ความลับ (ที่) ซ่อนเร้น .. หรือจะเป็น ความรัก!(?)
คำถาม .. ที่มีคำตอบ
แต่คำตอบ .. กลับยังคงมากมายด้วยคำถาม

เพราะนิยามในคำหนึ่งคำนั้น
แฝงเร้นซุกซ่อนไว้ซึ่งความลึกลับ
ความซับซ้อนชวนสับสน รอยยิ้มปนเปื้อนคราบน้ำตา
เล่ห์เสน่หาหวานล้ำ และพร้อมจะนำความเจ็บปวดมาให้ .. ได้ทุกเวลา

.. หากว่ามันคือ ความรักที่มากล้น จนกลายเป็น .. ความลับ ! ..
Tags: ความรัก ความลับ

ตอน: บทที่ ๑๖ .. ชุลมุน ครุ่นคิด .. รักผิดหรือ?



เมฆพัดกลับมาทำงานอย่างกระวนกระวายใจ เขาเฝ้านับคืนวันให้ผ่านพ้น แต่ดูเหมือนว่ามันช่างเชื่องช้าไม่ทันอกทันใจเอาเสียเลย

จากชายหนุ่มที่มีสมาธิมุ่งมั่นกลับกลายเป็นคนเหม่อลอย หลายครั้งทแกล้วต้องคอยรั้งสติของหนุ่มรุ่นน้องให้กลับมายังรายงานที่ต้องเร่งทำให้แล้วเสร็จ

“พัด .. เป็นอะไรหรือเปล่า รู้สึกว่าหลังๆนี่นายไม่มีกะจิตกะใจจะทำงานเลย .. ตั้งแต่ ..”

“ขอโทษครับพี่ .. ไม่มีอะไรหรอก ..”

เมฆพัดชิงตัดบทไม่อยากให้ทแกล้วเท้าความไปไกลกว่านี้ จะให้เขาบอกได้อย่างไรว่าตนกำลังกังวลในสิ่งใดอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเภตรา .. และอะไรๆที่เขาหวังผลจนรู้สึกร้อนรนทนไม่ไหว ซึ่งก็ได้แต่เก็บกดมันเอาไว้

นี่กระมัง .. อาการของคนอึดอัดใจใกล้จะอกแตกตายวันนี้พรุ่งนี้

ชายหนุ่มใช้ความพยายามอย่างสูง ที่จะรวบรวมสมาธินั่งทำรายงานบันทึกผลการวิจัยในสำนักงานของสถานีวิจัย แทนการออกภาคสนาม ซึ่งพวกเขาบุกป่าฝ่าดงเข้าไปสุ่มเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อไม้พะยูง และพันธุ์ไม้อื่นในเขตอุทยานแห่งชาติตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อนำมาเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ ก่อนที่มันจะสาบสูญด้วยน้ำมือคนเห็นแก่ตัวปล้นทรัพยากรทางธรรมชาติ

เมฆพัดทำงานได้ไม่กี่นาทีภาพเหตุการณ์ในคืนนั้นระหว่างเขากับเภตราก็ปรากฏ และชายหนุ่มรู้ตัวดีว่ามันทำให้เขาไม่สามารถทนฝืนได้อีกต่อไป จนต้องเอ่ยปากบอกทแกล้วที่นั่งกอดอกมองจอมอนิเตอร์อ่านอะไรบางอย่างอย่างตั้งใจ

“พี่ .. ผมออกไปข้างนอกหน่อยนะ .. ไม่ไหว ท่าจะแพ้เอกสาร ให้ไปเข้าป่าใช้แรงยังดีกว่า”

“เออ .. ตามสบาย ว่าแต่ นายรู้หรือยังว่า มหา’ลัยของอาจารย์เขาจะให้ทุนงานวิจัยเราต่อเนื่องอีกปี .. นี่ถ้ายังอยู่ในป่าคงไม่รู้แน่ๆ”

ชายหนุ่มรุ่นน้องเหลียวมองอย่างสนใจ เขารู้มานานแล้วว่า หลายปีที่ผ่านมาโครงการที่กำลังทำอยู่นี้ ประสบปัญหาเรื่องเงินทุน เพราะขาดการสนับสนุนอย่างจริงจัง หากแต่อาจารย์เหม กาญจนรักษ์ ผู้ดำเนินโครงงานวิจัยสามารถพัฒนาขึ้นเป็นโครงการวิจัยที่เป็นรูปธรรม ใช้ความคิดและความอดทนฟันฝ่ามากว่า ๑๐ ปี

