~ สายใย .. ไฟรัก ~
~ สายใย .. ไฟรัก ~


เส้นสายใย .. ใครกันหนอ .. ที่ทอถัก
เส้นสายรัก .. ใครจักสาน.. ขานคำขอ
เส้นทางเดิน .. ใครเหินห่าง .. ต่างเฝ้ารอ
ไฟรักพอ .. ต่อหัวใจ .. ให้อุ่นอิง




เธอ .. คือ เพื่อนสนิทของน้องสาวเพื่อนรัก

เขา .. คือ ผู้บริหารโรงแรมจอมเผด็จการ แต่กลับเป็นเพื่อนรักพี่ชายของเพื่อนสนิท

ทว่า ..

เธอ .. ในสายตาของเขา .. คือ คนอวดดี ยโส ที่ใช้เพื่อนเป็นทางผ่านไปสู่ความสำเร็จของตัวเอง

เขา .. ในสายตาของเธอ .. คือ ผู้ชายไร้เหตุผล เอาแต่ตนเองเป็นใหญ่

ที่สำคัญเหนืออื่นใด .. ทั้งเธอและเขา .. กำลังตกหลุมรักคนที่ไม่ควรจะรัก!




***************************
Tags: ความรัก ครอบครัว เพื่อน

ตอน: ใยเส้นที่ 10 .. บางสิ่ง ที่ยิ่งกว่าแรงดึงดูด




ศรตฤณออกมาจากที่พักของเพชรงาม ในตอนบ่ายแก่ๆอย่างทุกครั้งที่แวะเวียนมาหาเธอ โดยคาดเดาไว้ว่า หญิงสาวคงจะตื่นขึ้นมาในอีกไม่กี่นาทีหลังจากนี้ตามปกติ

ชายหนุ่มเดินเรื่อยๆจนถึงร้านอาหารลาลัล เรสตัวรองท์ จึงแวะเข้าไปเพื่อรับรถเคเอสอาร์ที่เขาฝากไว้ที่นี่คืน แต่ยังไม่ทันเดินไปยังเคาน์เตอร์บาร์ของร้าน สรัลรีก็เห็นและทักทายเขาเสียก่อน

"คุณซายน์ มารับรถแล้วเหรอคะ"

"ขอบคุณคุณรี่ครับ ผมมารบกวนตลอดเลย"

"รบกวนอะไรกัน คุณก็ลูกค้ารี่ แล้ววันนี้ไม่ชวนคุณงามมาเดทด้วยเหรอคะ"

สรัลรีกระเซ้าชายหนุ่มลูกครึ่ง แต่พูดไทยได้ชัดเจนทุกถ้อยคำ จนต้องรำพึงกับใจตนคล้ายไม่อยากจะเชื่อ จากการที่เขามีเชื้อสายตะวันตกผสมในสายเลือด แล้วคิดเป็นอัตราส่วนสักกี่เปอร์เซ็นต์กัน เมื่อเทียบกับความเป็นคนไทย

ศรตฤณไม่ตอบอะไรนอกจากยิ้มในหน้า มือซ้ายล้วงกุญแจรถคันจิ๋วแต่สมรรถนะพอตัวขึ้นมาถือไว้

"ขอบคุณอีกครั้งนะครับ ว่างๆผมจะแวะมาอุดหนุนคุณรี่"

"เอ .. รึว่า .."

เจ้าของร้านสาวนึกทบทวนหวนย้อนไปถึงวันก่อน ที่เห็นศรตฤณพาสาวน้อยนัยน์ตาคมสวยมารับประทานอาหารที่ร้านของเธอ แต่พอคิดได้ว่า 'อะไรควรไม่ควรพูด' ที่จะให้ผิดสังเกตก็เลี่ยงไป

"ยินดีต้อนรับคุณซายน์เสมอค่ะ"

หญิงสาวมองตามแผ่นกลังกว้างร่างสูงประเมินด้วยสายตาว่า ภายใต้อาภรณ์ที่สวมใส่อยู่นี้ มันได้ซ่อนความเข้มแข็งบึกบึนไว้เพียงไหนกัน

เมื่อศรตฤณขับขี่เจ้าเคเอสอาร์พ้นรัศมีของลาลัล เรสตัวรองท์ไปแล้ว สรัลรีจึงหันกลับเดินไปยังเคาน์เตอร์บาร์ ยกโทรศัพท์มือถือต่อสายถึงใครคนหนึ่งทันที

