ลองรัก
ศิญาดา...หญิงสาวโลกส่วนตัวสูง

กับ

เจค...หนุ่ม(ที่เคย)มาดขึม

เมื่อสวิตซ์หัวใจถูกเปิดเพียงแค่สบตา ชายหนุ่มพยายามทุกอย่างเพื่อให้ได้ครอบครองหัวใจเธอ ส่วนหญิงสาวกลับตั้งมั่นที่จะรักษากำแพงโลกส่วนตัวเอาไว้ให้ตลอด

...สุดท้าย ระหว่าง "เขา" กับ "เธอ" จะลงเลยกันได้อย่างไร ติดตามได้ใน...

~~~~ ลองรัก~~~~
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ห่างกาย แต่ใกล้ใจ 25%

ต้องขออภัยนะคะที่หายไปหลายวัน ^^

*************************************************

เวลาเกือบ 4 สัปดาห์ที่เจคและศิญาดาอยู่ห่างกันแต่ทั้งสองกลับไม่ได้รู้สึกว่าห่างเลยแม้สักนิด ทุกเที่ยงวันของเวลาในประเทศไทยเป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองใช้ในการพูดคุยกัน ข้อความสั้นๆ ที่ส่งผ่านอีเมล์ทำให้สองหนุ่มสาวได้ทำความรู้จักกันมากขึ้นจากชีวิตปกติที่ต่างฝ่ายต่างทำงาน หลังเลิกงานก็กลับห้องพักผ่อน ถึงแม้ว่าจะมีนัดสังสรรค์กับเพื่อนฝูงบ้าแต่ก็ไม่บ่อยครั้งนั้น ชีวิตของเธอมักจะวนเวียนอยู่แบบนี้เสมอ แต่ในวันนี้การมีอีกคนที่คอยสอบถามเรื่องราวชีวิตประจำวันจากที่แต่ก่อนเธอมองว่าการมีคนคอยมาถามเรื่องส่วนตัวเป็นเรื่องน่ารำคาญแต่ในวันนี้การที่มีเขาคอยถามกลับทำให้เธอรู้สึกมีความสุขที่มีคนคอยเป็นห่วงและรับฟังเรื่องราวต่างๆ และไม่ใช่แค่เธอที่เป็นฝ่ายเล่าเรื่องของตัวเองให้เขาฟังชายหนุ่มเองก็เช่นกัน จากคนที่หวงเรื่องส่วนตัวกับคนนอกจนดูคล้ายคนเก็บตัวแต่พอมาเจอเธอเขากลับอยากจะแชร์เรื่องราวต่างๆในชีวิตของเขาให้เธอรับรู้ บางวันเธอไม่ต้องถามเขาก็เป็นฝ่ายที่เล่าให้เธอฟังเองด้วยซ้ำไป

‘คิดถึงคุณจัง’ ข้อความแรกของวันนี้ที่เธอได้รับทำให้ศิญาดาหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างมีความสุขจนทำให้รมิตาที่สงสัยกับพฤติกรรมของเพื่อนมาได้สักพักอดใจไม่ไหว

“เป็นไรของแกวะดา นั่งยิ้มหน้าแดงอยู่ได้คนเดียว” รมิตาถามอย่างสงสัย

“เปล่านี่!” รีบปฏิเสธ

“ไม่ต้องมาปฏิเสธเลย ฉันสังเกตมาหลายวันแล้วว่าแกมักจะนั่งยิ้มกับโทรศัพท์บ่อยๆ โดยเฉพาะตอนเที่ยง”

“ก็โซเชียลไปเรื่อยไง”

“ให้จริงเหอะ ไม่ใช่ว่าแอบคุยกับหนุ่มที่ไหนอยู่รึเปล่าวะ” รมิตาส่งยิ้มล้อเลียนคนปากแข็ง

“บ้าแล้วแก หนุ่มที่ไหนไม่มีหรอก” ศิญาดายังคงยืนกรานปฏิเสธ

“จริงหรอ” เสียงยานคางถาม “อย่าให้รู้นะว่าแกแอบคุยกับหนุ่มที่ไหนอยู่ ถ้าจับได้จะซักให้ขาวเลยคอยดู” คำขู่ของรมิตาทำเอาคนถูกขู่ถึงกับยิ้มแห้งๆ อย่างไม่อยากจะคิดว่าถ้ารมิตารู้ว่าเธอคุยกับเจคอยู่วันนั้นเธอจะเป็นยังไงบ้างมีหวังได้เปิดรายการจับเข่าคุยแน่นอน

