~ สายใย .. ไฟรัก ~
~ สายใย .. ไฟรัก ~


เส้นสายใย .. ใครกันหนอ .. ที่ทอถัก
เส้นสายรัก .. ใครจักสาน.. ขานคำขอ
เส้นทางเดิน .. ใครเหินห่าง .. ต่างเฝ้ารอ
ไฟรักพอ .. ต่อหัวใจ .. ให้อุ่นอิง




เธอ .. คือ เพื่อนสนิทของน้องสาวเพื่อนรัก

เขา .. คือ ผู้บริหารโรงแรมจอมเผด็จการ แต่กลับเป็นเพื่อนรักพี่ชายของเพื่อนสนิท

ทว่า ..

เธอ .. ในสายตาของเขา .. คือ คนอวดดี ยโส ที่ใช้เพื่อนเป็นทางผ่านไปสู่ความสำเร็จของตัวเอง

เขา .. ในสายตาของเธอ .. คือ ผู้ชายไร้เหตุผล เอาแต่ตนเองเป็นใหญ่

ที่สำคัญเหนืออื่นใด .. ทั้งเธอและเขา .. กำลังตกหลุมรักคนที่ไม่ควรจะรัก!




***************************
Tags: ความรัก ครอบครัว เพื่อน

ตอน: ใยเส้นที่ 13 .. คืนนี้ ใช่พระจันทร์เท่านั้นที่เต็มดวง




เกาะลาลัล จัดว่าเป็นเกาะใหญ่ที่สงบเงียบ แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติอันสมบูรณ์ทั้งทางบกและทางน้ำ จนดึงดูดใจนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบปากต่อปากให้เดินทางมาที่นี่ ก่อนหน้าที่คนไทยจะได้รับรู้ว่า มีสถานที่ที่สวยงามหลบเร้นจากสายตาบุคคลทั่วไปอยู่ในประเทศ และมันได้ถูกขนานนามว่าเป็น เกาะสวรรค์แดนใต้อันดามัน

นั่น .. คืออดีต ภาพจำครั้งสุดท้ายที่เพลิงกัลป์ได้เห็นเมื่อเกือบ ๔ ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่คุณเวหนริเริ่มโครงการ กระทั่งดำเนินการก่อสร้างโรงแรมรู้ค รีสอร์ท แอนด์ สปาขึ้นบนเกาะแห่งนี้ หลังวางมือจากฟินิกซ์ รีโซเทล แล้วให้เขาดูแลบริหารแทน แต่ทำงานได้ไม่นานเท่าไหร่ ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้น ความจำเป็นทำให้ต้องขายหุ้นให้แก่หุ้นส่วนส่วนใหญ่อีกคน

เพลิงกัลป์เคยคิดโทษตัวเองหลายครั้ง เมื่อนึกถึงฟินิกซ์ .. โรงแรมที่บิดาทุ่มเททั้งชีวิตสร้างมาเพื่อครอบครัว แต่เขากลับรักษามันไว้ไม่ได้ ..

หากก็ต้องขอบคุณบิดาอีกเช่นกัน ที่ให้โอกาสเขาได้พิสูจน์ตัวเอง .. ในวันที่คิดว่า ทุกอย่างเกือบเป็นศูนย์ไปแล้ว

ชายหนุ่มจึงทุ่มเททั้งกายและใจเรียนรู้งานจากคุณเวหน ก่อนที่บิดาจะส่งมอบการบริหารทั้งหมดแก่เขาใน ๑ ปีให้หลัง และดูเหมือนว่าหุ้นส่วนทุกคนต่างพอใจที่เป็นแบบนี้ ซึ่งแต่ละคนล้วนแล้วแต่เรียกได้ว่า เป็นคนกันเองทั้งนั้น

ไม่ว่าจะเป็นเสี่ยชัยทัต ศิลป์รังสรรค์ เจ้าของบริษัทรับเหมารายใหญ่ ซึ่งเป็นผู้ชักชวนคุณเวหนแต่แรกเริ่ม แถมยังเป็นพ่อของรัศมิทัต และทางผู้ใหญ่ดูเหมือนมีแนวโน้มอยากให้เรือล่มในหนอง อย่างเห็นได้ชัด