"ค่ะ เรื่องที่คุณฝากไว้ รี่จะคอยส่งข่าวเป็นระยะนะคะ แต่ตอนนี้ 'ซายน์' กลับไปแล้วค่ะ ไม่ได้พาคุณงามมาทานข้าว"

"เขาดูผิดปกติอะไรอีกไหมครับ คุณรี่ .. อย่างพูดถึง 'คนอื่น'"

ปลายสายถามสุ้มเสียงทุ้มเคร่งขรึม และสรัลรีก็พอแยกออกว่า มันเจือความขุ่นเคืองอย่างปิดไม่มิด

"ไม่ค่ะ ซายน์เป็นกันเองก็จริง แต่เขาไม่ค่อยชอบคุยหรือพูดถึงเรื่องของตัวเองนัก กับคนอื่นยิ่งแล้วใหญ่ .. ไม่มีทางเลยค่ะ อาจจะเป็นเรื่องธรรมดามั้งคะ ประสาลูกครึ่ง หรือคนที่รับอิทธิพลวัฒนธรรมตะวันตกมาใช้ในชีวิตมากกว่าทางนี้"

สรัลรีออกความเห็นเชิงวิเคราะห์ให้อีกฝ่ายฟัง เพราะกับคนที่เธอให้ความสนใจ มีหรือที่จะไม่ทุ่มเทอย่างเต็มอกเต็มใจ เมื่อเขาขอความช่วยเหลือมาโดยตรง

"ขอบคุณนะครับคุณรี่ ผมก็มีแต่คุณที่เข้าใจ .. เพื่อนอย่างผม"

หญิงสาวเผลอเคลิ้มแย้มยิ้มปริ่มปลื้มกับถ้อยคำ หากพอสิ้นสุดประโยคกลับทำให้ความรู้สึกดีๆมลายหายไปจากใบหน้าจนหมดสิ้น

"ค่ะ .. เพื่อเพื่อน .. คนสำคัญของรี่"

ทั้งสองคนร่ำลาก่อนต่างวางสายกันไป แต่สรัลรียังคงถือโทรศัพท์ค้างคาในอิริยาบถสนทนาอย่างเดิม ความน้อยใจแล่นขึ้นมาประชิดครามครัน แล้วเธอก็รีบสลัดความรู้สึกนั้นทิ้งไป

เมื่อสรัลรีตระหนักได้ว่า วัยของเธอล่วงเลยผ่านวัยไร้เดียงสามานาน มันจะหาประโยชน์อะไรได้ ถ้ามัวแต่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องแค่นี้

เพราะผู้ชายคนที่เธอยกสถานะให้ความสำคัญ คงไม่ต้องการผู้หญิงที่อ่อนแอดูแลตัวเองไม่ได้ จนกลายเป็นตัวถ่วงของเขาแน่นอน




เพชรงามหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อถูกเจ้าหน้าที่ของคิงเซอร์เพนท์ตามตัว อารมณ์เดือดปริ่มจวนได้ที่เตรียมทะยานพุ่งขึ้น พร้อมเหวี่ยงวีนกลับคนที่ทำลายความสุขของเธอ แต่ด้วยเหตุผลที่ตามมาทำให้หญิงสาวระงับมันไว้ได้ทัน

'คุณนาคินทร์ ต้องการพบคุณเพชรงาม'

มุมปากอวบอิ่มยกก่อนจะคลี่แย้มวาดโค้งสุขสมใจ หลังวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะจึงพลิกกายกลับมาซุกหมอนอีกใบ ซึ่งชายหนุ่มผู้ที่ทำให้เธอคลั่งไคล้ใหลหลงเคยหนุนนอนเคียงข้าง

แม้ยามนี้จะไม่ได้โอบกระชับรับสัมผัสตัวตน แต่กลิ่นกายของเขายังอวลไออุ่นรายรอบ

เพชรงามยอมรับกับตนเอง ซายน์ไม่เหมือนกับผู้ชายที่เธอเคยรู้จัก แต่เธอกลับปล่อยกายใจให้โลดโผนโจนทะยานไปกับเขาได้ง่ายดาย ในทุกโมงยาม .. ทุกครั้งที่โอบกระหวัดแนบชิดสนิทเนื้อ

