สมมติว่าเรารักกัน
เมื่อเขาและเธอ ต่างก็คิดว่า เพศตรงข้าม เป็นมาร ขวางความสำเร็จ ความรักหลอกๆ ที่สมมติขึ้นขายผ้าเอาหน้ารอด จะจบลงแบบใด

ติดตามได้ใน สมมติว่าเรารักกัน
Tags: โรแมนติกคอมมาดี้

ตอน: ตอนที่ 2

แล้วเหตุการณ์อันแสนโกลาหลก็เกิดขึ้น เมื่อนักข่าวกรูกันเข้ามาหานักร้องหนุ่ม ต่างรุมกันสัมภาษณ์และแย่งกันพูดจนฟังไม่ได้ศัพท์ ตากล้องทุกคนพร้อมใจกันสาดแฟลชใส่นัทธ์จนเขาตาลาย

"คุณคบกับน้ำตาลจริงหรือเปล่าครับ"

"นานหรือยังครับที่คบกัน"

"ทางค่ายให้การสนับสนุนหรือเปล่าคะ"

และอีกมากหมายหลายคำถาม แต่คำถามที่ทำให้นัทธ์โกรธจนควันออกหูคือ

"เป็นแผนโปรโมตวงหรือเปล่า หลายคนเขาคิดว่ามันเป็นแผนของบริษัท ที่จะดันวงของคุณให้ดัง"

ชายหนุ่มหันควับไปจ้องหน้าคนถาม สายตาดุดันด้วยความโกรธ

"วงผมไม่จำเป็นต้องเกาะใครดัง"

ยังไม่ทันที่จะได้ปะทะคารมกันมากกว่านี้ ยามก็เริ่มมากันเขาออกจากฝูงผู้สื่อข่าว และนั่นก็ทำให้แย่ลงไปอีก เพราะเมื่อเบียดกันไป เบียดกันมา ไมค์ของนักข่าวที่อยู่ใกล้ที่สุดก็กระแทกปากชายหนุ่มเข้าอย่างจังจนแตกเลือดไหลออกมาสร้างความตื่นตกใจให้กับทุกคน และก่อนจะยามจะถึงตัว นัทธ์ก็โผนเข้าหาเจ้าของไมค์ที่กระแทกปากเขาจนแตก คว้ามาจากมือแล้วเขวี้ยงลงพื้นอย่างโกรธสุดขีด

ภาพทุกภาพถูกกดชัตเตอร์รัว

มันจะเป็นภาพที่ลงหน้าหนึ่งทุกสำนักอย่างไม่ต้องสงสัย

นับว่าเป็นการปะทะกันอย่างรุนแรงครั้งแรกระหว่างนักข่าวและตัวนัทธ์เอง สุดท้าย ยามก็กันนักข่าวออกไป และลากนัทธ์เข้ามาในตึก น้องๆในวงของเขาวิ่งหน้าตาตื่นมาหา เมื่อได้รู้ว่า หัวหน้าวงพวกเขา มีเรื่อง กับนักข่าว เมื่อพ้นประตู พวกเขาก็รับช่วงต่อจากยาม ลากชายหนุ่มเข้ามาที่ห้องซ้อมโดยที่นัทธ์โหวกเหวกโวยวายเอะอะมาตลอดทาง

"ใจเย็นๆ พี่นัทธ์ ใจเย็นๆ สูดลมหายใจลึกๆ อย่าโกรธๆ "

"ใจเย็นยังไงวะ เอ็งดูปากพี่ เอ็งดู แม่งไมค์กระแทกจนแตก"

นัทธ์ชี้ไปที่ปากที่กำลังบวมได้ที่ของเขา และนั่นก็ทำให้มิ้นท์ถึงกับอุทาน

"คุณพระ ปากพี่นัทธ์แตก"

"เออสิวะ มาลากพี่เข้ามาทำไม พี่จะเอาเลือดมันออก"

แต่น้องๆในวงไม่ได้ให้เขาออกไปทำตามใจ ลากเขาเข้ามาจนถึงห้องซ้อม ที่ยังมีสาวๆวงเฟรชนั่งหน้าตื่นกันอยู่ ทันทีที่น้ำตาลเห็นหน้าเขาที่มีเลือดติดอยู่ที่ปาก ก็เอามือปิดปาก รู้สึกตกใจ ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะร้ายแรงขนาดเลือดตกยางออก น้ำตาลเอ่ยปากถามอย่างรู้สึกเป็นห่วง

