อาลัว...กลัวรัก
รักแรก ทำให้หัวใจของอาลัวเต็มไปด้วยความสุขและเศร้า
เมื่อความรู้สึกที่เธอเคยเข้าใจมาตลอดเป็นของคนอื่น...
แต่ขนาดเธอเศร้าแทบตาย ก็ยังมีคนมาคอยสมน้ำหน้าด่าทอ
รวมถึงการมัดมือชกเสนอให้เธอคบเขาแก้เศร้าเสียเลย
นี่ถ้าเธอไม่คิดว่าเขาเป็นเกย์ แล้วอยากคบเธอบังหน้า เธอคงคิดว่าเขาเสียสติ
Tags: อาลัว ดรัล นวีน ชมนาด

ตอน: บทที่ 6 : เปลี่ยนจากอาลัวเป็นสัมปันนี

บทที่ 6
การร้องไห้ครั้งนี้กินเวลาไปไม่ถึงห้านาที หญิงสาวใช้กระดาษทิชชู่ในรถของดรัลไปเกือบสิบแผ่น เธอนึกทึ่งตัวเองที่แม้จะร้องไห้อยู่นานราวห้านาที แต่ปริมาณน้ำตาที่ออกมากลับมากมายเสียจนกระดาษแผ่นหนึ่งเปียกชุ่มจนเปื่อยยุ่ยอย่างเร็ว โชคดีที่หลังจากนั้นภายในรถจะมีแต่ความเงียบสงบ และเสียงของที่ปัดน้ำฝนที่กำลังทำงานแข่งกับสายฝนกระหน่ำแรงด้านนอก

วิวทิวทัศน์สองข้างทางจากตัวตึกจอแจ และถนนซับซ้อนวุ่นวายค่อยๆ ร้างบ้านคน ตัวถนนใหญ่เริ่มบีบแคบเหลือเป็นถนนสวนกัน สองข้างทางเปลี่ยนเป็นทุ่งหญ้า สลับกับทุ่งนา รถบนถนนบางตาเหลือแค่รถบรรทุก และนานๆ ทีจะมีรถบ้านสวนกันสักคัน

และเมื่อรถข้ามสะพานลอยใหญ่มาได้ ดรัลก็กดไฟเลี้ยวเข้าไปในซุ้มโค้งใหญ่ที่เขียนป้ายไว้ว่า ‘สวนดิเรก’ ไฟสีนวลส่องให้เห็นโดมกว้างที่มีแถวยาวเหยียดวางกล้วยไม้หลายชนิดให้อวดชูช่อ การทำงานที่อยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ รับติดต่อกับลูกค้าต่างชาติ คิดโปรเจ็กต์ใหม่ๆ ไว้รองรับลูกค้า ไม่ได้อยู่ในกระบวนการผลิตอย่างนี้ ถึงจะเคยได้ยินลุงดิเรกเล่าให้ฟังอยู่หลายครั้งว่าที่นี่มีอะไร และโฆษณาให้เธอมาหลายหน ก็ยังไม่มีโอกาสได้มาจริงๆ สักที

นวีนไม่ค่อยชอบเที่ยวไกล และเป็นมนุษย์ที่ชอบนอนอยู่บ้านในวันหยุด สัมปันนีชะงักความคิดตัวเองที่หวนกระหวัดถึงบุคคลที่หัวใจควรหลีกหนี ได้แต่ต่อว่าหัวใจตัวเองที่ไม่หลาบจำ

“สัมปันนีกับอาลัว คือขนมชนิดเดียวกันไหม”

คนมีชื่อเป็นขนมช้อนตามองพิศวงคนถามที่เพิ่งจอดรถสนิทในโรงจอดหน้าบ้านไม้หลังใหญ่ใต้ถุนสูง ยอมตอบให้เขารู้โดยดี “ขนมอาลัว กับสัมปันนีใช้แป้งคนละชนิดทำค่ะ กรรมวิธีการทำเดียวกัน”

“รสชาติเหมือนกันไหม” สายตาคนถามซ่อนประกายบางอย่างไว้

สัมปันนีส่ายหน้า เธอจำรสชาติขนมที่เป็นชื่อของเธอทั้งสองอย่างได้ขึ้นใจ “ไม่มีทางเหมือนกันหรอกค่ะ วัตถุดิบมันต่างกัน” สีหน้าคนตอบครุ่นคิด พยายามจะทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่ดรัลถามเธอแบบนี้

“ถ้าความรักของคุณที่มีต่อนวีนคือขนมอาลัว เวลาที่กลับไปคุณก็พยายามเปลี่ยนจากขนมอาลัวเป็นขนมสัมปันนีได้ไหม”