ประสบการณ์สอนให้เธอรู้จักอันตรายจากผู้ชาย แต่มันก็สอนให้เข้าใจธรรมชาติของผู้ชายด้วยเช่นกัน

แต่ 'ซายน์' ... คือคนที่ทำลายล้างทฤษฎีทุกข้อที่จดจำไว้จนขึ้นใจ

เพชรงามปรารถนาเพียงแต่เขา .. จนรู้สึกว่า นับจากนี้คงจะขาดเขาไปไม่ได้

หญิงสาววาดวงแขนกอดกระชับหมอน หลับตาพริ้มสูดลมหายใจเข้าลึก ค่อยๆลืมตาพร้อมระบายลมหายใจที่ยังร้อนผ่าว ราวกับเพลิงปรารถนาในกายยังไม่ดับมอด

ในเมื่อเธอคิดว่า ขาดผู้ชายคนนี้ไม่ได้ การดึงเขามาร่วมงานคือ หนทางเดียวที่จะได้ใกล้ชิดโดยไม่ต้องยกข้ออ้างใดๆทั้งสิ้น




เรือนร่างระหงที่แอบซ่อนความเย้ายวนอยู่ในชุดแสคเรียบร้อยสีส้มอ่อน สวมคลุมด้วยสูทสากลนิยมตัดเย็บประณีตพอดีตัว แต่ก็ยังสามารถอวดทรวดทรงสัดส่วนให้ดูสวยสง่า โดดเด่นเหนือพนักงานทั่วไปที่ได้แต่มองตามด้วยสายตาหลากความรู้สึก

เพชรงามแต่งกายเต็มยศเมื่อต้องมาพบกับชายผู้ที่ได้ชื่อว่า กุมอำนาจบริหารสูงสุดของคิง เซอร์เพนท์ ออฟ เดอะ เซาท์ ซี โฮเทลไว้ในมือ

หญิงสาวก้าวมาหยุดยืนต่อหน้าชายสองคนในชุดสูทสีดำ หน้าห้องสวีทสุดหรูบนชั้นพิเศษของผู้บริหารคนสำคัญ พวกเขาเป็นปราการมนุษย์ชั้นสุดท้าย ที่มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกทุกอย่างแก่เจ้านายอย่างสุดความสามารถ

สีหน้าเรียบนิ่งดั่งไร้ความรู้สึกของบุคคลร่างสูงใหญ่ ไม่ได้สร้างความประหม่าแก่เพชรงามแต่อย่างใด เนื่องจากความคุ้นเคยกันกับบอดี้การ์ดของนาคินทร์เป็นอย่างดี และพวกเขาก็เช่นกัน

"คุณนาคินทร์รอคุณอยู่ครับ .. เชิญ"

"ขอบคุณ"

คำดังกล่าวเอ่ยพร้อมกับประตูบานใหญ่ถูกผลักให้เปิดรับ และปิดลงเมื่อหญิงสาวก้าวเข้าสู่ภายใน

การสาวเท้าก้าวย่างเข้าไปในห้องนี้แต่ละครั้งของเพชรงามนั้น เธอมีแต่ความมั่นใจหาได้หวาดหวั่นต่อความยิ่งใหญ่ของผู้ทรงอำนาจในอาณาจักรแห่งนี้เลย

"สวัสดีค่ะ เพิร์ล"

"ไง เพชร"

นาคินทร์ลุกขึ้นสาวเท้าเข้าหาเพชรงามทันที สวมกอดต้อนรับพร้อมรอยยิ้มให้หญิงสาวต่างวัยอย่างเป็นกันเอง .. เฉพาะในที่รโหฐานยามปราศจากบุคคลที่สามและอื่นๆ

"เพชรคิดว่าคุณจะมาพรุ่งนี้ วันนี้เลยไม่ได้เข้ามาที่นี่ สงสัยคงหงุดหงิดน่าดู"

"ทำไมรู้"

หนุ่มใหญ่วัยต้นสี่สิบเอ่ยเสียงขรึม เขาคลายอ้อมกอดจับจูงหญิงสาวพามานั่งบนเก้าอี้นุ่มตัวหนึ่ง ที่ขนาดของมันใหญ่เสียจนสามารถบดบังเธอได้แทบจะมิด แต่เขาก็ยังไม่ได้ปล่อยมือนุ่มบอบบางทันที

