณบวชเรียนตั้งแต่เด็ก จนขึ้นมัธยมปลายคุณก็เรียนโรงเรียนชายล้วน ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าคุณเคยมีแฟน เคยคบสาว ฉันต้องคิดว่าคุณเป็นเกย์แน่ ๆ”
“คุณแก้ว” เขามองแก้วกัลยาที่ทำล้อเล่นไปเสียทุกเรื่อง
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นคะคุณเพชร หรืออยากให้ฉันจูบคุณจริง ๆ เอาใหม่ก็ได้ค่ะ” แก้วกัลยาเดินเข้ามาอีกครั้ง
“คุณแก้ว ผมจะโกรธคุณแล้วล่ะ”
“ไปแล้วค่ะ ๆ ที่รักรอเค้าก่อนนะ เค้าจะรีบกลับมา ที่รักไม่ต้องห่วง เค้าจัดการทุกอย่างเอง จุ๊บ ๆ” แก้วกัลยาเอ่ยกำลังพลางทำปากจู๋ ๆ ใส่เขาก่อนจะหันหลังเดินไปที่ประตู เขากำลังจะถอนหายใจเหมือนโล่งอกแก้วกัลยากับพุ่งเข้ามาเหมือนก่อน ๆ และประทับริมฝีปากลงที่แก้มของเขาอย่างรวดเร็ว
จุ๊บ
“คุณแก้ว”
“ชื่นใจ คราวหน้าคุณต้องหอมฉันกลับแล้วนะ” เพทายที่มองประตูที่ปิดลงก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก หัวใจที่เต้นอย่างรุนแรงค่อยสงบลง เขารู้สึกอันตรายทุกครั้งที่อยู่ใกล้แก้วกัลยา อันตรายในที่นี่คืออันตรายต่อการเต้นของหัวใจของเขา มันเต้นแรงราวกับจะออกมาให้เธอเห็นให้ได้ ผู้หญิงที่เขาเคยจูบอาจมีแค่ชนกนาถเท่านั้นและแค่ครั้งเดียว จากนั้นเขาแทบไม่แตะต้องผู้หญิง เพราะแม่สั่งสอนเสมอกับคำว่าสุภาพบุรุษ ดังนั้นเขาจะเว้นช่องว่างกับผู้หญิงทุกคน และชีวิตเขาเจอผู้หญิงมาน้อยมาก แต่แก้วกัลยาคือผู้หญิงที่ผ่ากฎอะไรบางอย่างถึงเขาไม่รุกเธอก็รุกเข้ามา เหตุผลหนึ่งที่เขาไม่เคยปล่อยโอกาสอยู่กับเธอ เพราะเขารู้วามันจะเป็นอย่างนี้ไงล่ะ
แก้วกัลยาเดินยิ้มกริ่มอย่างพอใจที่ได้หลอกแต๊ะอั๋งเขาได้ ในมือถือรูปที่อติพงษ์ไปนำมาให้เดินกลับมาที่รถ นักข่าวเริ่มสลายตัวไปบ้างแล้ว แต่บางกลุ่มยังรอที่จะทำข่าว แก้วกัลยาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาตัวช่วย คืนนี้เธอมีเรื่องต้องทำอีก แต่ไปคนเดียวคงไม่ดี
“มิลาไปเจอฉันที่....”
....ติดตามตอนต่อไป...
ฆาตกร ฆาตกรรม
แก้วกัลยานั่งกระสับกระส่ายไปมาหลังจากกลับจากการเยี่ยมพรทิพย์ เพทายได้รับสายโทรศัพท์ดูเหมือนอธิชาติจะฟื้นตัวแล้ว แม้จะยังไม่เต็มร้อยแต่เขาจำทุกอย่างได้ กระสุนที่ฝังในสมองไม่ได้มีผลอะไรต่อความจำ เพทายจึงรีบย้อนกลับไปที่โรงพยาบาลแต่เขาให้เธอรอฟังข่าวอยู่ที่นี่เขาจะจัดการทุกอย่างเอง ครั้งนี้แก้วกัลยายอมฟังเพราะหลายครั้งที่เธอทำอะไรโดยไม่ฟังเขา คิดว่าเขาอาจต้องการจัดการปัญหาเองบ้าง แต่ตอนนี้ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงยังไม่มีข่าวใด ๆ จากเพทาย แถมเขายังปิดเครื่องยิ่งทำให้เธอร้อนใจ โทรหามินตราก็ไม่ติด ตอนนี้อกเธอมันร้อนไปหมดแล้ว
“แก้ว เลิกเดินเถอะ” แก้วกัลยาหันไปมองวันวิวาห์ที่พึ่งกลับมาจากระยอง ส่วนคีตภัทรเองก็พึ่งกลับบ้านไปเขาเบี้ยวไม่ยอมกลับมาตามกำหนดเป็นเดือน ดูเหมือนกลับมาคราวนี้จะมีบางอย่างแปลกไป ยิ่งตอนที่คีตภัทรมาส่งก่อนจะกลับไปบรรยากาศของคนทั้งคู่ก็แปลก ๆ แต่แก้วกัลยาเลือกไม่ถามเพราะถ้าวันวิวาห์อยากจะบอกก็บอกเอง