สีหน้าคนถูกถามและได้รับคำแนะนำเต็มไปด้วยคำถาม หญิงสาวนึกค่อนขอดที่เขาพูดจาวกวนเปรียบเปรยซะเธอคิดตามไม่ทัน จะให้เธอเปลี่ยนจากขนมอาลัวเป็นขนมสัมปันนีอย่างไร เธอเป็นคนไม่ใช่ขนมสักหน่อย ถึงจะมีชื่อจริงว่าขนมชนิดหนึ่ง และชื่อเล่นเป็นขนมอีกชนิดก็เถอะ

“ถึงจะคล้ายกัน แต่ความรู้สึกเวลาลิ้มรสก็ต่างกัน เหมือนสายตาที่คุณเคยมองนวีน คุณรักเขาเกินเพื่อน ถ้าคุณเปลี่ยนสิ่งนี้” ดรัลไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องมาสอนคลาสเร่งด่วนในการทำใจกับใครมาก่อน ได้แต่ทำใจและใช้นิ้วชี้ไปยังขมับขวาของตัวเอง “คิดถึงเขาให้น้อยลง จริงจังกับงานที่อยู่ตรงหน้า และค่อยๆ ปรับเปลี่ยนความรู้สึกของตัวเอง ไม่ต้องรีบ สักวันขนมอาลัวจะกลายเป็นขนมสัมปันนีเอง”

คนฟังกอดอก ใช้หางตามองผู้ชายที่พูดมากอย่างกูรูผู้เชี่ยวชาญ ปกติเขาพูดน้อย เก๊กจัดขนาดไหนเธอรู้ดี มีหนนี้ที่เขายอมวางหน้ากากน้ำแข็งลง และใช้ความจริงใจบอกทางสว่างแก่เธอ ไม่งกสักนิด

“คุณเคยแอบรักใครใช่ไหม ฉันเคยถามคุณมาแล้วครั้งหนึ่งบนดาดฟ้า คุณก็เอาแต่เก๊กใส่ฉัน”

“ผมเกือบจะเป็นขนมสัมปันนีอยู่แล้วล่ะ” ดรัลทิ้งปมไว้ก่อนจะลงไปจากรถ ปล่อยให้สัมปันนียัวะจัดที่คุยกันก็รู้สึกว่าจะรู้เรื่องแค่อาลัวกับสัมปันนีอย่างเดียว

“คุณตัดเรื่องขนมไปก่อนได้ไหม พูดอะไรที่สมองอย่างฉันจะเข้าใจได้ง่ายๆ หน่อยสิ” หญิงสาวเปิดและปิดประตูรถ หน้าตาหงิกงอ อยากไล่ต้อนคนปากแข็งออกมาให้สำเร็จ เธอจะได้รู้ว่า...ผู้ชาย คนไหนที่เขาชอบ หวังว่าจะไม่ใช่นวีน ก็แหมเขาจงใจกันเธอออกจากนวีน ช่วยเหลือให้คำแนะนำอย่างดีเยี่ยมขนาดนี้ เขาหวังผลอะไรหรือเปล่า

ภาพวาบหวิวของผู้ชายสองคนในห้องทำงานวาบเข้ามาในหัวของสัมปันนี หญิงสาวลูบขนแขนที่พากันลุกชันให้สงบลง และเดินตามเขาไปอย่างสงบเสงี่ยม แต่ในใจเต็มไปด้วยความระแวง นวีนเพื่อนเธอเป็นคนดีจะเสน่ห์แรงใส่เพศเดียวกันบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนัก

“อาลัว” เสียงเรียกชื่อดังมาจากหน้าบ้าน ชายลงพุงสวมเสื้อกล้ามสีขาว คาดผ้าขาวม้า คีบแตะ กางร่มคันโตเดินลงมาต้อนรับด้วยตัวเอง ผมสีดอกเลาแซมผมสีดำมากขึ้นจากกันเจอกันครั้งล่าสุด หญิงสาวยิ้มแป้นหน้าบาน ไหว้ผู้ใหญ่ที่เธอนับถือทันที

“สวัสดีค่ะลุง”

“โดนเจ้าเอื้องกวนอะไรหรือเปล่า”

“เอื้อง?” สัมปันนีเลิกคิ้วถามคนชื่อเอื้องตัวโตๆ ที่มาพร้อมเธออย่างเพิ่งรู้ ชื่อเล่นเขาหวานเชียว “เอื้องหรือเอี้ยงนะคะ”

ดรัลหรี่ตาจ้องคนล้อชื่อเล่นเขาอย่างมาดร้าย ปรี่มาดึงสัมภาระบนหลังหญิงสาวลากกันไปกลางฝน โดยไม่สนว่าจะทำให้ร่างทั้งของตนและผู้เคราะห์ร้ายเปียกโชกด้วยกัน กว่าจะถึงใต้ชายหลังคาบ้านหยดน้ำก็เกาะพราวเต็มหน้าและเนื้อตัวเรียบร้อย คนถูกแกล้งแสดงอาการฮึดฮัดขัดใจ

“นกเอี้ยง ชอบจิกชอบกัด”

“ว่าไงนะ!”