"เป็นอะไรคะ"

"ผมมันเซ่อน่ะ อยู่ดีๆก็เอาหน้าไปกระแทกไมค์นักข่าว โว้ย โมโห"

เขาตอบหญิงสาวก่อนจะลงท้ายด้วยน้ำเสียงฉุนๆ


หลังจากทำแผลได้ไม่นาน ท่านบรรพตก็มีอันต้องเรียกตัวนัทธ์และน้ำตาลไปพบเป็นการด่วน ชายสูงวัยโกรธหัวหน้าวงหนุ่มจนตัวสั่น เขาไม่คิดว่านัทธ์จะเป็นคนวู่วามอารมณ์ร้อนได้ขนาดนี้ แต่เมื่อเห็นแผลปากแตกของชายหนุ่ม ความโกรธของท่านก็ลดลง ท่านบรรพตถอนหายใจ ก่อนจะชี้นิ้วให้นัทธ์นั่งลง

"รู้ตัวไหมว่าทำอะไลงไป"

ถ้าน้ำเสียงของท่านบรรพตซีเรียสกว่านี้ เขาคงจะมีคำตอบให้ท่านมากกว่าความเงียบ เขาวู่วามไปจริงๆ

"รู้ไหมว่า พรุ่งนี้ ข่าวทุกสำนักจะลงภาพนายหน้าหนึ่ง ไม่ใช่ภาพที่นายปากแตกหรอกนะ แต่เป็นภาพที่นายโยนไมค์ทิ้ง นัทธ์ การที่จะอยู่วงการนี้ เธอต้องใจเย็นลงกว่านี้"

ชายหนุ่มคอตก ไม่มีอะไรจะเถียง

“รู้ว่าโกรธมาก แต่เธอยังใหม่มากสำหรับวงการนี้ และเธอต้องพึ่งพวกเขา บางเรื่อง เธอเข้าใจที่ฉันพูดไหม เพราะแบบนั้น การเป็นศัตรูกับนักข่าว ไม่ใช่เรื่องดีเลย"

ชายสูงวัยถอนหายใจอีกครั้ง เขากอดอกมองที่ไปหน้าต่างด้านนอก ก่อนจะพูดกับน้ำตาล


"น้ำตาล ป๋ารู้ว่า หนูไม่เคยต้องเจออะไรแบบนี้ ครั้งนี้มันร้ายแรงพอสมควร และมันทำให้ภาพพจน์ที่หนูมี เสียไปเยอะ และมันจะเสียมากขึ้นถ้าเราไม่ทำอะไรเลย ป๋าได้วิธีที่จะดีทั้งหนู ทั้งนัทธ์ และก็บริษัทเรา"

ท่านบรรพตนิ่งเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง

"ทางป๋าและทีมงาน เลยคิดว่า จะหาทางออกที่เหมาะสมให้ทั้งหนูและนัทธ์"

ท่านบรรพตยื่นเอกสารให้ทั้งนัทธ์และน้ำตาลรับไปคนละชุด ทั้งคู่มองอย่างงๆ

"อะไรคะป๋า"

"อะไรครับ ท่าน"

"เอาไปอ่านทบทวนนะ"

"อะไรคะเนี่ย"

หญิงสาวมองกระดาษในมือ นัทธ์เงยหน้ามองประธานบริษัท

"เอายังงี้เลยเหรอครับท่าน"

ที่อยู่ในมือเขา คือไดอาล๊อก เจอกันที่ไหน รู้จักกันได้ไง คบกันนานเท่าไหร่แล้ว

"ไดอาล๊อกนี่ผ่านการประชุมจากทุกคนที่เกี่ยวข้องแล้ว ส่วนเรื่องอื่นๆ เช่นพวกเธอชอบอะไร เกลียดอะไร ไปคุยกันเอาเอง มีเวลาให้คุยกันคืนนี้แค่นั้น"

"หา"

ทั้งคู่อุทานขึ้นพร้อมกัน

"หาอะไร เจอหรือยังล่ะ"

ท่านบรรพตสัพยอกเด็กในสังกัดยิ้มๆ ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง

"พรุ่งนี้บ่ายโมง เราจะจัดแถลงข่าว"

"หา!!!"