ส่วนเธอก็กลับมานอนที่บ้านเป็นเพื่อนวันวิวาห์ แต่สถานการณ์ของบ้านไม่ปกติ แก้วกัลยาโทรให้ตำรวจมาตรวจตราเป็นระยะกันเหตุฉุกเฉิน จะเห็นตำรวจวนเวียนอยู่แถว ๆ หมู่บ้าน รวมถึงยามที่ทำหน้าที่แข็งขันมาก
“เดินไปเดินมาก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น นั่งเถอะ”
“ก็...ไอ้รัก มาได้ยังไง แล้วสายฟ้าล่ะ” แก้วกัลยามองรักจิราที่วิ่งเข้ามาในบ้านแทบจะวิ่งชนเธอล้ม ใบหน้าของรักจิราไม่มีท่าทีทะเล้นเหมือนทุกครั้ง แต่เหมือนจะกำลังตกใจงวยงง
“เอ่อ...คืนนี้เค้าขอค้างด้วยคนนะ”
“ค้าง ทำไมไม่กลับคอนโด ผู้กองติก็บอกแล้วว่าเราควรจะแยกกันอยู่ ถ้าเกิดเป็นอะไรจะได้ไม่ตายคู่ แล้วทำไมแกถึงมาที่นี่ได้รัก” รักจิราก้มหน้าไม่ตอบ และยังหลบสายตาเธออีก
“มีเรื่องกับไอ้ฟ้า ฉันเดาถูกใช่ไหม” แก้วกัลยาจับสังเกตจากใบหน้า เธอรู้จักรักจิราดีที่สุดไม่แพ้บรรดาพี่น้องอีกสองคนหรอก จะมีกี่เรื่องที่ทำให้คนเก่ง ห้าวหาญอย่างรักจิราก้มหน้าหลบตาแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เรื่องของโจทย์เก่าเจ้าประจำอย่างอัสนี
“คราวนี้เรื่องอะไร ดูท่าทางแล้ว แกหนีมาสินะ คนอย่างแกอยู่ ๆ มาไม่บอกไม่กล่าวล่วงหน้า แถมมาหน้าหงอย ๆ ซีด ๆ แกหนีมันมาใช่ไหม”
“เจ๊แก้ว เอ่อ...เค้าไปอาบน้ำก่อนนะ รู้สึกตัวเหนียว ๆ อยากนอนด้วย ไว้ค่อยคุยกัน” รักจิรารีบวิ่งไป
“เดี๋ยวไอ้รัก รัก รัก”
“พอเถอะแก้ว ปล่อยรักไปก่อนเถอะ เดี๋ยวอยากบอกก็บอกเอง คาดคั้นไปไม่มีประโยชน์หรอก” แก้วกัลยาพยักหน้าเธอเดินไปหยิบโทรศัพท์กำลังจะกดโทรหามินตราที่อยู่กับเพทาย เสียงโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้น แก้วกัลยาหันไปมอง พลางคิดว่าใครกันโทรมาเวลานี้ วันวิวาห์ทำท่าจะเดินไปรับ
“ฉันเอง” แก้วกัลยาเอ่ยและเดินไปรับสายนั้น
“บ้านสิทธิทรัพย์อาภา ขอสายใครคะ”
(ขอพูดสายคุณรักจิราครับ) แก้วกัลยาเลิกคิ้วขึ้นสูง เมื่อเสียงที่ตอบกลับมาเป็นเสียงผู้ชาย แก้วกัลยาเอ่ยตอบกลับไปในทันที
“ดิฉันแก้วกัลยาเป็นพี่สาวของรักจิรา มีอะไรฝากไว้ได้ค่ะ ตอนนี้รักจิราไม่สะดวกรับสาย” เสียงหนุ่มปริศนาเงียบไปสักพักก่อนจะเอ่ยตอบกลับมา
(เราพบตัวคุณขวัญชีวันแล้ว ตอนนี้คุณขวัญชีวันพักรักษาตัวอยู่ที่ภูเก็ต ถ้าอาการเธอทรงตัวเมื่อไหร่เราจะย้ายคุณขวัญกลับเกาะดารา ถ้าคุณรักจิราจะแวะมาเยี่ยมให้ติดต่อกลับมาด้วยนะครับ)
“ดิฉันจะบอกให้ ขอบคุณมากค่ะ” แก้วกัลยากดตัดสายไปทันที และหันไปมองวันวิวาห์ ก่อนเธอจะรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องรักจิรา แก้วกัลยากระชากประตูเปิดเข้าไปโดยไม่มีการบอก หรือเคาะขออนุญาตเจ้าของห้อง
“อะไรกันเจ๊แก้ว” รักจิราที่เดินออกมาจากห้องน้ำในชุดเสื้อยืดคอกลมกางเกงขาสั้น
“ขวัญอยู่ไหน”
“เอ่อ...ก็อยู่ฝรั่งเศสไง”
“ฉันถามอีกครั้ง ขวัญอยู่ไหน” รักจิราหน้าถอดสี ไม่กล้าเอ่ยพูด แค่สบตาดูเธอก็รู้แล้วว่าแก้วกัลยารู้ความจริงหมดแล้ว รักจิราเลี่ยงหลบตาแก้วกัลยา
“คนจากเกาะดาราโทรมาบอกว่า หาตัวขวัญพบแล้ว ถ้าแกจะแวะไปให้แจ้งทางเกาะดาราก่อน แกจะบอกฉันได้หรือยัง ไหนแกบอกฉันว่าขวัญอยู่ฝรั่งเศสกับแม่เชฟคนโปรด แกเลิกโกหกฉันแล้วเล่าความจริงมาได้แล้ว”
“คือ...”
