แก้วขวัญวันรัก "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
เป็นเรื่องราวต่อยอดมาจาก แก้วขวัญวันรัก
โดยเรานำเรื่องราวของนางเอกทั้งสี่แบ่งพาสเป็นเรืองของตัวเองประกอบไปด้วย
"ประกาสิตรักแก้วกัลยา"
"พันธนาการรักขวัญชีวัน"
"ละลายรักวันวิวาห์"
"กลบ่วงรักรักจิรา"

โดยเรื่องแรกของ แก้วขวัญวันรักที่นำมาให้ได้อ่านกันคือ "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"

แก้วกัลยาพี่สาวของโตของบ้านสิทธิทรัพย์อาภา
เมื่อถูกกดดันให้คลุมถุงชนกับเจษฎา เธอจึงต้องหาทางดิ้นให้พ้นบ่วงนี้
เธอจึงออกปากท้าอากง ว่าจะหาสามีที่ดีมาโชว์ให้ได้
แก้วกัลยาเลือก "เพทาย" ประธานหนุ่มแห่งวินัสมีเดีย
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ ผู้ชายที่เธออยากจะเอาชนะใจ
ผู้ชายที่ติดอยู่ในความทรงจำของเธอมาตลอดเจ็ดปี

แก้วกัลยาจะพิชิตใจเพทายได้หรือไม่ติดตามได้ใน "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
Tags: แก้วกัลยา เพทาย ความรัก เดิมพัน

ตอน: ตอนที่ 19 หลักฐานกับตัวละครที่เพิ่มเข้ามา

19
หลักฐานกับตัวละครที่เพิ่มเข้ามา




แก้วกัลยาอาศัยเส้นสายเล็กน้อยในการเข้ามาในหมู่บ้าน เธอขับรถมาจอดที่หลังบ้านของทวีป อมรกุล ผู้บริหารบริษัทสื่อโฆษณาเอไทม์ เขาเป็นสามีของชนกนาถ อดีตโปรดิวเซอร์สาวของค่ายเพลงวีนัสมีเดีย ทวีปเสียชีวิตไปเมื่อสัปดาห์ก่อน สาเหตุการเสียชีวิตคือฆาตกรรม เพทาย และชนกนาถตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรม โดยหลักฐานได้จากภาพกล้องวงจรปิดหน้าบ้านที่จับภาพเพทายเข้าไปในบ้านในเวลาไล่เลี่ยกับทวีปและออกมาเป็นคนสุดท้ายพร้อมกับชนกนาถ หลังจากนั้นไม่มีภาพใครเข้าไปในบ้านอีก หลักฐานชิ้นต่อมาคือเสียงปืนที่ดังขึ้นหนึ่งนัดก่อนที่เพทายและชนกนาถจะวิ่งออกมาจากบ้าน หลักฐานชิ้นที่สามคือโทรศัพท์ของเพทายที่ตำรวจพบในที่เกิดเหตุ และสุดท้ายคือปืนและซับเพรสเซอร์ที่พบในรถของเพทาย รวมถึงคราบเขม่าดินปืนบนเสื้อสูท ทุกอย่างถูกชี้โยงมาที่เพทายจนเหมือนตั้งใจ แก้วกัลยาจึงต้องกลับมาบ้านของทวีปอีกครั้งเพื่อค้นหาความจริง แต่สถานที่เกิดเหตุที่ตำรวจยังไม่ส่งมอบคืนนั้นได้ห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปจนกว่าคดีจะเสร็จสิ้น แม้แก้วกัลยาจะเจรจาขอให้อติพงษ์ช่วยพาเข้ามา แต่อติพงษ์ที่ไม่ได้รับผิดชอบคดีนี้จึงไม่อาจช่วยได้ แก้วกัลยาจึงเหลือทางเลือกเพียงทางเดียวที่จะช่วยเพทายได้

แก้วกัลยามองนาฬิกาทำหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย เธอนัดมิลาไว้ตอนสี่ทุ่มครึ่ง แต่นี่เลยเวลานัดมาสิบนาทีแล้วยังไม่เห็นวี่แววของมิลา จะเข้าไปคนเดียวเธอก็กลัวบางอย่าง ความมืดทำให้ทุกอย่างดูน่ากลัว แก้วกัลยาหยิบไฟฉายออกมาจากกระเป๋าหลังที่ติดมาด้วย เธอลองเช็คข้าวของตอนนี้สี่ทุ่มครึ่งแล้ว ถ้าเธอยังช้าเกิดมีตำรวจกลับเข้ามาอาจจะแย่ แก้วกัลยาอยู่ในสภาพพร้อมทำงาน นั่นคือชุดสีดำที่คล่องตัวในการเดินวิ่ง มือสวมถุงมือเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายในสถานที่เกิดเหตุ แก้วกัลยาก้าวขาขึ้นจะปืนข้ามไปในตัวบ้าน สาเหตุที่เธอต้องเข้าทางหลังบ้านเพราด้านหน้าบ้านมีกล้องวงจรปิดติดอยู่ บ้านหลังนี้มีกล้องวงจรปิดเพียงตัวเดียวคือหน้าบ้าน และอติพงษ์เองก็สงสัยว่าคนร้ายอาจจะใช้ทางนี้ลอบเข้าไปฆ่าทวีป แต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยัน ตำรวจยังต้องตามหาหลักฐานแต่ตอนนี้เพทายคือผู้ต้องสงสัยเบอร์หนึ่ง จนถึงวันพรุ่งนี้ถ้าผลตรวจเลือดตรงกัน เพทายจะกลายเป็นคนร้ายอย่างสมบูรณ์ และเธอมั่นใจว่าคนร้ายมันคงวางแผนมาดีแล้ว เลือดนั่นก็เป็นของทวีปแน่

หมับ!!!

