พิรุณสีนิล (ชื่อเดิม ฝนกุมภา)
เธอได้สวดอ้อนวอนขอให้เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ฝันไป ท้องนภามิดมิดเบื้องบนค่อยๆ เลือนหาย พอๆ กับเสียงลมหายใจที่แผ่วเบาลงทุกที...
Tags: รัก ฆาตกรรม ตาย กุ๊กกิ๊ก วีดวิ้ว ศพ

ตอน: ๑



“อ้าวพี่ นี่ค่าจ้างนะ ขอบคุณที่มาช่วยวันนี้”

เงินจำนวนหนึ่งถูกยื่นมาไว้ตรงหน้าชายวัยกลางคนรูปร่างกำยำ เขายิ้มกว้าง มือหยาบกระด้างเอื้อมไปรับอย่างดีใจ โชคดีที่ไอ้เปี๊ยก เด็กข้างบ้านคนที่ทำสวนให้เจ้าของสวนดอกไม้แห่งนี้ป่วยหนัก ไม่รู้มันไปกินอะไรผิดสำแดง ถึงได้ถ่ายทั้งหนักทั้งเบา แถมยังอาเจียนไม่หยุดหย่อน จนเมียมันต้องมาไหว้วานให้เขาไปทำแทน โธ่ถัง...ไม่ต้องมาไหว้วานให้เป็นพิธีรีตรองอะไรมากหรอก เงินน่ะ...เขาอยากได้จะตาย ยิ่งช่วงนี้งานก็หายาก ไปรับจ้างบ้านใครก็โดนปฏิเสธมาหมด ได้งานครั้งนี้ก็เหมือนลาภลอยมาอยู่ตรงหน้า

“ขอบคุณครับ” เขาเอ่ยอย่างมีความสุข แม้อายุจะย่างเข้าเลขสี่ แต่กลับไม่มีครอบครัวอย่างใครเขา ไม่ใช่ว่าไม่ลุ่มหลงในอิสตรี ทว่าด้วยอาชีพรับจ้างทั่วไปนั้นหาคนมาชิดใกล้ก็ลำบากยากเข็ญ สงสัยคืนนี้คงต้องไปหาน้องอ้อยที่ร้านคาราโอเกะเจ้าประจำ ให้ช่วยนวดเนื้อนวดตัวให้เหมือนอย่างเคย

“ไว้ถ้ามีงานรอบหน้าผมจะเรียกใหม่นะครับ พี่ทำงานดีมากเลย สะอาดทุกตารางนิ้ว” เจ้าของสวนหัวเราะชอบใจ กวาดมองสวนดอกไม้นานาพันธุ์ของตัวเองอย่างมีความสุข

“มีส่วนไหนที่ขาดตกบกพร่องก็บอกผมได้นะครับ เดี๋ยวทำให้ใหม่ รับรองไม่คิดเงิน” งานดี เงินดี อย่างนี้ถ้าไม่มีบริการหลังการขายก็ดูจะไม่เข้าที

“โอ้ เดี๋ยวนี้คนทำสวนยังมีประกันความเรียบร้อยให้ด้วยเหรอเนี่ย ทันสมัยน่าดูนะครับ”

“ไม่ทำอย่างนี้ ผมก็สู้เจ้าอื่นไม่ได้สิครับ ยิ่งสมัยนี้คนไม่ค่อยไว้ใจกัน งานอย่างผมเลยหายาก ข้าวของก็แพงไปหมด อะไรทำได้ก็ต้องทำแหละครับ” พูดพลางเก็บเงินเอาไว้ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ขาดๆ ก่อนจะลูบอีกครั้งอย่างอุ่นใจ

“ไว้ผมจะบอกเพื่อนๆ ให้นะครับ เผื่อมีใครอยากทำความสะอาดสวนที่บ้าน”

