ในอ้อมกอด...มังกรสายฟ้า...
เรื่องราวการเดินทางเพื่อเยียวยาหัวใจ ของผู้หญิงที่ดื้อรั้นและพยศกว่าม้าป่า รักอิสระกว่าอินทรี และเปราะบาง...กว่าตุ๊กตาแก้ว...

หากอัญญาคืออินทรีจากลุ่มเจ้าพระยา ปีกเธอหักแล้วด้วยความรัก หัวใจเธอสลายแล้วด้วยความทรมาน ใครจะเยียวยาได้นอกจากตัวเธอ

หากทาชิคือมังกรสายฟ้าแห่งหิมาลายา ดวงตาเขามั่นคงเพียงภาพเธอ กรงเล็บนั้นมีไว้เพื่อปกป้องเพียงหัวใจเธอ

หลับเถอะคนดี...หลับใหลในอ้อมกอด...มังกรสายฟ้า...
Tags: ภูฏาน มังกรสายฟ้า การเดินทาง ความรัก ศัลยแพทย์

ตอน: Chimi Lakhung

ถนนหนทางเริ่มเรียบดีขึ้นเมื่อรถแล่นมาถึงเขตพูนาคาซึ่งเป็นบ้านเดิมของเนมา ไกด์หนุ่มชี้ให้ดูภูเขาลูกหนึ่งแล้วบอก “บ้านผมอยู่บนเขานั่น”

ชาวพื้นราบได้แต่มองตาโต แล้วรถก็จอดลงบนเนินเขาแห่งหนึ่ง เนมาลงจากรถมาเปิดประตูให้ทุกคนทยอยลงมา เขาบอกยิ้ม ๆ ว่า “เดี๋ยวเราจะไปรับประทานอาหารกันที่ชิมิเรสเทอรอง ชิมิที่นี่คล้าย ๆ กับคำว่าอร่อย”

“ชิมิ...” อรรัมภาแกล้งตวัดเสียงขึ้นแบบที่วันรุ่นไทยชอบใช้กัน เรียกเสียงหัวเราะจากบรรดาเพื่อนร่วมคณะ

เนมาพาเดินลงไปตามบันไดทางเดิน เขาชี้ให้ดูภาพวาดรูปอวัยวะเพศชายที่อยู่ตามผนังบ้านเรือนโดยรอบ มีทั้งที่เป็นภาพวาด และรูปปั้นสามมิติ

“นั่นเป็นเครื่องรางอย่างหนึ่ง เราเชื่อว่าจะช่วยขับไล่สิ่งชั่วร้ายตามตำนานของวัดชิมิลาคังกับพระลามะคุณเลย์ผู้สร้างวัด แล้วผมจะเล่าให้ฟังเมื่อเราไปถึงนะครับ”

“โปรดติดตามตอนต่อไป” คุณนิภาพูดด้วยรอยยิ้ม

“แหม เนมาน่ะ เล่าขยัก ๆ ให้เราอยากรู้ตลอดเลยนะคะ” อรรัมภาหัวเราะ

ไกด์หนุ่มพยักหน้ารับ บอกหน้าตาเฉย “ถ้าเล่าทั้งหมด ไปถึงที่วัด ผมก็ไม่มีอะไรพูดน่ะสิครับ”

“แล้วกัน...”

ร้านอาหารที่เนมาจัดให้รับประทานอาหารกลางวันเป็นเรือนไม้สี่เหลี่ยมตั้งอยู่ริมผาเตี้ย ๆ ที่มองออกไปเห็นแนวเขาสลับทุ่งนาตัดกับท้องฟ้าสวย

“อาหารบุฟเฟ่ต์นะครับ เป็นแบบพื้นเมือง หวังว่าพวกคุณจะชอบ” เนมาบอก
“ขอบคุณค่ะ เนมา”

