แก้วขวัญวันรัก "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
เป็นเรื่องราวต่อยอดมาจาก แก้วขวัญวันรัก
โดยเรานำเรื่องราวของนางเอกทั้งสี่แบ่งพาสเป็นเรืองของตัวเองประกอบไปด้วย
"ประกาสิตรักแก้วกัลยา"
"พันธนาการรักขวัญชีวัน"
"ละลายรักวันวิวาห์"
"กลบ่วงรักรักจิรา"

โดยเรื่องแรกของ แก้วขวัญวันรักที่นำมาให้ได้อ่านกันคือ "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"

แก้วกัลยาพี่สาวของโตของบ้านสิทธิทรัพย์อาภา
เมื่อถูกกดดันให้คลุมถุงชนกับเจษฎา เธอจึงต้องหาทางดิ้นให้พ้นบ่วงนี้
เธอจึงออกปากท้าอากง ว่าจะหาสามีที่ดีมาโชว์ให้ได้
แก้วกัลยาเลือก "เพทาย" ประธานหนุ่มแห่งวินัสมีเดีย
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ ผู้ชายที่เธออยากจะเอาชนะใจ
ผู้ชายที่ติดอยู่ในความทรงจำของเธอมาตลอดเจ็ดปี

แก้วกัลยาจะพิชิตใจเพทายได้หรือไม่ติดตามได้ใน "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
Tags: แก้วกัลยา เพทาย ความรัก เดิมพัน

ตอน: ตอนที่ 20 แกะรอยสืบรัก


20
แกะรอยสืบรัก




แก้วกัลยา แมทธิว และมิลานั่งก้มหน้านิ่งพูดอะไรไม่ออก ยิ่งต้องมานั่งอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมโล่งปิดตายก็ยิ่งรู้สึกหดหู่แปลก ๆ ย้อนกลับไปเมื่อชั่วโมงก่อนขณะกำลังหนีออกมาจากบ้านของทวีป กำลังจะรอดอยู่แล้ว แต่กลับมีตำรวจมาดักที่ประตูหลัง และตำรวจคนที่ว่าก็คือผู้กองอติพงษ์ และผู้กองนวัชผู้ที่ดูแลคดีฆาตกรรมนายทวีป หลังจากนั้นพวกเธอก็ถูกจับตัวมานั่งอยู่ในห้องสอบสวนอย่างไม่รู้ชะตากรรม แก้วกัลยาพยายามโทรหาใครสักคนที่จะมาช่วยเธอประกันตัวเธอออกจากโรงพัก แต่คุณมงกุฎเหมือนนั้นปิดมือถือขาดการติดต่อไปตั้งแต่หัวค่ำ บรรดาเพื่อนก็ไม่มีใครอยู่ในกรุงเทพสักคน เหลือเพียงวันวิวาห์ที่เธอติดต่อได้ แต่วันวิวาห์พึ่งไปถึงระยองและดูเหมือนทางโน้นจะมีเรื่องเช่นกัน วันวิวาห์บอกเพียงว่าตามมาได้ แต่คงเป็นพรุ่งนี้เช้า ความหวังเธอไปกองอยู่กับแมทธิว แต่แมทธิวกลับบอกว่าไม่มีใครมาคืนนี้ได้ แม่ของเขาอยู่เชียงใหม่ จะให้ติดต่อดึกดื่นแบบนี้คงไม่มีใครมาได้ ถึงแม้จะเป็นซีอีโอใหญ่ แต่อำนาจนอกเหนือเวลาแบบนี้คงไม่ได้

“ฉันไม่อยากติดคุกนะ” แก้วกัลยาเริ่มโอดครวญออกมา

“เพราะใครกันล่ะ ฉันเตือนแล้ว แล้วทีนี้เป็นยังไง”

“อย่ามาโทษนะ นายก็เข้าไปด้วยเหมือนกันแหละ ถ้าห้ามจริงนายก็ไม่ควรเข้าไป แล้วควรจะห้ามมากกว่านี้ นายก็ผิดเหมือนกัน” แก้วกัลยาเอ่ยตะคอกกลับไป

“คือตอนนี้มันไม่ใช่เวลามาเถียงกันนะคะ รีบมาช่วยกันคิดดีกว่าค่ะ ว่าเราจะติดต่อคุณมงกุฎยังไง ไม่อย่างนั้นคืนนี้เราได้นอนในห้องขังแน่ แล้วคุณแมท ถ้าเกิดมีคนรู้ว่าซีอีโอคนดังของบริษัทแอลเคมาติดคุกแบบนี้มันจะแย่เอานะคะ คุณแก้วก็เหมือนกันถ้าเกิดคุณสุนทรรู้ว่าคุณแก้วก่อเรื่องแบบนี้มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่นะคะ” มิลาเอ่ยห้ามทัพ ทั้งสองหันมองแก้วกัลยา

“นี่เธอสอนฉันหรอมิลา” แก้วกัลยาตวัดสายตามองคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ

“ที่มิลาพูดมันก็ถูกแล้ว เธออย่ามาทำเป็นดุมิลาหน่อยเลย” แมทธิวอย่างอย่างเข้าข้างมิลาจนแก้วกัลยารู้สึกผิดสังเกต แก้วกัลยามองทั้งสองและยิ้มนิด ๆ พร้อมเอ่ย

“เดี๋ยวนี้เข้าข้างกันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะเธอสองคนน่ะ” มิลาหันหน้าหนีคล้ายหลบสายตา ส่วนแมทธิวก็ทำเป็นมองพื้นมองเพดาน ภายในห้องสอบสวนกลับมาเงียบอีกครั้งจนประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมกับการก้าวเข้ามาของอติพงษ์

“ผมโทรหาคุณรักแล้ว คุณรักบอกว่าอีกหนึ่งชั่วโมงจะมีคนมาประกันตัวพวกคุณ”

“ใครคะ รักได้บอกหรือเปล่า”

“ผมก็ไม่รู้ พวกคุณโชคดีมากแค่ไหนแล้วที่โดนแค่ข้อหาบุกรุกไม่โดนมากไปกว่านี้ คุณรู้ไหมถ้าเกิดผมไม่อยู่คุยธุระเรื่องคดีที่นี่คืนนี้พวกคุณได้นอนในคุกไปแล้ว”

“ก็ฉันขอให้ผู้กองช่วยแล้ว แต่ผู้กองบอกช่วยไม่ได้”

“ผมไม่ได้บอกว่าช่วยไม่ได้ ผมแค่บอกว่าผมช่วยให้คุณเข้าไปไม่ได้ แต่ผมจะช่วยเรื่องคุณเพทายให้ถึงที่สุด ผมจะลองเข้าไปที่นั่นอีกครั้งก่อนตำรวจจะส่งคืนสถานที่เกิดเหตุ แต่พวกคุณกลับบุกรุกเข้าไปก่อน มันถึงเป็นเรื่องแบบนี้ แล้วการที่คุณทำแบบนี้คุณเพทายจะยิ่งเดือดร้อน คุณไม่รู้หรือยังไง”

“เอ่อ...ฉันรู้ แต่ฉันก็พยายามไปแบบเงียบ ๆ แล้วไง แต่ไม่คิดว่าตำรวจจะจับได้ แล้วคิดดูนะถ้าฉันรอนานกว่านี้คุณเพชรคงกลายเป็นฆาตกรไม่จริง ๆ การที่ฉันเข้าไปมันก็พิสูจน์อะไรได้หลายอย่าง อย่างแรกคือความสัพเพร่าไม่ละเอียด เพราะไม่อย่างนั้นพวกฉันคงไม่ได้ของพวกนั้นออกมาอย่างง่าย ๆ หรอก”

“ผมยอมรับในความสัพเพร่าที่ยังไม่ละเอียด แต่สิ่งที่คุณทำยังไงมันก็ผิด ข้อหาบุกรุกอาจน้อยไปด้วยซ้ำ คุณอาจจะทำให้สถานที่เกิดเหตุเสียหาย มีผลกระทบต่อรูปคดีมากขึ้นไปอีก” ผู้กองนวัชเปิดประตูเข้ามา น้ำเสียงคนถูกพาดพิงบ่งบอกว่าไม่ค่อยจะพอใจนัก

“แต่พวกฉันไม่ได้แตะต้องอะไรที่นั่นนอกจากหาหลักฐานเลยนะคุณตำรวจ” แก้วกัลยาไม่ได้มีท่าทีสลดลงพลางหันไปจ้องหน้าคนที่เป็นต้นเหตุทำให้เธอต้องมานั่งแกร่งแบบนี้ ทั้งที่เวลานี้มันตีสองจะตีสามแล้ว

“หรือผมควรเปลี่ยนใจไม่ให้คุณประกันตัวดีครับ”

“คุณกำลังใช้อำนาจขู่ฉัน ฉันจะฟ้อง”

“เอาตัวให้รอดก่อนเถอะครับก่อนจะฟ้อง คนประกันยังหาไม่ได้” แก้วกัลยาชักสีหน้าใส่ กำลังจะเอ่ยตอบกลับไปแต่แมทธิวกลับมิลาก็พร้อมใจกันเอามือปิดปากเธอไว้

“เอ่อ...ขอโทษแทนแก้วด้วยครับ แต่ผมยืนยันว่าเราไม่ได้แตะต้องอะไรเลยในบ้านนั้นนอกจากหาหลักฐาน แล้วพวกเราก็ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี แต่ผมจะขอพูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับคดีนี้ได้ไหมครับ บางทีอาจเป็นประโยชน์ต่อคุณตำรวจ” ผู้กองนวัชพยักหน้า
“เท่าที่ผมลองฟังมา ตำรวจสันนิษฐานว่าผู้ตายและคนร้ายต่อสู้ในห้องโถง จากสภาพที่เกิดเหตุมีข้าวของกระจัดกระจาย และสุดท้ายผู้ตายก็ถูกของแข็งทุ่มใส่เข้าที่ศีรษะและมาถูกยิงตายก่อนถึงหน้าประตูบ้านใช่ไหมครับ”

