ความลับ (ที่) ซ่อนเร้น .. หรือจะเป็น ความรัก!(?)
คำถาม .. ที่มีคำตอบ
แต่คำตอบ .. กลับยังคงมากมายด้วยคำถาม

เพราะนิยามในคำหนึ่งคำนั้น
แฝงเร้นซุกซ่อนไว้ซึ่งความลึกลับ
ความซับซ้อนชวนสับสน รอยยิ้มปนเปื้อนคราบน้ำตา
เล่ห์เสน่หาหวานล้ำ และพร้อมจะนำความเจ็บปวดมาให้ .. ได้ทุกเวลา

.. หากว่ามันคือ ความรักที่มากล้น จนกลายเป็น .. ความลับ ! ..
Tags: ความรัก ความลับ

ตอน: บทที่ ๑๕ .. หนทางที่เลือกแล้ว




เภตราไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่า ความรู้สึกขุ่นเคืองน้อยใจมันหายไปไหนหมด เพียงเพราะเมฆพัดโทรศัพท์มางอนง้อ ขอความเห็นใจและอธิบายถึงความขัดข้องในการสื่อสาร ด้วยเหตุผลที่รับฟังได้กับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา

สวนอาหารเจ้าเดิมที่พวกเขาใช้บริการเป็นประจำ ยังคงเป็นสถานที่คุ้นเคยในการนัดพบระหว่างเธอกับเมฆพัด

หญิงสาวละมือจากพวงมาลัยรถแล้วดับเครื่องยนต์ หลังขับเคลื่อนเข้ามาจอดสนิทท่ามกลางความมืดยามค่ำแต่ยังไม่ดึกนัก

ในห้วงคำนึงยังแว่วเสียงออดอ้อนหวานจับใจโน้มน้าวสุดฤทธิ์ จนเภตราใจอ่อนยอมทำตามความต้องการของเขาในที่สุด

ไม่ว่าจะฉุกละหุกแค่ไหน ความรักและคิดถึงที่มี ก็มากล้นจนทำให้ต้องดิ้นรนมาถึงที่นี่

หญิงสาวรวบรวมพลังใจและความเข้มแข็ง หลังไตร่ตรองมาหลายวันเกี่ยวกับเรื่องของว่าที่คู่หมาย ที่พักตรามารดาของเธอจัดสรรไว้ให้ การพบกันวันนี้อาจเป็นการดีสำหรับเธอเอง หากว่าจะต้องตัดสินใจอะไรบางอย่างจริงๆ

กระจกด้านคนขับถูกเคาะเป็นจังหวะ แต่ก็ทำให้คนที่หมกมุ่นครุ่นคิดสะดุ้งทั้งตัว ก่อนเหลือบสายตายังที่มาของเสียง

ดวงหน้าเกลี้ยงเกลาเผยความเข้มคมคล้ำแดด ที่อยู่ในอิริยาบถยืนขนาบประตูรถ เอียงใบหน้ายกมุมปากยิ้มกว้างเมื่อเห็นอาการคนที่นั่งอยู่ภายในห้องโดยสาร

เภตราแทบนับครั้งได้กับภาพลักษณ์ไร้หนวดเครารกรุงรังของเมฆพัด นัยน์ตาวับวับฉายแววขี้เล่น และมันจะยิ่งสว่างสดใสมากขึ้น เมื่อมีเสียงหัวเราะยามเขาอารมณ์เบิกบานตามมาด้วย

การลอบสูดลมหายใจเข้าปอด คือสิ่งที่เภตรามักทำเสมอเพื่อระงับความตื่นเต้น .. ทำไมต้องใจสั่นตลอดเวลาที่ได้พบเขาก็ไม่รู้

ล็อกของประตูรถยนต์ถูกคลาย และเปิดออกช้าๆอย่างระมัดระวังไม่ให้ไปกระแทกชายหนุ่มที่ยิ้มเผล่จนเรียกได้ว่ากรุ้มกริ่ม จนหญิงสาวอดหมั่นไส้ไม่ได้ .. นี่เธอคงหลวมตัวเข้าแล้วสินะ

“คิดถึงเภาจัง”

เภตราชะงักค้างทั้งที่เพิ่งก้าวขาลงเหยียบพื้นได้เพียงข้างเดียว .. คำหวานที่เธอชอบฟัง แต่มันมาเร็วไปหรือเปล่า

