แก้วขวัญวันรัก "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
เป็นเรื่องราวต่อยอดมาจาก แก้วขวัญวันรัก
โดยเรานำเรื่องราวของนางเอกทั้งสี่แบ่งพาสเป็นเรืองของตัวเองประกอบไปด้วย
"ประกาสิตรักแก้วกัลยา"
"พันธนาการรักขวัญชีวัน"
"ละลายรักวันวิวาห์"
"กลบ่วงรักรักจิรา"
โดยเรื่องแรกของ แก้วขวัญวันรักที่นำมาให้ได้อ่านกันคือ "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
แก้วกัลยาพี่สาวของโตของบ้านสิทธิทรัพย์อาภา
เมื่อถูกกดดันให้คลุมถุงชนกับเจษฎา เธอจึงต้องหาทางดิ้นให้พ้นบ่วงนี้
เธอจึงออกปากท้าอากง ว่าจะหาสามีที่ดีมาโชว์ให้ได้
แก้วกัลยาเลือก "เพทาย" ประธานหนุ่มแห่งวินัสมีเดีย
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ ผู้ชายที่เธออยากจะเอาชนะใจ
ผู้ชายที่ติดอยู่ในความทรงจำของเธอมาตลอดเจ็ดปี
แก้วกัลยาจะพิชิตใจเพทายได้หรือไม่ติดตามได้ใน "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
โดยเรานำเรื่องราวของนางเอกทั้งสี่แบ่งพาสเป็นเรืองของตัวเองประกอบไปด้วย
"ประกาสิตรักแก้วกัลยา"
"พันธนาการรักขวัญชีวัน"
"ละลายรักวันวิวาห์"
"กลบ่วงรักรักจิรา"
โดยเรื่องแรกของ แก้วขวัญวันรักที่นำมาให้ได้อ่านกันคือ "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
แก้วกัลยาพี่สาวของโตของบ้านสิทธิทรัพย์อาภา
เมื่อถูกกดดันให้คลุมถุงชนกับเจษฎา เธอจึงต้องหาทางดิ้นให้พ้นบ่วงนี้
เธอจึงออกปากท้าอากง ว่าจะหาสามีที่ดีมาโชว์ให้ได้
แก้วกัลยาเลือก "เพทาย" ประธานหนุ่มแห่งวินัสมีเดีย
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ ผู้ชายที่เธออยากจะเอาชนะใจ
ผู้ชายที่ติดอยู่ในความทรงจำของเธอมาตลอดเจ็ดปี
แก้วกัลยาจะพิชิตใจเพทายได้หรือไม่ติดตามได้ใน "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
Tags: แก้วกัลยา เพทาย ความรัก เดิมพัน
ตอน: ตอนที่ 23 โฉมหน้าฆาตกร
23
โฉมหน้าฆาตกร
เสียงเท้าก้าวเข้ามาในห้องมืด ทำให้อธิปลืมตาขึ้นตามสัญชาตญาณ แม้จะได้กินอาหารและยา แต่ด้วยสภาพร่างกายอ่อนล้าที่สะสมไม่ได้ทำให้อธิปรู้สึกดีขึ้น เขามองมิตรที่กำลังเคลื่อนวีลแชร์เข้ามาในห้อง ในมือถือไฟฉายส่องเข้ามา เขาดันตัวเองลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อน
“นายเข้ามาได้ยังไง”
“ผมให้วาโพจัดการคนเฝ้าประตูไปแล้ว ป่านนี้คงหลับอยู่นอกบ้าน นายตามฉันมา ฉันจะพานายออกไปทางประตูหลังบ้าน และนายต้องวิ่งรัดสวนด้านหลังออกไปให้ได้ นายมีโอกาสแค่ครั้งเดียวนะ” อธิปพยักหน้าและเดินตามรถวีลแชร์ไฟฟ้าไปที่ประตูหลัง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกมาจากห้องเก็บของนั่น เขาไม่มีเวลาพอจะสำรวจอะไรมาก เพราะความมืดภายในบ้านที่ปิดไฟดับสนิท จนมิตรมาเขามาหยุดอยู่ประตูหลังบ้าน
“ขอบใจนายมากนะ”
“ไม่เป็นไร รีบหนีไปเถอะ” อธิปพยักหน้าและไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้ เขาพลักประตูออกไป และกำลังจะวิ่งออกไปพลันก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนขวางทางไว้ด้านหลังของผู้หญิงผมบ็อบมีชายฉกรรจ์อีกห้าหกคนที่ยืนถือปืนทำหน้าโหดมองมาทางเขา อธิปกับมิตรหน้าซีดเผือกเมื่อสิ่งที่กำลังทำถูกจับได้