ยังมีคุณอาวิริยา พิริยะกร เจ้าของวิริยา ไทยทัวร์ บริษัทนำเที่ยวที่มีชื่อติดอันดับการให้บริการท่องเที่ยวชั้นดี ถือได้ว่าเป็นรุ่นน้องคนสนิทของคุณเวหน และเธอคือแม่ของนาวาตรีฉัททันต์ นายทหารเรือแห่งราชนาวีไทย เพื่อนรักอีกคนของเพลิงกัลป์นั่นเอง

ทว่า เกาะลาลัล .. สถานที่ที่เปรียบเสมือนเป็นจุดศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางทะเล เพื่อเริ่มต้นการเดินทางไปสู่หมู่เกาะน้อยใหญ่ ก็เปลี่ยนไปแทบจะเรียกได้ว่าจากหน้ามือเป็นหลังมือภายในระยะเวลาไม่กี่ปี เมื่อสิ่งที่เรียกว่า 'ความเจริญ' ได้หลั่งไหลมาพร้อมกับผู้คนที่แวะเวียนมาเยือนอย่างคับคั่ง

ในความเห็นของเพลิงกัลป์ ความสะดวกสบายคือปัจจัยหลักที่ใครๆก็ต้องการ และธุรกิจย่อมต้องตอบสนองสิ่งนั้นให้ได้

แต่ดูเหมือนว่านอกจากความสุขสนุกสนาน ยามได้มาท่องเที่ยวพักผ่อนแล้ว .. ความสุขและสนุกในอีกรูปแบบ ที่หลายฝ่ายสมผลประโยชน์ ร่วมมือช่วยกันผลักดันให้เกิดขึ้นจนเป็นรูปเป็นร่างมาได้สักระยะแล้ว ..

งานฟูลมูนปาร์ตี้ที่เลื่องชื่อลือชาของอีกฝั่งทะเล ถูกยกมาต่อยอดไว้ที่เกาะลาลัลนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับการเปิดตัวโรงแรมใหญ่ท้ายเกาะ อย่าง คิง เซอร์เพนท์ ออฟ เดอะ เซาท์ ซี

ทว่า สถานที่จัดงานปาร์ตี้ครั้งแรกกลับอยู่ที่เมอร์เมด บีช ชายหาดสาธารณะกลางเกาะ ราวกับจงใจเปิดงานแข่งกับคิง เซอร์เพนท์เลยทีเดียว และมันก็สามารถสร้างกระแสนิยมจากนักท่องเที่ยวที่รู้ข่าวได้มากพอ จนเรียกว่าประสบความสำเร็จในระดับที่เจ้าของงานพอใจ

เพลิงกัลป์ออกจะแปลกใจไม่น้อย ที่ผู้ใหญ่ของเกาะอนุญาตให้เกาะลาลัลจัดงานเช่นนี้ ทั้งที่ในขณะนั้นผับบาร์ก็เริ่มผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด และเขาค่อนข้างมั่นใจว่า ชื่อเสียงที่กระฉ่อนไปไกลของฟูลมูนต้นฉบับ อาจเป็นจุดเริ่มที่จะนำปัญหามาสู่เกาะที่สุขสงบแห่งนี้ หากยังคิดจะจูงใจนักท่องเที่ยวด้วยวิธีการนั้นบ้าง

สองปีที่ได้เข้ามาบริหารเองและเรียนรู้จะต่อสู้กับอุปสรรคในธุรกิจโรงแรม ภายใต้แรงกดดันและอิทธิพลที่รู้สึกได้ แต่เพราะยังมองเห็นไม่ชัดเจน จึงทำให้เขารับรู้เรื่องราวได้เพียงแค่ มีบางอย่างที่ขยายตัวเป็นวงกว้าง ค่อยๆกระเพื่อมเข้าหาทีละน้อย .. ทีละน้อย

กระทั่งเพลิงกัลป์ได้พบกับเชดส์ .. ในวันที่อีกฝ่ายตกที่นั่งลำบาก มันเหมือนกับว่า เขาได้พบลูกกุญแจดอกสำคัญ เพื่อที่วันหนึ่งจะใช้ไขกล่องปริศนา เพื่อปลดล็อคให้กับสิ่งที่คลางแคลงใจให้กระจ่าง

"นายหัว .. นายหัวครับ วันนี้พาใครมาด้วยน่ะ .. ไม่เบานะเหมือนกันนะ นายหัวเนี่ย"