ในใจของเธอคิดไปสารพัด ประโยคที่คาดเดาไว้ มีแค่ .. พี่นึกว่าเภาจะไม่มา เสียอีก

แต่เธอก็คงอากัปกิริยาความนิ่งเช่นนั้นได้ไม่นาน หญิงสาวจึงก้าวออกจากรถก่อนยืนเต็มความสูง ที่อย่างไรศีรษะของเธอก็อยู่แค่ริมฝีปากของเขา

เภตราชำเลืองมองนิดเดียวแล้วหันกลับมาล็อกพาหนะคู่ใจ ถามเมฆพัดที่มีเงาสะท้อนในกระจกเบื้องหน้าเธอ

“พี่พัดมานานแล้วเหรอคะ”

“จะไม่หันหน้ามาคุยกับพี่หน่อยหรือเภา”

เมฆพัดเก็บรอยยิ้มไม่มีเหลือ กับท่าทางหมางเมินและเหินห่างของคนที่มีอิทธิพลสร้างเดือดเนื้อร้อนใจแก่เขาได้ ซึ่งมันทำให้ความคิดเตลิดไปไกลเกินกว่าจะรั้งกลับมา

ตั้งแต่ได้ฟังจากองก์อัมพุทว่า ผู้หญิงที่เขารักกำลังจะถูกครอบครัวบังคับให้ดูตัวกับผู้ชายอื่น ในฐานะคู่หมายก่อนจะกลายเป็นคู่หมั้น .. จนบั้นปลายได้เป็นคู่สมรส

แต่เจ้าตัวไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่า ผู้หญิงของเขา .. ภรรยา .. เมีย .. โดยพฤตินัย จะยินยอมพร้อมใจทำตามเงื่อนไขที่ตกยุคล้าสมัยในปัจจุบัน

ทว่า ปฏิกิริยาของเภตราที่ปรากฏต่อหน้าเขา กลับสั่นคลอนความรู้สึกที่คิดว่ามั่นคง ให้โอนเอนระเนนระนาดได้

เส้นประสาททุกเส้นเริ่มเขม็งเกรียว เมื่อสมองเรียกระดมความคิด หาวิธีที่จะทำให้ไม่สูญเสียเมียของตนไป

เภตราหันกลับมาเผชิญหน้ากับพี่ชายของเพื่อนรัก เงยหน้ามองหาความคิดถึงที่เขาบอกเมื่อครู่ แต่สิ่งที่เห็นคือ ความบึ้งตึงและเคร่งเครียด อ่านไม่ออกว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร

“พี่พัดลางาน หรือว่าเป็นวันหยุดพักคะ ถึงมาได้ .. ก็ดีค่ะ เภามีเรื่องอยากปรึกษา .. เอ่อ อยากคุยกับพี่พัดพอดี”

หญิงสาวพยายามยิ่งยวดที่จะรักษากิริยาดูท่าทีของเมฆพัด เพราะตอนที่รับโทรศัพท์ก่อนหน้ามาพบกันนี้ เธอดีใจมากที่เขาติดต่อมาได้ทันเวลา อย่างน้อย จะได้ช่วยกันคิดหาหนทางไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

เภตราก้มหน้าหวังซ่อนมุมปากสลับกับเม้มแน่น ไม่อยากเผลอให้เขาเห็นว่ามันคอยจะเผยอยกขึ้น เบี่ยงกายก้าวเดินนำหน้าเมฆพัดหวังจะเข้าไปคุยกันภายในสวนอาหาร

แต่เมฆพัดฉวยคว้าข้อศอกของเภตราแล้วยึดไว้มั่น รั้งให้ร่างสมส่วนหันกลับมาทางเขา กับหน้าตาท่าทีที่ปรุงใหม่หมดจด

“เภา พี่อยากคุยกับเภา .. ไปหา ‘ที่เงียบๆ’ คุยกันดีกว่า”

หญิงสาวเข้าใจความนัยของ ‘ที่เงียบๆ’ เป็นอย่างดี ผิวเนื้อที่ถูกสัมผัสพลันวูบวาบไปพร้อมความรู้สึกเร้นลับ ซึ่งยากจะปฏิเสธได้ว่า .. เธอไม่ต้องการสถานที่นั้นเช่นเดียวกับเขา

