อาลัว...กลัวรัก
รักแรก ทำให้หัวใจของอาลัวเต็มไปด้วยความสุขและเศร้า
เมื่อความรู้สึกที่เธอเคยเข้าใจมาตลอดเป็นของคนอื่น...
แต่ขนาดเธอเศร้าแทบตาย ก็ยังมีคนมาคอยสมน้ำหน้าด่าทอ
รวมถึงการมัดมือชกเสนอให้เธอคบเขาแก้เศร้าเสียเลย
นี่ถ้าเธอไม่คิดว่าเขาเป็นเกย์ แล้วอยากคบเธอบังหน้า เธอคงคิดว่าเขาเสียสติ
เมื่อความรู้สึกที่เธอเคยเข้าใจมาตลอดเป็นของคนอื่น...
แต่ขนาดเธอเศร้าแทบตาย ก็ยังมีคนมาคอยสมน้ำหน้าด่าทอ
รวมถึงการมัดมือชกเสนอให้เธอคบเขาแก้เศร้าเสียเลย
นี่ถ้าเธอไม่คิดว่าเขาเป็นเกย์ แล้วอยากคบเธอบังหน้า เธอคงคิดว่าเขาเสียสติ
Tags: อาลัว ดรัล นวีน ชมนาด
ตอน: บทที่ 9 : เลือกได้ไม่ยาก
บทที่ 9
แค่ซุ่มซ่ามนิดหน่อย ชีวิตของผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งอาจจบสิ้นลงได้ สัมปันนีรู้สึกอย่างนั้นทันทีที่บรรยากาศแสนวุ่นวายภายหน้าห้องอุบัติเหตุมีผู้หญิงที่ชื่อช่อมาลีอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเธอคอยส่งกระแสอำมหิตมาให้ ถึงสายตาคู่กรณี(ข้างเดียว) ของอีกฝ่ายจะสงบนิ่ง แต่ก็เป็นดังน้ำนิ่งไหลลึกที่เธออ่านไม่ออก ซ้ำร้ายทุกครั้งที่ถูกอีกฝ่ายมองลับหลัง เธอจะมีลางสังหรณ์ว่าการหันหลังให้กับช่อมาลีไม่ใช่เรื่องดี
อย่างน้อยในที่แห่งนี้ก็มีทั้งกรรไกร ถาดเหล็ก อุปกรณ์น่ากลัวอีกหลายสิ่งอย่างที่พอจะนำมาใช้เป็นอาวุธได้ หากมีคนหึงโหดขาดสติขึ้นมา การหันหลังโดยไร้ทางป้องกัน ไร้การตั้งรับคงไม่ค่อยดี ท่าทีทุลักทุเลของหญิงสาวร่างสูงจึงดูตลกในสายตาของพยาบาล ทุกครั้งที่ช่อมาลีเดินอยู่เบื้องหลัง สัมปันนีจะขยุกขยิก เป็นต้องแอบเอี้ยวคอมองอีกฝ่ายตลอด มือก็ยังคอยกดห้ามเลือดไว้
“คุณสัมปันนีค่ะ”
จุณวัฒน์ที่อยู่ไม่ไกลตั้งท่าจะปราดเข้ามาช่วยอย่างที่พี่ชายร่วมโลกมีน้ำใจ แต่สัมปันนีต้องกางมือห้ามไว้ ยิ้มอย่างซาบซึ้งทั้งที่ในใจกำลังอ้อนวอนว่าพี่ชายผู้น่ารักอย่างเขาควรเหลือชีวิตมดแมงแมลงอาลัวตัวนี้ไว้บ้างด้วยระยะห่างที่มากขึ้น
“ไหวใช่ไหม” เขายังทำหน้าเห็นใจมาให้ไม่หยุดหย่อน สัมปันนีเหลือบมองไปยังช่อมาลี หน้าของอีกฝ่ายนิ่งขรึม ไม่บึ้ง ไม่หงิก ไม่ยิ้ม แต่น่ากลัวเสียยิ่งกว่าตอนที่เธอลองแย่งหน้าที่แม่ครัวของดรัลไป เหมือนมีพายุที่มองไม่เห็นอย่างไรไม่รู้
“ไม่ตายหรอกค่ะ”
“อย่ามาร้องโวยวายนะ” จุณวัฒน์กลั้นหัวเราะกับอาการกลอกตาของสัมปันนี “ไปเถอะ เดี๋ยวเลือดหมดตัว”
สัมปันนีนอนอยู่บนเตียงคนไข้ เสื้อสีอ่อนที่ใส่ของวันก็ถูกอาบชโลมด้วยเลือดตัวเองจนไม่รู้ว่าจะซักออกได้เหมือนเดิมไหม ปล่อยให้พยาบาลเข้ามาจัดการกับแผลที่แตก ไม่ว่าจะมีเข็มไหนมาจิ้มอย่างไรหญิงสาวก็ปล่อยให้เป็นไปอย่างสงบ ตรงข้ามกับเสียงแหกปากร้องจ้าของเด็กที่อยู่อีกมุมของห้อง เสียงแหลมเล็กไม่ลดเบาแม้พยาบาลและคุณหมอบางส่วนพยายามตะล่อมแล้ว
“โดนยิงมาค่ะ”
คนที่ผินหน้าไปมองเด็กน้อยผิวขาวจั๊วะกะพริบตาปริบๆ อย่างคนที่เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองกำลังสนใจเรื่องคนอื่น นึกขอบคุณพยาบาลที่กำลังเย็บแผลบนหัวเธอที่อุตส่าห์เล่าเรื่องประกอบให้ แต่อีกใจเธอกลับรู้สึกว่าเรื่องถูกยิงกันไม่ควรเกิดกับเด็กที่อายุไม่ถึงสิบขวบอย่างนี้เลย
สัมปันนีนอนคิดจนกระทั่งพยาบาลตัดปมมัดปลายไหมให้ จึงละจากภาพเด็กน้อยแต่หูของเธอก็ยังได้ยินเสียงร้องโวยวายไม่หยุดหย่อนเช่นเดิม หมอพยาบาลหลายชีวิตทำหน้าคล้ายจะร้องไห้ตามเด็กที่ไม่รู้จะปราบให้สงบอย่างไรดี กระทั่งมีบุรุษพยาบาลวิ่งตึงตังเข้ามาบอกเกิดอุบัติเหตุใหญ่ด้านนอก ให้ไปช่วยกันดู ทุกคนในห้องอุบัติเหตุจึงพากันออกไป พยาบาลคนสุดท้ายที่ดูแลเธอปิดแผลให้เสร็จยังบ่นเบาๆ กับเพื่อนพยาบาลหน้าห้องด้วยกันแล้วรีบวิ่งออกไป
“เด็กคนนั้นหมอก็ทำแผลให้แล้ว กระสุนแค่ถากๆ แต่ร้องไม่ยอมออกจากห้องท่าเดียวเลย”
ช่วงที่ภายในห้องอุบัติเหตุมีแค่เธอกับเด็กคนนั้นอยู่ สัมปันนีกลับไม่รู้ตัวว่าควรทำอย่างไร เธอปลอบคนไม่เก่ง ตะล่อมคนไม่ได้ เธอไม่อ่อนโยน หรือเข้าใจจิตใจของใครได้มากมายขนาดนั้น พอเธอจะเดินเลี่ยงออกมาเนียนๆ ทำเป็นมองไม่เห็นเด็กคนนั้น
“แง!”
ไม่ได้ยิน เธอทำให้เด็กหยุดร้องไห้ไม่ได้หรอก
“แง!”
สัมปันนีหยุดกึก หลับตา อีกไม่กี่นาทีนี้ภายในห้องจะเต็มไปด้วยความวุ่นวาย และเด็กคนนี้จะอยู่ทนมองภาพคนบาดเจ็บมากมายได้อย่างไร เท้าที่เกือบถึงหน้าประตูจึงเปลี่ยนเป็นเดินไปอีกมุมห้อง
“นี่หนู”
“แง!”
“เดี๋ยวซื้อขนมให้กิน”
“แง!”
