แก้วขวัญวันรัก "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
เป็นเรื่องราวต่อยอดมาจาก แก้วขวัญวันรัก
โดยเรานำเรื่องราวของนางเอกทั้งสี่แบ่งพาสเป็นเรืองของตัวเองประกอบไปด้วย
"ประกาสิตรักแก้วกัลยา"
"พันธนาการรักขวัญชีวัน"
"ละลายรักวันวิวาห์"
"กลบ่วงรักรักจิรา"

โดยเรื่องแรกของ แก้วขวัญวันรักที่นำมาให้ได้อ่านกันคือ "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"

แก้วกัลยาพี่สาวของโตของบ้านสิทธิทรัพย์อาภา
เมื่อถูกกดดันให้คลุมถุงชนกับเจษฎา เธอจึงต้องหาทางดิ้นให้พ้นบ่วงนี้
เธอจึงออกปากท้าอากง ว่าจะหาสามีที่ดีมาโชว์ให้ได้
แก้วกัลยาเลือก "เพทาย" ประธานหนุ่มแห่งวินัสมีเดีย
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ ผู้ชายที่เธออยากจะเอาชนะใจ
ผู้ชายที่ติดอยู่ในความทรงจำของเธอมาตลอดเจ็ดปี

แก้วกัลยาจะพิชิตใจเพทายได้หรือไม่ติดตามได้ใน "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
Tags: แก้วกัลยา เพทาย ความรัก เดิมพัน

ตอน: ตอนที่ 22 เด็กผู้อยู่ในเหตุการณ์ (ตอนปลาย)

22
เด็กผู้อยู่ในเหตุการณ์ (2)





แก้วกัลยาขับรถเลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้าโรงพักตามเวลานัดหมายที่นัดไว้ผู้กองนวัชแชะผู้กองอติพงษ์ ทันทีที่จอดรถลงรถอีกคันก็เลี้ยวมาจอดขนาบข้าง แก้วกัลยาหันไปเห็นรถคันนั้นก็จำได้ทันที ยิ่งเจ้าของรถเปิดประตูเดินลงมาใบหน้าแก้วกัลยาก็ร้อนวูบวาบขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงคำพูดของเขาในโทรศัพท์ แก้วกัลยานั่งนิ่งในรถไม่กล้าเปิดประตูออกไป เอาแต่นั่งเถียงอยู่ในความคิดของตัวเอง

“คุณเพชรเขาไม่กล้าหรอก เขาก็แค่แกล้งพูด แกคิดมากเปล่าวะแก้ว” แก้วกัลยาถามตัวเอง

“แต่คุณเพชรไม่เคยพูดแบบนี้กลับมาเลยนะ ถ้าคุณเพชรทำล่ะ เฮ้ย...แต่คุณเพชรเขาสุภาพบุรุษจะตาย แตะนิดเดียวหน้าก็แดงถอยหนีแล้วเขาจะกล้าได้ยังไง...แต่ถ้าเขากล้าล่ะ” แก้วกัลยานั่งเถียงตัวเองอยู่ในรถไปมา

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

แก้วกัลยาสะดุ้งตกใจหันไปมองคนที่เคาะรถ เพทายกำลังยืนอยู่ข้างรถเธอ แก้วกัลยามองเพทายด้วยท่าทีตกใจนิด ๆ มือหยิบกระเป๋าตัวเองเปิดหยิบตลับแป้งออกมามองหน้าตัวเองและมองริมฝีปากสีแดงของตัวเองในกระจก เพราะรีบมาจึงไม่ได้ตรวจเช็คเมื่อเห็นว่าสีแดงของเธอจางแล้วก็รีบหยิบลิปติกออกมาทาให้ปากชุ่มชื่นขึ้น

“ทำหรือไม่ทำก็ไม่รู้ เตรียมตัวไว้ก่อนก็แล้วกัน” แก้วกัลยาเอ่ยและมองความเรียกร้อยของตัวเองอีกครั้ง เพทายที่ยืนคอยเห็นแก้วกัลยาไม่ออกมาก็เคาะต่อมาอีกครั้ง แก้วกัลยาปลดล็อคประตูเพทายถอยหลังออกให้แก้วกัลยาเปิดประตูลงมายืนบนพื้น แก้วกัลยาหันไปปิดประตูและไม่ยอมหันกลับไป เพราะกำลังกลัวไม่สิ แก้วกัลยากำลังลุ้นว่าเขาจะทำอย่างที่พูดหรือเปล่า จนเพทายวางมือลงบนไหล่ของเธอ

“คุณจะทำอะไรฉันนะ” แก้วกัลยาหันหน้าไปมองเขาทันทีด้วยท่าทีตกใจอย่างโอเวอร์แอ็กติ้ง จนเพทายหลุดยิ้มออกมาเมื่อเห็นใบหน้าของแก้วกัลยาดูจะตกใจมาก

“ผมขอโทษ ผมไม่คิดว่าคุณจะตกใจ ปกติผมไม่เคยเห็นคุณขวัญอ่อนแบบนี้ ผมแค่จะบอกว่าจะไม่เข้าไปด้านในหรือครับ ผมเห็นคุณยืนจับประตูไม่ยอมหันมาแบบนี้ หรือมีธุระครับ”

“เอ่อ...เปล่าค่ะ พอดีฉันคิดอะไรเพลิน ๆ เราเข้าไปด้านในเถอะค่ะ” แก้วกัลยาเอ่ย เพทายพยักหน้าและเดินไป แต่แก้วกัลยากลับไม่ยอมก้าวตามจนเขาต้องหันกลับไปมองและมองแก้วกัลยาด้วยสีหน้าแปลกใจ

“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณแก้ว คุณดูแปลก ๆ”