สัมปันนีฉลาดพอจะไม่พูดอีกรอบให้ตัวเองไปนอนแอ้งแม้งกลางบ่อดิน โชคดีที่ระยะเวลาที่ต้องเปียกฝนมีไม่ถึงสิบก้าว ไม่อย่างนั้นกระเป๋าเสื้อผ้าเธอคงมีสภาพไม่ต่างจากเพิ่งเก็บขึ้นจากแม่น้ำลำคลอง เท่านี้เธอก็สะใจมากแล้วที่เจ้าพ่อน้ำแข็งมีอารมณ์ขุ่นเคืองได้

หญิงสาวได้แต่ทำหน้าซื่อตาใสใส่ โชคดีที่ร่างกายเธอไม่ยี่หระกับสายฝนพวกนี้ แข็งแรงกว่าบรรดาพี่น้องของเธอ

“เจ้าเอี้ยง” ดิเรกหัวเราะลั่นกับสายตาลูกชายที่โดนเปลี่ยนชื่อเล่น เขาค่อยๆ เดินอยู่ใต้คันร่มที่ตัวเองถือกลับมาที่บ้าน “อาลัวเขาแกล้งนิดหน่อยทำเป็นของขึ้น”

“ใครลูกพ่อกันแน่” หน้าคนถามไม่สบอารมณ์

“บ๊ะ...น้อยใจเก่งจริงโว้ย” คนสูงวัยกว่าไม่ใช่พ่อประเภทโอ๋ลูกชาย ตรงกันข้ามกลับจงใจทำหน้ารับแขก ต้อนรับขับสู้สัมปันนีอย่างดี เอะอะเดี๋ยวก็หัวเราะกันอย่างกับคนเส้นตื้น ไม่วายถามถึงคนที่ทำให้สัมปันนีเกือบสะดุดขั้นบันไดบ้านหน้าทิ่ม “ฝาแฝดเราเขาเป็นไงบ้าง ช่วงที่ลุงออกมา ก็เห็นว่ากำลังตามจีบชมนาดเขาอยู่”

“พวกเขาไปกันได้ดีค่ะลุง ดีมากๆ”

“แล้วเราล่ะมีความสุขดีไหม” ดิเรกใช้สายตารู้ทันมองสัมปันนี ความรู้สึกลำบากใจของอีกฝ่ายแสดงชัดผ่านทางสีหน้าไม่เคยปิดบัง

“ดีสิคะ” พยายามจ้องตาคนถามให้เธอดูปกติดี

“ไม่ผ่าน ตาเรายังโกหก แผลใจยังไม่หายดี” เขายังเคยคิดว่าท้ายที่สุดสัมปันนีกับนวีนจะลงเอยกันด้วยดี แต่ความรู้สึกของคนเราก็เหมือนลม แปรเปลี่ยนได้เสมอ

สัมปันนีหลบตาวูบ ปากเม้มแน่น ทุกสิ่งที่เกี่ยวกับนวีนสำหรับเธอล้วนเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ เป็นความสัมพันธ์ที่แปลก คล้ายว่าเธอกับเขาต่างมองตาและรู้ใจกันมาตลอด แต่ไม่เคยก้าวผ่านคำว่าเพื่อน แล้วก็มาถึงวันหนึ่งที่เธอต้องก้มหน้ายอมรับความจริง หลังจากที่เขากำลังจะมีตัวจริงของหัวใจ นี่คือ...การอกหักตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่ม

“ถามกูรูเอื้องได้ เขาผ่านจุดๆ นั้นมาแล้ว ใช้เวลาไม่นานด้วย” ดิเรกแนะนำให้กับเด็กรุ่นลูกที่ทำหน้าเหลือเชื่อ