“ครับ เราพบศพคุณทวีปก่อนถึงหน้าประตูบ้าน พบร่องรอยที่คุณทวีปพยายามหนีออกจากบ้านก่อนจะถูกยิงตาย” ผู้กองนวัชเอ่ย

“แล้วเศษแจกันในห้องโถงที่คุณพบใช่เศษแบบเดียวกันกับที่ผมเจอหรือเปล่าครับ” แมทธิวเอ่ยถามและหยิบถุงพลาสติกที่บรรจุเศษแจกันยื่นให้นวัชดู

“ผมไม่แน่ใจ ผมจะส่งไปให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจดูอีกครั้ง คุณมีอะไรหรือเปล่าครับ”

“ผมได้เศษแจกันชิ้นนี้มาจากห้องทำงานของคุณทวีป ผมรู้สึกว่าอาจจะมีบางอย่างเกิดขึ้นในห้องทำงาน เพราะภายในห้องทำงานมีการจัดเปลี่ยนตำแหน่งข้าวของบางอย่าง ผมอยากให้ลองตรวจสอบอีกครั้ง แล้วรอยเลือดบนเศษแจกันผมอยากให้ลองตรวจดูว่าเป็นเลือดของคุณทวีปหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ ผมคิดว่าวันนั้นอาจมีคนอยู่ในบ้านมากกว่าจำนวนตัวละครที่พวกคุณตำรวจคัดกันออกมา”

“ฉันเองก็คิดแบบที่แมทพูดว่าเรื่องนี้มันมีบางอย่างแปลก ๆ ผู้กองไม่คิดหรอคะ” แก้วกัลยามองผู้กองนวัชเหมือนแอบเยาะเย้ยนิด ๆ เพราะพวกเธอสามารถหาหลักฐานเล็ก ๆ น้อยออกมาได้ก่อนตำรวจ

“ไม่ใช่ไม่คิด ผมกำลังตามเรื่องนี้อยู่ แต่พวกคุณกำลังทำให้มันยุ่งขึ้น”

“ถ้าพวกฉันไม่เข้าไปยุ่ง เมื่อไหร่พวกคุณจะเก็บหลักฐานเอาคนผิดออกมาได้คะ ถ้าปล่อยไปนานขึ้นคุณเพชรจะกลายเป็นคนผิดจริง ๆ คดีจับผิดเดี๋ยวนี้มีการให้เกลื่อน ฉันก็แค่อยากช่วย”

“แต่การที่คุณเข้ามายุ่งมันทำให้คุณเพชรยิ่งน่าสงสัยไปอีกคุณไม่คิดบ้างหรือไงครับคุณแก้วกัลยา” แก้วกัลยาจ้องผู้กองนวัชอย่างไม่มีท่าทีว่าจะยอม

“พอกันก่อนดีกว่าครับ ผมคิดอย่างที่นวัชบอกนะครับ คุณแก้วก็น่าจะรู้ว่ามีคนจับตามองคุณอยู่ รวมถึงเรื่องที่มีคนโทรมาแจ้งตำรวจนี่ด้วย”

“หมายความว่ายังไงคะ”

“เมื่อชั่วโมงก่อนมีคนโทรเข้ามาแจ้งว่าพวกคุณบุกรุกเข้าไปในบ้านของทวีป ตอนนั้นคนที่รับสายแจ้งคือนวัช ผมเลยสั่งให้เก็บเสียงนั้นไว้”

“เสียงนั้นทำไมคะ”

“คุณจำครั้งก่อนที่คุณไปบุกบ่อนเสี่ยพงษ์ได้ไหม” แก้วกัลยาพยักหน้า ใครบ้างจะจำวีรกรรมเสี่ยงตายของตัวเองไม่ได้ จำไปจนตายเลยล่ะ

“ครั้งนั้นมีคนโทรเข้าไปบอกไอ้ชด ตำรวจได้โทรศัพท์มันมา และบันทึกเบอร์การโทร ผมลองตรวจสอบเบอร์ที่โทรมาแจ้งตำรวจวันนี้กับเบอร์ที่โทรหานายชดเบอร์สุดท้าย เป็นเบอร์ตู้สาธารณะเบอร์เดียวกัน”

“หมายความว่า มีโอกาสเป็นไปได้ว่าคนที่โทรมาบอกเรื่องฉันอาจเป็นคน ๆ เดียวกัน”

“ยังไม่แน่ใจ แต่มันก็มีโอกาสเป็นไปได้ เพราะจากหลาย ๆ เหตุการณ์คนร้ายที่อ้างว่าผู้หวังดีคนนี้มักจะโทรมาจากตู้สาธารณะเดิม คนร้ายอาจจะพักอาศัยอยู่แถวนั้น ผมจะลองเอาคลิปเสียงไปให้แบงค์ลองฟัง เราอาจจะได้อะไรมากกว่านี้”

“ผู้กองครับ ได้เรื่องแล้วครับ โทรศัพท์ของคุณทวีปที่ได้มา เราได้เบอร์ติดต่อสุดท้ายของคุณทวีป รวมถึงเมสเสจที่ส่งมาเมสเสจสุดท้าย เหมือนจะมีบางอย่างน่าสงสัยครับ” ตำรวจที่ตรวจสอบหลักฐานยื่นเอกสารที่ถ่ายออกมาจากโทรศัพท์ให้กับนวัช