“แปลก แปลกยังไง ฉันก็สวยปกติ ไม่แปลกนะ หรือคุณว่าฉันสวยขึ้น” แก้วกัลยาอยากจะบอกเหลือเกินคนที่แปลกน่ะมันเขาต่างหาก ช่วงนี้เขายิ้มบ่อยเกินไปไหม และมันทำให้หัวใจเธออ่อนแรง ปกติเขาทำหน้านิ่ง ๆ เธอก็รักก็หลงจะแย่ แต่ช่วงนี้เขายิ้มบ่อยจนเธอรู้สึกอยากละลายกลายเป็นอากาศ แล้วไหนจะคำพูดคำจาของเขาที่มันชวนใจสั่นนั่นอีก แล้วนี่อะไรพอเจอหน้าเธอทำเหมือนไม่มีอะไร ไม่ได้พูด

“ครับคุณสวย สวยเหมือนเดิม แต่ที่แปลก ผมว่าคุณดูเหมือนมีอะไรอยากจะพูดกับผม มีอะไรหรือเปล่า” แก้วกัลยาทำหน้าเหมือนนึกว่าจะพูดดีไหม ปกติคิดอะไรเธอก็พูดออกไปแต่ครั้งนี้เธอกลับพูดไม่ออก แก้วกัลยาเขย่งเท่าขึ้นก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้กับผู้ชายที่กำลังมองเธออยู่ ดวงตาเขาฉายแบบตกใจก้าวถอยหลังไปทันทีเมื่อเธอยืนหน้าเข้าไปใกล้

“ผมว่าผมเข้าไปข้างในก่อนดีกว่า คุณรีบตามไปนะ” แล้วเขาก็เดินจากไปทิ้งให้แก้วกัลยายืนนิ่งค้าง รู้สึกจิตใจห่อเหี่ยวขึ้นมาทันที ไหนเขาว่าจะจูบเธอไง ทำไปเขาปล่อยให้เธอรอเก้อแบบนี้ล่ะ

“อะไรกัน คุณจำไม่ได้ หรือแกล้งให้ฉันเก้อเนี่ย ทำไมไม่รับผิดชอบคำพูดของคุณเลยนะคุณเพชร” แก้วกัลยาบ่นอุบอิบ อาจจะเขินเล็กน้อยแต่เธอก็อยากให้เขาจูบเธอบ้างมันจะได้ช่วยยืนยันว่าอย่างน้อยเขาก็สนใจเธอบ้าง ในขณะที่เธอกระโจนเข้าหาเขาแบบแทบจะถวายตัวเองใส่พาน แต่เขากลับไม่มีทีท่าจะจับเธอเลย แค่จับมือเขายังทำท่านึกแล้วนึกอีก คิดแล้วกลุ่ม แก้วกัลยามีสีหน้าคิดหนักขึ้นมาอีก แต่เมื่อเห็นเพทายเดินไปไกลแล้วก็รีบเดินตามไปพร้อมเดินตามหลังเขาเข้าไปในโรงพัก ตำรวจสองคนที่เห็นโจทย์เดิมมาก็เดินนำแก้วกัลยาและเพทายเข้าไปในห้องทำงานของนวัชที่กำลังนั่งคุยอยู่กับอติพงษ์

“มาแล้วหรอครับคุณแก้ว”

“ก็เห็นนี่คะ” แก้วกัลยาเอ่ยกลับไปด้วยท่าทีไม่ค่อยจะพอใจนัก เพราะยังหงุดหงิดกับท่าทีของเพทายที่ทำท่าทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่พูดให้เธอนั่งคิด มโนไปว่าเขาจะจูบเธออยู่ตั้งนาน คิดแล้วมันก็หงุดหงิดขึ้นมา

“ไม่พอใจอะไรอย่ามาลงที่พวกผมสิคุณแก้วกัลยา” นวัชเอ่ยทำสีหน้ากวน ๆ ใส่แก้วกัลยา แก้วกัลยากำลังจะหันไปต่อความยาวกับผู้กองนวัช แต่อติพงษ์ที่นั่งคั่นกลางอยู่กลัวจะเสียเวลาจึงรีบเอ่ยห้ามทัพไว้

“มาแล้วนั่งเลยครับเราจะได้เริ่มคุยกันเลย”

“เรื่องชนกนาถเป็นยังไงบ้างครับ”

“คุณชนกนาถเสียชีวิตจากการฆาตกรรม คนร้ายตีเข้าที่ศีรษะคุณชนกนาถสองครั้ง บริเวณท้ายทอยและศีรษะ และยิงเข้าที่หน้าอกอีกหนึ่งนัด คิดว่าคุณชนกนาถน่าจะเสียชีวิตหลังถูกยิง ก่อนคนร้ายจะปล่อยรถลงน้ำ เพื่อให้ระยะเวลาในการหายตัวไปสอดคล้องกับเรื่องคุณทวีป”

“แล้วปืนที่ใช้ยิงล่ะครับ”

“ปืนของคุณ คุณเพทาย” เพทายหน้านิ่งไปเหมือนรู้อยู่แล้วว่าเรื่องจะออกมาอีหรอบเดิม คนร้ายทำทุกอย่างเพ่อให้เขาผิด มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่

“คุณคงจะได้กลายเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีที่สอง ถ้าครั้งนี้เราไม่พบเส้นผมในมือคนตายเสียก่อน”

“หมายความว่ายังไงครับ”

“จากที่คาดการณ์ไว้คนร้ายต้องการอำพรางคดี หลังจากตีเข้าที่ศีรษะคุณชนกนาถ ก่อนจะจับคุณชนกนาถขึ้นรถเพื่อจะปล่อยรถลงน้ำแต่คุณชนกนาถได้สติขึ้นมาก่อน เธออาจจะกระชากเข้าที่ศีรษะคนร้าย และคนร้ายจึงยิงเข้าที่หน้าอกคุณชนกนาถ และเธอก็เสียชีวิตหลังจากนั้นทุกอย่างก็ตามที่ผมบอกไป”

“แล้วเส้นผมนั่น”

“เป็นเส้นผมผู้หญิง แต่เรายังไม่สามารถระบุเทียบดิเอ็นเอเส้นผมได้”

“แสดงว่าวันที่เธอออกจากโรงแรมคุณชนกนาถออกมาพบคนร้ายที่อาจจะเป็นผู้หญิงเจ้าของเส้นผม และผู้หญิงคนนี้ก็มีโอกาสเป็นคนร้ายในคดีฆ่าคุณทวีป”