เมื่อพวกเขาโผล่ขึ้นมาบนบ้าน สมาชิกอีกสองคนของบ้านก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้แล้ว คนหนึ่งคือหญิงผู้มีใบหน้าสวยงาม ผมดัดสวย แม้วัยจะล่วงมาไม่ต่ำกว่าสี่สิบปี สวมเสื้อลูกไม้ผ้าซิ่น กับอีกคนที่รุ่นราวน่าจะอายุอานามยี่สิบต้นๆ สวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์ทะมัดทะแมง หันมายิ้มรับให้กับทั้งสามคนที่ขึ้นมาบ้าน

“คุณเอื้องเหนื่อยไหมคะ” ช่อมาลีมีประกายตายินดีชัดเจนยามทอดมองร่างสูงใหญ่ตรงหน้า

“ไม่หรอกครับ” ดรัลตอบอย่างสุภาพแต่ห่างเหิน

“นี่แม่รำเพยเมียลุง ส่วนนั่นก็เจ้าช่อ ลูกแม่รำเพย” ดิเรกแนะนำเจ้าบ้านเสร็จก็ผายมือมาทางสัมปันนี แนะนำโดยไม่มีติดขัด “อาลัว แฟนเจ้าเอื้อง”

“คือ...”

หมับ...มือของดรัลคว้ามือเย็นเฉียบของสัมปันนีไว้ได้ทัน เขาบีบไว้ สายตาปราม ยับยั้งทุกสิ่งอย่างที่จะหลุดรอดออกมาจากปากรูปกระจับของเธอ หญิงสาวมองค้อนผู้อาวุโสสุดที่ปั้นน้ำเป็นตัวขึ้นมาได้หน้าตาเฉย ไม่มีร่องรอยว่าท่านจะโกหกสักนิด เว้นแต่จะมาเป็นเธอเองที่รู้ความจริงทุกอย่างเต็มอก!

“แฟนคุณเอื้อง” ช่อมาลีหลุดรำพันเสียงแผ่ว แววตามีร่องรอยของความผิดหวังพาดผ่าน ซึ่งสัมปันนีเห็นทุกอย่างได้ชัดเต็มสองตา

“ฝากดูแลอาลัวชั่วคราวด้วยนะครับ ผมให้เขาลางานมาพักผ่อน ทำงานมาสามปีเขาไม่เคยใช้สิทธิ์ลางานมาก่อน” ดรัลหันมายิ้มใส่ตาคนมองที่กำลังสยดสยองพองขน นี่เขาลากเธอมาที่นี่ ที่บอกว่าทำงาน เปลี่ยนหน้าที่ ที่จริงคือจับเธอมัดมือชกลางาน มาเล่นละครหลอกชาวบ้าน โดยมีผู้สมรู้ร่วมคิดเป็นลุงดิเรกที่เธอนับถือ

สัมปันนีคิดว่าการหันหลังกลับไปผจญโรคความรักที่กรุงเทพฯ อาจไม่ทำให้เธออึดอัดหายใจไม่ออกขนาดนี้ จู่ๆ เธอก็ต้องมาเป็นไม้กันหมาให้กับใครก็ไม่รู้ ที่รู้จักกันไม่ถึงเดือนดี เขาไม่น่ารักเหมือนนวีน ไม่เอาใจใส่เธอเท่านวีน ซ้ำยังเผด็จการจอมหลอกลวง ทำอะไรตามใจตนเองอย่างนี้อยู่เรื่อย

“ดูสิหนาวจนหน้าซีดปากสั่นเลย เข้าไปในห้อง อาบน้ำอาบท่าก่อนดีกว่า อยู่ห้องเดียวกับเจ้าเอื้องนั่นแหละ เป็นแฟนกันนี่ ลุงไม่ถือ” ดิเรกโยนระเบิดลูกสุดท้าย คนที่ถูกจับมือไว้แน่นก็ระเบิดลงทันที สัมปันนีสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของดรัลได้สำเร็จ หันหลังเดินลงจากบ้านไป ไม่สนว่าจะมีพายุรุนแรงกระหน่ำฝนใส่ตัวขนาดไหน เธอรับไม่ไหวหรอกกับละครตลกฉากใหญ่นี้ พวกเขาทำเหมือนไม่รู้ว่าเธอเพิ่งหนีปัญหาความรักมา ทำเหมือนว่าเธอพร้อมรับเรื่องราวใหม่ๆ น่าตื่นเต้นได้เสมอ...เธอไม่พร้อมกับพวกเขาสักนิด

ผู้หญิงสวยๆ ไม่มีปัญหาความรักมีอีกตั้งมาก เขาคิดยังไงถึงมาเลือกเธอที่ไม่สวย เฉิ่ม เชย หน้าซื่อๆ หรือแค่คิดว่าเธอกำลังจิตตก อ่อนแอ จะเอามาปั่นหัวหลอกยังไงก็ได้ เท้ายังคงเดินเร็ว มือดันกระเป๋าจากหลังมาด้านหน้า เปิดซิปหยิบหนังสือหลายเล่มที่เขาบังคับขู่เข็ญให้เธออ่านโยนลงบนพื้น ให้ฝนจัดการกับกระดาษไปตามใจชอบ หูเธอแว่วได้ยินเสียงห้าวสบถ แต่เธอไม่สนใจ

“อาลัว!”