แก้วกัลยามีท่าทีตกใจเมื่อมือของใครคนหนึ่งวางลงบนไหล ใบหน้าซีดถอดสีไปวูบหนึ่งก่อนจะหันหลังไปมองอย่างกลัว ๆ ว่าจะเป็นตำรวจ พอหันไปเจอหน้าคนที่วางมือลงที่ไหลเธอก็แสดงท่าทีโล่งอกออกมา

“มิลา”

“ขอโทษค่ะ คือดิฉันรีบแล้ว แต่คุณแมทเธอ...” แก้วกัลยาหันไปมองอีกคนที่ยืนทำหน้ายักษ์อยู่ด้านหลังมิลา ใบหน้าเขาดูจะโมโหมากที่สองสาวคิดจะทำเรื่องไม่ดี

“เธอพาแมทมาด้วยเนี่ยนะ”

“ดิฉันเปล่านะคะ คุณแมทเธอตามมา...แล้ว...”

“พวกเธอสองคนต้องกลับบ้านเดี๋ยวนี้ รู้ไหมว่าถ้าตำรวจจับได้มันจะเกิดอะไรขึ้น เธอกำลังบุกรุกเข้าไปในสถานที่เกิดเหตุโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรื่องนี้สามารถพาเธอสองคนไปนอนในคุกได้”

“ใครบอกสอง...” แก้วกัลยาเอ่ย

“หมายความว่ายังไง”

“หมายความว่าตอนนี้มีสามแล้วต่างหาก”

“ฉันไม่ตลกนะแก้ว ที่ฉันมาก็เพื่อพาเธอกลับบ้าน”

“ถ้านายไม่ช่วยนายก็กลับไป อย่าคิดว่าฉันจะยอมกลับไปทั้งที่มาถึงแล้ว อย่างน้อยฉันอาจจะได้อะไรกลับไปก็ได้” แก้วกัลยาเอ่ยอย่างไม่กลัว

“แต่ถ้าตำรวจจับได้เธอจะติดคุก ขนาดตำรวจยังไม่ได้อะไรไปมากกว่านั้นแล้วเธอจะได้อะไรอีก กลับบ้านไปวะ อย่าทำให้คุณเพทายเขาต้องเดือดร้อนมากขึ้น”

“ฉันต้องได้แน่ นายคอยดูละกัน” แก้วกัลยาปืนข้ามประตูเหล็กเข้าไปด้านในได้อย่างคล่องตัว ด้วยแต่งตัวมาพร้อมปฏิบัติหน้าที่ แมทธิวหันไปมองมิลา

“ทำไมไม่ช่วยกันห้าม”

“ขนาดคุณแมทห้ามคุณแก้วยังไม่ฟัง แล้วจะฟังดิฉันหรือคะ เราตามไปเถอะค่ะ อย่างน้อยก็ดีกว่าปล่อยให้เข้าไปคนเดียวแล้วไปทำลายสภาพที่เกิดเหตุ” มิลาห่วงเจ้านายจะปืนขึ้นไป แต่ขาเธอกลับสั้นกว่าแก้วกัลยา รั้วตรงที่เหยียบก็สูงเกินไป แมทธิวถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะจับเอวของเธอเพื่อดันขึ้น

“คุณแมทจะทำอะไรคะ” มิลาสะบัดมือเขาออกใบหน้าท่าทางดูตื่นตกใจ แสดงท่าทีชัดเจนว่ารังเกียจ

“ถ้าฉันไม่ช่วยยกเธอขึ้นไปเธอจะเหยียบถึงไหม หรืออยากจะปืนเข้าไปเอง” มิลานิ่งไป และยอมให้เขาจับเอกและช่วยยกขึ้น มิลารู้สึกแก้มร้อนผ่านขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อถูกจับเนื้อต้องตัว เมื่อเหยียบตัวเหล้กได้ก็ก้าวข้ามไปอีกฝั่งได้อย่างปลอดภัย

“คุณแก้วคะ รอมิลาด้วย” มิลาเอ่ยและรีบเดินตามมิลาที่เดินนำไปแล้วโดยมีแมทธิวเดินตามไป แมทธิวมองแก้วกัลยาที่พามาหยุดอยู่ข้าวหน้าต่างบ้านหลังใหญ่

“เราจะเข้าไปยังไงคะ ถ้าเรางัดหน้าต่างเข้าไปตำรวจอาจจะมาจับเราแทนนะคะ”

“ใครบอกล่ะดูนี่” แก้วกัลยาค่อย ๆ ดึงบานหน้าต่างที่เปิดแง้ม ๆ นั้นออกมา มิลามองด้วยความแปลกใจที่แก้วกัลยารู้ว่าหน้าต่างบานนี้ไม่ได้ล็อค เพียงปิดไว้แง้ม ๆ เท่านั้น

“คุณแก้วรู้ได้ยังไงคะว่าหน้าต่างบานนี้”