เสียงเรียกของชายคนหนึ่งในระดับที่เกือบจะเป็นตะโกน เพราะต้องฝ่าเสียงอึกทึกของดนตรีที่ปลุกเร้าอารมณ์ ในท้วงทำนองที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจทนอยู่นิ่งเฉย โดยไม่ขยับบางส่วนของอวัยวะในร่างกายได้

เพลิงกัลป์ยืนนิ่งมองบรรยากาศของงานฟูลมูนปาร์ตี้ ที่เริ่มประเดิมเวลามาตั้งแต่หลังพระอาทิตย์ตก ผู้คนมากมายต่างมาชุมนุมกันอย่างล้นหลามเพื่อความบันเทิง สนุกสนานสุดเหวี่ยง แต่ในห้วงความคิดกลับไม่มีภาพและเสียงเหล่านั้นแม้แต่นิดเดียว

มัสลินที่ดูจะตื่นตาตื่นใจไม่น้อย กับการมาฟูลมูนปาร์ตี้ครั้งแรกบนเกาะลาลัล ความรู้สึกที่หลากหลายทำให้เธอต้องเหลียวซ้ายแลขวาไปทั่ว ไม่ว่าจะเป็นมุมไหนส่วนไหนของเมอร์เมดบีช ก็คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ซึ่งเท่าที่สังเกตจะเป็นชาวต่างชาติเสียส่วนใหญ่

หญิงสาวถูกกำชับนับตั้งแต่ตกลงใจมางานนี้กับท่านประธานฯรู้คแล้วว่า ห้ามไปไหนตามลำพัง เกินกว่ารัศมีสายตาของเขาจะมองเห็น .. นั่นก็เพื่อความปลอดภัยของเธอเอง

ต่อให้มัสลินจะดูเป็น 'ยัยคนอวดดี' หรือ 'แม่เด็กดื้อ' อะไรก็ตามแต่ในสายตาของเพลิงกัลป์ แต่งานนี้เธอไตร่ตรองแล้วว่า การทำตามที่เขาบอก คือหนทางที่ดีที่สุด

เชดส์ ดีเจคนดังประจำงานปาร์ตี้ เห็นแต่แรกแล้วว่า เพลิงกัลป์ก็มาร่วมงาน .. เป็นความประหลาดใจอย่างมาก เพราะรู้ดีว่า 'นายหัว' ผู้มีความสันโดษ ไม่ชอบบรรยากาศและงานลักษณะนี้เลย แต่ที่ทำให้เขาอดเดินเข้าหาเพื่อไปทักทายไม่ได้คือ หญิงสาวหน้าคมดวงตาฉายประกายล้ำเสน่ห์ แม้ในที่สลัวรางเขาก็ยังเห็นชัดเจน

หนุ่มเดรดล็อคร่างผอมสูงขยับมาอีกนิด จนสองหนุ่มสาวรู้ตัวแล้วว่า ทิศทางของเสียงเรียกมาจากที่ใด

"เชดส์ .. นึกแล้วนายต้องมา"

"งานนี่ครับ .. ว่าแต่ นายหัวจะไม่แนะนำ .. หน่อยเหรอ"

เพลิงกัลป์เลิกคิ้วเล็กน้อยพลางมองตามสายตาของคนที่เขารู้จักและไว้ใจ ไปยังบุคคลเป้าหมายที่ถูกถามถึง แต่หนุ่มหุ่นเพรียวสไตล์เร้กเก้ต้องถูกลองเชิงจากคำพูดที่ว่า

"จำเป็นด้วยเหรอเชดส์ .. ฉันคิดว่านาย จะรู้จักไกด์ทุกคนที่มาเกาะนี้เสียอีก"

"โธ่ .. นายหัว ผมแค่พ่อค้าตัวเล็กๆ กับรับจ๊อบตอนดึกๆ คงไม่มีใครมาให้รู้จัก หรือมีเวลาไปรู้จักใครหรอก"

จากคำตอบคล้ายจะนอบน้อมในทีของหนุ่มผิวเข้มทรงผมแปลกสะดุดตา กลับทำให้มัสลินที่กำลังเงี่ยหูฟังการสนทนา ประหลาดใจไม่น้อยเมื่อไม่พบร่องรอยว่า จะเกรงบารมีท่านประธานฯเจ้าของโรงแรม แตกต่างจากบังคิดหรือคนอื่นๆเวลาที่ได้คุยกับชายหนุ่มผู้มีท่าทางทรงอำนาจตลอดเวลา หนำซ้ำน้ำเสียงของเชดส์ก็เหมือนเป็นการโต้ตอบหยอกเย้าไม่จริงจังมากกว่า