ทั้งสองคนเดินออกมาจากห้อง สีหน้าเคร่งเครียด จังหวะในการเดินของทั้งคู่ ช้าลง
"คุณคิดว่ายังไง" หญิงสาวเอ่ยขึ้นลอยๆ"ผมไม่คิดว่ายังไง ตอนนี้คิดไม่ออก คุณจะยอมทำตามที่ป๋าสั่งหรือเปล่า"

"ไม่รู้ค่ะ ฉันยังไม่รู้ ไม่รู้อะไรเลย"

น้ำเสียงที่เลื่อนลอยของเธอ ทำให้เขารู้ว่า เธอยังคิดอะไรไม่ออกเลยจริงๆ คำพูดของท่านประธานบริษัท ยังคงวนเวียนอยู่ในศีรษะ
เขาจะทำยังไง เขาจะทำยังไงดี

ถ้าเขาทำตาม เขาจะเป็นเหมือนที่นักข่าวพวกนั้นมันกล่าวหาเขา แต่ถ้าไม่ทำ ก็ไม่รู้จะแก้ตัวด้วยเหตุผลอะไร แล้วน้ำตาลละ เธอจะเสียหายแค่ไหน แม้เธอจะเคยมีข่าวกับชายหนุ่มบ้าง แต่ก็ไม่ร้ายแรงเท่านี้จริงๆ นัทธ์ถึงถึงหญิงสาวที่เดินข้างๆ เขาอย่างนึกเป็นห่วง

ฉันจะทำยังไงดี น้ำตาลคิดไม่ตก รู้สึกเครียดจนรู้สึกหนักอึ้ง ตั้งแต่เป็นนักร้องมาจนถึงวันนี้ นี่เป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดในชีวิตของเธอ การรักษาภาพลักษณ์ เป็นเรื่องที่เธอจำเป็นที่สุดในชีวิต เพราะด้วยตำแหน่งหน้าที่การงานของบิดา แต่ท่านบรรพตก็เหมือนเป็นพ่อคนที่สอง ท่านรักและดูแลหล่อนเหมือนลูกแท้ๆ ไม่เคยคิดว่าหล่อนเป็นแค่นักร้องในสังกัด ปัญหาที่เกิด หล่อนและนัทธ์เป็นคนก่อขึ้นมา แม้จะด้วยความไม่ตั้งใจก็เถอะ และหล่อนกับเขาต้องตัดสินใจหญิงสาวหันไปบอกเขาเสียงเรียบ

"สมมติว่าเราเป็นแฟนกันเถอะค่ะ"

ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูง ถอนหายใจ ก่อนจะอมยิ้มให้ แล้วตอบกลับ

"ได้สิ สมมติว่าเรามาเป็นแฟนกัน"

รุ่งเช้า นักข่าวหลากหลายสำนักก็มาออกันที่ห้องประชุมใหญ่ของตึก จากการแจ้งของบริษัท เพื่อรอการแถลงข่าว

นักร้องและพนักงานแทบจะทั้งบริษัท มาออกันเยอะไม่แพ้นักข่าว นี่เป็นเรื่อง ทอล์ก ออพ เดอะ ทาวน์ น้ำตาล นักร้องสาวภาพลักษณ์ดีมาตลอดระยะเวลาหลายปี ไม่เคยมีข่าวเสียหาย วันนี้เธอกำลังจะแถลงข่าวเรื่องเพศตรงข้ามเป็นครั้งแรก นักข่าวหลายสำนักรู้ดีว่า น้ำตาลวงเฟรช เป็นคนมีความตั้งใจทำงานสูง มีวินัยมาก ไม่เคยมีงานไหน ที่เธอจะไม่เต็มใจ แม้แต่การให้สัมภาษณ์ ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน ถ้านักข่าวยื่นไมค์ เธอจะยิ้มและตอบคำถามอย่างมีสติ และตอบในสิ่งที่เธอตอบได้ ไม่เคยมีเรื่องคาวๆ อื้อฉาวแบบชู้สาวมาก่อน