“ก็อาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ได้ จนกว่าเราจะหาผู้หญิงคนนั้นพบ”

“ผมขอเล่าต่อนะครับ ภาพกล้องวงจรปิดตามจุดต่าง ๆ ที่จับภาพรถของคุณชนกนาถได้ เธอไปพบกับใครคนหนึ่งที่ร้านอาหารไม่ไกลจากหมู่บ้าน”

“ใช่คนร้ายไหม”

“จากคำให้การของพนักงาน เธอนัดกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งไว้”

“ใช่ลูกชายของเธอไหม” แก้วกัลยาโพล่งถามออกไป

“ครับ เป็นลูกชายเธอ คุณอธิปเป็นเพื่อนคุณชนกนาถพอจะรู้ไหม ว่าคุณอธิปเดินทางกลับมาที่ไทย”

“ผมได้ยินจากนกว่าอาร์ทจะกลับมาปลายเดือนนี้ แต่ผมไม่รู้ว่าเขากลับมาก่อน”

“ครับ เราได้ภาพยืนยันมาแล้วและถ้าลองตรวจสอบประวัติ เด็กผู้ชายที่คุณชนกนาถไปพบคือ อธิปลูกชายของเธอ เดี๋ยวก่อนนะครับก่อนจะกลับเข้าเรื่อง คุณแก้วรู้ได้ยังว่าเด็กผู้ชายที่ผมบอกคืออธิป” แก้วกัลยานิ่งและเงียบ สายตาสามคู่จ้องมองมาทางเธอเหมือนกำลังหาคำตอบ

“โอเค ฉันรู้ฉันสวย พวกคุณไม่ต้องมองฉันอย่างสนใจขนาดนี้ก็ได้”

“คุณได้อะไรออกมาอีกและไม่ได้ให้มันกับผม คุณแก้ว” แก้วกัลยามองหน้านวัช และอติพงษ์ก่อนจะหันไปมองเพทายที่สายตากำลังรอคอยคำตอบอะไรบางอย่าง

“ฉันขอโทษคุณเพชรที่ไม่เชื่อคุณ” แก้วกัลยาเอ่ยและหยิบซองพลาสติกที่ใส่กระเป๋าสตางค์ใบนั้นส่งให้กับนวัชและอติพงษ์ เพทายทำหน้านิ่งสบตากับเธอเพียงแวบหนึ่งก็เมินหนีไป แก้วกัลยาหันไปมองนวัชตาขวาง

“เราได้ภาพจากกล้องวงจรปิดหน้าร้าน และบริเวณลานจอดรถภาพจับเห็นลูกชายของคุณชนกนาถขึ้นรถคันนั้นไปด้วย แต่รถที่พบในที่เกิดเหตุไม่เห็นศพของอธิปเลย เราคิดว่าเขาน่าจะอยู่กับแม่เขาเป็นคนสุดท้ายและไปพบกับคนร้ายในที่เกิดเหตุ และเขาอาจจะหนีไปได้”

“หรือไม่ก็โดนคนร้ายจับตัวไป” อติพงษ์เอ่ยต่อ

“คุณบอกว่าคุณพบกระเป๋าสตางค์ใบนี้ในบ้านใช่ไหมครับ”

“ฉันพบที่สวนหลังบ้าน”

“เจ้าหน้าที่พบรอยเท้าคู่หนึ่งจากหลังครัว จากรอยเท้าสันนิษฐานว่าเป็นรอยเท้าผู้ชาย”

“พวกคุณทำงานไม่ละเอียด”

“ไม่ใช่ไม่ละเอียด แต่รอยเท้านั้นมันถูกเช็ดออกไปเกือบหมด ผมกับทีมพึ่งกลับเข้าไปตรวจสอบหลังวันที่คุณแอบเข้าไปในที่เกิดเหตุนั่นแหละ” แก้วกัลยาถลึงตาใส่ตำรวจพูดมากทันที และหันไปมองเพทายที่สีหน้าดูนิ่งขรึมลง

“แล้วไงต่อค่ะคุณผู้กองนวัช คุณรีบพูดมาให้หมดก่อนฉันจะของขึ้น” นวัชจำน้ำเสียงไม่พอใจของแก้วกัลยาได้

“ผมไปขอตรวจเช็คกล้องวงจรปิดที่สนามบิน ดูเหมือนวันนั้นอธิปลูกชายของคุณชนกนาถจะโดยสารแท็กซี่เข้าไปในหมู่บ้านแต่เขาให้รถไปส่งทางหลังบ้าน จึงไม่มีภาพของเขาบันทึกไว้ แต่เหมือนเขาจะสวนทางกับรถคุณเพทายที่ออกไป และมีภาพตอนเขาออกมาจากหมู่บ้านหลังจากนั้นอีกหนึ่งชั่วโมง จากภาพที่จับได้ดูเขาจะรีบมากด้วย”

“เป็นไปได้สูงว่าเขาจะพบคนร้าย”

“ก็อย่าพึ่งด่วนสรุปไป เขาอาจจะเห็นศพพ่อเขาและตกใจวิ่งออกไปก็ได้”

“คุณตำรวจคะ”

“เอาล่ะหยุดก่อน ๆ วันนี้ที่ผมนัดคุณสองคนมา ก็เพื่อมาช่วยดูกล้องวงจรปิด ว่าคุณคุ้นตาใครบ้างไหม ส่วนนายเปิดภาพให้คุณสองคนเขาดู”

“คุณสองคนเชื่อแล้วใช่ไหมล่ะว่าคุณเพชรไม่ได้ทำอะไรผิด”

“ก็จนกว่าจะจับคนร้ายได้จริง ๆ” ผู้กองนวัชเปิดภาพกล้องวงจรปิดที่ได้มา ทั้งหมดนั่งต้องภาพที่ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ จนรถของเพทายขับเข้าไปในหมู่บ้าน แลกบัตรที่ต้องทำทุกครั้ง แก้วกัลยากำลังคิดบางอย่าง การเข้าออกหมู่บ้านจำเป็นต้องมีการแลกบัตรทุกครั้ง และจะมีการแจ้งการเข้าหมู่บ้านยิ่งถ้าเป็นคนแปลกหน้าด้วยแล้ว