หญิงสาวหัวเราะเบาๆกับคำถาม ชำเลืองมองนัยน์ตาพราวจนอีกฝ่ายต้องจ้องตอบ หรี่ตาคมกริบคาดคั้น

"เพราะเพชรเองยังหงุดหงิด ตอนที่พวกข้างล่างโทร.ไปตาม .. คนกำลังมีความสุข"

"หึ .. คราวนี้ใครล่ะ ไม่ยักรู้ว่าสนใจชาวเกาะ"

นาคินทร์เหยียดริมฝีปากปล่อยมือข้างที่กุมอยู่ไม่ไยดี ยิ่งทำให้เพชรงามขบขันกว่าเดิมกับอาการมึนตึงทางอารมณ์ แล้วยังแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา

"ถ้าชาวเกาะธรรมดา เห็นจะไม่อยู่ในสายตา แต่นี่ .. น่าสนใจจนเพชรปล่อยเขาไปไม่ได้"

คำพูดกำกวมซ่อนความนัย ดึงดูดให้คนฟังอดเหลือบกลับมาทางคนพูดอีกครั้งไม่ได้

"ใครกัน ทำให้ผู้หญิงของฉัน ถึงกับออกปากขนาดนี้"

ประมุขแห่งคิงเซอร์เพนท์ใช้เพียงปลายนิ้วชี้เชยคางมน จนใบหน้าของเพชรงามแหงนเงยตามแรง แสงไฟจากแชนเดอร์เลียกลางห้องทำมุมตกกระทบ ยิ่งเสริมให้เธอดูงดงามสมชื่อ

"ถ้าอยาก .. ทำความรู้จัก เพชรจะพาเขามาพบนะคะ .. คุณนาคินทร์"

เรียวปากอิ่มวาดยิ้มใส่ดวงตาวับวาวที่ก้มลงมอง ก่อนบรรจงประทับริมฝีปากบางคลอเคลียขยับเป็นคำพูดไปด้วยว่า

"แล้วฉันจะรอ"





โต๊ะอาหารชุดพิเศษที่ตระเตรียมไว้ถูกนำมาจัดวางด้านหน้าชายหาด ซึ่งใครๆต่างก็เข้าใจได้ไม่ยากว่า ภายใต้ท้องฟ้าที่พร่างพราวด้วยหมู่ดาวน้อยใหญ่ในค่ำคืนนี้ คงจะมีเหตุการณ์สำคัญและเป็นเรื่องดีเกิดขึ้น เท่าที่จะนำไปบอกเล่าเก้าสิบส่งต่อกันในรุ่งเช้า

ท่ามกลางบรรยากาศที่หากใครได้มาเห็น ย่อมต้องลงมติเป็นเอกฉันท์ว่า มันช่างโรแมนติคเหนือคำบรรยาย

ทว่า ศิราถึงกับยืนอึ้งไปเล็กน้อย ที่เพลิงกัลป์ลงทุนต้อนรับเธอถึงเพียงนี้

ในทางกลับกัน หญิงสาวก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าคนที่เดินเคียงข้างขณะนี้ เป็นคนที่เธอรัก มันจะคงจะเป็นค่ำคืนที่วิเศษที่สุด

และเพราะในหัวใจเผลอไผลจินตนาการไกลไปถึงใครคนนั้น ผลที่สะท้อนออกมาทางกายภาพคือ ดวงตาเคลิ้มฝันเป็นประกาย แก้มนวลระเรื่ออมชมพูอย่างไม่อาจฝืนได้ ถึงจะอยู่ท่ามกลางแสงไฟสลัว ก็ไม่อาจอำพรางจากสายตาใครบางคนได้

ซึ่งมันก็ทำให้เพลิงกัลป์ที่เฝ้ามองใกล้ชิด พลอยยินดีว่าศิราประทับใจกับสิ่งเหล่านี้ไม่น้อย

ชายหนุ่มรู้สึกถึงความคับพองไปทั้งอกทั้งใจ ขอบคุณองค์ประกอบที่ธรรมชาติบันดาลสรรค์สร้าง เอื้อเฟื้อเป็นใจให้เขาได้ใช้ประโยชน์มากมายมหาศาล