“แกคิดว่าแกจะหนีไปง่าย ๆ นั่นเหรอ” อธิปถอยหลังจะวิ่งกลับไปทางเก่า แต่กลับอีกชายฉกรรจ์อีกสามคนเดินมาขวางไว้ เมทิตายิ้มมุมปากกับท่าทีของทั้งคู่
“จับมันกลับไปที่ห้อง พามิตรไปขังไว้ จนกว่าจะถึงเย็นวันพรุ่งนี้ห้ามเปิดประตูให้ แม้แต่ข้าวน้ำถ้าฉันไม่สั่งก็ห้ามเอาเข้าไปไม่ให้ เมื่อฉันใจดีแล้วไม่เชื่อ ก็ต้องเจอแบบนี้ ตามหานังวาโพให้เจอ สมรู้ร่วมคิดกันดีนัก ฉันจะจับมันฝังพร้อมให้ไอ้เด็กเวรนี่ กล้าหลอกฉันเรื่องคลิป”
“ฉันไม่ได้หลอก มันมีอยู่จริง”
“ถ้ามีอยู่จริง งั้นแกก็บอกมามันอยู่ที่ไหน ถ้าแกไม่บอก จากนี้ อีกสามวัน ถ้าแกยังไม่ง้างปากออกมาแม้แต่นิดเดียว มิตรก็จะถูกขังอยู่ในห้อง ไม่มีการให้ข้าวให้น้ำใด ๆ ทั้งสิ้น”
“มิตรเขาเป็นน้องคุณนะ”
“น้องที่กล้าทรยศฉัน มันก็สมควรแล้ว ชีวิตมิตรแขวนอยู่กับแก จับมันกลับไป” อธิปมองมิตรที่ไม่ไม่ตอบโต้อะไร ยอมให้คนของเมทิตาพากลับไปที่ห้องแต่โดยดี เขาถูกลากกลับมาที่ห้องพร้อมกับมัดเชือกเอาไว้เพื่อไม่ให้มีโอกาสได้หนีอีก เขานั่งนิ่งอยู่ในห้องมืด ได้ยินเสียงมิตรตะโกนร้องเสียงดัง
แอ๊ด
ประตูเปิดออก เมทิตาก้าวเข้ามาในห้อง ใบหน้าสวยยังคงมีสีหน้าเรียบนิ่ง จ้องมองอธิปที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวถูกผูกติดกับเก้าอี้ไว้ เมทิตาก้าวมาหยุดอยู่ตรงหน้าก่อนค้อมตัวลงให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกัน เมทิตากรีดยิ้มออกมา มือคว้าจับที่คางของเขาก่อาจะบีบ เล็บยาวสีแดงจิกเข้าที่แก้มของเขาเมื่อเธอออกแรงบีบมากขึ้น แต่เขาไม่ปริปากร้องออกมา
“แกมันชั่ว แม้แต่น้องตัวเองก็ยังกล้าทำ แกมันไม่ใช่คน แกมันฆาตกร”
“ต่อให้แกด่าฉันให้ตาย ฉันก็ไม่สะเทือน ไม่ตายเพราะคำด่าของแก ฉันน่ะไม่ได้ชั่ว แต่ชั่วมาก และคนชั่วอย่างฉันจะฆ่าแก แกมีเวลาอีกแค่สามวัน ถ้าแกไม่คายความจริงออกมาฉันจะไม่เชื่อแกอีกว่าคลิปนั่นมีจริง และฉันจะเฉือนเนื้อแกและเผาส่งไปให้แม่แกในนรก”
“นรกมันที่ของแก”
“หรอ” เมทิตาทำสีหน้ายียวนส่งกลับมา “จะที่ของใครฉันไม่สน แต่ที่แน่ ๆ สามวันนี้นอกจากมิตรจะไม่ได้กินข้าวน้ำเหมือนแก ฉันจะให้คนจัดการนังวาโพด้วย ฉันจะจับมันมาเฉือนเนื้อต่อหน้าแกวันละชิ้น”
“แกมันไม่ใช่มนุษย์”
“ใช่ฉันมันเป็นปีศาจ เป็นปีศาจมานานแล้ว และฉันจะไม่เสียเวลามาคุยกับแกอีก วันนี้ถ้าฉันจับตัวนังวาโพได้ แกเตรียมมาดูการเชือดหน้าชิ้นแรกได้เลย และเศษเนื้อของมันฉันจะเอามาให้แกกิน” เมทิตาสะบัดมือตัวเองออกทำให้ใบหน้าของอธิปหันไปตามแรงเหวี่ยงสะบัด อธิปมองผู้หญิงที่โหดเหี้ยมอำมหิตผิดมนุษย์
“แกรู้ได้ยังไงว่าฉันจะหนีวันนี้”
“แกคิดว่าฉันไม่รู้เลยหรือไงว่ามิตรแอบเอาอาหารมาให้แก แกคิดว่าฉันโง่ขนาดนั้นเลยหรอ แหกตาดูโน่น” มิตรมองตามมือของเมทิตาที่ชี้ไปทางมุมห้อง มีกล้องวงจรปิดตัวจิ๋วติดอยู่
“แสดงว่าแกรู้มาตลอด แล้วทำไมแกถึงปล่อยให้มิตรมาพาฉันออกไป”
“สะใจเวลาเห็นคนผิดหวังไงล่ะ และฉันอยากรู้ว่าแกจะคายอะไรออกมาไหม แต่เหมือนหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมามิตรจะทำให้ฉันผิดหวัง ความใจดีของมิตรช่วยอะไรไม่ได้ เสียเวลาจริง ๆ”
“แก...”
