พิรุณสีนิล (ชื่อเดิม ฝนกุมภา)
เธอได้สวดอ้อนวอนขอให้เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ฝันไป ท้องนภามิดมิดเบื้องบนค่อยๆ เลือนหาย พอๆ กับเสียงลมหายใจที่แผ่วเบาลงทุกที...
Tags: รัก ฆาตกรรม ตาย กุ๊กกิ๊ก วีดวิ้ว ศพ

ตอน: ๒



กลิ่นกาแฟหอมๆ ลอยกรุ่นอบอวลไปทั่วร้านกาแฟชื่อดังใจกลางเมืองใหญ่ เสียงคนคุยกันคลอไปกับเสียงดนตรีเบาๆ ที่แทบจะกลายเป็นของคู่กันกับร้านกาแฟทุกแห่ง ชีวิตคนเมืองกรุงในสมัยนี้มักผูกติดอยู่กับคาเฟอีน จึงทำให้เครื่องดื่มเหล่านี้กลายมาเป็นปัจจัยที่ห้าของมนุษย์โดยปริยาย

หญิงสาวใบหน้างามแช่มช้อย แต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตพับแขน กางเกงยีนส์ดูทะมัดทะแมง กำลังหัวเราะไปกับเพื่อนๆ ของเธออีกสองสามคน ขณะมือหนึ่งก็มวนผมหางม้าของตัวเองเล่นอย่างเคยตัว กาแฟร้อนในแก้วข้างหน้าพร่องไปเกือบหมด แต่ไม่มีใครใส่ใจมากนัก เพราะทุกคนกำลังให้ความสนใจกับเรื่องราวที่หญิงสาวผมยาวประบ่าอีกคนกำลังอ่านให้ฟังอย่างสนุกสนาน

“อะ เดามา ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือหลอก” หลังจากอ่านเสร็จก็ถามความคิดเห็นของเพื่อนทั้งสาม

“เรื่องจริง” คนหนึ่งพูดขึ้น

“หลอกอะ” แต่อีกคนคัดค้าน แล้วหันไปมองหน้าสาวผมม้าที่ทำท่าครุ่นคิดอยู่ “แล้วเธอล่ะฟ้า คราวนี้จะตอบอะไร”

“หลอกก็ได้ ตอบเหมือนกัน” ฟ้ารินตอบเสียงใส

“โอเค งั้นเฉลยเลยนะ” คนผมยาวประบ่าเหล่ตามองเพื่อนๆ อีกครั้ง “จริงจ้ะ เรื่องนี้เรื่องจริง”

ฟ้ารินโคลงหัว ยิ้มเล็กน้อย ส่วนคนอื่นๆ หัวเราะดังลั่น แม้แต่คนที่ตอบไม่ถูกก็ตาม

บทความที่ถูกกล่าวถึงในวงสนทนานี้เป็นบทความจากบล็อกบล็อกหนึ่งซึ่งได้ลงเอาไว้มากมาย เนื้อหามีตั้งแต่เรื่องที่น่าจะเป็นไปได้และเรื่องเหลือเชื่อลึกลับ ซึ่งถูกฟอร์เวิร์ดกันมาหลายปีแล้วแต่ยังเป็นที่นิยมอยู่ ผู้คนมักจะหยิบยกเอาบทความในนี้มาเป็นหัวข้อในวงสนทนาเพื่อใครคนที่ยังไม่ได้อ่านทายกันว่าจริงหรือหลอก เพราะเจ้าของบล็อกได้เฉลยคำตอบเอาไว้แล้วในแต่ละตอน

“ว่าแต่พวกเธอจะไม่กลับไปทำงานกันเหรอ บอสโหดอยู่นะ” ฟ้ารินยิ้มน้อยๆ เหลือบมองเพื่อนๆ ที่นั่งล้อมวงกันอยู่ทำหน้าเซ็ง เมื่อใกล้หมดเวลาพักเต็มแก่

เธอโชคดีกว่าเพื่อนๆ ที่ไม่ต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน เพราะหน้าที่เธอคือเขียนและออกแบบโปรแกรมให้ตามที่ลูกค้าต้องการ ยิ่งช่วงนี้แอ็ปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนมาแรง งานของเธอจึงต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้เข้ากับวิถีการดำเนินชีวิตของคนส่วนใหญ่ที่ติดโทรศัพท์มือถือกันมากขึ้น และวันนี้ที่ต้องแวะเข้ามา ก็เพื่อคุยงานกับบอสเกี่ยวกับแอ็ปพลิเคชั่นที่ลูกค้าขอให้แก้และรับงานใหม่ไปทำต่อ

“ไม่แฟร์นี่ พวกฉันต้องไปทำงานต่อ แต่เธอกลับบ้านได้” สาวเจ้าของเกมจริงหรือหลอกถามขึ้น น้ำเสียงหยอกล้อ

“ก็ช่วยไม่ได้นี่ คนมันเก่ง” ฟ้ารินยิ้มกว้าง จนเพื่อนๆ ค้อนให้

“ไปทำงานกันได้แล้ว เดี๋ยวบอสก็มาเฉ่งหัวกันรายคนหรอก” สาวผมสั้นตัดบท และชักชวนทุกคนเดินกลับไปบริษัทรับเขียนโปรแกรมที่อยู่ไม่ไกลจากร้านกาแฟแห่งนี้