หญิงสาวกัดฟันกรอด ตัดสินใจอุ้มเด็กแปลกหน้าคนนี้ออกมาจากเตียง โชคยังดีที่นอกจากเด็กจะแหกปากร้อง ก็ไม่ได้เอามือมาดึงทึ้งหัวเธอเพื่ออาละวาด เตียงหลายเตียงเข็นเข้ามาสวนกับคนเจ็บที่นอนเลือดอาบ บ้างอวัยวะแยกร่าง สัมปันนีเบือนหน้าหนี ตรงข้ามกับเด็กที่เธอกำลังอุ้ม กลับหยุดร้อง และเอาแต่จ้องมองภาพคนเจ็บเหล่านั้นตาแป๋ว
“ขอบคุณที่ช่วยนะคะ” พยาบาลมีสีหน้าโล่งอกหลังจากเข้าใจว่าเด็กน้อยหยุดร้องไห้เพราะสัมปันนี
คนพยายามปฏิเสธถูกเชิญออกมานอกห้องอุบัติเหตุ เบื้องนอกนอกจากช่อมาลี จุณวัฒน์ ยังมีอีกคนที่กำลังจ้องหน้าเธอด้วยแววตาดุจัด สลับกับเครื่องหมายคำถามที่ส่งมาให้แก่เด็กที่ถูกเธออุ้มอยู่
“ไม่เจอกันแปบเดียวมีลูกโตแล้วเหรอ” ดรัลค่อนแคะตามประสา เขาเร่งแทบตายเพื่อจะมาเห็นอีกฝ่ายสนใจเด็กน้อยแปลกหน้าคนหนึ่งมากกว่าเขา แต่อย่างน้อยเขาก็ยังโล่งอก ที่สัมปันนีไม่ได้เกิดเรื่องอะไรร้ายแรงขึ้นมา อย่างน้อยอีกฝ่ายก็คือลูกน้อง...เขาย่อมมีสิทธิห่วงตามประสานายจ้างที่โยนภาระงานมาให้ ชายหนุ่มสรุปความรู้สึกของตัวเองอย่างพอใจ
เด็กน้อยใช้สองมือเกาะแขนของสัมปันนี แล้วกระโดดลงไปยืนบนพื้นไม่ต่างจากลิงค่าง แขนข้างหนึ่งคล้องผ้าไว้ เด็กชายเดินต่อไปไม่เหลียวหลังมามอง
“เขาเป็นลูกใคร” ช่อมาลีกอดอกถาม
สัมปันนีส่ายหน้า “ไม่รู้ค่ะ เจอกันข้างใน แกเอาแต่ร้องไม่หยุด”
“พ่อแม่เขาไปไหน”
หญิงสาวกำลังคิดส่ายหน้าอีกครั้งให้กับช่อมาลี แต่กลับเกิดความวุ่นวายขึ้นเสียก่อน ผู้ชายตัวสูงเดินแกมวิ่งมาหาพยาบาล พูดไทยสำเนียงแปร่ง
“เห็นเด็กไหมครับ”
“ไปแล้วค่ะ”
“ไปไหนครับ”
บทสนทนาหลังจากนั้นเต็มไปด้วยความร้อนรนของผู้ชายคนนั้น ดรัลเป็นคนแรกที่เข้าใจสถานการณ์ในสายตาคนนอกมากที่สุด เขาแจกแจงหน้าที่ให้กับทุกคนทันที
“แยกย้ายกันตามหาเด็กคนนั้น คงยังไปได้ไม่ไกล” ชายหนุ่มเดินไปหาชายคนนั้น
ช่อมาลีกับจุณวัฒน์มองหน้าสัมปันนี เป็นครั้งแรกที่สายตาของช่อมาลีไม่ได้เย็นชาจับขั้วหัวใจ และยังมีร่องรอยเป็นห่วง “เจ็บอยู่ ถ้าไม่ไหวก็หาที่นั่งพักเถอะ ไม่ต้องเดินเอาหัวไปโขกอะไรอีก”
สัมปันนีสงบปาก ไม่ยอมหยุดอยู่เฉยอย่างคนป่วยไร้แรง เฮ้อ...ผู้หญิงคนนี้นิสัยคล้ายดรัลจริงๆ
แต่การค้นหาเด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งกลับไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทุกคนต่างยอมแพ้หลังจากโรงพยาบาลวุ่นวายอยู่ราวๆ เกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม พวกเขาต่างลงความเห็นว่าบางทีเด็กคนนั้นอาจหนีออกไปนอกโรงพยาบาลแล้ว คนนอกที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ไม่รู้จักมักจี่กับเด็กหรือผู้ชายคนนั้นจึงยุติ ไม่ได้คิดตามต่อ สัมปันนีถูกทิ้งให้ยืนคว้างมองรถที่ตัวเองมา และตำแหน่งข้างจุณวัฒน์มีช่อมาลียึดครองไป เธอพอจะรู้ชะตากรรมตัวเองว่าท้ายที่สุดคงไม่แคล้วต้องร่วมโดยสารไปในรถของเจ้านาย...แต่ เธอขี้เกียจฟังเขาเทศนาเหมือนตัวเองเป็นเด็กเล็กๆ
“จะขึ้นรถไหม”
“ฉันมีทางเลือกเหรอคะ” สัมปันนีรับถุงยาที่ดรัลเป็นธุระไปจัดการรับมาให้ ก่อนจะเข้าไปนั่งอย่างเรียบร้อย
“ที่จริงก็มีทางเลือก ถ้าคุณไม่กลับกับผม ผมจะหักเงินเดือนคุณ”
“ใจร้าย” หญิงสาวครวญ บรรยากาศในรถผ่อนคลายขึ้นมาทันตา เมื่อดรัลเริ่มหัวเราะกับท่าทีของเธอ
“ที่พูดน่ะจริงไหม...เรื่องมีคนเป่าแผลให้ส่วนตัวแล้ว”
คิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างประหลาดใจ หญิงสาวกลั้นขำ ด้วยไม่รู้ว่าจะหัวเราะ หรือทำหน้าบึ้งดีที่ถูกซักไซ้เรื่องส่วนตัว “ที่ถามนี่ในฐานะของเจ้านายที่อยากรู้เรื่องส่วนตัวของลูกน้อง หรือในฐานะแฟนปลอมๆ ที่อยากฝึกหึงปลอมๆ เหรอคะ”
“...”
“คุณก็รู้ผู้ชายคนเดียวที่ฉันยกหลายตำแหน่งในชีวิตให้เขา...คือใคร”
“อดีต”
“ตอนนี้ยังไม่ใช่อดีตค่ะ” สัมปันนีย้ำชัดเจน
ดรัลหัวเราะหึ คลอนศีรษะไม่เคยเข้าใจคนที่เจ็บเจียนตายเพราะรัก แต่ก็ยังมีใจภักดีกับความรักนั้นอย่างหน้ามืดตามัว “ทำไมไม่พยายามให้มากกว่านี้ หรือหัวใจคุณมันยังเหนื่อยไม่มากพอ หรือที่จริงคุณอยากจะกลับไปหาเขา ผมพร้อมไปส่งคุณเสมอ ขอแค่คุณบอก”
คนถูกถามนิ่งเงียบ กัดปากตัวเอง เวลาสั้นๆ นี้ให้ใช้สมองทบทวนถึงทางเลือก หรือทางที่ยังเลือกได้ไม่ได้อีกต่อไป ถึงหัวใจของเธอยังมีความดื้อด้านบางอย่างที่น่าตีตาย แต่ตัวของเธอได้เลือกที่จะเดินออกมาแล้ว และเมื่อเธอเลือก ถึงจะเป็นคนอ่อนแอที่ทุกย่างก้าวไม่มั่นคง หัวใจไม่ใช่เหล็กกล้าแข็ง ที่ยังมาสายใยบางเบาโยงรยางค์ถึงอีกฝ่ายอยู่ แต่เธอก็ไม่เลือกจะกลับไป ยอมตายไปกับความลับในใจนี้ดีกว่าปล่อยให้นวีนรับรู้ และสูญเสียเขาไปตลอดกาล
“ฉันไม่ไปค่ะ”
“พยายามให้มากกว่านี้สิ!”
“คุณช่วยฉันได้ไหมล่ะคะ คุณมีประสบการณ์ในการจะลืมใครสักคน”
ถึงแม้คนที่ถูกเขาลืม จะไม่ได้พยายามมากพอในการลืมเขาเลย
“ทุกสิ่งมันขึ้นอยู่ที่ตัวคุณเอง ผมมันก็แค่คนชี้แนะ”
“ฉันพร้อมค่ะ”
“เป็นแฟนผมจริงๆ จนกว่าจะหมดสัปดาห์นี้” พอพูดไปแล้ว ดรัลก็นึกตกใจตนเองถึงข้อเสนอที่ยื่นออกมา ครั้งก่อนก็แค่แฟนปลอมๆ มาตอนนี้เขากลับอยากเขยิบฐานะขึ้นมา ซึ่งเขาไม่คืนคำ...ไม่อยากคืนคำ และเผลอคาดหวังไปกับปฏิกิริยาของสัมปันนีที่นิ่งเงียบ ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของลมหายใจ
“ถ้าฉันยังพูดถึงนวีนให้คุณได้ยิน หักเงินเดือนฉันได้เลยนะคะ” หญิงสาวใช้สีหน้าปกติ ทั้งที่ในใจมีแต่ความสับสน ใจหนึ่งยังมีความเจ็บปวด แต่อีกใจเธอกลับมีจังหวะแปลกๆ เต้น คล้ายสิ่งที่เรียกว่าความหวัง และการเริ่มใหม่รออยู่ไม่ไกลจากนี้
ในขณะที่ท่าทีจริงจังและแววตาเคร่งเครียดของสัมปันนี กลับเรียกรอยยิ้มมุมปากของใครอีกคนขึ้นมาแทน
มาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร...
เด็กน้อยผมสีน้ำตาลอ่อน ผิวขาวนอนขดอยู่ตรงที่วางสัมภาระแถวหลังสุดของรถจุณวัฒน์ สัมปันนีชิงโทรศัพท์ของดรัลมาถือไว้ก่อนที่เขาจะติดต่อกลับไปยังเบอร์ของผู้ปกครองเด็กน้อย
“เราเจอลูกเขาเราก็ต้อง...”