สีหน้าระเรื่อไม่อาจซุกซ่อน ผสานกับดวงตาที่บอกอะไรๆได้ดีกว่าคำพูดของเภตรา ทำให้หัวใจของเมฆพัดชุ่มชื่นขึ้นเท่าตัว รอยยิ้มอ่อนโยนจึงคืนมาให้เห็นอีกครั้ง

ชายหนุ่มพาตัวเองอ้อมซ้อนแผ่นหลังหญิงสาวทั้งที่มือยังกุมข้อศอก แต่คลายความแน่นหนาลง ท่าทางของเขาแสดงออกชัดเจนถึงความเป็นเจ้าของ!

“เดี๋ยวพี่ขับเอง”

เสียงทุ้มนุ่มกระซิบจนคนฟังรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นร้อน ริมฝีปากที่อยู่แนบแทบชิดแอบประทับจุมพิตใบหูแผ่วเบา เภตราถึงกับขนลุกซู่ไปทั้งตัว จนต้องเรียกชื่อเขาดุๆหมายปรามไม่ให้ต้องอับอายในที่สาธารณะเช่นนี้

“พี่พัด!”

“ครับ .. น้องเภา”

เมฆพัดหยอกเย้าเคล้าเสน่หาเพียงเท่านี้ ก่อนที่ตัวเขาเองนั่นล่ะจะห้ามใจเอาไว้ไม่อยู่ มือข้างที่ว่างดึงกระเป๋าถือใบจิ๋วที่เห็นเภตราหย่อนกุญแจรถยนต์ของเธอลงไปในนั้น

ลักษณะอ้อมหน้าอ้อมหลังดูยังไง ก็ให้ความรู้สึกของคนสองคนกำลังโอบกอดพลอดรัก ชายหนุ่มทราบแก่ใจเสมอมาว่า หญิงสาวเพื่อนรักของน้องไม่นิยมชมชอบการกระทำที่ดูเปิดเผยเช่นนี้เท่าไหร่

เมฆพัดสูดลมหายใจเข้ายาวๆ ประหนึ่งจะกักเก็บกลิ่นกายสาวฝังลึกถึงทุกอณูทั่วกาย ก่อนจะปล่อยเรือนร่างที่เขาถวิลหาให้เป็นอิสระ เหลือเพียงจับจูงมือกลับมายังที่รถแล้วออกไปจากสถานที่แห่งนี้ไปสู่ที่หมายให้เร็วที่สุด




องก์อัมพุทยังงุนงงไม่หายกับท่าทางแปลกๆของพี่ชาย เมื่อนึกย้อนไปไม่กี่ชั่วโมงหลังจากตั้งโต๊ะพร้อมรับประทาน หญิงสาวเดินออกจากครัวมาตามเมฆพัด แต่กลับไร้ร่างของเขายืนอยู่ตรงห้องนั่งเล่นเสียแล้ว

สายตาเหลือบแลหันซ้ายหันขวา ก่อนจะพบว่า เมฆพัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก และไม่ทันที่เธอจะเอ่ยปากถาม เสียงของพี่ชายก็สวนทางมาให้ได้ยินก่อน

“พุด .. พี่ยืมรถหน่อยนะ”

น้องสาวไม่ได้หวงห้ามแต่อยากรู้ว่า พี่ชายรีบร้อนขนาดนี้ มีเรื่องด่วนอะไรกันแน่

หญิงสาวก้มลงมองเจ้าจันที่วิ่งเหยาะๆตามมาเคล้าเคลียข้อเท้า จึงย่อตัวลงช้อนตัวอุ้มมันขึ้นมาแนบอก ก้าวเดินพึมพำถามเจ้าตัวน้อยอย่างขอความเห็น หลังสิ้นสุดมื้อเย็นไปได้สักพัก แล้วอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดนอนแบบเสื้อกระโปรงผ้ายืดตัวยาว มานั่งจับเจ่าบนโซฟามีลูกแมวลายเมฆอยู่บนตัก

“ดูสิ ข้าวปลาไม่ทันได้กินเลย .. ไม่รู้พี่พัด จะรีบไปไหนของเขาเนอะ .. เจ้าจัน”