“มีเมสเสจส่งมาจริง ๆ ด้วย ส่วนเบอร์ จ่าช่วยตรวจสอบให้ด้วยว่าเบอร์นี้เป็นเบอร์ใคร ผมต้องการรู้ให้เร็วที่สุด”

“ครับผู้กอง” ตำรวจนายนั่นเดินออกไป

“ผู้กองเมสเสจสุดท้ายส่งมาว่าอะไรคะ” อติพงษ์ยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้แก้วกัลยาดู

...ชนกนาถอยู่กับเพทาย กำลังจะหนีไปด้วยกัน รีบกลับมาด่วน...

“ฉันบอกแล้วว่าเรื่องนี้มันไม่ธรรมดา”

“แต่ถึงอย่างนั้น คุณเพทายก็ยังเป็นผู้ต้องสงสัยอยู่ดี จนกว่าจะมีหลักฐานมากพอ”

“หลักฐานที่พวกฉันหามามันยังไม่มากพออีกหรอคุณตำรวจ” แก้วกัลยามองนวัชด้วยสายตาไม่พอใจนัก เขาค้านเธอทุกคำพูดจนน่าหงุดหงิด

“พวกคุณอาจจะปลอมหลักบานเพื่อช่วยคุณเพทาย ผมยังต้องใช้เวลาในการตรวจสอบหลักฐานอยู่ดี ผมเป็นตำรวจจะเชื่อคนที่ยื่นมือเข้ามายุ่งในคดีอย่างน่าสงสัยแบบคุณมันก็ไม่ถูกนักหรอกนะครับ”

“แต่ฉันมั่นใจว่าต้องมีอะไรบางอย่างแน่ ๆ และวันนั้นจะต้องมีคนอยู่กับคุณทวีปอีกคนเป็นคนสุดท้าย”

“ผมตรวจกล้องวงจรปิด และการเข้าออกของหมู่บ้านจากยามแล้วไม่มีผู้ต้องสงสัยผ่านเข้าไป มีแต่คนในหมู่บ้าน มันเป็นไปไม่ได้ที่คนร้ายจะเข้าออกหมู่บ้านโดยที่เราจับภาพไม่ได้”

“แล้วถ้าคนร้ายเป็นคนในหมู่บ้านล่ะค่ะ เขาอาจจะอาศัยอยู่ที่นั่นอยู่แล้ว คุณยังไม่ได้เริ่มสืบตรงนี้ ยังไงคุณเพชรก็ยังมีโอกาสหลุดคดี หลักฐานที่เจอเป็นหลักฐานที่ชัดเกินไป ดูจงใจใส่ร้ายคุณเพชรมาก”

“เอาเป็นว่าผมจะตรวจสอบเรื่องนี้อีกครั้ง ถ้าคุณเพชรไม่ผิดยังไงก็คือไม่ผิด”

“แต่คนไม่ผิดติดคุกเดี๋ยวนี้มีเยอะนะคะ” นวัชกำลังจะเอ่ยต่อ แต่อติพงษ์ที่ยืนระหว่างกลางเริ่มปวดหัว

“เอาล่ะ เถียงกันไปก็ไม่มีประโยชน์คุณเป็นจะเป็นคนร้ายหรือเปล่าคงได้รู้กันเร็ว ๆ นี้ ถ้าคุณเพชรไม่ผิดยังไงเราก็ต้องจับคนร้ายได้ แต่ที่แน่ ๆ คือผลเลือดบนปืนของคุณเพชรนั่น คุณเพชรได้กลับมาที่นี่อีกครั้งแน่นอน”

“ถ้าคนร้ายมันเตรียมความพร้อมมาแล้วยังไงเลือดนั่นก็ต้องเป็นของคุณทวีป และฉันมั่นใจว่าคนร้ายมันต้องแอบเอาปืนคุณเพชรไปแน่ แล้วเรื่องคุณชนกนาถล่ะคะไปถึงไหนแล้ว ตามหาเธอเจอหรือยัง”

“ยังครับ พวกเรากำลังตามหาตัวเธออยู่ เธอขาดการติดต่อมาร่วมอาทิตย์แล้ว ลองติดต่อไปที่บ้านพ่อกับแม่ของเธอแต่เหมือนเธอจะไม่ได้กลับบ้านมาสามเดือนแล้ว แต่คิดว่าคงได้ข่าวภายในสองสามวันนี้ เพราะมีภาพกล้องวงจรจับรถของเธอได้ เราคงจะได้รู้เร็ว ๆ นี้ว่าเรื่องนี้มันยังไงกันแน่” แก้วกัลยานั่งนิ่งเหมือนกำลังใช้ความคิดบางอย่าง ประตูห้องสอบสวนเปิดออกพร้อมกับตำรวจนายหนึ่งวิ่งเข้ามากระซิบกระซาบกับผู้กองนวัช ผู้กองนวัชปรายตามองมาที่แก้วกัลยาก่อนจะวิ่งออกไป แก้วกัลยาหันมองอติพงษ์