"มาเถอะครับคุณน้ำ .. เรายังมีเวลาดื่มด่ำกับค่ำคืนนี้อีกนาน"

น้ำเสียงแฝงรอยปรีดาที่เจ้าของไม่ปกปิดมันเลย ปลุกศิราให้หลุดจากภวังค์ส่วนตัว เหลือบสายตาและช้อนมองไปยังเพลิงกัลป์ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาก็มองเธออยู่เช่นกัน

อากัปกิริยาของหญิงสาวช่างน่าหลงใหล แต่ใครจะคิด เพราะแม้ชายหนุ่มเองก็ไม่คิดว่า เขาจะหวนนึกไปถึงสายตาคมดุดัน ยามจ้องหมายเอาเรื่องเขา ทั้งๆที่คนพิเศษกำลังอยู่ใกล้แค่เอื้อม

"บ้าน่า"

"คะ?"

ด้วยความสูงของเพลิงกัลป์กอปรกับเสียงคลื่นที่ซัดสาดเข้ามาเป็นระยะ ทำให้ศิราได้ยินไม่ค่อยถนัดนักว่าเขาพูดอะไร จึงเป็นข้อดีในการโยนเรื่องไร้สาระที่เผอิญนึกถึงไปเสีย โดยการทำไม่รู้ไม่ชี้หน้าตาย

"ครับ?"

หญิงสาวมองอย่างสงสัย แต่คิดเอาเองว่าเธอคงหูแว่วไป พอละสายตาจากเพลิงกัลป์มาพิจารณาสถานที่ในรายละเอียด ก็ต้องยอมรับว่า รู้ค รีสอร์ท แอนด์ สปา มีจุดขายที่น่าสนใจและประทับใจเกินคาด

"คุณไฟคะ นี่เป็นตัวอย่างแรกหรือเปล่าคะ ที่คุณแพลนไว้ว่า น่าจะผนวกเข้ากับแพ็คเกจที่เป็นพวกพรีเว็ดดิ้ง น่าประทับใจจริงๆค่ะ"

"เอ่อ .. ก็ ทำนองนั้น มั้งครับ"

'ความประทับใจ' ของศิรากลับเกี่ยวโยงไปถึงเรื่องงาน มากกว่าจะมาจากส่วนลึกในจิตใจ มันเลยทำให้ความตื่นเต้นของเจ้าภาพลดลงฮวบฮาบทีเดียว

สองหนุ่มสาวปล่อยความคิดล่องลอย เคล้าเสียงคลื่นสายลมชั่วขณะ ก่อนจะสาวเท้าเดินตามแนวคบไฟที่ปักให้แสงเป็นทางไปยังโต๊ะอาหาร




เพลิงกัลป์ทำหน้าที่ของสุภาพบุรุษได้ไม่ขาดตกบกพร่อง ตั้งแต่เชิญหญิงสาว เลื่อนเก้าอี้ที่นั่งให้ กระทั่งกลับมาประจำที่ของตัวเอง แล้วเริ่มแนะนำรายการอาหารที่เตรียมไว้

บทสนทนาส่วนใหญ่จึงเป็นไปในหัวข้อธุรกิจ ซึ่งชายหนุ่มพยายามคิดในแง่ดีอย่างฝืดฝืนว่า .. ดีกว่าไม่มีอะไรคุยเลย

เครมบรูเล่ถูกเสิร์ฟเป็นของหวานปิดท้าย แม้หน้าตาและกลิ่นหอมน้ำตาลไหม้บนชั้นผิวของมันจะน่ารับประทาน แต่ศิราก็ลิ้มรสความอร่อยได้ครึ่งเดียว จนเพลิงกัลป์คิดว่ารสชาติคงแย่เกินไป

"ไม่อร่อยหรือครับ"

"อร่อยค่ะ แต่น้ำไม่ค่อยกินของหวานตอนกลางคืนก่อนนอน เสียดายอยู่เหมือนกัน ถ้าเป็นกลางวัน .. น้ำสู้แค่ตายค่ะ"

ชายหนุ่มได้ฟังก็ยิ้มกว้างกับความเป็นกันเองที่เพิ่มขึ้น จากการที่เธอกล้าพูดเล่นกับเขา ... ไม่เสียแรงจริงๆจากสิ่งที่ทุ่มเทลงไปในคืนนี้

"งั้น ผมจะปล่อยให้คุณน้ำลืมรสชาติเครมบรูเล่ในคืนนี้ อีก ๒-๓ วัน ผมจะให้คุณได้ชิมมันอีกครั้ง .. ดีไหมครับ"

หญิงสาวชะงักกับคำพูดโต้ตอบของเขา .. ลืมรสหวานซ่านลิ้นสิ้นแล้วหรือ?