“ฉันเป็นพี่ ฉันมีสิทธิ์รู้ ถ้าแกคิดว่าตัวเองเป็นน้อง เป็นครอบครัว บอกฉันมา” น้ำเสียงของแก้วกัลยาจริงจังมาก จนรักจิราไม่กล้าที่จะโกหกอีก ถ้าแก้วกัลยามีสีหน้าจริงจัง ถ้าน้ำเสียงของแก้วกัลยาเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงนิ่งเรียบ นั่นคือต้องบอกความจริงทุกอย่าง เพราะขีดจำกัดแห่งความอดทนกำลังจะขาดสะบั้นลง
“คือว่า เมื่อสองเดือนก่อน...” รักจิราตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับแก้วกัลยาฟัง
“ทำไมเรื่องใหญ่ขนาดนี้แกไม่บอกฉัน”
“เจ๊ขวัญขอไว้ เจ๊ขวัญไม่อยากให้ใครมาเดือดร้อนด้วย” รักจิราเอ่ย
“มันไม่ได้อยู่ที่ฉันเดือดร้อน ตอนนี้ขวัญเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ฉันจะไปรับตัวขวัญกลับบ้าน ฉันไม่กลัวนายมาเฟียนั่นหรอกนะ ไอ้หมอนั่นต้องการเงินเท่าไหร่ฉันจะคืนให้ ฉันไม่ให้เอาชีวิตขวัญไปแขวนไว้บนเส้นด้ายแบบนั้นแน่ ๆ”
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกเจ๊แก้ว”
“ฉันจะทำให้มันเป็นเรื่องง่ายเอง ฉันจะไปรับขวัญกลับมาเอง” แก้วกัลยาเอ่ยเสียงเด็ดขาด แต่ประตูห้องก็เปิดออก วันวิวาห์เดินเข้ามาในห้อง ในมือถือโทรศัพท์มองมาที่แก้วกัลยา
“แก้ว เมื่อครู่คุณคีตะโทรมา คุณเพชรเป็นผู้ต้องหาในคดีฆ่านายทวีป ตอนนี้ถูกควบคุมตัวไปสถานีตำรวจแล้ว” แก้วกัลยานิ่งเหมือนกำลังช็อค
“เกิดบ้าอะไรขึ้นอีกเนี่ย วันเธอได้ถามหรือเปล่าว่าทำไมคุณเพชรถึงเป็นผู้ต้องหาได้”
“ฉันก็ไม่รู้ คุณคีตะวางสายไปก่อน”
“เรื่องเก่ายังไม่ทันจบ เรื่องใหม่มาอีกแล้วหรอ”
“เอาอย่างนี้ไหม เรื่องเจ๊ขวัญเค้าจะไปจัดการเอง ส่วนตัวอยู่ทางนี้แหละ คุณเพชรเธอไม่มีใครเลยนะ คุณน้าก็ยังนอนป่วย เจ๊ขวัญเค้าจัดการได้”
“จัดการได้แล้วขวัญจะเป็นอย่างนี้หรอ” แก้วกัลยาหันไปมองหน้าน้องสาวตัวดี อารมณ์ของแก้วกัลยาตอนนี้ยังไม่คงที่ แก้วกัลยาเป็นคนโมโหร้าย และกัดไม่เลือกถ้าไม่พอใจ
“แก้วใจเย็นสิ ให้รักลงไปเถอะ เดี๋ยววันจะลงไปด้วย”
“แล้วไม่ทำงานหรอ งานวันก็ดูยุ่ง ๆ”
“วันจะขอทำเรื่องย้ายไปประจำโรงพยาบาลสาขาในระยอง ช่วงนี้แม่อาการไม่ดีเลย อยู่ที่โน่นวันจะได้ช่วยดูแลแม่ได้ เหลือแค่รอผู้อำนวยการอนุมัติ”
“แน่ใจหรอวัน”
“อืม”
“ถ้าอย่างนั้นตัวไม่ต้องห่วงเจ๊แก้ว เค้าจัดการได้ ยังไงนายมาเฟียนั่นต้องยอมปล่อยตัวเจ๊ขวัญแน่ ตัวมีงานเยอะไม่ใช่หรอ ไหนจะเรื่องคุณเพชรอีก ตัวไม่ต้องห่วงนะ จัดการทางนั้นเสร็จเค้าจะโทรมา เค้าจะเก็บกระเป๋าจองตั๋วเครื่องบินให้เร็วที่สุด จะรับตัวเจ๊ขวัญกลับมาให้ได้”
“ก็ได้...แต่...”