“ผมจะตามไปเผื่ออาจจะเกี่ยวข้องกับคดีคุณเพชร อีกไม่นานจะมีคนมาประกันตัวคุณและผมขอเตือนคุณอีกครั้ง ว่าอย่าทำแบบนี้อีก คุณกำลังถูกคนร้ายจับตามองแทบจะทุกฝีก้าว ครั้งนี้มันแค่ต้องการให้คุณไม่ได้อะไรออกไปเพราะมันระแวง แต่ครั้งหน้าคนร้ายอาจจะเอาชีวิตคุณไปก็ได้ คุณจำครั้งก่อนไม่ได้หรือไง รวมถึงครั้งนี้ถ้าเกิดโชคไม่ดี ถ้าผมไม่มาไกล่เกลี่ยให้ คุณจะกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดไปโดยไม่รู้ตัว แล้วคุณเพชรจะถูกเพ่งเล็งมากขึ้น ถ้าหลักฐานวันนี้ช่วยได้ คุณเพชรอาจจะได้รับการปล่อยตัว แต่อย่าทำเรื่องวุ่นขึ้นมาอีก ผมขอตัวนะครับ” อติพงษ์เดินออกไป ทิ้งให้แก้วกัลยา แมทธิวและมิลานั่งก้มหน้านิ่งรอการมาของผู้ช่วยเหลือ

“พวกคุณสามคนญาติมาประกันตัวแล้วครับ” เสียงระฆังช่วยชีวิตดังขึ้นหลังจากรอเกือบสองชั่วโมง แก้วกัลยารุกขึ้นยืนทันที แม้จะมีอติพงษ์ช่วยไว้แต่ก็ไม่วายเข้าไปนั่งอยู่ในคุกระหว่างรอการประกันตัว ทั้งสามออกจากห้องขังด้วยหน้าตาแช่มชื่นขึ้น ทันทีที่เดินออกมาเจอกับผู้ช่วยเหลือใบหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไปทันที

“เฮียเจต” แก้วกัลยาเอ่ยเรียกเสียงเบา เจษฎายืนกอดอกนิ่งมองทั้งสาม

“เอ่อ...ยังไงก็ขอบคุณพี่เจตนะครับ นี่มันก็ดึกมากแล้วผมขอกลับก่อนนะครับ แก้วฉันจะแวะไปส่งมิลา เธอกลับกันพี่เจตแล้วกันนะ ไปมิลา” แมทธิวดึงแขนมิลาให้ลุกขึ้นชิ่งออกไป

“แมท” แก้วกัลยาตะโกนเรียกชื่อเพื่อนที่ทิ้งกันไปดื้อ ๆ และหันมาเจอกันสายตานิ่ง ๆ ที่ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมา แบบนี้แหละที่ทำให้ยิ่งน่ากลัว

“วันกลับระยองไปแล้ว ยังไงก็ไปค้างกับคุณมงกุฎก่อน เฮียจะไปส่ง” เจษฎาเดินออกไปทันที แก้วกัลยาทำอะไรไม่ถูกรีบวิ่งตามขึ้นรถไป

บรรยากาศบนรถเงียบสนิทไม่มีเสียงพูดจากเจษฎา แก้วกัลยาเองก็รู้สึกอึดอัด นี่เป็นครั้งแรกที่เจษฎาโกรธขนาดนี้ตั้งแต่รู้จักกันมาเจษฎาไม่เคยโกรธจนไม่มองหน้าไม่พูดคุยกันแบบนี้ แก้วกัลยารอบมองเสี้ยวหน้าหล่อตี๋ของพี่ชายคนละสายเลือด อยากจะพูดก็ไม่กล้า แก้วกัลยาพยายามรวบรวมความกล้าขึ้นมาและถามออกไป

“เฮียโกรธแก้วหรอ” ไม่มีการตอบรับใด ๆ กลับมา

“เฮียช่วยพูดอะไรกับแก้วหน่อยได้ไหม เฮียทำแบบนี้แก้วรู้สึกผิดนะ เฮียโกรธอะไรแก้ว”

“คำพูดเฮียเคยมีความหมายอะไรกับแก้วบ้างไหม” คำถามที่ถามออกมาทำให้แก้วกัลยาเงียบ

“เฮียแค่ขอร้อง ขอร้องให้แก้วเอาตัวออกห่างจากอันตรายพวกนี้ ทำไมแก้วถึงไม่ฟังเฮียบ้าง แก้วสนใจผุ้ชายคนนั้นจนลืมว่าตัวแก้วเองจะต้องไปเจอกับเรื่องเลวร้ายยังไง วันนี้แก้วอาจโดนแค่ตำรวจจับ แต่ถ้าคนร้ายมันคิดจะฆ่าแก้วขึ้นมา แก้วคิดว่าแก้วจะรอดเหมือนครั้งก่อนไหม” รถจอดลงแล้วแต่แก้วกัลยายังนั่งนิ่ง