“มีเวลาคิดก่อนฉันจะเจอนังวาโพ ถ้าแกยังปิดปากก็เตรียมกินเนื้อสด ๆ อาหารเช้าวันนี้ของแกก็คือเนื้อนังวาโพ เมทิตาเดินออกจากห้องไปพร้อมกับบานประตูแห่งอิสรภาพของเขาที่ปิดลงอีกครั้ง เขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ พระอาทิตย์คงจะขึ้นแล้ว แต่เขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว ภายในห้องเก็บของนี้เป็นห้องอับที่ปิดช่องทางทุกช่องจนไม่มีแสงรอดผ่านเข้ามา เขาทนมาได้อย่างไรเป็นอาทิตย์ เขาโดนผู้หญิงใจยักษ์คนนั้นทรมานด้วยกานส่งคนมาทำร้ายเขาหลายวันติดกันได้อย่างไร เขาจะตายไหม เขาจะมีโอกาสเอาความจริงนี้ไปแจ้งตำรวจ เอาผิดคนชั่วได้ไหม เขาจะเอาตัวรอดไปได้อย่างไร เพื่อคนอื่นจะไม่เดือดร้อน เวลาของเขาเหลือน้อยลงทุกทีแล้ว เขาต้องหาทางออกจากที่นี่ แต่จะทำยังไง
แอ๊ด
อธิปมองคนที่เข้ามาด้วยสีหน้าแววตาที่ตกใจ สาวพม่าเดินเข้ามาด้วยสีหน้ากระวนกระวาย ก่อนจะช่วยเขาแก้เชือกออกให้กับเขา และลากเขาวิ่งออกจากบ้าน ทันทีที่เข้าปะทะกับแสงไฟเขาก็รู้สึกหน้ามืดและเกือบวูบไป แต่วาโพช่วยประคองเขาไว้และวิ่งพาไปที่ประตูหลัง
“เดี๋ยวเธอไม่ได้หนีไปแล้วเหรอ แล้วมาที่นี่ได้ยังไง”
“คูอย่าถาอะไรมากได้ไหม เวลานี้ไม่ใช่เวลามาถาม คูต้องรี่หนีไป อย่าให้คูหนูต้องเจะตัวป่าว”
“ทำไม”
“เอาไว้ค่อยเรา ถ้าคูเมรู้ตัวเราจาไม่รอดทั้งคู่ ช้าไม่อยากโดแล่เนื้อ”
“แล้วคนเฝ้าที่นี่ล่ะ”
“ทาไมคูถาเยอะจัง เอาเปว่าวาโพจะการโหมะแล้ว หนีก่อเถอะคู ถ้าคูเมกะมา พวกเราจาซวย วาโพยังไม่อยากตาย” วาโพลากแขนอธิปวิ่งตัวปลิวตรงไปที่ด้านหลังสวนที่จะทะลุไปสู่ตัวถนน อธิปได้แต่สงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมคนเฝ้าบ้าน พวกชายฉกรรจ์หน้าโหดพวกนั้นถึงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่เลยสักคน
“แต่”
“เร็วสิ”
ปัง!!!
พลันเสียงปืนก็ดังมาจากด้านหลัง ทั้งสองมองหน้ากัน วาโพมือไม้สั่นไปหมดแต่ก็พยายามวิ่งต่อ อธิปเปลี่ยนมาดึงวาโพให้วิ่งรัดเลาะสลับฟันปลาไปกับต้นไม้เพื่อเลี่ยงไม่ให้กระสุนเหล่านั้นโดนพวกเธอ การวิ่งเป้านิ่งเสี่ยงต่อการโดนยิงสูงมาก ยังไงเขามีโอกาสแล้วก็ต้องหนีไปให้ได้ นี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายของเขาแล้วก็ได้
“นังวาโพ แกเตรียมตัวได้เลยข้าเอาเอ็งตายแน่ กล้าวางยาถ่ายพวกไอ้ยศ ถ้าคุณเมไม่สั่งให้ข้ากลับมา แกคงหนีไปแล้ว” เสียงตะโกนดังตามหลังมา แม้จะเหนื่อยแค่ไหนแต่ขาทั้งสองยังคงวิ่งมุ่งตรงไปข้างหน้า
“ทำไมสวนถึงไม่มีคน”
“มันเวลากลางวัน ที่สาคัญไม่ค่อยมีใครอยากมายุ่งหรอก เกิดยิงโป้งป้างโดนลูกหลงขึ้นมาก็ตายเปล่า”
“จะมีคนแจ้งตำรวจไหมถ้าได้ยินเสียงปืน”
“โอ๊ยคู ถ้ามีก็อีกนากว่าตารวจจะมาถึง เราเอาตัวรอดเองให้ได้ก่อนเถอะ”
“แล้วทำไมเธอหนีไปได้ไม่แจ้งตำรวจ”
“เอ้า ทาแบบนั้นวาโพก็โดจะอ่ะดิ ช้าแอบเข้ามาไทยนะ ถ้าแจ้งตำรวจ เกิดตารวจรู้ก็ยุ่งพอดี ไม่ต้องถามอะไรแล้ว คูแค่ตามาเถอะ อีกนิดเดียวก็จะลัดไปถึงหน้าสวนแล้ว” วาโพพูด ปืนยังคงไล่ตามหลังมา
ปัง ปัง ปัง
“โอ๊ย”
“วาโพ” อธิปร้องเรียกวาโพอย่างตกใจเมื่อคนร้ายยิงเข้าที่ขาของวาโพ อธิปประคองวาโพและวิ่งต่อ สภาพของทั้งคู่เรียกว่าทุลักทุเลมาก ทั้งสองวิ่งมาถึงถนนเส้นที่จะมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองสมุทรปราการ
“รถคันนั้น ไปที่รถคันนั้น” วาโพชี้ไปที่รถแท็กซี่กลางเก่ากลางใหม่คันหนึ่งที่จอดรถอยู่ อธิปวิ่งไปถึงรถประตูเปิดไม่ออกจึงออกแรงเคาะประตูรถเสียงดังจนเจ้าของรถที่หลับอยู่สะดุ้งตื่นกระวีกระวาดกดเปิดประตูรถให้ อธิปพลักให้วาโพเข้าไปก่อนและตัวเองก็ตามไป เขาหันไปมองผ่านกระจกด้านหลังเห็นคนของเมทิตากำลังวิ่งตามมา
“ออกรถเลย ออกรถ” ทั้งสองตะโกนขึ้นพร้อมกัน ลุงคนขับรถจึงรีบเคลื่อนรถออกไป โดยมีคนของเมทิตาวิ่งไล่ตามหลังรถมา แต่เมื่อไม่ทันจึงหยุดวิ่งทั้งสองถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“รอดแล้ว”
“ถ้าเราผ่านแถวนี้ไปได้ก็รอด”
“ตกลงจะเล่าให้ฉันฟังได้หรือยังว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอถึงมาช่วยฉันได้”
“แผนสองค่ะ คูหนูวางแผนไว้ว่า ถ้าแผนแรกพัง วาโพต้องหนีไปซ้อน หาทางเรียกรถเข้ามาที่นี่ คูหนูจะเรียกร้องความสนใจ เพื่อให้วาโพมาพาคูหนีไปไงคะ”
“แล้วตอนนี้มิตรล่ะ”
“คูหนูอยู่ที่โรพยาบาล คูหนูยอกรีดมือตัวเองเพื่อให้พวกราหนีมา”
“แล้วเขาเป็นยังไงบ้าง”
“คงไม่เป็นอะไรมาก แล้วก็นี่ค่ะคูหนูฝากมา เธอบอกว่าให้ไปหาคูเพชร คูเพทายอะไรนี่แหละค่ะ แล้วให้เอารูปนี้ไปให้คูเพชรแล้วเขาจะเข้าใจทุกอย่าง” อธิปรับรูปที่มีรอยไหม้นั้นมาดู
“มีคนตามเรามาครับ” ทั้งสองหันไปมองทันที
“ไอ้เทิด ลู ๆ ขับไว ๆ” ลุงคนขับพยักหน้าก่อนจะเหยียบคันเร่งพุ่งทะยานไปข้างหน้าทั้งสองมองรถที่กำลังไบ่ตามหลังมาด้วยสีหน้าหวั่นวิตก
ปัง
เสียงปืนยิงเข้าทะลุกระจกโชคดีที่ทั้งสองก้มหัวหลบทัน
“นี่มันเรื่องอะไรกันวะไอ้หนุ่ม” ลุงคนขับเริ่มโวยวาย
“ขับต่อไปอย่าจอดนะลุง รีบขับให้พ้นจากที่นี่ถ้าลุงไม่อยากตามพร้อมกับพวกผม ต่อให้ลุงจอดผมส่งให้มันมันก็ฆ่าลุงปิดปากแน่ ลุงต้องช่วยให้ผมรอด ไปสถานีตำรวจก็ได้ ด่วนเลยลุง” คำพูดของอธิปทำให้ลุงคนขับรถกลัว จึงตั้งหน้าตั้งตาขับรถ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาขับรถในอัตราความเร็วเกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
“ไม่น่าเลยกูเห็นแก่เงินเยอะ จะเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่หรือไงวะ” ลุงคนขับบ่น
ปัง ปัง ปัง
“โอ๊ยยิงอะไรกันนักกันหนา รถข้า รถข้าพังหมดแล้ว”
“ลูก่อจะห่วงรถ ห่วงชีวิตพวกราก่อเถอะ”
“ทำไมเอ็งไม่บอกว่าเอ็งจะให้มาขับรถหนีกระสุน ข้าจะได้ไม่รับ ตาย ๆ ข้าตายแน่”
“ลูเลิกบ่นแล้วรีบขับจะดีกว่า ก่อจะตาจีๆ” รถวิ่งออกจากเส้นทางชุมชนเข้าสู่ตัวเมือง ถนนใหญ่ยามบ่ายมีรถเพียงประปราย เมื่อหันไปมองด้านหลังรถของคนร้ายยังตามมาอย่างไม่ลดละ แม้จะไม่ได้มีเสียงปืนตามมาเพราะเสี่ยงต่อการเรียกตำรวจ
เพล้ง
เสียงกระจกแตกเมือ่กระสุนอีกลูกพุ่งเข้ามาเฉี่ยวใบหูของวาโพไปเพียงนิดเดียว วาโพนั่งตัวสั่นหันกลับไปมอง พวกมันไม่ได้หวั่นเกรงต่อกฎหมาย เพราะมันต้องการจับตัวพวกเธอกลับไปให้ได้ และพวกมันใส่ซับเพรสเซอร์ทำให้ไม่มีเสียงดัง
“ตายแน่ ๆ พวกมันตามจะทันแล้ว ลูเหยียบอีกได้ไหม” วาโพเอ่ยเสียงสั่น พร้อมกับตัวที่สั่นตามเมื่อครู่ถ้าพวกมันไม่ยิงพลาดกระสุนลูกนั้นคงเจาะที่หัวเธอ
“ข้าเหยียบสุดแล้ว รถข้าไม่ใช่รถแข่งนะเว้ยจะได้เร็วเหมือนนั่งจรวดอ่ะ”
ปุก
เสียงลางอย่างดังขึ้น ทั้งสองหันมองหน้าคนขับเมื่อเสียงที่ดังหายไปรถก็ส่ายไปมาทันที
“ลุงเกิดอะไรขึ้น”
“ล้อ ล้อแตก”
“หา เฮ้ยลุง ระวัง!!!”
