ในอ้อมกอด...มังกรสายฟ้า...
เรื่องราวการเดินทางเพื่อเยียวยาหัวใจ ของผู้หญิงที่ดื้อรั้นและพยศกว่าม้าป่า รักอิสระกว่าอินทรี และเปราะบาง...กว่าตุ๊กตาแก้ว...

หากอัญญาคืออินทรีจากลุ่มเจ้าพระยา ปีกเธอหักแล้วด้วยความรัก หัวใจเธอสลายแล้วด้วยความทรมาน ใครจะเยียวยาได้นอกจากตัวเธอ

หากทาชิคือมังกรสายฟ้าแห่งหิมาลายา ดวงตาเขามั่นคงเพียงภาพเธอ กรงเล็บนั้นมีไว้เพื่อปกป้องเพียงหัวใจเธอ

หลับเถอะคนดี...หลับใหลในอ้อมกอด...มังกรสายฟ้า...
Tags: ภูฏาน มังกรสายฟ้า การเดินทาง ความรัก ศัลยแพทย์

ตอน: Bhutanese Archery

โรงแรมที่พักในคืนนี้ตั้งอยู่บนเขาลูกหนึ่งในเมืองพูนาคา เมื่อมองออกไปด้านหน้าจะแลเห็นตัวเมืองกว้างใหญ่ที่พาดผ่านด้วยถนนคดเคี้ยว สลับกับเทือกเขาเขียวขจี สวยงามจนอรรัมภาจุปากชมอย่างพึงพอใจ

“สวยมาก”

“ค่ะ...เช้า ๆ คงอากาศดีนะคะ”

พนักงานสาวในชุดคีร่ามารับกระเป๋าขึ้นไปเก็บที่ห้อง เนมาบอกว่าอาหารเย็นจะตั้งที่ห้องอาหารเมื่อเวลาทุ่มครึ่ง

ฝนตกมาเพียงไม่นานก็หยุด หยาดฝนเม็ดเล็กำให้พื้นดินไม่เปียกมากนัก แต่กลับพาไอเย็นจาง ๆ โอบล้อมไปทั่วบริเวณแบบที่อัญญาชอบนัก หญิงสาวตั้งใจว่าหลังเก็บของ ล้างหน้าล้างตาเรียบร้อยแล้วจะออกมานั่งเล่นหน้าโรงแรม เพราะวันนี้ที่ตั้งของรีสอร์ทแยกออกมาอยู่บนเขาห่างจากชุมชนมาก

ทาชิเดินเข้ามา ชี้ที่ออกไปด้านนอก “เพิ่งหกโมง ฟ้ายังไม่มืดมาก...คุณยังอยากยิงธนูอยู่ไหม”

“คะ...”

“ไปยิงธนูไหมครับ” เขาย้ำคำถาม “คุณจะชวนคุณอรไปด้วยก็ได้”

อัญญานิ่งคิดเพียงครู่ การมาเที่ยวสำหรับเธอแล้วก็เป็นการหาประสพการณ์ในชีวิต เมื่อมีแนวโน้มจะมีกิจกรรมน่าสนใจ ก็ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธ หญิงสาวเดินไปพูดคุยกับเพื่อนร่วมคณะ

“พี่ ๆ คะ เดี๋ยวทาชิจะพาไปยิงธนู มีใครสนใจไหมคะ”

คุณปรีชาและคุณนิภาส่ายหน้าทันที “พี่ขอพักก่อนดีกว่าค่ะ เริ่มหิวแล้ว”

“พี่อรล่ะคะ” เธอมองรุ่นพี่สาวตาปรอยกึ่งออดอ้อน ความเป็นลูกสาวคนเดียวทั้งคู่ เมื่อมาอยู่ใกล้กันจึงต่างยึดอีกฝ่ายเป็นพี่เป็นน้องไปแล้วจริง ๆ
อรรัมภามองมารดา ก่อนส่ายหน้าช้า ๆ “พี่ขอตัวดีกว่า ไม่อยากทิ้งแม่ไว้คนเดียว”

“อรไปเที่ยวกับน้องก็ได้นะลูก จะได้ไปเป็นเพื่อนน้อง”

“ไม่เป็นไรค่ะ...อัญไปกับทาชิก็ได้ค่ะ” อัญญาบอกอย่างเกรงใจ

“ดูแลตัวเองดี ๆ นะ” รุ่นพี่สาวบอก

อัญญาเพิ่งทราบจากทาชิว่าวันนี้เนมาและคนขับรถจะพักที่โรงแรมด้วย ชายหนุ่มวานให้คนขับรถขับรถพาไปที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากโรงแรมไม่ไกล

“บ้านพ่อแม่ผมเอง เดี๋ยวลงไปยืมรถขับไปนะครับ”

“รบกวนคุณจริง ๆ ขอโทษด้วยนะคะ” เธอบอกอย่างเกรงใจ

ทาชิคลี่ยิ้ม “ผมยินดี...”