“แก้วไม่สามารถทำตามที่เฮียขอได้ แก้วพยายามแล้ว แต่การที่แก้วจะทำอะไรเพื่อคนที่แก้วรักสักคนมันผิดมากหรอเฮีย แก้วแค่อยากทำอะไรเพื่อคนที่รัก เราเคยเถียงกันเรื่องนี้แล้ว”

“ถ้าเฮียขอแก้วอีกครั้งล่ะ แก้วจะให้เฮียได้ไหม”

“แก้วรักเฮียนะ รักเฮียมาก แต่สิ่งที่เฮียขอแก้วทำให้ไม่ได้ เฮียน่าจะเป็นคนที่เข้าใจแก้วมากที่สุด เฉพาะเรื่องของเขาที่แก้วทำให้เฮียไม่ได้”

“ถ้าสุดท้ายแล้วเขาไม่รักแก้ว แก้วจะทำยังไง มันจะไม่สูญเปล่าเลยใช่ไหม”

“ในวันนี้แก้วไม่รู้หรอกว่าเขาจะรักแก้วไหม วันหน้าแก้วก็ไม่แน่ใจด้วย แต่สิ่งที่แก้วทำไปไม่สูญเปล่าแน่ ถึงมันจะเสียเปล่า แต่แก้วก็กำลังทำเพื่อคนที่แก้วรักแก้วไม่เสียดายหรอกค่ะ”

“แก้วแน่ใจหรอ ว่าแก้วทำใจยอมรับกับความผิดหวังนั้นได้ แก้วไม่เคยผิดหวัง ถ้าวันนั้นแก้วเสียใจแก้วจะยอมรับมันได้แน่หรอ เฮียรู้จักแก้วมานานมาก รู้จักแก้วกัลยาคนที่ยอมรับความพ่ายแพ้ไม่เป็นคนนั้น”

“แก้วไม่รู้หรอกว่าถึงวันนั้นมันจะเป็นยังไง ไม่รู้ด้วยว่าจะทำใจได้ไหม จะยอมรับมันได้ไหม แต่แก้วไม่เคยคิดว่าการที่แก้วทำเพื่อคนที่แก้วรักมันจะผิดสักครั้ง ต่อให้อันตรายกว่านี้ แต่ชีวิตสองครั้งของแก้วเขาเป็นคนดึงมันขึ้นมา แก้วจะทำอะไรเพื่อเข้าสักครั้งแก้วไม่เสียใจ”

“แก้ว...”

“แต่แก้วให้สัญญากับเฮียไปแล้ว แก้วไม่ยอมตายหรอกนะ แก้วต้องอยู่รอดูหน้าอาซ้อ สัญญาเดียวที่แก้วให้เฮียไม่ได้คือการทำเพื่อเขา แต่แก้วให้เฮียได้คือแก้วจะไม่ยอมตายตอนนี้ ด้วยฝีมือคนร้ายในเงามืด แก้วเคยเกือบจมน้ำตาย แก้วรู้คุณค่าชีวิตของแก้ว แก้วรู้ด้วยว่าแก้วกำลังทำอะไร เฮียไม่ต้องห่วงนะ”

“เพราะแก้วเป็นอย่างนี้ไง”

“ถึงสุดท้ายคุณเพชรไม่เลือกแก้ว เฮียจะทิ้งแก้วไหมล่ะ” แก้วกัลยาถามและมองเจษฎาที่กำลังนั่งถอนหายใจกับผู้หญิงที่เขาปล่อยวางไม่ลง

“อย่าถามคำถามที่รู้คำตอบเลยแก้ว เฮียขออีกคำถามเดียว”

“คะ”

“ทั้งหมดไม่เกี่ยวกับพิตต้าใช่ไหม” แก้วกัลยายิ้มให้เจษฎา

“ตอนแรกอาจจะใช่ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ แก้วทำเพราะแก้วอยากทำ ไม่มีใครขู่ หรือบังคับแก้วได้ เฮียเจตรู้จักแก้วที่สุดน่าจะรู้อยู่แล้ว” เจษฎายื่นมือไปขยี้หัวแก้วกัลยา

“เฮียอยู่ข้างแก้ว เฮียยอมรับในการตัดสินใจของแก้ว แต่ขอให้แก้วจำไว้ว่าห้ามตายเพราะเรื่องบ้า ๆ พวกนั้น เฮียไม่เคยผิดสัญญากับแก้ว สิ่งเดียวที่เฮียขอให้แก้วไม่ผิดสัญญาก็แค่เรื่องนี้”

“รับทราบค่ะ”

“มีอะไรให้เฮียช่วยก็บอกนะแก้ว เฮียช่วยแก้วได้เสมอ”

“รู้แล้วค่ะ แล้วเฮียมาได้ยังไงคะ แก้วคิดว่าเฮียอยู่ระยอง”

“ก็อยู่ระยอง รักกับวันโทรหาเฮีย เฮียก็รีบมา ลงไปได้แล้วคุณมงกุฎคงนั่งรอแล้ว” แก้วกัลยาพยักหน้า แก้วกัลยากำลังจะหันหลังเปิดประตูลงไปแต่ก็ตัดสินใจหันไปมองเจษฎา