“เมื่อตอนเย็นก่อนตำรวจจะพากันกลับไป ฉันให้คนลอบเข้ามาเปิดหน้าต่างไว้แล้ว อย่าถามมากเวลามีน้อย” แก้วกัลยาปืนเข้าไปในบ้านทันที แมทธิวมีสีหน้ายุ่งยากใจอยากจะห้ามแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะดูเหมือนแก้วกัลยาจะไม่ฟังอะไรแล้ว ก็เธอเตรียมการทุกอย่างเพื่อเข้ามาในที่เกิดเหตุแล้ว

“คุณแมท” มิลาเอ่ยเรียกและโยนถุงมือที่พกติดมาส่งให้

“คุณแก้วสั่งให้ใส่ไว้ แล้วตามเข้ามาค่ะ” แมทธิวถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่วยใจอีกครั้ง ถ้าการถอนหายใจแล้วทำให้อายุสั้นสิบปี เขาคงไม่เหลือโปรโมชั่นอายุแล้วล่ะ เขาเหนื่อยใจกับเจ้านายลูกน้องคู่นี้ คนเป็นเจ้านายก็เอาแต่ใจ คนเป็นลูกน้องก็ตามใจเจ้านายไม่รู้จักห้ามปรามกันส่งเสริมกันในทางที่ผิดตลอด

“คุณแก้วไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ” มิลาเอ่ยถามเมื่อแก้วกัลยาขยับเข้ามายืนชิดกับเธอ จังหวะที่มือแก้วกัลยาแตะมือมิลา มิลาสัมผัสได้ถึงความเย็นเชียบของมือ มิลารีบเปิดไฟฉายทันที

“คุณแก้วไหวไหมคะ”

“วะ...ไหว” แก้วกัลยามองกวาดไปมองรอบ ๆ จนแมทธิวที่ปีนตามขึ้นมาวางมือแตะลงที่บ่าของแก้วกัลยา ภายในบ้านมืดสนิท มีเพียงแสงไฟจากไฟฉายสองกระบอก กระบอกหนึ่งจากมือมิลา อีกกระบอกที่แก้วกัลยาส่งให้แมทธิวถือเพราะมือของเธอกำลังสั่น แก้วกัลยาผู้หญิงเก่ง แกร่ง ร้าย แต่ไม่มีใครรู้ว่าแก้วกัลยามีสิ่งหนึ่งที่กลัวมาตลอดชีวิต นั่นคือความมืด เธอไม่สามารถมองเห็นในความมืด ความมืดคือความน่ากลัว เพราเธอจะไม่มีทางรู้ว่าอะไรที่อยู่ในความมืด คือสิ่งที่เธอคาดการณ์ไม่ได้

สาเหตุของการกลัวความมืดเกิดจากความกลัวที่ฝังใจเมื่อตอนวัยเด็ก แก้วกัลยาจำได้ว่าเธอโกรธที่พ่อไม่มารับเธอที่โรงเรียน เธอเลยไปแอบในห้องเก็บของหลังโรงเรียน แต่สิ่งที่ไม่คิดคือเธอจะโดนเพื่อนร่วมชั้นแกล้งล็อคประตูขังเธอไว้ แก้วกัลยาร้องไห้ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ภายในห้องเก็บของที่มืดอยู่แล้วก็ยิ่งมืดเข้าไปอีก อยู่ ๆ ฝนก็ตกลงมาอย่างไม่มีปี่ไม่มี่ขลุ่ย ซ้ำร้ายเธอถูกงูเจ้าถิ่นที่มาจับจองพื้นที่ฉกเข้าที่ขา วินาทีนั้นเธอคิดว่าเธอต้องตายแล้ว ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่เธอก็รู้สึกว่าทุกอย่างมันมืดเธอมองอะไรไม่เห็น เธอกลัวจับใจ ความตายรออยู่ตรงหน้า แล้วพ่อที่รอเธออยู่อาจจะกำลังตามหาเธอ เขาจะเสียใจแค่ไหนถ้าเห็นเธอเป็นศพไปแล้ว เธอคิดว่าเธอต้องตายแน่ ๆ ถ้าภารโรงไม่เปิดเข้ามาเธอคงตายไปแล้ว ความตาย ความมืดน่าหวาดกลัวในคืนนั้นเธอยังจำได้ไม่ลืม และเธอไม่รู้เลยว่าการกระทำของเธอนอกจากจะทำให้ครูทั้งโรงเรียนเดือดร้อนแล้ว คืนนั้นเธอยังเสียพ่อไปอย่างไม่มีวันกลับ ไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้พูดสั่งลา

“แก้ว แก้ว แก้ว” แมทธิวเขย่าตัวแก้วกัลยาเรียกสติให้กลับมาอีกครั้ง แก้วกัลยาหันไปมองแมทธิวที่เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้ว่าความมืดคือจุดอ่อนของเธอ

“กลับบ้านไหม”

“ไม่ ฉันมาถึงที่นี่แล้ว เราแยกกันเถอะ”