ชายหนุ่มบอกให้คนขับรถกลับไปที่โรงแรมก่อน อัญญาจึงลงมายืนอยู่หน้าบ้านพร้อมกับเขา ทาชิผลักประตูเข้าไปภายใน บ้านทรงแปดเหลี่ยมกรุกระจกดูทันสมัย พื้นปูด้วยไม้สีเหลืองอ่อนสวยงาม

หญิงสาวเดินตามเขาเข้าไปภายใน เสียงพูดคุยดังแว่วออกมา ทาชิพาเธอเดินไปที่ห้องด้านขวามือซึ่งจัดเป็นห้องนั่งเล่น โซฟาตรงกลางมีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้ว เมื่ออัญญาเดินเข้าไปเธอก็ต้องร้องเบา ๆ

“อ้าว...พี่โมซา” เธอเผลออุทานเป็นภาษาไทย

“น้องอัญ...” ชายหนุ่มเงยหน้าจากหนังสือมามองรุ่นน้องสาว “วันนี้มาพูนาคาเหรอ”

“ค่ะ...ไหนพี่โมซาบอกว่าอยู่ไกลไม่ใช่เหรอคะ พูนาคาไม่ได้ไกลจากพาโรหรือทิมพูมากเสียหน่อย” เธอย่นจมูก หรี่ตามองรุ่นพี่หนุ่ม “กลัวอัญมากวนเหรอคะ”

โมซาหัวเราะ “พี่ไม่ได้อยู่ที่พูนาคา...วันนี้แวะมาที่บ้านเฉย ๆ เดินทางตั้งแต่เช้า เพิ่งมาถึงนี่ล่ะ”

“โหย...อย่างนั้นคงไกลจริง เหนื่อยไหมคะ” เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาข้างรุ่นพี่หนุ่มอย่างคุ้นเคย

“นิดหน่อยครับ จริง ๆ ก็ชินแล้วนะ พี่กลับบ้านอย่างนี้ทุกอาทิตย์น่ะ แล้วนี่...วันนี้ไปเที่ยวไหนมาบ้างล่ะ” ท่าทางและคำพูดของรุ่นพี่หนุ่มยังสุภาพ อ่อนโยน ตามสไตล์ผู้ชายอบอุ่นที่เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากพยาบาลและรุ่นน้องสาว ๆ ได้เสมอ

อัญญาหัวเราะเมื่อคิดถึงช่วงเวลาในโรงพยาบาล เธอเล่าถึงการเดินทางเป็นภาษาไทยด้วยความคุ้นชิน ลืมไปเลยว่ามีผู้ชายที่ไม่รู้ภาษาไทยอีกคนอยู่ด้วย จนทาชิกระแอมเบา ๆ นั่นล่ะ หญิงสาวจึงหันไปมองชายหนุ่ม

เธอเปลี่ยนมาใช้ภาษอังกฤษที่ทุกคนเข้าใจกันได้ “เอ้อ...ทาชิบอกว่าจะพาอัญไปยิงธนูล่ะค่ะ”

โมซามองหน้าน้องชาย “อ้อ...น่าสนุกนะ”

“ผมมายืมรถ พี่จะไปด้วยกันไหม”

“เอาสิ” โมซาลุกขึ้นยืน “เดี๋ยวเข้าไปบอกแม่สักหน่อย ไปยิงธนูแล้วพาน้องอัญกลับมากินข้าวด้วยกันนะ”

โมซาพาหญิงสาวเดินเข้าไปด้านในพร้อมทาชิ ส่วนที่กั้นเป็นครัวเปิดออกสู่ด้านหลังบ้าน ทำเป็นชานยื่นเข้าไปบนผาชัน มีระเบียงกว้างและโต๊ะสำหรับนั่งเล่นอยู่ไม่ไกล

“บ้านสวยมากนะคะ”

“เราเพิ่งปรับปรุงเมื่อไม่กี่ปีก่อน พ่ออยากให้ทันสมัยมากขึ้น เผื่อลูกชายจะขยันกลับบ้านบ้าง” โมซาอธิบายกลั้วหัวเราะ

อัญญาอมยิ้ม “ได้ผลไหมคะ”

