ในอ้อมกอด...มังกรสายฟ้า...
เรื่องราวการเดินทางเพื่อเยียวยาหัวใจ ของผู้หญิงที่ดื้อรั้นและพยศกว่าม้าป่า รักอิสระกว่าอินทรี และเปราะบาง...กว่าตุ๊กตาแก้ว...
หากอัญญาคืออินทรีจากลุ่มเจ้าพระยา ปีกเธอหักแล้วด้วยความรัก หัวใจเธอสลายแล้วด้วยความทรมาน ใครจะเยียวยาได้นอกจากตัวเธอ
หากทาชิคือมังกรสายฟ้าแห่งหิมาลายา ดวงตาเขามั่นคงเพียงภาพเธอ กรงเล็บนั้นมีไว้เพื่อปกป้องเพียงหัวใจเธอ
หลับเถอะคนดี...หลับใหลในอ้อมกอด...มังกรสายฟ้า...
หากอัญญาคืออินทรีจากลุ่มเจ้าพระยา ปีกเธอหักแล้วด้วยความรัก หัวใจเธอสลายแล้วด้วยความทรมาน ใครจะเยียวยาได้นอกจากตัวเธอ
หากทาชิคือมังกรสายฟ้าแห่งหิมาลายา ดวงตาเขามั่นคงเพียงภาพเธอ กรงเล็บนั้นมีไว้เพื่อปกป้องเพียงหัวใจเธอ
หลับเถอะคนดี...หลับใหลในอ้อมกอด...มังกรสายฟ้า...
Tags: ภูฏาน มังกรสายฟ้า การเดินทาง ความรัก ศัลยแพทย์
ตอน: BhuddhaDodenma
เรื่องราวการเดินทางเพื่อเยียวยาหัวใจ ของผู้หญิงที่ดื้อรั้นและพยศกว่าม้าป่า รักอิสระกว่าอินทรี และเปราะบาง...กว่าตุ๊กตาแก้ว...
หากอัญญาคืออินทรีจากลุ่มเจ้าพระยา ปีกเธอหักแล้วด้วยความรัก หัวใจเธอสลายแล้วด้วยความทรมาน ใครจะเยียวยาได้นอกจากตัวเธอ
หากทาชิคือมังกรสายฟ้าแห่งหิมาลายา ดวงตาเขามั่นคงเพียงภาพเธอ กรงเล็บนั้นมีไว้เพื่อปกป้องเพียงหัวใจเธอ
หลับเถอะคนดี...หลับใหลในอ้อมกอด...มังกรสายฟ้า...
----
พระอาทิตย์ในทิมพูเริ่มทำงานค่อนข้างเร็ว อัญญาสะดุ้งลุกขึ้นจากเตียงเมื่อพลิกตัวไปแล้วลืมตาตื่นมาพบกับฟ้าภายนอกที่สว่างจัดราวล่วงเข้ายามสาย เธอรีบยกมือขึ้นหยิบโทรศัพท์ที่หัวเตียงมากดดูนาฬิกา และเห็นว่าเป็นเวลาใกล้หกนาฬิกาเท่านั้น
“ฟ้าอย่างกับเจ็ดโมง” เธอบ่นเบา ๆ ก่อนจะงัวเงียลุกขึ้นจากเตียง
อัญญาอาบน้ำล้างหน้าอย่างรวดเร็วตามวิสัยศัลยแพทย์ที่กินเร็ว หลับเร็ว ใช้ชีวิตเร่งรีบจนชิน หญิงสาวสะบัดเสื้อคลุมสีขาวตัวยาวสวม ตามด้วยสายห้อยกล้อง ก่อนหยิบสมาร์ทโฟนคู่ใจเดินออกมาจากห้องพัก
ถ้ากลางคืนอันตราย อัญญาคิดว่ารุ่งเช้าน่าจะปลอดภัยมากขึ้น
หญิงสาวเดินลงจากบันไดโรงแรม ลัดเลาะไปตามถนนด้านหน้าเพื่อจะพบว่าร้านค้าส่วนใหญ่ยังไม่เปิดให้บริการ เมืองดูเงียบสงบยิ่งกว่าเมื่อคืนเสียอีก
อัญญาเดินเล่นอยู่ไม่นาน เธอก็กลับมาที่โรงแรม แม้กระทั่งร้านขายของที่ระลึกที่คณะของเธอมาดูหลังรับประทานอาหารเมื่อคืน ก็ยังคงปิดทำการ
“เมืองที่นี่เขาเปิดช้านะคะ” เธอบอกหลังเอ่ยทักทายกับคุณปรีชาและคุณนิภาที่นั่งเล่นอยู่ที่โซฟาหน้าห้องอาหาร
“คะ...”
