ร้ายรักสลับเล่ห์
ในชีวิตสายลับสุดหล่ออย่างเขา ‘มิณปรานต์’ ไม่เคยหนักใจเรื่องผู้หญิงมาก่อน...

จนกระทั่งมาเจอเธอคนนี้!

ปินญาภัส สาวนักอนุรักษ์ธรรมชาติคนสวย เธอทั้งดื้อ อวดดี เชื่อมั่นในความดีจนน่าตลก
แต่ให้ตายเถอะ! หน่วยที่คอยขจัดอันตรายระดับชาติอย่างหน่วยเทวาพิทักษ์ ถึงกับต้องส่งสายลับระดับพระกาฬแบบเขา
เพื่อมาคุ้มครองเธอและสืบหาผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมระดับชุมชนอย่างลับๆ เนี่ยนะ ไม่ว่าคิดจนหัวแตกก็หาเหตุผลไม่เจอ

แต่มิณปรานต์จำต้องยอมรับ มันคือภารกิจ มันคือหน้าที่

ทว่าเรื่องวุ่นๆ ชวนอิ่มอุ่นหัวใจก็ถือกำเนิดขึ้นจนได้ เมื่อม่านหมอกแห่งกระสุนปืนโรยตัวลงปกคลุมอำเภอฟ้าศักดิ์ พร้อมๆ กับที่ปัญหาระดับชุมชนได้ลุกลามจนกำลังจะเป็นสาเหตุใหญ่ระดับประเทศ มิณปรานต์พบว่าเขาไม่ได้ปกป้องยัยหัวแข็งตามหน้าที่อีกแล้ว แต่เขากำลังโอบกอดเธอ เขากำลังคุ้มครองเธอจากอันตรายทั้งคนใกล้ตัวไกลตัวตามคำสั่ง... จากหัวใจของเขาเอง!

Tags: โรแมนติก แอ็คชั่น ดราม่า สายลับ กุ๊กกิ๊ก

ตอน: บทที่ 2

บทที่ 2



หน่วยเทวาพิทักษ์มีสถานที่นัดพบในกรุงเทพมหานครอยู่แถบท่าเรือคลองเตย คือตึกแถวสี่ชั้น ด้านล่างปรับปรุงเป็นร้านอาหารอิตาลี เมื่อตอนที่รถเอสยูวีของมิณปรานต์เคลื่อนไปจอดหน้าร้านในเวลาสามนาฬิกา ป้ายไฟหน้าร้านดับมืด แต่ชายหนุ่มทราบว่าเจ้าของร้านกำลังรอเขาอยู่

มีแสงสว่างลอดออกมาจากใต้ประตูเหล็กดัดหน้าร้าน มิณปรานต์ก้าวเท้าลงจากรถ ล็อคประตูและกดสัญญาณกันขโมยให้ทำงาน เมื่อหันกลับมาประตูเหล็กดัดก็ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดขณะเลื่อนเปิดขึ้นโดยอัตโนมัติ มิณปรานต์ยิ้มทักทายชายชราผู้ยืนถือรีโมทคอนโทรลอยู่อีกด้านของประตูกระจกที่ปรากฏตัวหลังประตูเหล็กดัดอีกหนึ่งชั้น ชายหนุ่มเดินเชื่องช้าผลักประตูสอดกายเข้าไปด้านใน ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศสาดมากระทบผิวหน้าแผ่วเบา

“ฉันเตรียมลาซานญ่าของโปรดไว้ให้” เจ้าของร้านสูงวัยนามไพวัลย์กล่าวพลางนำชายหนุ่มไปนั่งที่โต๊ะหนึ่งด้านขวามือ บนโต๊ะมีกระเป๋าเป้และกล่องใส่ของเล็กๆ กล่องหนึ่ง ที่นี่เป็นร้านอาหารอิตาลี่ตกแต่งในสไตล์ยุโรป ข้างผนังประดับภาพวาดสีน้ำมันหลากหลายศิลปิน ขนาดของร้านกว้างพอสำหรับรองรับลูกค้าพร้อมกันสูงสุดราวสามสิบคน

มิณปรานต์หย่อนกายนั่งลง หยิบกล่องเล็กมาเปิดดูขณะไพวัลย์หายเข้าไปหลังร้านเพื่อยกจานอาหารมาให้เขา