ในจุดนี้จึงเรียกความสนใจของมัสลินได้เป็นอย่างดี .. และบุคลิกท่าทางของเขาในความรู้สึกของเธอ ยังมีบรรยากาศที่คลับคล้ายคลับคลากับใครบางคน .. อันแสนจะคุ้นเคยอีกด้วย

เป็นเหตุผลให้หญิงสาวกล้าที่จะเริ่มต้นเอ่ยทักทาย ไม่มัวรีรอผู้ชายสองคนซึ่งมัวแต่มองเธอสลับกันไปมา อย่างกับประเมินท่าทีกันเองอย่างนั้น

"สวัสดีค่ะ .. ฉันชื่อมัสลิน เรียกลินินก็ได้ค่ะ เป็นไกด์มาที่นี่ก็หลายหน แต่ไม่เคยเจอคนที่เด่นสะดุดตาอย่างคุณเลย"

"มัสลิน? .. ชื่อน่ารักจัง .. ผมเชดส์ครับ อย่างที่บอก ผมเป็นดีเจ เป็นพ่อค้า .. และถ้าคุณลินินให้โอกาส .. ผมก็อยากเป็นเพื่อนกับคุณด้วย"

มัสลินถึงกับหัวเราะออกมากับมุกหยอดสาวของเชดส์ รูปลักษณ์ภายนอกของผู้ชายคนนี้ อาจจะดูไม่น่าไว้วางใจ แต่สำหรับเธอมันตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง

อากัปกิริยาของมัสลินที่บอกได้ว่า รู้สึกถูกชะตากับชายหนุ่มทรงผมหลอดเล็กขมวดเกลียวยาวเกินไหล่ไปถึงหลัง กลับสร้างความรู้สึกหงุดหงิดแก่เพลิงกัลป์อย่างบอกไม่ถูก มันเหมือนกับว่า เขากลายเป็นอากาศธาตุไปแล้ว เมื่อคนสองคนทำราวกับพากันเข้าไปอยู่ในโลกส่วนตัว

ชายหนุ่มกระแอมในลำคอก่อนเสมองไปรอบงานอีกครั้ง แล้วเปรยขึ้นมาด้วยคำพูดเจาะจงไม่ปล่อยให้ใครปฏิเสธ

"นายไม่ไปทำหน้าที่ของนายเหรอ .. ดึกแบบนี้ พวกนักดื่มนักเต้นคงอยากได้ความตื่นเต้นเร้าใจกว่านี้ เดี๋ยวฉันจะพามัส .. สะ .. เอ่อ ลินินไปทางโน้นหน่อย"

เชดส์ชำเลืองมองเพลิงกัลป์ ท่าทางไม่เหมือนเคยทำให้เดาว่า เจ้าตัวคงอยากกันท่าน่าดู แต่จะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ เขาก็ไม่ได้ให้ความสนใจเท่ากับหญิงสาวคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ซึ่งเพิ่งทำความรู้จักกันไปหมาดๆเมื่อครู่ เขาตั้งใจส่งยิ้มเป็นมิตรให้มัสลินดวงตาระยับ ชะโงกหน้าเข้าไปกระซิบห่างจากใบหูของเธอพอประมาณ พูดเบาๆให้พอได้ยินกันสองคน แต่น้ำเสียงจริงจังจนคนฟังมุ่นคิ้วแปลกใจ

"อย่ารับเครื่องดื่มจากคนแปลกหน้านะครับ .. ระวังตัวด้วย ถ้ามีอะไรให้มาที่ผม .. โอเคนะ"

จบประโยคทำความเข้าใจ ดนตรีก็กระหึ่มขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเสียงกรีดร้องเมามัน ไม่รู้ว่าเพราะท้วงทำนองเร่งเร้าหรือสิ่งใดกันแน่ แต่สิ่งที่มัสลินรับรู้ตอนนี้คือ เธอคิดว่าสามารถมั่นใจและเชื่อใจเชดส์ได้ .. แน่นอน

แต่ภาพของชายหญิงที่ยืนกระซิบกระซาบ ทำเป็นมีความลับต่อกันตรงหน้าเพลิงกัลป์ ทั้งที่เพิ่งได้รู้จักกันไม่ถึง ๑๐ นาที มันก็ทำให้เขาเริ่มฉุนโดยไม่มีสาเหตุแล้วไพล่ไปคิดว่า .. มัสลินคงจะเป็นผู้หญิงชนิดที่เขามองติดลบมาตลอดจริงๆ