เพทายนั่งอยู่ในบริษัทในมือถือเอกสารชุดหนึ่งที่ผู้กองนวัชส่งมาให้ เป็นข้อมูลที่พึ่งได้มาสด ๆ ร้อน ๆ ข้อมูลของผู้หญิงในภาพกล้องวงจรปิด ในข้อมูลบอกไว้ว่า ผู้หญิงคนนี้ชื่อ เมทิตา รัตนภิญโญ ภรรยาของ นายสุวัจน์ รัตนภิญโญ อดีตนักการเมืองที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุไปเมื่อสามปีก่อน บ้านที่เมทิตาอาศัยอยู่เป็นบ้านหลังใหญ่ที่สุดอยู่ด้านในสุดของหมู่บ้าน แต่ตำรวจได้เข้าไปขอสอบปากคำแต่เมทิตาไม่อยู่ คนรับใช้ได้ให้การว่าไม่ได้กลับบ้านมาเกือบสัปดาห์แล้ว เมื่อยังไมได้หมายศาลจึงยังไม่สามารถบุกเข้าไปได้ และเมื่อตอนสายตำรวจในท้องหนองจอกได้โทรมาว่ามีพยานคนหนึ่งได้พบกับเมทิตาและอธิปก่อนทั้งสองจะหายไป ทางตำรวจสันนิษฐานว่าอธิปอาจจะถูกเมทิตาจับตัวไปด้วยเหตุอะไรบางอย่าง
หลังจากการประสานงานกับตำรวจมีภาพกล้องวงจรปิดถนนเส้นหนึ่งจับภาพรถของเมทิตาที่กำลังวิ่งมุ่งหน้าไปสมุทรปราการ อติพงษ์และนวัชกำลังตามไปสมทบกับตำรวจในพื้นที่ เพทายนั่งอ่านข้อมูลซ้ำไปซ้ำมาจนโทรศัพท์ดังขึ้น
“ว่าไงครับคุณแก้ว”
“ฉันได้ข้อมูลบางอย่างมา เดี๋ยวฉันจะส่งเมล์ไปให้คุณนะคะ”
“ข้อมูลอะไรครับ”
“ฉันลองให้คุณมงกุฎสืบประวัติของคุณเมทิตาคนนี้ มันมีข้อมูลที่มากกว่านั้นด้วยนะคะ เหมือนเธอพยายามปิดข้อมูลส่วนนี้ ทางตำรวจตามสืบรอยคงยังไม่ได้ข้อมูลพวกนี้ ฉันคิดว่าข้อมูลพวกนี้อาจจะช่วยอะไรบางอย่างได้ ฉันส่งไปแล้วคุณเปิดดูได้เลยค่ะ” เพทายหยิบไอแพดเปิดดูอีเมล์ของแก้วกัลยาที่ส่งมา
“ข้อมูลบางส่วนเหมือนกับที่ผู้กองให้มา เธอเปลี่ยนชื่อมาสามครั้ง”
“ค่ะ นอกจากเปลี่ยนชื่อดูประวัติครอบครัว แล้วก็รูปที่ฉันส่งไป” เพทายเลื่อนดูตามที่บอก ประวัติครอบครัวของเมทิตาเป็นเด็กกำพร้าถูกส่งไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าต่อมามีคนมารับไปเลี้ยง แต่สิ่งที่เขาสนใจคือประวัติครอบครัวของเมทิตาก่อนจะมาอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
“เรณุวัฒน์” เพทายเลื่อนดูรูปภาพชายหนุ่มสี่คนที่ถ่ายรวมหมู่กัน ในรูปมีการวงกลมสีแดงไว้วงไว้ที่รูปสองวง วงแรกเป็นรูปของบิดาเขา แต่อีกวงกลมเป็นคนที่เขารู้จักดี
“ผู้ชายในรูปคนที่ฉันวงกลมไว้ เขาชื่อ มนตรี เรณุวัฒน์ค่ะ ข้อมูลประวัติยังมีต่อนะคะ คุณมนตรีคนนี้เคยเป็นเพื่อนกับพ่อของคุณ เคยเป็นทนายความมือหนึ่งของประเทศในสมัยนั้น มีหน้ามีตาในสังคม แต่แล้วกลับโดยจับในคดีค้ายาเสพติดตอนกำลังทำคดีหนึ่งอยู่ และจากนั้นเขาก็เสี่ยชีวิตในคุก ครอบครัวกระจายหายไปรวมถึงลูกสาวลูกชาย ลูกสาวของเขาก็คือคุณเมทิตา เรณุวัฒน์ ชื่อเดิมชื่อมนทิรา เรณุวัฒน์ เป็นลูกสาวคนกลาง คนโตชื่อนายเมธัส เรณุวัฒน์ และคนเล็กชื่อเด็กชายมิตร เรณุวัฒน์ และอย่างที่เห็นเหมือนพ่อคุณจะรู้จักครอบครัวนี้นะคะ คุณพอจะนึกออกไหมว่าครอบครัวนี้เกี่ยวอะไรกับครอบครัวคุณ”
“ผมคิดว่าผมรู้จักครอบครัวนี้ คุณแม่เคยเล่าให้ผมฟังเมื่อหลายปีก่อน เรื่องมันเกิดขึ้นนานแล้ว คุณมนตรีคนนี้เป็นเพื่อนกันคุณพ่อของผม เขาเข้าไปพัวพันกับคดีหนึ่งเข้า แล้วคดีนั้นเกี่ยวข้องกับคนใหญ่คนโตจนสุดท้ายเขาก็โดนยัดข้อหาค้ายา เขามาขอให้พ่อผมช่วยแต่สถานการณ์ในตอนนั้นพ่อผมช่วยเขาไม่ได้ สุดท้ายเขาก็ติดคุก แล้วก็ฆ่าตัวตายในคุก ส่วนครอบครัวของเขาหนีหายไป พ่อผมเคยออกตามหาแต่ไม่พบ”
“หรือคุณเมทิตาคนนี้จะแค้นแทนพ่อของเธอที่พ่อคุณไม่ช่วย แต่เรื่องแค่นี้ถึงกับฆ่าคนตายเยอะแยะ แถมยังเล่นงานคุณเล่นงานบริษัท มันดูแปลก ๆ นะคะ”
“ผมก็ไม่รู้ มีทางเดียวเราต้องเจอเธอ”