เรียกให้คอพังก็ไม่หันหลังกลับไปเด็ดขาด สัมปันนีตั้งมั่นที่จะเดินฝ่าฝนไปเรื่อยๆ กระทั่งเท้าเหยียบเชือกผ้าใบจนหน้าทิ่ม หญิงสาวจึงทำได้แค่นอนนิ่งหน้าจุ่มหน้าดินอย่างหมดสภาพ นานหลายอึดใจกว่าที่จะมีเงามาทาบทับ อาการเจ็บแสบกายทำให้เธอหวนนึกถึงคนที่อยู่ไกลออกไป จนภาพตรงหน้าหลอน คนที่กำลังประคองเธอจึงมีหน้าเป็นนวีนไปได้

“นวีน” ยกมือทาบแก้มสากที่พยายามเบี่ยงหน้าหลบมือเย็นเฉียบของเธอ ปากของเขาเม้มแน่น ประกายตากร้าวไม่อ่อนโยนเลยสักนิด “เป็นนวีนได้ไหม ทำไมต้องเป็นคุณ”

“เขาไม่เลือกคุณ” ดรัลโอบร่างเปียกม่อลอกม่อแลกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล สภาพจิตใจของสัมปันนีปุบปับเปลี่ยนแปลงจนเขาวิ่งตามไม่ทัน

“ฉันเจ็บอยู่นะ” หัวใจของเธอยังมาเจอคนใจร้ายที่ไม่รู้จักถนอมน้ำใจอีก

“เจ็บขนาดนี้คุณก็ยังไม่ยอมตื่น ต้องทำยังไงคุณถึงจะเลิกบ้าผู้ชายที่เขาไม่แล”

สัมปันนีสะบัดตัวออกจากผู้ชายที่ดูถูกความรักของเธอ “สิ่งเดียวที่นวีนทำให้ฉันเจ็บคือเขาไม่รักฉัน นอกนั้นเขาไม่เคยทำให้ฉันเสียใจ เขาดีมาก แคร์ความรู้สึกของฉันเสมอ” ลากร่างกายที่มีแผลถลอกไปก้มลงเก็บกระเป๋าที่คว่ำหน้าชุ่มไปกับแอ่งน้ำ

“กลับไปหาเขาสิ!”

ดรัลชี้ทางสว่างให้อีกครั้ง ถ้าผู้หญิงคนนี้คิดจะเดินกลับไปสู่วังวนเก่าๆ อีกครั้งโดยเมินเฉยต่อบาดแผลทางใจตัวเอง เขาเองก็จะไม่แลไม่สนใจอีก หัวใจของสัมปันนีถลำลึกไปกับความรักครั้งนี้จนถอนตัวไม่ขึ้น ทั้งยังกลัวที่จะถอนหัวใจออกมาจากรักที่ไม่สมหวัง

“ฉันไม่กลับไปทำให้นวีนลำบากใจเด็ดขาด”

“คุณคิดว่าที่ทำอยู่เป็นนางเอกมากหรือไง ความรักของคุณมันยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ”

สัมปันนีพยักหน้ารับ มือทาบอกข้างซ้ายของตัวเอง “อย่างน้อยฉันก็ไม่เคยโกหกใจตัวเอง วันนี้ฉันรักนวีนอยู่ ฉันรู้สึกยังไงฉันก็บอกอย่างนั้น ความรักของฉันไม่จำเป็นต้องได้ครอบครอง แต่ฉันก็ไม่ได้แกร่งพอที่จะยิ้มรับความสุขเขาโดยที่น้ำตาไม่ไหลได้ ฉันถึงอยากถอยออกมา อยากมากลบความรู้สึกในใจ รอวันที่ฉันจะยิ้มยินดีให้เขาได้เต็มปากเต็มตา รักเขาแบบที่เพื่อนคนหนึ่งรักได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจอีก สิ่งที่ฉันทำทั้งหมดเพื่อตัวฉัน และเพื่อนวีน นี่คือความรักของฉัน”

