อาลัว...กลัวรัก
รักแรก ทำให้หัวใจของอาลัวเต็มไปด้วยความสุขและเศร้า
เมื่อความรู้สึกที่เธอเคยเข้าใจมาตลอดเป็นของคนอื่น...
แต่ขนาดเธอเศร้าแทบตาย ก็ยังมีคนมาคอยสมน้ำหน้าด่าทอ
รวมถึงการมัดมือชกเสนอให้เธอคบเขาแก้เศร้าเสียเลย
นี่ถ้าเธอไม่คิดว่าเขาเป็นเกย์ แล้วอยากคบเธอบังหน้า เธอคงคิดว่าเขาเสียสติ
เมื่อความรู้สึกที่เธอเคยเข้าใจมาตลอดเป็นของคนอื่น...
แต่ขนาดเธอเศร้าแทบตาย ก็ยังมีคนมาคอยสมน้ำหน้าด่าทอ
รวมถึงการมัดมือชกเสนอให้เธอคบเขาแก้เศร้าเสียเลย
นี่ถ้าเธอไม่คิดว่าเขาเป็นเกย์ แล้วอยากคบเธอบังหน้า เธอคงคิดว่าเขาเสียสติ
Tags: อาลัว ดรัล นวีน ชมนาด
ตอน: บทที่ 11 : ความลับไม่มีในโลก
บทที่ 11
นวีนนอนหงอยเหงาอยู่บนโซฟากลางบ้านของสัมปันนี แขนยกก่ายหน้าผาก อีกมือยังกำโทรศัพท์ที่เพิ่งคุยกับเพื่อนไว้ไม่ยอมปล่อย ไม่เข้าใจตัวเองว่าเพราะอะไรจึงไม่ยอมบอกไปว่าเขากับชมนาดเลิกกัน และเวลานี้เขากำลังรู้สึกแย่มากๆ คนเดียวที่เขาอยากคุย อยากระบาย และปรึกษาเช่นทุกครั้งมากที่สุดคือสัมปันนี
เขารู้ว่าเพื่อนรักจะไม่ตอกย้ำ ไม่สมน้ำหน้า คนที่ให้คำปรึกษาไม่ค่อยเป็นอย่างสัมปันนีจะนั่งรับฟังเขาเงียบๆ จับมือเขาไว้ให้รู้ว่ายังเหลือใครอีกคนรับฟัง...แต่วันนี้เขาไม่มีมือข้างนั้นแล้ว
คำถามยังเหมือนเดิมอยู่ไหม จะถามไปเพื่ออะไร เพื่อนยังมีสถานะอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ
“นวีน” เสียงเย็นเยือกลอยอยู่เหนือศีรษะ ใบหน้าเฉยชา ไร้ความรู้สึกทำให้เขารู้สึกสะดุ้งเบาๆ ในใจ แสงไฟหรี่ของห้องโถงส่องแสงตกกระทบจนดูเป็นภาพหนังสยองขวัญ เหมาะเจาะกับนักเขียนอารมณ์ไม่เข้ารูปเข้ารอยของบุหลันเหลือเกิน
“มีอะไรดั้น”
“ลุกมานี่หน่อย” ร่างของบุหลันหมุนกายกลับขึ้นข้างบน ยังไม่วายหันกลับมากวักมือเรียกเสียงยานคางเร่งเร้าอีกรอบ “ความลับของอาลัวนะ”
เท่านั้นนวีนก็เด้งผึงขึ้นมา เขาส่ายหัวให้กับตัวเองที่อะไรนิดหน่อยๆ ที่เกี่ยวกับสัมปันนีในเวลานี้ก็อยากจะรับรู้ไปเสียหมด กระทั่งเดินผ่านประตูห้องนอนที่มีของวางอยู่อย่างเป็นระเบียบ ที่จริงของในห้องสัมปันนีมีน้อย หนังสือมีแบบนับเล่มได้ และถ้าเขาจำไม่ผิดประโยชน์ของห้องนอนของสัมปันนีคือมีไว้นอนอย่างเดียว
“แล้วไปรู้ความลับของอาลัวเขาได้ไง”
“อยากเปลี่ยนที่นอนดู เลยเปลี่ยนมานอนที่นี่ สำรวจอีกเล็กน้อย” บุหลันไหวไหล่ ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองผิดอะไร
นวีนรับฟังด้วยความทึ่ง และอ้าปากค้างให้กับนิสัยไม่เกรงใจใครของบุหลัน ก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นคนผมยุ่งไร้ทรงมุดไปใต้เตียงดึงกล่องลังที่ปิดสนิทออกมา ตบป้าบๆ ราวกับจะบอกว่าอยู่ในนี้
“ไม่เสียมารยาทเหรอ”
บุหลันเบะปาก มองหน้าคนถามอย่างหน่ายใจ “ไม่อยากรู้แล้วจะตามมาทำไม”
“สรุปคือยังไม่รู้ว่ามันมีอะไรอยู่ข้างใน”
“ให้นายเปิดดีกว่า เวลาโดนด่า เราจะได้รอด” คนที่อยากรู้จนตัวสั่นดันลังมาหยุดตรงหน้านวีน ส่วนตัวเองไปนั่งขัดสมาธิบนที่นอน สายตาจดจ้องอยู่ที่กล่องปิดสนิท เฝ้ารอคนมาเปิด
“เสียมารยาทมากเลยนะ” ปากว่าแต่ร่างของนวีนก็นั่งลงบนพื้น มือสัมผัสผิวด้านบนของลังกระดาษ ปลายนิ้วถูกกระดาษกาวเนื้อหนา ความอยากรู้ กับความละอายตีกันให้วุ่น ใจหนึ่งอยากรู้ความลับของสัมปันนีเผื่อเอาไว้ใช้ล้อ หรืออย่างน้อยๆ ก็ทำให้เขารู้สึกหายคิดถึงอีกฝ่ายได้ แต่อีกใจ...เขาเกรงใจ
“จะไม่เปิดเหรอ?”
“...” มือของนวีนยังคงนิ่ง ไม่ขยับเพื่อดึงเทปกาว
“คิดว่ามันจะเป็นอะไร”
“บันทึกลับสมัยมัธยม” เดาสุ่ม ทั้งที่พอจะรู้ว่าเพื่อนไม่ใช่คนชอบจดบันทึกอะไร หรือมีอารมณ์โรแมนติกขนาดนั้น
“พนันกันไหม ถ้าเป็นสมุดจดบันทึก นายขออะไรเราก็ได้หนึ่งข้อ” บุหลันผู้นิยมการเล่นเกมทายใจ และเดาความคิดผู้อื่นหยุดคิดถึงข้อต่อรอง และความน่าจะเป็นของพี่สาว “ถ้าในนั้นเป็นของที่เกี่ยวกับนาย และไม่ใช่สมุดบันทึก นายจะติดค้างเราหนึ่งข้อ”
“ทำไมต้องพนันอย่างนั้น แล้วทำไมถึงคิดว่าของข้างในจะเกี่ยวกับเรา”
บุหลันทำหน้าหน่ายใส่นวีนรอบสอง “อยากรู้คำตอบของเรา หรืออยากรู้ของข้างในมากกว่ากัน เลือกมาอย่างเดียว”
อารมณ์บ่ายเบี่ยงที่จะตอบของบุหลันทำให้นวีนเงียบปาก เขากลับมาสนใจกล่องปริศนาที่ยังดูใหม่เอี่ยมคล้ายว่ามันเพิ่งถูกปิดด้วยเทปกาวเพราะฝุ่นยังไม่ทันจับ มือเริ่มขยับดึงปลายเทปกาวออก เสียงแควกดังขึ้นพร้อมกับหัวใจของเขาที่ค่อยๆ เต้นรัวแรงขึ้นมา ฝากล่องเผยอเปิดขึ้นทันทีที่สุดปลายช่องว่างของฝากล่องแยกออก ภาพสัมปันนียิ้มตาหยีและเกี่ยวแขน...เขาจำได้ว่ามีแค่ไฟล์ภาพในโทรศัพท์ตอนไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกัน ยามนี้ถูกอัดใส่กรอบเก็บไว้อย่างดี กิ๊ฟติดผมที่เขาซื้อให้เพราะสัมปันนีลืมกระเป๋าเงิน มีโพสต์อิทที่เขาเคยแปะกับอาหารกลางวันอย่าง ‘ซื้อมาฝาก’ ‘ไม่ชอบกินผัก แต่เหลือแค่ผัก’ ร่มเก่าๆ ที่เขาเคยให้สัมปันนียืมแล้วอีกฝ่ายบอกทำหายก็มานอนก้นอยู่ในลังนี้ หลายสิ่งที่อยู่ตรงหน้าทำให้เขามองเห็นบางสิ่งที่ตัวเองไม่เคยมองเห็นอย่างชัดเจน
สัมปันนี...ชอบเขา
เสียงระเบิดดังโพละในหัว นวีนใช้มือปิดฝากล่องอย่างเชื่องช้า และเหม่อลอย หัวใจด้านซ้ายของอกก็ค่อยๆ เต้นช้าลงจนเกือบไร้จังหวะ ความมึนเบลอคล้ายถูกปอนด์ของมือที่มองไม่เห็นทำให้เขาคิดอะไรไม่ออก หลายครั้งที่การกระทำของสัมปันนีแสดงออกชัดเจนว่าห่วงใยเขา คล้ายว่าเกินเพื่อนกัน แต่เขากลับไม่เคยคิดว่าใช่ มาตอนนี้ความจริงทนโท่อยู่ตรงหน้า เขาไม่รู้ว่าจะใช้เหตุผลอะไรมาหลอกว่าสัมปันนีไม่คิดเกินเลย
ของในกล่องนี้หลายสิ่งเขาไม่ใช้ เขาลืมเลือน เขาไม่เห็นค่าหรือใส่ใจ แต่อีกฝ่ายกลับเก็บไว้อย่างทะนุถนอม ใส่ถุง หรือห่อเก็บอย่างดี
ไม่ถูกต้องเลยสักนิดเดียว!