ความปวดแปลบแล่นลึกยามนึกถึงความรู้สึกของตัวเองขึ้นมา เทียบกันแล้วกับความรักที่หวานล้ำ แม้แต่เครมบรูเล่ก็ไม่อาจเปรียบได้ .. ถ้าหากทิ้งไว้เนิ่นนานเข้า ก็ไม่แปลกอะไรที่มันอาจจืดจางไปตามกาลเวลา

"คุณน้ำ .. คุณ .. เป็นอะไรหรือเปล่า จู่ๆก็เงียบไป ถ้าไม่ชอบเครมบรูเล่จริงๆ ก็บอกได้นะครับ"

เพลิงกัลป์เห็นความผิดปกติเบื้องหน้าชัดเจน สีหน้ารวดร้าวชั่วพริบตาของศิรา เป็นแรงดึงดูดความสนใจชั้นดี ในการปลุกความรู้สึกที่อยากจะปกป้องของชายหนุ่มให้ตื่นขึ้น

ผู้หญิงตรงหน้าอ่อนหวานและเหมือนจะเข้มแข็ง แต่เขาก็พอมองเห็นสิ่งที่ปรากฏถึงจะไม่ชัดเจนนัก ว่ามันเคลือบแฝงความรู้สึกเจ็บปวดกับบางอย่างเอาไว้ ..

อะไรทำให้เธอฉายรอยหม่นหมอง เมื่อยามที่พลั้งเผลอปล่อยความคิดให้เป็นอิสระ ก่อนจะดึงมันกลับมาเพื่อหน้าที่

หญิงสาวเงียบไปอึดใจให้ชายหนุ่มสังเกตได้ แล้วก็โล่งใจเพราะเขาคิดว่า เป็นความผิดจากขนมของเขาเอง

"เปล่าค่ะ อาจจะเพลียๆ .. ขอโทษคุณไฟด้วยนะคะ น้ำเลยทำเสียบรรยากาศหมด"

"เอาเป็นว่า รู้ค ยินดีต้อนรับคุณน้ำ และหวังว่า เราจะเป็นมิตรที่ดีต่อกัน .. ในทุกๆเรื่อง .. เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณก็แล้วกันครับ ท่าทางคุณจะเพลียมากด้วย .. ผมนี่ใช้ไม่ได้เลย คุณเพิ่งมาถึงแท้ๆ"

เพลิงกัลป์ข้ามเรื่องในความคิดเพราะนับจากนี้ เขายังมีเวลาที่จะค้นหาสิ่งที่อยู่ในใจของศิรา .. ไม่ใช่เพื่อใคร เพื่อเธอ .. และตัวของเขานั่นเอง




จากการได้ใกล้ชิดและหยิบยื่นแลกเปลี่ยนมิตรภาพระหว่างกันเมื่อค่ำที่ผ่านมา เพลิงกัลป์คิดว่าเขาเริ่มต้นไปได้สวยทีเดียว ถึงแม้ศิราจะดูจริงจังกับงานมากกว่าเขาก็ตาม แต่มันก็เป็นผลดีต่อเขาทั้งทางตรงและทางอ้อม

หลังจากเพลิงกัลป์เดินไปส่งหญิงสาวถึงบันไดหน้าห้องพัก ก่อนกล่าวราตรีสวัสดิ์แล้วรอดูจนเธอปิดประตูห้องเรียบร้อย จึงหันหลังก้าวยาวๆผ่านที่พักของตนไปทางโต๊ะอาหารซึ่งยังคงตั้งอย่างนั้น

คืนนี้ถ้าชายหนุ่มไม่ได้บอกใครสักคนออกไป เขาคงอึดอัดใจจนนอนไม่หลับไปยันสว่างคาตาเป็นแน่