สิ่งหนึ่งที่มัสลินสังเกตได้ระหว่างเดินตามเพลิงกัลป์คือ อารมณ์ที่แปรปรวนของเขาในขณะนี้ ซึ่งแตกต่างกันมากจากเมื่อตอนหัวค่ำ ก่อนจะออกมาปาร์ตี้พร้อมกัน

หญิงสาวบอกพายพัดว่า คืนนี้เธอจะออกไปฟูลมูนปาร์ตี้ และยังถามเพื่อนรักว่า สนใจจะไปด้วยกันไหม

'ไม่เอาหรอก .. ลินิน พายไม่ชอบ เสียงดังแถมอันตราย .. ว่าแต่ ลินินจะไปกับใคร ถ้าไปคนเดียว ก็อย่าไปเลยนะ'

พายพัดบอกเธออย่างห่วงใย แต่เมื่อรู้ว่า มัสลินจะมากับเพลิงกัลป์ .. เพื่อนสาวก็ไม่เหนี่ยวรั้งอะไรอีก นอกจากยิ้มให้แล้วจะก้มหน้าก้มตาเขียนไดอารี่เล่มหนา อย่างที่ทำจนเป็นกิจวัตรมาหลายปี

แม้เวลาจะล่วงสนธยามาหลายชั่วโมง แต่ชายหนุ่มบอกเธอระหว่างทางที่ขับรถมาว่า .. ราตรีนี้ยังอีกยาวนาน เพราะงานจะเลิกก็ต่อเมื่อตะวันรุ่งวันพรุ่งนี้

หญิงสาวมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินนำเบื้องหน้าแล้วก็ระบายลมหายใจพรู ไม่เข้าใจอารมณ์ของเขาว่า ทำไม มันถึงแปรเปลี่ยนได้รวดเร็วจนตามไม่ทัน ทั้งที่ก่อนหน้าก็ยังดีๆกันอยู่ แล้วจู่ๆก็วูบวาบดั่งเปลวไฟต้องแรงลม ยากที่จะคาดเดาทิศทางว่า จะลามเลียไปจนเกิดประกายไฟพวยพุ่งตอนไหน

ถ้าเพียงแค่โหมกระพือส่องทางให้สว่างก็คงไม่กระไร แต่หากมากไปจนลุกไหม้มันก็คงเผาคนที่อยู่ใกล้ๆมอดไปตามๆกัน

มัสลินเดินใจลอยคิดถึงท่าทีของเพลิงกัลป์ จนเผลอละสายตาจากชายหนุ่มทำให้คลาดกันในที่สุด แล้วตัวเองก็พลัดมาติดอยู่ในกลุ่มคนมากหน้าหลายตา ซึ่งมีทั้งหญิงและชายกำลังโยกย้ายส่ายสะโพก คลอเคลียนัวเนียกันเป็นคู่ๆต่อหน้าเธอเลยทีเดียว

ขณะที่หญิงสาวชาวไทยท่ามกลางชาวต่างชาติ กำลังตะลึงกับลีลาของขาแดนซ์ ที่ดูจะเป็นการเข้าจังหวะแบบอื่นมากกว่า ก็มีมือข้างหนึ่งมาจับหมับที่แขนของเธอ แล้วออกแรงกระตุกเบาๆก่อนรั้งให้ก้าวออกมาจากตรงนั้น

ความสว่างมีน้อยเกินกว่าจะเห็นถนัดว่า ใครกันที่อุกอาจทำเช่นนี้ อุ้งมืออุ่นสากเล็กน้อยจากที่ผิวเนื้อสัมผัสได้ สร้างความตกใจแก่มัสลินไม่น้อย หญิงสาวพยายามขืนตัวไม่ก้าวตาม และสะบัดให้หลุดจากการถือวิสาสะของใครก็ไม่รู้ พร้อมกับตะเบ็งเสียงร้องบอกที่เหมือนจะเบาจนไม่ได้ยิน

"ปล่อย .. ปล่อยนะ .. บอกให้ปล่อย"


แม้จะร้องสุดเสียงแค่ไหน เสียงเพลงแนวเต้นกระชากกระชั้นก็กลบเสียงของเธอหมด ผู้คนรอบข้างก็ไม่ได้สนใจว่า จะมีเรื่องร้ายแรงอะไรเกิดขึ้นหรือไม่

ใจของมัสลินชาวาบแทบวูบหาย ความกลัวก่อตัวแทรกเข้ามาในทุกอณู นึกทบทวนสิ่งที่เชดส์บอก .. อย่ารับเครื่องดื่มจากคนแปลกหน้านะครับ .. ระวังตัวด้วย ถ้ามีอะไรให้มาที่ผม ..