“ไหนแต่ก่อนอยากให้ฉันลงจากคานนัก” หญิงสาวอดถามไม่ได้

“ไอ้ลงก็อยากให้ลงอยู่หรอก แต่บอกตามตรงว่าเห็นอาการแกพักหลังนี่เหมือนคนมีความรักว่ะ” คนที่กำลังมีความรักแบบไม่รู้ตัวถึงกับนิ่งเถียงไม่ออก นี่อาหารเธอมันฟ้องชัดขนาดนั้นเลยหรือนี่

“เว่อร์ไปแล้วแก ฉันก็ปกตินะแหละ” เถียงแบบข้างๆ คูๆ

“เออๆ ก็ได้วะ อย่าให้จับได้ละกัน จะโดนฉันจับฟอกขาวแน่ไอ้ดา” เมื่อเห็นว่าถามยังไงคนปากแข็งอย่างศิญาดาก็คงไม่มีทางบอกเธอจึงยอมหยุดไว้ก่อนเพื่อรอเวลาที่ความจริงเปิดเผย ถ้าถึงคราวนั้นเมื่อไหร่รับรองว่าเธอจะรีบทุกความลับจากเพื่อนปากแข็งคนนี้ให้หมดเลยคอยดู รมิตาคิดในใจอย่างอารมณ์ดี

หลังจากปฏิบัติการซักฟอกเบาๆ ของเพื่อนสาวผ่านไปศิญาดาก็พบว่ามีอีกข้อความจากเขาที่ส่งเข้า

‘ไว้เจอกันนะครับ’ ข้อความนี้สร้างความสงสัยให้กับเธอนัก มันหมายความว่าอย่างไรกัน หรือว่าเขาจะมาประเทศไทย แต่ถ้าเขาจะมาจริงก็น่าจะบอกเธอบ้างนี่นา เมื่อความสงสัยเกิดขึ้นศิญาดาจึงส่งข้อความกลับไปหาเขาเพื่อหาคำตอบ

‘คุณจะมาไทยหรอคะ’ ส่งไปแล้วก็ได้แต่นั่งรอการตอบกลับของเขา แต่ตอนนี้เวลาบ่ายโมงแล้วเขาก็ยังไม่ตอบซึ่งผิดปกติวิสัยที่ทุกครั้งชายหนุ่มจะตอบกลับมาแทบจะทันทีที่เธอส่งข้อความไป หรือว่าเขาจะยุ่ง หญิงสาวคิดในใจ เธอจึงทำงานของตนเองต่อจนกระทั่งเลิกงานก็ยังไม่ได้รับข้อความจากเขาอีกเลย

ศิญาดาวางกระเป๋าสะพายใบเก่งไว้บนโต๊ะแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหาน้ำดื่ม จากที่เคยคุยกันเป็นประจำไม่มีครั้งไหนที่จะเงียบไปแบบนี้ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 สัปดาห์ก็ทำให้ศิญาดาได้แต่คิดไปต่างๆ นานาถึงสาเหตุที่เขาเงียบไป หรือเขาอาจจะยุ่ง ประชุมหรืออยู่ในที่ที่ไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ตก็เป็นได้ แต่ถึงจะหาเหตุผลให้ตัวเองยังไงใจของเธอก็ยังไม่ยอมปล่อยวางเรื่องนี้ หญิงสาวรู้สึกแปลกใจตัวเองที่เป็นแบบนี้ แต่ก่อนเธอเคยเป็นคนที่คอยเตือนเพื่อนด้วยซ้ำเวลาที่เพื่อนมีปัญหากันกับแฟนว่าให้ใจเย็น ทุกอย่างต้องมีเหตุผล รอสักพักทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง แต่พอกับสถานการณ์ของตัวเองตอนนี้ที่เทียบไม่ได้เลยกับของเพื่อนแต่ทำไมเธอถึงยังสามารถทิ้งเรื่องนี้ออกไปจากความคิดได้สักที

“เอาน่า เขาอาจจะยุ่งจริงๆ ก็ได้” หญิงสาวพูดกับตัวเองที่หน้ากระจก หลังจากได้พูดไปแบบนี้เธอก็เริ่มวางเรื่องนี้ได้บ้าง คืนนั้นกว่าจะข่มตาให้หลับได้ก็ใช้เวลาพอสมควร