“ขอดูท่าทีต่อไปอีกนิดได้ไหมคะ เด็กอายุไม่ถึงสิบขวบ ถูกยิงมา ชีวิตของเขาไปเจอคนประเภทไหนมากัน แล้วผู้ชายคนนั้นเขาจะใช่ผู้ปกครองของเด็กคนนี้จริงหรือเปล่า เดี๋ยวนี้คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจนะคะ” ถึงแม้สัมปันนีจะไม่เคยมีเกรดการเรียนที่น่าเชิดหน้าชูตา แต่เธอก็ไม่ได้โง่ขนาดจะไม่ระแวงอะไรเลยในชีวิต โดยเฉพาะในสังคมปัจจุบันที่แปลกหน้ากันมากขึ้น...รู้หน้าแต่ยากรู้ใจ
“เขาจะได้แจ้งจับเราโทษฐานลักพาลูกเขา”
“เราต้องคุยกับเด็กก่อนค่ะ” หญิงสาวลืมคิดถึงเรื่องนั้นไป แก้ตัวเสียงอ่อย
“เขาไม่ยอมคุย เอาแต่...” จุณวัฒน์ไหวไหล่ ทำหน้าตาไร้อารมณ์เลียนแบบเด็กน้อย
“หรือเขาฟังภาษาไทยไม่ออก” ช่อมาลีคาดการณ์ เธอลองใช้ภาษาอังกฤษสื่อสาร แต่ฝ่ายนั้นก็ยังนิ่งเงียบดังเดิม
สัมปันนีหยุดคิด เธอพยายามมองหาลักษณะที่เด็กคนนี้จะเป็นโรคทางระบบประสาท หรือมีปัญหาทางสมอง แต่หน้าตาน่ารัก กับสายตาฉลาดเกินวัยทำให้เธอปัดปัญหานั้นไปจากใจ ในขณะที่เธอกำลังครุ่นคิด จู่ๆ ก็มีเสียงเข้มพ่นภาษาอื่นออกมาอีกคน ดรัลใช้ภาษาญี่ปุ่นสนทนากับเด็กชายที่มีปฏิกิริยาในท้ายที่สุด
อาทิเช่นการลุกขึ้นมา และตั้งการ์ดพร้อมสู้ ไม่สนว่าส่วนสูงของตัวเองจะเข้าข่ายมดปะทะยักษ์ปักหลั่นอย่างไร
ดรัลยังสนทนาอีกหลายประโยคให้เด็กวางใจ สลับกับสายตาของเด็กน้อยที่เบือนมามองหน้าสัมปันนีอยู่หลายครั้ง หญิงสาวไม่รู้ว่าพวกเขาสองคนทำความเข้าใจอะไรกัน แต่เธอว่ามันเกี่ยวกับเธอ กระทั่งดรัลหยัดกายลุกขึ้น ทั้งที่เธอยังไม่เห็นว่าเด็กคนนั้นจะขยับปากตอบอะไร มีแต่พยักหน้ารับบ้างบางครั้งเท่านั้น
ร่างสูงในชุดทำงานทางการเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าลูกน้องสาว สายตายิ้ม “ผมยกให้เป็นผลงานของอาลัวทั้งหมด”
สัมปันนีเอียงศีรษะสงสัย ยังไม่ถาม คนเป็นนายก็ตอบคลายปมของเธอ “ผมบอกกับเขาว่า ถ้าอยากอยู่ที่นี่อย่างสงบและไม่ให้ผมโทรบอกผู้ปกครอง...ให้เขาเชื่อฟังคุณ” หญิงสาวอ้างปากค้าง อีกครั้งที่เธอสบตากับเด็กน้อย คราวนี้เด็กคนนั้นก็กำลังมองเธออย่างไร้อารมณ์
เด็กคนนี้น่าจะเป็นเพื่อนที่หายไปของบุหลัน...แต่ละคนทำไมถึงได้มองเธอเป็นตัวร้ายไปกันหมด เธอไม่ได้ไปทำเวรทำกรรมอะไรสักหน่อย
มือของหญิงสาวยื่นออกไปให้กับเด็กน้อย อยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะโมโหหงุดหงิดกับการถูกจำกัดอิสรภาพในครั้งนี้มากน้อยเพียงใด สิ่งที่ได้คือเท้าเล็กๆ ของเด็กชายยกขึ้นตั้งใจจะย่ำไปบนปลายเท้าเธอ ยังดีที่เธอยกเท้าหลบทัน แต่ก็ถึงกับเซ มือแข็งแรงเอื้อมมาโอบเธอไว้ให้แผ่นหลังชิดอกของเขา เสียงหัวใจตรงอกที่ได้ยินอย่างชัดเจนทำให้หญิงสาวตัวเกร็ง หน้าเหรอหรา ไม่รู้ทำไมหัวใจของเธอต้องพลอยเต้นแรงไปด้วย
มันให้ความรู้สึกคล้ายว่าเธอจะเป็นลม...
“เป็นอะไรหรือเปล่า” ดรัลถามอย่างเป็นห่วง เห็นคนในอ้อมแขนนิ่งงันไป
สัมปันนีปิดปากสนิท ส่ายหน้าไม่ยอมรับ เตือนสติตัวเองให้ใจร่มๆ...
ดรัลเหลือบตาลงมองท่าทีอันสับสนของสัมปันนีอย่างถูกใจ เขารู้สึกว่าเรื่องในหัวของอีกฝ่ายไม่ใช่เรื่องของนวีนอย่างที่ผ่านมา
ช่อมาลีกัดฟันแน่น ภาพบาดตาเบื้องหน้าของคนทั้งสองลบเลือนความสงสัยที่เธอเคยคลางแคลงว่าคนสองคนอาจไม่ใช่แฟนกันจริงๆ ทั้งท่าทีเขินอายของฝ่ายหญิง และท่าทางเป็นห่วงที่ดรัลแสดงออก ทำให้เธอทนมองภาพนั้นต่อไปไม่ได้จนต้องเดินแยกออกมา
“ยังลืมมันไม่ได้จริงๆ ด้วย” จุณวัฒน์เดินตามมาไม่ห่าง บนหน้ายังประดับรอยยิ้ม “จะปล่อยมือพี่ไปวันไหนก็ได้ ถึงจะไม่มีใครเข้าใจ...แต่มีพี่คนหนึ่งที่เข้าใจช่อ”
คนฟังสะอึก รู้สึกผิดที่เก็บความรู้สึกได้ไม่เก่งเท่าแต่ก่อน ทั้งที่ในอีกไม่กี่วัน เธอกำลังจะ...แต่งงาน
นวีนไม่คาดคิดว่าชมนาดจะลืมเลือนมารยาทและเดินทิ้งบ้านอันอบอุ่นนี้ไปทันทีที่เห็นรูปข้างฝาผนัง...รูปที่มีภาพของสัมปันนี ชายหนุ่มคว้ามือของชมนาดได้ทันตรงหน้าบ้าน และรั้งไว้เพื่อจะคุยกันให้รู้เรื่อง
“คุณไม่ให้เกียรติพวกเขาเลยนะชม ทุกคนก็เหมือนครอบครัวของผม คุณเสียมารยาทกับพวกเขา ก็เท่ากับไม่ไว้หน้าผม”
ชมนาดสะบัดมือออกจากการเกาะกุม สีหน้าโกรธจัดจนแดงไปทั้งหน้า ยังดีที่เธอพอมีสติควบคุมตัวเองไม่ให้กรีดร้องออกมาได้อยู่ “แล้วไอ้ที่คุณบอกฉันไม่ครบนี่มันคืออะไร คุณสนิทกับอาลัวขนาดนี้แล้ว ทำไมไม่เข้าไปเป็นลูกเขยบ้านเขาให้รู้แล้วรู้รอดไปล่ะ มันไม่ง่ายกว่าเหรอ”
นับวันยิ่งได้รู้ถึงความสนิทสนมระหว่างนวีนกับสัมปันนีมากเท่าไหร่ ไฟในใจของเธอยิ่งลุกโชนโหมแรงมากเท่านั้น นวีนควรรู้ว่าผู้หญิงคิดมากแค่ไหน คาดหวังกับความรักอย่างไร ไม่ใช่แค่คนสองคนที่คบกันไปวันๆ เท่านั้น
“ผมบริสุทธิ์ใจกับทุกคนในบ้านหลังนี้ ทำไมคุณไม่พยายามเข้าใจผม”
“ไม่...วินต้องเลือกระหว่างฉันกับทุกคนในบ้านนี้ ถ้าวินเลือกพวกเขา วินจะไม่มีฉัน จะไม่มีคำว่าเราอีก” คางเรียวเชิดขึ้น ดวงตาประกาศกร้าวถึงความเด็ดเดี่ยว ไม่อ่อนข้อให้ เธอไม่ได้แค่กลัวความรู้สึกของสัมปันนีที่เกินเลยกับนวีน แต่ยังกลัวคนของตัวเอง ที่เธอมีแต่ไม่ไว้วางใจมากขึ้น
“ไม่ต้องเลือกพวกเราหรอกนวีน” มัศกอดออกมาจากในบ้าน หน้าตาไร้แววขุ่นเคือง ซ้ำร้ายยังยิ้มแย้มออกมา “อย่าให้พวกเราเป็นสาเหตุที่ทำให้นวีนต้องเลิกกับแฟนเลย”
คนถูกตราหน้าว่าเป็นตัวปัญหากรายๆ แทบถลามาทำร้ายมัศกอด คนโกรธตัวสั่นเทิ้ม รับไมได้ที่นวีนเอาแต่นิ่ง และใช้สายตามองเธออย่างคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักอีกต่อไป “ผมจะไปส่ง”
“เลือกฉันใช่ไหม”
“ผมไม่มีวันทิ้งครอบครัวของผม” นวีนบอกอย่างเด็ดเดี่ยวยิ่งกว่าตอนที่ชมนาดยื่นคำขาด “ถ้าคุณรับไม่ได้ เราก็จบกันตรงนี้”