“ไม่ครับ” เขาหันไปมองน้องชาย “เราก็ยังทำงานเหมือนเดิม กลับบ้านเมื่อมีเวลาเหมือนเดิม”

“จริง ๆ แล้วพ่อปรับไว้เผื่อจะมีผู้หญิงสนใจมาอยู่เป็นสะใภ้บ้านนี้ต่างหาก” เสียงแหลมดังขึ้นพร้อมการปรากฏตัวของสตรีวัยกลางคนในชุดคีร่าสีฟ้าอ่อน ใบหน้าสูงวัยยังเหลือเค้าความงามของวันวาน ดวงตาคมจัดมองที่อัญญาอย่างพิจารณา

หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้ เอ่ยเป็นภาษาไทยนุ่มนวล “สวัสดีค่ะ”

“แม่ นี่น้องอัญครับ” โมซาเอ่ยแนะนำ “รุ่นน้องผมที่เมืองไทย เธอมาเที่ยวที่นี่ ผมเลยฝากให้ทาชิช่วยดูแล”

นายหญิงของบ้านคลี่ยิ้มบาง เดินเข้ามาหยุดตรงหน้าอัญญา “ผู้หญิงไทยน่ารักเรียบร้อยทุกคนหรือเปล่า”

อัญญาหัวเราะคิก “แบบอัญนี่...อาจารย์เรียกหลายอย่างเลยค่ะ ตั้งแต่จอมซน ตัวแสบ เด็กสร้างบ้าน”

เธอเลิกคิ้วมอง “เด็กสร้างบ้าน...”

“ที่เมืองไทยใช้เรียก...พวกเด็กเกเร หัวขบถนิด ๆ มั้งคะ” อัญญาอธิบาย เรียกเสียงหัวเราะเบา ๆ จากเจ้าบ้าน

“ผมจะพาอัญญ่าไปสนามธนูน่ะครับ” ทาชิบอกมารดา เธอนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนถอยมามองชุดเสื้อยืดคอเต่าสีฟ้ากับกางเกงขายาวที่อัญญาสวมอยู่

“อากาศเริ่มเย็นแล้ว เอาผ้าคลุมสักหน่อยดีกว่าไหม” เธอบอก “ทาชิขึ้นไปหยิบผ้าคลุมให้น้องสิ ฝนเพิ่งหยุด ออกไปเที่ยวเย็น ๆ เดี๋ยวจะไม่สบาย”

“หนูอัญมานั่งเล่นกับแม่ก่อนเถอะ อยู่ที่โน่นเป็นอย่างไรบ้าง โมซาแกล้งหนูหรือเปล่า” เธอดันไหล่อัญญาให้เดินกลับไปที่ห้องรับแขก

“ไม่เลยค่ะ พี่โมซาน่ารักมาก เป็นหมอ และเป็นรุ่นพี่ที่ดีมากเลยค่ะ” เธอตอบตามตรง โมซาอมยิ้มมองมารดาที่เหลือบมองเขาอย่างพึงพอใจ

เธอนั่งคุยกับมารดาของโมซาและทาชิอยู่ครู่ใหญ่ ร่างสูงของนายทหารหนุ่มก็เดินกลับเข้ามาในห้อง พร้อมผ้าคลุมไหล่สีขาว เนื้อหนา

“ยินดีต้อนรับสู่พูนาคานะ” เจ้าบ้านรับผ้าคลุมจากบุตรชายมาคลี่ออก คลุมไหล่ให้อัญญา แล้วจับปลายมาผูกเป็นปมหลวม ๆ

“ไปเถอะ...เดี๋ยวแม่เตรียมข้าวไว้ให้”

“ขอบคุณนะคะ” เธอเอ่ยบอกแล้วยกมือขึ้นไหว้ลาผู้สูงวัยกว่า

โมซาเปิดประตูให้รุ่นน้องสาวก้าวขึ้นไปนั่งที่นั่งหลังรถ เขานั่งข้างคนขับคู่กับทาชิ


เมื่อไปถึงสนามธนู พระอาทิตย์ยังไม่อ่อนแสงมากนัก แม้เป็นเวลาเย็นใกล้ทุ่มเต็มที ทาชินำอัญญาไปหน้าลานดินกว้าง มีผู้คนยืนห่าง ๆ กันอยู่ไม่มากนัก ไกลออกไปเป็นเป้าธนูที่เห็นเพียงแผ่นไม้ไกลลิบตา