คณะทัวร์เดินไปตักอาหารแล้วมานั่งลงที่โต๊ะ ทาชินั่งข้าง ๆ อัญญา เขาหยิบขนมปังก้อนใหญ่ออกมานั่งกินกับเนยและซุปถั่วเหลือง อัญญาเลิกคิ้วมองอย่างสนใจ

“ในเสื้อโกะมีที่สำหรับเก็บอาหารครับ สมัยก่อนเวลาเราเดินทางจะใส่อาหารไว้ที่ช่องในเสื้อ ข้างหนึ่งใส่ของแห้งอีกข้างใส่ชามไม้สำหรับเทซุปหรืออาหารที่เป็นของเหลว” ชายหนุ่มอธิบาย

“อัญเคยได้ยินค่ะ แค่แปลกใจที่คุณไม่กินกับเรา”

“ผมกำลังกินกับคุณนะ” ทาชิเลิกคิ้วมองทุกคนที่นั่งร่วมโต๊ะ ก่อนเบะปากเหมือนเด็กเกเร “ลองชิมสิ...คุณจะรู้ว่าผมคิดถูกที่เตรียมอาหารมาเอง”

“อรว่าอรเข้าใจแล้วค่ะ” อรรัมภาบอกด้วยสีหน้าปั้นยาก หลังตักอาหารเข้าปาก
“กะหล่ำแข็งและเหนียวมาก ไก่นี่...ก็จืดมาก” คุณปรีชาบอกพลางถอนใจเบา ๆ

อัญญามองแล้วลองชิมอาหาร ก่อนจะถอนใจเบา ๆ คุณพรรณีอมยิ้มบอก “กินเพื่ออยู่นะคะ”

“หวังว่าจะไม่เป็นแบบอาหารเช้าของพี่อรนะคะ”

ทั้งคณะหัวเราะ แล้วค่อย ๆ จัดการกับอาหารตรงหน้า แม้จะบ่นว่าไม่อร่อยสักเท่าไร แต่การตุนพลังงานเป็นกฎสำคัญของการเดินทาง

อัญญาเหลือบมองขนมปังก้อนใหญ่ของทาชิเป็นช่วง ๆ ชายหนุ่มหัวเราะในคอเมื่อสังเกตเห็น แล้วบิขนมปังชิ้นเล็ก ๆ ส่งให้เธอ “ลองไหมครับ”

เธอกลอกตาไปมาอย่างตัดสินใจ ก่อนยื่นมือไปรับ “ขอบคุณค่ะ”

“อร่อยจัง” ขนมปังธัญพืชหอมนุ่ม เข้ากับรสมันอ่อน ๆ ของซุปถั่วทำให้เจริญอาหารขึ้น ทาชิบิขนมปังส่งให้อีก แต่หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธด้วยความเกรงใจ

“ขอบคุณค่ะ อัญอิ่มแล้ว”

หลังจัดการธุระเรือ่งปากท้องเรียบร้อยแล้ว เนมาก็เดินกลับเข้ามาในร้านที่ทุกคนนั่งถ่ายภาพและพูดคุยกันอยู่
“เดี๋ยวเราจะเดินไปวัดชิมิลาคังกันนะครับ จะได้ชมวิถีชีวิตชาวบ้านและพูดคุยกับชาวพื้นเมืองด้วย”

“วัดอยู่ตรงไหนเหรอคะเนมา จากตรงนี้มองเห็นไหม” อรรัมภาถามเพื่อประมาณเส้นทางการเดินทางคร่าว ๆ เนมาพาทุกคนไปที่กระจกข้างร้าน ชี้นิ้วไปที่ยอดเขาห่างออกไป

“นั่นครับ ตึกขาว ๆ นั่น”

อัญญาเลิกค้ิว บ้านเรือนที่เรียงรายอยู่ก็ขาวไปหมด อรรัมภามองตามแล้วถาม “ตรงนั้นเหรอคะ”

“ไม่ครับ บนยอดเขานั่น” เนมาบอกชัดเจน “วัดที่ตั้งเดี่ยว ๆ อยู่บนยอดเขานั่น”

คณะเดินทางชาวไทยหันมามองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย “วัดนั่นน่ะเหรอคะ” คุณนิภาทำหน้าปั้นยาก ทาชิเริ่มอมยิ้มอย่างรู้ทันบรรดาสาว ๆ ที่มองหน้ากันไปมองหน้ากันมาคล้ายจะปรึกษา

“ถ้าคุณต้องการไม้เท้า ผมจะไปหยิบให้ในรถ มีใครต้องการไม้เท้าไหมครับ”

“แม่เอาไม้เท้าเผื่อไว้ดีกว่านะคะ” อรรัมภาบอกคุณพรรณี ก่อนหันไปบอกเนมา “เดี๋ยวอรขึ้นไปเอาของที่รถด้วยนะคะ”

“อัญไปด้วยนะคะ จะเอาเสื้อคลุมไปเก็บ แล้วก็ไปเอาแว่นกันแดดด้วย”

สองสาวเดินตามเนมามาที่รถ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจึงกลับไปที่ร้านอาหารแห่งเดิมอีกครั้ง

คุณปรีชาชี้ให้อัญญาดูกงล้อมนตราที่ตั้งอยู่หน้าร้าน เสียงน้ำไหลดังให้ได้ยินอยู่ตลอด สัตวแพทย์ชาวไทยจึงชะโงกลงไปดูแล้วหันมาบอกหญิงสาว

“ข้างล่างนี่เป็นกังหันนะครับ คงใช้แรงน้ำหมุน”

อัญญาชะโงกลงไปดูตาม เงยหน้ามาพบกับทาชิที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขายกมือแตะไหล่หญิงสาวเบา ๆ “ระวังตกลงไปนะ ตัวคุณเล็กนิดเดียว”

“นี่เรียกว่าชูคอมานิ เป็นกงล้อมนตราที่ใช้พลังงานน้ำในการหมุน ในฤดูน้ำหลากที่น้ำเต็มธารจะไหลลงไปสู่ทุ่งหน้าข้างล่าง แล้วพลังงานน้ำนี่ก็จะหมุนกงล้อเหมือนมีมนตราผ่านน้ำให้ศักดิ์สิทธิ์ตลอดเวลา เมื่อทำไร่นาก็จะอุดมสมบูรณ์” ทาชิอธิบายช้า ๆ ก่อนหันมาบอกอัญญากับคุณปรีชา

“เราใช้ชีวิตกับธรรมชาติและศาสนาเป็นส่วนใหญ่ คุณเห็นธงมนตรานั่นไหม” เขาชี้ไปที่ธงหลากสีซึ่งติดอยู่หน้าทางเข้าร้านอาหาร “ธงห้าสีแทนห้าธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ ไม้...เราเคารพในธรรมชาติ แล้วธรรมชาติก็จะประทานพรแก่เรา”


อัญญาอมยิ้ม พยักหน้ารับอย่างชื่นชม “อัญชอบความคิด ชีวิต และวิธีปฏิบัติของพวกคุณค่ะ อัญว่า...ความสุขทางใจ มันสวยงามและยั่งยืนกว่า”

พูดออกไปแล้ว อัญญาก็เผลอนิ่งไป เธอเงยหน้าสบตาทาชิที่มองมาที่เธออยู่ก่อนแล้ว แววตาเขากึ่งปลอบกึ่งล้อเลียน เธอไม่รู้ว่าเขาตั้งใจไหม แต่ความคิดบางอย่างได้เกิดขึ้นในหัวราวจะปลอบเธอ

…แค่อยู่กับโลกอย่างเป็นสุข ยังไม่พอหรือ...