เพลิงกัลป์นั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม เสมองตรงข้ามที่ก่อนหน้านี้ ยังมีคนที่เขาพึงใจนั่งร่วมโต๊ะสนทนากันอย่างออกรส .. พอสมควร

อุปกรณ์สื่อสารที่สามารถติดต่อข้ามโลกได้อย่างรวดเร็ว ถูกนำขึ้นมาไล้สัมผัสหาชื่อเพื่อนสนิท ที่ระหกระเหเร่ร่อนหนีอาการเจ็บช้ำปางตายจากรักแรก .. ต้องห้าม

ชายหนุ่มรอสายไม่นานปลายทางก็ส่งสัญญาณมาว่าพร้อมสนทนา เขาจึงไม่รีรอใดๆหรือทักทายให้เสียเวลา เพราะกะจิตกะใจมันพลุ่งพล่านเหลือเกิน

“เฮ้ย ไอ้ศิง .. ฉันมีอะไรจะบอก”

“ไอ้ฟาย .. ฉันไม่ว่าง วันนี้มีคลาสเช้า”

นายแพทย์ศิงขริน ไวทยาวัตร หรือไอ้ศิง เป็นเพื่อนรักเพื่อนเรียนของเพลิงกัลป์ พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน และยังคงความเป็นเพื่อนแน่นแฟ้น ก่อนที่เหตุการณ์น่าเศร้าไม่สมหวังในความรักจะเกิดขึ้นกับคุณหมออนาคตไกล จนทำให้ต้องขอเวลาทำใจด้วยการไปศึกษาวิชาแพทย์เฉพาะทางด้านหัวใจถึงต่างประเทศ

แต่ถึงแม้เวลาของสองซีกโลกจะห่างกันถึง ๑๒ ชั่วโมงโดยประมาณ เพลิงกัลป์ก็ไม่สนใจและมั่นใจว่า ไม่ได้เป็นการรบกวนการพักผ่อนของเพื่อนอยู่แล้ว

“แกเป็นหมอแล้วก็กำลังเรียนปรัชญา ช่วยฟังฉันหน่อยไม่ได้หรือไงเล่า ไอ้ศิง .. เพื่อนกำลังจะสำลักความสุขตายอยู่แล้ว”

“เอ๊ะ ไอ้ไฟนี่ ฉันไม่ได้เป็นหมอไซไคนะเว้ย”

คุณหมอด้านโรคหัวใจค้านเพื่อน เนื่องจากตนไม่ใช่จิตแพทย์ที่จะรับปรึกษาปัญหา ที่สำคัญตอนนี้ เขาก็รีบเพราะใกล้สายมากแล้ว แต่ความเป็นเพื่อนทำให้ศิงขรินสละเวลาเพื่อรับฟัง

“เอ้า .. มีอะไร ถ้าไม่คุ้มกับการที่ฉันต้องไปสายเพราะแก .. แกโดนแน่ ไอ้ฟาย”

แล้วคนทางไกลที่ปากบอกว่ารีบ ก็ให้โอกาสจากการเรียกชื่อเพื่อนยานคางจนใกล้เคียงตัวอะไรสักอย่าง ขณะทำเสียงเข้มขู่ไปด้วยอย่างนั้น แต่ยังพร้อมรับฟังเสมอ

หากคนอีกฟากฝั่งทะเลได้เห็น เขาไม่อยากคิดเลยว่า เพื่อนที่ติดต่อมาด้วยอาการร้อนรน จะซาบซึ้งเพื่อนหมอผู้แสนดีคนนี้แค่ไหน .. เพราะคำตอบมันรู้ดีอยู่กับใจแต่แรกคือ เปล่าเลย!

“ไอ้ศิง .. ฉันคิดว่า เธอคนนี้ คือคนที่ใช่ว่ะ”

“ใคร .. เธอคนไหน”

ศิงขรินงุนงงไปเล็กน้อย เขานึกไม่ออกเลยว่าเพื่อนของเขา ไปพบคนที่ใช่ตั้งแต่เมื่อไร .. และเธอเป็นใคร

“คุณน้ำไง ..”