ชายหนุ่มอึ้งงัน ฟังคำสารภาพที่แผ่วเบาแต่มั่นคงของสัมปันนีอย่างสงบ จู่ๆ เขาก็นึกอยากด่านวีน ผู้ชายที่สัมปันนีรักหมดใจว่าโง่ขึ้นมา แต่เรื่องแบบนี้จะไปบังคับจิตใจใครก็ไม่ได้ เขารู้ดี

“แล้วนี่คุณจะไปไหน” ดรัลเดินไปดักทาง กันไม่ให้สัมปันนีไปถึงทางออก

“กลับบ้าน ฉันไม่อยากดึงไปเล่นละครของพวกคุณ มีคนที่สวยกว่าฉัน ดีกว่าฉัน แล้วก็เล่นได้สมจริงกว่าฉันถมเถ คุณเดินตลาดก็เจอแล้ว”

“ผมจะยอมเป็นนวีนของคุณให้ คุณอยู่ช่วยผมก่อนได้ไหม” ดรัลยื่นข้อเสนอใหม่ให้

สัมปันนีมีท่าทางลังเล ในใจลึกๆ ก็ยังคิดถึงทุกสิ่งที่นวีนเคยทำให้เธอ ท่ามกลางสายฝนสัมปันนีปรารถนาจะเห็นแววตาของดรัลให้ชัดกว่านี้ แต่น่าเสียดายที่แว่นของเธอมีแต่หยดน้ำเกาะเต็มไปหมด

“ผูกเชือกรองเท้าให้ฉันสิ” เชิดหน้าสั่งอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้

ภาพของดรัลที่ค่อยๆ ก้มลงไปเพื่อผูกเชือกร้องเท้ากระตุกใจสัมปันนีอย่างจัง



เอกสารกองโตที่สูงถึงจมูกสัมปันนีทำให้เธอต้องเดินอย่างระมัดระวัง เพื่อนพนักงานส่วนใหญ่ก็ทำเป็นมองไม่เห็น เพราะเคยชินกับหน้าที่ของเธอกันอย่างดี

‘ยืนอยู่เฉยๆ นะอาลัว’ เสียงทุ้มดังขึ้นด้านหน้า พร้อมกับตรึงไหล่สัมปันนีไว้ไม่ให้เดิน หน้าตาจริงจัง ‘มองเห็นทางก็ไม่ปลอดภัยหรอกนะรู้ไหม’ ร่างของนวีนค่อยๆ ย่อลงนั่ง และจับเชือกผูกรองเท้าผ้าใบข้างหนึ่งที่หลุดผูกใหม่ให้

สัมปันนีชะโงกหน้ามองอย่างซาบซึ้ง ความรู้สึกอุ่นๆ ในหัวใจทะลักเพราะความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ ของเขา พอผูกเชือกเสร็จยังเงยหน้าขึ้นมาอวดรอยยิ้มน่ารักละลายใจคนมองอีกรอบ ‘ไม่มีเราจะมีใครมาผูกเชือกรองเท้าให้อาลัวไหมเนี่ย’

‘มันเป็นหน้าที่ของนวีน เรายกให้’ นวีนลุกขึ้นมาย่นจมูกใส่ และแย่งแฟ้มสูงไปช่วยถือบางส่วน



ภาพความทรงจำในอดีตเกือบจะซ้อนทับกับเหตุการณ์ตรงหน้า ในวินาทีที่สัมปันนีคิดจะก้าวถอยหนี ไม่ให้ดรัลได้ทำหน้าที่ของนวีน รองเท้าของเธอก็หลุดออกจากเท้าไป ปล่อยให้คนเสียศูนย์ยืนกระต่ายขาเดียว ไม่กล้าวางเท้าเปล่าลงไปบนดิน

ดรัลโยนรองเท้าผ้าใบข้างนั้นของสัมปันนีไปไกล ต่อหน้าต่อตาเจ้าของ ก่อนจะฉวยโอกาสตอนที่สัมปันนีกำลังอึ้งช้อนร่างขึ้นอุ้ม และพาออกเดินท้าฝนอีกรอบกลับไปยังบ้าน พร้อมยื่นคำประกาศิตที่ทำให้คนกำลังสับสนหยุดดิ้นได้ชั่วขณะ

“เรายินดีเป็นนวีนให้อาลัว”

คนฟังอ้าปากค้าง ทำหน้าเหมือนเห็นผี ไม่เห็นจะต้องลอกลักษณะการพูดของนวีนมาหลอกหลอนเธอเลยสักนิด เขาอยากให้เธอลืมนวีนจริงๆ หรืออยากให้เธอจดจำนวีนไปตลอดชีวิตกันแน่ สัมปันนีได้แต่ถลึงตาดุ แต่ไม่ยอมปริปากบ่นออกมา