“แต่ว่า...” แมทธิวกำลังจะเอ่ย

“ดิฉันว่าเรารวมกันดีกว่านะคะ คือ...บ้านนี้มีคนตายมาก่อน เจ้าของอาจจะยังอยู่ที่นี่ก็ได้นะคะ” มิลาเอ่ยด้วยน้ำเสียงกลัว ๆ พลางส่องไฟฉายไปรอบ ๆ บ้าน ข้าวของหล่นลงตามพื้นระเกะระกะที่เกิดจากการต่อสู้ยังไม่ถูกเก็บเพราะตำรวจอาจจะกลับมาหาหลักฐานบริเวณหน้าประตูมีสายกั้นเขตห้ามเข้าล้อมเป็นสี่เหลี่ยมตรงพื้นโล่ง ๆ ไว้ ตรงกลางวงล้อมมีรอยเลือดที่แห่งติดพื้น จากคำที่อติพงษ์บอกนายทวีปตายอยู่ตรงนั้น เธอรู้สึกจนลุกซู่เมื่อหันไปมอง

“ไม่ได้ เรามีเวลาไม่มากเกิดตำรวจย้อนกลับมาจะยุ่ง เอาอย่างนี้ แมทธิวนายไปกับมิลาขึ้นไปชั้นบน ส่วนฉันจะลองหาชั้นล่างก่อนแล้วจะตามขึ้นไปอีกที”

“แต่ฉันว่า...”

“เถอะน่า ฉันไหว เอาเป็นถ้าไม่ไหวจะตะโกนดัง ๆ นะจะรีบลงมา” แมทธิวพยักหน้าและหันไปลากมิลาให้เดินตามขึ้นไปด้านบน มิลากอดแขนแมทธิวแน่น ความเย็นเยือกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณยิ่งทำให้บรรยากาศของบ้านดูหลอนน่ากลัว มิลาหวาดระแวงการมองไปรอบ ๆ กลัวเจ้าของบ้านจะปรากฏตัวให้เห็น ในหัวจินตนาการออกไปภาพของวิญญาณหน้าตาเละที่มักจะเห็นในโทรทัศน์
“ขยับไปหน่อยสิ เธอจะสิงฉันอยู่แล้ว”

“มันน่ากลัวนี่คะ”

“ถ้าเธอห้ามแก้วเสียก็ไม่ต้องมากลัวแบบนี้ เร็วรีบหาหลักฐานจะได้รีบกลับกัน” แมทธิวส่องไฟฉายไปตามพื้นตามมุมห้อง แต่ก็ไม่เจออะไรที่น่าสงสัย เขาคิดว่าถ้ามีอะไรตำรวจก็น่าจะเก็บไปหมดแล้ว แต่แก้วกัลยาใครก็ค้านไม่ได้ มีแต่ต้องเออออ เพราะถ้าปล่อยเข้ามาคนเดียวอาจจะเกิดเรื่องขึ้นอีก

“ฉันว่าถ้าเธอยังกอดฉันกลมแบบนี้นะมีหวังไม่ได้อะไรกลับไปแน่ แก้วให้กลับมาอีกแน่” แมทธิวเอ่ยแต่มิลายังไม่ยอมปล่อยแขนแมทธิว เธอไม่ได้กลัวความมืดแต่กลัวสิ่งที่อยู่ในความมืด

“เราไปด้วยกันมันก็ดีแล้วค่ะ ช่วยกันหามันจะเร็วกว่า”

“แต่เธอกอดแขนหลับตามันจะเร็วได้ยังไง รับไฟฉายไปฉันไปทางขวาเธอไปซ้าย” เขายัดไฟฉายใส่มือมิลา ส่วนตัวเองก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดฟังก์ชันไฟฉาย มิลาตัวสั่นมือที่ถือไฟฉายตวัดส่องไปมุมหนึ่ง พลันเงาสีดำก็วิ่งผ่านแสงไฟไป มิลาถลาตัวเข้าไปชิดแมทธิวและกอดแขนเอาหน้าซุกที่แขนเขาไว้และร้องโวยวาย

“ผี ฉันเห็นผี เราออกไปกันเถอะคุณแมท ฉันเห็นผี ต้องเป็นผีเจ้าของบ้านแน่ ๆ”

“โอ๊ย...มิลาเธอหยุดพูดได้ไหม แล้วเบาเสียงด้วย เดี่ยวตำรวจก็แห่มาหรอก ตั้งสติไหนผี ไม่มีอะไรเลย เอาหน้าเธอออกจากแขนฉัน” แมทธิวเอ่ยและพยายามดึงมือมิลาออก แต่มิลาไม่ยอมกอดแขนเขาไว้แน่นตัวสั่นอย่างหวาดกลัว

“ไม่เอา ฉันไม่ออก ฉันไม่ไปคนเดียวนะ”

“เธอไม่ใช่หรอที่ตามใจเจ้านาย อย่าเรื่องมากอยากออกจากที่นี่เร็ว ๆ เราก็แยกกันหา แล้วช่วยเอาหน้าอกเธอเคลื่อนออกห่าง ๆ แขนฉันด้วย” แมทธิวเอ่ย เขาพยายามหายใจเข้าหายใจออกเพื่อยับยั้งความรู้สึกบางอย่าง ยิ่งเธอเบียดตัวเข้ามาอกนุ่มหยุ่นของเธอมันก็ยิ่งเบียดเข้ามา เธอกำลังปลุกอารมณ์ดิบบางอย่างให้ตื่นขึ้นโดยที่เธอไม่รู้ตัว

“จะปล่อยไปปล่อยมิลา” แมทธิวถาม

“ไม่”