เจ้าจันผู้เพลิดเพลินกับมือที่ลูบไล้ไปมาบนหัว หลับตาพริ้มครางเบาๆราวกับสุขล้น แล้วมันก็สะดุ้งตกใจเมื่อรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจากโทรศัพท์มือถือที่วางบนโต๊ะใกล้ตัว

องก์อัมพุทหัวเราะเบาๆกับประสาทอับฉับไวของเจ้าจัน เธอเปลี่ยนจากลูบไล้เป็นยี่หัวที่มีขนสั้นๆแต่นุ่มมืออย่างหมั่นเขี้ยว แล้วเอื้อมมือไปคว้าเครื่องมือสื่อสารมาดู

ชื่อที่เห็นทำให้หญิงสาวถึงกับอุทานในใจ ไม่คิดว่าบุคคลนี้จะติดต่อมา ทั้งที่เป็นวันหยุดและเธอยังเหลือเวลาพักผ่อนอีก ๑ วัน

“สวัสดีค่ะ .. คุณรวิรุจน์”

“ครับ .. ผมโทร.มารบกวนคุณพุดหรือเปล่าครับ”

หญิงสาวพอจะจับเค้าคำพูดของเจ้านายโดยตำแหน่งได้ว่า น้ำเสียงที่เอ่ยบ่งบอกอย่างเกรงใจจนเธอแอบอมยิ้ม ก่อนตอบกลับพลางนึกสงสัยอยู่ไม่น้อย

“ไม่หรอกค่ะ .. แค่แปลกใจ .. คุณรุจน์ มีธุระอะไรหรือเปล่า .. หรือเรื่องงานมีปัญหาคะ”

“ไม่ใช่หรอกครับ .. คือ ..”

คราวนี้รวิรุจน์เป็นฝ่ายต้องเงียบไป เพราะจะให้บอกกล่าวอย่างใจคิดได้อย่างไรว่า เขาโทร.มาย้ำเตือนวันเวลาการทำงานที่กำลังจามาถึง ๒ วันข้างหน้า ด้วยเหตุผลส่วนตัว

“พรุ่งนี้ก็วันอาทิตย์แล้ว เอ่อ พักร้อนสนุกไหมครับ”

“ดิฉันไม่ลืมค่ะ ว่าหมดเวลาสนุกแล้ว .. วันจันทร์พบกันค่ะ .. เจ้านาย”

องก์อัมพุทพอจะเข้าใจคำพูดของรวิรุจน์ เธอจึงตอบไม่ลังเลใดๆทั้งสิ้น ถือเป็นวิธีปิดการสนทนาอย่างสุภาพ โดยไม่เป็นการเสียมารยาทกับผู้บริหารการตลาดของอาร์อาร์เอส

“ครับ .. คุณพุด .. แล้วพบกัน”

เจ้านายคนปัจจุบันขององก์อัมพุทอำลาก่อนจะตัดสัญญาณไปเอง หญิงสาวตะขิดตะขวงใจกับพฤติกรรมประหลาดของรวิรุจน์ มันอดทำให้เธอหวนนึกถึงเจ้านายในอดีตอย่างช่วยไม่ได้

“หวังว่า คงไม่ใช่อย่างที่คิด หรืออย่างที่เคยเกิดขึ้นกับเราหรอกนะ”

หญิงสาวสลัดศีรษะตนเองขับไล่ความฟุ้งซ่านทิ้งไป ก้มลงมองเจ้าตัวน้อยก็เห็นว่ามันขดตัวหัวซุกท้องตัวเองหลับปุ๋ยน่าเอ็นดู

“เจ้าจันขี้เซา .. ดูซิ ขดจนกลมเป็นวงพระจันทร์เลย .. ไม่รู้ตอนนี้คุณวิชชุ์จะคิดถึงเรา .. มั้ยนะ”

จู่ๆองก์อัมพุทก็สะดุดคำพูดตัวเอง จากคำสรรพนามที่ใช้เรียกแทนตัวเจ้าจันว่า .. ‘เรา’

