~ สายใย .. ไฟรัก ~
~ สายใย .. ไฟรัก ~


เส้นสายใย .. ใครกันหนอ .. ที่ทอถัก
เส้นสายรัก .. ใครจักสาน.. ขานคำขอ
เส้นทางเดิน .. ใครเหินห่าง .. ต่างเฝ้ารอ
ไฟรักพอ .. ต่อหัวใจ .. ให้อุ่นอิง




เธอ .. คือ เพื่อนสนิทของน้องสาวเพื่อนรัก

เขา .. คือ ผู้บริหารโรงแรมจอมเผด็จการ แต่กลับเป็นเพื่อนรักพี่ชายของเพื่อนสนิท

ทว่า ..

เธอ .. ในสายตาของเขา .. คือ คนอวดดี ยโส ที่ใช้เพื่อนเป็นทางผ่านไปสู่ความสำเร็จของตัวเอง

เขา .. ในสายตาของเธอ .. คือ ผู้ชายไร้เหตุผล เอาแต่ตนเองเป็นใหญ่

ที่สำคัญเหนืออื่นใด .. ทั้งเธอและเขา .. กำลังตกหลุมรักคนที่ไม่ควรจะรัก!




***************************
Tags: ความรัก ครอบครัว เพื่อน

ตอน: ใยเส้นที่ 12 .. มือที่ยื่นมา



แผ่นสำเนากระดาษขนาดเอสี่แบ่งครึ่งอัดแน่นด้วยตัวอักษรทั้งไทยและเทศ ประกอบลวดลายเชิงศิลปะที่วางอยู่บนโต๊ะ ถูกเชดส์หยิบขึ้นมาอ่านดังๆ ให้ผู้มาเยือนยามราตรีหลังเลิกงานได้ยินเนื้อความทั้งหมดอย่างไม่จำเป็นแม้แต่น้อย เพราะคนที่นำมันมาคือศรตฤณซึ่งกำลังทำหน้าเมื่อยกับความกวนประสาทของเพื่อน

“ฮ็อต ออน เดอะ บีช .. ฟูลมูนปาร์ตี้ ค่ำคืนนี้จะเร่าร้อนดั่งไฟ ... โว่ๆ .. อย่าบอกนะว่านายครีเอทไอ้คำพวกนี้ .. จากระสบการณ์ตรง ฮ่าๆ”

“ก็มันเป็นงาน ..”

แม้พยายามไม่ใส่ใจ แต่น้ำเสียงลากยาวของชายหนุ่มสองเชื้อชาติก็แสดงออกชัดเจนว่า ‘ระอา’ เต็มทน

ไม่ใช่ว่าศรตฤณระอาการยั่วเย้าของเพื่อน หากแต่เป็น ‘งาน’ ที่ได้รับมอบหมายนี่ต่างหาก

“เอาน่า .. อย่างน้อยมันก็เร็วกว่าที่คิด .. แล้วก็ทำให้รู้ว่า คุณงามของนายไม่ใช่เล่นๆ..”

เชดส์ใช้นิ้วชี้ไล้ปลายคางช้าๆพูดในสิ่งที่คิด ขณะพิจารณาตัวหนังสือบนกระดาษที่ทำให้มีลักษณะเป็นแผ่นพับโฆษณาอย่างง่ายๆ ข้อความสำคัญคือ ปาร์ตี้ใต้แสงจันทร์ ชื่องานตามคำแปลแบบซื่อๆตรงๆกำลังจะมีขึ้นในไม่ช้า ซึ่งแน่นอนว่ามันระบุเวลาและสถานที่ชัดเจน

“.. เธอทำได้ไงนะ .. แค่ในเวลาไม่ถึงสองเดือนสามารถดันนายให้มีตำแหน่งแห่งที่ในคิงเซอร์เพนท์ได้ .. หึหึ”

“เท่าที่รู้ .. เพราะเธอเป็นเลขาฯจีเอ็ม .. แล้วพวกเขา .. อาจจะพอคุยกันได้”

“อ่ะฮ้า .. เพิ่งรู้ว่านายก็โลกสวยได้เนียนๆ”

ศรตฤณชำเลืองมองเชดส์ก่อนเปลี่ยนเป็นขึงตาจ้อง เข้าใจไม่ยากว่านั่นไม่ใช่คำชื่นชม แต่เพียงครู่เดียวชายหนุ่มก็แค่นหัวเราะในลำคอ เบี่ยงสายตาเสมองหน้าต่างที่เปิดรับลมเย็นจากทะเล ทว่า มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกสดชื่นสักนิดเดียว เพราะภายนอกที่เขาเห็นมันช่างมืดมิดนัก