นี่จึงถือว่าเป็นข่าวใหญ่แทบจะประจำปี

ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ไม่ชอบนายนัทธ์ นักร้องหนุ่มหน้าใหม่นั่น อวดดี ปากดี และไม่แคร์พวกเขา ไม่ยอมให้ความร่วมมือ ไม่ว่าจะเรื่องไหน แต่นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว พวกเขาก็ต้องยอมรับความจริงว่า ชายหนุ่มไม่เคยทำตัวเสียหายเลยแม้เรื่องเดียว
จนมาถึงกับน้องเล็กวงเฟรช

เมื่อถึงเวลา ท่านบรรพต เดินออกมาพร้อมกับน้ำตาลและนัทธ์ ที่บัดนี้ดูจะสงบ และนิ่งมากขึ้น การปรากฏตัวของท่านบรรพต ทำให้ผู้สื่อข่าวทุกคนรู้ว่าสองคนนี้ มีความสำคัญกับบริษัทมากแค่ไหน หลังจากนั่งประจำที่แล้ว ท่านบรรพตก็เอ่ยขึ้น

"ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติบริษัทผม มางานแถลงข่าวในครั้งนี้ครับ"

น้ำเสียงอันน่าเกรงขามนั่น ทำให้บางคนที่ตั้งใจจะยิงคำถามที่คิดว่าแรง และเด็ด หดลงไปกว่าครึ่ง ประธานบริษัทลงมาเองแบบนี้ ใครจะกล้าวะ

"สงสัยเรื่องอะไร ถามมาได้เลยครับ"

ชายสูงวัยเอ่ยขึ้น และนั่นก็ทำให้มีนักข่าวแย่งกันยกมือแทบไม่ทัน

"ภาพในข่าว จริงหรือเปล่าครับ"

นัทธ์รู้สึกเหมือนมีอะไรขัดที่ทางเดินลมหายใจ เมื่อเจอคำถามนี้ ชายหนุ่มตอบสั้นๆ

"ไม่จริงครับ"

คำตอบของเขา เรียกเสียงฮือฮา และเสียงพึมพำแบบไม่เห็นด้วย

"ผมกับคุณน้ำตาล ไม่ได้ทำอะไรกันอย่างในภาพข่าว แต่ผมไปส่งเธอกลับบ้าน"

เขาพูดอีกครั้ง

"ไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ทำไมมันดูสนิทสนมกันมาก"นักข่าวสาวอีกสำนักตั้งคำถาม

"ผมบอกว่า กับคุณน้ำตาล ไม่ได้ทำอะไรกันเหมือนในภาพและข่าวที่ลง"

เขาย้ำเสียงหนัก

"วันนั้นเธอไม่ค่อยสบาย ผม ในฐานะคนรักของเธอ ต้องพาเธอไปส่งที่บ้าน"

นัทธ์ตัดสินใจพูดออกมา และคำตอบของเขา เรียกเสียงฮือฮาในห้องประชุม

"ใช่ค่ะ น้ำตาลกับคุณนัทธ์ เรากำลังคบกัน"

คำพูดของเขา ทำให้เธอตัดสินใจย้ำ เพื่อให้น้ำหนักมากขึ้น

"ต้องขอโทษทุกคนด้วย ที่ต้องปิดในครั้งแรก แต่มาถึงวันนี้แล้ว น้ำตาลคิดว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปิดอีกต่อไป คุณนัทธ์เป็นคนดี ตลอดระยะเวลาที่รู้จักกัน เขาเสมอต้นเสมอปลายมากค่ะ"

หญิงสาวโกหกได้เป็นฉากๆ สร้างความประหลาดใจเล็กๆ ให้ชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ

แหมโว้ย เห็นหน้าหวานๆ นิ่งๆ โกหกเก่งเหมือนกันนะเนี่ย

"แล้วไม่ทราบว่า พบรักกันได้ยังไงคะ"

นักข่าวสาวคนนึงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น นั่นทำให้หญิงสาวอึกอัก ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่ตื่นเต้น เธอตื่นเต้นมากจนมือไม้เย็นไปหมดแล้ว และมันก็ทำให้เธอลืมไดอาล๊อกที่ท่านบรรพตให้ไว้

"เอ่อ ที่ลาน..."