หากความหมายอีกหนึ่ง .. ที่คิดแล้วแอบเหมารวมตัวเธอเข้าไปด้วย




นาฬิกาแขวนประดับผนังห้องรับแขกบอกเวลา ๓ ทุ่มครึ่ง ให้สมาชิกในบ้านนี้รับทราบด้วยเสียงดนตรี บ้านที่มีชายวัยหลังเกษียณหนึ่ง ชายหนุ่มวัยฉกรรจ์หนึ่ง และเด็กหญิงวัยประถมปลายอีกหนึ่ง

สามชีวิตใช้เวลาหลังมื้อค่ำนั่งดูสารคดีจากรายการโทรทัศน์ช่องต่างประเทศ ซึ่งเป็นการนำเสนอชีวิตสัตว์โลกที่น่าสนใจ และไม่ได้มีอยู่ในประเทศไทยหรือแถบเอเชียเลย

ตรีวธูซุกร่างเล็กของเธอเบียดพฤหัสที่นั่งโอบประคอง แต่เด็กหญิงหลับผล็อยไปตอนไหนไม่ทราบ กระทั่งวิชชุ์วิธูพยักพเยิดหน้าให้บิดาของตนดูลูกสาวคนเล็กของบ้าน

“เจ้าเกรซของพ่อหลับไปแล้วครับ มาเดี๋ยวผมอุ้มขึ้นไปส่งบนห้อง”

“ไม่เป็นไรวิชชุ์ น้องตัวแค่นี้ พ่อยังอุ้มไหวหรอกน่า .. ว่าแต่โทร.ไปหาหนูพุดรึยัง ดูจะกังวลเรื่องรับลูกแมวไปโดยพละการอยู่นา .. เจ้าวิชชุ์”

พฤหัสซักไซ้ไม่ให้พลาดโอกาส ชายสูงวัยอดนึกถึงหน้าตาที่มีแต่แวววิตกขององก์อัมพุทไม่ลืม เขาจึงรับอาสาส่งต่อข้อความแก่บุตรชาย และยังแอบลุ้นอะไรบางอย่างจนเขาต้องฝืนตัวเองไม่ให้กระตุกมุมปากจนฉีกยิ้มออกมา

วิชชุ์วิธูยิ้มบางๆพยักหน้าเล็กน้อย เอนหลังพิงพนักโซฟาตัวนุ่มที่นั่งอยู่อย่างสบายอกสบายใจ หงายศีรษะพาดหนุนขอบตามองเพดาน

“เจ้าจันอยู่กับหนูพุดของพ่อ .. ผมว่าก็เหมาะแล้วครับ”

“เจ้าจัน?”

เมื่อได้ยินบิดาทวนชื่อนั้นด้วยความงุนงงสงสัย ชายหนุ่มก็อดยิ้มกริ่มไม่ได้

เขายังจำได้ดี ว่าพอจะเข้าใจถึงที่มาที่ไปของชื่อเจ้าแมวน้อยลายเทาดำ .. ที่ ‘คุณครูหนูพุด’ เป็นคนตั้งให้มัน

แต่ถ้าพูดออกไปอีกฝ่ายอาจจะกระดากขัดเขิน จนไม่ยอมคุยกับเขาแน่ๆ .. นั่นจึงทำให้ต้องทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ ว่าชื่อของเจ้าจันทร์ .. มันมาพ้องกับเขานี่เอง

“ครับ .. เจ้าหนูนั่นได้ชื่อว่าเจ้าจัน .. จันทร์เจ้าเหมือนผมเลยล่ะ”

“บ๊ะ .. ลงว่าเป็นแบบนี้ .. พ่อพอจะมีหวังเห็นความก้าวหน้ากว่านี้ไหม เจ้าวิชชุ์”

พฤหัสที่ยังโอบตรีวธูไว้กับอก ชะโงกหน้ามาถามเอาความกับบุตรชายคนโต ความหวังเปี่ยมล้นในแววตาที่เริ่มล้าประสิทธิภาพไปตามวัย แต่ยังสดใสด้วยพลังแห่งชีวิต

“ถ้าหนูพุดของพ่อ .. ไม่มีใคร .. ผมก็จะได้เริ่มต้น .. สานต่อความรู้สึกเสียที”

“เจ้าวิชชุ์ .. แกอย่าบอกนะว่า .. แกหมายตาหนูพุดอยู่แล้ว”

“พ่อหวังแบบนั้นไม่ใช่เหรอครับ”