“อัญไปเดินเล่นมาค่ะ ร้านค้าเขายังไม่เปิดกันเลย” หญิงสาวเอ่ยกลั้วหัวเราะ มองนาฬิกาที่บอกเวลาเจ็ดโมงตรง “นี่ถ้าเป็นเมืองไทยคงเริ่มพลุกพล่านแล้วล่ะค่ะ”
“อ้อ...น้องอัญไปเดินเล่นมาแล้วเหรอคะ” คุณพรรณีเอ่ยถาม เธอและบุตรสาวเพิ่งเดินลงบันไดมาถึงพอดี
“ค่ะ...ถนนเงียบกริบเลยค่ะ”
“เสียดาย ไม่มีอะไรให้เดินดูเลยสิคะ”
“มีต้นไม้อยู่ค่ะ...ที่นี่เขามีต้นเลี่ยนเหมือนที่ไทยเลยนะคะ” คุณนิภาคุยกับคุณพรรณี “ตะกี้พี่ออกไปเดินเล่นกับคุณปรีชาเหมือนกัน เห็นเงียบ ๆ เลยเข้ามานั่งเล่น”
“แต่อากาศดีนะคะ...อัญชอบอากาศเย็น ๆ แบบนี้” อัญญาฉีกยิ้มกว้าง
“ดีจัง แต่ที่เราจะไปวันนี้จะร้อนใช่ไหมครับ” คุณปรีชาเอ่ยถาม
“เห็นเนมาว่าอย่างนั้นนะคะ” อรรัมภาเป็นคนตอบ ก่อนเอ่ยชวน “อรว่า...เราเข้าไปรับประทานอาหารกันเลยไหมคะ”
ทั้งคณะจึงเข้าไปภายในห้องอาหาร โต๊ะที่จัดวางถาดสำหรับบุฟเฟ่ต์ยังว่างเปล่า ทุกคนหันมามองหน้ากันอย่างไม่แน่ใจ แต่เมื่อนั่งลงที่โต๊ะ พนักงานก็เดินมาสอบถามเลขห้อง แล้วยื่นรายการอาหารให้เลือกดู มีแบบคอนติเนนทัล แบบอินเดียน และแบบภูฎาน
“อยากลองแบบภูฏานจังค่ะ แต่ไม่รู้ว่าสองอย่างนี่คืออะไร” อัญญาไม่กล้าแม้แต่จะอ่านออกเสียงอาหารสองอย่างที่เขียนบรรยายไว้ในชุดอาหารแบบภูฏาน
“พี่ขอคอนติเนนทัลดีกว่าค่ะ ชัวร์ ๆ ว่ากินได้แน่นอน” คุณนิภาบอกกลั้วหัวเราะ
สุดท้ายทั้งโต๊ะจึงเลือกเป็นเซทอาหารเช้าแบบตะวันตกทั้งหมด ยกเว้นอรรัมภาที่หลงใหลในอาหารอินเดีย
อาหารเช้าถูกยกมาเสิร์ฟเป็นจานกลางให้เลือกหยิบ มีขนมปังปิ้งตั้งใหญ่เสิร์ฟกับเนยและแยมสตรอเบอรี่ แพนเค้ก ไส้กรอก และไข่ที่แยกมาเป็นจาน เป็นไข่ดาว ไข่คน และไข่เจียวตามสั่งของแต่ละบุคคล
สำรับของอรรัมภาพิเศษที่สุด เมื่อพนักงานยกถาดมาเสิร์ฟทุกคนต่างก็หันไปมองอย่างสนใจ จานหนึ่งมีแป้งทอดแบบอินเดียที่หญิงสาวบอกว่าคือ’นาน’ เสิร์ฟคู่กับผัดผักหอมกลิ่นเครื่องเทศเคล้าด้วยเมล็ดเซียส่งกลิ่นยั่วน้ำลาย
“ลองไหมคะ”
“สักนิดก็ดีครับ” คุณปรีชายกจานขึ้นรับผัดผักที่หญิงสาวตักแบ่งให้ ส่วนคนอื่นต่างส่ายหน้า
อัญญานั่งคิดอยู่ครู่ก็บอก “สักนิดแล้วกันนะคะพี่อร กลิ่นหอมจัง” เธอส่งจานให้อรรัมภาแบ่งผัดผักให้ ก่อนหันไปแบ่งแป้งนานกับคุณปรีชา
“หอมดีนะครับ”
“หนักกลิ่นเครื่องเทศแบบอินเดียเลยค่ะ” ผู้เชี่ยวชาญอาหารอินเดียบอก
“แต่อัญว่า...นานนี่น้ำมันเยอะไปนิดนะคะ”
“ใช่ ต้องซับมันหน่อย” อรรัมภาหัวเราะ ก่อนที่ทุกคนจะจัดการกับอาหารบนโต๊ะต่อ
หลังมื้ออาหาร ทุกคนขึ้นไปที่ห้อง พนักงานหญิงในชุดประจำชาติมาเคาะประตูรับกระเป๋าเดินทางลงไปวางที่เคาท์เตอร์
เมื่อลงมาถึง เนมากับทาชิก็นั่งรออยู่ก่อนแล้ว สองหนุ่มลุกขึ้นยืนเป็นเชิงต้อนรับ เนมาบอกด้วยรอยยิ้มกว้างขวาง“มอร์นิ่งครับ”
“มอร์นิ่งค่ะ...”