“ฉันจะถามครั้งสุดท้าย ถ้าไม่ปล่อย ฉันจะปล้ำเธอกลางบ้านนี่แหละ” สิ้นคำมิลาผลักแมทธิวออกไปในทันที แมทธิวเซถอยหลังไปทำหน้าเสียเซลฟ์เล็กน้อยที่ถูกสลัดแบบไม่มีคิดหน้าคิดหลัง

“เอาล่ะฉันขวาเธอซ้าย มีอะไรร้องดัง ๆ ร้องในที่นี่คือเจอหลักฐาน แต่ถ้ามโนไม่ต้องตะโกนเรียกนะ” แมทธิวเดินหนีไปทันที มิลาจะก้าวเท้าตาม แต่แมทธิวรู้หันหันหลังกลับมาและส่องไฟฉายไปหามิลา ทำให้มิลาต้องก้มหน้าหลบแสงไฟที่สว่างมาก

“ถ้าเธอไม่รีบแยกไปฉันจะคิดว่าเธอพิศวาสฉัน อยากให้ฉันทำกับเธอเหมือนเมื่ออาทิตย์ก่อนที่เธอเปิดไปเจอฉันกับผู้หญิงคนนั้น” มิลาหน้าแดงเมื่อเขาพูดรื้อความทรงจำที่เธอเปิดประตูห้องทำงานเข้าไปเพราะได้ยินเสียงคนร้องอยู่ในห้อง และใครจะไปคิดว่าเปิดไปจะไปเจอภาพที่เขากำลังเข้าได้เข้าเข็มกับผู้หญิงผมทองคนนั้น คิดแล้วหน้ามิลาก็ร้อนขึ้นมาเสียดื้อ ๆ มิลาก้มหน้าหลบตาเขาอย่างเขินอายเกิดมาจนอายุยี่สิบสี่ยังไม่เคยเห็นภาพอะไรเต็ม ๆ ตาเช่นนั้นมาก่อน เสียงเท้าเข้าก้าวเดินเงียบไป มิลากลับมาได้สติเมื่อความเย็นวูบปะทะเข้าที่หลัง มิลาเงยหน้าขึ้นมือถือไฟฉายสั่นไม่ยอมหันหลังไป ใจหนึ่งอยากจะก้าวตามแมทธิวไปแต่เมื่อนึกถึงคำขู่ก็แอบกลัวจึงหันหน้าจะเดินไปด้านซ้ายของตัวบ้าน แต่แล้วเงาที่วิ่งผ่านหน้าไปทำให้มิลาหน้าซีดเผือก แบะปากจะร้องไห้ ลมที่พัดแผ่นเบาปะทะร่างยิ่งทำให้มิลาขนลุกเกลียวขึ้นมา ภายในบ้านนี้หน้าต่างทุกบานถูกปิดสนิทไม่มีทางที่จะมีลมพัดผ่านมาได้ และจะมีกี่สาเหตุที่ทำให้เกิดลมหนาว ๆ แบบนี้

“คุณแมท” มิลาออกตัววิ่งทันที ที่โซนบ้านด้านขวามีห้องอยู่สามห้อง แต่มิลาไม่รู้ว่าแมทธิวเดินหายไปที่ห้องให้เมื่อเดินเข้ามาถึงห้องที่ใกล้สุดก็เอื้อมมือที่สวมถุงมือนั้นจับลูกบิดผลักประตูเข้าไปใบหน้าสวยชะเง้อมองสำรวจไปตามแสงสว่างขอไฟฉายที่ฉายส่องสำรวจ เมื่อไม่เห็นคนที่ตามหา กำลังจะถอยหลังปิดประตูแต่เหมือนมีแรงผลักบางอย่างทำให้มิลาถลาเข้าไปในห้อง

กรี๊ด!!!

ตุบ

มิลาล้มไปนอนกองกับพื้น มิลาร้องโอดโอย ไฟฉายที่ถือมาหล่นไปตอนที่ถลาตัวเข้ามาในห้องและมันก็ดับไปเพราะแรงกระแทก มิลาคลำมือควานหาไฟฉาย ภายในห้องนี้มืดสนิทมองอะไรไม่เห็น มิลาทำหน้าจะร้องไห้ออกมาเมื่อควานหาไฟฉายไม่เจอ มิลาพลิกตัวลุกนั่งแต่ข้อเท้ามันเจ็บมากจนน้ำตาเล็ด

“มิลา” แมทธิวตะโกนเรียกชื่อมิลามาจากนอกห้อง ตอนที่เขากำลังสำรวจห้องได้ยินเสียงร้องของมิลา จึงรีบวิ่งออกมาคิดว่าเกิดอันตรายกับเธอ แมทธิวฉายไฟฉายส่องไปทางมิลาและเดินเข้ามา

“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม ฉันได้ยินเสียงร้องของเธอ” เขามองมิลาที่นั่งกุมข้อเท้า นั่งน้ำตาซึมก็เกิดความสงสาร มิลาเหมือนเด็กตัวเล็ก ๆ เขาจึงเดินเข้ามาพยุงเธอขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้มุมห้อง

“ทำยังไงถึงล้มได้”

“ฉันไม่ได้ล้มนะ ฉันโดนผลัก”

“ใครผลัก ที่นี่นอกจากเธอก็มีฉัน แก้ว แก้วยังอยู่ข้างล่าง”

“ต้องเป็น...ต้องเป็นเจ้าของบ้านแน่ ๆ เขาต้องเป็นคนผลักฉัน ผะ...”