“แต่อะไร”
“ฉันยังไม่บอกแก ตอนนี้ฉันขอไปจัดการเรื่องของฉันก่อน” แก้วกัลยาเดินออกจากห้องรักจิราหยิบกระเป๋าและโทรศัพท์รีบโทรกลับหามินตราเพื่อถามเรื่องที่เกิดขึ้นทันที ตอนนี้เธอพะวักพะวงกับทุกเรื่อง ได้แต่ภาวนาให้เรื่องมันจบเร็ว ๆ อย่าให้เพทายต้องโชคร้ายไปมากกว่านี้
หลังจากแยกกับเพทายเธอก็ได้แต่นั่งรอข่าวไม่คิดว่าระหว่างที่กำลังจะสอบสวนอธิชาติตำรวจอีกกลุ่มเข้ามาควบคุมตัวเพทายในข้อหาฆ่านายทวีป แก้วกัลยาเดินมาหยุดอยู่หน้าสถานีตำรวจยังไม่กล้าเดินเข้าไปด้านใน ในใจของเธอภาวนาให้ทุกอย่างเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด เสียงเอะอะโวยวายทำให้แก้วกัลยาหันไปมองเธอเห็นกลุ่มนักข่าวยืนอยู่หน้าโรงพักซึ่งมินตราโทรมาบอกเธอแล้ว ตำรวจไม่อนุญาตให้นักข่าวเข้าไปด้านในเพราะกันการเกิดเหตุวุ่นวายขณะที่เจ้าพนักงานกำลังทำงาน
“คุณแก้ว” แก้วกัลยาหันไปมองคนที่เอ่ยเรียกเธอขณะยืนเหม่อลอย
“ผู้กองติ” แก้วกัลยามองผู้ชายที่เธอโทรเรียกเขามา เธอคิดออกคนเดียว คนที่พอจะช่วยเรื่องคดีได้ก็มีแต่อติพงษ์ คดีของรักจิรา และคดีรถคว่ำของเธอเขาก็กำลังตามสืบให้ ตำรวจที่พอจะช่วยได้ก็คงมีแต่เขาในเวลานี้
“ผมพึ่งเช็คข่าวแล้วก็โทรถามเรื่องคดีกับเพื่อนตำรวจที่นี่แล้ว” แก้วกัลยาพยักหน้า ใบหน้าสวยที่มักจะเชิด มีความถือดีอวดดีดูร้อนใจมาก เพทายคงสำคัญกับแก้วกัลยาไม่มากก็น้อยไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ร้อนใจมากกว่านี้ อติพงษ์คิด
“มันเกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมคุณเพชรถึงเป็นฆาตกรไปได้ คดีเก่ายังไม่จบ ทำไมคดีใหม่ตามมาเร็วแบบนี้”
“ผมยังไม่รู้อะไรแน่ชัด แต่เพื่อนผมบอกว่าแม่บ้านที่กลับจากต่างจังหวัดโทรแจ้งว่าเจ้านายเขาเสียชีวิต ผลการชันสูตรศพพบว่าเขาถูกยิง ทางตำรวจตรวจกล้องวงจรปิดที่หน้าประตูเห็นว่าคุณเพชรเข้าไปบ้านหลังนั้นก่อนจะรีบร้อนออกมา และยังตรวจพบโทรศัพท์ของคุณเพชรที่บ้านด้วย”
“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคุณเพชรจะทำ”
“เอาเป็นเราเข้าไปด้านในกันก่อน เผื่อจะได้รู้อะไรมากกว่านี้ ถ้าเขาไม่ผิดจริง คงจะมีทางช่วยได้” แก้วกัลยาพยักหน้าและตามอติพงษ์เข้าไปทางประตูด้านหลัง แก้วกัลยามองหามินตราที่ตามเพทายมาด้วย มินตรานั่งอยู่หน้าห้องสอบสวน เธอกำลังนั่งกุมมือก้มหน้าเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเจอแก้วกัลยาก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที
“คุณเพชรล่ะ”
“ยังอยู่ในห้องสอบสวนค่ะ เขาไม่ให้คนนอกเข้าไป” เอ่ยจบประโยคนั้นพลันประตูห้องสอบสวนก็เปิดออก ตำรวจสองนายเดินออกมา อติพงษ์เดินแยกไปคุยกับตำรวจที่เหมือนจะรู้จักกัน พูดอะไรบางอย่างนายตำรวจคนนั้นก่อนจะเดินหายเข้าไปห้องอีก
“เรียกทนายหรือยัง เราจะประกันตัวคุณเพชร”
“เรียกแล้วค่ะ ทนายนพพลกำลังมาค่ะ” แก้วกัลยาพยักหน้า ในใจกำลังเป็นห่วงเพทาย