“ไม่ตลก .. เชดส์”

“เออ .. ฉันก็ไม่ได้บอกว่ามันตลก คิดด้วยซ้ำว่า แกน่ะตาแหลมที่เลือกมาประกบผู้หญิงคนนี้”

เชดส์เอ่ยจริงจังพร้อมกับวางแผ่นโฆษณาลงบนโต๊ะในอาการเรียกได้ว่าโยน แต่มันก็ยังร่อนลงไปแหมะกลางโต๊ะเห็นพระจันทร์เต็มดวงสีดำด้วยน้ำหมึกชัดเจน

ศรตฤณในคราบของ ‘ซายน์’ ใช้ทั้งสองมือลูบหน้าแล้วประกบกันคล้ายพนม แต่ปลายนิ้วกลางกดที่หัวคิ้วซ้ายและขวาพร้อมกัน บ่งบอกได้ดีว่าเขารู้สึกอย่างไรกับงานนี้

แม้หนุ่มเดรดล็อควางท่าราวไม่สนใจอะไร แต่ใช่จะไม่สังเกตเห็นอากัปกิริยาเคร่งเครียดของอีกฝ่าย และมองเห็นความลังเลในพริบตานั้น ด้วยเหตุนี้เชดส์จำต้องเอ่ยเตือน

“นายถอยหลังไม่ได้แล้วล่ะซายน์ .. ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา เธอสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่เราคิด ..”

“รู้น่า ..”

น้อยครั้งที่เชดส์จะได้เป็นตัวของตัวเอง สลัดความเป็นดีเจมาดเซอร์ราวศิลปินเร้กเก้ เจ้าของร้านขายของที่ระลึกทุกประเภท กลับมาเป็น .. เชษฐ์ ฤทธา

เขาเข้าใจความรู้สึกของศรตฤณดีว่า ถ้าตนเองต้องตกอยู่ในสภาวะเดียวกับเพื่อน ก็คงมีอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่

แต่ในเมื่อหน้าที่คือหน้าที่ ทุกอย่างก็ต้องดำเนินไปตาม ‘แผน’ ที่วางไว้จนกว่าจะสำเร็จเสร็จสิ้น เพื่อให้พ้นจากสภาพนี้เสียที

ชายหนุ่มเจ้าของทรงผมเดรดล็อคหมุนตัวเดินไปยังชั้นวางหนังสือ แล้วเอื้อมมือหยิบห่อกระดาษสีน้ำตาลขนาดกะทัดรัดออกมา ศรตฤณเองก็มองอยู่ตลอดหลังถูกติงจนสติกลับคืน

เชดส์นำมายื่นให้ต่อหน้าศรตฤณที่ดูเหมือนพอจะรู้ว่า ข้างในมันคืออะไร .. แต่สายตาของเขากลับปรากฏคำถาม เพราะเข้าใจไม่กระจ่างนัก

“เผื่อนายต้องใช้ .. ในฟูลมูนอันเร่าร้อน .. ของนาย หึหึ”

“นี่นาย .. มีติดตัวไว้เสมอรึไง .. ไอ้ ‘เนื้อ’ พวกนี้เนี่ย”

เมื่อศรตฤณรับห่อนั้นไปอย่างจำใจ คนให้ได้แต่ยักไหล่พร้อมกับเบ้ปากเล็กน้อย แต่ไม่อธิบายอะไรเพิ่มถึงที่มาหรือการมีไว้ในครอบครอง

“อะไรที่จะทำให้งานสำเร็จโดยถูกสงสัยน้อยที่สุด .. ฉันถือว่ มันจำเป็นทั้งนั้นล่ะ..”

หนุ่มลูกครึ่งมองหน้าเพื่อนที่ตอนนี้ถอยหลังไปจนเกือบชิดชั้นหนังสือด้านหลัง เอามือกอดอกพักเท้าข้างหนึ่งยืนนิ่งมองตอบกลับมา

“ถ้านายเบื่อ ก็รีบปิดเคสเข้าสิ .. ซายน์”




มัสลินกับพายพัดดูแลคณะลูกทัวร์อย่างดี นับตั้งแต่เริ่มต้นกระทั่งรวมตัวจากจุดนัดพบจนถึงที่หมายในเวลาที่กำหนด ทุกสิ่งเป็นไปอย่างเรียบร้อย ตามโปรแกรมการเดินทางท่องเที่ยวเกาะลาลัล และหมู่เกาะใหญ่น้อยโดยรอบที่วางไว้