“หยุดเพ้อเจ้อเลยนะมิลา เธออาจจะแค่สะดุดขาตัวเองล้มแล้วมโนไปเพราะกลัวก็ได้ เลิกฟุ้งซ่านไหนเอาขามาให้ดูสิ” แมทธิวเอาไฟฉายของตัวเองส่องที่ข้อเท้าของมิลาที่เหมือนจะบวมเล็กน้อย

“ฉันว่าเธอต้องกลับบ้านแล้ว เดินลงไปล้างล่างไหวไหม” มิลาพยักหน้าทำท่าจะยืนแต่ก็ล้มกลับไปนั่งบนเก้าอี้ แมทธิวถอนหายใจกับคนที่ทำเก่ง

“ไม่ไหวก็บอกไม่ไหว สำออยสักนิดฉันก็ไม่ว่าหรอก

“คือคุณแมทค่ะ ไฟฉาย ถ้าไม่เอาไปเกิดตำรวจมาเก็บหลักฐานอาจจะเจอแล้วรู้ว่ามีคนแอบเข้ามาก็ได้นะคะ” มิลาเอ่ย แมทธิวพยักหน้าและส่องไฟฉายไปบนพื้นหาไฟฉายของมิลา

“มันอาจจะกลิ้งไปใต้ลิ้นชักนั่นหรือเปล่าคะ” แมทธิวพยักหน้าเดินไปที่ตู้ลิ้นชักไม้แกะสลักมุมห้อง เขาก้มหน้ามองเข้าไปใต้ลิ้นชักเจอไฟฉายที่กลิ้งไปอยู่ใต้ชิ้นชักจริงแต่มันไม่ได้มีแค่ไฟฉาย แต่มันมีของชิ้นหนึ่งอยู่ใต้นั้นด้วย

“แก้วเซ้นส์แรงจริง ๆ ด้วย” แมทธิวเอ่ยและหยิบไฟฉายพร้อมของชิ้นนั้นออกมา

“โทรศัพท์” มิลาเอ่ยและมองสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่เอี่ยมที่แมทธิวถือหมุนไปมา เหมือนกำลังสำรวจ และมองของในมืออีกชิ้น เศษแจกันชิ้นเล็กที่มีรอยเลือดติดอยู่ เขาเปิดไฟส่องฉายไปบนพื้น หวังจะเจอรอยเลือด แต่พบเพียงรอยฝุ่นหนาบนพื้นที่เป็นรอยสี่เหลี่ยม แมทธิวส่งหลักฐานทั้งสองชิ้นให้มิลาเก็บใส่ถุงพลาสติก แมทธิวเดินกลับไปที่ชิ้นชักไม้และลองขยับเลื่อนลิ้นชักให้ขาลิ้นชักตรงกับรอยฝุ่นที่ตัวตัวหนา

“พอดีเลย” แมทธิวฉายไฟฉายไปรอบ ๆ ห้อง เขาไปหยุดอยู่ที่กรอบรูปที่วางอยู่ในตู้โชว์เป็นรูปของทวีปที่ถ่ายในห้องทำงาน เขานั่งอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน เขาลองชูรูปไปเทียบมุมกับที่ทวีปเคยถ่าย ด้านหลังโต๊ะทำงานตามรูปด้านหลังเป็นชั้นลิ้นชักแนวยาวสำหรับใส่เอกสารด้านบนมีแจกกันโบราณวางอยู่ เมื่อมองในรูปและมองสภาพของจริง

“มิลาเอาเศษแจกันนั่นมาดูสิ” มิลาส่งถุงใบนั้นให้กับแมทธิว แมทธิวลองมองเศษแจกันที่มีส่วนลายตรงกับส่วนหนึ่งของแจกันในรูป

“ชิ้นเดียวกัน บางทีอาจจะเกิดเรื่องในห้องนี้ก่อนก็ได้” แมทธิวเอ่ย เขาคิดว่าตำรวจน่าจะขึ้นมาแล้วแต่เพราะห้องนี้ไม่มีร่องรอยของการต่อสู่เท่าชั้นล่าง การเก็บหลักฐานห้องนี้อาจจะยังไม่เสร็จสิ้น จึงไม่มีใครเจอโทรศัพท์และเศษแจกัน

“แค่นี้คงพอก่อน ไปเถอะมิลา เธอจะได้ไปนวดขาเกิดอักเสบขึ้นมาฉันจะไม่มีผู้ช่วย...ที่น่า...แกล้ง” แมทธิวเอ่ย มิลาส่งสายตาไม่ค่อยพอใจกลับไปให้ แมทธิวช้อนตัวมิลาขึ้น

“คุณแมท คุณจะทำอะไร”

“ก็อุ้มเธอลงไปไง”

“แต่ฉัน...”