“นายแพ้พนัน” เสียงเบาหวิวเลื่อนลอยปลุกเขาให้เผชิญหน้ากับความจริง แววตากรุ่นโกรธ ผิดหวังทำให้บุหลันรู้ตัวว่าตัวเองทำสิ่งที่ไม่ควร “นายไม่ชอบอาลัวเหรอ”
“เราเป็นเพื่อนกัน” กัดฟันตอบ
“สักนิดเลยก็ไม่”
“ดั้น!”
“...” คนถูกดุเงียบกริบ ได้แต่มองอีกฝ่ายยกลังที่บรรจุสมบัติล้ำค่าของสัมปันนีเดินออกไปอย่างนิ่งเฉย ได้แต่พูดส่งท้ายไปขณะที่รู้ว่าของในลังทั้งหมดจะไปจบลงที่ถังขยะ “นายคิดจะทำอย่างนี้จริงๆ ใช่ไหม...คนที่เสียใจที่สุด ก็คือตัวนายเองนั่นแหละ”
“เพื่อนกัน ไม่ทำแบบนี้”
นวีนกำกล่องกระดาษไว้แน่น หูแว่วได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของบุหลันมาเข้าหู ความเจ็บปวดในใจกรีดแทงความรู้สึกอย่างจัง และทันทีที่มันลงไปนอนแน่นิ่งในถังขยะหน้าบ้านทั้งหมด เขาก็ได้แต่หันหลังให้กับมัน สองมือกำเข้าหากันแน่น เส้นเลือดในขมับเต้นตุบๆ เขาหยิบโทรศัพท์ที่เคยทำให้เขาอุ่นใจเมื่อหลายนาทีก่อนขึ้นมา กดส่งข้อความไปหาเบอร์ที่เขาเพิ่งวางไป
‘วันนี้เที่ยง...มาหาเราได้ไหม เรื่องด่วน เราจะรอที่ร้านประจำข้างบริษัท’
ตอนนี้เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงตรงเข้าไปแล้ว แต่สัมปันนีกลับอยากโลดแล่นออกจากสถานที่จัดงานกล้วยไม้ที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนไม่ได้ เกือบตลอดเวลาที่มีอยู่ ไม่จุณวัฒน์ หรือช่อมาลีจะผลัดเปลี่ยนมาเฝ้าเธอไว้ ราวกับกลัวเธอจะหนีหายไป
หญิงสาวไม่ได้สังเกตสังกามาก่อนว่าตัวเองถูกล้อมกรอบไว้กระทั่งเวลานี้ที่เธอจำต้องหาวิธีก้าวเท้าออกจากกรอบ เธอยินดีแหกกรอบที่ตัวเองล้อมไว้หนึ่งสัปดาห์ทันทีที่เห็นข้อความในโทรศัพท์นั้น นวีนไม่เคยมีเรื่องด่วนขนาดกำหนดเวลา และไม่เคยไม่รับโทรศัพท์หลังจากเธอโทรไปหาเกินสิบสาย เป็นไปได้ว่าเรื่องนั้นด่วนมากขนาดที่คุยกันทางโทรศัพท์ไม่ได้
สัมปันนีเกือบจะร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายฟ้าอายดินตอนที่ช่อมาลีสั่งให้เธอไปขนกล้วยไม้มาลงเพิ่มทั้งที่มีคนงานพร้อมสรรพ ส่วนตัวช่อมาลีเอาแต่ดูแลเด็กฟุที่นั่งทานขนมสบายอารมณ์ ไม่สร้างความเดือดร้รอนให้ใคร หญิงสาวจับมือตัวเองไว้แน่นไม่อยากเคลื่อนออกไปไหน แต่ปากยังไม่ทำงานปฏิเสธ
“เหนื่อยใช่ไหม” จุณวัฒน์เสนอหน้ามาจากซุ้มข้างๆ กัน เห็นท่าทางประหลาดพิกลของอีกฝ่ายชัดเจน
“พี่จุ้นคะ” สัมปันนีเรียกอย่างอ่อนใจ
จุณวัฒน์พยักหน้าให้คนเรียกตนนิดหนึ่ง ก่อนจะหันไปหาว่าที่เจ้าสาวของตัวเอง “ช่อให้อาลัวเขาพักหน่อยเถอะ เห็นไหม หน้าซีดจวนจะเป็นลมอยู่แล้ว ใช้งานเขาหนักไป เดี๋ยวเจ้านายเขามาอาละวาดไม่รู้นะ”
“พี่เอื้องขอมาเองค่ะว่าให้จัดงานให้เยอะๆ” ช่อมาลีตอบกลับหน้านิ่ง ประกายตาเริ่มมีความไม่พอใจเจืออยู่
“เข้าห้องน้ำไปล้างหน้าสักหน่อยก็พอค่ะ” สัมปันนีรีบแทรกเข้ามา เธอไม่อยากให้บรรยากาศของคนที่กำลังจะแต่งงานกันในวันมะรืนมะเรื่องนี้มาคุเพราะเธอ จุณวัฒน์ก็แค่หวังดีอยากจะช่วยเหลือเธอเท่านั้น...จะมาคลางใจกับช่อมาลีให้เกิดประเด็นไม่ได้เด็ดขาด
“ไปเถอะอาลัว” จุณวัฒน์โบกมือไล่ ส่งสายตาเหลียวไปทางช่อมาลีว่าจะจัดการให้
“งั้นฉันไปด้วย”
“จะตามเขาไปเยี่ยวไปขี้เหรอช่อ”
“นี่พี่จุ้น!” ช่อมาลีเริ่มแหว หงุดหงิดที่อีกฝ่ายใช้ภาษาบ้านๆ กับเธอซะเสียงดัง ทั้งยังออกโรงปกป้องสัมปันนีจนเธอหมั่นไส้ติดหมัด ชะเง้อคอมองอีกทีสัมปันนีก็หายแวบไปแล้ว เท่านั้นคนที่นั่งสงบสุขมาตลอดจึงลุกขึ้นมา และบิดเนื้อคนตัวโตอย่างแรงหลังจากที่ครึ่งชั่วโมงผ่านไปคนไปเข้าห้องน้ำก็ยังไม่กลับมา
แต่จุณวัฒน์ก็ยังไม่รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรผิด “จะขังเขา ใช้งานหนักไปทำไม หรือเรายังเคืองที่อาลัวเป็นแฟนไอ้เอื้องมัน” ครั้งนี้จุณวัฒน์เริ่มโกรธบ้าง
ช่อมาลีปล่อยเนื้อตรงเอวที่บิดอยู่ หน้าตากรุ่นโกรธ “เกรงว่าจะไม่ได้ไปหาพี่เอื้องมากกว่านะคะ หน้าตาเร่งรีบอย่างกับจะไปหาคนที่รัก”
“คนที่รัก” จุณวัฒน์ทวนอย่างงุนงง “ไม่ใช่ไอ้เอื้องหรือไง”
สายตาที่ด่าเขาว่าโง่ชัดเต็มสองตา แต่จุณวัฒน์ก็ไม่คิดว่าการปล่อยให้สัมปันนีไปหา ‘คนที่รัก’ นั้นจะถือเป็นความผิดมหันต์ร้ายแรง เขายังระรื่นแอบโทรไปหาดรัล รายงานเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น
“ท่าทางอาลัวเขาจะรีบร้อนไปหาคน ‘ที่รัก’ ว่ะ แกสำออยอะไรใส่เขาหรือเปล่าเนี่ย”
“สำออยอะไร แล้วอะไรคือมาหาที่รัก”
“อาลัวหายไปเป็นชั่วโมงแล้วเว้ย แอบหนีหายไปเลย”
“...”
“ช่อเลยเดาว่าไปหาที่รัก ที่รักของอาลัวจะมีใคร ก็มีแต่แกนี่หว่า”
“ฉิบหาย!”