“เราตั้งเป้าห่างไปประมาณ 100 เมตร แต่ปกติถ้าแข่งในงาน เราใช้ประมาณ 120-150 เมตร” โมซาบอกขณะที่ทาชิหยิบคันธนูขึ้นมาโก่งสายทดสอบแรง “ในการแข่งขัน เราจะแบ่งเป็น 2 ทีม ทีมละ 11 คน ผลัดกันยิงเข้าเป้า ใครได้คะแนนตามที่กำหนดไว้ก่อน ทีมนั้นคือผู้ชนะ”

“โห...นี่ดัดแปลงมาจากฟุตบอลผสมวอลเล่ย์บอลหรือเปล่าคะ กติกานี้” สาวไทยอดล้อไม่ได้

ทาชิยกคันธนูขึ้น โก่งสายออกแล้วปล่อยลูกธนูให้วิ่งออกไป อัญญามองตามตาโตอย่างสนใจ ก่อนจะตวัดสายตาไปมองเป้าธนู โมซาปรบมือเบา ๆ ให้น้องชาย

“ยังฝีมือดีเหมือนเดิม”

“พี่ล่ะครับ” ชายหนุ่มส่งคันธนูให้ โมซารับมาลองสาย ก่อนจะหยัดตัวตรง วางเท้าข้างหนึ่งไปด้านหน้า โก่งสายธนูยิงออกไป

อัญญามองตามแล้วกระพริบตาปริบ ๆ โมซาส่งคันธนูให้อัญญา “น้องอัญสนใจไหม”

“สนน่ะสนอยู่ค่ะ แต่อัญไม่เคยยิงธนู”

“ไม่ยาก ลองดูสิ” ทาชิรับคันธนูจากพี่ชายมาส่งให้อัญญา “คุณมายืนตรงนี้ แยกเท้าซ้ายไปด้านหน้ากระจายแรง ตั้งตัวให้ตรง ยกคันธนูขึ้น”

เขาเดินมาด้านหลังเธอ ดันไหล่หญิงสาวให้เหยียดออก แล้วยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง ยกมือหนึ่งจับมือเธอเพื่อจับคันธนู อีกมือจับสายธนูให้โก่งออก อัญญารู้สึกถึงความใกล้ชิดจนแทบรู้สึกถึงลมหายใจของคนที่อยู่ข้างหลัง เธอแทบไม่รู้ว่าลูกธนูพุ่งออกไปได้อย่างไร เมื่อได้สติอีกครั้ง ที่เป้าธนูห่างออกไปก็มีธนูดอกที่สามปักอยู่แล้ว

“เห็นไหม ไม่ยาก” ทาชิบอกหน้าตาเฉย ขณะที่อัญญายังยืนนิ่ง เรียกสติให้ตัวเอง

เธอหยิบลูกธนูขึ้นมา โก่งคันธนูอีกครั้ง คราวนี้ลูกธนูลอยไปปักอยู่บนพื้น ไม่ไกลจากเป้านัก

“คุณยิงได้ดีแล้ว แต่กดคันธนูต่ำไป ออกแรงน้อยไป”

“แค่นี้ก็ปวดมือแล้วค่ะ ต้องออกแรงจากไหล่เยอะมากนะคะ” อัญญาส่งคันธนูให้ทาชิ ยกมือนวดไหล่ตัวเองเบา ๆ

โมซาหัวเราะ “แค่นี้มาบ่น ตอนถือรีแทรกเตอร์ในโออาร์ พี่ไม่เห็นอัญบ่นเลย” เขาหมายถึงเวลาเธอจับเครื่องมือช่วยผ่าตัด

อัญญาย่นจมูกใส่รุ่นพี่หนุ่ม “แหม...กว่าจะนิ่งได้ขนาดนั้น อัญต้องยกเวจ ฝึกโยคะฟลาย แถมหัดต่อยมวยก็เพื่อถือรีแทรกเตอร์นี่ล่ะค่ะ”

“พี่ว่า...หาเรื่องหนีเที่ยวมากกว่านะ” โมซาบอกอย่างรู้ทัน

สองหนุ่มผลัดกันยิงธนูและสอนอัญญาจนหญิงสาวสามารถยิงได้เข้าเกือบกลางเป้า

ฟ้าเริ่มมืด ทาชิเก็บของแล้วขับรถพาพี่ชายกับอัญญากลับมาที่บ้าน หน้าบ้านมีรถยนต์คันหนึ่งจอดอยู่ก่อนแล้ว โมซาหันมาบอกทาชิ “พ่อกลับมาแล้ว”
เมื่ออัญญาก้าวเข้าไปในบ้านของสองหนุ่มอีกครั้ง ก็พบกับชายสูงวัยที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนั่งเล่น เขาเงยหน้ามองเมื่อบุตรชายทั้งสองเดินเข้าไป