เนมาพาทุกคนเดินลงจากร้านอาหาร ตรงไปตามเส้นทางที่ทอดผ่านทุ่งนากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา คันดินเตี้ย ๆ สองข้างทางตัดด้วยสีเขียวสดของต้นกล้าที่เริ่มโต สายลมอ่อน ๆ พัดมาเป็นระยะช่วยลดความร้อนจากแสงแดดที่สาดส่องลงมา

อัญญาเพิ่งเห็นว่าทาชิมีแว่นกันแดด ภาพผู้ชายในชุดประจำชาติสวมแว่นเรย์แบนด์สีดำดูแปลกตาจนเธออดยกกล้องขึ้นเก็บภาพไว้ไม่ได้ ชายหนุ่มหันมามอง ยืนนิ่งราวจะเป็นนายแบบให้เธอ ก่อนเดินเข้ามาใกล้

“ถ้าอยากได้รูปผล บอกกันดี ๆ ก็ได้ครับ”

หญิงสาวหัวเราะ เปิดภาพในกล้องให้เขาดู “ชุดโกะของคุณไม่เข้ากับแว่นกันแดดเลยค่ะ”

ชายหนุ่มทำหน้าปั้นยาก ก่อนกระโดดข้ามคูน้ำไปแล้วยื่นมือมาให้อัญญา “บรรพบุรุษที่คิดสร้างชุดท่านไม่ได้คิดว่าลูกหลานจะเอามาใส่กับแว่นกันแดดน่ะครับ”

อัญญามองมือหนาที่ยื่นมาตรงหน้า ปฏิเสธเบา ๆ ก่อนกระโดดตามเขาไป “อัญเดินได้ค่ะ ขอบคุณ”
“ถ้าฝนตก คันดินจะลื่นมาก คุณไม่ถนัด จะหาคนประคองก็ไม่แปลก”

“ถ้าทำได้และพอไหว...อัญชอบเดินด้วยตัวเองมากกว่าค่ะ”

ทาชิไหวไหล่เบา ๆ เป็นเชิงรับทราบ แล้วไม่ได้เซ้าซี้อะไรอีก

จากคันนายาวเข้าสู่ตัวหมู่บ้านที่เห็นเป็นกลุ่มบ้านสีขาวจากร้านอาหาร เนมาพาลัดเลาะไปตามตรอกเล็ก ๆ มีชาวบ้านพื้นเมืองและวัยรุ่นวัยฉกรรจ์นั่งเล่นกันเป็นกลุ่ม ทาชิเดินขนาบเข้ามาใกล้อรรัมภาและอัญญาราวจะคอยดูแลป้องกัน

“เชื่อแล้วว่าคุณเป็นทหาร” อรรัมภาหัวเราะ

“คุณคิดไว้แล้วว่าผมเป็นทหาร” เขาเหลือบมองอัญญา

แพทย์สาวคลี่ยิ้มบาง ยอมอธิบายมากขึ้น “อัญเป็นลูกทหารค่ะ...ท่าทาง วิธีคิด หรือระเบียบวินัยบางอย่างคงฝังอยู่ในตัวทหารทุกชาติมั้งคะ อัญถึงเดาได้ว่าคุณน่าจะเป็น”

“อย่างนั้นผมก็เดาถูก...”

สองสาวเลิกคิ้ว มองหน้าชายหนุ่ม “ผมเดาว่าคุณเป็นลูกทหาร”

อัญญากระพริบตาปริบ ๆ ก่อนที่ทาชิจะนำคำของเธอมาย้อน “ท่าทาง วิธีคิด หรือระเบียบวินัยบางอย่างคงฝังในตัวลูกทหารทุกชาติ...พ่อผมเป็นนักรบ”

คำเอ่ย ‘นักรบ’ บอกความภาคภูมิใจ อัญญามองอย่างเข้าใจ สุดท้ายจึงหลุดคำเบา ๆ “คุณเอง...ก็ควรใช้คำนั้น”

“ศัตรูที่น่ากลัวที่สุดของนักรบ...คือความไม่มั่นคงในใจตนเอง ถ้ายังประหารสิ่งนั้นไม่ได้ก็ยังไม่ควรค่ากับคำนั้นหรอกครับ” เขาบอกด้วยท่าทางมุ่งมาด ในความเรียบง่าย เป็นกันเอง ทาชิเข้มงวดในตัวเอง และมั่นคงเสียจนอัญญาอดมองอย่างหลงใหลไม่ได้ วูบหนึ่ง หัวใจเธอเต้นเร็วผิดปกติจนหญิงสาวต้องยกมือขึ้นแตะอก