หนึ่งสัปดาห์กับการทำงานอย่างหนัก เรียกได้ว่าแทบไม่ยอมพักของเจคทำให้นิคได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ เพราะดูจากงานที่เจ้านายหนุ่มของเขาทำอยู่ตอนนี้ก็ไม่ใช่งานที่จำเป็นเร่งด่วนอะไรมากมาย ยังมีเวลาอีกเกือบเดือนกว่าจะถึงกำหนดที่ต้องทำ

“มีงานอะไรที่ฉันต้องอนุมัติภายในสัปดาห์หน้าอีกมั๊ยนิค” หลังจากเซ็นเอกสารเสร็จไปหลายแฟ้มแล้วก็เอ่ยถามเรขาคนสนิทโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาทองด้วยซ้ำ

“ไม่มีครับ” นิคตอบ “ทำไมคุณเจคถึงต้องรีบขนาดนี้ด้วยครับ” เมื่อเก็บความสงสัยไว้ไม่อยู่อีกต่อไปจึงตัดสินใจถามผู้เป็นนาย

“นายช่วยจองตั๋วไปประเทศไทยให้ฉันที” ไม่ตอบคำถามแล้วยังสั่งต่อ

“ประเทศไทย!” เรขาหนุ่มย้ำชื่อประเทศที่เจ้านายให้จองตั๋วเครื่องบินดังๆ

“ทำไมนายต้องทำเสียงขนาดนั้น” เจคปิดแฟ้มเอกสารที่เซ็นเสร็จแล้วเงยหน้าขึ้นมองหน้าของเรขาคนสนิทของตัวเอง

“คุณเจคจะไปทำอะไรที่นั้นครับ”

“ธุระนิดหน่อย” จากที่เห็นแววตาพราวและการสังเกตพฤติกรรมของผู้เป็นเจ้านายระยะหลังมานี้ก็ทำให้นิคพอจะนึกได้ว่าชายหนุ่มต้องการไปยังประเทศไทยทำไม

“เอาจริงหรอครับ” นิคถามคำถามที่เหมือนคำถามของพ่อของเขาเป๊ะ

เจคเอนหลังไปตามพนักพิงของเก้าอีกทำงานตัวใหญ่ คลึงปากกาในมืออย่างใช้ความคิด “นายเคยเจอใครที่ทำให้นายรู้สึกว่าอยากอยู่ใกล้ อยากเห็นหน้าตลอดเวลามั๊ยนิค”

“ไม่เคยครับ” นิคตอบพาซื่อ จนเรียกรอยยิ้มจากชายหนุ่มได้

“ในวันนึงที่นายรู้สึกแบบนี้จะเข้าใจ” พูดจบก็ยืนขึ้น “ฝากนายเรื่องตั๋วเครื่องบินด้วย” สั่งเสร็จก็เดินออกจากห้องไปเพื่อเตรียมตัวไปยังที่ที่ใจเค้าร่ำร้องอยากจะไปมาตลอดระยะเวลาเกือบ 2 สัปดาห์

นิคมองตาแผ่นหลังองอาจของเจ้านายหนุ่มพลางคิดว่าครั้งนี้สงสัยเจ้านายของเขาจะเอาจริงเพราะจากที่ทำงานกับเจคมาหลายปีไม่เคยมีสักครั้งที่เจ้านายของเขาจะเป็นแบบนี้ หญิงสาวมากหน้าหลายตา ทั้งสาวสังคมชั้นสูงหรือแม้แต่ดาราน้องร้องก็เพียงมาเอาใจชายหนุ่มเพียงเพื่อจะได้สานสัมพันธ์กันต่อ แต่เจคก็ไม่ได้มีท่าทีสนใจมากเกินกว่าคู่ควงที่ไม่มีใครจะได้เวลาเกินหนึ่งสัปดาห์สักคน หลายต่อหลายครั้งที่นิคต้องเป็นฝ่ายจัดการกันผู้หญิงเหล่านั้นออกจากชีวิตของผู้เป็นนาย แต่ในครั้งนี้เขารู้สึกได้ว่าเจคมุ่งมั่นมาก หญิงสาวชาวไทยที่ชายหนุ่มมีโอกาสได้เจอเพียงระยะเวลาไม่กี่วันที่เดินทางไปพักผ่อนที่ประเทศไทยกลับทำให้เจ้านายของเขาเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้



ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย

ชายสวมกางเกงยีนส์สีซีดที่ตรงเข่ามีรอยขาดแบบที่กำลังเป็นที่นิยม เสื้อยืดสีดำที่ถูกสวมทับด้วยเจ็กเก็ตสีน้ำตาลอ่อน ผมสีน้ำตาลเข้มถูกสวมทับด้วยหมวกแก๊บสีดำเข้ากับแว่นตาที่สมเพื่อปิดบังสายตาคมจากคนอื่น กระเป๋าเป้ใบย่อมที่สะพายได้บนบ่าข้างขวาคล้ายกับนักท่องเที่ยวทั่วไป แต่ความโดดเด่นที่มีแม้ว่าจะแต่ตัวธรรมดาก็ยังเป็นจุดสนใจให้กับสาวๆ บริเวณนั้นได้ แต่เจคไม่ได้สนใจบรรดาสาวๆ เหล่านั้นแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้ใจของเขามันลอยไปหาอีกคนแล้ว ชายหนุ่มเดินตรงไปยังบริเวณที่แท็กซี่ที่จอดรอผู้โดยสารอยู่ บอกชื่อและตำแหน่งของโรงแรมโรงแรมระดับสี่ดาวแก่คนขับแท็กซี่ การมาคราวนี้ชายหนุ่มไม่ได้ไปพักที่คอนโดมิเนียมหรูของเขาเช่นทุกครั้ง ซึ่งโรงแรมที่เขาจะเข้าพักในครั้งนี้อยู่ไม่ไกลกับที่พักของศิญาดานั่นเอง เขาไม่อยากเสียเวลาไปกับการเดินทางมาหาเธอเพราะเขารู้ดีจากการมากรุงเทพฯ หลายครั้งว่าสภาพการจราจรนั้นโหดร้ายแค่ไหน เจคเช็คอินเข้าที่พักเวลาเกือบสว่าง เขายังมีเวลาที่จะพักช่วงกลางวันที่ศิญาดายังทำงานอยู่ซึ่งจากครั้งสุดท้ายที่คุยกันถึงตอนนี้ก็เข้าวันที่สองแล้วที่เขาได้ได้คุยกับเธอ มันทรมานมากที่ไม่ได้อ่านข้อความเป็นห่วงหรือบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ เช่นที่เคยคุยเป็นประจำทุกวันแต่เขาก็ยอมทนรอ เขาตั้งใจจะเซอร์ไพร์ซเธอในการมาประเทศไทยครั้งนี้ รอเวลาที่จะได้เจอเธออีกครั้ง เขาอยากรู้ว่าเวลาเกือบสองวันที่ไม่ได้คุยกันเธอจะรู้สึกทรมานเหมือนที่เขาเป็นหรือไม่ ความคิดถึงตอนนี้มากมายนักแต่ก็ต้องยอมให้กับสภาพร่างการที่เหนื่อยล้าจากการเร่งเคลียร์งานบวกกับการเดินทางหลายชั่วโมงทำให้ตอนนี้ร่างกายฟ้องว่าต้องการพักผ่อน

หลับจากหลับไปเพราะความเหนื่อยล้าชายหนุ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาตอนเที่ยงกว่าๆ เกือบ 7 ชั่วโมงที่หลับไปทำให้ความเมื่อยล้าที่มีหายไปเกือบหมด ขายาวก้าวลงจากเตียงได้ก็เดินตรงไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อติดต่อหาคนที่เขากำลังรอที่จะเจอหน้าทันที

‘คิดถึงจัง ไม่ได้คุยตั้งหลายวัน’ เกือบครึ่งชั่วโมงที่เขาส่งข้อความไปแต่ไร้วี่แววการตอบกลับจากเธอ จนคนส่งเริ่มใจไม่ดีเพราะดูเวลาแล้วนี่ก็เป็นเวลาปกติที่เขากับเธอใช้ติดต่อกัน หรือว่าเธอจะโกรธ