“พ่อก็ว่าทำไมวันนี้ฝนตก ลูกชายพ่อกลับบ้านพร้อมกันนี่เอง”

“พ่อครับ นี่อัญญา รุ่นน้องผม...” โมซาผายมือแนะนำตัวหญิงสาว อัญญายกมือไหว้พร้อมรอยยิ้มอ่อน ๆ

“สวัสดีค่ะ”

“สวัสดีครับ” เขาลุกขึ้นยืน เอ่ยรับเป็นภาษาไทยสำเนียงแปร่ง ๆ อัญญายิ่งยิ้มกว้างอย่างปลื้มใจ

“หิวไหม...โมซากับทาชิพาไปซนเสียไกล” ไม่ว่าเมื่อไร สำหรับคนเป็นบิดาก็ยังเห็นลูกชายเป็นเด็กน้อยเสมอ

“สนุกดีค่ะ” อัญญายิ้มหวาน “อัญเพิ่งเคยยิงธนู ใช้แรงมากเหมือนกันนะคะ”

“ธนูเป็นกีฬาที่ต้องผสานทั้งแรงกายและใจ หนูต้องใช้ทั้งแรงกายที่ดี และสมาธิที่ตั้งมั่น” เขาหันมาบอก เมื่อดึงเก้าอี้ให้เธอนั่งที่โต๊ะอาหาร

อัญญาอมยิ้ม ไม่นานอาหารก็ถูกยกมาตั้งที่โต๊ะ หญิงสาวสนทนากับครอบครัวของโมซาอยู่นาน เมื่อมื้ออาหารเสร็จสิ้นลง ทาชิก็ลุกขึ้นยืน เดินไปที่
เหยือกกาแฟบนโต๊ะมุมห้อง

“พ่อทานกาแฟดำเหมือนเดิมนะครับ” ชายหนุ่มยกถ้วยกาแฟมาให้บิดา แล้ววางถ้วยชาลงที่หน้ามารดา อัญญามองการปฏิบัตินั้นอย่างชื่นชม ร่างบาง
ลุกขึ้นเดินตามทาชิไปที่มุมกาแฟ

“พี่โมซารับอะไรดีคะ เดี๋ยวอัญช่วยนะ”

“พี่ขอกาแฟดำ น้ำตาลสองช้อนครับ”

หญิงสาวรับถ้วยกาแฟจากทาชิมาวางตรงหน้าโมซา เธอกำลังจะหันกลับไป ทาชิก็เดินเข้ามาพร้อมถ้วยกาแฟสำหรับเธอและตัวเขาเอง

“อัญญ่าดื่มกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล” เขามองหน้าเธอราวจะถาม อัญญายิ้มรับ พยักหน้าเอ่ยขอบคุณ

หญิงสาวนั่งเล่นอยู่ที่บ้านของรุ่นพี่หนุ่มอยู่นาน จนเริ่มดึก ทาชิมองนาฬิกาที่บอกเวลาใกล้สามทุ่ม แล้วเอ่ยเตือน

“ดึกมากแล้ว อัญญ่าอยากกลับหรือยัง”

อัญญามองนาฬิกา เพิ่งรู้สึกว่าเวลาล่วงเลยมามาก “ตายจริง...คุยสนุกจนลืมเวลา อัญคงต้องขอตัวแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณมากนะคะ อาหารอร่อยมากจริง ๆ ค่ะ”

เจ้าบ้านฝ่ายหญิงลุกขึ้นมากอดลา “ถ้าชอบก็มาอีกบ่อย ๆ นะลูก บ้านนี้ยินดีต้อนรับหนูเสมอ”

“ขอบคุณค่ะ...” เธอกอดตอบ แล้วเอียงแก้มแตะแนบแก้มของผู้สูงวัยกว่า ก่อนผละตัวออกมา ยกมือไหว้ลาผู้ใหญ่ทั้งสองอีกครั้ง

โมซาลุกขึ้นจากโต๊ะ “เดี๋ยวพี่ไปส่งเองก็ได้ ทาชิไปพักเถอะ”

“พี่ขับรถมาเหนื่อย ๆ ผมไปเองดีกว่า”

คนเป็นพี่ชายนิ่งไปครู่ ก่อนบอก “ไปด้วยกันแล้วกัน นายจะได้มีเพื่อนนั่งรถกลับ”