จุณวัฒน์ถือโทรศัพท์ค้าง กะพริบตาปริบๆ ฟังเสียงสัญญาณตู๊ดๆ ไร้คู่สนทนาอย่างไม่เข้าใจ เพราะอะไรเขาถึงได้ยินคำด่าจากเพื่อน และยังถูกช่อมาลีบิดเอวเนื้อแทบหลุดอีก เขาทำอะไรผิดตรงไหนล่ะ
หน้าจอโทรศัพท์มืดสนิทตั้งแต่เช้าหลังอ่านข้อความของนวีนเสร็จ เหตุเกิดจากเพราะเมื่อคืนเธอลืมชาร์จ สัมปันนีเก็บมันเข้ากระเป๋าตามเดิม นึกเสียดายที่รับสายล่าสุดของบุหลันที่ร้อยวันพันปีไม่เคยคิดโทรเข้ามาไม่ทัน อาจจะเป็นเรื่องด่วนที่เกี่ยวเนื่องกับนวีน และสาเหตุนี้จึงถือเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เธอเร่งรุด กระทั่งหยุดยืนอยู่หน้าร้านข้างตึกสูงของที่ทำงานที่ประจำของทั้งเธอและนวีน
ร้านกาแฟหอมกรุ่น มีขนมฝรั่งหลายชนิดถูกปากเธอ ตรงหน้าร้านกรุกระจกยาวบานใหญ่ มีไม้เป็นแนวยาวต่างโต๊ะ หันออกมาด้านหน้า และที่ตรงนี้ก็เป็นที่ประจำทั้งของเธอ...นวีน เวลานี้หนึ่งในเก้าอี้หลังบานกระจกในร้านจึงมีคนก้มหน้า มือกำรอบแก้วกาแฟร้อนอยู่ เขาไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองด้วยซ้ำตอนที่เธอเดินเข้ามานั่ง หลังสั่งกาแฟกับบาริสตาเสร็จ
“เป็นอะไรนวีน”
“เราเลิกกับชมแล้ว” นวีนเริ่มเรื่องทั้งที่ยังก้มหน้า
ความจริงตรงนี้กลายเป็นเรื่องสำคัญที่ทลายกำแพงทุกอย่างของเธอให้พังราบไม่เหลือ หญิงสาวนั่งอึ้งไม่คาดคิดว่าความสัมพันธ์ที่นวีนกับชมนาดมีร่วมกันจะกินระยะเวลาไม่ถึงครึ่งปี เธอเคยคิดว่าพวกเขาจะมีอนาคตที่ไกลกว่านั้น เธอทำใจว่าหัวใจของเธอจะไม่มีวันได้เปิดเผยออกมาอีกแล้ว...แต่ทว่า เวลานี้นวีนยังอ่อนแอ เขาน่าจะต้องการใครสักคน
มือของสัมปันนีเอื้อมไปแตะหลังมือของนวีนอย่างแผ่วเบา ขยับตบขึ้นลงเพื่อปลอบใจว่าเขายังมีเธอ “ลองคุยกับชมใหม่หรือยัง นวีนดูไม่ดีเลย”
นวีนกัดปากแน่น เบี่ยงมือออกจากสัมผัสที่เขาเคยคุ้นเป็นอย่างดี เขาปรารถนาสัมผัสนี้ในยามที่เขาเลิกรากับชมนาด แต่ไม่ใช่ในเวลาที่เขาล่วงรู้ความลับที่ถูกเก็บซ่อนไว้ของสัมปันนี
“ผู้หญิงคนเดียวไม่ทำให้เราตาย”
“เรารู้ นวีนแกร่งมาก ลองอยู่นิ่งๆ ไม่มีใครดูบ้างก็ดี เราจะได้เฮฮาถึงไหนถึงกันเหมือนเดิม” เธอไม่ต้องฝืนความรู้สึก เก็บซ่อนสิ่งที่ทำมาทั้งหมดอีก บางที...หากค่อยๆ ลองเปิดความรู้สึกไปทีละนิด ให้นวีนรับรู้เพิ่มเติมจากที่เป็นอยู่ สักวันนวีนอาจจะรักเธอขึ้นมา
เสียงเข้มหัวเราะในลำคอ น้ำเสียงยะเยือกเย็นเยียบจนคนฟังชาวาบในอก เธอไม่รู้สึกถึงความเป็นมิตรของนวีน ไม่รับรู้ว่าเขากำลังดีใจที่ได้ใช้เวลาเป็นเพื่อนร่วมกันอีก...หรือเขากำลังเศร้าหนัก
“นวีน...นายยังมีเรา นายเจ็บ นายไม่สบาย เราจะอยู่เป็นเพื่อนนายเอง”
แทนที่เขาจะเงยหน้ามายิ้มรับ คราวนี้นวีนกลับหัวเราะออกมาเสียงดังมากขึ้น และเผยสีหน้าที่ก้มต่ำเผยดวงตาแห้งผากห่างเหินมาให้ “ทำไมเราไม่เคยรู้นะ ทำไมถึงคิดว่าอาลัวเป็นเพื่อนที่ดีของเราเสมอ”
“นายพูดเรื่องอะไร” ลางสังหรณ์ในแง่ร้ายเริ่มทำงาน เธอรู้สึกว่าคนที่อยู่เบื้องหน้ากำลังเป็นใครสักคนที่เธอไม่รู้จัก และทุกสิ่งในยามนี้คือจุดจบที่น่ากลัวที่สุดที่เธอไม่เคยคิดให้มันเกิดขึ้น...วันที่นวีนรับไม่ได้กับความรู้สึกของเธอ
“ของใต้เตียง เราเห็นมันหมดแล้ว ทุกอย่างที่อาลัวเก็บไว้มิดชิด”
ขอบตาคนถูกแฉความจริงออกมาหมดเปลือกเริ่มรื้นน้ำตา ปากแข็งค้างเงียบกริบ ไม่มีสิ่งใดหลุดรอดออกมาเพื่อปฏิเสธความจริง ไม่มีเลยถึงสิ่งที่นวีนต้องการรับรู้
“บอกมาสิว่ามันไม่จริง บอกมาว่าเราเป็นเพื่อนกัน...เราจะเชื่อ”
สัมปันนีกัดปากตัวเองจนเจ็บ เธอคิดถึงสิ่งที่ดรัลพยายามมาตลอดหลายวัน คิดถึงคำพูดที่เธอเพิ่งบอกเขาไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วว่าตัวเองแกร่งขึ้น เธอไม่เสียน้ำตาให้นวีนแล้ว แต่ยามนี้ไม่มีอะไรที่หลงเหลือ เกราะในใจที่เธอกักเก็บซ่อนความรักให้ห่างจากนวีนพังลง และตอนนี้หลังจากมันถูกเปิดเปลือยอยู่เบื้องหน้าของนวีน เขาได้ใช้ฝ่าเท้าขยี้ความรักที่เธอฟูมฟักดูแลมาอย่างทะนุถนอมหลายปีให้ย่อยยับไม่มีสิ่งใดหลงเหลือ
“เราหลอกตัวเองต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว...ขอโทษ” เศษหัวใจของเธอกำลังถูกสายตาแหลมคมดังใบมีดของนวีนกรีดเฉือนไม่มีเหลือ “สามปีมานี้ เราไม่เคยเป็นเพื่อนที่ซื่อตรงของนวีนเลย”
“พอ!...เราไม่อยากฟัง”
สติที่คอยยับยั้งความรู้สึกขาดผึง สัมปันนีเผยทุกสิ่งออกมา “นายต้องฟัง!” หญิงสาวกระชากมือของนวีนมากุมไว้แน่น ไออุ่นที่เธอเคยได้รับบัดนี้เย็นยะเยือกจับขั้วหัวใจ ยังดีที่นวีนปรานีเธอ ถึงได้ยังปล่อยให้เธอกุมมือเขาไว้ ไม่สนใจสายตาคนอื่นในร้านที่หยุดกิริยาที่ทำอยู่ เพื่อเทความสนใจมาที่เธอและนวีน “มันผิดนักเหรอกับความรู้สึกนี้ นายไม่รักเราไม่ว่า แต่ทำไมต้องทำเหมือนเราเป็นนักโทษอุกฉกรรจ์ เราพยายามแล้วนวีน พยายามที่จะเลิกรักนายอย่างคนโง่เง่าหลังจากรู้ว่าหัวใจเราแคบแค่ไหนที่ทนเห็นนายมีใครอื่นไม่ได้ แต่เราก็พลาดที่เรายังพยายามไม่มากพอ วันนี้เราถึงมาอยู่ที่นี่ ปล่อยให้นายเหยียบหัวใจเราไม่มีเหลือ”
“...”
“แต่มันก็ดีแล้วล่ะที่เรามา มันเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่ทำให้เราเก็บความรู้สึกบ้าๆ นั่นได้อย่างเด็ดขาด ความจริงเพราะเรากลัวสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นอย่างในตอนนี้มากไป กลัวจะเสียเพื่อนอย่างนายไป เรากำลังเก็บมันลงกล่องแล้วนวีน...ทำไมนายต้องเปิดมันออกมา”
“...”