ทั้งๆที่อาจารย์เองก็ร่วมก่อตั้งมหาวิทยาลัยของตนเองขึ้นมา ไม่จำเป็นต้องมาทำงานเหนื่อยยากลำบากกายใจ แต่ท่านมักจะพูดว่า

‘นั่นมันธุรกิจของเมียผม ไม่ใช่ของผม .. งานผมอยู่ที่นี่ อยู่กับพวกคุณ’

อาจารย์เหม ที่ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ จึงได้ใจของคนหนุ่มสาวที่ร่วมงานวิจัยไปเต็มๆ จากความเสียสละและเป็นแบบอย่างนี้เอง ทำให้เมฆพัดติดตามทำงานกับอาจารย์มาตลอดนับแต่เรียนจบ

“แปลกนะ ไม่เห็นอาจารย์พูดเลย วันๆแกก็ขลุกอยู่แต่ในสถานีทดลอง ไม่ก็เข้าป่า นานๆแกจะกลับบ้านสักที”

ความเห็นของหนุ่มรุ่นน้องไม่อาจทำให้ทแกล้วละสายตาที่ยังเพ่งมองหน้าจอไปได้ ราวกับว่าความสนใจทั้งหมดมีเพื่อตัวอักษรที่ปรากฏไม่กี่บรรทัด

คนแจ้งข่าวบอกด้วยสุ้มเสียงห้าวลึกแหบนิดๆคล้ายคนเป็นหวัด แต่เมฆพัดก็ยังจับความแปร่งปร่าในน้ำเสียงนั้นได้ ว่ามันไม่ค่อยปกติเท่าที่ควร

“ก็คนให้ทุนเป็นคนอื่น ไม่ใช่ตัวแกนี่ .. คุณมัตติก์ กาญจนรักษ์ รองประธานกรรมการคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยต่างหาก”

“อ่อ .. ลูกชายแกนี่เอง .. คงกลับมาช่วยงานครอบครัว”

“คงงั้น”

เมฆพัดเลิกคิ้วกับเสียงสูงคล้ายไม่พอใจของรุ่นพี่ แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจซักไซ้อะไรเพิ่มเติม ก่อนหันหลังสาวเท้าก้าวออกจากห้อง ปล่อยให้ทแกล้วติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวผ่านหน้าจอมอนิเตอร์ต่อไป

เรื่องของคนอื่นจะสำคัญไปกว่าเภตรา ที่หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาก็ไม่ยอมรับการติดต่อจากเขา .. มันเป็นไปได้อย่างไร!




เภตรายังคงติดต่อสอบถามไปยังองก์อัมพุทถึงเรื่องที่คุยกันไว้ก่อนปิดเทอม ทว่า เพื่อนรักยังไม่สามารถถอนตัวจากการทำงานที่อาร์อาร์เอสค้าปลีกได้ในช่วงสรุปไตรมาสแรกของปี

เหตุผลดังกล่าวทำให้ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลท่องนทีจำใจยอมรับ แต่ก็ไม่วายกำชับว่า เธอยังรอเพื่อนอยู่เสมอ

หญิงสาวเอนกายพิงเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ ระหว่างพักสมองจากเรื่องงาน คิดทบทวนการตัดสินใจของตนที่ผ่านมา ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า เหตุใดเธอจึงไม่ต้องการการติดต่อจากเมฆพัดหลังจากคืนนั้น

คำตอบปรากฏเด่นชัดในห้วงความคิด .. เธอกลัว

กลัวว่าเขาจะรู้ว่า เธอคิดและทำอะไร .. ซึ่งถ้ามันเป็นไปอย่างที่เธอจงใจให้มันเกิดขึ้น เขาอาจจะเกลียดเธอไปเลยก็ได้

เภตราหงานเงยหน้ามองเพดานแล้วหลับตาลง .. ภาวนาในใจขอให้ทุกอย่าง .. ลงตัว

วันก่อนพักตรามารดาของเธอโทรศัพท์มาหา พูดคุยไต่ถามคล้ายกับหยั่งเชิงดูท่าที ก่อนที่จะตบท้ายแล้ววางสาย จนหญิงสาวไม่สามารถเอ่ยอะไรได้