ไม่นาน ทุกคนก็คงมาจนครบ คณะจึงเริ่มออกเดินทาง รถยนต์แล่นไปตามตัวเมือง มองออกไปยังเห็นเด็กนักเรียนเดินกันเป็นกลุ่มไปยังโรงเรียนที่อยู่ไม่ไกล เนมาบอกว่าโรงเรียนในภูฏานเริ่มมีมากขึ้น มีโรงเรียนสอนเฉพาะทางอย่างวิทยาลัยครูที่พาโร และเริ่มมีมหาวิทยาลัยเพื่อปูรากฐานทางการศึกษา
ชุดนักเรียนในภูฏานเป็นชุดประจำชาติสีเรียบดูน่ารัก เรียบร้อย และเป็นเอกลักษณ์จนคณะทัวร์ชาวไทยอดชื่นชมไม่ได้
รถยนต์แล่นขึ้นไปตามไหล่เขา จนมาถึงหน้าซุ้มประตูกว้างใหญ่บนยอดเขา มองไปเห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่เนมาบอกอย่างภาคภูมิใจว่าเป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่และสูงที่สุดในโลก
“บุดดาโดเดนมาโพรเจคท์นี้เป็นการสร้างพระพุทธรูปที่สูงใหญ่ที่สุดในโลก ประมาณ 169 ฟีตนะครับ โปรเจคท์นี้เราไม่ได้ใช้เงินทุนในประเทศเลย งบประมาณทั้งหมดมาจากการบริจาคจากประเทศต่าง ๆ และผู้ที่มาเยี่ยมชม”
ทุกคนเงยหน้ามองอย่างสนใจ ก่อนยกมือไหว้องค์พระ “นอกจากพระองค์ใหญ่แล้ว ภายในเป็นอาคารบรรจุพระพุทธรูปอีก 125,000 องค์ เราประมาณการว่าจะเสร็จในช่วง 2010 แต่ก็ยังไม่แล้วเสร็จด้วยปัญหาด้านงบประมาณ” เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้มที่บางลง ขณะที่คุณปรีชาถามขึ้นอย่างรวดเร็ว
“แล้วที่นี่มีที่รับบริจาคไหม”
“มีครับ...เดี๋ยวเราดูทิวทัศน์รอบ ๆ ก่อนแล้วผมจะพาไป” เนมาผายมือไปด้านข้าง แล้วพาเดินไปดู “ชางกรีคุนเซลโพดังแห่งนี้เป็นที่ที่คุณสามารถมองลงไปเห็นทิวทัศน์ที่งดงามของทิมพู พวกคุณน่าจะชอบ”
ภาพที่เห็นคือเมืองทิมพูที่อยู่ไกลออกไป เทือกเขาสลับซับซ้อนดูเตี้ยขึ้นมาทันทีเมื่อมองจากด้านบน บ้านเรือนปลูกเรียงรายเกาะกลุ่มเป็นหย่อม ๆ อยู่ไม่ไกลจากถนนและธารน้ำสายหลักที่ดูเชี่ยวกรากเหมือนงูตัวเล็กที่เลื้อยไปสู่ขอบฟ้าไกล
สองสาวตากล้องยกอาวุธคู่ใจขึ้นเก็บภาพที่สวยงามไว้อย่างรวดเร็ว สายลมจัดพัดเอาไอเย็นและละอองหมอกมาโอบร่างทำให้อัญญายิ้มชอบใจ
“เหมือนอยู่ในอ้อมกอดของเมฆเลยนะคะ”
“คุณว่าอะไรนะ” ทาชิที่ยืนข้าง ๆ ถาม เพราะเธอหลุดคำเป็นภาษาไทย
อัญญานิ่งไปครู่ ก่อนแปลเป็นภาษาอังกฤษ ชายหนุ่มฟังแล้วหัวเราะบอกเสียงนุ่ม “You’re in the big hug of Drukyul” หญิงสาวหันมาเลิกคิ้วมองกึ่งถาม
“คุณอยู่ในอ้อมกอด...มังกรสายฟ้า” เขายิ้มบอกซ้ำอีกครั้ง “คุณอยู่ที่นี่ ดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกต่อไป”
เธอไม่รู้ว่าเขาต้องการบอกอะไร แต่ท่าทางและน้ำเสียงที่มั่นคงของผู้ชายตรงหน้าทำให้หัวใจเธออบอุ่นและสงบลงได้อย่างประหลาด แววตาที่เขามองภาพเมืองทิมพูที่อยู่เบื้องล่างเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นและแข็งแกร่งอย่างคนที่เป็นหลักพักพิงของผู้อื่นได้ แววตานั้นทำให้เธอเผลอทอดถอนใจเบา ๆ
อยู่ดี ๆ อัญญาก็เผลอคิดถึงผู้ชายอีกคนที่อยู่กรุงเทพฯ เหมือนว่าภาพของเขาจะจารอยู่ในสมอง ความทรงจำจะฝังอยู่ในทุกลมหายใจ
ถ้าเพียงแต่...ดวงตาของเขาจะมั่นคงได้สักครึ่งของทาชิ เขาคงไม่ทำให้เธอเจ็บปวด