เมื่อส่งนักท่องเที่ยวกว่า ๓๐ ชีวิต ที่เพิ่งกลับจากดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นเข้าห้องพักเรียบร้อย ทั้งสองจึงถือโอกาสที่กำลังพักผ่อนปรึกษากันว่า หลังจบทริปเที่ยวเกาะลาลัลรอบสุดท้ายของปี ก่อนเข้าสู่ช่วงฤดูมรสุมที่สภาวะอากาศไม่เอื้ออำนวยต่อการท่องเที่ยว พวกเธอจะทำอะไรต่อไปดีนอกจากแผนงานของวิริยา ไทยทัวร์ที่มีอยู่บ้างแล้ว

“พาย .. ถ้าลินินจะขอพักงานสักระยะ คิดว่าคุณป้าจะว่าอะไรไหม”

“หืม .. ทำไมล่ะ มีอะไรหรือเปล่า”

พายพัดละสายตาจากแผ่นกระดาษโปรโมทงานปาร์ตี้คืนนี้ในมือ เงยหน้าถามอย่างสงสัย เพราะเรื่องแบบนี้ไม่เคยหลุดจากปากของมัสลินมาก่อน

มัสลินสบตาเพื่อนสนิท เหตุผลมารออยู่ที่ริมฝีปาก แต่น้ำหนักของมันกลับถ่วงจนไม่กล้าพูดออกไป อีกอย่างเมื่อไตร่ตรองซ้ำไปซ้ำมา ก็คิดได้ว่า ไม่ควรให้ใครต้องมารับรู้เรื่องของเธอ .. ครอบครัวของเธอ

“ก็ .. ไม่มีอะไร .. แค่อยากพักน่ะ”

“โธ่ .. ลินิน แล้วก็ไม่บอกตรงๆ ป้ายาไม่ว่าแน่นอน .. เรื่องแค่นี้เอง หลังจากนี้มันก็เข้าหน้าโลว์ของฝั่งอันดามัน ส่วนทางอ่าวไทยงานเรายังไม่เยอะเท่าไหร่ ไม่ต้องห่วงเลยถ้าอยากจะพักน่ะ .. พายอยู่ทั้งคนนะ ถึงจะยังไม่เก่งเท่าลินิน แต่ก็เอาตัวรอดได้น่า”

พายพัดย้ายที่จากเตียงนอนของตัวเองมานั่งข้างๆมัสลิน เธอมองเสี้ยวหน้าด้านข้างแว้บเดียวก็ทราบแล้วว่า เพื่อนเกรงอกเกรงใจเธอกับป้าแค่ไหน

หญิงสาวได้ฟังเรื่องราวของมัสลินจากวิริยามาไม่น้อย คำพูดยามป้ายาของเธอเอ่ยถึงเพื่อนรัก ล้วนมีแต่ความชื่นชมยกย่องในความสามารถ ขยันและอดทนต่อแรงกดดันในการทำงานได้ไม่แพ้มืออาชีพ

วิริยายังแอบกระซิบกับพายพัดเมื่อไม่นานมานี้ว่า วิริยา ไทยทัวร์เพิ่งทำคอนแทร็คกับตัวแทนของศูนย์อนุรักษ์ผ้าไทยพื้นบ้าน ที่เป็นทั้งศูนย์การเรียนรู้ แหล่งผ้าทอและจัดจำหน่าย ซึ่งวิริยาเห็นว่าน่าสนใจจึงคิดจะต่อยอดด้วยการส่งเสริมให้เป็นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

สตรีวัยงามเล่าให้หลานสาวฟังคร่าวๆ ถึงความบังเอิญที่ได้พบกับเจ้าของศูนย์อนุรักษ์ในงานท่องเที่ยว ที่ทางราชการจัดขึ้นและเรียนเชิญผู้ที่อยู่ในแวดวงมาเสวนา

ที่สำคัญ ถ้าไม่เป็นเพราะสะดุดใจกับชื่อ ทอทิว วัตราภรณ์ ซึ่งมีนามสกุลพ้องกับเพื่อนสนิทของพายพัด วิริยาก็คงยังไม่ได้ทราบว่า แท้จริงแล้วคนที่ทำงานใกล้ชิดมาตลอดหลายปีอย่าง มัสลิน วัตราภรณ์ เป็นบุตรีคนโตของบุคคลที่จะได้ร่วมมือกันทางธุรกิจในอีกไม่ช้า