“ถ้าไม่ให้อุ้ม ฉันจะปล่อยเธอนั่งตรงนี้จนเช้า” มิลากอดคอเขาไว้ทันทีเมื่อคิดว่าเขาจะทิ้งเธอไว้ในบ้านที่มีคนตายนี้ แมทธิวแอบอมยิ้มกับเด็กน้อยขี้กลัวที่น่าแกล้ง





แก้วกัลยามองมิลาและแมทธิวเดินขึ้นไปด้านบน ส่วนตัวเองยืนมือสั่น ตัวสั่นเธอพยายามควบคุมความกลัวของตัวเอง แม้บรรยากาศในที่ตอนแรกที่ปืนเข้ามาจะหนาวเย็นเยือก แต่ตอนนี้เธอรู้สึกร้อนเหงื่อไหลซึมผ่านเนื้อผ้าออกมา มือที่กำไฟฉายกำลังสั่นเปียกชื้นเพราะไอเหงื่อที่กำลังไหลออกมา การหายใจเริ่มถี่และติดขัด แก้วกัลยาพยายามควบคุมสติไม่ให้วิ่งหนีไป

“แก้ว...ไม่มีอะไร ที่นี่ไม่มืด ตั้งสติ เราต้องช่วยคุณเพชร ท่องสิแก้ว ต้องช่วยคุณเพชร” แก้วกัลยาหายใจเข้าออกลึก ๆ ก่อนจะก้าวเท้าที่สั่นไปข้างหน้า แววตาสวยมองไปตามแสงไฟฉาย เธอเริ่มเดินสำรวจไปรอบ ๆ แต่ชั้นล่างแทบทุกซอกทุกมุมตำรวจน่าจะเก็บหลักฐานไปหมดแล้ว มีการต่อสู้การ คนร้ายไล่ล่าทวีปมาถึงกลางบ้านก่อนคนร้ายขว้างแจกันทุ่มใส่ทวีป แต่ทวีปไม่ตายกระเสือดกระสนพยายามจะคลานไปหน้าประตู คนร้ายจึงลั่นไกนายทวีปให้สิ้นใจก่อนถึงหน้าประตูบ้าน

“ฉันกำลังช่วยคุณนะคุณทวีป คุณคงไม่อยากให้คนร้ายลอยนวลใช่ไหมคะ ดังนั้นอย่าหลอกฉันนะ ฉันไม่เคยเจอผี แต่ฉันก็กลัวนะ” แก้วกัลยาพูดตัวยังสั่น บรรยากาศมืดสลัวที่มีเพียงแสงจากไฟฉายที่ช่วยทำให้มองเห็นลดความกลัวไปได้เพียงเล็กน้อยสิ่งที่เธอกลัวในความมืดไม่ใช่ผี แต่มันฝังใจเธอมานานเกินไป ความตายในตอนนั้นเธอยังจำไม่ได้ลืม ความมืดของความตาย แก้วกัลยาก้าวเท้าที่สั่นไปรอบ ๆ พยายามหาตามมุมตามซอกเท้าที่หาได้หวังว่าจะเจอเงื่อนงำบางอย่างที่จะช่วยเพทายได้

“กรี๊ด!!!” เสียงของมิลาดังขึ้นแก้วกัลยาตวัดไฟฉายขึ้นไปด้านบนก่อนจะรีบก้าวเท้าวิ่งขึ้นด้านบนไปตามเสียงของมิลา แต่แมทธิววิ่งเข้าไปก่อนหน้าเธอแล้ว ความเย็นหวิวที่หลังต้นคอทำให้แก้วกัลยายืนตัวแข็ง ลมที่พัดผ่านหลังไปทำให้แก้วกัลยารีบกลับไป แก้วกัลยาหันไฟฉายไปมองทันที เงาที่วิ่งผ่านไปทำให้แก้วกัลยาตาโต แก้วกัลยาดวงตาสั่นระริก เธอคิดว่าเธอไม่ได้ตาฝาด เงาที่วิ่งผ่านไปมันไม่ใช่เธอแน่ ๆ

แก้วกัลยาถอยหลังไปชนกับบานประตูห้องด้านหลัง มือข้างที่จับไฟฉายสั่นระริกตวัดไปทางอื่นทันที แผ่นหลังบอบบางพิงกับบานประตูมืออีกครั้งจับลูกบิดเผลอหมุนลูกเปิดทำให้เธอถลาตัวเข้าไปในห้องนั้นทันที

“โอ๊ย ซวยของไอ้แก้วจริง ๆ” แก้วกัลยาเอ่ยพลางลุกขึ้นยืน ส่องไฟฉายสำรวจไปรอบ ๆ ห้อง

“ไหน ๆ ก็มาแล้ว” แก้วกัลยาก้าวเท้าเดินไปรอบ ๆ ห้อง มองหาสิ่งของที่พอจะใช้เป็นหลักฐานได้ ห้องนอนห้องนี้น่าจะเป็นห้องนอนแขก ภายในห้องเก็บทำความสะอาดเรียบร้อย แต่มันมีร่องรอยของการใช้ห้อง แก้วกัลยามองแป้งฝุ่นที่แม้จะถูกเช็ดไปแล้วแต่ก็ยังออกไม่หมดบนโต๊ะ แก้วกัลยาดึงผ้าห่มขึ้น ยกหมอนสีขาวขึ้นเมื่อไม่เจออะไรก็จัดกับคืนที่ ก่อนจะก้มลงมองใต้เตียง ก็ไม่เจออะไรสักอย่างกำลังจะถอดใจเดินออกไปจากห้องอยู่แล้ว แต่สายตากลับเหลือบไปมองตู้ เธอก้าวไปเปิดบานประตูออก และสำรวจมองภายในตู้ที่ว่างเปล่ามีเพียงผ้าขนหนู กลิ่นหอมภายในตู้ทำให้แก้วกัลยาชิ่งค้างเหมือนกำลังสงสัยอะไรบางอย่าง