“ตอนที่ลูกชายคุณชนกนาถเข้าไปในหมู่บ้านได้มีการแจ้งอะไรไหม”

“ยามคนนี้จำได้ว่าคุณอธิปเป็นลูกชายคุณทวีปเลยปล่อยให้เข้าไป ตอนอธิปวิ่งออกมาเป็นจังหวะยามที่เฝ้าหน้าหมู่บ้านไปเข้าห้องน้ำ แล้ววันนั้นเขาเป็นเวรคนเดียวไม่มีคนเฝ้าแทน แต่ระหว่างนั้นก็ไม่มีใครเข้าออกตามที่เห็นในกล้องวงจรปิด”

“คุณช่วยย้อนภาพตั้งแต่แรกให้ฉันใหม่ได้ไหม” นวัชย้อนภาพกลับ แก้วกัลยาจ้องหน้าจอมอนิเตอร์ จนเห็นรถสปอร์ตสีดำกำลังวิ่งเข้าหมู่บ้าน เจ้าของรถจอดชะลอตัวรถลงก่อนจะเลื่อนบานกระจกรถลงเพื่อส่งบัตรให้กับยาม

“คุณหยุดภาพก่อน” แก้วกัลยาเอ่ยสั่งและยื่นหน้าเข้าไปใกล้กับจอมอนิเตอร์

“คุณช่วยซูมภาพเจ้าของรถคนนี้ให้ฉันทีสิ” แก้วกัลยาเอ่ยสั่ง นวัชเริ่มมองตาขวางแต่ก็ทำตาม แก้วกัลยาจ้องภาพใบหน้านั้นก่อนจะเอียงคอซ้ายขวา แก้วกัลยาแทบจะแนบใบหน้าไปกับจอคอมพิวเตอร์อยู่แล้ว

“มีอะไรหรือเปล่าคุณ”

“ผู้หญิงคนนี้คุณ ฉันเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ ผู้กองติ คุณลองมามอง แล้วตอบสิว่าคุณเคยเห็นเธอไหม” อติพงษ์เพ่งพินิจและเริ่มคุ้นจนแก้วกัลยาหยิบรูปใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าและยื่นมันให้กับอติพงษ์

“ใช่จริง ๆ ด้วย ผู้หญิงคนนี้เข้าไปในหมู่บ้านลักษณะรูปพรรณสัณฐานคล้ายกับคนที่ว่าจ้างอธิชาติ” อติพงษ์เอ่ยและมองรูปภาพในมือสลับกับภาพในกล้องวงจรปิด ผู้หญิงในรูปถ่ายและในภาพวงจรปิดใส่แว่นดำปิดอำพราง เพียงแต่ในรูปถ่ายมีผู้หญิงใช้ผ้าปิดช่วงปากไว้ แต่ลักษณะท่าทางทรงผมคล้ายกันมาก

“ถ้าอย่างนั้นผมจะติดต่อเจ้าหน้าที่ที่หมู่บ้านขอข้อมูลประวัติเข้าออกหมู่บ้านในวันเกิดเหตุมาด้วย เดี๋ยวก็ได้รู้ว่าใช่คนเดียวกับในภาพไหม”

“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณเพชร” แก้วกัลยาเอ่ยถามเห็นเพทายกำลังมองรูปและกล้องวงจรปิด

“ผมว่าผมเคยเจอผู้หญิงคนนี้”

“คุณไม่ได้มั่วใช่ไหม” แก้วกัลยาถาม

“ไม่ ผมเคยเห็น วันที่นกนัดผมไปเจอเมื่อเดือนก่อน ตอนที่ผมมาถึงผมเห็นผู้หญิงคนนี้เดินเลี่ยงออกจากโต๊ะไปแล้ว ผมก็ไม่ได้เอะใจอะไร รู้แค่ว่าเธอเป็นเพื่อนของนก”

“คุณเห็นหน้าเขาชัดไหม แล้วแยกออกหรอว่าใช่”

“ผมว่าผมจำไม่ผิดคน ถ้าเราได้รูปถ่ายหน้าเต็ม ๆ ของผู้หญิงคนนี้มาก็อาจจะยืนยันได้ ถ้าคุณตำรวจไม่เชื่อผมน่าจะลองไปถามแม่บ้านดู เพราะตอนผมถามนก ๆ บอกว่าเป็นเพื่อนสนิทกันตอนเรียนมหาวิทยาลัยแต่ไม่บอกผมว่าเธอชื่ออะไร แต่บอกแค่ว่าแวะไปค้างที่บ้านบ่อย ๆ ช่วงที่คุณทวีปไม่อยู่”

“เราจะลองย้อนภาพกล้องบ้านคุณทวีปได้ไหมคะ”

“กล้องวงจรปิดนี้พึ่งติดเมื่อไม่นานมานี้ แม่บ้านบอกว่าช่วงหลัง ๆ คุณชนกนาถรู้สึกแปลก ๆ เลยให้คนเอามาติดไว้” แก้วกัลยาพยักหน้ารับ

“วันนี้คุณเรียกคุณเพชรมาแค่นี้เนี่ยนะ”

“ก็มีส่วน ผมกำลังจะบอกคุณเพชรอีกเีรื่องหนึ่ง ตอนนี้สถานะคุณเพทายอาจจะเปลี่ยนไปแล้ว คนร้ายเป็นใครผมยังไม่สามารถระบุได้ แต่หลักฐานหลาย ๆ อย่างคุณอาจจะหลุดคดีเร็ว ๆ นี้ เศษแจกันเปื้อนเลือดที่คุณแมทธิวเก็บมาได้ ผมนำไปเทียบดีเอ็นเอแล้ว มันไม่ตรงกับคุณทวีป และคุณ สภาพการหลาย ๆ อย่างมันดูชัดเจนที่จะบอกว่าคุณเป็นฆาตกร แต่กับมีอะไรหลาย ๆ อย่างขัดกับสภาพความเป็นจริง”