‘เภา .. เรื่องตาดิน แม่อยากให้หนูให้โอกาสทั้งตัวเอง แล้วก็ตาดินนะ .. ลองทำความรู้จักกันก่อน ระหว่างนี้ยังปิดเทอมอยู่ แม่จะให้ตาดินไปพักบ้านเรา .. หวังว่า ลูกคงรับรองดูแลแขก ‘คนสำคัญ’ ของแม่อย่างดีนะจ๊ะ’

คิดมาถึงตรงนี้เภตราได้แต่ยกมือข้างขวาขึ้นบีบนวดขมับ ให้ความตึงเครียดที่มีคลายลงไปบ้าง

หมดหวังไปหนึ่งกับองก์อัมพุท ที่เธอคิดจะให้มาเพื่อนมาเป็นกันชน .. อย่างน้อยก็ระหว่างช่วงเวลาที่มัตติก์จะมาพักที่นี่ ตามคำเชิญของมารดา
หญิงสาวอดคิดไม่ได้ถึงเรื่องความเหมาะสม ที่จะให้ชายหญิงแปลกหน้ามาอยู่ร่วมบ้านกันตามลำพัง ถึงกับบ่นพึมพำออกมาเบาๆ

“แม่คิดได้ยังไง .. จะให้ผู้ชายมาอยู่กับลูกสาวตัวเอง ไม่คิดว่าเราจะเสียหายเลยหรือไง ..”

เภตราค้างคำพูดลืมตาโพลง เมื่อนึกถึงความจริงขึ้นมาได้ .. พร้อมๆกับลดมือขวาที่เปลี่ยนจากนวดขมับลงมาแนบฝ่ามือบนหน้าท้องแบนราบของตน แล้วเหยียดมุมปากดั่งเยาะใครบางคน .. ที่ชื่อเดียวกับเธอ

“จริงสินะ .. เราไม่มีอะไรจะเสียสักหน่อย”

แต่ก่อนที่ความหดหู่ซึมเศร้าจะรุมเร้าเล่นงาน เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น ปลุกเภตราให้ตื่นจากภวังค์ความคิดติดลบ

หญิงสาวสลัดเรื่องกังวลใจทิ้งไปชั่วขณะ เพราะเพิ่งนึกได้ว่ามีนัดกับตรีวธู เด็กหญิงข้างบ้านที่มารบเร้าชักชวนให้ไปทะเลด้วยกันวันมะรืน ซึ่งเป็นวันหยุดตรงกับวันอาทิตย์สุดสัปดาห์

“พี่เภาคะ .. พี่เภา”

เสียงเล็กๆสดใสลอยตามลมมาให้ได้ยิน เมื่อเภตราออกจากห้องทำงานเดินมาถึงรั้วหน้าบ้าน

“ว่าไงจ๊ะเกรซ .. มาบอกพี่ว่าเปลี่ยนใจไม่ชวนพี่แล้วเหรอ”

“เปล่าค่ะพี่เภา .. เกรซจะมาถามว่า ถ้าพี่ชายเกรซไปด้วยอีกคน .. พี่เภาจะว่าอะไรไหมคะ”

คำบอกเล่าของตรีวธูทำเอาหัวคิ้วของคนฟังยกสูงอย่างประหลาดใจ เพราะหญิงสาวเข้าใจมาตลอดอยู่แล้วว่า งานนี้วิชชุ์วิธูก็ต้องไปด้วยแน่นอน

“อ้าว ก็พี่วิชชุ์ของเกรซเป็นโชเฟอร์ไม่ใช่เหรอจ๊ะ .. ทำไม ..”

“ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่ .. พี่ชายอีกคนของเกรซ น้องพี่วิชชุ์ .. ชื่อพี่รุจน์ค่ะ”

เด็กหญิงรีบเฉลยคำตอบรวดเร็วไม่รอให้พี่สาวข้างบ้านสงสัยนาน ด้วยเกรงว่าถ้าบอกช้า สิ่งที่ตั้งใจอาจล้มเหลวไม่เป็นท่า

“หืม .. เดี๋ยวนะ .. มาๆ เข้ามาคุยกับพี่ในบ้าน .. พี่ยังงงๆนิดหน่อย .. ขอจูนแป๊บ”

เภตราขอเวลาปรับความคิด ซึ่งเธอต้องการเช่นนั้นจริงๆ เพราะไม่เคยรับรู้มาก่อนเลยว่า ‘ลุงหัส’ ข้างบ้านที่รู้จักมานานปีจะมีลูกชาย ‘โผล่’ ขึ้นมาอีกคน