สองหนุ่มมาส่งอัญญาที่โรงแรม ไฟห้าล็อบบี้ยังเปิดสว่างไสว ตรงโซฟาด้านหน้ามีคณะทัวร์ชาวไทยนั่งรวมกลุ่มคุยอยู่กับเนมา ท่าทางกำลังสนุก
“อัญกลับมาแล้วค่ะ เล่นอะไรกันอยู่คะ”

อรรัมภามองแล้วบอก “พี่ปรีชาเล่นกลไม้จิ้มฟันน่ะ ใช้ไม้จิ้มฟันสองอันนี้วางช้อนลงบนปากแก้วไม่ให้หล่น อัญจะลองดูไหม”

อัญญาทำตาโต ส่ายหน้าเร็ว ๆ “ไม่ไหวล่ะค่ะ เรื่องทริคแบบนี้อัญไม่มีหัวเอาเสียเลย” แล้วหญิงสาวก็หันมาผายมือแนะนำโมซาให้ทุกคนรู้จัก

“นี่รุ่นพี่โมซาค่ะ พี่ชายคุณทาชิ รุ่นพี่ของอัญที่เล่าให้ฟังไงคะ”

นายแพทย์หนุ่มยกมือไหว้เอ่ยสวัสดีอย่างไม่ขัดเขิน ก่อนที่เขาจะขอตัวออกมา อัญญาเดินตามมาส่งสองหนุ่มที่รถ โมซาหยุดนั่งเล่นที่ม้านั่งไม้ด้านหน้า คุยกับรุ่นน้องสาว โดยมีทาชิเดินเล่นอยู่ไม่ไกลนัก

“ชอบที่นี่ไหม”

“ชอบสิคะ...เมืองสงบและน่าอยู่มากเลยค่ะ” อัญญาเอนตัวไปด้านหลัง เท้าแขนกับเก้าอี้นั่ง เงยหน้ามองฟ้า “อัญชอบชีวิตเรียบ ๆ ไม่ต้องวุ่นวาย ไม่ต้องกังวลกับโลก...เหมือนเวลาไหลไปช้า ๆ เป็นชีวิตที่ดีนะคะ”

หญิงสาวหันมามองหน้ารุ่นพี่หนุ่ม “อัญเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่โมซาไม่ยอมอยู่ที่โน่น”

“อย่าคิดหนีมาอยู่ที่นี่เชียวนะ อาจารย์ป๋าของอัญได้มากินหัวพี่แน่” ชายหนุ่มบอกกลั้วหัวเราะ อัญญาทำหน้างอ บ่นอุบว่าเขารู้ทัน

โมซาถอนใจเบา ๆ มองหน้ารุ่นน้องสาวที่นั่งอยู่ข้างตัวอย่างสนใจ อัญญาไม่ใช่ผู้หญิงสวยจัด แต่แววตามุ่งมั่น และรอยยิ้มจริงใจของเธอทำให้ใครหลายคนหลงรักได้ไม่ยาก

“ทาชิดูแลอัญดีไหม”

“ดีมากจนอัญเกรงใจเลยล่ะค่ะ” เธอยิ้มบาง ๆ “จริง ๆ แล้ว อัญไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนพี่โมซาหรือทาชิ แต่อาจารย์คงห่วง...พี่โมซาก็ทราบใช่ไหมคะ ว่าอัญดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องรบกวนทาชิจะดีกว่า”

“อย่ากังวลเลย พี่เชื่อว่าทาชิเต็มใจ”

“เมื่อวานที่เจอกัน เขาทำหน้าเหมือนถูกบังคับเลยนะคะ ท่าทางหงุดหงิดเชียว” อัญญาฟ้อง ก่อนฉีกยิ้มหวาน “จริง ๆ นะคะ พี่โมซาก็รู้ว่าอัญดูแลตัวเองได้”

ชายหนุ่มพยักหน้ารับ “พี่รู้...แต่พี่ก็อยากให้น้องพี่พักบ้าง รู้ไหม...ทั้งอัญและทาชิน่ะ บ้างานพอ ๆ กัน”

อัญญาเบะปากใส่รุ่นพี่หนุ่ม “พูดอย่างพับพี่โมซาไม่บ้างานล่ะค่ะ”

“พี่รู้ว่าเมื่อไรควรพัก เมื่อไรต้องทำงาน”

“อัญก็รู้...ถึงหนีมาเที่ยวนี่ไงคะ”

โมซายกมือโยกหัวหญิงสาวเบา ๆ อย่างเอ็นดู “พี่รู้...แต่มีคนไม่รู้”