“ทำไมเรื่องมันเยอะนักนะ นักข่าวก็มารอเต็มไปหมด ฉันว่าพรุ่งนี้ตาแก่ทรงกลดต้องหาเรื่องประชุมปลดคุณเพชรแน่ ๆ ยังไงก็ต้องรีบหาทางพาคุณเพชรออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ผู้กองติคะ” แก้วกัลยาหันไปเห็นอติพงษ์ที่เดินออกจากห้องที่หายเข้าไปกับนายตำรวจหน้าดุ อติพงษ์เดินเข้ามาหาแก้วกัลยาใบหน้าดูจะไม่สู้ดีนัก
“ฉันจะขอพบคุณเพชรได้ไหมคะ”
“ผมกำลังจะเข้าไปคุยกับคุณเพชรเหมือนกัน ไปกับผมก็ได้” แก้วกัลยาร้อนใจมากเธอรีบผลักประตูเข้าไปด้านในทันที ภาพแรกที่เห็นคือเพทายกำลังนั่งหันหลังให้ประตู และไม่ยอมหันมามองคนที่เดินเข้ามาจนแก้วกัลยาวางมือลงบนไหล่เขา เขาก็เอ่ยเรียกชื่อเธอโดยที่ไม่หันมาแม้แต่น้อย
“คุณแก้ว”
“ฉันรู้เรื่องแล้วนะคะ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ ใช่วันนั้นไหม วันที่คุณมารับฉัน วันที่ฉันถามว่าหน้าคุณไปโดนอะไรมา” เพทายพยักหน้านิ่ง ๆ
“แต่ฉันไม่เชื่อว่าคุณจะฆ่าเขา”
“วันนั้นนกเรียกผมให้ไปหา เธอจะฟ้องหย่านายทวีป เธออยากให้ผมช่วย แต่ยังไม่ทันได้คุยอะไรกัน นายทวีปก็กลับมา เขาไม่พอใจที่ผมมาหาเมียเขา แล้วผมกับเขาก็ทะเลาะกัน แต่ผมไม่ได้ฆ่าเขา”
“ตำรวจพบปลอกกระสุนปืนสองอันในที่เกิดเหตุ มีการยิงกันสองครั้ง” อติพงษ์เอ่ยตามที่ได้คุยกับเพื่อนมา ซึ่งตำรวจก็ได้สอบสวนเพทายไปแล้วเช่นกัน แต่เพทายยังยืนกรานปฏิเสธว่าตนไม่รู้เรื่อง
“เขาสู้ไม่ได้ก็หยิบปืนขึ้นมายิงผม นกเห็นว่าอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีเธอเลยหยิบแจกันขึ้นมาฟาดหัวนายทวีป แล้วผมกับเธอก็หนีออกมา”
“แล้วทำไมปลอกกระสุนถึงมีสองอันคะ คุณผู้กอง”
“หัวกระสุนปืนที่เราตรวจพบนัดแรกมาจากปืนของคุณทวีปที่หล่นอยู่ ส่วนอีกนัดมาจากปืนของคุณเพทาย เราตรวจหัวกระสุนจากศพแล้ว” แก้วกัลยามองเพทายที่นั่งหน้าซีด
“จากการสอบปากคำ คนในละแวกบ้านนั้นได้ยินเสียงเพียงนัดเดียว”
“ไม่มีใครได้ยินเสียงปืนนัดที่สอง เป็นไปได้ไหมคะว่าอาจใช้ท่อเก็บเสียง”
“ครับ ทางตำรวจตรวจพบปืนพร้อมท่อเก็บเสียงบนรถของคุณเพชร และปืนกระบอกนั้นยังมีคราบเลือดที่กระเด็นมาติดบนปืนด้วย ทางตำรวจกำลังรอผลแลปวันพรุ่งนี้ ถ้ารอยเลือดนั่นเป็นรอยเลือดคุณทวีป คุณเพชรจะกลายเป็นผู้ต้องหาอย่างสมบูรณ์แน่นอนครับ หลักฐานภาพประกอบในกล้องวงจรปิด คำบอกเล่าของชาวบ้านในละแวกนั่นที่เห็นทั้งคู่ออกมาจากบ้านจะเป็นหลักฐานมัดตัวคุณเพชร”
“แล้วคุณชนกนาถล่ะคะ”
“เรากำลังตามหาตัว คุณเพชรแจ้งเราว่าเธอไปพักอยู่โรงแรมแชงกรีร่า ทางตำรวจได้ไปสอบถาม พนักงานแจ้งว่าวันที่เช็คอินเข้าพัก ตอนช่วงหัวค่ำเธอก็รีบร้อนออกจากโรงแรม และก็ไม่ได้กลับเข้ามาอีก ตอนนี้ตำรวจกำลังตามหาคุณชนกนาถ”
“แต่ถึงตามคุณชนกนาถมาได้ คดีมันก็มีสิทธิ์เป็นร่วมกันฆ่าหรือเปล่าคะ”
“ก็เป็นไปได้สูงครับ แต่ถ้าเรามีหลักฐานมากพอมาแก้ต่างให้คุณเพชรได้ คุณเพชรอาจจะรอดจากคดีนี้ เราคงต้องหาหลักฐานเพิ่มถ้าจะช่วยคุณเพชร”