สิ่งของที่อยู่ในกล่องไม่ใช่สิ่งที่น่าประหลาดใจ มันคือโทรศัพท์มือถือซึ่งป้องกันการดักฟังด้วยการเข้ารหัสสัญญาณดาวเทียม หูฟังสื่อสาร และแว่นตากรอบดำก้านสีขาว ของทั้งสามชิ้นนี้เมื่อนำมารวมกันแล้ว ก็จะได้อุปกรณ์สื่อสารสำหรับสายลับที่แทบจะไม่ทิ้งร่องรอยการสื่อสารใดๆ ให้คนอื่นบนโลกได้รับรู้

“กินซะก่อน ความพร้อมมักเริ่มต้นเมื่อท้องอิ่มเสมอ” ชายชราวางจานลาซานญ่าลงบนโต๊ะ และถือผ้าเช็ดมือเดินอ้อมไปนั่งบนเก้าอี้ด้านตรงข้าม เมื่อมิณปรานต์เปิดโทรศัพท์มือถือ เชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตและทำท่าจะหยิบแว่นตาขึ้นมาสวมอย่างชำนิชำนาญ

“ครับ” ชายหนุ่มจำใจวางแว่นลง และรับประทานอาหารที่เจ้าของร้านอุตส่าห์เตรียมไว้ให้



หลังตักลาซานญ่าคำสุดท้ายเข้าปากและล้างคาวด้วยน้ำผลไม้หนึ่งแก้ว ไพวัลย์ก็ปล่อยให้มิณปรานต์ได้นั่งอยู่เพียงลำพังและจัดการเชื่อมสัญญาณอุปกรณ์ทั้งสามชิ้นเข้าด้วยกัน ทุกๆ ภารกิจมิณปรานต์จะได้รับอุปกรณ์รูปแบบเดิมแต่เป็นชุดใหม่ เขาใส่หูฟัง สวมแว่นตา ก่อนเปิดระบบแว่นตาคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์สมาร์ทโฟน

พลัน ภาพที่เขาเห็นก็เป็นเมนูคำสั่ง ซึ่งปรากฏเหมือนภาพบนจอโทรทัศน์ขนาดสามสิบนิ้วในระยะห่างออกไปแปดฟุต มิณปรานต์กำลังเลื่อนมือลูบขาแว่นเพื่อเลือกคำสั่งพอดี เมื่อมุมจอแว่นตาด้านบนบังเกิดตราสัญลักษณ์รูปมือถือดาบกลางวงกลมของหน่วยเทวาพิทักษ์ผุดวาบขึ้นมา พร้อมๆ กับที่มีเสียงหุ่นยนต์สาวดังขึ้นในหูฟัง

“บ้านใหญ่โทรมาค่ะ”

“โอเค รับสาย” มิณปรานต์พูด

ตราสัญลักษณ์ของหน่วยเทวาพิทักษ์ขยายจากมุมจอมาอยู่กึ่งกลาง มิณปรานต์ทราบว่าในเวลาเดียวกันนี้ ใบหน้าของเขาคงกำลังไปปรากฏบนหน้าจอขนาดใหญ่บนผนังห้องบัญชาการที่ไหนสักแห่งห่างไกลออกไป

เสียงของบุรุษวัยกลางคนเจ้าของรหัส ‘วิษณุ’ ดังตามมา

“ขอโทษที่ต้องรบกวนนายกลางดึก นารท”

มิณปรานต์แค่นยิ้มเฝื่อนให้กับชายที่เขาไม่เคยเห็นหน้ามาตลอดเจ็ดปีของชีวิตสายลับ “ลุงรู้ละสิว่าผมยังไม่ได้นอน ช่างเถอะ คราวนี้จะให้ผมทำอะไร”

งานสืบ งานแกะรอย งานล้วงข้อมูล งานลอบสังหาร

ต่างก็ผ่านมือของเขามาหมดแล้วทั้งสิ้น

ไม่มีอะไรที่มิณปรานต์จะทำไม่ได้

“นายต้องไปที่ฟ้าศักดิ์ จังหวัดเลย มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังอยู่ในอันตราย นายต้องไปคุ้มครองเธอ”

ชายหนุ่มหน้านิ่ว มองรูปภาพของหญิงสาวซึ่งเด้งขึ้นจากมุมจอมาแทนที่ตราสัญลักษณ์หน่วยงานของเขา รูปนี้ถูกถ่ายจากด้านข้าง เธอเป็นผู้หญิงหน้าตาสวย จมูกโด่ง ปากสีชมพูจิ้มลิ้ม มัดผมยาวหางม้า ด้านหน้าปล่อยปลายผมปิดหน้าผากเฉียงระหางคิ้ว ดวงตาที่ชำเลืองมามองผู้ถ่ายเป็นประกายสดใสมีชีวิตชีวา