ประตูรั้วเปิดรับเด็กหญิงให้เข้ามาในเขตบ้านกว้างขวาง แล้วจับจูงมือเดินไปด้วยกันจนถึงโต๊ะเก้าอี้นั่งเล่นในสวน ส่วนตรีวธูพอละมือจากเภตราก็เลือกที่จะนั่งไกวบนชิงช้าแทน

“พี่เพิ่งรู้จริงๆนะเนี่ย ว่าเกรซมีพี่ชายสองคน .. ทำไมพี่ไม่เคยเห็นมาบ้านนี้เลย”

จบคำถามเภตราก็เห็นได้ชัดว่า สีหน้ารื่นเริงดวงตาแจ่มใสเมื่อครู่แปรเป็นหม่นเศร้าลดประกายความร่าเริงลง ชิงช้าชะลอการแกว่งไกว ก่อนที่ตรีวธูจะพูดช้าๆให้เธอฟัง

“คุณแม่ไม่อยากให้เกรซพูดถึงคุณแม่ใหญ่กับพี่รุจน์ค่ะ .. เพราะบ้านโน้นเขาไม่ชอบเรา”

หญิงสาวยกมือทาบอกเข้าใจซาบซึ้งถึงเหตุผล 'ปัญหาครอบครัว' โดยไม่ต้องให้เด็กน้อยอธิบายใดๆอีก เธอลุกจากเก้าอี้นั่งก้าวไม่กี่ก้าวก็มาทรุดกายลงนั่งเคียงข้าง วาดแขนโอบหลังไหล่ปลอบประโลมเด็กหญิงหลวมๆ

“พี่เภาเข้าใจเกรซแล้ว .. เรื่องของผู้ใหญ่เนอะ .. แต่เกรซดูจะสนิทกับพี่รุจน์นี่นา ไม่งั้นคงไม่คิดจะชวนมาเที่ยวด้วยกันหรอก .. ใช่ไหม”

“ค่ะ .. พี่รุจน์น่ารัก ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณแม่บอกเลย”

“ท่าทางเกรซจะรักพี่รุจน์มากๆเนอะ .. เอ แล้วเอาพี่วิชชุ์ไปทิ้งไว้ไหนล่ะจ๊ะ”

เภตราเปลี่ยนความหม่นหมองในจิตใจของตรีวธู ให้กลับมาร่าเริงได้อีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยยิ้มร่ากับคำยั่วเย้าถึงพี่ชายที่รัก ถึงขนาดป้องปากราวกับแอบนำความลับของคนที่ถูกพาดพิงมาเปิดเผย แถมทำเสียงเล็กเสียงน้อยกระซิบกระซาบไม่ให้ใครได้ยินนอกจากพวกเธอสองคน

“ไม่ได้ทิ้งค่ะ มีแต่พี่วิชชุ์นั่นล่ะจะทิ้งเกรซ เพราะคุณพ่อชอบพูดล้อเกรซบ่อยๆ .. ไว้เนื้อคู่พี่วิชชุ์มา เกรซจะเป็นหมาหัวเน่า”

หญิงสาวถึงกับหัวเราะออกมาได้ก่อนกระแอมเบาๆ ใช้มือที่โอบไหล่มาวางบนกระหม่อมเล็กๆ ที่ช่างเจรจาอย่างเอ็นดู

“ตายล่ะ .. แล้วใครกันที่เป็นเนื้อคู่ของพี่วิชชุ์ .. ลุงหัสได้บอกไหมจ๊ะ”

ตรีวธูทำท่าคิดอยู่เสี้ยววินาทีเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง ผิดจากหนูน้อยวัยประถมที่ใครจะคิดว่า เด็กตัวเท่านี้ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร

“คุณพ่อเคยพาไปดูในห้องพี่วิชชุ์ค่ะ .. เมื่อไม่นานนี้เอง แล้วชี้รูปสองรูปให้ดู ว่านั่นไง เนื้อคู่พี่วิชชุ์ .. เกรซไม่เห็นจะเข้าใจเลย มีแต่รูปพระจันทร์รูปเมฆ .. กับกลอนแปลกๆที่อ่านไม่เข้าใจ”