“กลิ่นน้ำหอมคุ้น ๆ” กลิ่นที่ยังพออวลอยู่ในตู้ทำให้แก้วกัลยายืนนิ่งเหมือนจะนึกขึ้นมาได้ แต่แล้วแก้วกัลยาเห็นแสงไฟฉายจากหน้าบ้าน เธอรีบเดินไปที่หน้าต่างและมองออกไป ดวงตาคมฉายแววตกใจขึ้นมาทันที

“ตำรวจ ซวยแล้วไง” แก้วกัลยารีบวิ่งออกไปนอกห้องเพื่อเตรียมหนีออกไปก่อนตำรวจจะเข้ามา

“แมท มิลา” แก้วกัลยาเปิดประตูไปเจอกับแมทธิวที่อุ้มมิลาไว้ในอ้อมแขน แต่เพราะสถานการณ์เร่งรีบแก้วกัลยาจึงตัดคำถามเรื่องนี้ออกไป

“มีอะไร อย่าบอกนะเจอผีแบบมิลา ไม่ตลก”

“เปล่า ยิ่งกว่าผีอีก ตำรวจกำลังเข้ามาในบ้าน”

“ตำรวจ ซวยแล้วไง รีบเร็ว เธอเดินนำแล้วดูต้นทางด้วย” แก้วกัลยาพยักหน้าและวิ่งนำไป เธอลอบสังเกตรอบนี้เธอไม่ออกไปทางหน้าต่างให้เสี่ยงเลือดจะเปิดประตูด้านหลังครัวออกไป

แกรก

“แก้วกัลยาหันมองแมทธิวและมิลาและสั่งให้วิ่งนำออกไป ประตูกำลังถูกไขเข้ามา แก้วกัลยากดล็อคประตูและปิดลงคืนเก่ารีบวิ่งไปประตูทางออกด้านหลัง แมทธิวพยุงให้มิลาขึ้นไปเพราะเขาที่ยังเจ็บทำให้ค่อนข้างลำบาก แมทธิวปีนตามขึ้นไป แก้วกัลยาได้ยินเสียงเปิดประตูหลังห้องครัว เธอรีบกระโดดไปหลบข้างพุ่มไม้ทันที ส่วนแมทธิวและมิลาก้มตัวหลบ ไฟฉายส่องไปตามพุ่มไม้แก้วกัลยาก้มตัวหมอบให้ต่ำที่สุด

“โอ๊ย” แก้วกัลยาร้องเสียงเบาและก้มมองมือของตนที่ทับอยู่บนหลังมดตอนนี้ประชากรหมดนับร้อยกำลังยกพลกันขึ้นมาบนมืดและกัด แก้วกัลป์ยาพยายามกลั้นเสียงรอจนเสียงประตูปิดลงแต่ต้องรอเพื่อแน่ใจ

“แก้วรีบออกมาก่อนเขาจะเดินออกมาสำรวจด้านนอกอีกรอบ” แก้วกัลยากระโดดโหยงเหยงปัดมือปัดเท้าปัดตัวที่มีมดไต่ขึ้นมา เท้าที่ก้าวถอยหลังเหยียบอะไรบางอย่าง แก้วกัลป์ยาจึงก้มมองบนพื้นและและเก็บมันขึ้นมาเปิดดู ดวงตาสวยมีประกายบางอย่างออกมา ดูเหมือนโชคจะเข้าข้างเธอและคุณเพชรแล้วล่ะ

“แก้ว เร็วสิ เธออยากไปนอนกินข้าวแดงในตารางหรือไง” แมทธิวเอ่ยอีกครั้งเมื่อแก้วกัลยาไม่เดินออกมา แก้วกัลยาปีนขึ้นไปบนประตูกำลังจะก้าวเท้าลงเหยียบพื้น

“พวกคุณทำอะไรกันนะ” ทั้งสามตัวชาวาบ แก้วกัลยาที่ยังเกาะประตูอยู่ทำหน้าเหมือนอยากจะกรีดร้องออกมาก่อนจะหันไปมองพร้อมกับแมทธิว แก้วกัลยารู้สึกมือไม้อ่อนและอยากจะล่วงลงไปนั่งกับพื้นในทันที



....ติดตามตอนต่อไป...

เราจะได้รู้ตัวคนร้ายกันในเร็ว ๆ นี้ และคนร้ายคนนี้มีจุดประสงค์อะไร แก้วกัลยาเดินทางมาถึงครึ่งเรื่องแล้ว
กำลังเข้าสู่ช่วงสุดท้ายแต่จะมีอะไรเกิดขึ้นอีก ก็ติดตามกันต่อไปนะคะ

และหลังจากลงตอนที่่ 25 ของแก้วกัลยา เราเริ่มลงขวัญชีวัน ใครที่อยากเจอกับขวัญชีวันก็รออีกนิดเดียวเท่านั้นค่ะ
รับรองว่าเจ๊ขวัญจะน้ำความโก๊ะวุ่มซ่ามของเธอมาให้ได้หัวเราะและร้องไห้ไปพร้อม ๆ กันแน่นอน







พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ก.ค. 2558, 12:12:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ก.ค. 2558, 12:12:19 น.

จำนวนการเข้าชม : 827





<< ตอนที่ 18 ฆาตกร ฆาตกรรม   ตอนที่ 20 แกะรอยสืบรัก >>
นักอ่านเหนียวหนึบ 26 ก.ค. 2558, 21:38:30 น.
เจ้แก้ววววว กำลังจะรอดแล้วเชียวววว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account