เรื่องนี้แม้แต่พายพัดก็ไม่เคยรับรู้มาก่อน อาจเป็นเพราะอีกฝ่ายไม่เคยเล่าเรื่องส่วนตัว และเธอก็มีปัญหาของตัวเองอยู่แล้ว จึงทำให้มองข้ามสิ่งที่ควรทราบไป

มัสลินฟังเพื่อนพูดเช่นนั้นก็ถึงกับอมยิ้ม คนไม่เข้าใจอาจคิดได้ว่า กำลังถูกประชดประชัน แต่เพราะคนพูดคือพายพัด หญิงสาวผู้อ่อนหวานนุ่มนวลและอ่อนโยน .. ทำให้มัสลินซาบซึ้งในน้ำใจของเพื่อน รวมไปถึงความเมตตาที่ผู้ใหญ่อย่างวิริยามีให้เสมอมา

เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากที่เคยลังเลไม่กล้าบอกความในใจ ก็ทำให้ตัดสินใจได้ว่า ควรพูดความจริงด้วยเหตุผลน่าจะดีกว่า

“จริงๆแล้ว มันก็ไม่ใช่ว่าเหนื่อยจนอยากพักหรอก .. แต่ลินินกำลังสงสัยอะไรบางอย่างเกี่ยวกับใครบางคน”

“ใครกัน?”

พายพัดเอี้ยวหันมาทั้งตัวเพื่อมองเพื่อนสาวที่ออกปากเท้าความให้ฟัง ซึ่งเรียกความสนอกสนใจแก่เธอไม่น้อย

“ญาติลินินเอง .. แต่เอาไว้ให้มั่นใจก่อน แล้วจะเล่าให้ฟังทั้งหมดเลย”

“เหรอ .. เพิ่งเคยได้ยินเรื่องญาติของลินินจากปากลินินก็หนนี้นี่ล่ะ .. นึกว่ามีแต่คุณแม่ที่เสียไปแล้ว .. ทั้งๆที่ความจริง คุณพ่อลินินเองก็เป็นถึงเจ้าของโรงทอผ้ากับ ศู ..”

“พาย!”

มัสลินเรียกชื่อเพื่อนอย่างตกใจ เพราะมั่นใจว่าไม่เคยพูดถึงพ่อให้ใครฟัง .. ไม่คิดว่ามีเลยด้วยซ้ำ

พายพัดรู้ตัวว่าพลาดพูดเรื่องไม่สมควรออกไป นัยน์ตาสวยใสจึงหม่นประกายลงอย่างสำนึกผิด แต่ก็ยังไม่เข้าใจนักว่าเหตุใด คนที่มีพ่อจึงทำเหมือนไม่มี ทั้งที่เธออยากมีใจจะขาด

หญิงสาวมองเห็นความตื่นตระหนกแกมขุ่นเคืองจากแววตาคมดุ หลังจากที่เธอพลั้งเผลอพูดถึงบางสิ่งแล้วราวกับไปกระทบความรู้สึกของมัสลิน จึงคิดว่าควรจะยุติไว้แค่นี้ก่อน

“พายขอโทษนะลินิน .. ถ้าทำให้ไม่พอใจ”

“เปล่าๆ .. ลินินไม่ได้โกรธพาย แค่ .. เอ่อ ตกใจน่ะ แต่อย่าถามลินินเลยนะ .. เรื่องนี้”

มัสลินอ้อมแอ้มบอกพายพัด ก่อนจะลุกขึ้นยืนยกมือมากุมแล้วบีบแน่น อย่างคนที่ไม่รู้ว่าจะเอามันไปไว้ที่ไหนดี

“พายพักไปก่อนนะ .. ลินิน .. ขอออกไป .. เดินเล่นหน่อย”

“จ้ะ”

พายพัดเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนรัก .. หญิงสาวผู้มีแต่ความเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยวคนนี้กันแน่





มัสลินก้าวเท้าอย่างเร่งรีบออกจากห้องพัก ราวกับต้องการหนีอะไรบางอย่างให้ไกล ซึ่งเธอก็รู้แน่อยู่แก่ใจว่า ต่อให้หนีหายตายดับไปจากโลก .. เธอก็หนีความจริงไปไม่พ้น

ความจริงที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ .. เธอก็ยังเป็นลูกของผู้ชายคนนั้น .. คนที่ทิ้งแม่ไปเพื่อตัวเอง

ความร้อนรนทำให้ไม่ได้มองทางเบื้องหน้า ประสาทรับรู้เพียงว่า หากมีอะไรขวางเธอก็แค่เบี่ยงหลบ แล้วเร่งฝีเท้าให้ไวขึ้น