จากหมู่บ้านเล็ก ๆ ทางเดินเป็นลูกรังลาดจากเชิงเขาขึ้นสู่วัดชิมิลาคัง สองข้างทางขนาบด้วยรั้วเหล็กสีเขียว เด็กน้อยคนหนึ่งวิ่งเล่นมาเกาะรั้ว พูดภาษาท้องถิ่นกับเนมา ไกด์หนุ่มหันไปดุเป็นภาษาเดียวกัน อรรัมภามองแล้วเลิกคิ้ว เอ่ยถาม “มีอะไรหรือคะ”

“เด็กออกมาไกลจากหมู่บ้านมาก ผมเลยบอกให้เขากลับบ้านน่ะครับ” เขาหันมาบอกก่อนอธิบายต่อ “ที่นี่...ถ้าเราเจอเด็กทำไม่ดี เราสามารถเตือนได้เหมือนเป็นลูกหลานคนหนึ่ง เป็นหน้าที่ที่เราจะดูแลเด็ก ๆ ของเราให้เติบโตอย่างดีนะครับ”

ทาชิพยักหน้าหงึกหงัก ขณะที่ไกด์หนุ่มคลี่ยิ้มเจื่อน ๆ “เหมือนที่ทาชิโยนผมเข้าคุกเพราะดูดฝิ่น”

สองสาวอ้าปากค้าง มองหน้าไกด์หนุ่มที นายทหารหนุ่มทีอย่างไม่อยากเชื่อ

“เนมาน่ะเหรอคะ”

“ครับ...” เขาตอบรับอย่างตรงไปตรงมา “ตอนวัยรุ่น ผมก็ลองตามเพื่อนไปเรื่อย ครั้งแรกถือว่าไม่รู้ เขาก็ตักเตือน แต่ผมยังทำอีก ทาชิเลยลากไปดัดนิสัย”

ทาชิแค่นหัวเราะในคอ เดินห่างออกไปราวไม่ต้องการพูดถึง เนมาหัวเราะ “ถ้าไม่ได้เขา...ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวันนี้จะมาอยู่ตรงนี้หรือเปล่า”

“ที่นี่มีฝิ่นด้วยหรือคะ” อัญญาเอ่ยถาม

“ครับ...แต่ก่อนมีมากเลย แต่เราเผาทำลาย” เขายิ้ม “ตอนนี้ฝิ่นถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย”

“ประโยชน์ก็มีนี่คะ...ถ้าใช้ถูก” อรรัมภาหันมาถามอัญญา “ได้ยินว่าเอาไปทำยาได้ใช่ไหมคะ”

อัญญายิ้มรับ “ค่ะ...ยาแก้ปวดพวกโอพิออย ยาแก้ไอ และอีกหลายอย่างก็เป็นอนุพันธ์ของฝิ่นค่ะ เพียงแต่...ถ้าใช้ผิดวิธี ที่ติดงอมแงมมาก็มี ที่ชักตาตั้งเข้าห้องฉุกเฉินมาก็มากนะคะ”

“โชคดีที่ตอนลองผมไม่เป็นอะไร” เนมายิ้มบาง ๆ “มันเคลิ้มสุขแค่ชั่ววูบ แล้วก็กลับมาเจอโลกเหมือนเดิม”

“บางครั้ง...การออกจากฝันหวาน มันโหดร้ายกว่าความเป็นจริงเสียอีกนะคะ” อัญญาเอ่ยพลางถอนใจเบา ๆ

“มันโหดร้าย เพราะคุณอยากกลับไปอยู่ในฝัน” ทาชิเอ่ยราวพูดขึ้นลอย ๆ เขายังมองไปข้างหน้า เดินช้า ๆ มองรอบตัวราวเป็นสิ่งน่าสนใจเสียเหลือเกิน