คำว่าจอดรถ หายเข้าไปในลำคอแทบไม่ทัน นัทธ์หันมามองหน้าน้ำตาลด้วยความตกใจเล็กๆ มันไม่ตรงกับที่ประธานบริษัทเขียนให้นี่หว่า เอาไงดีวะ

สมองในส่วนไร้สาระของเขาก็ทำงาน

"ที่ถนนหน้าพระลานน่ะครับ"

คำตอบที่โพล่งออกมา ทำเอานักข่าวหลายสำนักรู้สึกงง น้ำตาลวงเฟรชไปทำอะไรที่ถนนหน้าพระลาน ในเมื่อแถวนั้นมีแต่พระเครื่อง!!

หญิงสาวยิ้มให้นักข่าวอีกครั้ง อวัยวะส่วนล่างที่เรียกว่าเท้า สะกิดเท้าชายหนุ่มอย่างแรง เหมือนจะเป็นชิงถามว่า

ถนนหน้าพระลานอะไรของคู๊ณณณณ

"ผมกำลังเดินเล่นอยู่ครับ ก็พอดีเจอเธอกำลังเล็งพระเครื่องอยู่องค์นึง ผมประทับใจมากเลยครับ ไม่คิดว่าผู้หญิงอย่างเธอจะสนใจเรื่องแบบนี้"

คำตอบของเขา เรียกเสียงฮาครืนได้จากนักข่าวทุกสำนัก ไม่เว้นแม้แต่ทานบรรพตเองก็ยังหลุดขำ จะมีเพียงคนเดียวที่ขำไม่ออก คือหญิงสาวข้างๆนัทธ์

อีตาบ้า มาหาว่าฉันไปส่องพระเครื่อง

ประโยคนั้นของนัทธ์ ทำให้น้ำตาลอารมณ์เสียขึ้นมาทันใด และไม่ยอมมองหน้าเขาอีก

ในที่สุด คำถามที่เขาไม่อยากได้ยิน ในที่สุดก็มีคนถามจนได้

"คุณตั้งใจคบน้ำตาลเพราะจะได้ดันวงของคุณให้ดังขึ้นหรือเปล่า"

นัทธ์ถอนหายใจ ก่อนจะมองหน้าคนถาม ตั้งใจตอบตามที่เขาคิด

“คุณน้ำตาลไม่ใช่สะพาน เพราะฉะนั้น ผมจะไม่เดินข้ามเธอไป"

และนั่นก็เป็นคำถามสุดท้ายสมาชิกวงเฟรชได้ฟังคำสัมภาษณ์ของนัทธ์ ถึงกับขำกลิ้ง และเมื่อน้ำตาลเดินเข้ามาในห้องซ้อมประจำของวง กะทิก็ตะโกนแซวทันที

"มนต์รักพระเครื่อง ก๊าก" เรย์ได้ที แซวบ้าง

"เธอดูเป็นคราวหลังมาดูให้ป๋าพี่บ้างนะ มีหลายองค์"

ดูเหมือนการใช้ภาษาไทยของแคลจะดีขึ้นมาก

"น้ำตาลจ๋า ความรักของเธอกับหัวหน้าวงคนนั้นตลกโคตรเลยจ้ะ"

ทันใดนั้น น้ำตาลก็แสดงปฏิกิริยาที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้นบ่อยนัก นั้นคือการที่เธออาละวาดเสียงดังใส่พี่ๆในวง

"หยุดเลยนะ พี่สามคนน่ะ ไม่ช่วยแล้วอย่ามาซ้ำเติมกัน"

พูดจบก็เดินไปนั่งหันหลังให้ทุกคน กอดอกด้วยความโกรธ

"คุณพ่อคุณแม่รู้เรื่อง น้ำตาลต้องแย่แน่ๆ ไม่น่าเลยจริงๆ น้ำตาลไม่น่าทำตามป๋าเลย ป๋าใจร้าย แถมอีตานั่นยังมาฉีกหน้าหนูต่อหน้านักข่าวอีก"