“คุณเพชรจะหลุดจากคดีนี้ใช่ไหมคะ”

“ก็ไม่เชิงว่าหลุด แต่อาจจะยังเป็นผู้ต้องสงสัยจนกว่าจะได้รับความชัดเจนของเรื่องนี้ พรุ่งนี้ผมจะไปสืบเรื่องผู้หญิงในรูปนี้ ผมขอเตือนคุณแก้วกัลยา ตอนนี้อย่าพยายามสร้างปัญหา เพราะคนร้ายจะไหวตัวทัน เข้าใจที่ผมพูดไหมครับคุณแก้วกัลยา” ผู้กองนวัชมองแก้วกัลยาที่ไม่ยอมตอบรับ เขารู้มาจากอติพงษ์ รวมกับเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้น แก้วกัลยามักจะเอาตัวเองเข้าไปยุ่งจนเกิดเรื่องเสมอ เขาจำเป็นต้องกันผู้หญิงคนนี้ออกจากคดี

“ถ้าคุณขัดคำสั่ง ผมจะจับคุณในข้อหาขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่”

“ได้ยังไง ฉันไปขัดขวางตอนไหน”

“ผมดักทางคุณไว้ก่อน คราวก่อนคุณก็ทำเรื่องยุ่งไปรอบหนึ่งแล้ว อยู่ ๆ บุกเข้าบ่อนไม่แจ้งตำรวจ คราวนี้คนร้ายยังไม่สามารถบอกระดับอันตรายได้ แต่การที่คนร้ายสามารถฆ่าคนได้สองคน ที่อาจจะรวมไปถึงคดีก่อนหน้านี้อีกสองคดี แสดงว่าคนร้ายต้องอันตรายมาก และถ้าคนร้ายไหวตัวทันหนีไป คุณจะรับผิดชอบไหม”

“ฉันไม่สัญญา แต่ถ้าไม่จำเป็นจะไม่ยุ่ง จบนะ” แก้วกัลยาเอ่ยตัดปัญหาและรีบลุกเดินออกไป เพทายหันไปมองตำรวจทั้งสองคนที่ทำสีหน้าหนักใจ

“ผมจะคุยกับคุณแก้วเอง ยังไงถ้าได้เรื่องอะไรติดต่อผมกลับด้วย เรื่องอาร์ทผมจะช่วยตามสิบให้อีกแรง ถ้าเขาไม่โดนจับเขาคงจะฉลาดพอที่จะไปหาตำรวจแน่นอน แต่เขาหายไปเป็นอาทิตย์ผมไม่แน่ใจ ว่าตอนนี้เขาจะเป็นยังไง”

“ผมจะลองติดต่อไปตาม สน.ต่าง ๆ ในเขตใกล้เคียงอาจจะมีคนมาแจ้งตำรวจไว้”

“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวนะครับ”

“เดี๋ยวครับคุณเพทาย ผมฝากขวดน้ำหอมนี่ให้คุณแก้วกัลยาด้วยครับ” เพทายมองขวดน้ำหอมด้วยสายตาจับผิด อติพงษ์ยิ้มทันทีก่อนจะรีบปฏิเสธ

“มันเป็นของคุณชนกนาถครับ คุณแก้วกัลยาบอกว่าอยากให้ผมเอาออกมาให้ เอาไว้ให้เธอเอามาคืนผมพรุ่งนี้ก็ได้ครับ” เพทายพยักหน้าและรับขวดน้ำหอมที่ใส่ในซองพลาสติกและเดินตามแก้วกัลยาออกไป เขาเห็นแก้วกัลยากอดอกยืนพิงประตูรถ ใบหน้าสวยก้มไม่เงยขึ้นจนเขามาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ

“ฉันผิดสัญญากับคุณอีกแล้ว คุณจะโกรธฉันไหม” แก้วกัลยาพูดและเงยหน้าขึ้น

“ฉันไม่ปฏิเสธด้วยว่าไม่ตั้งใจ ฉันตั้งใจจะไปบ้านคุณทวีป ฉันไม่สามารถรับปากอะไรก็แล้วแต่ที่เป็นเรื่องของคุณได้ คุณจะโกรธฉันก็ได้ แล้วฉันจะง้อคุณทีหลัง” แก้วกัลยาพูดและมองเพทายที่ยังยืนเงียบมองเธอด้วยแววตานิ่งจนแก้วกัลยาเองก็รู้สึกใจแป้วขึ้นมา

“คุณเพชร คุณอย่าเงียบสิ”

“กลับบ้านเถอะ เดี๋ยวผมต้องไปธุระต่อ” แก้วกัลยาจับมือเขาไว้

“เอาเป็นเอาต้นกระบองเพชรอีกสองต้นมาแล้วผมจะหายโกรธ” แก้วกัลยายิ้มและรีบเดินไปดักหน้าเขาไว้มองใบหน้าเพทายที่ค่อย ๆ ยิ้มออกมา แก้วกัลยากระโดดกอดเพทายแน่นอย่างไม่อายใคร

“เดี๋ยวคุณที่รักขาเริ่มเล่นละครเก่งใหญ่แล้วนะ”

“อยู่กับคุณ ผมต้องเล่นให้เนียน”

“คุณไม่โกรธฉันหรอ”

“ก็อยากจะโกรธ แต่คุณทำเพื่อผม ผมโกรธไม่ลง แต่ไม่ได้หมายความว่าผมสนับสนุน ทำอะไรคิดถึงตัวเองให้มาก ๆ นะคุณแก้ว ถ้าคุณเป็นอะไรไปจะมีคนอีกหลายคนเสียใจ อย่าทำแบบนี้อีกนะครับ”

“ครั้งหน้าฉันสัญญาจะแจ้งตำรวจก่อน”

“ตามนั้นก็ได้ครับ เดี๋ยวผมต้องไปธุระต่อ”

“ธุระอะไรคะ” เพทายนิ่งไป “ถ้าคุณไม่สะดวกไม่ต้องบอกฉันก็ได้ ฉัน...”

