ความลับ (ที่) ซ่อนเร้น .. หรือจะเป็น ความรัก!(?)
คำถาม .. ที่มีคำตอบ
แต่คำตอบ .. กลับยังคงมากมายด้วยคำถาม

เพราะนิยามในคำหนึ่งคำนั้น
แฝงเร้นซุกซ่อนไว้ซึ่งความลึกลับ
ความซับซ้อนชวนสับสน รอยยิ้มปนเปื้อนคราบน้ำตา
เล่ห์เสน่หาหวานล้ำ และพร้อมจะนำความเจ็บปวดมาให้ .. ได้ทุกเวลา

.. หากว่ามันคือ ความรักที่มากล้น จนกลายเป็น .. ความลับ ! ..
Tags: ความรัก ความลับ

ตอน: บทที่ ๑๙ .. แค่ใจน่ะ ไม่พอหรอก !



เมฆพัดพลิกโทรศัพท์มือถือเครื่องหนาในมือไปมา ทั้งที่เกือบจะเรียกได้ว่า มันตกรุ่นพ้นสมัยนิยมมาหลายปี แต่เขาก็ยังอุตส่าห์ใช้เรื่อยมาอย่างสมบุกสมบัน ฟังก์ชั่นแอพพลิเคชั่นใดๆก็ไร้ความหมายเมื่อเข้าป่าเข้าดง ซึ่งหลายๆพื้นที่เป็นพื้นที่อับสัญญาณไม่ว่าค่ายไหน เครือข่ายใดจะบอกว่าแรงก็ตาม

ชายหนุ่มที่เป็นหนึ่งในคณะวิจัยร่ำๆอยากจะโยนเอกสารตรงหน้าทิ้ง อย่างไม่อยากจะสนใจสายตาของใครอีกคนที่จับจ้องอยู่ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ตามที่คิด เพราะมันคืองานที่ลงทุนลงแรงเหนื่อยยากกันมาทั้งปี

ถึงวันนี้จะเป็นวันอาทิตย์ที่ใครหลายคนอาจได้พักผ่อนอยู่กับบ้าน แต่กับเมฆพัดเวลาเหล่านั้นไม่มีในสามัญสำนึกเท่าใดนัก สิ่งที่เขาทำอยู่แม้จะเรียกได้ว่ามันเป็นงาน หากเจ้าตัวกลับพอใจเช่นนี้ เพราะมันคือส่วนหนึ่งของชีวิตมานานแล้ว

เว้นเสียแต่หลังจากได้พบเภตราครั้งสุดท้าย เมื่อช่วงเดือนเศษที่ผ่านมา .. มีบางสิ่งคอยปลุกเร้าความรู้สึก จนรบกวนจิตใจให้เสียสมาธิอยู่ตลอด

สิ่งที่เขาคาดหวัง และภาวนาให้เกิดขึ้น!

"พัด ถ้าไม่มีแก่ใจจะทำงาน พี่ว่านายไปพักดีกว่านะ ไม่ก็ออกไปดูแปลงเพาะเลี้ยงพะยูงนู่นไป พี่ขี้เกียจมาตามแก้งานเอกสารพวกนั้น"

ทแกล้วมองอาการเหม่อลอยของหนุ่มรุ่นน้องที่พักหลังๆ จะทวีมากขึ้นทุกที จนต้องออกปากเตือนก่อนมันจะส่งผลเสียมาถึงงานที่รับผิดชอบ

รุ่นพี่อย่างเขาไม่ได้รังเกียจการตามงานอย่างปากว่า แต่ตั้งใจจะรั้งสติของเมฆพัดให้คืนมากว่าอื่น เขานึกสงสัยกับท่าทีที่รุ่นน้องคนสนิทเป็นมาร่วมเดือน ไม่แน่ว่าอาจจะก่อนหน้าด้วยซ้ำ แต่เพิ่งมาสังเกตเห็นจริงจังเมื่อไม่นาน

เมฆพัดหยุดทุกอิริยาบถของตน เหลียวหลังสบตากับทแกล้วข้ามไหล่ตัวเอง สีหน้าบอกได้ดีว่ากำลังหมกมุ่นครุ่นคิดชนิดที่ปฏิเสธไปก็ไม่มีใครเชื่อ แต่เขาก็ยังทำ ก่อนจะหันหน้ากลับมาทางเดิม ดั่งต้องการซุกซ่อนมันไว้ให้แนบเนียน

"ไม่มีอะไรหรอกพี่ เห็นตัวเลขสถิติมากๆแล้วมันปวดหัว .."