“วิน!” ชมนาดเหวี่ยงมือใส่ใบหน้าของนวีนอย่างโกรธจัด นัยน์ตาแดงก่ำ ไม่เคยรู้สึกว่าในชีวิตนี้เธอจะงอนง้อผู้ชายคนไหน หรือถูกใครเมินเฉยทั้งที่เธอเลือกได้มาเสมอ “คิดว่าได้ฉันแล้ว คุณจะเขี่ยฉันทิ้งได้ง่ายๆ หรือไง”
“แล้วคุณจะเอายังไง ทู่ซี้คบกันต่อไป ทั้งที่ไม่มีอะไรที่เราเข้ากันได้”
เพียะ! นวีนหน้าหันไปอีกรอบ เขาชาแก้มทั้งสองข้าง ทบทวนหลายสิ่งที่ผ่านมา เขาก็รู้ว่าท้ายที่สุดระหว่างเขากับชมนาดจะลงเอยเช่นนี้
“เพราะอาลัวใช่ไหม”
“ไม่ใช่อาลัว เขาไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย”
ท่าทางปกป้องแม้ตัวของคนถูกพูดถึงจะไม่ได้อยู่ตรงนี้ทำให้ชมนาดโกรธจัด จึงปรี่เข้าทุบตีนวีนอย่างไม่ยั้งมือ มัศกอดหุบยิ้ม และเรียกบุหลันให้ออกมาช่วยกันดึงชมนาดออกมา เพราะนวีนไม่ตอบโต้ ยืนนิ่ง และปล่อยให้ตัวเองถูกทำร้ายอย่างเดียว สองพี่น้องหอบโยน หิ้วปีกของชมนาดคนละข้างไว้ให้
“ตอนที่รักกัน คุณก็เต็มใจที่จะใส่พานตัวเองถวายทุกสิ่งอย่างให้ แล้วไอ้ที่เขาขอขึ้นมาบ้างง่ายๆ ไม่ใช่การนอกใจ แต่คือการให้คุณยอมรับในสิ่งที่เขาเป็นเท่านี้ทำไมคุณรับบ้างไม่ได้” มัศกอดพูดกรอกหูไม่กลัวถูกเหวี่ยง “ฉันไม่ก้าวก่ายรสนิยมผู้หญิงของนวีนเขาหรอก ถึงจะสงสัยแทบตายว่าทำไมผู้ชายน่ารักอย่างเขาถึงมาสนใจผู้หญิงที่ดูยังไงก็มีดีแค่หน้า แต่ฉันขอเถอะ ในฐานะที่นวีนเหมือนน้องชายฉัน ถ้ารักเขามากพอให้ใจเย็นๆ แต่ถ้าให้ตายยังไงก็รับครอบครัวที่แสนดีอย่างพวกฉันไม่ได้ ก็เดินออกไปจากนวีนอย่างสงบ มีสติ ไม่ใช่คนบ้า!” ไม่วายสนับสนุนความน่าภาคภูมิใจของครอบครัวตัวเอง
“กรี๊ด! อุบ” ปากแดงจัดของชมนาดถูกอุดเสียงให้เงียบด้วยฝ่ามือของบุหลัน หน้าตาเหนื่อยหน่ายไม่ยี่หระต่อคมฟันที่กำลังขบกัดเนื้อมือตัวเองที่กำลังมีเลือดรินออกมา
“อย่ากัดมือน้องฉันนะ” ศึกเปลี่ยนทันที มัศกอดเลิกใจเย็น และใช้มือดึงทึ้งผมยาวของชมนาดจนหน้าหงายไปด้านหลัง ฟันหลุดจากมือของบุหลัน ผลักร่างของชมนาดจนล้ม กำลังตั้งใจซ้ำให้หลาบจำ นวีนก็มาดึงมือเธอกับบุหลัน และดันออกมาเสียก่อน พร้อมตรงดิ่งไปช่วยพยุงชมนาดขึ้นมา แต่อีกฝ่ายกลับสะบัดตัวออก หน้าตามีแต่น้ำตาอาบหน้าอย่างชอกช้ำ
“แล้วคุณจะเสียใจที่เลือกอย่างนี้วิน” ชมนาดเดินออกจากบ้าน ไม่สนสภาพอันดูไม่ได้ของตัวเอง ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด ชมนาดโยนไปให้กับสัมปันนี ผู้หญิงคนเดียวที่คอยหลอกหลอนในความสัมพันธ์ระหว่างเธอและนวีน
“คิดดีแล้วเหรอนวีน ที่ไม่ตามเขาไป” มัศกอดยกมือจัดผมที่ยุ่งเล็กน้อยให้เข้าที่ กลับมาแย้มยิ้มอารมณ์ดี ไม่สนใจเรื่องอารมณ์เสียไม่กี่นาทีที่แล้ว
“สุดท้ายมันก็จะเป็นอย่างนี้อยู่ดี ผมไม่อยากยืดเยื้อ”
“เสียใจไหม” บุหลันใช้หลังมือที่มีเลือดไหลเช็ดกับกางเกงสีเข้ม ไม่ให้มัศกอดเห็นไม่อย่างนั้นจะถูกต่อว่า
นวีนถอนหายใจแผ่วเบา เขาคิดว่าตอนแรกมันจะเจ็บกว่านี้ แต่นาทีนี้สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในใจกลับเป็นความรู้สึกผิดเท่านั้น
“ผมก็ไม่แน่ใจ”
“นายไม่เสียใจเลยสักนิด” บุหลันถ่ายทอดสิ่งที่เห็น พึมพำลักษณะตัวละครใหม่ที่ได้ค้นพบ “มนุษย์ชาเย็นผู้ไร้ความรู้สึกรัก”
และอีกสิ่งที่นวีนรู้สึกก็คือ...เขาอยากคุยกับอาลัว
...........................
คุณ ใบบัวน่ารัก เรื่องนี้มะรุมมะตุ้ม รักหลายเส้าค่ะ
คุณ ปอกะเจา บอสเริ่มรุกเงียบๆ แล้วค่ะ ฮา แต่จะทันไหม ทางนั้นเขากำลังว่างแล้ว
คุณ konhin คนหนึ่งก็เยอะ อีกคนก็ดูขาดๆ นะคะ ฮา
คุณ ปรางขวัญ ต้องการจะสื่อตรงนิสัยค่ะ อาลัวเหมาทุกอย่าง รับไม่อั้น ส่วนดรัลจะไม่ค่อยรับอะไร ดุๆ
คุณ กาซะลองพลัดถิ่น พี่จุ้นน่ารักนะคะ ฮา บทนี้นวีนรู้ตัวเร็วค่ะ แต่รู้ตัวเรื่องชมนาดนะ มาลุ้นว่าเมื่อไหร่ในหัวของอาลัวจะมีพื้นที่เพิ่มให้ดรัลบ้างนะคะ
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ อยากบอกว่าชมนาด กับช่อมาลี เป็นตัวละครที่มีความคล้ายกันค่ะ ฮา อาจมีการสับสน
ตอนใหม่เขาเข็นมาจนได้น้า แอบมาช้ากว่าที่บอกหนึ่งวัน อ่านให้สนุกนะคะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่า ขอบคุณยอดกดถูกใจด้วยนะคะ แล้วก็ขอบคุณที่สุดสำหรับความคิดเห็น อิอิ
แค่ซุ่มซ่ามนิดหน่อย ชีวิตของผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งอาจจบสิ้นลงได้ สัมปันนีรู้สึกอย่างนั้นทันทีที่บรรยากาศแสนวุ่นวายภายหน้าห้องอุบัติเหตุมีผู้หญิงที่ชื่อช่อมาลีอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเธอคอยส่งกระแสอำมหิตมาให้ ถึงสายตาคู่กรณี(ข้างเดียว) ของอีกฝ่ายจะสงบนิ่ง แต่ก็เป็นดังน้ำนิ่งไหลลึกที่เธออ่านไม่ออก ซ้ำร้ายทุกครั้งที่ถูกอีกฝ่ายมองลับหลัง เธอจะมีลางสังหรณ์ว่าการหันหลังให้กับช่อมาลีไม่ใช่เรื่องดี
อย่างน้อยในที่แห่งนี้ก็มีทั้งกรรไกร ถาดเหล็ก อุปกรณ์น่ากลัวอีกหลายสิ่งอย่างที่พอจะนำมาใช้เป็นอาวุธได้ หากมีคนหึงโหดขาดสติขึ้นมา การหันหลังโดยไร้ทางป้องกัน ไร้การตั้งรับคงไม่ค่อยดี ท่าทีทุลักทุเลของหญิงสาวร่างสูงจึงดูตลกในสายตาของพยาบาล ทุกครั้งที่ช่อมาลีเดินอยู่เบื้องหลัง สัมปันนีจะขยุกขยิก เป็นต้องแอบเอี้ยวคอมองอีกฝ่ายตลอด มือก็ยังคอยกดห้ามเลือดไว้
“คุณสัมปันนีค่ะ”
จุณวัฒน์ที่อยู่ไม่ไกลตั้งท่าจะปราดเข้ามาช่วยอย่างที่พี่ชายร่วมโลกมีน้ำใจ แต่สัมปันนีต้องกางมือห้ามไว้ ยิ้มอย่างซาบซึ้งทั้งที่ในใจกำลังอ้อนวอนว่าพี่ชายผู้น่ารักอย่างเขาควรเหลือชีวิตมดแมงแมลงอาลัวตัวนี้ไว้บ้างด้วยระยะห่างที่มากขึ้น
“ไหวใช่ไหม” เขายังทำหน้าเห็นใจมาให้ไม่หยุดหย่อน สัมปันนีเหลือบมองไปยังช่อมาลี หน้าของอีกฝ่ายนิ่งขรึม ไม่บึ้ง ไม่หงิก ไม่ยิ้ม แต่น่ากลัวเสียยิ่งกว่าตอนที่เธอลองแย่งหน้าที่แม่ครัวของดรัลไป เหมือนมีพายุที่มองไม่เห็นอย่างไรไม่รู้
“ไม่ตายหรอกค่ะ”
“อย่ามาร้องโวยวายนะ” จุณวัฒน์กลั้นหัวเราะกับอาการกลอกตาของสัมปันนี “ไปเถอะ เดี๋ยวเลือดหมดตัว”