“ขอบคุณมากนะคะผู้กอง”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็เชื่อในหลักฐาน ผมได้กลิ่นบางอย่างจากคดีนี้ มันอาจจะเชื่อมโยงไปที่คดีของคุณภีม และคุณแบร์ด้วย คุณไม่ได้อยู่ตอนที่เราสอบสวนอธิชาติเมื่อวานใช่ไหมครับ” แก้วกัลยาพยักหน้า
“อธิชาติสารภาพแล้วว่าเขาถูกจ้างวานให้จัดฉากทุกอย่างขึ้น ผู้จ้างวานติดต่ออธิชาติโดยได้เบอร์มาจากคนของเสี่ยพงษ์อีกทีหนึ่ง เราได้ภาพกล้องวงจรปิดจากร้านใกล้ ๆ กันจับภาพที่ผู้หญิงคนนั้นยืนคุยอยู่กับอธิชาติ”
“ผู้หญิง ใครคะ”
“ยังไม่แน่ใจครับ เธอใส่ผ้าปิดหน้าปิดตา และเราก็ยังไม่รู้ว่าเธอคือผู้จ้างวานตัวจริงหรือเป็นนกต่ออีกทีหนึ่ง เรากำลังตามคดีนี้ อีกไม่นานอาจจะได้อะไรเพิ่มขึ้นอีก”
“ฉันอยากเห็นภาพกล้องวงจรปิดนั้น”
“ผมรู้ว่าคุณแก้วต้องพูดแบบนี้ ผมเอารูปนั้นมาด้วย เดี๋ยวตอนกลับผมจะเอามาให้คุณดู” แก้วกัลยาพยักหน้ารับและหันไปมองเพทายอีกครั้ง
“ไม่ต้องห่วงนะคะ เรื่องนี้จะต้องจบโดยเร็วที่สุด ตอนนี้คุณแค่ยืนกรานปฏิเสธ ยังไงก็เอาผิดไม่ได้ ฉันจะลองไปหาหลักฐานมาช่วยคุณ ฉันไม่ให้คุณไปนอนในคุกแน่”
“อย่าทำอะไรเด็ดขาดนะคุณแก้ว ผมไม่อยากให้คุณเดือดร้อนไปด้วย”
“เดือดร้อน...ไม่หรอก”
“ผมไม่อยากให้คุณวู่วามเหมือนครั้งก่อน อย่าทำแบบนั้นอีกนะคุณแก้ว คุณแก้วได้ยินผมพูดไหม” แก้วกัลยาไม่ยอมตอบแต่เพียงพยักหน้ารับเท่านั้น
“ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจจริง ๆ”
“รู้แล้วน่า ฉันคุยกับมินตราแล้ว มินตราบอกว่าทนายกำลังมา คืนนี้คุณคงได้กลับไปนอนที่บ้าน ยังไงหลักฐานแค่นั้นก็ยังทำอะไรคุณไม่ได้ จนกว่าจะเจอตัวคุณชนกนาถ ความหละหลวมของคดีนี้อีกหลายอย่าง ถึงคนร้ายตัวจริงจะฉลาด แต่ก็ฉลาดเกินไปถึงพยายามทำให้หลักฐานมันมาทางคุณแบบชัดมาก แต่ถึงอย่างนั้นถ้าพรุ่งนี้ผลเลือดบนปืนคุณตรงกับเลือดคุณทวีปจริง ตำรวจคงจับคุณมาอีกและคงทำเรื่องฝากขังคุณแน่”
“คุณดูมั่นใจผมมาก”
“ไม่ใช่แค่มั่นใจ แต่ฉันเชื่อใจคุณมาก และฉันไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคุณแน่คุณเพชร คนที่ทำคุณได้...มีแค่ฉันก็พอแล้ว”
“ผมควรจะดีใจว่างั้น”
“แน่สิคะ เพราะมีฉันที่ทำได้แต่ฉันจะไม่มีทางทำไง” เพทายยิ้มนิด ๆ มองดวงตากลมโตที่กำลังมองเขา ดวงตาคู่นี้ที่ยังมองเขาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เจ็ดปีที่เธอเพียรพยายามตามเขา เธอเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน ถึงยอมเสียสละตัวเองเพื่อเขาขนาดนี้ แก้วกัลยาอาจเป็นนางมารร้าย แต่เธอก็เป็นผู้หญิงที่ยอมเสียสละเพื่อใครคนหนึ่งได้อย่างไม่คิดชีวิต นี่สินะที่แมทธิวพูดกับเขาในวันนั้นว่าเขาเป็นผู้ชายที่น่าอิจฉา