เวลาบ่ายคล้อยแสงอาทิตย์เจิดจ้าร้อนแรง ก่อนโรยราในอีกไม่ถึงสองชั่วโมงข้างหน้า ชายหาดจึงยังเงียบเหงาเปล่าร้างผู้คน จึงเป็นการดีสำหรับมัสลินที่จะไม่มีใครเห็นหญิงสาวคนหนึ่ง กำลังอยู่ในภาวะอารมณ์เช่นใด

จากบริเวณหน้าหาดของรู้ค มัสลินกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาทางเวิ้งหินที่เคยประสบอุบัติเหตุคราวที่แล้ว แต่ความอันตรายมันไม่สำคัญเท่ากับความสงบเงียบ .. ที่เธอต้องการตอนนี้

เพราะคิดว่าสถานที่นี้ไม่มีใครอื่นนอกจากตนเอง ความอัดอั้นจึงถูกปลดปล่อยออกมาในรูปของน้ำตา และเสียงสะอึกสะอื้นเกินจะข่มกลั้น

“ทำไม .. ทิ้งไปแล้ว จะคอยมาวนเวียนยุ่งเกี่ยวกันอีกทำไม .. ฮือๆ”

มัสลินตัดพ้อไปถึงคนที่ให้ตะโกนถามเท่าใดก็คงไม่ได้ยิน .. ซึ่งเธอก็คงไม่มีวันถามคำถามนี้ เมื่อเขามาอยู่ต่อหน้า

“ในเมื่อเห็นงานสำคัญกว่า .. เห็นคนอื่นดีกว่า .. ก็อย่ามายุ่ง อย่ามาเกี่ยวข้อง .. อย่า .. มา .. ฮือๆ”

ยิ่งร้องยิ่งตะโกนมัสลินยิ่งรู้สึกเจ็บปวด จนไม่อาจยืนอยู่ได้

หญิงสาวทรุดกายลงอย่างไร้เรี่ยวแรง นั่งลงบนก้อนหินสีขมุกขมัวที่โผล่ปริ่มน้ำ และมิดไปยามคลื่นซัดสาดเข้ามา โดยไม่สนใจว่าจะเปียกหรือเปื้อนประการใด

สองเข่ายกขึ้นให้วงแขนโอบกอดก่าย ใบหน้าอาบน้ำตาท่วมแก้มก้มลงซบสะอื้นไห้จนหลังไหล่สั่นสะท้าน

“แม่ขา .. เขาทิ้งเราจริงๆใช่ไหมคะ .. หนูไม่ได้เข้าใจเขาผิดใช่ไหม”

น้ำเสียงเครืออู้อี้จากการร้องไห้ ทำให้เพลิงกัลป์ได้ยินคำพูดเหล่านั้นไม่ถนัดชัดเจนนัก หากเข้าใจได้ว่า ใครก็ตามที่มาร้องไห้จนกลบเสียงที่ตะโกนออกมาได้ ย่อมมีเรื่องทุกข์ใจแสนสาหัสจนไม่อาจฝืนเก็บเอาไว้

ชายหนุ่มเลาะเลียบหาดมาจากเมอร์เมด บีชซึ่งอยู่ถัดไปไม่ไกล เขามักใช้เส้นทางลัดที่น้อยคนจะสัญจรเพื่อความรวดเร็วและคล่องตัว

กระทั่งขากลับจากธุระนี่ล่ะจู่ๆก็ได้ยินเสียงผู้หญิงแว่วลอยมา กะว่าจะปล่อยผ่านเดินเลยไป แต่เพราะเป็นห่วงเกรงว่าจะมีอันตราย หรืออุบัติเหตุไม่คาดฝัน ทำให้ต้องเปลี่ยนใจค่อยก้าวมาตามทิศทางของเสียงนั้น

ภาพที่ปรากฏต่อหน้าเพลิงกัลป์ คือร่างบอบบางกำลังสั่นเทาและโยกไปมาน้อยๆ ราวกับเธอไม่สามารถหยุดมันได้

กิริยากอดเข่าซบซุกใบหน้าหันหลังให้ชายฝั่ง ยิ่งดูไม่น่าไว้วางใจที่จะปล่อยให้ใครก็ตาม ร้องไห้คร่ำครวญอยู่ที่นี่เพียงลำพัง

เพราะมีแนวโน้มสูงที่บุคคลนั้น จะตัดสินใจในเสี้ยววินาที .. ก่ออัตวินิบาตกรรม!