“ผมกำลังตามเรื่องบริษัทเรื่องข้าวที่รั่วออกไป ผมตรวจเจอความผิดปกติบางอย่างของบริษัท หลายเดือนมานี้มีการถอนเงินออกไปจากบริษัท มีการของบไปใช้ แต่กลับไม่มีผลงานตามที่ของบไป”

“มีคนยักยอกเงินในบริษัทออกไป

“ครับ แล้วยังมีอีกเรื่อง เรื่องของบริษัทคู่แข่ง ผมยังไม่มั่นใจ ตอนนี้กำลังรอหลักฐานบางอย่างที่ผมให้คนไปหามา ถ้าได้มาเมื่อไหร่ มันจะเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาทันที และมันอาจจะส่งผลกระทบกับบริษัทด้วย”

“ฉันเอาใจช่วยคุณนะคะ เรื่องคดีจะจบแล้ว เรื่องหนอนตัวใหญ่ในบริษัทของคุณก็คงจะจบพร้อมกัน ปัญหาพวกนี้กำลังจะผ่านไปแล้วนะคะ คุณต้องสู้ คุณป้าดูแข็งแรงขึ้น อีกไม่นานท่านต้องฟื้น เรื่องทุกอย่างต้องเรียบร้อยแน่นอน”

“ครับ ผมก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น นี่ครับผู้กองติฝากให้ผมเอามาให้คุณ” แก้วกัลยารับถุงนั้นมาและมองเพทาย

“คุณจะไม่ถามฉันหน่อยหรอว่าฉันเอามาทำไม”

“ผมเชื่อใจคุณ” แก้วกัลยายิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำที่เขาพูด

“ผมต้องกลับก่อน แล้วผมจะโทรกลับนะครับ” แก้วกัลยาพยักหน้า ก่อนจะมองเพทายเหมือนรออะไรบางอย่างแต่เขาก็ยังยืนมองเธอและยิ้มให้

“คุณลืมอะไรหรือเปล่าคะ” คำถามของแก้วกัลยาทำให้เพทายขมวดคิ้วทำหน้าเหมือนงง ๆ

“ไม่นี่ ผมต้องไปแล้ว คุณแก้วครับรถระวังด้วยนะครับ ผมคงตามไปส่งไม่ได้” แก้วกัลยาพยักหน้ารับไม่ได้พูดอะไร และมองเพทายหันหลังเดินขึ้นรถตัวเองไป พลันใบหน้าสวยก็ยับยู่ยี่ขึ้นมาอีกครั้ง

“ไม่ลืมอะไรกัน นี่ฉันหวังอะไรอยู่วะเนี่ย รู้ถึงไหนอายถึงนั่น แก้วกัลยามารอจูบผู้ชายแล้วแป้ก คนที่อยากให้ก็ไม่เอา ไอ้คนที่ไม่ให้ทำไมถึงอยากได้เนี่ย โลกนี้มันช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย” แก้วกัลยาเอ่ยและรีบขึ้นรถไป ใบหน้าสวยฉายแววขุ่นเคืองใจ รู้สึกเหมือนโดนทิ้งไว้กลางทาง เธอก็แค่อยากให้เขาแสดงท่าทีให้ชัดกว่าการทำหน้าตาอบอุ่น ยิ้มให้ เพราะนี่มันก็ไม่ต่างจากที่ดารินทิพย์ได้ เธอหวังว่าเขาจะแสดงให้เธอรู้ว่าเขารักเธอมาก

"เพ้อเจ้อมากเลยไอ้แก้ว แค่จูบแกจะเฟลทำไมวะ เขาแค่พูดเล่น ๆ แกจะจริงจังทำไม ถ้าเขาจูบแกสิแปลก เอาเป็นฉันจะเก็บไว้ทบต้นทบดอกครั้งหน้าแล้วกัน คอยดูนะคุณเพชร ฮึ่ย!!!" แก้วกัลยายังไม่เลือกนั่งงี่เง่าอยู่ในรถ จนเสียงเคาะกระจกดังขึ้น

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

แก้วกัลยากดเลื่อนบานหน้าต่างลงและมองคนที่ยืนอยู่ข้างประตูรถด้วยสีหน้าแปลกใจนิด ๆ ที่เห็นเขามายืนอยู่ข้างรถ แก้วกัลยามองด้วยสายตาสงสัย

“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณเพชร”

“ผมนึกขึ้นได้ ผมมีความลับจะบอกคุณแก้วครับ” แก้วกัลยาทำหน้างง และมีสีหน้าสนใจความลับของเขาขึ้นมาทันที ถ้าเขาบอกว่าเขาเคยมีลูกกับผู้หญิงอื่นเธอจะกรีดร้องออกมาแน่นอน แก้วกัลยาคิดในใจ

“แถวนี้อาจมีคนร้ายอยู่ คุณขยับมาใกล้ ๆ ผมหน่อยสิครับ” แก้วกัลยาทำตามที่เพทายบอก และยื่นหน้าออกไปเพื่อให้ได้ยินสิ่งที่เพทายจะบอก เพทายขยับเข้าไปใกล้แก้วกัลยาในระยะประชิดลมหายใจของเขาเป่ารดที่ใบหน้าของแก้วกัลยา แก้วกัลยาตกใจนิ่งไปชั่ววูบ เหมือนตกใจเล็กน้อยที่เขายื่นหน้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว และแก้วกัลยาก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อริมฝีปากของเพทายกดประทับลงที่หน้าผากของเธออย่างแผ่วเบาก่อนจะเลื่อนลงมาที่จมูกและไล้ลงมาที่ข้างแก้ม แก้วกัลยาใจเต้นระทึกเมื่อเขากำลังขยับริมฝีปากร้อนมาที่ริมฝีปากอวบอิ่มของเธอ แก้วกัลยากลั้นหายใจด้วยท่าทีของคนกำลังตกใจเมื่อถูกเขาจู่โจมในแบบที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว ริมฝีปากที่แตะลงที่ริมฝีปากเริ่มกดย้ำลงมาให้เธอสัมผัสได้ชัดขึ้น จูบของเขามันเกินกว่าที่จินตนาการไว้มาก มันอ่อนโยน นุ่มละมุน เขาค่อย ๆ ถ่ายทอดความหวานล้ำผ่านรอยจูบ เธอไม่อยากจะเชื่อว่าเขากำลังจะจูบเธอ จังหวะที่เปิดริมฝีปากเรียวลิ้นนุ่มร้อนของเขาก็แทรกเข้ามาทักทายเธอ จากนุ่มละมุนเริ่มร้อนแรง แก้วกัลยาเคลิ้มไปกับรสจูบที่ถ่ายทอดความรู้สึกของเขาออกมา จนเธอเริ่มหายใจไม่ได้ เขาจึงผละใบหน้าหล่อสุภาพของเขาออก แก้วกัลยาอ้าปากข้าวอยากจะพูดก็พูดไม่ออก เพทายยิ้มเหมือนจะขำกับท่าทีเหมือนกระต่ายตูมของเธอ เขายื่นมือปิดปากที่กำลังอ้าค้างของเธอให้ปิดลงก่อนที่แมลงวันจะบินเข้าไปทำรัง