ฟ้ารินยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูอีกครั้ง แม้จะรู้ดีว่าบัดนี้ล่วงเลยเวลาการทำงานมามากโข แต่เธอก็ยังไม่สามารถกลับบ้านได้ เพราะบอสต้องการให้แก้งานชิ้นนี้ด่วน จึงต้องตัดใจทำที่บริษัทให้เสร็จไปเสีย

แสงไฟจากหลอดนีออนส่องสว่างให้พออุ่นใจเพราะทั้งชั้นเหลือเพียงเธอแค่คนเดียว ฟ้ารินไม่กลัวผี แต่กลัวคนมากกว่า คนสามารถทำเรื่องต่ำช้าได้สารพัด หาอ่านได้ตามข่าวทั่วไป ดังนั้นเธอจึงตั้งใจว่าหากเสร็จในส่วนสุดท้ายก็จะรีบกลับบ้านทันที

เสียงเข็มนาฬิกาแขวนบนผนังดังต่อเนื่องเป็นจังหวะ คล้ายกับคอยเตือนคนที่นั่งทำงานอยู่ให้เร่งมือเร็วขึ้น ในที่สุดเธอก็ทำเสร็จ ฟ้ารินพ่นลมออกมาจากปากอย่างโล่งใจ หลังคลิกส่งงานแล้ว ก็ปิดฟืนไฟเสียเรียบร้อย ตรงไปยังลิฟต์ที่อยู่ติดกับบันไดด้านนอก บรรยากาศช่างวังเวงจับจิต เสียงรองเท้าคัชชูส้นสูงกระทบพื้นดังไปทั่ว คิดในแง่ดีก็คือได้ยินเสียงรองเท้าแค่คู่เดียว เพราะหากได้ยินคู่อื่นด้วยคงได้วิ่งกันป่าราบ หรือบางทีคนอื่นที่อยู่แถวนี้อาจจะวิ่งป่าราบไปก่อนแล้ว หลังได้ยินเสียงรองเท้าของเธอ?

หญิงสาวในชุดทะมัดทะแมงเดินตรงไปยังตรอกเล็กๆ ระหว่างตึกที่เธอใช้เป็นที่จอดรถ คืนนี้ในตรอกเงียบสนิท แสงไฟจากเสาไฟต้นสูงที่ตั้งเรียงรายอยู่ช่างมืดสลัว บางหลอดยังคงให้แสงเรื่อเรืองแต่อ่อนล้า ส่วนบางหลอดก็มืดสนิท ต้องอาศัยแสงจากต้นที่อยู่ถัดไปเอื้อเฟื้อ ในตรอกแห่งนี้ร้างผู้คน แต่มีรถจอดกันเป็นแถว ตามตึกจะมีประตูไม้เก่าสีซีดตั้งเรียงรายอยู่อย่างเป็นระเบียบ ไม่เคยมีใครคิดจะสนใจใคร่รู้ว่าประตูเหล่านี้คือห้องอะไร? หรือเป็นของใคร? แต่วันนี้ขณะที่ฟ้ารินกำลังเดินไปเอารถที่อยู่เกือบสุดซอย จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงกุกๆ กักๆ มาจากประตูบานหนึ่งหนึ่งที่เปิดแง้มอยู่ แรกนั้นเธอไม่สนใจเดินต่อไปจนเกือบจะถึงรถ แต่พอได้ยินอีกครั้งก็อดใจไม่ได้ เดินกลับไปใหม่ ร่างเพรียวยืนนิ่งอยู่หน้าประตูชั่วขณะ ก่อนจะตัดสินใจผลักบานประตูเข้าไป กลิ่นเหม็นสาบลอยคละคลุ้งมาปะทะจมูกจนเธอต้องนิ่วหน้า ใจเริ่มวิตก แต่ขายังไม่ยอมหยุด ในห้องนี้มืดมากจนมองแทบไม่เห็นอะไร เลยหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดแสงเพื่อส่องดูรอบๆ ด้าน แต่แล้วเธอก็ต้องผงะไปด้านหลังจนสะดุดล้ม เมื่อเห็นร่างร่างหนึ่งถูกตรึงไปกับฝาผนัง เนื้อตัวเปล่าเปลือย อาบชุ่มไปด้วยเลือดสดๆ ดวงตาเบิกโพลงคล้ายกับไม่สามารถข่มตาให้ยอมรับในชะตากรรมนี้ ฟ้ารินหวีดร้องเสียงดังลั่น กุลีกุจอลุกขึ้นมาอย่างไม่รีรอ รีบวิ่งหน้าตาตื่นออกไปเพื่อขอความช่วยเหลือในทันที







ดารานิล
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ก.ค. 2558, 11:01:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ต.ค. 2558, 00:02:41 น.

จำนวนการเข้าชม : 1234





<< ๑   ๓ >>
wanida 28 ก.ค. 2558, 15:16:19 น.
มาตาม ต่อไปค่ะ


จ๊ะจ๋า 28 ก.ค. 2558, 16:03:20 น.
ชีวิตมันโหดร้ายใช่มั๊ยคะ


Zephyr 2 ส.ค. 2558, 18:36:08 น.
โหยยยย ติดภาพตาม สยองอ่า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account