“ขอบคุณครับ ขอบคุณ” เขายกมือขึ้นไหว้ปลกๆ ไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจว่าอีกฝ่ายอ่อนกว่า เขาไหว้เงิน ไม่ได้ไหว้คน ถ้ายังต้องมารักศักดิ์ศรีบ้าบอเหล่านั้น ป่านนี้คงต้องกินดินต่างข้าวไปแล้ว

พอคุยกันไปได้สักพักก็ต้องกลับ ในใจคิดถึงแต่น้องอ้อย สาวสวยสดใสประจำร้านนวดเจ้าประจำ ใครกันที่บอกว่าความสุขซื้อไม่ได้ นี่ไง...เขาซื้ออยู่ทุกเดือน ความสุขของเขาบางครั้งก็ยาวบางคราวก็สั้น ขึ้นอยู่กับจำนวนเลขบนธนบัตรที่จ่ายไป แต่สงสัยว่าวันนี้ความสุขของเขาคงจะสั้น เพราะต้องเจียดเงินไปจ่ายค่าน้ำค่าไฟเสียหน่อย หวังว่าน้องอ้อยคงไม่น้อยใจคิดว่าเขารักน้อยลง



หลังจากได้รับความรักจากน้องอ้อยมาจนล้น เนื้อตัวที่เคยเมื่อยล้าจากงานใช้แรงงานก็ผ่อนคลาย สีหน้าชื่นมื่นมีความสุข สวนทางกับเงินในกระเป๋าที่แฟบลง พอร่ำลาอิสตรีเรียบร้อยก็ต่อด้วยการร่ำสุรา ชีวิตวนเวียนอย่างนี้มาตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อหนุ่มจนเกือบจะสี่สิบ เพื่อนฝูงที่เคยคบหากันสมัยวัยคึกคะนองก็แยกจากไปตามทางของตัวเองหมดสิ้น เหลือไว้เพียงชายวัยกลางคนที่มองไม่เห็นอนาคตเหมือนใครไว้เบื้องหลัง เขายิ้ม...ยิ้มให้กับชีวิตของตนเองที่ดูไร้ค่าสิ้นดี ก่อนจะกระดกเหล้าราคาถูกในมือรวดเดียวจนหมด ความมึนเมามันเป็นเพื่อนตายของเขา เพื่อนที่ไม่เคยจะทิ้งกันไปไหน แต่พอนั่งไปนานๆ เพื่อนรักชักคุยไม่ค่อยสนุก อาหารที่กินเข้าไปเมื่อช่วงเย็นเริ่มอยากขย้อนออกมา เขาจึงตัดสินใจทิ้งเพื่อนรักเอาไว้เบื้องหลัง เดินโซซัดโซเซออกจากร้านเหล้าสำหรับผู้มีรายได้น้อยเช่นเขา ข้างนอกนั่นมีตึกระฟ้ามากมายเต็มไปหมด นี่สินะ เขาถึงเรียกว่าป่าคอนกรีต แต่เขาไม่เคยได้สัมผัสชีวิตบนตึกสูงเช่นนั้นสักครั้ง แค่มีบ้านสังกะสีผุๆ พังๆ ไว้คุ้มกะลาหัว แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ขณะปล่อยความคิดเพลิดเพลินไปกับแสงสี จู่ๆ ก็รู้สึกถึงแรงกระแทกที่ท้ายทอย จนภาพข้างหน้าดับวูบไปอย่างรวดเร็ว



เสียงก๊อกแก๊กดังขึ้นมาจากร่างชายวัยกลางคนที่ถูกมัดตรึงเอาไว้ฝาผนัง ภายในห้องเก็บของขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยของเหลือใช้ระเกะระกะ ด้านหนึ่งมีลำโพงขนาดใหญ่ตั้งเรียงอยู่ ฝุ่นหนาเตอะทำให้รู้ว่าห้องนี้ไม่ได้เปิดใช้มานานหลายเดือนแล้ว หรืออาจจะเป็นปี ตามพื้นมีทั้งโต๊ะ ตู้ โทรทัศน์รุ่นบุกเบิก เก้าอี้พับขาหัก หรือแม้แต่เตาแก๊สที่เสียแล้วก็ถูกนำมาเก็บไว้ที่นี่ แต่โชคยังดีที่หลอดตะเกียบด้านบนยังคงทำงานให้แสงสว่างพอจะทำให้เห็นอีกร่างหนึ่งซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ รอคอยให้คนที่ถูกมัดฟื้นขึ้นมา