ใช่ ในเมื่อคนที่พามาก็ไม่อยู่ให้พึ่งพิง เธอคงต้องพึ่งขาตัวเอง ก่อนจะไปพึ่งคนอื่น

พลันข้อตกลงระหว่างเธอกับเพลิงกัลป์ ก่อนลงจากรถเมื่อมาถึงเมอร์เมดบีช ก็ดังขึ้นในคำนึง

'นี่ .. วันนี้มากับฉัน .. ก็อย่าอยู่ห่างจากฉันล่ะ อย่าไปไหนโดยไม่มีฉัน .. เข้าใจนะ'

สุดท้าย .. เขาก็ไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้อย่างที่พูด

คนที่จับแขนมัสลินแน่นยังคงรั้งลากเธอฝ่าดงนักเที่ยว ที่ล้วนแล้วแต่อยู่ในอาการมึนเมาแยกไม่ออกว่าจากเครื่องดื่มหรืออะไร ความแออัดทำให้ต้องเบียดเสียดลากจูงกันไปเรื่อยๆ โดยไม่หันมาให้เห็นหน้าค่าตาว่าเป็นอย่างไร อย่างน้อยเธอก็จะได้คุยกับเขาให้รู้เรื่อง

หญิงสาวข่มความกลัวไม่ให้มันแสดงออกมา แต่ก็ไม่อาจระงับอาการพรั่นพรึง ที่สร้างความยะเยือกจากไขสันหลังขึ้นมายังท้ายทอยได้ .. เขาจะพาเธอไปไหน หรือ คนๆนี้กำลังมึนเมา ตกเป็นทาสของสารบางชนิด แล้วพร้อมที่จะลุกขึ้นมาก่ออาชญากรรม

ยิ่งคิดยิ่งจินตนาการ ก็ยิ่งมีแต่ความโหดร้ายน่ากลัวท่วมท้นความรู้สึก นัยน์ตาคมสวยที่เคยวับวาบ ก็เริ่มเอ่อคลอหยาดน้ำใสที่ไม่อาจควบคุม

หนทางห่างไกลผู้คนออกมาทุกที แม้จะอยู่บนชายหาดที่มีร้านมีบาร์ มีใครต่อใครเดินไปมาแต่พวกเขากลับไม่สนใจอะไรกับท่าทางเหลียวหน้าเหลียวหลังของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่เพียรส่งสายตาร้องขอความเห็นใจ .. ไม่มีเลย!

แล้วจู่ๆคนชายร่างสูงก็หันมาเผชิญหน้า โดยไม่ทันให้มัสลินได้ตั้งตัว ซึ่งเมื่อเป็นดังนั้นเธอก็เตรียมแหกปากกรีดร้องขอความช่วยเหลือ .. แต่ว่า ทุกอย่างดูช้าไปเสียแล้ว เพราะชายคนนั้นตะคอกเธอด้วยน้ำเสียงดุดันราวโมโหโกรธามานานปี

"มาที่นี่ทำไมลินิน .."

มือข้างที่ถูกจับกุมและลากมาเป็นอิสระ แล้วแทนที่เธอจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ หรือทำอะไรสักอย่าง เพื่อไปให้พ้นจากตรงนี้ ก็เป็นอันไม่สามารถทำได้สักอย่าง นอกจากยกมือทั้งสองขึ้นปิดปากตัวเอง ดวงตาเบิกกว้างครางอู้อี้แทบฟังไม่รู้เรื่อง

"อาป่าน .. อาป่าน ทำแบบนี้ จะให้ลินินช็อคตายเหรอคะ"

"อาสิ .. ต้องถามลินิน ว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง"

ต่างคนต่างตั้งคำถามไม่มีใครยอมใคร และเมื่อมัสลินคิดว่า ปลอดภัยแล้วเหตุการณ์ไม่ได้เป็นไปในทางร้ายอย่างที่จินตนาการ น้ำตาแห่งความโล่งอกก็ไหลอาบแก้มทันตา