“แก้วรักเฮียนะ เฮียเป็นพี่ชายที่ดีของแก้วเสมอ ไม่มีใครแทนที่พี่ชายของแก้วได้ หลังจบเรื่องนี้แก้วสัญญาจะไม่เอาตัวไปยุ่งกับเรื่องอันตรายอีก แค่ครั้งนี้ ครั้งเดียว” เจษฎามองร่างสูงบางที่เดินลงจากรถไปด้วยแววตาเศร้า คำย้ำของเธอยังก้องในความคิด ...พี่ชาย... คำนี้คือคำที่เธอคล้องเกี่ยวเขาไว้ ฐานะที่ไม่มีวันเปลี่ยนได้ แต่เขาก็เต็มใจยอมรับมัน ยอมรับสถานะที่เธอยื่นให้ ในเมื่อเขาไม่สามารถข้ามคำนี้ได้เขาจึงต้องยอมรับมัน และอยู่เคียงข้างเธอต่อไป เพราะเขาสัญญาไว้แล้วว่าจะไม่มีวันปล่อยมือจากเธอ แม้วันหนึ่งมือของเธอจะหลุดจากมือเขาไปแล้ว แต่เขาก็จะเฝ้ามองเด็กผู้หญิงที่เขาคอยตามดูแลคนนี้ต่อไป ขอแค่เธอจะไม่เสียใจ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

แก้วกัลยาเปิดประตูลงจากรถ สายตาเศร้าของเจษฎายังตามติดอยู่ในห้วงความคิด เธอไม่ได้ใสซื่อ อ่อนต่อโลก แต่เธอไม่ใช่คนดีที่จะไม่คว้าเกี่ยวเจษฎาไว้ เพราะความกลัวบางอย่าง กลัวสูญเสียใครไปแล้วจะไม่มีที่ยึดเหนี่ยว หลายคนประณามว่าเธอมันใจร้าย อำมหิต ทำไมถึงไม่ปล่อยมือเจษฎา ปล่อยให้เขาไปเจอความสุข เธอเคยทำแล้ว เคยปล่อยมือจากเขา แต่สุดท้ายก็ทำใจไม่ได้ กลัววันหนึ่งถ้าไม่มีใคร เธอจะไม่เหลือแม้แต่คนที่เข้าข้างเธอคนนี้ เธอจึงคว้าจับเขาไว้อีกครั้ง ความเห็นแก่ตัวที่น่ารังเกียจนี้ทำให้แก้วกัลยารู้สึกผิดหลายต่อหลายครั้ง

แต่ถามว่าเธอเคยให้โอกาสเขาไหม เธอเคยทำแล้ว เคยให้เขาแล้ว แต่สุดท้ายเมื่อเธอกลับมานั่งคิดเธอกลัวความสัมพันธ์ที่แสนเปราะบางของความรัก ความสัมพันธ์ที่ไม่ยั่งยืน เธอรักเขาเหมือนดั่งครอบครัว เขาเป็นพี่ชายที่เธอรักที่สุด เธอคงยอมไม่ได้ถ้าวันหนึ่งความสัมพันธ์เหล่านั้นจะพังทลายลง เธอจึงพูดย้ำกับเขาเสมอมาว่าเขาคือพี่ชาย พยายามปล่อยเขาไป แต่เขาก็ดีมากที่จะอยู่ข้างเธอแม้เธอจะให้โอกาสเขาปล่อยมือเธอไปแล้ว เขาก็ยังเลือกความสุขของเธอ จนกว่าเธอจะมีความสุข เขาคงไม่มีวันปล่อยมือเธอ และเธอก็ยังคงจับมือเขาในฐานะพี่ชายแบบนี้ไว้ แต่เธอภาวนาขอให้มีผู้หญิงที่ดีรักเขามาแต่ก็ร้ายกาจพอจะกระชากเขาไปจากมือเธอ เขาจะได้เจอคนที่รักเขาและเขาก็รัก ถึงวันนั้นเธอจะทิ้งความเห็นแก่ตัวและปล่อยเขาไปอย่างไม่ลังเลใจ




“คุณแก้ว” มงกุฎมองแก้วกัลยาที่เดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทีอิดโรย มงกุฎที่นั่งรออยู่แล้วยื่นแก้วชาให้แก้วกัลปยาดื่ม แก้วกัลยาทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาอย่างเหนื่อยล้า พลันของสิ่งหนึ่งก็หลุดลงมาจากกระเป๋ากางเกงด้านหลัง

ตุบ

“กระเป๋าของคุณแก้วหรือคะ นี่มันกระเป๋าสตางค์ผู้ชายนี่คะ” มงกุฎเอ่ย แก้วกัลยารีบพลิกตัวลุกขึ้นนั่งและดึงกระเป๋าสตางค์สีดำที่มงกุฎส่งมาให้และพลิกมองไปมาก่อนจะรอยยิ้มจะปรากฏขึ้น