เภตราฟังเด็กหญิงเล่าไปเรื่อยๆ นึกว่าเป็นแค่ความคิดประสาเด็ก แต่เมื่อได้ยินประโยคท้ายๆ เธอกลับให้ความสนใจและตั้งใจฟังไม่รู้ตัวกับคำบางคำ โดยเฉพาะ .. ‘รูปพระจันทร์กับรูปเมฆ’ ที่หลุดมาจากปากจิ้มลิ้มใกล้ตัว จนเผลอถามย้ำเบาๆราวละเมอ

“จริงเหรอ .. เกรซ”

“จริงค่ะ”

คำยืนยันของตรีวธูจุดประกายความคิดบางอย่างให้เกิดขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มที่ผุดพรายมุมปาก ถ้าเด็กหญิงไม่ว่าอะไร เภตราก็อยากจะชวนใครอีกคนไปด้วยเหมือนกัน

งานนี้ .. เท่ากับยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยทีเดียว .. นั่นคือ เธอได้ปรึกษาเรื่องที่กำลังกลัดกลุ้ม และอาจช่วยให้ ‘รักแรก’ ขององก์อัมพุทได้สานต่อ อาจถึงขั้นสมดังหวังเลยก็ได้ .. ใครจะรู้

“เกรซ .. ถ้างั้นพี่ชวนเพื่อนพี่ไปทะเลด้วยอีกคน .. ได้ไหมจ๊ะ”




องก์อัมพุทเก็บของใช้บางส่วนใส่กระเป๋าเตรียมกลับบ้านหลังจากเลิกงาน เสียงโทรศัพท์ทำให้เธอวางมือจากอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์หน้าจอสี่เหลี่ยมขนาดและน้ำหนักบางเบาลงก่อน

“ว่าไงเภา .. ถ้าจะโทร.มาตื๊อฉัน แกคงต้องผิดหวังเหมือนเดิม เจ้านายฉันบอกแต่ว่า ให้ผ่านครึ่งปีนี้ไปก่อน .. เฮ้อ”

“ไม่ใช่ย่ะหล่อน .. ฉันจะชวนแกไปทะเล .. อาทิตย์นี้ล่ะ แกมานะ ฉันมีอะไรอยากปรึกษาด้วย”

สาวออฟฟิศถึงกับตาโตเพราะผิดคาด นึกว่าเพื่อนรักติดต่อมาเพื่อเกลี้ยกล่อมเธอเหมือนที่ทำมาพักใหญ่ จนต้องก้มหน้ายิ้มให้กับตัวเอง และคิดว่าคงใช้เวลาในการคุยเธอจึงปรับอิริยาบถให้สบายขึ้น ด้วยการเอนหลังพิงเก้าอี้ที่นั่งอยู่

“แหม ฉันก็นึกว่าแกจะจีบไปเป็นครูไม่เลิก .. อืม วันอาทิตย์เหรอ ได้สิ .. ไปกันสองคน?”

“เปล่า .. เอ่อ ประมาณนั้น แกมาพรุ่งนี้เลยนะ ไปเช้าวันอาทิตย์กลับเย็นๆ”

“อะไร นึกว่าต้องค้าง .. เพราะถ้าเป็นแบบนั้นคงไม่สะดวก แต่ถ้าพรุ่งนี้ไปค้างบ้านแก แล้วไปเที่ยววันอาทิตย์ก็โอเคอยู่”

องก์อัมพุทแสดงความเห็นตามจริง เพราะเช้าวันจันทร์เธอต้องมาทำงาน แต่ถ้ากลับมาวันอาทิตย์ก็ไม่เป็นปัญหาอย่างที่พูด

“ตามนั้นล่ะ ฉันอยากปรึกษาแกเรื่องแม่ .. เรื่องตาดินนั่น .. เฮ้อ กลุ้ม”

“เภา .. ท่าทางแกเครียดจริงๆ ฟังเสียงก็รู้แล้ว .. จะให้ฉันไปหาวันนี้เลยไหม เดี๋ยวขับรถไปเลย .. เอ๊ะ .. ไม่ได้สิ ฉันทิ้งเจ้าจันไว้บ้าน ต้องกลับไปรับก่อน”

คนเครียดถึงกับงุนงงที่จู่ๆเพื่อนสาวก็เปลี่ยนเรื่องกะทันหัน .. เจ้าจัน? .. ใคร?