“นายยังเป็นเพื่อนเราได้ไหม” น้ำเสียงอ่อนลงอย่างยอมแพ้ น้ำตาของสัมปันนีไหลออกมาอย่างหมดท่า หญิงสาวรู้สึกโล่งระคนสิ้นหวัง โล่งที่ทุกอย่างถึงหูนวีนในที่สุด และสิ้นหวังที่ความหวังของความเป็นเพื่อนได้ดับสิ้นไปพร้อมกันในคราวเดียว
ความเงียบค่อยๆ ทำงาน นวีนมองใบหน้าของสัมปันนีอย่างสับสน อารมณ์ร้อนปะทุในอกค่อยๆ มอดลง เขารู้ว่าตัวเองทำรุนแรงเกินไปกับความรู้สึกเปราะบางของอีกฝ่าย แต่เขาก็รู้สึกถูกทรยศ เขามอบความเป็นเพื่อนให้อย่างบริสุทธิ์ใจเสมอมา แต่สิ่งที่อีกฝ่ายรู้สึกคือการรักเขาอย่างมนุษย์โง่งม สักวันถ้าสัมปันนีไม่รัก แล้วความเป็นเพื่อนจะเป็นอย่างไร
สิ่งใดที่ยั่งยืนกว่ากัน...เขาหมดศรัทธาในความรักนับตั้งแต่เติบโตขึ้นมาในชีวิตไม่สมประกอบ ความรักของผู้ใหญ่ที่ทำให้เขาเกิดมาแล้วไม่รับผิดชอบ ความรักที่เขาได้รับอย่างขาดๆ ชีวิตที่ต้องแก่งแย่งเพื่อจะได้เติบใหญ่ ไม่มีสิ่งใดเลยที่เขาพร้อม ไม่มีสิ่งใดที่เขาเห็นว่า ‘รัก’ คือความมั่นคง ในสายตาเขาสักวัน...รัก ระหว่างคนรักกันมันจะหมดลงไป ขนาดชมนาด เขายังไม่เคยทุ่มลงไปทั้งใจ สิ่งที่ทำก็เป็นเพียงหน้าที่ แรกนั้นเขาก็คิดว่าระหว่างเขากับชมนาดคือความเหมาะสมที่ลงตัว ถึงวันหนึ่งเมื่อไม่ใช่ก็ต้องเลิกราไป
เขากลัวมันเกินกว่าจะพาตัวเองเข้าไปรู้จัก สิ่งที่อยู่กับเขาในวันนี้เขารู้จักแค่ความผูกพัน...ไม่ใช่ความรัก
“ผมไม่รู้”
สรรพนามห่างเหินที่นวีนไม่เคยใช้กับสัมปันนีนับแต่เป็นเพื่อนกัน ปลดปล่อยมือที่ไม่ต่างจากฟางเส้นสุดท้ายที่หญิงสาวอยากคว้าสายสัมพันธ์เบาบางที่จวนจะขาดไว้สุดแรงเกิด...แต่เธอเองก็เหนื่อยเกินกว่าจะฝืนใจเขาอีกต่อไป และเธอเองถึงจะโง่ และดูหน้าไม่อายมากขนาดไหน ก็ยังมีเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเอง
เธอถูกเขาปฏิเสธเด็ดขาดก็ควรจะเลิกโง่หน้ามืดสักที สัมปันนีผุดลุกขึ้น ใช้สองมือเกาะโต๊ะไม้ไว้เพื่อพยุงกายที่ซวนเซจะล้มลงอย่างหมดแรงทุกเมื่อ หญิงสาวพยายามยิ้มทั้งน้ำตา ยิ้มไม่ถือสา พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ไม่ว่าคนตรงหน้าจะเป็นเพื่อน หรือใครที่หน้าเหมือนเพื่อนเธอ...ก็ยังอยากให้เขาสบายใจที่สุด
“ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างมันจะจบลงตรงนี้ สบายใจได้” เมื่อไปถึงหน้าร้าน สัมปันนีจับมือตรงที่จับค้างไว้ เฮือกสุดท้ายเธอยังแอบหวังว่านวีนจะเรียก และรั้งเธอ แต่สุดท้ายก็ยังเงียบกริบ เธอจึงฝืนใจยิ้มให้เขาอีกครั้ง พูดออกมาเสียงสั่น “ขอบคุณ...และขอโทษ”
ขอบคุณที่ทำให้เธอรักเขาหมดใจ...ขอโทษที่ทำให้เขาผิดหวังกับความรู้สึกของเธอ
นวีนยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม การมาด้วยเรื่องด่วนของสัมปันนีทำให้เขาคล้ายตกจากที่สูง เขาเองก็หลบซ่อน และทำตาบอดกับสิ่งที่สัมปันนีแสดงออกมาตลอด ไม่อยากรับรู้ และลึกๆ เขาก็ตกใจเมื่อความรู้สึกหนึ่งกำลังกัดกร่อนเขาหลังลับแผ่นหลังของสัมปันนี...ความกลัว จากนี้จะเป็นอย่างไรหากไม่มี ‘เพื่อน’ อย่างนี้อยู่ข้างกายเช่นทุกครั้ง
.........................................................
มาช้ากว่าวันศุกร์ T^T ตัดสินใจเก็บตอนหน้าไว้ก่อน เพื่อความต่อเนื่องของอารมณ์ค่ะ ยิ้มหวาน ตอนนี้นวีนเอาระเบิดมาหย่อนแล้วเนอะ
คุณ konhin ตอนที่แล้วน่ารัก มาตอนนี้อาลัวอาจน่ารักไม่ออกนะคะ น้ำตาแตกเป็นปี๊บๆ
คุณ ใบบัวน่ารัก อารมณ์นวีนตอนนี้ของไม่หายและไม่อยากได้คืนด้วยค่ะ ใจร้าย
คุณ ปอกะเจา บอสไปไหนเน้อ แหะๆ เก็บไว้ตอนหน้าค่ะ มาแน่ๆ เขียนเสร็จไปครึ่ง แต่ขอกั๊ก ยิ้มเจ้าเล่ห์ อาลัวเอื่อยสุดๆ ค่ะ ความรู้สึกช้า คิดช้า ลืมช้า
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ เจ้ช่อคงช่วยน้องไม่ได้ค่ะ ยังเพิ่มผงเข้าตาเข้าไปอีกกระบุง อีนางเอ้ยเจ็บซ้ำๆ อีกแล้ว
ตอนหน้าจะมาแบบด่วนๆ นะคะ เจอกันแน่ๆ ยิ้มหวานนน ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ทุกคนที่ถูกใจ และทุกคนที่แสดงความเห็นนะคะ ^^
นวีนนอนหงอยเหงาอยู่บนโซฟากลางบ้านของสัมปันนี แขนยกก่ายหน้าผาก อีกมือยังกำโทรศัพท์ที่เพิ่งคุยกับเพื่อนไว้ไม่ยอมปล่อย ไม่เข้าใจตัวเองว่าเพราะอะไรจึงไม่ยอมบอกไปว่าเขากับชมนาดเลิกกัน และเวลานี้เขากำลังรู้สึกแย่มากๆ คนเดียวที่เขาอยากคุย อยากระบาย และปรึกษาเช่นทุกครั้งมากที่สุดคือสัมปันนี
เขารู้ว่าเพื่อนรักจะไม่ตอกย้ำ ไม่สมน้ำหน้า คนที่ให้คำปรึกษาไม่ค่อยเป็นอย่างสัมปันนีจะนั่งรับฟังเขาเงียบๆ จับมือเขาไว้ให้รู้ว่ายังเหลือใครอีกคนรับฟัง...แต่วันนี้เขาไม่มีมือข้างนั้นแล้ว
คำถามยังเหมือนเดิมอยู่ไหม จะถามไปเพื่ออะไร เพื่อนยังมีสถานะอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ
“นวีน” เสียงเย็นเยือกลอยอยู่เหนือศีรษะ ใบหน้าเฉยชา ไร้ความรู้สึกทำให้เขารู้สึกสะดุ้งเบาๆ ในใจ แสงไฟหรี่ของห้องโถงส่องแสงตกกระทบจนดูเป็นภาพหนังสยองขวัญ เหมาะเจาะกับนักเขียนอารมณ์ไม่เข้ารูปเข้ารอยของบุหลันเหลือเกิน
“มีอะไรดั้น”
“ลุกมานี่หน่อย” ร่างของบุหลันหมุนกายกลับขึ้นข้างบน ยังไม่วายหันกลับมากวักมือเรียกเสียงยานคางเร่งเร้าอีกรอบ “ความลับของอาลัวนะ”
เท่านั้นนวีนก็เด้งผึงขึ้นมา เขาส่ายหัวให้กับตัวเองที่อะไรนิดหน่อยๆ ที่เกี่ยวกับสัมปันนีในเวลานี้ก็อยากจะรับรู้ไปเสียหมด กระทั่งเดินผ่านประตูห้องนอนที่มีของวางอยู่อย่างเป็นระเบียบ ที่จริงของในห้องสัมปันนีมีน้อย หนังสือมีแบบนับเล่มได้ และถ้าเขาจำไม่ผิดประโยชน์ของห้องนอนของสัมปันนีคือมีไว้นอนอย่างเดียว
“แล้วไปรู้ความลับของอาลัวเขาได้ไง”
“อยากเปลี่ยนที่นอนดู เลยเปลี่ยนมานอนที่นี่ สำรวจอีกเล็กน้อย” บุหลันไหวไหล่ ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองผิดอะไร
นวีนรับฟังด้วยความทึ่ง และอ้าปากค้างให้กับนิสัยไม่เกรงใจใครของบุหลัน ก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นคนผมยุ่งไร้ทรงมุดไปใต้เตียงดึงกล่องลังที่ปิดสนิทออกมา ตบป้าบๆ ราวกับจะบอกว่าอยู่ในนี้
“ไม่เสียมารยาทเหรอ”
บุหลันเบะปาก มองหน้าคนถามอย่างหน่ายใจ “ไม่อยากรู้แล้วจะตามมาทำไม”
“สรุปคือยังไม่รู้ว่ามันมีอะไรอยู่ข้างใน”
“ให้นายเปิดดีกว่า เวลาโดนด่า เราจะได้รอด” คนที่อยากรู้จนตัวสั่นดันลังมาหยุดตรงหน้านวีน ส่วนตัวเองไปนั่งขัดสมาธิบนที่นอน สายตาจดจ้องอยู่ที่กล่องปิดสนิท เฝ้ารอคนมาเปิด
“เสียมารยาทมากเลยนะ” ปากว่าแต่ร่างของนวีนก็นั่งลงบนพื้น มือสัมผัสผิวด้านบนของลังกระดาษ ปลายนิ้วถูกกระดาษกาวเนื้อหนา ความอยากรู้ กับความละอายตีกันให้วุ่น ใจหนึ่งอยากรู้ความลับของสัมปันนีเผื่อเอาไว้ใช้ล้อ หรืออย่างน้อยๆ ก็ทำให้เขารู้สึกหายคิดถึงอีกฝ่ายได้ แต่อีกใจ...เขาเกรงใจ
“จะไม่เปิดเหรอ?”