"อาป่านบ้า .. บ้าที่สุด .. รู้มั้ยทำลินินกลัวแค่ไหน"

ศรตฤณคลายความโทสะได้ทันทีที่เห็นน้ำตาของหลานสาว เขายอมรับว่าตกใจที่เห็นมัสลินยืนเด่นอยู่ในหมู่นักเที่ยว ที่กำลังมึนเมาได้ที่ แถมท่าทางไม่รู้เหนือรู้ใต้หันรีหันขวางราวเด็กหลงทาง ยิ่งก่อความเดือดดาลขึ้นไปอีก

ด้วยความเป็นห่วงสวัสดิภาพและความปลอดภัย ทำให้เขาเร่งรุดพาตัวเองฝ่าดงมนุษย์ไปให้ถึงตัวลูกแกะ ก่อนฝูงหมาป่าจะพบแล้วต้อนไปขย้ำเสียก่อน

ศรตฤณส่ายหน้ายกมือขึ้นเสยผมแรงๆ เรียกสติคืนมาดังเดิม หลังจากได้ยินคำตัดพ้อต่อว่าของมัสลิน

"อาขอโทษ ที่ทำให้ตกใจ .. แต่รู้ไหมว่า ทะเล่อทะล่าไปยืนอยู่ตรงนั้น มันอันตรายแค่ไหน"

"ก็บอกกันดีๆสิคะอาป่าน .. ไม่ใช่ให้ลินินคิดว่า จะโดนลากไปทำมิดีมิร้ายแบบนี้"

มัสลินปาดน้ำตาที่ไหลไม่หยุดหย่อน ดีว่าตอนพูดไม่ได้สะอึกสะอื้นไปด้วย แค่เสียงสั่นๆเล็กน้อยเท่านั้น

อาหนุ่มเห็นดังนั้นก็พูดไม่ออกเหมือนกัน จึงก้าวเข้าหาหลานสาวยกมือขึ้นวางกลางกระหม่อม ลูบศีรษะเบาๆพลางก้มลงมองสบตา

“อาเป็นห่วง .. ไม่คิดว่าลินินจะอยู่ในที่แบบนี้ .. เฮ้อ จะให้อาทำยังไงล่ะ”

น้ำเสียงปลอบประโลมอบอุ่นคลายความตระหนกให้มัสลินได้ชะงัด หญิงสาวช้อนสายตามองใบหน้าหล่อเหลาราวจิตรกรวาด อดคิดไม่ได้ว่า ..

นี่ถ้าเธอไม่ใช่หลานสาวของเขา .. เธอจะหวั่นไหวไปกับผู้ชายแบบศรตฤณหรือเปล่านะ?

พอมัสลินสามารถคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องขึ้นมา รอยยิ้มขี้เล่นอย่างคนนึกสนุกก็ผุดพราย

“งั้น .. ช่วยเทคแคร์ลินินได้ไหมคะ .. ลินินอยากรู้ว่าในฟูลมูนปาร์ตี้ มันมีไอ้เรื่องที่เขาว่าๆกันจริงหรือเปล่า”

“อะไรล่ะ .. เรื่องที่ว่าๆกันน่ะ”

ศรตฤณปรับอารมณ์ตามหลานสาวคนโปรดแทบไม่ทัน ร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่ดี ก็เกิดจะมีคำถามไร้ต้นสายปลายเหตุเอาดื้อๆ แถมยังกำกวมอีกด้วย

แต่คำตอบของมัสลินกลับทำให้คุณอาหนุ่มต้องขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าเขาควรจะเขกกะโหลกเธอสักสองสามที หรือพาออกจาก ‘งาน’ ของเขาให้เร็วที่สุด

“ก็ที่เขาว่า มาฟูลมูนปาร์ตี้มันมีทั้งเรื่องยา เรื่องเซ็กส์ไงคะอาป่าน .. มันจริงมั้ย”





ท่ามกลางการใช้งานแสงไฟให้สลัวราง ราวกับต้องการขับเน้นบรรยากาศของจันทร์เต็มดวงตามชื่องานให้แจ่มชัดยิ่งขึ้น แสงนวลตาทอทอดความกระจ่างสู่เบื้องล่างบนชายหาดหรรษา เครื่องดื่มถูกทยอยนำมาให้เลือกนานาชนิด ทั้งดีกรีอ่อนไปจนร้อนแรง รวมไปของ ‘วิเศษ’ ซึ่งเป็นที่ต้องการของลูกค้า ก็สามารถหาได้ไม่ยากในงานนี้