ทั้งที่ในใจอยากบอกเขาเหลือเกิน...ถ้าหน้าเขาไม่ดุ หัวคิ้วขมวดตลอดเวลา ปากเวลาอ้าทีก็มีแต่เรื่องไม่น่าฟัง การกระทำแต่ละอย่างก็มักกระแทกกระทั้นแดกดัน ถ้า...อีกมากมายที่แสดงความเป็นเขาลดลงสักครึ่ง เขาก็ยังเป็นนวีนไม่ได้

อีกอย่าง เขาโยนรองเท้าตั้งสองคู่ของเธอทิ้งไม่ใยดีเลยนะ



เสียงหัวเราะที่มีอยู่เป็นระยะจากการชมรายการตลกทางจอทีวี ภาพครอบครัวที่นั่งประชุมกันทุกหัวค่ำของทุกวันกอปรด้วยพ่อแม่ ลูก รวมถึงเพื่อนลูกที่นั่งขัดสมาธิ และเปล่งเสียงหัวเราะกลืนไปกับทุกคนได้

นวีนยื่นมือไปหยิบถั่วคั่วแห้งมาทาน มือหนึ่งเท้าคาง แขนอีกข้างวางบนเข่า หลายเดือนมานี้เขาค่อนข้างห่างหายกับช่วงเวลาที่ได้อยู่กับคนในครอบครัวไป ตลอดชีวิตของเด็กกำพร้าอย่างเขาการได้รู้จักสัมปันนีจึงถือเป็นความโชคดี สัมปันนีคือคนที่เขาไม่กล้าทำให้เจ็บ และไม่กล้าทำให้หายไป

“พักนี้แม่ไม่เห็นนวีนอยู่กับอาลัวเขาเลย ตัวไม่ติดกันเหมือนแต่ก่อนแล้วเหรอลูก” เรไรถามอย่างจับสังเกต วันนี้ตอนที่นางพูดว่าอาลัวมีนวีนอยู่แล้ว ปฏิกิริยาของทุกคนในบ้านจึงแปลกประหลาดพิกล “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่านวีน”

ชายหนุ่มส่ายหน้าช้าๆ ไม่ได้ล่วงรู้ว่ามีสายตาหลายคู่คอยจับจ้องอยู่ “ผมก็เหมือนเดิมทุกอย่างนะครับ แค่...”

“เหมือนเดิมนี่คือสถานะไหน” ธวัลย์สอดปากถาม อารามอยากรู้เต็มปรี่

“พ่อ!” มัศกอดปรามเสียงเข้ม ปรับสถานการณ์อิหลักอิเหลื่อให้ดีขึ้น “นวีนไม่ต้องคิดมากหรอกนะ” เธอมองเพื่อนน้องจนเป็นเหมือนน้องตัวเองบอกอีกฝ่ายให้คลายใจ

“ผมมีแฟนแล้วครับ”

ทุกคนอุทานออกมาอย่างพร้อมเพรียง ขนาดคนที่นอนฟุบหลับอยู่ในครัวยังผงกศีรษะขึ้นมารับรู้ ขยี้ตาเตรียมรับเรื่องราวใหม่ๆ ที่พี่สาวคนกลางไม่ยอมปริปากเล่าให้ฟัง

“พามาแนะนำให้แม่รู้จักบ้างสิ ให้แม่ได้เลี้ยงข้าวต้อนรับแฟนของนวีนบ้าง” เรไรบอกด้วยรอยยิ้มของคนใจกว้าง มองชายหนุ่มที่เธอนึกเอ็นดูเหมือนลูกมาตลอดอย่างเสียดายแทนลูกสาว อย่างนี้สัมปันนีคงเจ็บปวดแย่ แต่เธอไม่ใช่คนใจร้ายที่ตัดสินว่า ‘คนที่ไม่รักคือคนผิด’

นวีนรู้สึกตื้นตันอยู่ภายในใจ เขามีความสุขที่ได้อยู่ในสถานที่ปลอดภัยในบ้านหลังนี้ ที่เขาไม่เคยให้สัมปันนีได้มากกว่าเพื่อน ส่วนหนึ่งเพราะคิดมาเสมอว่าสถานะของเพื่อนนั้นจีรังยั่งยืนเหนือสิ่งใด และเขายังได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเพื่อนที่พร้อมอ้าแขนรับเขาไว้

สิ่งที่เขากลัวยิ่งกว่าการไม่มีคนรัก...คือการอยู่อย่างไร้ความรัก ไม่มีครอบครัว เหมือนที่ตลอดชีวิตนี้ของเขาได้สัมผัสมา

“ชมจะต้องรักทุกคนในบ้านนี้เหมือนที่ผมรักแน่ครับ” เขามั่นใจว่าชมนาดคงไม่เหวี่ยงวีนเพียงเพราะครอบครัวที่เขาเรียกว่าครอบครัวจะเป็นครอบครัวของสัมปันนีที่อีกฝ่ายตั้งป้อมใส่มาเสมอ

................................................................