อัญญาสูดลมหายใจเรียกสติให้ตัวเอง เนมาเดินมาชวนทุกคนเข้าไปที่เรือนหลังเล็กที่ปลูกอยู่หน้าองค์พระ
“นั่นเป็นเรือนที่ผลิตตะเกียงน้ำมันเนย” เนมาบอกก่อนจะพาเดินเข้าไป ระหว่างทางมีศาลาเล็ก ๆ ตั้งกล่องรับบริจาค คุณปรีชาเดินนำเข้าไปหยิบเงินนูทรัลมาหยอด
คุณพรรณีและอัญญาเดินตามไปอ่านประวัติการสร้างองค์พระที่ติดอยู่หน้ากล่อง ก่อนหยิบเงินออกมาหยอด แล้วเดินตามเนมาไปที่เรือนตะเกียง
ทาชิพาอัญญาเข้าไปด้านใน ตะเกียงทองเหลืองสว่างไสววางเรียงรายสวยงามในเรือนสี่เหลี่ยม
หญิงสาวยกกล้องขึ้นเก็บภาพได้เพียงไม่กี่รูป เจ้าหน้าที่ในชุดประจำชาติก็เดินเข้ามาขอให้เธอออกไปก่อน เนื่องจากจำนวนนัก่องเที่ยวมากจนไม่สะดวกต่อการทำงาน
“ที่นี่ค่อนข้างเข้มงวด ถ้าคุณอยากดู...ไว้ค่อยไปที่เมมโมเรียลโชเต็นเถอะ” ทาชิบอกเมื่อพาเธอเดินออกมาแล้ว อัญญาคร้านที่จะถาม เธอหันไปเก็บภาพองค์พระที่ตระหง่านอยู่กลางยอดเขา
“คุณไม่ถ่ายภาพตัวเองบ้างหรือ”
“อัญชอบอยู่หลังกล้องมากกว่าน่ะค่ะ”
“ถ้าไม่มีรูป...เดี๋ยวจะไม่รู้นะครับว่าคุณมา” เหตุผลของเขาคล้ายกับที่มารดาพร่ำบ่นให้เธอถ่ายภาพตัวเองบ้าง ไม่ใช่สนใจแต่ทิวทัศน์รอบข้าง
ทาชิยื่นมือมาตรงหน้า “ส่งกล้องมาสิ...ผมถ่ายรูปให้”
อัญญาส่งกล้องให้อย่างว่าง่าย ก่อนเดินไปยืนหน้ากล้อง ทาชิย่อตัวลงเล็กน้อย บอกให้เธอโน้มตัวลงไปมองกล้อง
“เวลาถ่ายภาพคู่กับสถานที่ใหญ่ ๆ การโน้มตัวลงไปเล็กน้อยแล้วเงยกล้องขึ้นจะทำให้ภาพออกมาสมส่วนและมีเสน่ห์มากกว่า”
เขาบอกเมื่อกดปุ่มบนกล้องให้หญิงสาวดูภาพที่ปรากฏ อัญญามองแล้วหยักหน้า เอ่ยขอบคุณเบา ๆ ก่อนยื่นมือไปจะรับกล้องคืน แต่ทาชิกลับยกสายสะพายกล้องขึ้นสวมคอ
“ผมถือให้ก่อนดีกว่า คุณน่าจะถ่ายภาพกับคณะของคุณนะ”
อัญญากระพริบตาปริบ ๆ อดคิดถึงความเผด็จการของผู้ชายที่เธอพบเมื่อวานไม่ได้ ด้วยท่วงท่า การพูดจา หรืออะไรก็ตามแต่ ทาชิคล้ายมีมนต์ที่สามารถทำให้คนแวดล้อมทำตามความต้องการของเขาอยู่เสมอ
ชายหนุ่มหันไปหาเนมา ไกด์หนุ่มเองเกิดใจตรงกันอะไรขึ้นมาก็ยากจะเดา “พวกคุณอยากจะถ่ายภาพหมู่ไหมครับ”
อรรัมภามองเพื่อนร่วมคณะ “ถ่ายรูปกันนะคะ”
คุณปรีชา คุณนิภา คุณพรรณี รรัมภา และอัญญาเดินเข้ามารวมกลุ่มกันยืนอยู่หน้าองค์พระ ส่งกล้องถ่ายรูปและสมาร์ทโฟนให้เนมาและทาชิที่รับอาสาเป็นตากล้อง แสงแดดค่อนข้างจัดจนอรรัมภาและอัญญาต้องลดแว่นกันแดดลงมาสวมไว้
หลังถ่ายภาพแล้ว เนมาก็พาทุกคนกลับไปที่รถ อัญญาเลิกคิ้วเมื่อหันไปคุยกับคุณนิภา เปลือกตาข้างหนึ่งของเธอดูบวมสะดุดตา หญิงสาวจึงเผลอร้องทัก
“เอ๊ะ...ตาพี่นิภาดูบวม ๆ นะคะ”
“อื้อ พี่ก็ว่าเคือง ๆ ตั้งแต่เช้า ต้องล้างตาไหมคะ”
อัญญานิ่งไปครู่ มองดูเปลือกตาที่บวมแดงนั้น ก่อนบอก “อัญว่า หยอดตาก็พอค่ะ เดี๋ยวคงต้องบอกให้เนมาแวะร้านขายยา”
หญิงสาวเร่งฝีเท้าขึ้นไปบอกไกด์หนุ่ม ก่อนจะก้าวขึ้นรถ ทาชิส่งกล้องคืนให้อัญญาเมื่อทั้งคู่นั่งลงที่หลังรถเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวกดเปิดดูภาพที่ชายหนุ่มถ่ายไว้
“คุณถ่ายภาพเก่ง”
“ขอบคุณครับ...”