“บ้าจริง ..”

เพลิงกัลป์สบถออกมาเมื่อคิดถึงข้อนี้ เขาไม่มีวันยอมให้ใครมาใช้อาณาจักรของเขา เป็นสถานที่ ‘คิดสั้น’ ง่ายๆแน่ จึงตะโกนเรียกบ้าง เผื่อว่าจะรั้งสติของผู้หญิงตรงหน้าได้

“คุณ .. คุณน่ะ .. ตรงนี้มันอันตรายนะครับ”

ก็ไม่รู้ว่ามันจะได้ผลหรือไม่ แต่ชายหนุ่มก็เห็นกับตาว่า หญิงสาวที่เคยก้มหน้าซบหัวเข่า เงยหน้าขึ้นก่อนจะเหลียวซ้ายแลขวาหาที่มาของเสียง

ท่านประธานฯรู้คค่อยย่างเท้าเข้าหา จนได้ระยะที่พอจะมองกันได้ชัดเจน เท้าที่กำลังจะก้าวต่อก็ชะงักทันใด เมื่อเห็นเพียงเสี้ยวหน้าด้านข้าง เขาก็จำได้ทันทีว่า .. เธอคือใคร

‘อกหักรึไง .. ถึงมาร้องไห้จะเป็นจะตายแถวนี้’

ลักษณะอาการของมัสลินในสายตาของเพลิงกัลป์ ทำให้ความคิดทำนองนี้ผุดขึ้นในใจ แต่เพราะไม่เคยเห็นหญิงสาวร้องห่มร้องไห้เจียนจะขาดใจเช่นนี้ ความคิดเหล่านั้นจึงไม่ได้ถ่ายทอดออกมาให้เธอได้ยิน

“เขาไล่ออกจากงานหรือไง .. ถึงมานั่งชมวิวอยู่น่ะ .. หือ”

แต่สุดท้ายเพลิงกัลป์ก็อดค่อนขอดไม่ได้อย่างเคย และเขาคาดเดาได้เลยว่า หลังจบประโยค สายตาพิฆาตราวจะกินเลือดกินเนื้อ ก็จะวับวาวเรืองรองฉายชัดมาที่เขาแน่นอน

‘นั่นไง .. คิดแล้วไม่ผิด’

แต่ที่คิดไม่ถึงคือ เขารู้สึกว่ามันมีประกายระยับคล้ายแสงแดดสะท้อนคลื่นเหนือผิวน้ำ .. เมื่อเห็น ก็ไม่อาจละสายตาไปได้

มัสลินเหลียวหลังมามองทั้งที่สายตายังพร่ามัวเพราะน้ำตากลบ โดยไม่ทันได้ซับหรือปาดมันทิ้ง แต่เพราะเสียงห้าวยียวนก่อกวนอารมณ์ที่ได้ยิน มีเพียงคนเดียวที่เป็นอย่างนี้ทุกครั้งยามเจอะเจอ .. ทำไมเธอจะจำไม่ได้

ถึงจะเห็นหน้าเพลิงกัลป์ไม่ชัดเจน แต่หญิงสาวก็รู้สึกได้เป็นอย่างดีว่า เขาไม่ได้มาดีแน่ๆ เธอจึงไม่พูดอะไรนอกจากสะบัดหน้ากลับมาทางเดิม ราวกับเขาไม่มีตัวตน

เพลิงกัลป์ขมวดคิ้วกับปฏิกิริยานั้น คล้ายอารมณ์ถูกตีให้ขุ่น ยามถูกเมินไม่ให้ความสนใจ แล้วเขาก็คิดขึ้นมาได้ว่า สาเหตุน่าจะมาจาก .. คนของคิงเซอร์เพนท์ .. คนนั้น

ชายหนุ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้อย่างรวดเร็ว และคิดว่าเป็นเหตุเป็นผลที่สุด ที่ว่าทำไม ‘ยัยเด็กอวดดี’ ในสายตาเขาคนนี้ จึงมาร่ำไห้ปานใจจะขาด ณ ขณะนี้

เหตุผลคงเป็นไปอย่างที่เขาคิดทีแรก .. บวกกับคำบางคำที่เธอตะโกนลั่นๆว่า .. ถูกทิ้ง

เพลิงกัลป์เหยียดยิ้มมุมปาก ราวจะหยามเยาะหญิงสาวตรงหน้า .. แต่เปล่าเลย .. ชายหนุ่มปฏิเสธข้อนี้ในทันที