“แกว่าไงนะ .. เจ้าจันไหน”

“เจ้าจัน .. ก็ลูกแมวตัวนั้นไง ที่เจอหน้าบ้านแกน่ะ .. เอาเป็นว่า เดี๋ยวฉันกลับไปเตรียมตัวก่อน แต่อาจจะไปถึงค่ำหน่อยนะ เพราะรถคงจะติด .. หวังว่าแกคงไม่แพ้ขนแมวนะเภา”

เภตราอึ้งไปพักใหญ่ได้แต่อือออไปกับองก์อัมพุทกระทั่งวางสายไป ส่วนคนที่เตรียมตัวกลับบ้านก็เร่งเก็บของให้เรียบร้อยโดยเร็ว ไม่ได้มองหรือทันสังเกตว่ามีใครมายืนอยู่เบื้องหลัง


“คุณพุด ..”

ชื่อของหญิงสาวที่ถูกเรียกอย่างอ่อนโยน แต่ไม่สามารถสร้างปฏิกิริยาใดๆทางความรู้สึกได้ นอกจากคำขานรับตามปกติเท่านั้น

“คะ .. คุณรุจน์”

รวิรุจน์เก็บอาการใจแป้วจนมิดชิด จะมีเวลาไหนบ้างนะที่หญิงสาวตรงหน้าลดการ์ดลง จนเขาพอจะทลายเกราะความรู้สึกของเธอได้

“วันอาทิตย์นี้ คุณว่างไหมครับ .. ผมอยากชวนคุณไปพักผ่อน .. ไม่ต้องห่วงนะครับ ไปเช้าเย็นกลับ รับรองความปลอดภัย”

เจ้านายโดยตำแหน่งเอ่ยชวนทันทีเมื่อหญิงสาวหันมา สีหน้าครุ่นคิดของเธอทำให้เขาต้องรีบพูดรับรอง เพื่อเป็นเหตุผลรองรับ หากจะเป็นการเพิ่มโอกาสขึ้น .. อีกนิด

องก์อัมพุทคิดในใจว่า โชคดีเหลือเกินที่เภตราโทรศัพท์มาชวนเธอก่อนหน้านี้แค่ไม่กี่นาที เพราะมันทำให้สามารถปฏิเสธได้โดยไม่ต้องโกหกใคร

“ขอบคุณค่ะคุณรุจน์ .. แต่ว่า พอดีดิฉันรับนัดเพื่อนไปแล้ว ว่าจะไปเที่ยวกับเธอน่ะค่ะ”

“อ่อ .. ครับ .. เหรอครับ ..”

แม้อาการใจแป้วจะถูกแทนที่ด้วยอาการใจหาย เมื่อแรกได้ยินคำว่า ‘นัดเพื่อน’ จนเขาเกือบคิดเตลิดไปไกล เหมือนครั้งที่หญิงสาวลาพักร้อนไปหนึ่งสัปดาห์เดือนก่อน

แต่สรรพนามแทนบุคคลที่สามว่า ‘เธอ’ ยังพอช่วยทุเลาความผิดหวังได้บ้าง .. อย่างน้อยเพื่อนคนนี้ก็ไม่ใช่ .. ผู้ชาย

“ถ้าอย่างนั้น .. เที่ยวให้สนุกนะครับ .. ผมก็จะไปเที่ยวกับน้องสาวเหมือนกัน พอดีรายนั้นอยากไปทะเล เห็นว่าใกล้ๆ เลยมาชวนคุณพุด .. สงสัยว่าคงมีแต่พ่อกับพี่ชายไปกันแค่นี้”

“อ้าว .. ไปกับครอบครัวเหรอคะ .. ดิฉันยิ่งไม่สมควรไป .. คุณรุจน์ดูแลน้องสาวดีๆนะคะ .. อย่าให้เหมือนพี่ชายดิฉัน .. ชอบทิ้งน้องไปไหนก็ไม่รู้”

อาจเป็นเพราะรวิรุจน์เล่าถึงครอบครัว จึงทำให้องก์อัมพุทกล้าพูดคุยมากกว่าเดิม และจุดนี้เองที่ชายหนุ่มพอจะเข้าใจอะไรต่ออะไรได้ดียิ่งขึ้น จริงๆแล้วการเข้าถึงความรู้สึกของหญิงสาว .. คงจะไม่ยากอย่างที่คิดอีกต่อไป

แน่นอนว่า องก์อัมพุทไม่ทันได้เฉลียวใจ หรือตามความคิดของเจ้านายหนุ่มได้ทันเลย .. แม้สักนิดเดียว