อัญญากลอกตาไปมาอย่างเข้าใจมากขึ้น “พี่โมซาเลยหลอกทาชิมาเที่ยวกับกรุ๊ปอัญ...ใช่ไหมคะ”

“ก็ไม่ถึงขนาดนั้น” ชายหนุ่มตอบไม่เต็มเสียง “จริง ๆ ก็เป็นงานของทาชิด้วย”

“คะ...” หญิงสาวเลิกคิ้ว

โมซาถอนใจเบา ๆ “พี่ไม่ควรพูด แต่บางทีอัญอาจจะช่วยได้”

“มีอะไรที่อัญควรรู้หรือเปล่าคะ” เธอมองชายหนุ่มนิ่งอย่างรอคำตอบ

โมซาพยักหน้ารับ “อัญรู้ใช่ไหม...ทาชิเป็นทหาร”

“ค่ะ...”
“โดยตำแหน่ง...คือนายทหารราชองครักษ์ แต่โดยหน้าที่...บางครั้งก็ไม่ใช่แค่นั้น” เขาถอนใจเบา ๆ “มีบางเรื่อง...ทำให้ทาชิไม่ควรอยู่ในที่ทำงานในตอนนี้”

ความคุ้นเคยกับภารกิจของผู้เป็นบิดา ทำให้อัญญาไม่เอ่ยปากถามต่อ เธอแค่พยักหน้าช้า ๆ อย่างยอมรับ
“พี่เลยส่งเขามาลี้ภัยกับอัญ”

“ไม่ถึงขนาดนั้น” ชายหนุ่มเอ่ยกลั้วหัวเราะ “พี่ฝากทาชิด้วยนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้น...พี่คงวางใจได้ หากทาชิอยู่ในมืออัญ”
“อัญไม่รับผิดชอบชีวิตใครหรอกค่ะ”

“พี่ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น” เขาบอกด้วยรอยยิ้ม “ถ้าไม่มีอะไร ก็ถือว่าเลี้ยงแมวสักตัวแล้วกันนะ”

“ดีงาม...เป็นพี่ชายที่น่ารักจริง ๆ ”อัญญาอดประชดไม่ได้ แล้วโมซาก็ยิ้มรับหน้าตาเฉยเสียด้วย

“ขอบคุณครับ...ชมเสียพี่เขินเลย”

หญิงสาวตวัดสายตาดุ “พี่โมซาน่ะ...อัญประชดหรอกค่ะ”

แล้วสองพี่น้องร่วมสถาบันก็หัวเราะลั่นจนผีเสื้อกลางคืนที่บินอยู่ไม่ไกลถึงกับบินหนี

คืนนี้อัญญารู้สึกสนิทสนมกับรุ่นพี่มากขึ้นกว่าตอนที่เป็นรุ่นน้องวิ่งตามเขาอยู่ที่โรงพยาบาลมาก คงเพราะชายหนุ่มเป็นคนเดียวที่เธอสามารถเล่าถึงเหตุการณ์ เรื่องราวต่าง ๆ ที่สามารถเข้าใจร่วมกันอย่างง่ายดาย

โมซาบอกลาหญิงสาวที่บันไดหน้าที่พัก เขาห้ามเด็ดขาดไม่ให้เธอลงไปส่งที่รถ เพราะต้องลงบันไดผ่านลานหญ้าไปอีกไกลไม่น้อย

“พรุ่งนี้พี่ต้องกลับแต่เช้า...คงไม่ได้แวะเข้ามา”

“ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวยิ้มบอก ก่อนจะนึกได้ “เอ้อ...อัญยังไม่ได้ถ่ายรูปกับพี่โมซาเลย เดี๋ยวจะได้ส่งให้อาจารย์ดู”

หญิงสาวหยิบสมาร์ทโฟนออกมาส่งให้ทาชิ “ช่วยหน่อยนะคะ” แล้วเธอก็เดินไปยืนข้างรุ่นพี่หนุ่ม โมซายกแขนขึ้นโอบไหล่หญิงสาวเข้าไปใกล้ราวรู้ทัน
“จะส่งไปแกล้งอาจารย์ล่ะสิ”

“แหม...พี่โมซาน่ะ” เธอฉีกยิ้มกว้าง “สงสารคนแก่ขี้เหงาอยากเป็นพ่อสื่อบ้างสิคะ”

ชายหนุ่มหัวเราะ เขาเองก็พอรู้อยู่ว่าอาจารย์รักและเอ็นดูรุ่นน้องสาวมาก มากขนาดห่วงใยไปถึงทุกข์สุขและชีวิตความเป็นอยู่ราวเธอเป็นลูกสาวตัวน้อยของท่านเลยทีเดียว ส่วนอัญญาก็เป็นลูกสาวผู้น่ารักที่รู้สึกว่าการออกนอกลู่นอกทางเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบไม่เสียหายมากก็ทำให้ชีวิตมีสีสันมากขึ้น