“ถ้าคุณอยู่กับความจริง มีความสุขกับสิ่งรอบข้างที่อยู่ตรงหน้า ความฝันที่สวยงามก็เป็นแค่ฝัน...ที่ไม่เคยทำร้ายใครได้”

อัญญาไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอแค่ปล่อยให้หัวใจจมลงไปกับคำพูดของทหารหนุ่มชาวภูฏาน จนก้าวผ่านป้ายหน้าวัดที่เป็นผืนผ้าใบ เล่าประวัติเรื่องราวการก่อตั้งวัด เนมาพาทุกคนไปนั่งที่ต้นโพธิ์ใหญ่ด้านหน้า คุณปรีชาเห็นศาลามนตราอยู่ไม่ไกลก็เดินเข้าไปหมุนกงล้อมนตรา ก่อนเดินมานั่งหอบรวมกับทุกคน


“เหนื่อยเหมือนกันนะคะนี่” อรรัมภาบกมือโบกเบา ๆ โชคดีที่มีลมพัดมาเรื่อย ๆ เหงื่อจึงไม่ออกมากนัก

“เดินตั้งไกลนะคะ แถมขึ้นเนินอีก โอย...แย่เลย” คุณนิภายกขวดน้ำขึ้นดื่มด้วยความกระหาย ก่อนจะสำลักเบา ๆ คุณปรีชานั่งข้าง ๆ ลูบหลังลูบไหล่ให้

“ช้า ๆ สิคุณ สำลักเลยเห็นไหม”

เนมายกน้ำขึ้นดื่มบ้าง หันมาสำรวจลูกทัวร์ที่มีสีหน้าดีขึ้น ก่อนถามด้วยรอยยิ้ม “เหนื่อยไหมครับ”

“ค่ะ...ทักซังจะไกลกว่านี้ใช่ไหมคะ” อรรัมภาเอ่ยถาม

“ครับ จากที่เราเดินมา ประมาณ 30 เปอร์เซนต์ของทางขึ้นทักซัง” เมื่อไกด์หนุ่มบอก ทุกคนก็อ้าปากค้าง มองหน้ากันไปมา คุณพรรณีถึงกับยกมือทาบอก

“แม่จะเดินไหวไหมนี่”

เนมาคลี่ยิ้ม “แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ทางขึ้นทักซังมีม้าให้เช่า ถ้าพวกคุณต้องการ...จะมีคนจูงม้าพาขึ้นไปครับ”

หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็ผายมือไปที่สถูปสีดำหน้าเรือนหลักของวัด

“พวกคุณคงจำลามะคุณเลย์ได้ ที่เกี่ยวข้องกับภาพวาดที่ผนังที่เราเชื่อว่าเป็นเครื่องรางขับไล่สิ่งชั่วร้าย” เนมากวาดตามองทุกคนด้วยอยยิ้ม อรรัมภาและอัญญาพยักหน้าหงึกหงัก

“ลามะคุณเลย์เป็นพระที่เกิดในช่วงศตวรรษที่ 15 ท่านถือบวชและมีวิถีปฏิบัติที่แปลกไป วาดภาพ ร้องเพลง เต้นรำ หรือกระทั่งดื่มสุราผิดธรรมเนียมสงฆ์ปกติจึงถูกเรียกว่า Devine Madman”

อัญญาเลิกคิ้ว หันไปหาอรรัมภา “คล้าย ๆ จี้กงเลยนะคะพี่อร”

“ลามะมีชื่อเสียงเรื่องการปราบปีศาจมาก มีครั้งหนึ่งมีปีศาจ 3 ตัวออกอาละวาดไปทั่วภูฏาน ลามะคุณเลย์ซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ พวกปีศาจมาเจอก็คิดจะจับลามะมากิน ท่านจึงเปิดผ้าโชว์อวัยวะเพศ ปีศาจพวกนั้นเห็นก็ตกใจกลายร่างเป็นสุนัข 3 ตัว ท่านจึงคว้าคอสุนัขหิ้วเหาะมาที่วัดแห่งนี้ แล้วผนึกไว้ใต้สถูปสีดำนั่น” เนมาชี้ให้ดูสถูปที่มีสีดำอยู่ช่วงล่าง