คุณ konhin บุหลันเป็นมนุษย์ประหลาด แต่ก็ยังรู้ความรู้สึกของนวีนเลยค่ะ ฮา สรุปนวีนช้าอยู่คนเดียว หรือเขาไม่รู้สึกกันแน่เน้อ

คุณ ปอกะเจา ทางด้านนวีนจะเป็นยังไงต้องติดตามต่อไปค่ะ จะออกมาแบบสมน้ำหน้า หรือน่าสงสาร หรือแบบเพื่อนนางเอกหล่อๆ อิอิ

คุณ ปรางขวัญ ยินดีต้อนรับค่า กอดดด อ่านให้สนุกนะคะ <3

คุณ ปิ่นนลิน มาถึงบทนี้อาจจะมึนกับการต้องเลือกอาลัวหรือสัมปันนีนะคะ ฮา

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ จริงๆ ก็อยากหามาให้นะคะ แต่ถ้าเรื่องนี้มีสองคู่ จะเกิดการแย่งซีนกันแน่ ฮา ปูไว้เผื่อเอาไปเขียนได้ดีกว่าค่า (รู้สึกตัวละครภาคต่อของปวราจะล่มเป็นประจำ แอร๊ย ปิดหน้า)

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่า ขอบคุณคนที่กดถูกใจด้วยนะคะ อ่านแล้วเป็นยังไงบอกกันได้ค่า ^^



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ส.ค. 2558, 00:38:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ส.ค. 2558, 00:38:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 5131





<< บทที่ 5 : น้ำตาชะล้าง   บทที่ 7 : อาการปกติธรรมดา(?) >>
นักอ่านเหนียวหนึบ 4 ส.ค. 2558, 01:32:43 น.
อะไรล่มๆ นะ มะเข้าจายยยยย

คนเราก็ชอบทำร้ายความรักด้วยคำว่าผูกพันเนอะ
มันจริงเหรอที่แฟนเก่าจะเปลี่ยนมาเป็นเพื่อนสนิทแทนไม่ได้อะ เห่ออออ


konhin 4 ส.ค. 2558, 03:53:21 น.
อาลัวต้องหัดรักตัวเองให้มากขึ้นแล้วหล่ะ ว่าแต่ อยากลืมนวีน แล้วให้อีกคนเป็นตัวแทนให้ทำไม ทำร้ายตัวเองทำไม เฮ้อ (ว่าไม่ได้ ยังลืมไม่ลง)
ส่วนนวีน ถ้าไม่ได้รักอาลัวจริงก็ดี ที่ไม่คิดจะพยายามรักเพียงเพราะอยากรักษา"ครอบครัว"ที่อยากมีไว้
"เพราะไม่รักไม่ได้ผิด"
แต่ถ้าเกิดมาคิดหวงวันที่อาลัวมีแฟน จะมุดเข้านิยายไปดักตีหัวดีป่ะ (โหดไปม่ะ)


ปอกะเจา 4 ส.ค. 2558, 07:38:18 น.
หนีเสือดันไปป๊ะกับจระเข้ซะนี่ หนีนวีนไปเลียแผลใจแต่ดันไปเจอแผนของคุณดรัลกับลุงดิเรก แต่คุณดรัลยอมขนาดนี้ก็ช่วยๆ ไปเถอะนะอาลัว #ทีมดรัล ส่วนนวีนเข้าใจนะที่ไม่กล้าข้ามผ่านความเป็นเพื่อน เพื่อนต่อให้แยกย้ายกันไปก็ยังเป็นเพื่อนยังเห็นหน้ากันตลอด. แต่ถ้าเป็นแฟนแล้วเลิกกัน. การจะกลับมาเป็นเพื่อนเหมือนเดิมมันทำได้ยาก หรือทำได้แต่มันก็ไม่มีทางเหมือนเดิม


จ๊ะจ๋า 4 ส.ค. 2558, 16:04:39 น.
แค่ชื่อเรื่อง อาลัว...ก็ทำให้น้ำลายสอ อยากกินมาก แต่หาที่อร่อยๆยากจังค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account