รอยยิ้มที่ประดับดวงหน้าเรียวได้รูป เผยความรู้สึกราวกับหนุ่มน้อยริลองมีความรัก ซึ่งพฤหัสเคยเห็นสีหน้าแบบนี้ ยามบุตรชายยืนมองโคลงกวีสองบท .. ที่เจ้าตัวบรรจงประดิดประดอยตกแต่ง แล้วอัดใส่กรอบแขวนผนังห้องนอน

ภาพหนึ่ง .. บทกวีโปรยอักษร เบื้องหลังเป็นรูปจันทร์เต็มดวงฉายแสง

ภาพหนึ่ง .. เมฆทะมึนเคลื่อนเข้าบดบัง แต่ก็มิอาจพรางจันทร์เด่นดวงที่กระจ่างฟ้าได้

มันทำให้เขาแปลกใจได้ตลอดว่า .. หรือวิชชุ์วิธูจะหลงใหลในอักขระมากกว่าหญิงสาว ที่ผ่านมาในชีวิตแล้วผ่านไป

แม้ความคิดจะไม่กระฉับกระเฉงลื่นไหลดั่งวัยหนุ่ม แต่ชายผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมากว่า ๖๐ ฤดู ก็พอจะเข้าใจอะไรๆได้ .. โดยเฉพาะเมื่อนึกถึง .. องก์อัมพุท ขณะมองหน้าบุตรชายที่ชื่อ วิชชุ์วิธู

“เจ้าวิชชุ์ .. แกรอหนูพุดมาตลอดเลย .. ใช่มั้ย .. เพราะอย่างนี้ แกถึงยอมลาออกจากโรงเรียน ยอมเบนเข็มมาช่วยงานรตี .. ทั้งๆที่แกต้องเริ่มต้นใหม่ .. อย่างนั้นใช่มั้ย”

ชายหนุ่มสบตาบิดา .. และคำตอบมันมากมายเกินกว่าที่เขาจะกลั่นออกมาเป็นถ้อยคำได้ .. ในนาทีนี้





ช่วงเวลาในการเดินทางฝ่าคลื่นลมแห่งความหฤหรรษ์ ที่ไม่มีใครสามารถหยุดยั้ง เหนี่ยวรั้งยื้อยุดให้เลิกรา และมันยังคงดำเนินเรื่อยไปเกินจะทัดทานได้

แม้เรือสำเภาลำน้อยจะลอยล่องราวไร้ทิศทาง บางครั้งก็เหมือนปะทะกับพายุที่โหมกระหน่ำ ก่อนจะอ่อนกำลังลงเหลือเพียงระลอกพลิ้วแผ่วเบาโอบประคองให้เรือนี้ ลอยแล่นไกลออกไปยังจุดหมายปลายทางที่สุดปลายขอบฟ้างดงาม

ความสุขความอิ่มเอมที่เมฆพัดปรนเปรอแก่เภตรา บอกได้ว่ามีทั้งความรักอ่อนโยน แต่ก็ร้อนแรงด้วยปรารถนาที่ปลุกเร้าให้ทั้งคู่ ไม่สามารถถอนตัวถอนใจจากฤทธิ์เสน่หาไปได้

หญิงสาวหลับใหลไปในอ้อมกอดที่มอบความอบอุ่นได้เสมอ .. และเป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรกเริ่มความสัมพันธ์ที่ข้ามขั้น .. จากแค่การคบหาดูใจ จนหลายครั้งเมื่อได้สติทบทวนยามตื่นจากฝัน ก็อดคิดไม่ได้ว่า เธอกลายเป็นหญิงใจง่ายไปแล้วหรือไร

เปลือกตาไร้สีสันแต่งแต้มแต่ยังงดงามเพราะแพขนตางอนยาวกระพือเล็กน้อย ก่อนจะเปิดรับแสงรำไรที่ตามไฟห้องน้ำทิ้งไว้

เภตราค่อยเงยหน้ามองเมฆพัดที่กกกอดเธอไว้แน่น เหมือนจะไม่ยอมให้ขยับไปไหน

ลงท้ายเรื่องที่จะพูดคุย .. ก็ไม่เป็นดังหวัง

ไม่เป็นไร .. ให้เป็นแบบนี้ไปก็ได้ ในเมื่อมันคือสิ่งที่เภตราตั้งใจไว้แต่ต้น ที่ยอมมาพบกับเขา และลงเอยเช่นนี้