“ฉันนึกได้ว่าฉันมีธุระด่วน ยังไงคุณอยู่กับมินตรานะ อีกเดี๋ยวทนายก็มาแล้ว ยังไงก็เตรียมตัวรับมือไว้ด้วยนะคะฉันไปก่อนนะคะ...แต่เหมือนฉันจะลืมบางอย่างไป...” แก้วกัลยาที่กำลังจะเดินออกไปหันไปมองเพทายและเดินกลับมาเธอวางแขนลงคล้องคอเขา เพทายหันสายตาไปขอความช่วยเหลือความอติพงษ์ แต่สายตาของแก้วกัลยาก็ตวัดไล่อติพงษ์ให้ออกไปก่อน อติพงษ์เองก็ไม่อยากอยู่นานให้เป็นก้างขวางคอจึงรีบเดินออกไปรอด้านนอก แก้วกัลยาที่แขนยังคล้องคอเพทายหันกลับมามองเขาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“ผมไม่เล่นนะคุณแก้ว”
“ใครว่าเล่นล่ะ ฉันแค่จะให้กำลังใจคุณ” แก้วกัลยาเอ่ยพลันเธอก็นั่งลงบนตักของเขา เพทายพยายามจะดันร่างของแก้วกัลยาออก แต่เพราะกลัวออกแรงมากจะทำให้แก้วกัลยาเจ็บตัวอีก เขาจึงหันหน้าหนีใบหน้าที่ยื่นเข้ามา
“คุณรักฉันบ้างหรือยังคะ...คุณเพชร” คำถามของแก้วกัลยาทำให้ใบหน้าหล่อเหลาเปลี่ยนสี
“น่าแปลกนะคะ ฉันมั่นใจไม่มีผู้ชายคนไหนต้นทานเสน่ห์อันเหลือล้นของฉันได้ แต่คุณก็ทำลายความภาคภูมิใจของฉันหมด จนวันนี้ฉันพึ่งสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง เวลาคุณทำหน้าไม่ชอบใจฉันคุณไม่เคยสบตาฉันเลย สบตาแบบตรง ๆ แบบนี้ ไหนลองสบตาฉันสิ”
“คุณแก้ว ผมบอกผมไม่เล่นไง” เขามองแก้วกัลยาอย่างหวาดระแวง
“มองตาฉันก่อน ถ้ามองตาฉัน ฉันจะยอมไปกลับ คุณเห็นกล้องมุมห้องโน่นไหม” เขาหันไปมองกล้องวงจรปิด
“ถ้าคุณไม่มองตาฉัน ฉันจะจูบคุณโชว์ตำรวจที่อาจจะกำลังมองอยู่ก็ได้ ว่าไงคะ มองตาฉันก่อน” เพทายค่อย ๆ หันไปสบตากับเธอ ดวงตาคมเข้มของเขาสบมองกับดวงตาสีฟ้ากระจ่างใส แก้วกัลยาไม่ได้มีแววตาใสซื่อบริสุทธิ์เหมือนดารินทิพย์ แต่เป็นแววตาของผู้หญิงที่มีความมั่นใจ กล้าแกร่ง ยิ่งสบมองบางอย่างมันก็ยิ่งดังขึ้น เสียงหัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น ความรู้สึกที่น่ากลัวแบบนี้มันไม่ควรเกิดขึ้น เพทายถอนสายตาหนีทันทีที่ใบหน้าของแก้วกัลยาเคลื่อนเข้ามาใกล้กว่าเดิม
“ผมทำแล้ว”
“จริง ๆ ด้วย” แก้วกัลยาพูดและอมยิ้มนิด ๆ
“จริงอะไร”
“ทำไมฉันถึงไม่เอะใจนะว่าทำไมคุณชอบหลบตาฉันบ่อย ๆ คุณกลัวจะหวั่นไหวใช่ไหมล่ะ คุณเพชร”
“เพ้อเจ้อน่า คุณลุกได้แล้ว” แก้วกัลยาขยับหน้าเขามาใกล้เขาอย่างเย้าแหย่ และถ้าเธอขยับอีกครั้งริมฝีปากของเธอคงประทับเขาที่ริมฝีปากของเขาแน่ เพทายจึงนั่งนิ่งตัวตรงเกร็งจนแก้วกัลยาต้องกลิ้นยิ้มไว้
“คุณกำลังหวั่นไหวนะคุณเพชร อย่าเกร็งสิคะ ฉันไม่ได้จะข่มขืนคุณสักหน่อย”
“คุณแก้วผมไม่สนุกนะ”
“แต่ฉันสนุก หน้าแดงใหญ่แล้วนะคะคุณเพชร” แก้วกัลยามองใบหน้าที่แดงขึ้นเรื่อย ๆ ของเขา รวมถึงใบหูที่แดงกว่าหน้าเสียอีก เขาเป็นผู้ชายที่ไม่เหมือนใครจริง ๆ
“ผมขอร้องล่ะคุณแก้ว”
“หอมแก้มฉันก่อนสิแล้วฉันจะไป คราวนี้ไปจริง ๆ” แก้วกัลยาเอ่ย
“คุณแก้ว”
“ไม่หอมไม่ไปนะเออ” แก้วกัลยาเอ่ย เพทายมองใบหน้าที่เอาจริงของแก้วกัลยา เธอจะปักหลักนั่งบนตักเขาไม่ไปไหน แล้วเขาเองก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่ไหน เธอทำแบบนี้เพราะคิดว่าเขาเป็นคนดีไม่กล้า แต่เขาเป็นผู้ชาย
“เปลี่ยนเป็นฉับจูบคุณเอง” พลันใบหน้าของแก้วกัลยาที่ยอมถอยออกไปเมื่อครู่ก็ยื่นกลับเข้ามาโดยที่เขาไม่แม้แต่จะได้ทันตั้งตัว เพทายทำได้แต่เอียงหน้าหลบ ดวงตาคมหลับตาลง