"ให้นายสรุปแผนเยี่ยมอุทยานคราวที่แล้วกับครั้งต่อไปน่ะนะ มันมีสถิติอะไร นอกจากวันเดือนปี ฮึ"

ทแกล้วแกล้งดักคอไปอย่างนั้น เพราะงานสถิติทั้งหมดอยู่ในส่วนรับผิดชอบของเมฆพัด แต่เขาอยากดูปฏิกิริยาของรุ่นน้องมากกว่า ว่าจะเป็นอย่างที่คิดหรือไม่ .. และก็ไม่พลาด

"เอ่อ วันที่เราไปทับลานเหรอครับ เดี๋ยวผมดูอีกทีก็แล้วกัน"

"เฮ้ย .. นี่เรียกว่ายิ่งกว่าไม่มีแก่ใจทำงานแล้ว แผนงานน่ะของพี่ ของนายน่ะสถิติ นายเป็นอะไรกันแน่พัด .."

คนถูกถามจึงได้อ้ำอึ้งพลางเม้มปากแน่น ระหว่างที่นั่งเงียบนิ่งขึงอยู่อย่างนั้น ดีหน่อยว่าเขาหันหลังให้อีกฝ่าย ทำให้ทแกล้วไม่ได้เห็นความผิดปกติในสีหน้าสีตาของคนที่รู้ตัวว่าพลาดไป

"นายจะพักหน่อยไหมล่ะ ที่สถานีนี่ก็ไม่มีอะไรมาก กลับบ้านไปนอนเล่นสักคืนสองคืน เผื่อจะคิดตก หรือมีเวลาไปสะสาง 'อะไรๆ'"

รุ่นพี่ที่จัดได้ว่าเป็นหนุ่มใหญ่ให้คำแนะนำ เขาเป็นห่วงรุ่นน้องคนนี้ โดยเฉพาะในระยะหลัง เมฆพัดทำตัวเหมือนประสบปัญหาบางอย่างที่พอจะมองเห็นแต่ก็ไม่ลึกซึ้งนัก และมั่นใจไม่น้อยว่า ปัญหานั้นส่งผลต่อการทำงาน เพราะการทำตัวราวกับเป็นคนไร้จิตวิญญาณ ที่ไม่รู้ว่าเจ้าตัวถอดมันทิ้งไว้ที่ไหน

ก็ได้แค่หวังว่า อย่าให้เหมือนกับตนเองเลย ที่รู้ทั้งรู้ แต่ไม่อาจเดินหน้าได้มากกว่านี้

คำสอนเตือนใจสวยหรูที่เคยยกมาอ้างให้เมฆพัดฟังอย่าง .. การพูดออกไปตรงๆตามหัวใจต้องการ ถึงจะได้สิ่งสำคัญมาครอบครอง มันตอกย้ำในใจทแกล้วเรื่อยมา เพราะสำหรับเขาไม่มีทางเป็นไปได้เลย

แต่เขากลับเชื่อว่า ถ้าเป็นเมฆพัดแล้ว ยังมีความเป็นไปได้มากกว่า

ต่างคนต่างจมจ่อมอยู่กับความเงียบ ผิดแผกกันในท่าที คนหนึ่งฟังอย่างสงบ จนอีกคนต้องถอนหายใจ อดคิดประสาผู้ใหญ่มองผู้อ่อนวัยกว่าไม่ได้

'ให้ตาย บทมันจะดื้อนี่ มันก็ดื้อได้ใจดีพิลึก'

เพราะทแกล้วไม่คาดคิดว่า คำบางคำที่เขาแนะนำออกไป ได้กระตุกความคิดของเมฆพัดอย่างจัง กระทั่งชายหนุ่มผลุนผลันลุกจากที่นั่ง หันหลังกลับรวดเร็วแล้วสาวเท้ายาวๆ เดินมาจนถึงตัวก่อนเอ่ยขึ้น