มโนแปร่งๆจึงชี้ชัดไปยัง ซายน์ .. ผู้ชายแปลกหน้าที่ไม่น่าไว้ใจ .. ให้ตกเป็นจำเลยในความคิดของเขา

ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนเกาะในช่วงเกือบสองเดือนที่ผ่านมา มีหรือที่สาวเมืองกรุงจะรู้เรื่องรู้ราว .. ว่าคนที่เคยควงแขนออเซาะซบไหล่ ไปได้ดิบได้ดีกับหญิงสาวแสนสวย หน้าที่การงานดี .. ดีจนเป็นที่น่าอิจฉาของสาวๆหลายคนบนเกาะลาลัล

.. พูดให้เข้าใจง่ายๆคือ มัสลินถูกผู้ชายคนนั้นทอดทิ้ง ..

นี่คงรู้เรื่องแล้วล่ะสิ .. ถึงได้หลบมาทำใจคนเดียว

เพลิงกัลป์มองหลังไหล่บอบบางนั้นด้วยแววตาอ่อนแสงลง ความเห็นใจค่อยกระเพื่อมจากก้นบึ้งความรู้สึก .. จนเกือบจะเรียกได้ว่า สงสาร

สมองพยายามคิดหาคำพูดที่ไม่กระด้างจนเกินไป ตอนนี้เขาไม่อยากชวนคนที่อยู่ในอารมณ์โศกทะเลาะด้วย

ชายหนุ่มหวนนึกถึงเพื่อนเมื่อคราวนั้น .. ศิงขรินก็เกือบปางตาย จากความรัก

ดีว่าตั้งหลักได้ทัน .. แล้วหลบลี้หนีหน้าไปรักษาแผลใจ ด้วยการร่ำเรียนวิชาแพทย์ในระดับที่สูงขึ้น อย่างน้อยมันก็ยังดีกว่าดึงตัวเองให้ตกต่ำ เพียงเพราะไม่อาจสมหวังได้

แล้วถ้าเขาจะช่วยเพื่อนสนิทของพายพัด ให้ลุกขึ้นยืนได้ใหม่ .. คงจะดีไม่น้อย

แต่ก่อนอื่น .. เพลิงกัลป์ต้องมั่นใจว่า มัสลินกับซายน์ .. ไม่เกี่ยวข้องกันจริงๆ

“จะร้องไห้ไปทำไม .. ใครเขาจะทิ้งไปก็ช่างเขาสิ”

มัสลินที่เบือนหน้าหนีไม่อยากมองคนหาเรื่อง กลับต้องแปลกใจกับคำพูดห้วนๆแต่ให้ความรู้สึก ‘น่าฟัง’ อย่างประหลาด แต่เธอก็ยังนั่งนิ่งรอฟังว่า เขาจะพูดอะไรอีก

“คนเรา .. มีทางเลือกเยอะแยะ ถ้าเขาไม่เห็นค่า ก็อย่าไปเสียเวลาคิดเลย .. เรื่องอื่นมีต้องทำเยอะแยะ”

นั่นสิ .. จริงอย่างที่เขาพูด

“แต่ถ้ามันทำใจไม่ได้ .. ทนไม่ไหว มันก็ต้องลุยให้รู้กันไปเลย .. จะมามัวคิดไปเองอยู่ทำไม”

ไม่น่าเชื่อ .. ว่านายหัวของรู้ค จะพูดดีๆให้ข้อคิดก็ได้แฮะ

เพลิงกัลป์พูดไปก็จับตามองมัสลินว่า จะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับคำโน้มน้าวของเขา แต่เมื่อหญิงสาวไม่ได้โวยวายหรือโต้เถียง ก็ทำให้พอจะใจชื้นได้ว่า เธอกำลังรับฟัง

และมัสลิน .. ก็เป็นอย่างที่เพลิงกัลป์คิดอย่างนั้น

หญิงสาวแหงนมองดวงอาทิตย์ยามแสงสีที่เคยบาดตา ก็เห็นมันลดความร้อนแรงแปลงเปลี่ยนโทนสีเป็นแดงอมส้มเจือม่วงสลัว เพราะเมฆหนาแซมกำบัง จึงดูอบอุ่นนุ่มนวลไม่จัดจ้า สามารถมองผู้ครองท้องฟ้าได้นานขึ้น

เหมือนกับเพลิงกัลป์ในเวลานี้ ที่เธอไม่รู้หรอกว่า เขาคิดอะไรอยู่ แต่คำพูดของเขามันก็ช่วยทำให้ได้คิดมากกว่าเดิม