----
คุณ sunflower ขอบคุณมากเลยค่ะ ไอซ์มีปัญหากับอินเตอร์เน็ทมากเลยไม่ได้แวะเข้ามาดูเลย เพิ่งเห็นว่าที่ลงไว้หายไปเยอะมาก แก้ไขแล้วนะคะ ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ
ไอซืลงไว้ในพันทิปอีกที่ มีภาพประกอบด้วย ที่ http://pantip.com/topic/33947348
หากอัญญาคืออินทรีจากลุ่มเจ้าพระยา ปีกเธอหักแล้วด้วยความรัก หัวใจเธอสลายแล้วด้วยความทรมาน ใครจะเยียวยาได้นอกจากตัวเธอ
หากทาชิคือมังกรสายฟ้าแห่งหิมาลายา ดวงตาเขามั่นคงเพียงภาพเธอ กรงเล็บนั้นมีไว้เพื่อปกป้องเพียงหัวใจเธอ
หลับเถอะคนดี...หลับใหลในอ้อมกอด...มังกรสายฟ้า...
----
พระอาทิตย์ในทิมพูเริ่มทำงานค่อนข้างเร็ว อัญญาสะดุ้งลุกขึ้นจากเตียงเมื่อพลิกตัวไปแล้วลืมตาตื่นมาพบกับฟ้าภายนอกที่สว่างจัดราวล่วงเข้ายามสาย เธอรีบยกมือขึ้นหยิบโทรศัพท์ที่หัวเตียงมากดดูนาฬิกา และเห็นว่าเป็นเวลาใกล้หกนาฬิกาเท่านั้น
“ฟ้าอย่างกับเจ็ดโมง” เธอบ่นเบา ๆ ก่อนจะงัวเงียลุกขึ้นจากเตียง
อัญญาอาบน้ำล้างหน้าอย่างรวดเร็วตามวิสัยศัลยแพทย์ที่กินเร็ว หลับเร็ว ใช้ชีวิตเร่งรีบจนชิน หญิงสาวสะบัดเสื้อคลุมสีขาวตัวยาวสวม ตามด้วยสายห้อยกล้อง ก่อนหยิบสมาร์ทโฟนคู่ใจเดินออกมาจากห้องพัก
ถ้ากลางคืนอันตราย อัญญาคิดว่ารุ่งเช้าน่าจะปลอดภัยมากขึ้น
หญิงสาวเดินลงจากบันไดโรงแรม ลัดเลาะไปตามถนนด้านหน้าเพื่อจะพบว่าร้านค้าส่วนใหญ่ยังไม่เปิดให้บริการ เมืองดูเงียบสงบยิ่งกว่าเมื่อคืนเสียอีก
อัญญาเดินเล่นอยู่ไม่นาน เธอก็กลับมาที่โรงแรม แม้กระทั่งร้านขายของที่ระลึกที่คณะของเธอมาดูหลังรับประทานอาหารเมื่อคืน ก็ยังคงปิดทำการ
“เมืองที่นี่เขาเปิดช้านะคะ” เธอบอกหลังเอ่ยทักทายกับคุณปรีชาและคุณนิภาที่นั่งเล่นอยู่ที่โซฟาหน้าห้องอาหาร
“คะ...”
“อัญไปเดินเล่นมาค่ะ ร้านค้าเขายังไม่เปิดกันเลย” หญิงสาวเอ่ยกลั้วหัวเราะ มองนาฬิกาที่บอกเวลาเจ็ดโมงตรง “นี่ถ้าเป็นเมืองไทยคงเริ่มพลุกพล่านแล้วล่ะค่ะ”
“อ้อ...น้องอัญไปเดินเล่นมาแล้วเหรอคะ” คุณพรรณีเอ่ยถาม เธอและบุตรสาวเพิ่งเดินลงบันไดมาถึงพอดี
“ค่ะ...ถนนเงียบกริบเลยค่ะ”
“เสียดาย ไม่มีอะไรให้เดินดูเลยสิคะ”
“มีต้นไม้อยู่ค่ะ...ที่นี่เขามีต้นเลี่ยนเหมือนที่ไทยเลยนะคะ” คุณนิภาคุยกับคุณพรรณี “ตะกี้พี่ออกไปเดินเล่นกับคุณปรีชาเหมือนกัน เห็นเงียบ ๆ เลยเข้ามานั่งเล่น”
“แต่อากาศดีนะคะ...อัญชอบอากาศเย็น ๆ แบบนี้” อัญญาฉีกยิ้มกว้าง
“ดีจัง แต่ที่เราจะไปวันนี้จะร้อนใช่ไหมครับ” คุณปรีชาเอ่ยถาม
“เห็นเนมาว่าอย่างนั้นนะคะ” อรรัมภาเป็นคนตอบ ก่อนเอ่ยชวน “อรว่า...เราเข้าไปรับประทานอาหารกันเลยไหมคะ”
ทั้งคณะจึงเข้าไปภายในห้องอาหาร โต๊ะที่จัดวางถาดสำหรับบุฟเฟ่ต์ยังว่างเปล่า ทุกคนหันมามองหน้ากันอย่างไม่แน่ใจ แต่เมื่อนั่งลงที่โต๊ะ พนักงานก็เดินมาสอบถามเลขห้อง แล้วยื่นรายการอาหารให้เลือกดู มีแบบคอนติเนนทัล แบบอินเดียน และแบบภูฎาน