ตรีวธูเดินเลียบๆเคียงๆมาถึงหน้าห้องของวิชชุ์วิธู หลังจากรวบรวมความกล้ามาหาพี่ชายคนโต เพื่อจะบอกกล่าวและขออนุญาตเรื่องที่เธอชวนรวิรุจน์ไปเที่ยวทะเลด้วยกัน

เด็กหญิงปรึกษากับพฤหัสแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งบิดาก็สนับสนุนเต็มที่เพราะอยากให้ครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา แต่คงจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าเขาเป็นฝ่ายออกปากเอง

หน้าที่นี้จึงตกเป็นของตรีวธู และเด็กหญิงก็เต็มอกเต็มใจรับหน้าที่ เนื่องจากเธออยากให้พ่อแม่ และพี่ชายทั้งสองอยู่ด้วยในวันสำคัญที่จะถึงในอีก ๒ วันข้างหน้า

วันคล้ายวันเกิดครบ ๑๑ ปี ของตรีวธู!

แต่สิ่งที่เด็กหญิงไม่ทราบคือ เหตุผลที่พฤหัสให้เธอไปชักชวนหญิงสาวข้างบ้าน .. เธอคิดตามประสาว่า บิดาคงอยากให้ไปกันหลายๆคน .. สนุกดี

ขณะที่ตรีวธูเงื้อมือจะเคาะประตู หากแต่ยังไม่ทันได้สัมผัสเนื้อไม้ มันก็เปิดออกพร้อมกับร่างสูงที่ยืนอยู่เบื้องหลัง พร้อมมองมายังเด็กหญิงตัวน้อย ที่ความสูงของศีรษะยังไม่ถึงระดับอกของวิชชุ์วิธูเลย

“พี่วิชชุ์ ..”

“อ้าว .. ว่าไงเกรซ .. มีอะไรกับพี่หรือเปล่า หืม”

เด็กหญิงที่วัยกำลังจะครบ ๑๑ ปีเต็มแหงนเงยมองใบหน้าสะอาดสะอ้านของพี่ชาย ก่อนเบนสายตามองเข้าไปในห้องนอน ราวกับค้นหาอะไรบางอย่าง จนชายหนุ่มสังเกตเห็นจึงเปิดทางให้ แถมเอ่ยกระเซ้ากลั้วหัวเราะ

“จะเข้ามาก่อนไหมล่ะ .. ได้หาถนัดๆ”

“เกรซไม่ได้หาอะไรสักหน่อย .. แค่จะมาดูรูปเนื้อคู่ของพี่วิชชุ์อีกที”

“เนื้อคู่?”

วิชชุ์วิธูอุทานไม่มั่นใจว่า หูของเขาฝาดเฝื่อน หรือเป็นเพราะคำพูดที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน แถมมันยังชวนให้คิดว่า น้องสาวตัวน้อยชักจะ ‘แก่แดดแก่ลม’ เข้าทุกที

“คุณพ่อบอกค่ะ .. แล้วจริงรึเปล่าคะ”

ตรีวธูบอกซื่อๆตามตรงอย่างที่ได้ยินมา จนคนฟังแอบอมยิ้มไม่ให้เจ้าตัวเล็กเห็น ซึ่งอันที่จริงก็คงไม่มีทางเห็นอยู่แล้ว เพราะดูจะสนอกสนใจกับภาพในกรอบแขวนผนังจริงจังเหลือเกิน

ความสูงของเด็กหญิงแม้จะยังเติบโตไม่เต็มที่ แต่ก็สามารถยืนอ่านตัวอักษรที่ร้อยเรียงเป็นโคลงสองบทเบื้องหน้าได้ถนัดชัดเจน

“พี่วิชชุ์คะ .. แบบนี้เขาเรียกว่าอะไรคะ เกรซอ่านแล้วแปลกๆ คำแปลก็ยากด้วย”

ความรู้ระดับชั้นประถมศึกษาปืที่ ๔ ที่ผ่านมา ยังไม่มากพอที่จะทำให้เธอเข้าใจความหมายที่ลึกซึ้งนั้นได้

วิชชุ์วิธูก้าวเข้ามายืนใกล้ๆ ก่อนจะขยายความให้ตรีวธูฟัง เท่าที่เขาจะอธิบาย เพราะถ้ามากเกินกว่านี้ มันเหมือนกับว่า ความรู้สึกของเขากำลังจะถูกตีแผ่ออกมา .. ด้วยตัวของเขาเอง

“บทกวีแบบนี้เรียกว่า ‘โคลงสี่สุภาพ’ มีฉันทลักษณ์เอกเจ็ดโทสี่บังคับ .. อีกหน่อยเกรซก็จะได้เรียน พี่จะอ่านเป็นทำนองเสนาะให้ฟังก็แล้วกัน ..