“...” มือของนวีนยังคงนิ่ง ไม่ขยับเพื่อดึงเทปกาว
“คิดว่ามันจะเป็นอะไร”
“บันทึกลับสมัยมัธยม” เดาสุ่ม ทั้งที่พอจะรู้ว่าเพื่อนไม่ใช่คนชอบจดบันทึกอะไร หรือมีอารมณ์โรแมนติกขนาดนั้น
“พนันกันไหม ถ้าเป็นสมุดจดบันทึก นายขออะไรเราก็ได้หนึ่งข้อ” บุหลันผู้นิยมการเล่นเกมทายใจ และเดาความคิดผู้อื่นหยุดคิดถึงข้อต่อรอง และความน่าจะเป็นของพี่สาว “ถ้าในนั้นเป็นของที่เกี่ยวกับนาย และไม่ใช่สมุดบันทึก นายจะติดค้างเราหนึ่งข้อ”
“ทำไมต้องพนันอย่างนั้น แล้วทำไมถึงคิดว่าของข้างในจะเกี่ยวกับเรา”
บุหลันทำหน้าหน่ายใส่นวีนรอบสอง “อยากรู้คำตอบของเรา หรืออยากรู้ของข้างในมากกว่ากัน เลือกมาอย่างเดียว”
อารมณ์บ่ายเบี่ยงที่จะตอบของบุหลันทำให้นวีนเงียบปาก เขากลับมาสนใจกล่องปริศนาที่ยังดูใหม่เอี่ยมคล้ายว่ามันเพิ่งถูกปิดด้วยเทปกาวเพราะฝุ่นยังไม่ทันจับ มือเริ่มขยับดึงปลายเทปกาวออก เสียงแควกดังขึ้นพร้อมกับหัวใจของเขาที่ค่อยๆ เต้นรัวแรงขึ้นมา ฝากล่องเผยอเปิดขึ้นทันทีที่สุดปลายช่องว่างของฝากล่องแยกออก ภาพสัมปันนียิ้มตาหยีและเกี่ยวแขน...เขาจำได้ว่ามีแค่ไฟล์ภาพในโทรศัพท์ตอนไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกัน ยามนี้ถูกอัดใส่กรอบเก็บไว้อย่างดี กิ๊ฟติดผมที่เขาซื้อให้เพราะสัมปันนีลืมกระเป๋าเงิน มีโพสต์อิทที่เขาเคยแปะกับอาหารกลางวันอย่าง ‘ซื้อมาฝาก’ ‘ไม่ชอบกินผัก แต่เหลือแค่ผัก’ ร่มเก่าๆ ที่เขาเคยให้สัมปันนียืมแล้วอีกฝ่ายบอกทำหายก็มานอนก้นอยู่ในลังนี้ หลายสิ่งที่อยู่ตรงหน้าทำให้เขามองเห็นบางสิ่งที่ตัวเองไม่เคยมองเห็นอย่างชัดเจน
สัมปันนี...ชอบเขา
เสียงระเบิดดังโพละในหัว นวีนใช้มือปิดฝากล่องอย่างเชื่องช้า และเหม่อลอย หัวใจด้านซ้ายของอกก็ค่อยๆ เต้นช้าลงจนเกือบไร้จังหวะ ความมึนเบลอคล้ายถูกปอนด์ของมือที่มองไม่เห็นทำให้เขาคิดอะไรไม่ออก หลายครั้งที่การกระทำของสัมปันนีแสดงออกชัดเจนว่าห่วงใยเขา คล้ายว่าเกินเพื่อนกัน แต่เขากลับไม่เคยคิดว่าใช่ มาตอนนี้ความจริงทนโท่อยู่ตรงหน้า เขาไม่รู้ว่าจะใช้เหตุผลอะไรมาหลอกว่าสัมปันนีไม่คิดเกินเลย
ของในกล่องนี้หลายสิ่งเขาไม่ใช้ เขาลืมเลือน เขาไม่เห็นค่าหรือใส่ใจ แต่อีกฝ่ายกลับเก็บไว้อย่างทะนุถนอม ใส่ถุง หรือห่อเก็บอย่างดี
ไม่ถูกต้องเลยสักนิดเดียว!
“นายแพ้พนัน” เสียงเบาหวิวเลื่อนลอยปลุกเขาให้เผชิญหน้ากับความจริง แววตากรุ่นโกรธ ผิดหวังทำให้บุหลันรู้ตัวว่าตัวเองทำสิ่งที่ไม่ควร “นายไม่ชอบอาลัวเหรอ”
“เราเป็นเพื่อนกัน” กัดฟันตอบ
“สักนิดเลยก็ไม่”
“ดั้น!”