สัมปันนีนอนอยู่บนเตียงคนไข้ เสื้อสีอ่อนที่ใส่ของวันก็ถูกอาบชโลมด้วยเลือดตัวเองจนไม่รู้ว่าจะซักออกได้เหมือนเดิมไหม ปล่อยให้พยาบาลเข้ามาจัดการกับแผลที่แตก ไม่ว่าจะมีเข็มไหนมาจิ้มอย่างไรหญิงสาวก็ปล่อยให้เป็นไปอย่างสงบ ตรงข้ามกับเสียงแหกปากร้องจ้าของเด็กที่อยู่อีกมุมของห้อง เสียงแหลมเล็กไม่ลดเบาแม้พยาบาลและคุณหมอบางส่วนพยายามตะล่อมแล้ว
“โดนยิงมาค่ะ”
คนที่ผินหน้าไปมองเด็กน้อยผิวขาวจั๊วะกะพริบตาปริบๆ อย่างคนที่เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองกำลังสนใจเรื่องคนอื่น นึกขอบคุณพยาบาลที่กำลังเย็บแผลบนหัวเธอที่อุตส่าห์เล่าเรื่องประกอบให้ แต่อีกใจเธอกลับรู้สึกว่าเรื่องถูกยิงกันไม่ควรเกิดกับเด็กที่อายุไม่ถึงสิบขวบอย่างนี้เลย
สัมปันนีนอนคิดจนกระทั่งพยาบาลตัดปมมัดปลายไหมให้ จึงละจากภาพเด็กน้อยแต่หูของเธอก็ยังได้ยินเสียงร้องโวยวายไม่หยุดหย่อนเช่นเดิม หมอพยาบาลหลายชีวิตทำหน้าคล้ายจะร้องไห้ตามเด็กที่ไม่รู้จะปราบให้สงบอย่างไรดี กระทั่งมีบุรุษพยาบาลวิ่งตึงตังเข้ามาบอกเกิดอุบัติเหตุใหญ่ด้านนอก ให้ไปช่วยกันดู ทุกคนในห้องอุบัติเหตุจึงพากันออกไป พยาบาลคนสุดท้ายที่ดูแลเธอปิดแผลให้เสร็จยังบ่นเบาๆ กับเพื่อนพยาบาลหน้าห้องด้วยกันแล้วรีบวิ่งออกไป
“เด็กคนนั้นหมอก็ทำแผลให้แล้ว กระสุนแค่ถากๆ แต่ร้องไม่ยอมออกจากห้องท่าเดียวเลย”
ช่วงที่ภายในห้องอุบัติเหตุมีแค่เธอกับเด็กคนนั้นอยู่ สัมปันนีกลับไม่รู้ตัวว่าควรทำอย่างไร เธอปลอบคนไม่เก่ง ตะล่อมคนไม่ได้ เธอไม่อ่อนโยน หรือเข้าใจจิตใจของใครได้มากมายขนาดนั้น พอเธอจะเดินเลี่ยงออกมาเนียนๆ ทำเป็นมองไม่เห็นเด็กคนนั้น
“แง!”
ไม่ได้ยิน เธอทำให้เด็กหยุดร้องไห้ไม่ได้หรอก
“แง!”
สัมปันนีหยุดกึก หลับตา อีกไม่กี่นาทีนี้ภายในห้องจะเต็มไปด้วยความวุ่นวาย และเด็กคนนี้จะอยู่ทนมองภาพคนบาดเจ็บมากมายได้อย่างไร เท้าที่เกือบถึงหน้าประตูจึงเปลี่ยนเป็นเดินไปอีกมุมห้อง
“นี่หนู”
“แง!”
“เดี๋ยวซื้อขนมให้กิน”
“แง!”
หญิงสาวกัดฟันกรอด ตัดสินใจอุ้มเด็กแปลกหน้าคนนี้ออกมาจากเตียง โชคยังดีที่นอกจากเด็กจะแหกปากร้อง ก็ไม่ได้เอามือมาดึงทึ้งหัวเธอเพื่ออาละวาด เตียงหลายเตียงเข็นเข้ามาสวนกับคนเจ็บที่นอนเลือดอาบ บ้างอวัยวะแยกร่าง สัมปันนีเบือนหน้าหนี ตรงข้ามกับเด็กที่เธอกำลังอุ้ม กลับหยุดร้อง และเอาแต่จ้องมองภาพคนเจ็บเหล่านั้นตาแป๋ว
“ขอบคุณที่ช่วยนะคะ” พยาบาลมีสีหน้าโล่งอกหลังจากเข้าใจว่าเด็กน้อยหยุดร้องไห้เพราะสัมปันนี
คนพยายามปฏิเสธถูกเชิญออกมานอกห้องอุบัติเหตุ เบื้องนอกนอกจากช่อมาลี จุณวัฒน์ ยังมีอีกคนที่กำลังจ้องหน้าเธอด้วยแววตาดุจัด สลับกับเครื่องหมายคำถามที่ส่งมาให้แก่เด็กที่ถูกเธออุ้มอยู่
“ไม่เจอกันแปบเดียวมีลูกโตแล้วเหรอ” ดรัลค่อนแคะตามประสา เขาเร่งแทบตายเพื่อจะมาเห็นอีกฝ่ายสนใจเด็กน้อยแปลกหน้าคนหนึ่งมากกว่าเขา แต่อย่างน้อยเขาก็ยังโล่งอก ที่สัมปันนีไม่ได้เกิดเรื่องอะไรร้ายแรงขึ้นมา อย่างน้อยอีกฝ่ายก็คือลูกน้อง...เขาย่อมมีสิทธิห่วงตามประสานายจ้างที่โยนภาระงานมาให้ ชายหนุ่มสรุปความรู้สึกของตัวเองอย่างพอใจ
เด็กน้อยใช้สองมือเกาะแขนของสัมปันนี แล้วกระโดดลงไปยืนบนพื้นไม่ต่างจากลิงค่าง แขนข้างหนึ่งคล้องผ้าไว้ เด็กชายเดินต่อไปไม่เหลียวหลังมามอง
“เขาเป็นลูกใคร” ช่อมาลีกอดอกถาม
สัมปันนีส่ายหน้า “ไม่รู้ค่ะ เจอกันข้างใน แกเอาแต่ร้องไม่หยุด”
“พ่อแม่เขาไปไหน”
หญิงสาวกำลังคิดส่ายหน้าอีกครั้งให้กับช่อมาลี แต่กลับเกิดความวุ่นวายขึ้นเสียก่อน ผู้ชายตัวสูงเดินแกมวิ่งมาหาพยาบาล พูดไทยสำเนียงแปร่ง
“เห็นเด็กไหมครับ”
“ไปแล้วค่ะ”
“ไปไหนครับ”
บทสนทนาหลังจากนั้นเต็มไปด้วยความร้อนรนของผู้ชายคนนั้น ดรัลเป็นคนแรกที่เข้าใจสถานการณ์ในสายตาคนนอกมากที่สุด เขาแจกแจงหน้าที่ให้กับทุกคนทันที
“แยกย้ายกันตามหาเด็กคนนั้น คงยังไปได้ไม่ไกล” ชายหนุ่มเดินไปหาชายคนนั้น
ช่อมาลีกับจุณวัฒน์มองหน้าสัมปันนี เป็นครั้งแรกที่สายตาของช่อมาลีไม่ได้เย็นชาจับขั้วหัวใจ และยังมีร่องรอยเป็นห่วง “เจ็บอยู่ ถ้าไม่ไหวก็หาที่นั่งพักเถอะ ไม่ต้องเดินเอาหัวไปโขกอะไรอีก”
สัมปันนีสงบปาก ไม่ยอมหยุดอยู่เฉยอย่างคนป่วยไร้แรง เฮ้อ...ผู้หญิงคนนี้นิสัยคล้ายดรัลจริงๆ
แต่การค้นหาเด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งกลับไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทุกคนต่างยอมแพ้หลังจากโรงพยาบาลวุ่นวายอยู่ราวๆ เกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม พวกเขาต่างลงความเห็นว่าบางทีเด็กคนนั้นอาจหนีออกไปนอกโรงพยาบาลแล้ว คนนอกที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ไม่รู้จักมักจี่กับเด็กหรือผู้ชายคนนั้นจึงยุติ ไม่ได้คิดตามต่อ สัมปันนีถูกทิ้งให้ยืนคว้างมองรถที่ตัวเองมา และตำแหน่งข้างจุณวัฒน์มีช่อมาลียึดครองไป เธอพอจะรู้ชะตากรรมตัวเองว่าท้ายที่สุดคงไม่แคล้วต้องร่วมโดยสารไปในรถของเจ้านาย...แต่ เธอขี้เกียจฟังเขาเทศนาเหมือนตัวเองเป็นเด็กเล็กๆ
“จะขึ้นรถไหม”
“ฉันมีทางเลือกเหรอคะ” สัมปันนีรับถุงยาที่ดรัลเป็นธุระไปจัดการรับมาให้ ก่อนจะเข้าไปนั่งอย่างเรียบร้อย
“ที่จริงก็มีทางเลือก ถ้าคุณไม่กลับกับผม ผมจะหักเงินเดือนคุณ”
“ใจร้าย” หญิงสาวครวญ บรรยากาศในรถผ่อนคลายขึ้นมาทันตา เมื่อดรัลเริ่มหัวเราะกับท่าทีของเธอ
“ที่พูดน่ะจริงไหม...เรื่องมีคนเป่าแผลให้ส่วนตัวแล้ว”
คิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างประหลาดใจ หญิงสาวกลั้นขำ ด้วยไม่รู้ว่าจะหัวเราะ หรือทำหน้าบึ้งดีที่ถูกซักไซ้เรื่องส่วนตัว “ที่ถามนี่ในฐานะของเจ้านายที่อยากรู้เรื่องส่วนตัวของลูกน้อง หรือในฐานะแฟนปลอมๆ ที่อยากฝึกหึงปลอมๆ เหรอคะ”
“...”