“ฉันติดต่อผู้กองนวัชไปแล้ว เขาบอกว่าเจอตัวอธิปแล้ว แต่เหมือนอาการเขาจะแย่มาก”
“เกิดอะไรขึ้นครับ”
“เหมือนจะมีการไล่ล่ากันรถที่อธิปหนีมาเกอดประสบอุบัติเหตุคนร้ายหนีไปได้ แต่เหมือนก่อนจะหมดสติเขาจะพูดถึงคุณ เขาฝากอะไรบางอย่างให้กับคุณ เดี๋ยวผู้กองนวัชก็คงติดต่อคุณกลับไปค่ะ”
“คุณแก้วครับ ผมอยากรู้ว่าพวกเขาสามคนพี่น้องยังอยู่ด้วยกันไหม”
“อย่างที่บอกว่าพวกเขาอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทั้งหมด คุณเมทิตาถูกพาตัวออกไป ส่วนเมธัสคนนี้เขาออกจากบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าหลังจากน้องสาวและน้องชายถูกพาตัวออกไป น้องชายเหมือนจะมีครอบครัวหนึ่งมารับไปเลี้ยง แต่ต่อมาครอบครัวนั้นมีลูกเองก็พามิตรกลับมา จนเมื่อสามปีก่อนเมทิตาก็มาพาน้องออกไป”
“แล้วคุณเมธัสคนนี้เราจะหาทางติดต่อเขาได้ไหม”
“ฉันกำลังให้คุณมงกุฎตามเรื่องเหมือนเขาจะหายตัวไปหลังจากออกจากบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดว่าเราคงจะได้เรื่องเย็นนี้แหละค่ะ ถ้าได้ที่อยู่ที่แน่นอน เราจะไปพบเขาด้วยกัน เขาอาจจะช่วยบอกอะไรเราได้”
“ขอบคุณนะครับ” เพทายเอ่ยขอบคุณอีกครั้ง
“ขอบคุณอีกแล้ว คนกันเองไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ ฉันอยากช่วยก็ต้องช่วย”
“ถ้าไม่ให้ผมขอบคุณให้ผมทำแบบเมื่อวานไหมครับ”
“ค่าปรับคือขอฉันแต่งงานหลังเรื่องจบนะคะ” แก้วกัลยาแกลังพูดไปเผื่อฟลุคขึ้นมาอาจจะได้แต่งงานก่อนน้อง ๆ ก็ได้ ไม่ฟลุคก็ถือว่าเธอออกตัวไว้ให้เขารู้ว่าเธอจริงจังกับเขา
“คุณมาขอผมหรือให้ผมไปขอคุณล่ะ”
“คุณต้องขอฉันสิ ฉันเป็นผู้หญิงจะให้ไปขอคุณได้ยังไงกัน”
“ก็คุณไม่เหมือนใครนี่” เพทายยิ้มออกมา คิ้วหนาที่ขมวดเป็นปมค่อย ๆ คลายออกเมื่อได้คุยกับแก้วกัลยา แต่ก่อนเวลาคุยกับเธอเขารู้สึกเครียดตลอดแต่เดี๋ยวนี้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป
“แน่ะพูดแบบนี้แสดงว่าตกลงจะแต่งงานกับฉันหรอคะ”
“ผมยังไม่ได้บอกว่าจะแต่ง เราพึ่งรู้จักกันเองนะครับ”
“ใครบอกเรารูจักกันมานานแล้วนะคะ ตั้งแต่เจ็ดปีก่อน ไม่เรียกว่าพึ่งแล้วล่ะค่ะ ไม่เอาละ ฉันไม่กวนคุณละ ให้คุณได้มีเวลาคิดทบทวน ว่าคุณขาดฉันไม่ได้ แล้วคุณต้องขอฉันแต่งงานไปเป็นศรีภรรยา”
“ถ้าคุณมโนแล้วมีความสุขตามสบายครับ”
“เจอหน้ากันครั้งหน้า ฉันจะเอาคืนเรื่องจูบนั่น” แก้วกัลยาตัดสายไปทันที เพทายยิ้มออกมาและวางโทรศัพท์ในมือลงก่อนจะเปิดชิ้นชักหยิบกล่องใบหนึ่งที่ซ่อนลึกอยู่สุดลิ้นชักขึ้นมาดู
“เจ็ดปีหรอ...” เพทายหยิบของในกล่องขึ้นมามองและยิ้มออกมา เสียงเอะอะโวยวายหน้าห้องทำให้เขาเก็บของกลับคืนใส่ลิ้นชักและมองคนที่กำลังจะเข้ามาในห้องอย่างคาดการณ์ไว้แล้ว
“ไม่ได้นะคะ คุณเพทายไม่อนุญาตให้ใครเข้าพบ คุณทรงกลดเข้าไปไม่ได้นะคะ” เสียงดวงดาวพนักงานที่มาทำงานแทนมินตราระหว่างลาป่วยดังขึ้น พร้อมกับประตูที่ถูกผลักเข้ามา ทรงกลดเดินเข้ามาด้วยใบหน้าบึ้งตึงอย่างคนที่โกรธจัดในมือถือเอกสารชุดหนึ่งเข้ามาด้วย
“ออกไปแล้วปิดประตูด้วย” ดวงดาวพยักหน้าและเดินออกไป เพทายมองบานประตูที่ปิดลงก่อนจะหันมองทรงกลด รองประธานบริหารบริษัทวีนัสมีเดีย
“คุณลุงมีอะไรจะคุยกับผมหรือครับ”
ฟุบ
เอกสารปึกที่ทรงกลดถืออยู่ในมือถูกโยนลงบนโต๊ะของเพทาย เพทายมองเอกสารเหล่านั้นโดยที่มือไม่แม้แต่จะแตะก่อนจะตวัดสายตากลับขึ้นมองทรงกลดด้วยแววตานิ่ง
“แกขู่ฉัน”
“ผมไม่เคยขู่ใคร เอกสารพวกนี้จะถูกส่งให้บอร์ดบริหารอาทิตย์หน้า ถ้าคุณลุงไม่นำเงินที่เอาออกไปกลับมาคืนบริษัท คุณลุงคงรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ผมสามารถแจ้งตำรวจจับคุณลุงได้ข้อหายักยอกทรัพย์”