กะทิรู้ว่าน้องกำลังไม่สบายใจ จึงเลิกแหย่ และเดินเข้ามาปลอบ

"พี่ขอโทษ พี่แค่แหย่เล่นนะ อย่าโกรธเลย เรื่องคุณพ่อคุณแม่น่ะ ท่านคงยังไม่ทราบเรื่องหรอก น้ำตาลก็อย่าเพิ่งบอก พี่ว่ากว่าคุณพ่อคุณแม่จะกลับ เกมส์นี่ก็จบแล้วละ ป๋าบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่ามันก็แค่ช่วงนึง" หญิงสาวถอนหายใจ ก่อนจะหันไปพยักหน้ากับหัวหน้าวง

"ค่ะ ป๋าบอก ว่าไม่นาน แค่ให้พ้นช่วงนี้ไปเท่านั้น"

"ต่อไปนี้ก็ทำใจให้สบายๆ จบเรื่องไปเปลาะนึงแล้ว อย่าคิดมากอีกล่ะ"

เรย์เดินมาปลอบ และตบไหล่เบาๆ

"ตอนนี้เราก็เริ่มโฟกัสไปที่งานของเราต่อ ไม่นานนี้ซิงเกิ้ลเราจะออก เราต้องโปรโมต ต้องซ้อมเต้นอีกเยอะเลย"

"ไม่หายเครียดเดี๋ยวจะพาไปดริ๊ง รับรองหายเป็นปลิดทิ้ง"

แคลตะโกนมาจากอีกฟากห้องยิ้มๆ เธอเป็นนักดื่มตัวยง เคยพยายามหลอกล่อน้องเล็กของวงให้ไปดื่มด้วยกันหลายครั้ง แต่ก็สำเร็จน้อยครั้งมาก ยังไม่ทันจบประโยคดี ก็มีเสียงแหวะจากะทิมาทันที

"แล้วแกก็เมาอ้วกคลานอยู่หน้าห้องให้ฉันต้องลากคอเสื้อแกเข้าห้องใช่ไหม ครั้งต่อไป เชื่อขนมกินได้เลยว่าฉันจะปล่อยให้แกนอนเฝ้าหน้าประตู ไม่เปิดให้แกเข้ามาเด็ดขาด"

เธอแชร์ห้องกับแคล ทำให้เธอต้องเบื่อทุกครั้งเวลาที่แคลไปเที่ยวกลับมา เพราะต้องลากเพื่อนเข้ามาในห้อง

"อย่าเลย เธอก็ปล่อยให้ฉันนอนอยู่ตรงประตู ไม่เคยพาไปนอนที่เตียงซักรอบ"

แคลหันมาตอบโต้พลางค้อนให้เพื่อน และนั่นทำให้น้ำตาลหัวเราะขึ้นมาได้บ้างอารมณ์ที่ค่อนข้างจะเย็นลง กลับพุ่งขึ้นอีกครั้งเมื่อนัทธ์เดินเข้ามา

******************************************************

มาอีกแล้วววว ตอนที่สองค่ะ วันพฤหัสเจอกัน ^^





แสนดี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ก.ค. 2554, 19:15:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ก.ค. 2554, 19:16:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 1490





<< ตอนที่ 1   ตอนที่ 3 >>
ฝนริน 19 ก.ค. 2554, 19:39:40 น.
เจอกันที่ลานพระเครื่อง
ฮ่ะๆๆ นัทธ์หนอนัทธ์

รอตอนที่แปดนะแสนนะ


posty 19 ก.ค. 2554, 22:19:53 น.
ขำได้ทุกที่ที่อ่านมุขมนต์รักพระเครื่องซิน่า


anOO 20 ก.ค. 2554, 17:16:07 น.
แทนที่นายนัทธ์จะบอกว่าตัวเองไปส่งพระเครื่อง
แล้วบังเอิญเจอน้ำตาล ดันบอกว่าน้ำตาลไปส่องพระซะงั้น


เพียงพลอย 20 ก.ค. 2554, 23:22:26 น.
"สมองในส่วนไร้สาระของเขาก็ทำงาน" ---> กร๊ากกกกก ชอบอ่า


ภานินี 21 ก.ค. 2554, 03:57:09 น.
รออ่านตอนต่อไปนะคะ
แสนอ่านของพี่หรือยัง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account