“คุณก็รู้ผู้ชายคนเดียวที่ฉันยกหลายตำแหน่งในชีวิตให้เขา...คือใคร”
“อดีต”
“ตอนนี้ยังไม่ใช่อดีตค่ะ” สัมปันนีย้ำชัดเจน
ดรัลหัวเราะหึ คลอนศีรษะไม่เคยเข้าใจคนที่เจ็บเจียนตายเพราะรัก แต่ก็ยังมีใจภักดีกับความรักนั้นอย่างหน้ามืดตามัว “ทำไมไม่พยายามให้มากกว่านี้ หรือหัวใจคุณมันยังเหนื่อยไม่มากพอ หรือที่จริงคุณอยากจะกลับไปหาเขา ผมพร้อมไปส่งคุณเสมอ ขอแค่คุณบอก”
คนถูกถามนิ่งเงียบ กัดปากตัวเอง เวลาสั้นๆ นี้ให้ใช้สมองทบทวนถึงทางเลือก หรือทางที่ยังเลือกได้ไม่ได้อีกต่อไป ถึงหัวใจของเธอยังมีความดื้อด้านบางอย่างที่น่าตีตาย แต่ตัวของเธอได้เลือกที่จะเดินออกมาแล้ว และเมื่อเธอเลือก ถึงจะเป็นคนอ่อนแอที่ทุกย่างก้าวไม่มั่นคง หัวใจไม่ใช่เหล็กกล้าแข็ง ที่ยังมาสายใยบางเบาโยงรยางค์ถึงอีกฝ่ายอยู่ แต่เธอก็ไม่เลือกจะกลับไป ยอมตายไปกับความลับในใจนี้ดีกว่าปล่อยให้นวีนรับรู้ และสูญเสียเขาไปตลอดกาล
“ฉันไม่ไปค่ะ”
“พยายามให้มากกว่านี้สิ!”
“คุณช่วยฉันได้ไหมล่ะคะ คุณมีประสบการณ์ในการจะลืมใครสักคน”
ถึงแม้คนที่ถูกเขาลืม จะไม่ได้พยายามมากพอในการลืมเขาเลย
“ทุกสิ่งมันขึ้นอยู่ที่ตัวคุณเอง ผมมันก็แค่คนชี้แนะ”
“ฉันพร้อมค่ะ”
“เป็นแฟนผมจริงๆ จนกว่าจะหมดสัปดาห์นี้” พอพูดไปแล้ว ดรัลก็นึกตกใจตนเองถึงข้อเสนอที่ยื่นออกมา ครั้งก่อนก็แค่แฟนปลอมๆ มาตอนนี้เขากลับอยากเขยิบฐานะขึ้นมา ซึ่งเขาไม่คืนคำ...ไม่อยากคืนคำ และเผลอคาดหวังไปกับปฏิกิริยาของสัมปันนีที่นิ่งเงียบ ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของลมหายใจ
“ถ้าฉันยังพูดถึงนวีนให้คุณได้ยิน หักเงินเดือนฉันได้เลยนะคะ” หญิงสาวใช้สีหน้าปกติ ทั้งที่ในใจมีแต่ความสับสน ใจหนึ่งยังมีความเจ็บปวด แต่อีกใจเธอกลับมีจังหวะแปลกๆ เต้น คล้ายสิ่งที่เรียกว่าความหวัง และการเริ่มใหม่รออยู่ไม่ไกลจากนี้
ในขณะที่ท่าทีจริงจังและแววตาเคร่งเครียดของสัมปันนี กลับเรียกรอยยิ้มมุมปากของใครอีกคนขึ้นมาแทน
มาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร...
เด็กน้อยผมสีน้ำตาลอ่อน ผิวขาวนอนขดอยู่ตรงที่วางสัมภาระแถวหลังสุดของรถจุณวัฒน์ สัมปันนีชิงโทรศัพท์ของดรัลมาถือไว้ก่อนที่เขาจะติดต่อกลับไปยังเบอร์ของผู้ปกครองเด็กน้อย
“เราเจอลูกเขาเราก็ต้อง...”
“ขอดูท่าทีต่อไปอีกนิดได้ไหมคะ เด็กอายุไม่ถึงสิบขวบ ถูกยิงมา ชีวิตของเขาไปเจอคนประเภทไหนมากัน แล้วผู้ชายคนนั้นเขาจะใช่ผู้ปกครองของเด็กคนนี้จริงหรือเปล่า เดี๋ยวนี้คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจนะคะ” ถึงแม้สัมปันนีจะไม่เคยมีเกรดการเรียนที่น่าเชิดหน้าชูตา แต่เธอก็ไม่ได้โง่ขนาดจะไม่ระแวงอะไรเลยในชีวิต โดยเฉพาะในสังคมปัจจุบันที่แปลกหน้ากันมากขึ้น...รู้หน้าแต่ยากรู้ใจ
“เขาจะได้แจ้งจับเราโทษฐานลักพาลูกเขา”
“เราต้องคุยกับเด็กก่อนค่ะ” หญิงสาวลืมคิดถึงเรื่องนั้นไป แก้ตัวเสียงอ่อย
“เขาไม่ยอมคุย เอาแต่...” จุณวัฒน์ไหวไหล่ ทำหน้าตาไร้อารมณ์เลียนแบบเด็กน้อย
“หรือเขาฟังภาษาไทยไม่ออก” ช่อมาลีคาดการณ์ เธอลองใช้ภาษาอังกฤษสื่อสาร แต่ฝ่ายนั้นก็ยังนิ่งเงียบดังเดิม
สัมปันนีหยุดคิด เธอพยายามมองหาลักษณะที่เด็กคนนี้จะเป็นโรคทางระบบประสาท หรือมีปัญหาทางสมอง แต่หน้าตาน่ารัก กับสายตาฉลาดเกินวัยทำให้เธอปัดปัญหานั้นไปจากใจ ในขณะที่เธอกำลังครุ่นคิด จู่ๆ ก็มีเสียงเข้มพ่นภาษาอื่นออกมาอีกคน ดรัลใช้ภาษาญี่ปุ่นสนทนากับเด็กชายที่มีปฏิกิริยาในท้ายที่สุด
อาทิเช่นการลุกขึ้นมา และตั้งการ์ดพร้อมสู้ ไม่สนว่าส่วนสูงของตัวเองจะเข้าข่ายมดปะทะยักษ์ปักหลั่นอย่างไร
ดรัลยังสนทนาอีกหลายประโยคให้เด็กวางใจ สลับกับสายตาของเด็กน้อยที่เบือนมามองหน้าสัมปันนีอยู่หลายครั้ง หญิงสาวไม่รู้ว่าพวกเขาสองคนทำความเข้าใจอะไรกัน แต่เธอว่ามันเกี่ยวกับเธอ กระทั่งดรัลหยัดกายลุกขึ้น ทั้งที่เธอยังไม่เห็นว่าเด็กคนนั้นจะขยับปากตอบอะไร มีแต่พยักหน้ารับบ้างบางครั้งเท่านั้น
ร่างสูงในชุดทำงานทางการเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าลูกน้องสาว สายตายิ้ม “ผมยกให้เป็นผลงานของอาลัวทั้งหมด”
สัมปันนีเอียงศีรษะสงสัย ยังไม่ถาม คนเป็นนายก็ตอบคลายปมของเธอ “ผมบอกกับเขาว่า ถ้าอยากอยู่ที่นี่อย่างสงบและไม่ให้ผมโทรบอกผู้ปกครอง...ให้เขาเชื่อฟังคุณ” หญิงสาวอ้างปากค้าง อีกครั้งที่เธอสบตากับเด็กน้อย คราวนี้เด็กคนนั้นก็กำลังมองเธออย่างไร้อารมณ์
เด็กคนนี้น่าจะเป็นเพื่อนที่หายไปของบุหลัน...แต่ละคนทำไมถึงได้มองเธอเป็นตัวร้ายไปกันหมด เธอไม่ได้ไปทำเวรทำกรรมอะไรสักหน่อย
มือของหญิงสาวยื่นออกไปให้กับเด็กน้อย อยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะโมโหหงุดหงิดกับการถูกจำกัดอิสรภาพในครั้งนี้มากน้อยเพียงใด สิ่งที่ได้คือเท้าเล็กๆ ของเด็กชายยกขึ้นตั้งใจจะย่ำไปบนปลายเท้าเธอ ยังดีที่เธอยกเท้าหลบทัน แต่ก็ถึงกับเซ มือแข็งแรงเอื้อมมาโอบเธอไว้ให้แผ่นหลังชิดอกของเขา เสียงหัวใจตรงอกที่ได้ยินอย่างชัดเจนทำให้หญิงสาวตัวเกร็ง หน้าเหรอหรา ไม่รู้ทำไมหัวใจของเธอต้องพลอยเต้นแรงไปด้วย
มันให้ความรู้สึกคล้ายว่าเธอจะเป็นลม...