ข้างรูปภาพขึ้นประวัติคร่าวๆ



นางสาว ปินญาภัส เกิดธราดร อายุ 26 ปี

สูง 164 หนัก 43

การศึกษา ปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม

สถานะ โสด

การทำงาน เลขาธิการประจำมูลนิธิ NGO ในชื่อมูลนิธิเม็ดธุลี

บิดา ศาสตราจารย์ อุเทน เกิดธราดร เสียชีวิตไปเมื่อห้าปีก่อนด้วยโรคประจำตัว

มารดา นางกัญญาพร เกิดธราดร เสียชีวิตไปเมื่อยี่สิบปีก่อน อุบัติเหตุรถชน



“นั่นดูจะเป็นงานของหน่วยอื่นมากกว่านะ” มิณปรานต์ตอบกลับอย่างครุ่นคิด “ผมจำไม่ได้ว่าหน่วยเรามีงานบอดีการ์ดตั้งแต่เมื่อไหร่”

“และหน้าที่อีกอย่างนอกจากคุ้มครองเธอ นายต้องสืบหาผู้บงการ” เจ้าหน้าที่วิษณุกล่าวต่ออย่างไม่สนใจสิ่งที่เขาพูด ภาพและประวัติของหญิงสาวถูกดึงหายไป แต่มิณปรานต์รู้ว่าเขาสามารถดูประวัติเธอได้ใหม่จากฐานข้อมูลออนไลน์ประจำภารกิจได้ทุกเมื่อ “แน่นอนว่าภารกิจของนายต้องเป็นความลับขั้นสุดยอด”

“แหงละ มีภารกิจไหนไม่ลับบ้างล่ะลุง”

วินาทีถัดมา ภาพของชายวัยกลางคนผู้หนึ่งปรากฏเข้ามาในสายตาของเขา ชายผู้นี้สวมสูทสีเทา ใบหน้าอุดมริ้วรอยแห่งวันเวลา เส้นผมบนศีรษะเป็นสีดอกเลา ลักษณะภูมิฐานท่าทางคล้ายนักการเมือง

“นี่คือนายเหมันต์ อารยันเดช ประธานมูลนิธิเม็ดธุลีคนล่าสุดที่เพิ่งถูกลอบสังหารไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน” วิษณุพูด “ไม่มีใครรู้ว่าผู้บงการคือใคร แต่ที่ค่อนข้างแน่คือน่าจะเป็นคนในมูลนิธิด้วยกันเอง”

“ไม่แปลกใจเลย” ชายหนุ่มยักไหล่หยึก “ที่ไหนมีอำนาจ ที่นั่นมีความแตกแยก”

“นายสามารถอ่านปมความขัดแย้งทุกอย่างได้จากไฟล์เอกสารระหว่างเดินทาง ตอนนี้เฮลิคอปเตอร์กำลังรอนายอยู่ที่ดาดฟ้าของโรงแรมสกายไพน์”

มิณปรานต์เป่าลมออกจากปาก “ผมต้องเริ่มภารกิจตั้งแต่พรุ่งนี้เลยสินะ”

“ไม่ใช่พรุ่งนี้” วิษณุตอบแบบไร้อารมณ์ “แต่เป็นเดี๋ยวนี้”

สมกับเป็นเทพผู้ออกคำสั่งจริงๆ สายลับหนุ่มคิดแกมเหน็บแนม



รถยนต์เอสยูวีของมิณปรานต์ใช้เวลาเดินทางจากร้านอาหารอิตาลีของไพวัลย์มาสู่ลานจอดรถของโรงแรมสกายไพน์ในอีกสามสิบนาที ชายหนุ่มไม่ลืมฝากให้ชายชราอดีตทหารผ่านศึกสงครามเวียดนามผู้นี้ดูแลปู่โสรณค์แทนเขาเหมือนดั่งเคยก่อนที่เขาจะออกมาจากร้านอาหาร

“วางใจเถอะ ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น” เจ้าของร้านผู้เป็นทั้งเพื่อนและคู่ปรับของปู่เอื้อมมือมาตบไหล่เขาอย่างให้ความมั่นใจ ไพวัลย์ก็เป็นเสมือนญาติผู้ใหญ่อีกคนหนึ่งของมิณปรานต์ หากไม่มีไพวัลย์คอยช่วย เขาก็คงไม่รู้จะดูแลปู่อย่างไรดีระหว่างที่ตนเองไปทำภารกิจ