“อยากลองแบบภูฏานจังค่ะ แต่ไม่รู้ว่าสองอย่างนี่คืออะไร” อัญญาไม่กล้าแม้แต่จะอ่านออกเสียงอาหารสองอย่างที่เขียนบรรยายไว้ในชุดอาหารแบบภูฏาน
“พี่ขอคอนติเนนทัลดีกว่าค่ะ ชัวร์ ๆ ว่ากินได้แน่นอน” คุณนิภาบอกกลั้วหัวเราะ
สุดท้ายทั้งโต๊ะจึงเลือกเป็นเซทอาหารเช้าแบบตะวันตกทั้งหมด ยกเว้นอรรัมภาที่หลงใหลในอาหารอินเดีย
อาหารเช้าถูกยกมาเสิร์ฟเป็นจานกลางให้เลือกหยิบ มีขนมปังปิ้งตั้งใหญ่เสิร์ฟกับเนยและแยมสตรอเบอรี่ แพนเค้ก ไส้กรอก และไข่ที่แยกมาเป็นจาน เป็นไข่ดาว ไข่คน และไข่เจียวตามสั่งของแต่ละบุคคล
สำรับของอรรัมภาพิเศษที่สุด เมื่อพนักงานยกถาดมาเสิร์ฟทุกคนต่างก็หันไปมองอย่างสนใจ จานหนึ่งมีแป้งทอดแบบอินเดียที่หญิงสาวบอกว่าคือ’นาน’ เสิร์ฟคู่กับผัดผักหอมกลิ่นเครื่องเทศเคล้าด้วยเมล็ดเซียส่งกลิ่นยั่วน้ำลาย
“ลองไหมคะ”
“สักนิดก็ดีครับ” คุณปรีชายกจานขึ้นรับผัดผักที่หญิงสาวตักแบ่งให้ ส่วนคนอื่นต่างส่ายหน้า
อัญญานั่งคิดอยู่ครู่ก็บอก “สักนิดแล้วกันนะคะพี่อร กลิ่นหอมจัง” เธอส่งจานให้อรรัมภาแบ่งผัดผักให้ ก่อนหันไปแบ่งแป้งนานกับคุณปรีชา
“หอมดีนะครับ”
“หนักกลิ่นเครื่องเทศแบบอินเดียเลยค่ะ” ผู้เชี่ยวชาญอาหารอินเดียบอก
“แต่อัญว่า...นานนี่น้ำมันเยอะไปนิดนะคะ”
“ใช่ ต้องซับมันหน่อย” อรรัมภาหัวเราะ ก่อนที่ทุกคนจะจัดการกับอาหารบนโต๊ะต่อ
หลังมื้ออาหาร ทุกคนขึ้นไปที่ห้อง พนักงานหญิงในชุดประจำชาติมาเคาะประตูรับกระเป๋าเดินทางลงไปวางที่เคาท์เตอร์
เมื่อลงมาถึง เนมากับทาชิก็นั่งรออยู่ก่อนแล้ว สองหนุ่มลุกขึ้นยืนเป็นเชิงต้อนรับ เนมาบอกด้วยรอยยิ้มกว้างขวาง“มอร์นิ่งครับ”
“มอร์นิ่งค่ะ...”
ไม่นาน ทุกคนก็คงมาจนครบ คณะจึงเริ่มออกเดินทาง รถยนต์แล่นไปตามตัวเมือง มองออกไปยังเห็นเด็กนักเรียนเดินกันเป็นกลุ่มไปยังโรงเรียนที่อยู่ไม่ไกล เนมาบอกว่าโรงเรียนในภูฏานเริ่มมีมากขึ้น มีโรงเรียนสอนเฉพาะทางอย่างวิทยาลัยครูที่พาโร และเริ่มมีมหาวิทยาลัยเพื่อปูรากฐานทางการศึกษา
ชุดนักเรียนในภูฏานเป็นชุดประจำชาติสีเรียบดูน่ารัก เรียบร้อย และเป็นเอกลักษณ์จนคณะทัวร์ชาวไทยอดชื่นชมไม่ได้
รถยนต์แล่นขึ้นไปตามไหล่เขา จนมาถึงหน้าซุ้มประตูกว้างใหญ่บนยอดเขา มองไปเห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่เนมาบอกอย่างภาคภูมิใจว่าเป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่และสูงที่สุดในโลก
“บุดดาโดเดนมาโพรเจคท์นี้เป็นการสร้างพระพุทธรูปที่สูงใหญ่ที่สุดในโลก ประมาณ 169 ฟีตนะครับ โปรเจคท์นี้เราไม่ได้ใช้เงินทุนในประเทศเลย งบประมาณทั้งหมดมาจากการบริจาคจากประเทศต่าง ๆ และผู้ที่มาเยี่ยมชม”
ทุกคนเงยหน้ามองอย่างสนใจ ก่อนยกมือไหว้องค์พระ “นอกจากพระองค์ใหญ่แล้ว ภายในเป็นอาคารบรรจุพระพุทธรูปอีก 125,000 องค์ เราประมาณการว่าจะเสร็จในช่วง 2010 แต่ก็ยังไม่แล้วเสร็จด้วยปัญหาด้านงบประมาณ” เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้มที่บางลง ขณะที่คุณปรีชาถามขึ้นอย่างรวดเร็ว