“น้ำไหนวะ .. ชื่อคุ้นๆนะ”

อายุรแพทย์ด้านหัวใจพึมพำงึมงำ จนเจ้าของโรงแรมนึกขึ้นมาได้ว่า อาจให้ข้อมูลเพื่อนไม่ครบถ้วน จึงสาธยายให้ฟังในรายละเอียดเท่าที่มี อย่างยินดีปรีดาที่ได้บอกเล่าความอิ่มเอมที่ได้จากค่ำคืนนี้ยืดยาว

“เออ ตอนนั้นฉันบอกแกแค่ว่า เขาเป็นฟร้อนท์ แมเนเจอร์ที่โรงแรมแถวพัทยา .. แกคงจำได้นะ ช่วงที่ฉันเดินสายแนะนำตัวเองหลังรับตำแหน่งแทนพ่อ .. ก็คนมันสนใจนี่หว่า ยิ่งได้ทำงานสายเดียวกัน แถมยัยฟ้ายังดีลงานกับเธออีก ถ้าไม่เรียกว่าโลกกลม หรือพรหมลิขิต .. แล้วจะให้เรียกว่าอะไร ..”

อาการฝันเพ้อเช่นนี้ศิงขรินรู้จักเป็นอย่างดี และเคยผ่านมันมาแล้ว หากความทรงจำยังคงสดใหม่ไม่อาจลืมเลือนได้ในเวลาอันสั้น แม้ ๔ ปีเหมือนจะเนิ่นนาน แต่คุณหมอหนุ่มยังคงประทับมันไว้ในหัวใจเสมอ

“เออใช่ .. แฟนไอ้กรีก็เหมือนกัน ได้ยินมันบอกนานแล้วว่าทำงานแถวๆชลบุรี แต่พอมันย้ายไป นรข. เห็นว่ายุ่งกับการจับพวกลักลอบขนไม้เถื่อน ของเถื่อน ก็เลยไม่ค่อยได้คุยกัน”

“เหรอ บังเอิญจัง .. ก็นะ กรีมันเคยอยู่ฐานทัพเรือสัตหีบ จะเจอสาวแถวนั้นก็ไม่แปลกนี่”

ชื่อของเพื่อนสนิทอีกคนถูกเอ่ยถึงทุกครั้ง ไม่ว่าใครจะติดต่อหาใคร พวกเขาสามคนคือเพื่อนรักเพื่อนสนิท .. ยิ่งนานวันยิ่งแนบแน่นในความสัมพันธ์ฉันเพื่อน

ใช่ไม่แปลก .. แต่ว่า มาถึงตรงนี้ ศิงขรินกลับรู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่างจนแทบจะเรียกได้ว่า เป็นความหวาดหวั่นลึกๆในใจ กระทั่งเพลิงกัลป์เล่าเรื่องราวของตนมาอีกระลอก ความรู้สึกที่ว่าก็รังแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนชัดเจนกระจ่างใจ

“ช่างกรีมันเถอะน่า .. มันคงไม่ได้คิดจริงจังอะไร ถึงไม่ยอมเปิดตัวแฟนกับเพื่อน .. ไว้ถ้าฉันจีบคุณศิราติด .. คุณน้ำน่ะ ฉันจะนัดพวกแกมาแนะนำให้รู้จักกันอย่างเป็นทางการเลย .. ดีไหม”

คราวนี้คุณหมอโรคหัวใจถึงกับยกมือคลำอวัยวะด้านซ้ายของตัวเอง ก่อนจะกดมันไว้อย่างต้องการห้ามไม่ให้มันเต้นเสียงดังจนทะลุมานอกอก ด้วยเกรงว่าเพื่อนรักที่อยู่ปลายสายจะได้ยินและรับรู้ได้ถึงความผิดปกติข้ามทวีป

ในยามนี้เขาจึงได้แต่เงียบเสียงไปนานนับนาทีได้ พร้อมๆกับความคิดกำลังตะโกนก้องลั่นอยู่ในใจด้วยคำสบถติดปาก แต่เจ้าของโรงแรมริมชายหาดกลับไม่รู้ตัว

ฉิบหายแล้ว!









****************************************************





โปรดติดตามตอนต่อไป ...


ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม .. ขอขอบคุณทุกกำลังใจและการกดไลค์นะฮะ



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ก.ค. 2558, 11:40:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ก.ค. 2558, 11:40:22 น.

จำนวนการเข้าชม : 1275





<< ใยเส้นที่ 9 .. ยากเกินจะหยั่งถึง   ใยเส้นที่ 11 .. ต่าง .. ก็รัก >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account