“วัดนี้เลยได้ชื่อว่าเป็นวัดที่ไม่มีสุนัขอยู่โดยรอบ” เนมาบอกกลั้วหัวเราะ ฝ่ายอรรัมภาและอัญญาหันไปมองหน้ากันทันที คุณนิภากับคุณพรรณีถึงกับหลุดหัวเราะ

“ไม่มีอยู่โดยรอบ แต่มีอยู่ในวัดเลยสิคะ” คุณพรรณีชี้ให้ดูสุนัขดำที่วิ่งเล่นอยู่ไม่ไกล เนมาหัวเราะ

“อีกอย่างหนึ่งนะครับ...วัดนี้เป็นวัดเดียวในภูฏาน ที่สามารถเข้ามาทำพิธีแต่งงานได้” ไกด์หนุ่มอธิบายต่อ “เราเชื่อกันว่า ถ้ามาปฏิบัติภาวนาที่วัดนี้พร้อมกันทั้งสามีและภรรยา จะช่วยให้กลับไปมีบุตร ชาวภูฏานและนักท่องเที่ยวจึงนิยมมาขอลูกที่นี่”

อัญญายิ้มแหย “ฟังประวัติวัดแล้ว...ไม่น่ามาขอลูกเลยค่ะ”

“พี่ว่า...แค่ขอสามีพี่ยังไม่กล้าเลย” อรรัมภาหัวเราะจืด ๆ รุ่นน้องสาวหันมาพยักเพยิดอย่างเข้าใจกันตามประสาสาวโสด

เนมาพาทุกคนเข้าไปด้านใน ซึ่งทำเป็นอาคารสี่เหลี่ยมล้อมรอบเรือนใหญ่ภายในตามแบบฉบับวัดของภูฏาน สองหลังคั่นด้วยทางเดินปูอิฐเรียบ ด้านซ้ายเป็นอาคารเรียนของพระเณรที่นั่งอ่านคัมภีร์อย่างตั้งอกตั้งใจ ด้านขวาเป็นห้องบูชา ภายในมีรูปจำลองของลามะคุณเลย์ประดิษฐานอยู่

ในห้องนั้นมีคู่สามีภรรยาชาวพื้นเมืองนั่งสวดมนต์หมุนกงล้อมนตราอยู่หน้าแท่นบูชา คุณปรีชาเดินไปวางเงินบริจาคลงในพาน ก่อนกราบลงพร้อมบรรดาลูกทัวร์คนอื่น ๆ

เนมากับทาชิยืนมองลูกทัวร์ที่ลุกขึ้นยืนเรียบร้อยแล้ว ไกด์หนุ่มชี้ไปที่พานสีเงินหน้าหิ้งบูชา

“ลูกเต๋านี้ใช้เพื่อทำนาย ถ้าคุณมีคำถามมาอธิษฐานแล้วโยนลูกเต๋าลงในพาน เราจะนับเลขรวมแล้วคุณก็จะได้คำทำนายตามเลขนั้น” เขาหยิบลูกเต๋าขึ้นมาส่งให้อรรัมภา “ลองไหมครับ”

หญิงสาวหันมามองมารดา “จะถามอะไรดีล่ะ”

“ลองถามสิว่าจะได้เลื่อนตำแหน่งไหม”

อรรัมภาหลับตาอธิษฐาน ก่อนโยนลูกเต๋าลงบนถาดสีเงินที่วางอยู่บนแท่นบูชา เนมาก้มลงมอง นับแต้มให้แล้วบอก “แต้มรวมได้เจ็ด ผมจะถามพระให้นะ” เขาหันไปถามลามะที่ตรวจความเรียบร้อยในห้อง ก่อนหันมาบอกด้วยรอยยิ้มกว้างขวาง

“อะไรก็ตามที่คุณอธิษฐาน จะสำเร็จทุกอย่าง”

อรรัมภายิ้ม ยกมือขึ้นปรกศีรษะ “สาธุ...”