แต่เขารู้จักอัญญาน้อยไปนิด เมื่อตากล้องนับ 1...2...เสียงชัตเตอร์ดังขึ้นแทบพร้อมกับที่อัญญาหันหน้าไป ปัดริมฝีปากที่แก้มชายหนุ่มอย่างพอดิบพอดี แล้วสองพี่น้องร่วมสถาบันก็หลุดหัวเราะออกมาพร้อมกัน

“พี่นึกหน้าอาจารย์ตอนเห็นภาพนี้ออกเลย”

“แค่คิดก็สนุกแล้วค่ะ” อัญญาหัวเราะเสียงใส “ขอบคุณจริง ๆ นะคะพี่โมซา ถ้ารู้ว่าพี่คุยสนุกแบบนี้นะ อัญแวะไปเล่นด้วยบ่อย ๆ ตั้งแต่ที่เมืองไทยแล้ว”
โมซาโคลงศีรษะ “อย่าเลย พี่ไม่อยากถูกเหมาเป็นคู่หูป่วนเมืองร่วมกับอัญหรอกนะ”

“แหม...อัญไม่ได้ป่วนขนาดนั้นเสียหน่อย” เธอหัวเราะเจื่อน ๆ รับโทรศัพท์จากทาชิมาใส่กระเป๋า แล้วโบกมือลาสองหนุ่มที่เดินกลับไปที่รถ หญิงสาวรอจนเห็นรถเก๋งคันเล็กเคลื่อนตัวออกไปแล้ว เธอจึงหมุนตัวเดินกลับไปในโรงแรม จัดการกดส่งภาพที่เพิ่งบันทึกส่งให้อาจารย์ พร้อมพิมพ์รายงานการท่องเที่ยวส่งให้ทั้งอาจารย์และมารดาที่เคารพ

--
คุณปรางขวัญ : เป็นคำอธิษฐานจิตที่ไอซ์เขียนไว้เองค่ะ

คุณคิมหันตุ์ : พาพี่โมซามาส่งเพิ่มอีกคนนะคะ



ลิขิตรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ส.ค. 2558, 18:00:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ส.ค. 2558, 18:00:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 1061





<< Punaka Zdong   I like you! >>
ปรางขวัญ 16 ส.ค. 2558, 20:16:23 น.
คุณไอซ์เขียนได้น่าอ่านมากค่ะ


คิมหันตุ์ 16 ส.ค. 2558, 21:42:38 น.
คุณทหารทาชิ ว่ายังไงหนอ?? พี่โมซ่า น่ารักดีนะคะ เหมือนจะมีอารมณ์ขัน


กาซะลองพลัดถิ่น 17 ส.ค. 2558, 02:34:57 น.
โห สนุกมากเลยคะตามอ่านตั้งแต่ตอนแรก เหมือนได้ไปเที่ยวด้วยเลยนี่ยังตามไปดูรูปในพันทิพอีก ...
นางเอกของเรื่องน่ารัก แก่นเฮี้ยว ดีคะ พี่น้องสองคนน่ารักไปคนละสไตล์ ...แต่ชอบแบบบุคคลในเครื่องแบบอย่างทาชิอ่ะคะ
เข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว แต่ดูอบอุ่น ตรง ๆ ดี .....แต่โมซาก็น่ารัก ใจดี อบอุ่น เหมาะแก่การเป็นพี่ชายดีคะ


หนูมะลิ 18 ส.ค. 2558, 19:59:03 น.
อ่านเพลินมากค่ะ น่าติดตาม ให้ทั้งสาระและบันเทิงครบเลยค่ะ
ได้ไปมาเมื่อปีที่แล้วประทับใจประเทศ+ผู้คนของที่นี่มาก เค้ารักและเทิดทูนชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ของเค้ามากๆ แล้วก็ภูมิใจและหวงแหนธรรมชาติและวัฒนธรรมของตนมากค่ะ คุณไอซ์ถ่ายทอดได้ดีมากๆ เลยค่ะ อ่านเรื่องของคุณไอซ์ไปก็นึกภาพ+ความประทับใจต่อสถานที่นั้นๆ ตามไปด้วย มีรายละเอียดหลายอย่างที่คุณไอซ์มาเพิ่มเติมให้ด้วย สุดยอดเลยค่ะ รอติดตามอยู่นะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account