‘มัน’ เงยหน้าขึ้นมองชายวัยกลางคนที่มีสภาพเมาแอ๋ด้วยสายตาหยามเหยียด มีดด้ามใหญ่ในมือวาววับล้อกับแสงไฟด้านบน เกิดแสงสะท้อนวับแวบไปกับผนัง มันลองขยับมีดไปมาอีกหน่อยคล้ายกำลังสนุก แต่ก็ต้องหยุดไปเมื่อคนที่มันพามาเริ่มได้สติ

คนที่ถูกมัดติดกับผนังพยายามตะโกนสุดเสียง แต่เสียงที่ออกมานั้นก็ไม่สามารถแทรกผ่านผ้าขี้ริ้วที่จุกอยู่ในปากและเทปกาวที่พันปิดเอาไว้อย่างแน่นหนาได้ เขาดิ้นสุดแรงเกิด แต่เชือกที่รัดข้อมือกับข้อเท้าทั้งสองข้างกลับแน่นขึ้นไปอีก

มันมองเหยื่อด้วยสายตาสะใจ มีดในมืดค่อยๆ บรรจงกรีดเอาอาภรณ์ที่คลุมร่างออกจนหมด ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะดิ้นแค่ไหน เพราะมั่นใจว่าไม่มีทางหลุดออกมาจากพันธนาการนี้ได้ พอเปลื้องผ้าออกจนหมด มันก็แค่นยิ้ม กวาดมองไปทั่วร่างที่มีผิวหนังเหี่ยวย่นและพุงที่ห้อยย้อยลงมา ก่อนจะก้มลงหยิบกระดาษที่วางอยู่บนพื้นขึ้นให้คนที่ถูกมัดได้เห็นกับตาว่ากำลังจะเจอกับอะไร

ดวงตาของเขาเบิกโพลง ใบหน้าซีดเผือด เห็นดังนั้นมันก็วางกระดาษและมีดลง เปลี่ยนเป็นตะปูดอกใหญ่ยาวเกือบสามนิ้ว พร้อมค้อน ร่างนั้นชักกระตุกอย่างแรงเมื่อรู้ดีว่ากำลังจะเจอกับอะไร น้ำตาเริ่มหลั่งริน แต่มันไม่หยุด... ค่อยๆ วางตะปูไปบนจุดที่ต้องการบนฝ่ามือแล้วตอกค้อนลงไปเต็มแรง ตะปูคมกริบทะลุผ่านฝ่ามือเข้าไปตรึงกับผนังอย่างรวดเร็ว มันมองคนที่ดิ้นทรมานอยู่ตรงหน้าด้วยความสะใจ อย่างนี้แหละ...ที่ต้องการ เสียดายอย่างเดียวตรงที่ไม่ได้ยินมันเรียกร้องขอชีวิต

แต่ความคิดก็ต้องพักไว้ก่อน เพราะยังมีงานอีกมากที่ต้องทำให้เสร็จ ขณะหยิบตะปูอีกดอกหนึ่งขึ้นมาตอกเข้าไปยังมืออีกข้างอย่างเต็มแรง...







ดารานิล
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ก.ค. 2558, 10:44:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ต.ค. 2558, 00:01:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 1328





<< บทนำ   ๒ >>
wanida 28 ก.ค. 2558, 03:02:56 น.
ผ่านมาสอง ตอนแล้ว ยังเดาเเรืิ่อองราวไม่ถูก เลย รอลุ้นนะคคะะ


Zephyr 2 ส.ค. 2558, 18:32:53 น.
มัน นี่คือเด็กน้อยตอนนั้น รึป่าว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account