“แล้วที่นี่มีที่รับบริจาคไหม”
“มีครับ...เดี๋ยวเราดูทิวทัศน์รอบ ๆ ก่อนแล้วผมจะพาไป” เนมาผายมือไปด้านข้าง แล้วพาเดินไปดู “ชางกรีคุนเซลโพดังแห่งนี้เป็นที่ที่คุณสามารถมองลงไปเห็นทิวทัศน์ที่งดงามของทิมพู พวกคุณน่าจะชอบ”
ภาพที่เห็นคือเมืองทิมพูที่อยู่ไกลออกไป เทือกเขาสลับซับซ้อนดูเตี้ยขึ้นมาทันทีเมื่อมองจากด้านบน บ้านเรือนปลูกเรียงรายเกาะกลุ่มเป็นหย่อม ๆ อยู่ไม่ไกลจากถนนและธารน้ำสายหลักที่ดูเชี่ยวกรากเหมือนงูตัวเล็กที่เลื้อยไปสู่ขอบฟ้าไกล
สองสาวตากล้องยกอาวุธคู่ใจขึ้นเก็บภาพที่สวยงามไว้อย่างรวดเร็ว สายลมจัดพัดเอาไอเย็นและละอองหมอกมาโอบร่างทำให้อัญญายิ้มชอบใจ
“เหมือนอยู่ในอ้อมกอดของเมฆเลยนะคะ”
“คุณว่าอะไรนะ” ทาชิที่ยืนข้าง ๆ ถาม เพราะเธอหลุดคำเป็นภาษาไทย
อัญญานิ่งไปครู่ ก่อนแปลเป็นภาษาอังกฤษ ชายหนุ่มฟังแล้วหัวเราะบอกเสียงนุ่ม “You’re in the big hug of Drukyul” หญิงสาวหันมาเลิกคิ้วมองกึ่งถาม
“คุณอยู่ในอ้อมกอด...มังกรสายฟ้า” เขายิ้มบอกซ้ำอีกครั้ง “คุณอยู่ที่นี่ ดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกต่อไป”
เธอไม่รู้ว่าเขาต้องการบอกอะไร แต่ท่าทางและน้ำเสียงที่มั่นคงของผู้ชายตรงหน้าทำให้หัวใจเธออบอุ่นและสงบลงได้อย่างประหลาด แววตาที่เขามองภาพเมืองทิมพูที่อยู่เบื้องล่างเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นและแข็งแกร่งอย่างคนที่เป็นหลักพักพิงของผู้อื่นได้ แววตานั้นทำให้เธอเผลอทอดถอนใจเบา ๆ
อยู่ดี ๆ อัญญาก็เผลอคิดถึงผู้ชายอีกคนที่อยู่กรุงเทพฯ เหมือนว่าภาพของเขาจะจารอยู่ในสมอง ความทรงจำจะฝังอยู่ในทุกลมหายใจ
ถ้าเพียงแต่...ดวงตาของเขาจะมั่นคงได้สักครึ่งของทาชิ เขาคงไม่ทำให้เธอเจ็บปวด
อัญญาสูดลมหายใจเรียกสติให้ตัวเอง เนมาเดินมาชวนทุกคนเข้าไปที่เรือนหลังเล็กที่ปลูกอยู่หน้าองค์พระ
“นั่นเป็นเรือนที่ผลิตตะเกียงน้ำมันเนย” เนมาบอกก่อนจะพาเดินเข้าไป ระหว่างทางมีศาลาเล็ก ๆ ตั้งกล่องรับบริจาค คุณปรีชาเดินนำเข้าไปหยิบเงินนูทรัลมาหยอด
คุณพรรณีและอัญญาเดินตามไปอ่านประวัติการสร้างองค์พระที่ติดอยู่หน้ากล่อง ก่อนหยิบเงินออกมาหยอด แล้วเดินตามเนมาไปที่เรือนตะเกียง
ทาชิพาอัญญาเข้าไปด้านใน ตะเกียงทองเหลืองสว่างไสววางเรียงรายสวยงามในเรือนสี่เหลี่ยม
หญิงสาวยกกล้องขึ้นเก็บภาพได้เพียงไม่กี่รูป เจ้าหน้าที่ในชุดประจำชาติก็เดินเข้ามาขอให้เธอออกไปก่อน เนื่องจากจำนวนนัก่องเที่ยวมากจนไม่สะดวกต่อการทำงาน
“ที่นี่ค่อนข้างเข้มงวด ถ้าคุณอยากดู...ไว้ค่อยไปที่เมมโมเรียลโชเต็นเถอะ” ทาชิบอกเมื่อพาเธอเดินออกมาแล้ว อัญญาคร้านที่จะถาม เธอหันไปเก็บภาพองค์พระที่ตระหง่านอยู่กลางยอดเขา
“คุณไม่ถ่ายภาพตัวเองบ้างหรือ”