“นี่แก...แกกล้าขู่ฉันหรอ ฉันเป็นเพื่อนพ่อแก แล้วก็เป็นหุ่นส่วนอันดับสองของบริษัททำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์เอาเงินออก แกมันก็แค่ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมจะมาต่อลองกับฉัน”
“เงินที่คุณลุงเอาไปเป็นเงินบริษัท ไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ไม่มีสิทธิ์นำเงินบริษัทออกไปใช้ส่วนตัว คุณลุงทำเรื่องของบสร้างโปรเจค แต่กลับไม่มีผลงานใด ๆ ออกมา เงินที่คุณลุงยื่นขอไปแต่ละครั้งไม่ใช่น้อย ๆ คุณลุงอยากให้ผมพูดไหมว่าคุณลุงเอาเงินไปทำอะไร”
“แก”
“เพราะคุณลุงเป็นเพื่อนกับพ่อผม ก่อตั้งบริษัทมาด้วยกัน ผมถึงไม่เอาเรื่องนี้เข้าที่ประชุมปลดคุณลุงออกจากตำแหน่ง แต่ถ้าคุณลุงไม่นำเงินทุกบาททุกสตางค์กลับมาคืน ผมจำเป็นต้องแจ้งตำรวจ”
“ไอ้เพชร”
“คุณพ่อคงจะเสียใจ ถ้ารู้ว่าคุณลุงโกงเงินไปทำอะไรท่านจะเสียใจมากแค่ไหน แล้วเรื่องคนขับรถของนายเมฆา ถึงแม้ตอนนี้ตำรวจจะยังตามจับไม่ได้ แต่มีคนเคยเห็นว่าเขาทำงานกับคุณลุง”
“แกกำลังใส่ความฉัน”
“ผมเปล่า ผมแค่จะบอกว่าถ้าคุณลุงรู้อะไรก็สารภาพออกมาก่อนทุกอย่างจะสายไป” ทรงกลดมองเพทายด้วยสายตาเครียดแค้นชิงชังก่อนจะเดินออกไป เพทายถอนหายออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน นับแต่เขามารับตำแหน่งนี้ภาระเขามากขึ้นทุกวัน ไม่ได้มีชีวิตสบายอย่างใครคิด สองบ้าของเขาเหมือนดั่งถูกกดทับไว้ ตำแหน่งนี้น่ะหรือที่ใคร ๆ อย่างได้ สามปีมานี้เขาไม่เคยหลับตาลงได้อย่างสบายสักวัน ในฐานะประธานบริษัทที่ไม่เป็นที่ยอมรับ และถูกเพ่งเล็งเขาต้องเตรียมตัวพร้อมเพื่อรับปัญหาต่าง ๆ กว่าจะมาถึงจุดนี้เขาเคยท้อไปแล้วหลายต่อหลายครั้งรวมถึงครั้งนี้ เขาหวังว่าเขาจะผ่านเรื่องวุ่นวายพวกนี้ไปได้อีกครั้ง
แก้วกัลยายิ้มหน้าบานเมื่อปลายสายถูกตัดไป เธอวางโทรศัพท์ลงหันไปสนใจงานของตัวเอง แต่ขวดน้ำหอมที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำให้เธอหยิบมันขึ้นมาดู น้ำหอมขวดนี้เป็นของชนกนาถ และเป็นคนละแบรนด์ คนละกลิ่นกับที่เธอได้กลิ่นในห้องนั้น แก้วกัลยามองใบชื่อของคนที่ซื้อน้ำหอมกลิ่นนี้ ซึ่งมีชื่อของเมทิตารวมอยู่ แต่ที่เธอสงสัย เธอเคยได้กลิ่นน้ำหอมนี้ที่ไม่ใช่จากของตัวเอง เพราะเธอไม่เคยนำมาใช้ แต่ก็ได้กลิ่นมาก่อนหน้านั้น
“ที่ไหนกันนะ” แก้วกัลยาเอ่ยและมองรูปของเมทิตาที่พึ่งได้มาใหม่เป็นรูปครึ่งตัวที่เห็นใบหน้าชัดขึ้น ใบหน้าสวยโฉบเฉี่ยวดูคุ้นตาอย่างประหลาด แก้วกัลยาจับรูปเอียงไปมา ก่อนเธอจะวางมือปิดที่ใบหน้านั้นครึ่งหนึ่ง ดวงตากลม ๆ แบบนี้มันคุ้นมาก
“ฉันเคยเจอผู้หญิงคนนี้มาก่อนแน่ ๆ”
“เดี๋ยวนะ น้ำหอม ผู้หญิงคนนี้ ต้องใช้แน่ ๆ” แก้วกัลยาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกทันที
(ว่าไงยะนังชะนี) น้ำเสียงแหลม ๆ ที่ดูไม่เป็นธรรมชาติดังขึ้นผ่านสายโทรศัพท์
“ฉันมีเรื่องให้ช่วย”
(ช่วยอะไร ฉันไม่ว่าง)
“แกต้องว่างนังชาติชาย”
(กรี๊ด นังชะนีปากมอม แกมันสมกับเป็นพี่สาวของยัยรัก ปากมอมเหมือนกันทั้งลูกพี่และลูกน้อง) ชาติชายหรือชาช่า กระเทยรุ่นใหญ่ที่ผ่านการแปลงเพศ ใบหน้าสวยของสาวเทียมนางนี้ผ่านการทำศัลยกรรมจากเกาหลี ใบหน้าของชาติชายสวยจนผู้หญิงยังอาย ชาติชายเป็นบรรณาธิการให้กับนิตยสารแฟชั่น รวมถึงยังเป็นเจ้าของนามประกา ซ้อแปดสับแหลก ที่เขียนขุดคุ้ยเรื่องดาราอยู่ในเว็บบอร์ดและไม่มีใครเคยจับตัวได้ มีเพียงแต่เธอและรักจิราที่ไปรู้อย่างบังเอิญ