เฉิดฉันฉายแจ่มจ้า...........จันทรา
เผยผ่องศศิประภา............ผ่านเร้น
สุกสว่างพรางดารา...........กลืนกลบ
ไฉนจึ่งมิวายเว้น...............สะท้อนหวนหา ฯ

ทะมึนลอยเคลื่อนคล้อย....กำบัง
อัมพุทสยายมนตร์ขลัง......ผงาดเงื้อม
ไหนฤาสยบจีรัง................วิธูหม่น หมองมัว
สูงลิบหากอาจเอื้อม.........ไขว่คว้าวังเวง ฯ


.. เป็นไงบ้างเกรซ”

ชายหนุ่มถามความเห็น หลังจากจบการอ่านแบบทำนองเสนาะ ด้วยน้ำเสียงทุ้มกังวานยามขับโคลงเอื้อนเอ่ยตามจังหวะ คำหนักคำเบาถูกถ่ายทอดไปตามอารมณ์ ซึ่งซ่อนความหมายอยู่ในชั้นเชิงลีลาบทประพันธ์

เด็กหญิงนิ่งงันราวถูกสะกด เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า พี่ชายของเธอนั้น จะมีความสามารถและน้ำเสียงที่ไพเราะขนาดนี้ หากความสงสัยในคำบางคำ .. ต่อความหมายที่ไม่เข้าใจ ก็ทำให้เธอออกปากถามทันที เมื่อวิชชุ์วิธูเปิดโอกาสให้แสดงความเห็น

“เพราะมากๆเลยค่ะพี่วิชชุ์ เสียงพี่วิชชุ์ก็เพราะ .. โคลง .. เขาเรียกโคลงใช่ไหมคะ .. โคลงนี้ก็เพราะ ถึงเกรซจะไม่เข้าใจว่า มันคืออะไร แปลว่าอะไร .. รู้แค่ว่า มันมีชื่อของพี่วิชชุ์อยู่ในนั้นด้วย .. แล้วอัมพุทนี่ .. แปลว่าอะไรคะ ในรูปที่มีเมฆเยอะๆแบบนี้ .. แต่ยังมาบังพระจันทร์ไม่ได้เลย”

วิชชุ์วิธูระบายยิ้มในหน้ากับความช่างสังเกตของน้องสาวตัวน้อย เขาคิดว่าคงจะไม่ขยายความใดๆอีกแล้ว ไว้เมื่อตรีวธูโตขึ้น เรียนรู้มากขึ้น เรื่องง่ายๆพวกนี้เธอคงจะขวนขวายค้นคว้าหาความรู้ได้เอง

สายตาของเขายังไม่ละไปจากภาพหมู่เมฆสยายครึ้ม หากยังละเว้นดวงจันทร์ให้ยังคงเฉิดฉายเอาไว้ แต่หมู่เมฆเหล่านั้นคงไม่รู้หรอกว่า จันทร์กระจ่างกลางฟ้าพร้อมเสมอ ที่จะถูกบดบังและกลืนกิน แม้ต้องสิ้นแสงในพริบตา

ดังว่า วิธูเฝ้ารอ .. ให้อัมพุทเข้าครอบครอง








****************************************






โปรดติดตามตอนต่อไป ...

ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม และขอขอบคุณสำหรับไลค์กำลังใจฮะ



คุณใบบัวน่ารัก .. อย่าเพิ่งงงฮะ .. ยังมีให้งงกว่านี้อีก ((( อ่ะ ล้อเล่นฮะ )))



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ส.ค. 2558, 16:51:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ส.ค. 2558, 16:54:15 น.

จำนวนการเข้าชม : 1242





<< บทที่ ๑๕ .. หนทางที่เลือกแล้ว   บทที่ ๑๗ .. ครอบครัวสุขสันต์ ? >>
ใบบัวน่ารัก 9 ส.ค. 2558, 17:54:12 น.
น่าจิ เกรซป. 4 อ่ยุ11 ขวบ เรียนตามเกณฑ์อะดิ
พี่ยัง งง กะ พี่ชายทั้ง2 แย่งชิงนาง. แน่ๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account