“เป็นอะไรหรือเปล่า” ดรัลถามอย่างเป็นห่วง เห็นคนในอ้อมแขนนิ่งงันไป
สัมปันนีปิดปากสนิท ส่ายหน้าไม่ยอมรับ เตือนสติตัวเองให้ใจร่มๆ...
ดรัลเหลือบตาลงมองท่าทีอันสับสนของสัมปันนีอย่างถูกใจ เขารู้สึกว่าเรื่องในหัวของอีกฝ่ายไม่ใช่เรื่องของนวีนอย่างที่ผ่านมา
ช่อมาลีกัดฟันแน่น ภาพบาดตาเบื้องหน้าของคนทั้งสองลบเลือนความสงสัยที่เธอเคยคลางแคลงว่าคนสองคนอาจไม่ใช่แฟนกันจริงๆ ทั้งท่าทีเขินอายของฝ่ายหญิง และท่าทางเป็นห่วงที่ดรัลแสดงออก ทำให้เธอทนมองภาพนั้นต่อไปไม่ได้จนต้องเดินแยกออกมา
“ยังลืมมันไม่ได้จริงๆ ด้วย” จุณวัฒน์เดินตามมาไม่ห่าง บนหน้ายังประดับรอยยิ้ม “จะปล่อยมือพี่ไปวันไหนก็ได้ ถึงจะไม่มีใครเข้าใจ...แต่มีพี่คนหนึ่งที่เข้าใจช่อ”
คนฟังสะอึก รู้สึกผิดที่เก็บความรู้สึกได้ไม่เก่งเท่าแต่ก่อน ทั้งที่ในอีกไม่กี่วัน เธอกำลังจะ...แต่งงาน
นวีนไม่คาดคิดว่าชมนาดจะลืมเลือนมารยาทและเดินทิ้งบ้านอันอบอุ่นนี้ไปทันทีที่เห็นรูปข้างฝาผนัง...รูปที่มีภาพของสัมปันนี ชายหนุ่มคว้ามือของชมนาดได้ทันตรงหน้าบ้าน และรั้งไว้เพื่อจะคุยกันให้รู้เรื่อง
“คุณไม่ให้เกียรติพวกเขาเลยนะชม ทุกคนก็เหมือนครอบครัวของผม คุณเสียมารยาทกับพวกเขา ก็เท่ากับไม่ไว้หน้าผม”
ชมนาดสะบัดมือออกจากการเกาะกุม สีหน้าโกรธจัดจนแดงไปทั้งหน้า ยังดีที่เธอพอมีสติควบคุมตัวเองไม่ให้กรีดร้องออกมาได้อยู่ “แล้วไอ้ที่คุณบอกฉันไม่ครบนี่มันคืออะไร คุณสนิทกับอาลัวขนาดนี้แล้ว ทำไมไม่เข้าไปเป็นลูกเขยบ้านเขาให้รู้แล้วรู้รอดไปล่ะ มันไม่ง่ายกว่าเหรอ”
นับวันยิ่งได้รู้ถึงความสนิทสนมระหว่างนวีนกับสัมปันนีมากเท่าไหร่ ไฟในใจของเธอยิ่งลุกโชนโหมแรงมากเท่านั้น นวีนควรรู้ว่าผู้หญิงคิดมากแค่ไหน คาดหวังกับความรักอย่างไร ไม่ใช่แค่คนสองคนที่คบกันไปวันๆ เท่านั้น
“ผมบริสุทธิ์ใจกับทุกคนในบ้านหลังนี้ ทำไมคุณไม่พยายามเข้าใจผม”
“ไม่...วินต้องเลือกระหว่างฉันกับทุกคนในบ้านนี้ ถ้าวินเลือกพวกเขา วินจะไม่มีฉัน จะไม่มีคำว่าเราอีก” คางเรียวเชิดขึ้น ดวงตาประกาศกร้าวถึงความเด็ดเดี่ยว ไม่อ่อนข้อให้ เธอไม่ได้แค่กลัวความรู้สึกของสัมปันนีที่เกินเลยกับนวีน แต่ยังกลัวคนของตัวเอง ที่เธอมีแต่ไม่ไว้วางใจมากขึ้น
“ไม่ต้องเลือกพวกเราหรอกนวีน” มัศกอดออกมาจากในบ้าน หน้าตาไร้แววขุ่นเคือง ซ้ำร้ายยังยิ้มแย้มออกมา “อย่าให้พวกเราเป็นสาเหตุที่ทำให้นวีนต้องเลิกกับแฟนเลย”
คนถูกตราหน้าว่าเป็นตัวปัญหากรายๆ แทบถลามาทำร้ายมัศกอด คนโกรธตัวสั่นเทิ้ม รับไมได้ที่นวีนเอาแต่นิ่ง และใช้สายตามองเธออย่างคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักอีกต่อไป “ผมจะไปส่ง”
“เลือกฉันใช่ไหม”
“ผมไม่มีวันทิ้งครอบครัวของผม” นวีนบอกอย่างเด็ดเดี่ยวยิ่งกว่าตอนที่ชมนาดยื่นคำขาด “ถ้าคุณรับไม่ได้ เราก็จบกันตรงนี้”
“วิน!” ชมนาดเหวี่ยงมือใส่ใบหน้าของนวีนอย่างโกรธจัด นัยน์ตาแดงก่ำ ไม่เคยรู้สึกว่าในชีวิตนี้เธอจะงอนง้อผู้ชายคนไหน หรือถูกใครเมินเฉยทั้งที่เธอเลือกได้มาเสมอ “คิดว่าได้ฉันแล้ว คุณจะเขี่ยฉันทิ้งได้ง่ายๆ หรือไง”
“แล้วคุณจะเอายังไง ทู่ซี้คบกันต่อไป ทั้งที่ไม่มีอะไรที่เราเข้ากันได้”
เพียะ! นวีนหน้าหันไปอีกรอบ เขาชาแก้มทั้งสองข้าง ทบทวนหลายสิ่งที่ผ่านมา เขาก็รู้ว่าท้ายที่สุดระหว่างเขากับชมนาดจะลงเอยเช่นนี้
“เพราะอาลัวใช่ไหม”
“ไม่ใช่อาลัว เขาไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย”
ท่าทางปกป้องแม้ตัวของคนถูกพูดถึงจะไม่ได้อยู่ตรงนี้ทำให้ชมนาดโกรธจัด จึงปรี่เข้าทุบตีนวีนอย่างไม่ยั้งมือ มัศกอดหุบยิ้ม และเรียกบุหลันให้ออกมาช่วยกันดึงชมนาดออกมา เพราะนวีนไม่ตอบโต้ ยืนนิ่ง และปล่อยให้ตัวเองถูกทำร้ายอย่างเดียว สองพี่น้องหอบโยน หิ้วปีกของชมนาดคนละข้างไว้ให้
“ตอนที่รักกัน คุณก็เต็มใจที่จะใส่พานตัวเองถวายทุกสิ่งอย่างให้ แล้วไอ้ที่เขาขอขึ้นมาบ้างง่ายๆ ไม่ใช่การนอกใจ แต่คือการให้คุณยอมรับในสิ่งที่เขาเป็นเท่านี้ทำไมคุณรับบ้างไม่ได้” มัศกอดพูดกรอกหูไม่กลัวถูกเหวี่ยง “ฉันไม่ก้าวก่ายรสนิยมผู้หญิงของนวีนเขาหรอก ถึงจะสงสัยแทบตายว่าทำไมผู้ชายน่ารักอย่างเขาถึงมาสนใจผู้หญิงที่ดูยังไงก็มีดีแค่หน้า แต่ฉันขอเถอะ ในฐานะที่นวีนเหมือนน้องชายฉัน ถ้ารักเขามากพอให้ใจเย็นๆ แต่ถ้าให้ตายยังไงก็รับครอบครัวที่แสนดีอย่างพวกฉันไม่ได้ ก็เดินออกไปจากนวีนอย่างสงบ มีสติ ไม่ใช่คนบ้า!” ไม่วายสนับสนุนความน่าภาคภูมิใจของครอบครัวตัวเอง
“กรี๊ด! อุบ” ปากแดงจัดของชมนาดถูกอุดเสียงให้เงียบด้วยฝ่ามือของบุหลัน หน้าตาเหนื่อยหน่ายไม่ยี่หระต่อคมฟันที่กำลังขบกัดเนื้อมือตัวเองที่กำลังมีเลือดรินออกมา