"คุณ...คุณ..."

"คุณถามว่าผมลืมอะไรไม่ใช่หรอ ผมจะมาบอกว่าผมไม่ได้ลืม แล้วตอนนี้คุณรู้แล้วใช่ไหม ถึงผมจะคบผู้หญิงมาแค่คนเดียว แต่ผมจูบเป็น ทบต้นทบดอกให้คุณแล้วนะ"

"คุณ"

"ถ้ายังพูดแค่คำว่าคุณผมจะกลับแล้วนะ แล้วจูบนั่นไม่ใช่แค่คำขอบคุณ ผมไม่เคยจูบใครเล่น ๆ แบบที่ทำอยู่มันคือสิ่งที่ผมอยากจะพูด หลังจบเรื่องเราค่อยคุยกันอีกทีนะครับ ผมต้องกลับบริษัทแล้ว ขับรถระวังด้วยนะครับ" เขาเดินกลับขึ้นไปด้วยใบหน้ายิ้มไม่มีท่าทีเขินอาย ในขณะที่แก้วกัลยาหน้าแดงจัดและร้อยฉ่าไปทั่วหน้า นี่เธอกำลังโดนลูบคมหรือเปล่า แต่เมื่อกี้เธอไม่ได้ฝันไปใช่ไหม ทั้งจูบของเขา ทั้งคำพูดของเขา ทุกอย่างมันเรื่องจริงใช่ไหม

เพียะ!!!

"เจ็บ นี่ฉันไม่ได้ฝัน คุณเพชร ๆ จูบฉัน คุณเพชรบอกว่าไม่ใช่คำขอบคุณ เขา ๆ ให้โอกาสฉันแล้ว" แก้วกัลยานั่งพูดพร่ำเพ้อไปมาในรถก่อนจะกรีดเสียงร้องออกมาอย่างปลื้มปริ่ม ตื่นตันหัวใจ ที่เธอพยายามทำทุกอย่างมันสัมฤทธิ์ผลแล้ว

“กรี๊ด!!!” แก้วกัลยากรีดร้องออกมาด้วยท่าทีตื่นเต้น มือไม้จับอะไรไม่ถูก เธออยากจะโทรไปหารักจิรา วันวิวาห์ ขวัญชีวัน ให้ทุกคนได้รับรู้ เธอทำสำเร็จ คุณเพชรชอบเธอแล้ว ใบหน้าของแก้วกัลยาอิ่มเอมด้วยความสุข แววตามีประกายของคนที่อยู่ในภวังค์แห่งรัก หัวใจของเธอตอนนี้ยังสั่นไหวไม่หยุดมันเต้นแรงขึ้น ภายในหัวใจคล้ายกับลูกโป่งที่กำลังสูบลงเข้าไป มันขยายใหญ่จนเหมือนจะระเบิดความสุขออกมา แม้แก้วกัลยาจะยิ้มบ่อย แต่รอยยิ้มหวานล้ำที่มีประกายความสุขไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย แต่ตอนนี้เธอกำลังสุขใจอย่างประหลาด เธอกำลังจะกลายเป็นคนประหลาดอย่างที่รักจิราชอบแขวะเธอ แก้วกัลยาเรียกสติที่หลุดลอยไปกับห้วงแห่งรักให้กับมาและรีบสตาร์ทรถออกไปด้วยหัวใจแช่มชื่น ภายในรถมีเสียงร้องเพลงอย่างคนตกอยู่ในบ่วงรักตลอดทาง อารมณ์ของแก้วกัลยาวันนี้ใครขออะไรเธอเธอสามารถให้ได้หมด ก็เธอกำลังมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนนับจากวันที่เสียพ่อและแม่ไป








แอ๊ด

เสียงบานประตูเปิดออก เสียงล้อรถวีลแชร์เคลื่อนเข้ามาในห้อง ภายในห้องมืดสนิท เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนวีลแชร์มองไปนอกห้องก่อนเพื่อสำรวจว่าจะไม่มีคนเข้ามา เขากดเปิดสวิตซ์ไฟ ก่อนจะเคลื่อนรถเข็นเข้าไปภายในห้องเก็บของ เด็กหนุ่มหล่อตาขาวซีดดั่งคนที่สุขภาพไม่ได้วางถาดอาหารลงบนโต๊ะมุมห้องก่อนจะเคลื่อนรถวีลแชร์ไปใกล้กับร่างที่นอนขดตัวอยู่มุมห้อง ตัวตามมีรอยแผลทั้งใหม่และเก่า สภาพของเขาย่ำแย่ขึ้นทุกวัน

“นี่ นี่นาย นายได้ยินผมพูดไหม ตื่นสิ” เด็กหนุ่มใช้เท้าเขี่ยที่ขาของเขา อธิปค่อย ๆ ลืมตาอย่างอ่อนแรง เขามองเด็กชายคนเดิมที่เข้ามาในห้อง

“ลุกขึ้นมากินข้าวหน่อยสิ”

“ฉัน...กิน...ไม่...ลง”

“ไม่ลงก็กินหน่อย พรุ่งนี้นายต้องมีแรงพอที่จะหนีไป”

“ยังไง”