“...” คนถูกดุเงียบกริบ ได้แต่มองอีกฝ่ายยกลังที่บรรจุสมบัติล้ำค่าของสัมปันนีเดินออกไปอย่างนิ่งเฉย ได้แต่พูดส่งท้ายไปขณะที่รู้ว่าของในลังทั้งหมดจะไปจบลงที่ถังขยะ “นายคิดจะทำอย่างนี้จริงๆ ใช่ไหม...คนที่เสียใจที่สุด ก็คือตัวนายเองนั่นแหละ”
“เพื่อนกัน ไม่ทำแบบนี้”
นวีนกำกล่องกระดาษไว้แน่น หูแว่วได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของบุหลันมาเข้าหู ความเจ็บปวดในใจกรีดแทงความรู้สึกอย่างจัง และทันทีที่มันลงไปนอนแน่นิ่งในถังขยะหน้าบ้านทั้งหมด เขาก็ได้แต่หันหลังให้กับมัน สองมือกำเข้าหากันแน่น เส้นเลือดในขมับเต้นตุบๆ เขาหยิบโทรศัพท์ที่เคยทำให้เขาอุ่นใจเมื่อหลายนาทีก่อนขึ้นมา กดส่งข้อความไปหาเบอร์ที่เขาเพิ่งวางไป
‘วันนี้เที่ยง...มาหาเราได้ไหม เรื่องด่วน เราจะรอที่ร้านประจำข้างบริษัท’
ตอนนี้เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงตรงเข้าไปแล้ว แต่สัมปันนีกลับอยากโลดแล่นออกจากสถานที่จัดงานกล้วยไม้ที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนไม่ได้ เกือบตลอดเวลาที่มีอยู่ ไม่จุณวัฒน์ หรือช่อมาลีจะผลัดเปลี่ยนมาเฝ้าเธอไว้ ราวกับกลัวเธอจะหนีหายไป
หญิงสาวไม่ได้สังเกตสังกามาก่อนว่าตัวเองถูกล้อมกรอบไว้กระทั่งเวลานี้ที่เธอจำต้องหาวิธีก้าวเท้าออกจากกรอบ เธอยินดีแหกกรอบที่ตัวเองล้อมไว้หนึ่งสัปดาห์ทันทีที่เห็นข้อความในโทรศัพท์นั้น นวีนไม่เคยมีเรื่องด่วนขนาดกำหนดเวลา และไม่เคยไม่รับโทรศัพท์หลังจากเธอโทรไปหาเกินสิบสาย เป็นไปได้ว่าเรื่องนั้นด่วนมากขนาดที่คุยกันทางโทรศัพท์ไม่ได้
สัมปันนีเกือบจะร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายฟ้าอายดินตอนที่ช่อมาลีสั่งให้เธอไปขนกล้วยไม้มาลงเพิ่มทั้งที่มีคนงานพร้อมสรรพ ส่วนตัวช่อมาลีเอาแต่ดูแลเด็กฟุที่นั่งทานขนมสบายอารมณ์ ไม่สร้างความเดือดร้รอนให้ใคร หญิงสาวจับมือตัวเองไว้แน่นไม่อยากเคลื่อนออกไปไหน แต่ปากยังไม่ทำงานปฏิเสธ
“เหนื่อยใช่ไหม” จุณวัฒน์เสนอหน้ามาจากซุ้มข้างๆ กัน เห็นท่าทางประหลาดพิกลของอีกฝ่ายชัดเจน
“พี่จุ้นคะ” สัมปันนีเรียกอย่างอ่อนใจ
จุณวัฒน์พยักหน้าให้คนเรียกตนนิดหนึ่ง ก่อนจะหันไปหาว่าที่เจ้าสาวของตัวเอง “ช่อให้อาลัวเขาพักหน่อยเถอะ เห็นไหม หน้าซีดจวนจะเป็นลมอยู่แล้ว ใช้งานเขาหนักไป เดี๋ยวเจ้านายเขามาอาละวาดไม่รู้นะ”
“พี่เอื้องขอมาเองค่ะว่าให้จัดงานให้เยอะๆ” ช่อมาลีตอบกลับหน้านิ่ง ประกายตาเริ่มมีความไม่พอใจเจืออยู่
“เข้าห้องน้ำไปล้างหน้าสักหน่อยก็พอค่ะ” สัมปันนีรีบแทรกเข้ามา เธอไม่อยากให้บรรยากาศของคนที่กำลังจะแต่งงานกันในวันมะรืนมะเรื่องนี้มาคุเพราะเธอ จุณวัฒน์ก็แค่หวังดีอยากจะช่วยเหลือเธอเท่านั้น...จะมาคลางใจกับช่อมาลีให้เกิดประเด็นไม่ได้เด็ดขาด
“ไปเถอะอาลัว” จุณวัฒน์โบกมือไล่ ส่งสายตาเหลียวไปทางช่อมาลีว่าจะจัดการให้
“งั้นฉันไปด้วย”
“จะตามเขาไปเยี่ยวไปขี้เหรอช่อ”
“นี่พี่จุ้น!” ช่อมาลีเริ่มแหว หงุดหงิดที่อีกฝ่ายใช้ภาษาบ้านๆ กับเธอซะเสียงดัง ทั้งยังออกโรงปกป้องสัมปันนีจนเธอหมั่นไส้ติดหมัด ชะเง้อคอมองอีกทีสัมปันนีก็หายแวบไปแล้ว เท่านั้นคนที่นั่งสงบสุขมาตลอดจึงลุกขึ้นมา และบิดเนื้อคนตัวโตอย่างแรงหลังจากที่ครึ่งชั่วโมงผ่านไปคนไปเข้าห้องน้ำก็ยังไม่กลับมา
แต่จุณวัฒน์ก็ยังไม่รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรผิด “จะขังเขา ใช้งานหนักไปทำไม หรือเรายังเคืองที่อาลัวเป็นแฟนไอ้เอื้องมัน” ครั้งนี้จุณวัฒน์เริ่มโกรธบ้าง
ช่อมาลีปล่อยเนื้อตรงเอวที่บิดอยู่ หน้าตากรุ่นโกรธ “เกรงว่าจะไม่ได้ไปหาพี่เอื้องมากกว่านะคะ หน้าตาเร่งรีบอย่างกับจะไปหาคนที่รัก”
“คนที่รัก” จุณวัฒน์ทวนอย่างงุนงง “ไม่ใช่ไอ้เอื้องหรือไง”
สายตาที่ด่าเขาว่าโง่ชัดเต็มสองตา แต่จุณวัฒน์ก็ไม่คิดว่าการปล่อยให้สัมปันนีไปหา ‘คนที่รัก’ นั้นจะถือเป็นความผิดมหันต์ร้ายแรง เขายังระรื่นแอบโทรไปหาดรัล รายงานเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น
“ท่าทางอาลัวเขาจะรีบร้อนไปหาคน ‘ที่รัก’ ว่ะ แกสำออยอะไรใส่เขาหรือเปล่าเนี่ย”
“สำออยอะไร แล้วอะไรคือมาหาที่รัก”
“อาลัวหายไปเป็นชั่วโมงแล้วเว้ย แอบหนีหายไปเลย”
“...”
“ช่อเลยเดาว่าไปหาที่รัก ที่รักของอาลัวจะมีใคร ก็มีแต่แกนี่หว่า”
“ฉิบหาย!”
จุณวัฒน์ถือโทรศัพท์ค้าง กะพริบตาปริบๆ ฟังเสียงสัญญาณตู๊ดๆ ไร้คู่สนทนาอย่างไม่เข้าใจ เพราะอะไรเขาถึงได้ยินคำด่าจากเพื่อน และยังถูกช่อมาลีบิดเอวเนื้อแทบหลุดอีก เขาทำอะไรผิดตรงไหนล่ะ
หน้าจอโทรศัพท์มืดสนิทตั้งแต่เช้าหลังอ่านข้อความของนวีนเสร็จ เหตุเกิดจากเพราะเมื่อคืนเธอลืมชาร์จ สัมปันนีเก็บมันเข้ากระเป๋าตามเดิม นึกเสียดายที่รับสายล่าสุดของบุหลันที่ร้อยวันพันปีไม่เคยคิดโทรเข้ามาไม่ทัน อาจจะเป็นเรื่องด่วนที่เกี่ยวเนื่องกับนวีน และสาเหตุนี้จึงถือเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เธอเร่งรุด กระทั่งหยุดยืนอยู่หน้าร้านข้างตึกสูงของที่ทำงานที่ประจำของทั้งเธอและนวีน
ร้านกาแฟหอมกรุ่น มีขนมฝรั่งหลายชนิดถูกปากเธอ ตรงหน้าร้านกรุกระจกยาวบานใหญ่ มีไม้เป็นแนวยาวต่างโต๊ะ หันออกมาด้านหน้า และที่ตรงนี้ก็เป็นที่ประจำทั้งของเธอ...นวีน เวลานี้หนึ่งในเก้าอี้หลังบานกระจกในร้านจึงมีคนก้มหน้า มือกำรอบแก้วกาแฟร้อนอยู่ เขาไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองด้วยซ้ำตอนที่เธอเดินเข้ามานั่ง หลังสั่งกาแฟกับบาริสตาเสร็จ
“เป็นอะไรนวีน”
“เราเลิกกับชมแล้ว” นวีนเริ่มเรื่องทั้งที่ยังก้มหน้า
ความจริงตรงนี้กลายเป็นเรื่องสำคัญที่ทลายกำแพงทุกอย่างของเธอให้พังราบไม่เหลือ หญิงสาวนั่งอึ้งไม่คาดคิดว่าความสัมพันธ์ที่นวีนกับชมนาดมีร่วมกันจะกินระยะเวลาไม่ถึงครึ่งปี เธอเคยคิดว่าพวกเขาจะมีอนาคตที่ไกลกว่านั้น เธอทำใจว่าหัวใจของเธอจะไม่มีวันได้เปิดเผยออกมาอีกแล้ว...แต่ทว่า เวลานี้นวีนยังอ่อนแอ เขาน่าจะต้องการใครสักคน
มือของสัมปันนีเอื้อมไปแตะหลังมือของนวีนอย่างแผ่วเบา ขยับตบขึ้นลงเพื่อปลอบใจว่าเขายังมีเธอ “ลองคุยกับชมใหม่หรือยัง นวีนดูไม่ดีเลย”
นวีนกัดปากแน่น เบี่ยงมือออกจากสัมผัสที่เขาเคยคุ้นเป็นอย่างดี เขาปรารถนาสัมผัสนี้ในยามที่เขาเลิกรากับชมนาด แต่ไม่ใช่ในเวลาที่เขาล่วงรู้ความลับที่ถูกเก็บซ่อนไว้ของสัมปันนี
“ผู้หญิงคนเดียวไม่ทำให้เราตาย”