“คุณมงกุฎช่วยตามหาเจ้าของกระเป๋าตางค์นี่ให้ฉันทีนะคะ ฉันต้องการพบคน ๆ นี้ให้เร็วที่สุด อาจจะถึงเวลาต้องจบเกมของผู้ร้ายในความมืดนี่แล้ว คุณเพชรเองก็คงกำลังตามหาอยู่ แต่เขาจะเข้าใจกลคนร้ายเท่าฉันไหม” มงกุฎรับกระเป๋ากลับมาและเปิดออกดูบัตรประชาชนที่ใส่ไว้ในกระเป๋า

“อธิป อมรกุล นี่มันลูกชายคุณทวีปกัยคุณชนกนาถนี่คะ”

“ฉันต้องการรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน”

“ตามข่าวน่าจะยังอยู่อเมริกา”

“รีบเช็คข่าวใหม่ ตามหาตัวเขาให้พบ หวังว่าเขาจะเป็นตัวละครสำคัญตัวสุดท้ายที่จะพาเราไปพบกับคนร้าย” ขณะที่กำลังทำหน้าเหมือนคิดบางอย่าง สายตาก็หันไปมองข่าวที่กำลังรายงานในช่วงตีสี่ แก้วกัลยาจ้องมองภาพในจอโทรทัศน์ด้วยแววตาเครียดหนัก

...เจ้าหน้าที่สถานีตำรวจหนองจอก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบซากรถยนต์จมอยู่ในบ่อน้ำพันตำรวจเอกเทพ ภูมิทองผู้กำกับสถานีนครบาลหนองจอพร้อมด้วยชุดสืบสวนและเจ้าหน้าที่กู้ภัยร่มไทรเข้าตรวจสอบบริเวณบ่อน้ำ ที่หมู่ 8 แขวงคลองสิบสอง เขตหนองจอกหลังจากได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามาทอดแหหาปลาแล้วพบซากรถยนต์ในบ่อน้ำ เป็นรถยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีดำ ขนาด .... หมายเลยทะเบียน กก 9898 กรุงเทพมหานคร จากการตรวจสอบเบื้องต้นรถยนต์คันดังกล่าวเป็นของนางชนกนาถ อมรกุล ภายในรถพบศพของนางสาวชนกนาถ อมรกุล ที่มีการสันนิษฐานว่าเสียชีวิตมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว สาเหตุการตาย....
แก้วกัลยานั่งนิ่งเสียงนักข่าวที่รายงานข่าวหลุดลอยไปแล้ว ดวงตาเหม่อมองเพียงภาพที่ตำรวจนำรถขึ้นมาจากคลอง ภายในรถมีซากศพที่เน่าเปื่อยที่มูลนิธิกำลังเคลื่อนย้ายศพออกจากรถ

“คุณแก้ว ดูเหมือนงานจะเข้าคุณเพชรแล้วล่ะค่ะ”

“ฉันต้องการหาตัวเด็กนั่นให้เจอ ฝากด้วยนะคุณมงกุฎ” แก้วกัลยาเดินเข้าห้องไป เธอเดินไปนั่งหยิบภาพที่ได้มาจากอติพงษ์ภาพของคนร้ายที่อำพรางใบหน้าด้วยแว่นตาและผ้าพันคอ แก้วกัลยามองคนในภาพอย่างครุ่นคิด และเริ่มกำรูปในมือแน่น

“คุณนกตายตัดหน้าแบบนี้ ก็เหลือแค่คุณคนเดียวแล้วคุณเพชร ถ้าการตายเป็นการฆาตกรรมอีก...ทำไมเรื่องมันถึงเยอะแบบนี้นะ คนสวยเครียด!!!”



....ติดตามตอนต่อไป...

ไรเตอร์ก็เครียดเหมือนเจ๊แก้ว ศพที่เท่าไหร่แล้วนะที่สังเวรชีวิตโดยฝีมือฆาตกรที่ยังไม่ชี้ชัดคนนี้
แต่อีกไม่กี่ตอนจะรู้กันแล้ว ว่าฆาตกรคนนี้เป็นใคร ทำไปเพื่ออะไร
และต้องมาลุ่นเรื่องความรักของเจ๊แก้วจะเป็นไปอย่างไรต่อไป สุดท้ายคุณเพชรจะใจอ่อนให้กับเจ๊แก้วไหม
จะมีอะไรเกิดขึ้นกับสองคนอีก อยากให้ติดตามกันจนจบ ตอนนี้เลยครึ่งเรื่องมาแล้ว รอติดตามกันค่ะ




พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ก.ค. 2558, 21:07:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.ค. 2558, 21:13:18 น.

จำนวนการเข้าชม : 876





<< ตอนที่ 19 หลักฐานกับตัวละครที่เพิ่มเข้ามา   ตอนที่ 21 เด็กผู้อยู่ในเหตุการณ์ (ตอนต้น) >>
นักอ่านเหนียวหนึบ 27 ก.ค. 2558, 23:51:58 น.
เออ เจ้แก้วเครียดเนาะ ชีวิตคนสวยเครียด


yapapaya 31 ก.ค. 2558, 20:18:39 น.
คนไม่สวยแถวนี้ก็เครียดคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account