“พรุ่งนี้ตอนเช้ามืดผมจะหาทางพานายออกจากที่นี่ หลังบ้านผมติดกับสวนมะม่วงลุงอิน พรุ่งนี้ตอนตีห้าลุงอินจะเอามะม่วงไปส่งตลาดในกรุงเทพ นายต้องแอบขึ้นรถคันนั้นไป และหาทางจับพี่สาวผมให้ได้”

“ทำไม”

“เถอะน่า เอาเป็นกินข้าวซะก่อนที่จะมีคนเข้ามา นายต้องออกจากที่นี่พรุ่งนี้เท่านั้นไม่อย่างนั้นนายจะไม่ได้ออกไปอีก เข้าใจที่ฉันพูดนะ” อธิปพยักหน้าและรับถอดข้าวที่เด็กหนุ่มอายุน้อยกว่ายื่นให้

“นายจะไม่ไปด้วยกันหรอ”

“ไม่หรอก”

“แต่ถ้าผู้หญิงคนนั้นรู้ว่านายช่วยฉันหนี เธอต้องฆ่านายแน่”

“เธอเป็นพี่สาวผม เธอไม่กล้าฆ่าผมหรอก เราต้องหยุด ก่อนที่พี่สาวผมจะทำร้ายใครไปมากกว่านี้ นายรีบกินเถอะก่อนพวกนั้นจะกลับมาเฝ้าห้อง” อธิปพยักหน้าและพยายามกินข้าวและยาที่วางอยู่ในถาด เด็กหนุ่มรีบถาดที่อธิปกินหมดมาถือ เสียงประตูเคาะขึ้นมา ทั้งสองหันมองหน้ากันด้วยแววตาตื่นตกใจ พลันบานประตูก็เปิดออก

“คูหนู รี่ออกมาเถอะค่ะ ไอ้พวกนั้นมันกิงข้าวโหมะแล้ค่ะ” สาวใช้ชาวพม่ารีบเก็บถอดและเข็นคุณหนูของตนออกจากห้อง พร้อมปิดไฟในห้องทำให้ห้องกลับมาในสภาพเก่า

“นี่อย่าลืมที่ฉันบอกนะ” อธิปพยักหน้าก่อนที่บานประตูจะปิดลง พร้อมกับชายหน้าตาเหี้ยมสองคนเดินเข้ามาในบ้าน ทั้งสองมองน้องชายของนายจ้างด้วยแววตาสงสัย

“แกพาคุณมิตรมาทำอะไรที่หน้าห้อง”

“คุงมิตรอยากจาสูดอากากหายจาย ใช่ไหมค่ะคูหนู”

“ชะ...ใช่ ไปเถอะ วาโพ” วาโพสาวใช้ชาวพม่ารีบเข็นรถวีลแชร์ของมิตรออกไปทันที วาโพเข็นรถวีลแชร์มาจอดด้านนอก ในบ้านมีผู้ชายลักษณะท่าทางไม่น่าคบหา แต่ละคนมีปืนเหน็บอยู่ที่ด้านหลังคนละกระบอก

“คูหนูจะทามจี ๆ หรอคะ ถ้าคูเมย์รู้พวกราตายแน่ ๆ”

“พรุ่งนี้พอเขาหนีไปแล้ว วาโพก็รีบออกไป เงินที่ผมให้พอจะให้วาโพน่าจะมีเงินพอกลับไปใช้ที่บ้าน หางานทำที่นั่น อย่ามาที่นี่จนกว่าทุกอย่างจะเงียบ”

“แต่คูหนูคะ”

“พี่เมย์ไม่ทำอะไรผมหรอก ผมปล่อยให้พี่เมย์ฆ่าใครไม่ได้อีกแล้ว” มิตรมีสีหน้าวิตกกังกล ฉายออกมา ถ้าเมื่อคืนเขาไม่บังเอิญไปได้ยินคนงานคุยโทรศัพท์กับเมทิตาว่าจะฆ่าอธิป เขาคงไม่ตัดสินใจทำแบบนี้ พี่สาวเขามาไกลเกินไปแล้ว เขาหยิบรูปถ่ายออกมาจากกระเป๋าเสื้อ รูปครองครัวใบสุดท้าย

“แล้ถ้าคูเมย์โดจะคูหนูจาไปอยู่ที่ไหนคะ”

“ไม่ต้องห่วงหรอกวาโพ มันต้องมีสักที่ที่ฉันอยู่ได้ ทำตามที่ฉันสั่งก็พอ ก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป ก่อนที่มือพี่เมย์จะเปื้อนเลือดไปมากกว่านี้ เราต้องหยุดพี่เมย์ก่อนทุกอย่างจะสายไป”


...ติดตามตอนต่อไป....


มาราตรีสวัสดิ์กันด้วยจูบหวาน ๆ จากคุณเพชร สมใจเจ๊แก้วแล้วไงล่ะ
แต่ก็ออกตัวนิดว่าฉากหวาน ๆ ของทั้งคู่มาแบบกระปิบกระปรอยมาก ตันทุกทีเวลาแต่ง
ไรเตอร์ชอบมาสายทรมานนางเอกมากกว่า โดยเฉพาะทรมานเจ๊แก้ว แต่งไปก็หมั่นไส้นางไป 555


ไม่มีอะไรมากกว่าฝากติดตาม มาช่วยกันติดตามต่อไปว่าจากนี้จะเป้นยังไงต่อไป
แล้วมิตรจะช่วยอธิปให้รอดจากความตายได้ไหม พบกันตอนต่อไปค่ะ ฝกาติดตามกันต่อไปค่ะ



พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ส.ค. 2558, 22:57:56 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ส.ค. 2558, 09:01:41 น.

จำนวนการเข้าชม : 951





<< ตอนที่ 21 เด็กผู้อยู่ในเหตุการณ์ (ตอนต้น)   ตอนที่ 23 โฉมหน้าฆาตกร >>
นักอ่านเหนียวหนึบ 6 ส.ค. 2558, 00:07:52 น.
เพ่เมย์เปครายละค้า มาเฉลยวายๆ นาค้า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account