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“ฉันล้อเล่น ดูทำหน้าเข้าสิ ฉันชักสงสัยแล้วสิ ว่าคุณเคยเป็นแฟนกับคุณนก แล้วไม่เคยจูบกันหรือไง” เขามองผู้หญิงที่ลุกออกไปแล้วและยังหัวเราะไม่หยุดเหมือนกลับไม่เคยเจอผู้ชายที่แปลกเท่าเขา
“แม่คุณบอกฉันว่าคุณบวชเรียนตั้งแต่เด็ก จนขึ้นมัธยมปลายคุณก็เรียนโรงเรียนชายล้วน ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าคุณเคยมีแฟน เคยคบสาว ฉันต้องคิดว่าคุณเป็นเกย์แน่ ๆ”
“คุณแก้ว” เขามองแก้วกัลยาที่ทำล้อเล่นไปเสียทุกเรื่อง
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นคะคุณเพชร หรืออยากให้ฉันจูบคุณจริง ๆ เอาใหม่ก็ได้ค่ะ” แก้วกัลยาเดินเข้ามาอีกครั้ง
“คุณแก้ว ผมจะโกรธคุณแล้วล่ะ”
“ไปแล้วค่ะ ๆ ที่รักรอเค้าก่อนนะ เค้าจะรีบกลับมา ที่รักไม่ต้องห่วง เค้าจัดการทุกอย่างเอง จุ๊บ ๆ” แก้วกัลยาเอ่ยกำลังพลางทำปากจู๋ ๆ ใส่เขาก่อนจะหันหลังเดินไปที่ประตู เขากำลังจะถอนหายใจเหมือนโล่งอกแก้วกัลยากับพุ่งเข้ามาเหมือนก่อน ๆ และประทับริมฝีปากลงที่แก้มของเขาอย่างรวดเร็ว
จุ๊บ
“คุณแก้ว”
“ชื่นใจ คราวหน้าคุณต้องหอมฉันกลับแล้วนะ” เพทายที่มองประตูที่ปิดลงก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก หัวใจที่เต้นอย่างรุนแรงค่อยสงบลง เขารู้สึกอันตรายทุกครั้งที่อยู่ใกล้แก้วกัลยา อันตรายในที่นี่คืออันตรายต่อการเต้นของหัวใจของเขา มันเต้นแรงราวกับจะออกมาให้เธอเห็นให้ได้ ผู้หญิงที่เขาเคยจูบอาจมีแค่ชนกนาถเท่านั้นและแค่ครั้งเดียว จากนั้นเขาแทบไม่แตะต้องผู้หญิง เพราะแม่สั่งสอนเสมอกับคำว่าสุภาพบุรุษ ดังนั้นเขาจะเว้นช่องว่างกับผู้หญิงทุกคน และชีวิตเขาเจอผู้หญิงมาน้อยมาก แต่แก้วกัลยาคือผู้หญิงที่ผ่ากฎอะไรบางอย่างถึงเขาไม่รุกเธอก็รุกเข้ามา เหตุผลหนึ่งที่เขาไม่เคยปล่อยโอกาสอยู่กับเธอ เพราะเขารู้วามันจะเป็นอย่างนี้ไงล่ะ
แก้วกัลยาเดินยิ้มกริ่มอย่างพอใจที่ได้หลอกแต๊ะอั๋งเขาได้ ในมือถือรูปที่อติพงษ์ไปนำมาให้เดินกลับมาที่รถ นักข่าวเริ่มสลายตัวไปบ้างแล้ว แต่บางกลุ่มยังรอที่จะทำข่าว แก้วกัลยาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาตัวช่วย คืนนี้เธอมีเรื่องต้องทำอีก แต่ไปคนเดียวคงไม่ดี
“มิลาไปเจอฉันที่....”
....ติดตามตอนต่อไป...
พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ก.ค. 2558, 11:20:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ก.ค. 2558, 19:45:53 น.
จำนวนการเข้าชม : 850
<< ตอนที่ 17 เพื่อนรักเพื่อนร้าย | ตอนที่ 19 หลักฐานกับตัวละครที่เพิ่มเข้ามา >> |
นักอ่านเหนียวหนึบ 21 ก.ค. 2558, 18:28:26 น.
เคราะห์ซ้ำ กรรมซัดจริงๆ เจ้แก้ว แต่เจ้ก็เอาอยู่เนอะ มีการให้ขวัญกำลังใจกะคุณเพชรด๊วยยยย คิคิ
เคราะห์ซ้ำ กรรมซัดจริงๆ เจ้แก้ว แต่เจ้ก็เอาอยู่เนอะ มีการให้ขวัญกำลังใจกะคุณเพชรด๊วยยยย คิคิ