เมื่อก้าวเข้าไปในห้องล็อบบี้ของโรงแรม ชายหนุ่มก็พบกับเจ้าหน้าที่ในชุดสูทสีดำนั่งรอคอยเขาอยู่หน้าเคาน์เตอร์ เจ้าหน้าที่ลุกขึ้นยืน ผงกศีรษะทักทายเขาทั้งที่เพิ่งเห็นหน้ากันเป็นครั้งแรก เขาเดินนำมิณปรานต์ตรงไปที่ลิฟต์ ชายหนุ่มยังสวมแว่นตาคอมพิวเตอร์ เมื่อมองค้างที่ใบหน้าของเจ้าหน้าที่ข้างกายระหว่างลิฟต์เคลื่อนที่ขึ้นไปสู่ด้านบน ก็จะปรากฏข้อมูลส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ผู้นี้ขึ้นมาโดยอัตโนมัติบริเวณข้างศีรษะ

เจ้าหน้าที่ชุดสูทก็สวมแว่นตาเช่นเดียวกับเขา คงรู้ว่าเขาเป็นใครจากวิธีการนี้เช่นกัน

เพียงนาทีเดียวเท่านั้นเสียงติ๊งก็ดังขึ้น ประตูลิฟต์เลื่อนเปิดออก เจ้าหน้าที่ชุดสูทผายมือเชิญมิณปรานต์ให้เดินออกไป มิณปรานต์กระชับเป้บนไหล่ ก้าวเท้าออกมาสู่ความเวิ้งว้างอย่างน่าประหลาดบนชั้นดาดฟ้าเพียงลำพัง ด้านหลังของเขาประตูลิฟต์เลื่อนปิด เจ้าหน้าที่ผู้นำทางเดินทางกลับลงไปพร้อมกับลิฟต์

สายลมยามรุ่งสางกรีดไล้กับผิวกาย แสงสว่างเรืองรองของดวงอาทิตย์ปรากฏบนขอบฟ้า เฮลิคอปเตอร์ขนส่งลำหนึ่งจอดตระหง่านอยู่กลางลานกว้างของยอดตึกโรงแรมเจ็ดสิบชั้น มันเคยได้ชื่อว่าเป็นยอดเฮลิคอปเตอร์เมื่อยี่สิบปีก่อน แต่ตอนนี้ถูกโละทิ้งจากประเทศโลกที่หนึ่งอย่างรัสเซีย และไทยก็เข้ารับช่วงต่อด้วยงบการทหารเพียงหยิบมือ

เจ้าหน้าที่ชุดสูทที่คล้ายจะโคลนนิ่งเจ้าหน้าที่คนเมื้อครู่ทุกกระเบียดนิ้ว ยืนพูดพึมพำคนเดียวอยู่ข้างเฮลิคอปเตอร์ เจ้าหน้าที่นายนี้ก็ใส่แว่นรุ่นเดียวกับเขา หลังจากพยักหน้าทักทายกันตามมารยาท เจ้าหน้าที่ก็เลื่อนประตูเฮลิคอปเตอร์ให้เปิดออก พยักเพยิดหน้าบอกให้มิณปรานต์ปีนเข้าไปโดยไม่กล่าวอะไร

มิณปรานต์พาตนเองเข้าไปนั่งในเฮลิคอปเตอร์ขนส่งอย่างว่าง่าย ปลดกระเป๋าเป้ออกมาวางข้างตัว ห้องโดยสารของเฮลิคอปเตอร์มีที่นั่งพอให้บรรจุผู้โดยสารได้สิบกว่าคน แต่ขณะนี้หากไม่นับเจ้าหน้าที่ชุดสูทคนที่สามผู้ประจำการณ์คอยดูแลเขาบนเครื่องบิน ก็พูดได้เต็มปากว่ามิณปรานต์คือผู้โดยสารเพียงคนเดียวของเฮลิคอปเตอร์ลำนี้

สิบนาทีต่อมา ใบพัดขนาดใหญ่ด้านบนเฮลิคอปเตอร์ก็หมุนวนตัดอากาศยกเจ้าแมลงปอยักษ์ลอยขึ้นจากยอดตึก ชายหนุ่มเพิ่งเสร็จสิ้นจากการตรวจดูสิ่งของที่อยู่ในกระเป๋าเป้ มีบัตรประชาชน บัตรนักข่าว บัตรเครดิต กระเป๋าสตางค์ ปืนกล็อคหนึ่งกระบอก กล่องใส่แม็กกาซีนบรรจุกระสุน มีดพับที่มาในรูปลักษณ์บัตรเอทีเอ็ม และกล้องถ่ายรูปแบบที่นักข่าวมักห้อยคอเวลาออกล่าหาข่าวภาคสนาม