เนมาหันมาหาอัญญาที่ยืนมองอยู่ข้าง ๆ “คุณลองบ้างครับ”

หญิงสาวส่ายหน้า แล้วเอ่ยปฏิเสธ “ไม่ล่ะค่ะ ขอบคุณ”

“คล้าย ๆ เซียมซีบ้านเราเลยนะ” คุณพรรณีหันมาบอก หญิงสาวตอบรับด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ขณะที่ใจล่องลอยกลับไปสู่ความทรงจำเก่า ๆ อีกครั้ง

‘…ถามหาคู่สู่สมภิรมย์รัก ย่อมครองภักดิ์มิพรากห่างหรือร้างไกล...’ เสียงทุ้มอ่านข้อความในใบเซียมซีเพียงท่อนเดียว ก่อนหันมามองหน้าเธอด้วยแววตากรุ้มกริ่ม ‘จะแม่นไหมนะ’

อัญญาหัวเราะ ‘พี่อธิษฐานอะไรไปล่ะคะ ต้องดูด้วยว่าถามเรื่องอะไรนะคะ’

‘ขอให้เราได้ครองคู่กัน’ เขามองตาเธอนิ่ง แววตาอ่อนหวานนั้นทำให้หญิงสาวต้องเบือนหน้าหนีด้วยความเขินอาย
วันนี้อัญญาเผลอแค่นหัวเราะต่อหน้ารูปจำลองของลามะคุณเลย์ ทอดถอนใจเบา ๆ เมื่อเงยหน้ามองนัยน์ตาของรูปจำลองกึ่งตัดพ้อ กึ่งอ้อนวอน ‘หากพรแห่งพระพรหมทำให้เรารักกัน แล้ววันนี้...Devine Madman อย่างท่านจะให้เรากลับมารักกันอีกได้ไหม’

“น้ำมนต์ไหมครับ” ทาชิยกจอกเงินขึ้นตรงหน้า เรียกเธอให้หลุดจากภวังค์

วูบหนึ่งที่เธอหันไปสบตาชายหนุ่ม นัยน์ตาที่มองนิ่งของเขาราวจะมองลึกเข้าไปเห็นความคิดของเธอ แล้วคนตัวโตก็ถือวิสาสะ ยกมือขึ้นแตะที่หัวตาเธอเบา ๆ “รู้ไหมครับ...ทำไมที่วัดถึงมีน้ำมนต์”

อัญญาส่ายหน้า เขาจึงบอก “ความเย็นของน้ำจะเตือนให้เรามีสติ แล้วทุกเรื่องที่ร้อนก็จะบรรเทาลง”

“การมาวัดจะสอนให้เราวางบางสิ่งลงเพื่อการปฏิบัติ เพื่อมองเข้าไปในตัวตน ณ ปัจจุบัน เมื่อมีแต่ปัจจุบัน ก็ไม่มีอดีตให้เจ็บปวด ไม่มีอนาคตให้กังวล”

--
คุณคิมหันตุ์ : แอบกุ๊กกิ๊กกันไปเรื่อยค่ะคู่นี้

คุณ kraten : ^^


ถ้าอยากทราบว่าเส้นทางไปชิมิลาคังไกลแค่ไหน แวะไปชมได้ที่ http://pantip.com/topic/34003177 นะคะ



ลิขิตรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ส.ค. 2558, 19:10:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ส.ค. 2558, 19:10:23 น.

จำนวนการเข้าชม : 1165





<< Dochula Pass   Punaka Zdong >>
คิมหันตุ์ 2 ส.ค. 2558, 23:31:49 น.
ข้อความตอนนนี้โดนอีกแล้วววววว. "ฝัน"


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account