‘งานยุ่งหรอคะ’ ทั้งที่อยากรู้ว่าที่เขาหายไปหลายวันไม่ส่งเมล์หา เป็นเพราะอะไร แต่ศิญาดาก็ส่งคำถามที่พยายามไม่ฟ้องอารมณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ของเธอมากนัก

‘ใช่ครับ มีอะไรให้เคลียร์เยอะเลย’ เมื่อได้รับข้อความจากเธอชายหนุ่มก็รีบตอบกลับทันที

‘เรียบร้อยดีมั๊ยคะ’

‘ครับ มีเวลาคุยกับคุยเต็มที่เลย’ ข้อความบอกความนัยที่ส่งไปสร้างความสงสัยให้กับคนที่กำลังทำงานอยู่

‘ขนาดนั้นเลยหรอคะ ถ้าอย่างนั้นก็คงมีเวลาพักผ่อนแล้วสิคะ’

‘ใช่ครับ คุยกันมาตั้งนานแล้วดาก็ยังใจร้ายไม่คิดจะให้เบอร์มือถือผมเลย” เจคเริ่มแผนที่วางไว้ทันที

‘ทำไมล่ะคะ คุยแบบนี้ดีออกประหยัดค่าโทรศัพท์ด้วย’ อีกฝ่ายบอกเหตุผล

‘ต่อให้เสียเงินเยอะแค่ไหนสำหรับดาผมก็ยอม นะครับ’ ยังดีที่เป็นการส่งข้อความอีกฝ่ายเลยไม่ได้เห็นท่าทีออดอ้อนของชายหนุ่ม

‘ถ้าฉันไม่ยอมให้หมายความว่าคุยจะเลิกคุยกับฉันใช่มั๊ยคะ’

‘ไม่มีทาง ถึงดาจะไม่ให้เบอร์โทรศัพท์กับผมผมก็ไม่มีทางเลิกคุยกับดาเด็ดขาด! ผมก็อยากได้ยินเสียงคุณให้หายคิดถึงบ้าง’ สักพักเบอร์โทรศัพท์ที่ส่งมาก็ทำให้เจคตะโกนออกมาอย่างดีใจ

‘ผมโทรหาคุณตอนนี้ได้มั๊ย’ ถามไปแล้วก็นั่งลุ้นรอคำตอบจากเธอ

‘ไม่สะดวกเลยค่ะฉันต้องทำงานต่อ ไว้พรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ’ คำตอบที่เธอส่งมาทำเอาเขาถึงกับหงอยไปสักพัก

‘ตอนคุยเลิกงานก็ได้ ถ้าให้รอถึงพรุ่งนี้ผมคงขาดใจแน่’ ชายหนุ่มอุทธรณ์ อยู่ที่เดียวกันกับเธอแล้วเขาไม่มีทางรอจนถึงเที่ยงพรุ่งนี้แน่

‘ก็ได้ค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะฉันต้องทำงานต่อ’ เมื่อพิมพ์เบอร์โทรศัพท์ส่งไปให้กับอีกฝ่ายแล้วก็รีบทำงานด่วนที่ยังค้างอยู่ต่อ

‘ครับ เลิกงานผมจะโทรหานะครับ ที่รัก!’

ตอนนี้ชายหนุ่มเดินผิวปากอยู่ภายในห้องพักอย่างอารมณ์ดี เขาอยากให้ถึงเวลา 5 โมงเย็นเร็วๆ เขาอยากพบเธอใจจะขาดอยู่แล้ว ไม่มีใครรู้หรอกว่าตลอดเวลาที่คุยกันอยู่คนละซีกโลกเกือบ 2 สัปดาห์นั้นมันทรมานแค่ไหน การเห็นแค่ข้อความที่ส่งมานั้นมันไม่เพียงพอสำหรับเขาเลย แต่ตอนนี้เขาอยู่ที่นี่แล้ว กรุงเทพฯ อยู่ที่เดียวกับเธอ ได้ใช้เวลากับเธอ แค่คิดใจของเขาก็ยิ่งพองโตด้วยความดีใจ



ศิริรตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ก.ค. 2558, 22:19:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ก.ค. 2558, 22:19:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 912





<< ห่างไกล..ใจโหยหา   ห่างกาย แต่ใกล้ใจ 70% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account