บางที .. คนที่เราคิดว่าเขาจะมารู้อะไร เข้าใจอะไรเรา .. อาจจะมองเห็นและเข้าใจเรามากกว่าที่คิดก็ได้

“สนใจฟูลมูนปาร์ตี้คืนนี้ไหมล่ะ .. อะไรที่มันหน่วงความรู้สึก .. ก็รู้จักปลดปล่อยมันเสียบ้าง”

เพลิงกัลป์ชี้ชวนหวังผล .. เขาอยากพิสูจน์ให้รู้แจ้งไปว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง ซายน์กับมัสลิน .. เป็นอย่างไรกันแน่

ส่วนคนฟังที่เอาแต่นั่งเงียบ หากความรู้สึกกำลังหกคะเมนตีลังกากับสิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ .. ผู้ชายที่เอาแต่หาเรื่องเธอ กลับมาคอยให้คำแนะนำอะไรแบบนี้

แต่ทั้งหมด .. มันก็เป็นไปแล้ว

มัสลินยังคงหันหลังให้เพลิงกัลป์ เหมือนไม่ใส่ใจกับข้อเสนอของเขา แต่ใครจะรู้ดีเท่าตัวของเธอเอง

“กี่โมง .. คะ”

“หา .. อะไรนะ หันหน้าอยู่อย่างนั้นพูดกับทะเลหรือไง ถ้าพูดกับฉันก็หันมาทางนี้สิ ..”

หญิงสาวกึ่งบึ้งกึ่งยิ้มกับความคงเส้นคงวาของชายหนุ่ม .. เกือบดีจนจบแล้วเชียว ..

มัสลินถอนหายใจแรงๆ พยายามขับไล่ความมืดหม่นออกไปให้ไกล ยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่แห้งจากแรงลม แต่ก็ยังชื้นแถวๆรอบดวงตา พอสัมผัสก็รู้ว่ามันต้องช้ำพอดู

.. เธอคงต้องปลดปล่อยตัวเองอย่างที่เขาบอกบ้าง ..

เจ้าของเรือนร่างบางที่ก่อนหน้านี้ร้องไห้ปิ่มจะขาดใจ หยัดกายขึ้นยืนรู้สึกได้ว่ากางเกงที่สวมใส่เปียกชื้น แต่ก็ไม่ได้ยี่หระ หันมาทางร่างสูงที่ยืนอยู่ไม่ห่าง

มัสลินก้าวเท้าทีละข้างอย่างระมัดระวัง ความลื่นบวกกับความคมของโขดหินทำให้การเคลื่อนไหวของเธอเชื่องช้าเนิบนาบ ไม่ทันใจเพลิงกัลป์จนต้องเดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วยื่นมือออกไปรับในระยะที่เอื้อมถึงกันได้

ความลังเลไม่แน่ใจเกิดขึ้นกับมัสลิน แต่ไม่มากเท่ากับความประหม่า ที่ไม่ควรจะส่งผลไปถึงจังหวะการเต้นของชีพจร ซึ่งดูเหมือนจะเร็วขึ้นผิดปกติ จนต้องเอ่ยปากเหมือนจะกลบเกลื่อนไม่ให้เสียงของมันเล็ดลอดออกมา ขณะที่ค่อยส่งมือข้างขวาวางลงบนมือ ที่บอกได้ตั้งแต่แรกสัมผัสว่า อบอุ่นและมั่นคง

“ฉันถามว่า .. ต้องไปกี่โมงคะ .. ฟูลมูนปาร์ตี้เนี่ย”

นัยน์ตาสวยคมเจือแววดุจับจ้องมองมายังเพลิงกัลป์พร้อมคำถาม ทว่า อีกฝ่ายทำราวกับไม่ได้ยินนอกจากยืนนิ่งสบตาคู่นั้น ระหว่างกระชับมือนุ่มให้อยู่ในอุ้งมือแข็งแรง

ถือเป็นการสื่อสารด้วยภาษากายที่บอกชัดเจนว่า มัสลินกำลังให้ความไว้วางใจเพลิงกัลป์มากกว่าที่ผ่านมา










********************************************************







โปรดติดตามตอนต่อไป ...

ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม และให้กำลังใจฮะ



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ส.ค. 2558, 01:28:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ส.ค. 2558, 01:41:35 น.

จำนวนการเข้าชม : 1113





<< ใยเส้นที่ 11 .. ต่าง .. ก็รัก    ใยเส้นที่ 13 .. คืนนี้ ใช่พระจันทร์เท่านั้นที่เต็มดวง >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account