“เรารู้ นวีนแกร่งมาก ลองอยู่นิ่งๆ ไม่มีใครดูบ้างก็ดี เราจะได้เฮฮาถึงไหนถึงกันเหมือนเดิม” เธอไม่ต้องฝืนความรู้สึก เก็บซ่อนสิ่งที่ทำมาทั้งหมดอีก บางที...หากค่อยๆ ลองเปิดความรู้สึกไปทีละนิด ให้นวีนรับรู้เพิ่มเติมจากที่เป็นอยู่ สักวันนวีนอาจจะรักเธอขึ้นมา
เสียงเข้มหัวเราะในลำคอ น้ำเสียงยะเยือกเย็นเยียบจนคนฟังชาวาบในอก เธอไม่รู้สึกถึงความเป็นมิตรของนวีน ไม่รับรู้ว่าเขากำลังดีใจที่ได้ใช้เวลาเป็นเพื่อนร่วมกันอีก...หรือเขากำลังเศร้าหนัก
“นวีน...นายยังมีเรา นายเจ็บ นายไม่สบาย เราจะอยู่เป็นเพื่อนนายเอง”
แทนที่เขาจะเงยหน้ามายิ้มรับ คราวนี้นวีนกลับหัวเราะออกมาเสียงดังมากขึ้น และเผยสีหน้าที่ก้มต่ำเผยดวงตาแห้งผากห่างเหินมาให้ “ทำไมเราไม่เคยรู้นะ ทำไมถึงคิดว่าอาลัวเป็นเพื่อนที่ดีของเราเสมอ”
“นายพูดเรื่องอะไร” ลางสังหรณ์ในแง่ร้ายเริ่มทำงาน เธอรู้สึกว่าคนที่อยู่เบื้องหน้ากำลังเป็นใครสักคนที่เธอไม่รู้จัก และทุกสิ่งในยามนี้คือจุดจบที่น่ากลัวที่สุดที่เธอไม่เคยคิดให้มันเกิดขึ้น...วันที่นวีนรับไม่ได้กับความรู้สึกของเธอ
“ของใต้เตียง เราเห็นมันหมดแล้ว ทุกอย่างที่อาลัวเก็บไว้มิดชิด”
ขอบตาคนถูกแฉความจริงออกมาหมดเปลือกเริ่มรื้นน้ำตา ปากแข็งค้างเงียบกริบ ไม่มีสิ่งใดหลุดรอดออกมาเพื่อปฏิเสธความจริง ไม่มีเลยถึงสิ่งที่นวีนต้องการรับรู้
“บอกมาสิว่ามันไม่จริง บอกมาว่าเราเป็นเพื่อนกัน...เราจะเชื่อ”
สัมปันนีกัดปากตัวเองจนเจ็บ เธอคิดถึงสิ่งที่ดรัลพยายามมาตลอดหลายวัน คิดถึงคำพูดที่เธอเพิ่งบอกเขาไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วว่าตัวเองแกร่งขึ้น เธอไม่เสียน้ำตาให้นวีนแล้ว แต่ยามนี้ไม่มีอะไรที่หลงเหลือ เกราะในใจที่เธอกักเก็บซ่อนความรักให้ห่างจากนวีนพังลง และตอนนี้หลังจากมันถูกเปิดเปลือยอยู่เบื้องหน้าของนวีน เขาได้ใช้ฝ่าเท้าขยี้ความรักที่เธอฟูมฟักดูแลมาอย่างทะนุถนอมหลายปีให้ย่อยยับไม่มีสิ่งใดหลงเหลือ
“เราหลอกตัวเองต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว...ขอโทษ” เศษหัวใจของเธอกำลังถูกสายตาแหลมคมดังใบมีดของนวีนกรีดเฉือนไม่มีเหลือ “สามปีมานี้ เราไม่เคยเป็นเพื่อนที่ซื่อตรงของนวีนเลย”
“พอ!...เราไม่อยากฟัง”
สติที่คอยยับยั้งความรู้สึกขาดผึง สัมปันนีเผยทุกสิ่งออกมา “นายต้องฟัง!” หญิงสาวกระชากมือของนวีนมากุมไว้แน่น ไออุ่นที่เธอเคยได้รับบัดนี้เย็นยะเยือกจับขั้วหัวใจ ยังดีที่นวีนปรานีเธอ ถึงได้ยังปล่อยให้เธอกุมมือเขาไว้ ไม่สนใจสายตาคนอื่นในร้านที่หยุดกิริยาที่ทำอยู่ เพื่อเทความสนใจมาที่เธอและนวีน “มันผิดนักเหรอกับความรู้สึกนี้ นายไม่รักเราไม่ว่า แต่ทำไมต้องทำเหมือนเราเป็นนักโทษอุกฉกรรจ์ เราพยายามแล้วนวีน พยายามที่จะเลิกรักนายอย่างคนโง่เง่าหลังจากรู้ว่าหัวใจเราแคบแค่ไหนที่ทนเห็นนายมีใครอื่นไม่ได้ แต่เราก็พลาดที่เรายังพยายามไม่มากพอ วันนี้เราถึงมาอยู่ที่นี่ ปล่อยให้นายเหยียบหัวใจเราไม่มีเหลือ”
“...”
“แต่มันก็ดีแล้วล่ะที่เรามา มันเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่ทำให้เราเก็บความรู้สึกบ้าๆ นั่นได้อย่างเด็ดขาด ความจริงเพราะเรากลัวสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นอย่างในตอนนี้มากไป กลัวจะเสียเพื่อนอย่างนายไป เรากำลังเก็บมันลงกล่องแล้วนวีน...ทำไมนายต้องเปิดมันออกมา”
“...”
“นายยังเป็นเพื่อนเราได้ไหม” น้ำเสียงอ่อนลงอย่างยอมแพ้ น้ำตาของสัมปันนีไหลออกมาอย่างหมดท่า หญิงสาวรู้สึกโล่งระคนสิ้นหวัง โล่งที่ทุกอย่างถึงหูนวีนในที่สุด และสิ้นหวังที่ความหวังของความเป็นเพื่อนได้ดับสิ้นไปพร้อมกันในคราวเดียว
ความเงียบค่อยๆ ทำงาน นวีนมองใบหน้าของสัมปันนีอย่างสับสน อารมณ์ร้อนปะทุในอกค่อยๆ มอดลง เขารู้ว่าตัวเองทำรุนแรงเกินไปกับความรู้สึกเปราะบางของอีกฝ่าย แต่เขาก็รู้สึกถูกทรยศ เขามอบความเป็นเพื่อนให้อย่างบริสุทธิ์ใจเสมอมา แต่สิ่งที่อีกฝ่ายรู้สึกคือการรักเขาอย่างมนุษย์โง่งม สักวันถ้าสัมปันนีไม่รัก แล้วความเป็นเพื่อนจะเป็นอย่างไร
สิ่งใดที่ยั่งยืนกว่ากัน...เขาหมดศรัทธาในความรักนับตั้งแต่เติบโตขึ้นมาในชีวิตไม่สมประกอบ ความรักของผู้ใหญ่ที่ทำให้เขาเกิดมาแล้วไม่รับผิดชอบ ความรักที่เขาได้รับอย่างขาดๆ ชีวิตที่ต้องแก่งแย่งเพื่อจะได้เติบใหญ่ ไม่มีสิ่งใดเลยที่เขาพร้อม ไม่มีสิ่งใดที่เขาเห็นว่า ‘รัก’ คือความมั่นคง ในสายตาเขาสักวัน...รัก ระหว่างคนรักกันมันจะหมดลงไป ขนาดชมนาด เขายังไม่เคยทุ่มลงไปทั้งใจ สิ่งที่ทำก็เป็นเพียงหน้าที่ แรกนั้นเขาก็คิดว่าระหว่างเขากับชมนาดคือความเหมาะสมที่ลงตัว ถึงวันหนึ่งเมื่อไม่ใช่ก็ต้องเลิกราไป
เขากลัวมันเกินกว่าจะพาตัวเองเข้าไปรู้จัก สิ่งที่อยู่กับเขาในวันนี้เขารู้จักแค่ความผูกพัน...ไม่ใช่ความรัก
“ผมไม่รู้”
สรรพนามห่างเหินที่นวีนไม่เคยใช้กับสัมปันนีนับแต่เป็นเพื่อนกัน ปลดปล่อยมือที่ไม่ต่างจากฟางเส้นสุดท้ายที่หญิงสาวอยากคว้าสายสัมพันธ์เบาบางที่จวนจะขาดไว้สุดแรงเกิด...แต่เธอเองก็เหนื่อยเกินกว่าจะฝืนใจเขาอีกต่อไป และเธอเองถึงจะโง่ และดูหน้าไม่อายมากขนาดไหน ก็ยังมีเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเอง
เธอถูกเขาปฏิเสธเด็ดขาดก็ควรจะเลิกโง่หน้ามืดสักที สัมปันนีผุดลุกขึ้น ใช้สองมือเกาะโต๊ะไม้ไว้เพื่อพยุงกายที่ซวนเซจะล้มลงอย่างหมดแรงทุกเมื่อ หญิงสาวพยายามยิ้มทั้งน้ำตา ยิ้มไม่ถือสา พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ไม่ว่าคนตรงหน้าจะเป็นเพื่อน หรือใครที่หน้าเหมือนเพื่อนเธอ...ก็ยังอยากให้เขาสบายใจที่สุด
“ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างมันจะจบลงตรงนี้ สบายใจได้” เมื่อไปถึงหน้าร้าน สัมปันนีจับมือตรงที่จับค้างไว้ เฮือกสุดท้ายเธอยังแอบหวังว่านวีนจะเรียก และรั้งเธอ แต่สุดท้ายก็ยังเงียบกริบ เธอจึงฝืนใจยิ้มให้เขาอีกครั้ง พูดออกมาเสียงสั่น “ขอบคุณ...และขอโทษ”
ขอบคุณที่ทำให้เธอรักเขาหมดใจ...ขอโทษที่ทำให้เขาผิดหวังกับความรู้สึกของเธอ
นวีนยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม การมาด้วยเรื่องด่วนของสัมปันนีทำให้เขาคล้ายตกจากที่สูง เขาเองก็หลบซ่อน และทำตาบอดกับสิ่งที่สัมปันนีแสดงออกมาตลอด ไม่อยากรับรู้ และลึกๆ เขาก็ตกใจเมื่อความรู้สึกหนึ่งกำลังกัดกร่อนเขาหลังลับแผ่นหลังของสัมปันนี...ความกลัว จากนี้จะเป็นอย่างไรหากไม่มี ‘เพื่อน’ อย่างนี้อยู่ข้างกายเช่นทุกครั้ง
.........................................................