“อัญชอบอยู่หลังกล้องมากกว่าน่ะค่ะ”
“ถ้าไม่มีรูป...เดี๋ยวจะไม่รู้นะครับว่าคุณมา” เหตุผลของเขาคล้ายกับที่มารดาพร่ำบ่นให้เธอถ่ายภาพตัวเองบ้าง ไม่ใช่สนใจแต่ทิวทัศน์รอบข้าง
ทาชิยื่นมือมาตรงหน้า “ส่งกล้องมาสิ...ผมถ่ายรูปให้”
อัญญาส่งกล้องให้อย่างว่าง่าย ก่อนเดินไปยืนหน้ากล้อง ทาชิย่อตัวลงเล็กน้อย บอกให้เธอโน้มตัวลงไปมองกล้อง
“เวลาถ่ายภาพคู่กับสถานที่ใหญ่ ๆ การโน้มตัวลงไปเล็กน้อยแล้วเงยกล้องขึ้นจะทำให้ภาพออกมาสมส่วนและมีเสน่ห์มากกว่า”
เขาบอกเมื่อกดปุ่มบนกล้องให้หญิงสาวดูภาพที่ปรากฏ อัญญามองแล้วหยักหน้า เอ่ยขอบคุณเบา ๆ ก่อนยื่นมือไปจะรับกล้องคืน แต่ทาชิกลับยกสายสะพายกล้องขึ้นสวมคอ
“ผมถือให้ก่อนดีกว่า คุณน่าจะถ่ายภาพกับคณะของคุณนะ”
อัญญากระพริบตาปริบ ๆ อดคิดถึงความเผด็จการของผู้ชายที่เธอพบเมื่อวานไม่ได้ ด้วยท่วงท่า การพูดจา หรืออะไรก็ตามแต่ ทาชิคล้ายมีมนต์ที่สามารถทำให้คนแวดล้อมทำตามความต้องการของเขาอยู่เสมอ
ชายหนุ่มหันไปหาเนมา ไกด์หนุ่มเองเกิดใจตรงกันอะไรขึ้นมาก็ยากจะเดา “พวกคุณอยากจะถ่ายภาพหมู่ไหมครับ”
อรรัมภามองเพื่อนร่วมคณะ “ถ่ายรูปกันนะคะ”
คุณปรีชา คุณนิภา คุณพรรณี รรัมภา และอัญญาเดินเข้ามารวมกลุ่มกันยืนอยู่หน้าองค์พระ ส่งกล้องถ่ายรูปและสมาร์ทโฟนให้เนมาและทาชิที่รับอาสาเป็นตากล้อง แสงแดดค่อนข้างจัดจนอรรัมภาและอัญญาต้องลดแว่นกันแดดลงมาสวมไว้
หลังถ่ายภาพแล้ว เนมาก็พาทุกคนกลับไปที่รถ อัญญาเลิกคิ้วเมื่อหันไปคุยกับคุณนิภา เปลือกตาข้างหนึ่งของเธอดูบวมสะดุดตา หญิงสาวจึงเผลอร้องทัก
“เอ๊ะ...ตาพี่นิภาดูบวม ๆ นะคะ”
“อื้อ พี่ก็ว่าเคือง ๆ ตั้งแต่เช้า ต้องล้างตาไหมคะ”
อัญญานิ่งไปครู่ มองดูเปลือกตาที่บวมแดงนั้น ก่อนบอก “อัญว่า หยอดตาก็พอค่ะ เดี๋ยวคงต้องบอกให้เนมาแวะร้านขายยา”
หญิงสาวเร่งฝีเท้าขึ้นไปบอกไกด์หนุ่ม ก่อนจะก้าวขึ้นรถ ทาชิส่งกล้องคืนให้อัญญาเมื่อทั้งคู่นั่งลงที่หลังรถเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวกดเปิดดูภาพที่ชายหนุ่มถ่ายไว้
“คุณถ่ายภาพเก่ง”
“ขอบคุณครับ...”
----
คุณ sunflower ขอบคุณมากเลยค่ะ ไอซ์มีปัญหากับอินเตอร์เน็ทมากเลยไม่ได้แวะเข้ามาดูเลย เพิ่งเห็นว่าที่ลงไว้หายไปเยอะมาก แก้ไขแล้วนะคะ ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ
ไอซืลงไว้ในพันทิปอีกที่ มีภาพประกอบด้วย ที่ http://pantip.com/topic/33947348
ลิขิตรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ก.ค. 2558, 18:53:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ก.ค. 2558, 18:53:04 น.
จำนวนการเข้าชม : 1180
<< Dragon's nest | Dochula Pass >> |
คิมหันตุ์ 22 ก.ค. 2558, 12:22:06 น.
น่าร้ากกกกกกมังกรคนนี้
น่าร้ากกกกกกมังกรคนนี้
sai 22 ก.ค. 2558, 16:20:03 น.
อ่านแล้วเหมือนได้ไปเที่ยวด้วยเลยคะ
อ่านแล้วเหมือนได้ไปเที่ยวด้วยเลยคะ