เฮลิคอปเตอร์เหินฟ้าผ่านการเริ่มต้นวันใหม่ของคนเมืองกรุงอย่างเร็วและปลอดภัย ไม่นานนักกรุงเทพมหานครก็ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง พวกเขาสามารถเดินทางไปสู่ปลายทางคือจังหวัดเลยได้ภายในเวลาเพียงแค่อึดใจเดียว แต่ในขณะที่มิณปรานต์กำลังนั่งกอดอกจะเปิดไฟล์เอกสารภารกิจเพื่ออ่านออนไลน์โดยแว่นตาคอมพิวเตอร์ เจ้าหน้าที่ประจำเครื่องบินก็เคลื่อนกายมานั่งบนเก้าอี้ด้านตรงข้าม และยื่นกุญแจดอกหนึ่งมาให้

“รถประจำภารกิจของคุณ”

ชายหนุ่มรับกุญแจมาถือก่อนหลุบตามอง ข้อมูลของกุญแจรถปรากฏขึ้นบนหน้าจอแว่นตา รถประจำตำแหน่งในภารกิจนี้ของเขาคือมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ 3 สูบ 4 วาล์ว 200 แรงม้า มีระบบนำทางอัตโนมัติรวมถึงระบบการช่วยขับเคลื่อนอัจฉริยะ อีกทั้งยังพิเศษสุดด้วยเทคโนโลยีการอำพรางตัวจากการตรวจจับสัญญาณเรดาร์อีกด้วย

“มาหรูแฮะคราวนี้” มิณปรานต์พึมพำติดตลก สอดกุญแจใส่ด้านในกระเป๋าเสื้อ ปกติแล้วทางหน่วยไม่ค่อยจะเตรียมยวดยานพาหนะอะไรไว้ให้เขาหรอก เต็มที่ก็แค่มีบัตรเครดิตไว้ให้เขาใช้รูดเช่ารถเอาเท่านั้น

“เราจะไม่ไปส่งคุณที่เลยโดยตรง แต่เราจะปล่อยคุณลงที่เพชรบูรณ์ มอเตอร์ไซค์รอคุณอยู่ที่สนามบิน หลังจากนั้นคุณต้องเดินทางขึ้นเลยด้วยตัวเอง” เจ้าหน้าที่กล่าวรวบรัด

มิณปรานต์เลิกคิ้ว กล่าวตอบรับพอเป็นพิธี เพราะทราบดีว่าถามอะไรไปก็คงไม่ได้คำตอบ “โอเคครับ ขอบคุณที่บอก”

เห็นทีครั้งนี้ภารกิจคงมีอะไรซับซ้อนไม่ใช่น้อย ทางหน่วยไม่อยากให้มีคนเห็นเฮลิคอปเตอร์ทหารบินเข้าไปในเขตจังหวัดเลย แถมพาหนะที่มอบให้เขายังสามารถล่องหนจากการตรวจจับเรดาร์ได้อีก

มีอะไรรอเขาอยู่กันแน่นะ?

เมื่อเจ้าหน้าที่ด้านตรงข้ามขยับกายไปนั่งท้ายห้องโดยสารในที่สุด มิณปรานต์จึงได้ฤกษ์เลื่อนเมนูคำสั่งโดยการลูบขาแว่น เชื่อมสัญญาณล็อคอินเข้าสู่คลังเอกสารออนไลน์สำหรับภารกิจของเขา มิณปรานต์เพิ่งสังเกตว่าภารกิจครั้งนี้มีชื่อรหัสว่า ‘VFY29’

และตลอดเวลาของการเดินทางที่เหลือ ชายหนุ่มก็อ่านความเป็นมาเป็นไปของปมขัดแย้งภายในมูลนิธิเม็ดธุลี และจดจำทุกรายละเอียดได้ครบถ้วนเมื่อเฮลิคอปเตอร์ค่อยๆ ลดเพดานบินลงจอดบนลานกว้างกลางสนามบินขนาดเล็ก ด้านหลังสนามกอล์ฟแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบูรณ์




คิรัชทัชภ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ส.ค. 2558, 12:11:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ส.ค. 2558, 18:41:25 น.

จำนวนการเข้าชม : 699





<< บทที่ 1   บทที่ 3 >>
ปลาวาฬสีน้ำเงิน 18 ส.ค. 2558, 00:29:32 น.
สนใจน่าติดตาม ค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account