เพชรงามเฝ้ามองการทำงานของ ‘ซายน์’ มาตลอดเกือบสองเดือนที่ผ่านมา และก็ไม่ผิดหวังกับการสนับสนุนให้เขาได้มีโอกาสแสดงฝีมือ

โดยเฉพาะคืนนี้ .. ผู้ชายคนที่เธอลุ่มหลง ทำผลงานได้ดีกว่าที่คาดไว้มาก และดูเหมือนเขาจะ ‘รู้งาน’ ไม่น้อยว่าอะไรต้องทำ .. อะไรควรทำ และอะไรต้องพึงระวัง

เว้นเสียแต่บางอย่างที่ผิดปกติไป ซึ่งเพชรงามกำลังสนใจเพ่งพิจารณา สายตาที่เคยสวยหวานหยาดเยิ้มยามพะเน้าพะนอกับผู้ชายที่คิดว่าเป็นสมบัติของเธอ เริ่มวาววับตามแรงอารมณ์แหนหวงจนกลายเป็น .. หึงหวง

เมื่อมั่นใจในสิ่งที่เห็นแล้วว่า คนที่อยู่ใต้อาณัติริอ่านนอกลู่นอกทาง ไปยืนก่ายกอดพลอดรักกับผู้หญิงอื่น

‘ซายน์ .. ถอยออกมา .. เดี๋ยวนี่’

ราวกับกระแสความคิดและการจับจ้องไปที่เป้าหมาย สามารถส่งตรงไปถึงเจ้าของชื่อ เพชรงามจึงได้เห็นว่า เขาก็เงยหน้าขึ้นในพริบตา แล้วเหลือบสายตาคมกริบมายังตำแหน่งที่เธอยืนอยู่เช่นกัน

หญิงสาวผู้มีความงามสมชื่อหันหลังกลับ เธอรู้ว่า ไม่นานนับจากนี้ ผู้ชายของเธอจะต้องตามมา

ส่วนผู้หญิงที่บังอาจทอดสะพานให้คนเธอที่รัก .. มันต้องได้รับบทเรียนที่จะทำให้ไม่กล้าไปยุ่ง .. กับของๆใครอีก!




ดีเจคนดังของงานยืนโดดเด่นยืนบนแท่นที่จัดเป็นเวทีเฉพาะกิจ บริเวณนี้อยู่ในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นได้เกือบทุกตารางเมตรของเมอร์เมดบีช

และความผิดปกติก็เข้ามาอยู่ในครองสายตา เมื่อเชดส์เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ศรตฤณแยกตัวจากพื้นที่โซนพิเศษ สำหรับทีมงานในการจัดงาน ก้าวแหวกดงนักเที่ยวอย่างรีบร้อน ก่อนที่จะกลับออกมาอีกครั้งพร้อมด้วยหญิงสาวคนที่เพิ่งได้รู้จักไม่นาน

“บ้าไปแล้วรึไง .. ซายน์”

เชดส์พึงพำออกมาจากท่าทางตกใจของมัสลิน ทำเอากับสงสัยในพฤติกรรมของเพื่อน แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้มากไปกว่า ‘สังเกตการณ์’ อยู่ตรงนี้

โดยที่หนุ่มเดรดล็อคคงจะลืมคิดไปว่า ยังมีใครอีกคน ที่ก็เห็นไม่ต่างกัน รวมถึงเฝ้าจับตาอยู่เงียบๆในมุมหนึ่ง และพร้อมจะกระโจนออกมาทันที

หากมันจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นกับ .. มัสลิน!











**************************************************






โปรดติดตามตอนต่อไป ...


ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม .. และขอขอบคุณสำหรับการกดไลค์กำลังใจฮะ



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ส.ค. 2558, 09:20:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ส.ค. 2558, 09:20:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 1199





<< ใยเส้นที่ 12 .. มือที่ยื่นมา   ใยเส้นที่ 14 .. คืนนี้ ไยช่างยาวนาน >>
kaelek 21 ส.ค. 2558, 16:19:55 น.
นี่คุณไฟ ตั้งใจทิ้งลินินให้หลงรึป่าวน่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account