“อย่ากัดมือน้องฉันนะ” ศึกเปลี่ยนทันที มัศกอดเลิกใจเย็น และใช้มือดึงทึ้งผมยาวของชมนาดจนหน้าหงายไปด้านหลัง ฟันหลุดจากมือของบุหลัน ผลักร่างของชมนาดจนล้ม กำลังตั้งใจซ้ำให้หลาบจำ นวีนก็มาดึงมือเธอกับบุหลัน และดันออกมาเสียก่อน พร้อมตรงดิ่งไปช่วยพยุงชมนาดขึ้นมา แต่อีกฝ่ายกลับสะบัดตัวออก หน้าตามีแต่น้ำตาอาบหน้าอย่างชอกช้ำ
“แล้วคุณจะเสียใจที่เลือกอย่างนี้วิน” ชมนาดเดินออกจากบ้าน ไม่สนสภาพอันดูไม่ได้ของตัวเอง ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด ชมนาดโยนไปให้กับสัมปันนี ผู้หญิงคนเดียวที่คอยหลอกหลอนในความสัมพันธ์ระหว่างเธอและนวีน
“คิดดีแล้วเหรอนวีน ที่ไม่ตามเขาไป” มัศกอดยกมือจัดผมที่ยุ่งเล็กน้อยให้เข้าที่ กลับมาแย้มยิ้มอารมณ์ดี ไม่สนใจเรื่องอารมณ์เสียไม่กี่นาทีที่แล้ว
“สุดท้ายมันก็จะเป็นอย่างนี้อยู่ดี ผมไม่อยากยืดเยื้อ”
“เสียใจไหม” บุหลันใช้หลังมือที่มีเลือดไหลเช็ดกับกางเกงสีเข้ม ไม่ให้มัศกอดเห็นไม่อย่างนั้นจะถูกต่อว่า
นวีนถอนหายใจแผ่วเบา เขาคิดว่าตอนแรกมันจะเจ็บกว่านี้ แต่นาทีนี้สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในใจกลับเป็นความรู้สึกผิดเท่านั้น
“ผมก็ไม่แน่ใจ”
“นายไม่เสียใจเลยสักนิด” บุหลันถ่ายทอดสิ่งที่เห็น พึมพำลักษณะตัวละครใหม่ที่ได้ค้นพบ “มนุษย์ชาเย็นผู้ไร้ความรู้สึกรัก”
และอีกสิ่งที่นวีนรู้สึกก็คือ...เขาอยากคุยกับอาลัว
...........................
คุณ ใบบัวน่ารัก เรื่องนี้มะรุมมะตุ้ม รักหลายเส้าค่ะ
คุณ ปอกะเจา บอสเริ่มรุกเงียบๆ แล้วค่ะ ฮา แต่จะทันไหม ทางนั้นเขากำลังว่างแล้ว
คุณ konhin คนหนึ่งก็เยอะ อีกคนก็ดูขาดๆ นะคะ ฮา
คุณ ปรางขวัญ ต้องการจะสื่อตรงนิสัยค่ะ อาลัวเหมาทุกอย่าง รับไม่อั้น ส่วนดรัลจะไม่ค่อยรับอะไร ดุๆ
คุณ กาซะลองพลัดถิ่น พี่จุ้นน่ารักนะคะ ฮา บทนี้นวีนรู้ตัวเร็วค่ะ แต่รู้ตัวเรื่องชมนาดนะ มาลุ้นว่าเมื่อไหร่ในหัวของอาลัวจะมีพื้นที่เพิ่มให้ดรัลบ้างนะคะ
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ อยากบอกว่าชมนาด กับช่อมาลี เป็นตัวละครที่มีความคล้ายกันค่ะ ฮา อาจมีการสับสน
ตอนใหม่เขาเข็นมาจนได้น้า แอบมาช้ากว่าที่บอกหนึ่งวัน อ่านให้สนุกนะคะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่า ขอบคุณยอดกดถูกใจด้วยนะคะ แล้วก็ขอบคุณที่สุดสำหรับความคิดเห็น อิอิ
ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ส.ค. 2558, 19:44:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ส.ค. 2558, 20:36:45 น.
จำนวนการเข้าชม : 1462
<< บทที่ 8 : จุ้นจนได้เรื่อง | บทที่ 10 : ขายความลับเจ้านาย >> |
ปิ่นนลิน 9 ส.ค. 2558, 21:21:05 น.
ชอบดรัลค่ะ กวนดี เหมาะกะคนยืดเยื้อแบบอาลัวแท้
บุหลันก็ชอบ ชอบคนคาแรคเตอร์มึนๆแบบนี้ 5555
ชอบดรัลค่ะ กวนดี เหมาะกะคนยืดเยื้อแบบอาลัวแท้
บุหลันก็ชอบ ชอบคนคาแรคเตอร์มึนๆแบบนี้ 5555
นักอ่านเหนียวหนึบ 9 ส.ค. 2558, 21:58:48 น.
อ๊าวววววว หายไปแป้บเดียว อาลัวมีลูกละ!!!! พี่เอื้อยเห็นนิ่งๆ นี่พี่ก็ไวใช่ย่อยนะฮะ 5555 เอาให้มึนหนักกว่าเดิม
อ๊าวววววว หายไปแป้บเดียว อาลัวมีลูกละ!!!! พี่เอื้อยเห็นนิ่งๆ นี่พี่ก็ไวใช่ย่อยนะฮะ 5555 เอาให้มึนหนักกว่าเดิม
ปอกะเจา 9 ส.ค. 2558, 23:18:32 น.
แน่ะ บอส พยายามหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองมากเลยนะว่าทำไปเพราะอยากช่วยเหลือลูกน้อง โถถถถ พ่อคุณ ต้องรู้ใจตัวเองเร็วๆ แล้วแหละ เดี๋ยวจะถูกเพื่อนซี้อย่างนวีนมาสอยอาลัวกลับไปนะ
แน่ะ บอส พยายามหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองมากเลยนะว่าทำไปเพราะอยากช่วยเหลือลูกน้อง โถถถถ พ่อคุณ ต้องรู้ใจตัวเองเร็วๆ แล้วแหละ เดี๋ยวจะถูกเพื่อนซี้อย่างนวีนมาสอยอาลัวกลับไปนะ
จ๊ะจ๋า 9 ส.ค. 2558, 23:42:37 น.
กว่านวีนจะได้คุยกับอาลัว อาลัวคงหลงรักดรัลไปแล้ว
กว่านวีนจะได้คุยกับอาลัว อาลัวคงหลงรักดรัลไปแล้ว
กาซะลองพลัดถิ่น 10 ส.ค. 2558, 00:03:34 น.
เชียร์ให้อลัวใจเต้นแรงกับดรัลบ่อย ๆ คะ นวีนต้องได้เจอคนที่ดีแต่ไม่ใช่อลัวนะคะ
พี่จุณน่ารักอีกล่ะ.....ชมนาดน่าจะได้ผลตอบแทนให้สาสมกับความทะเยอทะยานอยากได้อยากมีบ้างนะ
เชียร์ให้อลัวใจเต้นแรงกับดรัลบ่อย ๆ คะ นวีนต้องได้เจอคนที่ดีแต่ไม่ใช่อลัวนะคะ
พี่จุณน่ารักอีกล่ะ.....ชมนาดน่าจะได้ผลตอบแทนให้สาสมกับความทะเยอทะยานอยากได้อยากมีบ้างนะ
konhin 10 ส.ค. 2558, 02:27:40 น.
แปลว่าจริงๆแล้ว นวีนก็ไม่ได้รักในตัวตนจริงๆของช่อ เพราะเหมือนนอกจากหน้าตาก็ไม่เห็นจะมีอะไรเข้ากันได้เลย
แปลว่าจริงๆแล้ว นวีนก็ไม่ได้รักในตัวตนจริงๆของช่อ เพราะเหมือนนอกจากหน้าตาก็ไม่เห็นจะมีอะไรเข้ากันได้เลย
yapapaya 10 ส.ค. 2558, 11:39:52 น.
ชมนาด ทำตัวเองจริงๆ
ชมนาด ทำตัวเองจริงๆ