มาช้ากว่าวันศุกร์ T^T ตัดสินใจเก็บตอนหน้าไว้ก่อน เพื่อความต่อเนื่องของอารมณ์ค่ะ ยิ้มหวาน ตอนนี้นวีนเอาระเบิดมาหย่อนแล้วเนอะ
คุณ konhin ตอนที่แล้วน่ารัก มาตอนนี้อาลัวอาจน่ารักไม่ออกนะคะ น้ำตาแตกเป็นปี๊บๆ
คุณ ใบบัวน่ารัก อารมณ์นวีนตอนนี้ของไม่หายและไม่อยากได้คืนด้วยค่ะ ใจร้าย
คุณ ปอกะเจา บอสไปไหนเน้อ แหะๆ เก็บไว้ตอนหน้าค่ะ มาแน่ๆ เขียนเสร็จไปครึ่ง แต่ขอกั๊ก ยิ้มเจ้าเล่ห์ อาลัวเอื่อยสุดๆ ค่ะ ความรู้สึกช้า คิดช้า ลืมช้า
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ เจ้ช่อคงช่วยน้องไม่ได้ค่ะ ยังเพิ่มผงเข้าตาเข้าไปอีกกระบุง อีนางเอ้ยเจ็บซ้ำๆ อีกแล้ว
ตอนหน้าจะมาแบบด่วนๆ นะคะ เจอกันแน่ๆ ยิ้มหวานนน ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ทุกคนที่ถูกใจ และทุกคนที่แสดงความเห็นนะคะ ^^
ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ส.ค. 2558, 00:56:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ส.ค. 2558, 01:05:39 น.
จำนวนการเข้าชม : 1491
<< บทที่ 10 : ขายความลับเจ้านาย | บทที่ 12 : เลิกซื่อ >> |
Kim 15 ส.ค. 2558, 01:34:15 น.
ไม่ต้องแคร์ละคนอย่างนวีนน่ะ อุตส่าห์มีคนแอบรักยังไปว่าเขาอีก เราควรจะขอบคุณที่เขามีความรู้สึกดีๆให้กับเรา สะบัดบ๊อบเลยอาลัว ครั้งหน้าเจอกันควงพี่เอื้อยมาโชว์เลยนะ
ไม่ต้องแคร์ละคนอย่างนวีนน่ะ อุตส่าห์มีคนแอบรักยังไปว่าเขาอีก เราควรจะขอบคุณที่เขามีความรู้สึกดีๆให้กับเรา สะบัดบ๊อบเลยอาลัว ครั้งหน้าเจอกันควงพี่เอื้อยมาโชว์เลยนะ
konhin 15 ส.ค. 2558, 07:00:53 น.
กำลังพยายามทำความเข้าใจ ว่าอาลัวผิดตรงไหน เคยสัญยิงสัญญากันหรือยังไงว่าจะไม่รักมากกว่าเพื่อน? ทำเหมือนฆ่าพ่อแม่ตาย แต่ก็ดี บางที แผลที่เราคิดว่าใส่ยาแบบหลบๆซ่อนๆอาจจะแรงไม่พอ ต้องโดนมีดผ่าตัดเฉือน อ้อ นายนวีนอย่าคิดแม้แต่จะกลับไปขอโทษหล่ะ ทำซะขนาดนี้
กำลังพยายามทำความเข้าใจ ว่าอาลัวผิดตรงไหน เคยสัญยิงสัญญากันหรือยังไงว่าจะไม่รักมากกว่าเพื่อน? ทำเหมือนฆ่าพ่อแม่ตาย แต่ก็ดี บางที แผลที่เราคิดว่าใส่ยาแบบหลบๆซ่อนๆอาจจะแรงไม่พอ ต้องโดนมีดผ่าตัดเฉือน อ้อ นายนวีนอย่าคิดแม้แต่จะกลับไปขอโทษหล่ะ ทำซะขนาดนี้
kaelek 15 ส.ค. 2558, 08:47:45 น.
ไหนนวีนมองว่าครอบครัวของอาลัว คือครอบครัวของตัวเอง แล้วทำแบบนี้จะยังกล้าเข้าไปหาครอบครัวอยู่มั้ย#พี่เอื้องคะ ไหล่พี่จะได้ใช้แล้วนะ
ไหนนวีนมองว่าครอบครัวของอาลัว คือครอบครัวของตัวเอง แล้วทำแบบนี้จะยังกล้าเข้าไปหาครอบครัวอยู่มั้ย#พี่เอื้องคะ ไหล่พี่จะได้ใช้แล้วนะ
ปอกะเจา 15 ส.ค. 2558, 08:58:30 น.
เฮ้ย ไม่คิดว่าปฏิกิริยาของนวีนจะออกมาแบบนี้ แต่ก็เข้าใจอะนะว่าคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากครอบครัว คงอยากให้ความสัมพันธ์แบบเพื่อนยืนยาว แต่อาจลืมสำรวจใจตัวเองไปว่าแท้จริงแล้วรู้สึกอย่างไรกับอาลัว อีกอย่างความรักมันห้ามกันไม่ได้ ใครจะอยากรักเพื่อนสนิทตัวเอง งานนี้นวีนผิดเต็มๆ นะจ๊ะ และหลังจากนี้เส้นทางของทั้งคู่คงจะกลับมาบรรจบไม่ได้แล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี 555555 บอสได้เวลาออกโรงดูแลรักษาหัวใจสาวน้อยน่ารักของเราแล้วล่ะ บอสลุยยยยยย #ทีมบอส
เฮ้ย ไม่คิดว่าปฏิกิริยาของนวีนจะออกมาแบบนี้ แต่ก็เข้าใจอะนะว่าคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากครอบครัว คงอยากให้ความสัมพันธ์แบบเพื่อนยืนยาว แต่อาจลืมสำรวจใจตัวเองไปว่าแท้จริงแล้วรู้สึกอย่างไรกับอาลัว อีกอย่างความรักมันห้ามกันไม่ได้ ใครจะอยากรักเพื่อนสนิทตัวเอง งานนี้นวีนผิดเต็มๆ นะจ๊ะ และหลังจากนี้เส้นทางของทั้งคู่คงจะกลับมาบรรจบไม่ได้แล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี 555555 บอสได้เวลาออกโรงดูแลรักษาหัวใจสาวน้อยน่ารักของเราแล้วล่ะ บอสลุยยยยยย #ทีมบอส
ปิ่นนลิน 15 ส.ค. 2558, 18:17:23 น.
ไม่ชอบนวีนเลย วีนสมชื่อ
คือว่า อาลัวก็ไม่ผิดไหม อาลัวก็ไม่บอกนายปะ ไม่ได้ทำให้นายอึดอัดปะ นายอึดอัดของนายเองนะ
อาลัวเลิกเวิ่นเว้อกะนายวีนได้แล้ว พี่เอื้องน่ารักกว่าเยอะ
ไม่ชอบนวีนเลย วีนสมชื่อ
คือว่า อาลัวก็ไม่ผิดไหม อาลัวก็ไม่บอกนายปะ ไม่ได้ทำให้นายอึดอัดปะ นายอึดอัดของนายเองนะ
อาลัวเลิกเวิ่นเว้อกะนายวีนได้แล้ว พี่เอื้องน่ารักกว่าเยอะ
นักอ่านเหนียวหนึบ 15 ส.ค. 2558, 22:45:59 น.
อ่านตอนแรกไม่เข้าใจเลยว่า นวีนจะโกรธไรหนักหนา แต่พออ่านๆ ลงมา อ่ออ คนไม่ศรัทธาในความรักสินะ อืมม มันช่างเปราะบางและละเอียดอ่อน พอกันทั้งคู่จริงๆ พี่จุ้นนี่ก็จุ้นจ้านวุ่นวายจิงๆ แต่ก็ดีให้อาลัวได้อกหักกลัดหนองเต็มๆ ซะที จะได้ไม่เหลือเผื่อใจอีก
อ่านตอนแรกไม่เข้าใจเลยว่า นวีนจะโกรธไรหนักหนา แต่พออ่านๆ ลงมา อ่ออ คนไม่ศรัทธาในความรักสินะ อืมม มันช่างเปราะบางและละเอียดอ่อน พอกันทั้งคู่จริงๆ พี่จุ้นนี่ก็จุ้นจ้านวุ่นวายจิงๆ แต่ก็ดีให้อาลัวได้อกหักกลัดหนองเต็มๆ ซะที จะได้ไม่เหลือเผื่อใจอีก