แค่อย่าให้ใครรู้ ในสิ่งที่เธอคิด และทำไปแล้วเพื่อเป็นหลักประกันว่า เธอจะได้มีข้ออ้างต่อรองกับว่าที่คู่หมาย ไม่ให้มายุ่งเกี่ยวกับเธอ

หญิงสาวเคลื่อนตัวช้าๆพยายามไม่ให้รบกวนคนที่มีสีหน้าราวกำลังหลับฝันดี ดวงหน้าเคร่งคลายความเครียดขรึมออกไปจนหมด

ก่อนหน้านี้เธอจำไม่ค่อยได้แล้วว่า พูดคุยอะไรกันไปบ้าง รู้แต่ว่ามันไม่มีเนื้อหาสาระเท่าไหร่ .. มีแต่คำพร่ำพ้อจากเมฆพัด ราวกับเด็กหนุ่มงอแง กับอาการปั้นปึ่งกระเง้ากระงอดรอให้เขางอนงอของเธอเอง

เจ้าตัวก็ได้แต่อมยิ้มกับพฤติกรรมของตน ยามอยู่ด้วยกันตามลำพัง .. ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้เหมือนกัน

เภตราเลื่อนหลุดจากพันธนาการอ้อมกอด ยืนมองคนที่เธอรักปักใจ แล้วหันหลังสาวเท้าก้าวไปทางห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัว ก่อนจะกลับมาซุกกายนอนอีกครั้ง




เมฆพัดลืมตาขึ้นทันใดเมื่อรู้ว่า ร่างนิ่มนวลชวนหลงใหลไม่ได้ทอดเงาพาดผ่านกายเปลือยเปล่าของเขาแทนผ้าห่ม

ชายหนุ่มยกมุมปากพึงใจ นัยน์ตาเจิดจ้าแสนสุขสม ราวได้สิ่งล้ำค่ามาครอบครองเป็นของตนคนเดียว

ทุกครั้งที่พบกับเภตราเช่นนี้ เธอจะต้องให้เขาป้องกันเพราะไม่อยากให้เกิดความผิดพลาด ทั้งที่เขาต้องการให้มันเกิดขึ้นใจจะขาด

แต่คำเดียวที่ทำให้ต้องโอนอ่อนผ่อนตามคือ เธอยังไม่พร้อมถึงขั้นนั้น เพราะต้องดูแลกิจการที่ได้รับมาให้พ่อแม่ไว้ใจว่า จะปล่อยมือให้เธอเป็นอิสระ ไร้การควบคุม

แล้วยังไง .. ในเมื่ออีกไม่นานเภตราของเขา กำลังถูกครอบครัวขีดเส้นให้เป็นไปตามทางที่บุพการีจะลิขิต โดยมีคนอื่นมาแทนที่ความสัมพันธ์ที่ยิ่งผูกพันลึกซึ้งขึ้นทุกที

เมฆพัดไม่มีทางปล่อยให้ใครมาคว้าเมีย .. และลูกที่จะมีในอีกไม่ช้าเป็นแน่

ชายหนุ่มซบหน้าลงบนหมอนหนุนใบนุ่ม กดลึกซ่อนรอยยิ้มสะสาใจให้มันอยู่แต่เพียงในนั้น

หนทางนี้ที่เขาเลือกแล้ว แม้มันจะเสี่ยงแต่ถ้ามันได้ผล .. มันจะคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม

เถอะ .. อีกเดือนสองเดือน คงได้รู้กัน!









****************************************************************







โปรดติดตามตอนต่อไป ...


ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม ... และขอขอบคุณสำหรับการกดไลค์ฮะ



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ส.ค. 2558, 10:37:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ส.ค. 2558, 10:37:20 น.

จำนวนการเข้าชม : 1259





<< บทที่ ๑๔ .. ข่าวที่น่ายินดี   บทที่ ๑๖ .. ชุลมุน ครุ่นคิด .. รักผิดหรือ? >>
ใบบัวน่ารัก 2 ส.ค. 2558, 07:19:27 น.
พึ่งมาอ่าน งงจัง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account