“นังซ้อแปดสับแหลก แกจะช่วยฉันได้หรือยัง”
(ช่วยอะไร)
“รีทัชรูปให้รูปหนึ่งสิ แกรีทัชรูปเป็นไม่ใช่หรอ”
(แต่ฉันไม่ว่าง)
“แกจะว่างหรือไม่ว่างนังซ้อแปดสับแหลก ฉันจะโทรไปฟ้องนิกว่าแกแอบควงหนุ่มเกาหลี แกคิดว่านิกจะทำยังไงนะถ้ารู้ว่าแกแอบนอกใจ”
(อีป้า อีชะนีงูพิษ ส่งรูปมาแล้วจะให้ทำอะไร ฉันจะรีบทำแล้วส่งให้ภายในสิบห้านาที พอใจแกหรือยังนังแม่มด ไม่น่าเลยฉัน ไม่น่าเลย)
“ส่งไปที่เมล์แล้ว สิบห้านาทีนะ ถ้าเกินนิกสับแกแปลกเป็นชิ้นแน่ ให้รีทัชอะไรส่งไปให้แล้ว แค่นี้นะ บาย” แก้วกัลยากดวางสายและต่อสายหาใครอีกคนหนึ่ง
“ดาวจ๊ะ ฉันแก้วกัลยานะ เธอยังไม่กลับบ้านใช่ไหม”
(ยังค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ)
“ฉันต้องการข้อมูลของคน ๆ หนึ่งด่วนเลย ช่วยฉันหน่อยนะ ช่วยแฟ็กซ์มาให้ฉันวันนี้เลยนะ”
(เอิ่ม...จะดีหรอคะ ข้อมูลบริษัท)
“ฉันจะโทรบอกคุณเพชรเอง มันเกี่ยวกับเรื่องวุ่น ๆ ในบริษัทด้วย ฉันจะโทรไปบอกคุณเพชรให้เธอแค่เอาข้อมูลของ... มาให้ฉันก็พอ เดี๋ยวนี้เลยนะ”
(ค่ะ ๆ ดิฉันจะส่งไปให้)
“ขอบใจมาก ฉันจะโทรไปบอกคุณเพชรให้อีกครั้ง” แก้วกัลยากดตัดสาย พลางหยิบประวัติของเมทิตาขึ้นมาอ่านได้ไม่ถึงห้านาที เสียงอีเมล์ดังขึ้น เป็นเมล์ของชาช่า แก้วกัลยากดเปิดดูรูปนั้นทันที แก้วกัลยาทำตาโตเมื่อเห็นภาพหน้าจอโน๊ตบุ๊ค
“ไม่อยากจะเชื่อ...”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณแก้วค่ะ มีคนแฟ็กซ์เอกสารถึงคุณแก้วค่ะ” มงกุฎเดินเข้ามาพร้อมเอกสารสองชุดในมือ ชุดหนึ่งใส่ซองสีน้ำตาล อีกชุดไม่ได้ใส่ซองใด ๆ มา มงกุฎวางเอกสารทั้งสองลงบนโต๊ะเจ้านายอายุน้อย
“ขอบคุณมากค่ะ ลำบากคุณมงกุฎอีกแล้ว หลังจบเรื่องนี้คุณมงกุฎอยากหยุดไหมคะ ฉันอนุญาตให้คุณมงกุฎพักผ่อนได้ พักผ่อนจริง ๆ นะคะ”
“ดิฉันยังไม่แก่ขนาดนั้น พึ่งสี่สิบกว่า ๆ หยุดไปก็ว่างคงเหงาแย่ ดิฉันขอทำงานจนถึงหกสิบก่อนนะคะ แล้วจะเกษียณ” แก้วกัลยายิ้มออกมาและมองวงกุฎด้วยสายตาขอบคุณจากใจจริง
“ดิฉันแฟ็กซ์ข้อมูลของคุณเมธัสไปให้คุณเพทายแล้ว เอิ่มเรียกคุณเมธัสก็ไม่ถูกคงต้องเรียกพระเมธัสค่ะ” แก้วกัลยาหยิบข้อมูลประวัตินั้นขึ้นมาดูทันที
“พระหรอ”
“ใช่ค่ะ คุณแก้วลองอ่านประวัติดูนะคะ” แก้วกัลยาหยิบข้อมูลขึ้นมาดู เมธัสเลือกที่จะบวชหลังออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ไม่มีข้อมูลการติดต่อของทั้งสอง แต่เธอก็ต้องไปเจอพระเมธัสสักครั้ง เขาอาจจะช่วยอะไรกับคดีนี้ได้
“คุณมงกุฎค่ะช่วยโทรไปสำนักงานนักสืบ ถามเค้าเรื่องประวัติของคนคนนี้ว่ามีอยู่ในทะเบียนราษฎร์ไหม ฉันคิดว่าอีกนิดเดียวเราคงได้เจอคนร้ายแล้วล่ะค่ะ คอยดูนะฉันจะจัดการคนร้ายที่ซ่อนตัวมานานคนนี้ให้สาสม”
...ติดตามตอนต่อไป....
กว่าจะจบตอนนี้เหนื่อยมาก มาช่วยกันลุ้นในตอนหน้า คนร้ายจะปะทะกับเจ๊แก้วแล้ว
มาช่วยกันร่วมลุ้นกันว่าสุดท้ายคนร้ายจะโดยจับหรือไม่
ใก้ลจะจบแล้วสำหรับเจ๊แก้ว เรื่องของขวัญชีวันกำลงจะมาเร็ว ๆ นี้
ก็ช่วยกันติดตามนะคะ
พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ส.ค. 2558, 17:40:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ส.ค. 2558, 17:40:09 น.
จำนวนการเข้าชม : 1056
<< ตอนที่ 22 เด็กผู้อยู่ในเหตุการณ์ (ตอนปลาย) | ตอนที่ 24 สถานการณ์ฉุกเฉิน (50%) >> |
yapapaya 10 ส.ค. 2558, 18:15:50 น.
ลุ้นไปกับเจ้แก้ว
ลุ้นไปกับเจ้แก้ว
นักอ่านเหนียวหนึบ 11 ส.ค. 2558, 12:30:00 น.
อย่าบอกนะว่า เจ้เมย์คือเลขามินตรา!!!! โอ้ยยย เรื่องซับซ้อนมากกก
อย่าบอกนะว่า เจ้เมย์คือเลขามินตรา!!!! โอ้ยยย เรื่องซับซ้อนมากกก