"ขอบคุณครับพี่กล้า .. งั้นวันนี้ผมขอลา อาจจะหยุดสัก ๒-๓ วัน ตามคำแนะนำของพี่ ถ้า 'สะสางอะรไๆ' เรียบร้อย ผมจะกลับมาเป็นเบ๊ให้พี่ .. ทุกอย่างเลย"

หนุ่มใหญ่วัยเกือบสี่สิบได้แต่ส่ายหัวดิก กับอาการลมเพลมพัดของคนหนุ่มกว่า แต่เอาเถอะ ถ้ามันจะช่วยให้เมฆพัดอยู่กับร่องกับรอยได้ นั่นก็ดีที่สุดแล้ว

"หวังว่า จะได้ยินข่าวดีตอนนายกลับมานะ"

ประโยคอวยพรแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ของทแกล้ว กระตุ้นหัวใจของเมฆพัให้พองโตอย่างประหลาด จนต้องข่มมุมปากไม่เผลอยกยิ้มกริ่มขึ้นมา หากแต่อารมณ์นั้นนึกครึ้มอกครึ้มใจไปไกลแล้ว

"ครับพี่ .. ผมก็รอดูอยู่และอยากให้เป็น 'ข่าวดี' อย่างที่พี่ว่าเหมือนกัน"




ตรีวธูถึงกับละมือจากถังใบเล็กกับพลั่วของเล่นที่ทำมาจากพลาสติกไว้บนกองทราย ทันทีที่เงยหน้ามองไปทางกลุ่มผู้ใหญ่ ซึ่งมีพ่อกับแม่และเภตรากำลังนั่งคุยอย่างออกรส แล้วเห็นคนที่เธอตั้งตารอคอย ก้าวตามหลังพี่ชายคนโตกับหญิงสาวเจ้าของแมวน้อยน่ารัก มาหยุดยืนในบริเวณไม่ห่างกัน

“พี่รุจน์!”

เด็กหญิงเสียงร้องเรียกดังมากพอที่จะทำให้พฤหัส ปารตี และเภตรา พร้อมใจกันมองมาที่เธอก่อนจะหันไปตามสายตา แน่นอนว่าปฏิกิริยาของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันไป

พฤหัสยิ้มกว้างให้เห็นรอยยินดีทั้งใบหน้า .. วันนี้เป็นวันที่ดีสำหรับคนเป็นพ่อจริงๆ

ปารตีปรับสีหน้าเป็นเรียบนิ่งในพริบตา .. ความขุ่นเคืองจากเรื่องที่ผ่านมา บอกได้ดีว่ามันยังไม่คลี่คลายไปจากใจ เมื่อเห็นตัวการอยู่ต่อหน้าต่อตาแต่ไม่สามารถทำอะไรได้

เภตราที่ยังไม่ทราบเรื่องราวใดๆมากนัก .. หากก็พอจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกแปลกๆบางอย่าง แต่ยังนั่งนิ่งเพื่อรอดูเหตุการณ์ตรงหน้า ที่บรรยากาศแปรเปลี่ยนไปกะทันหันเมื่อชายหนุ่มผู้ที่เธอไม่เคยรู้จัก ทว่า คุ้นๆอย่างประหลาดมายืนในตำแหน่งที่มองเห็นกันได้ชัดเจน

มีเพียงตรีวธูคนเดียวรีบร้อนลุกขึ้นยืนจากที่นั่งเล่นบนพื้นทราย แล้วออกตัววิ่งเร็วจี๋หลังสิ้นเสียงเรียกชื่อรวิรุจน์

เด็กหญิงถลาเข้าไปหาพี่ชายคนรอง พร้อมกางแขนเตรียมโอบเต็มที่ โดยลืมไปว่าตัวเองเปรอะเปื้อนเม็ดทรายทั้งมือทั้งแขน

รวิรุจน์ต้องพักความรู้สึกหงุดหงิดใครบางคนในใจเอาไว้ ยามที่น้องสาวคนเล็กวิ่งเต็มฝีเท้ามาทางเขา อย่างน้อยเขาก็ควรจะรักษาอาการให้ได้มากที่สุด

ตรีวธูโถมตัวกอดเอวรวิรุจน์ เนื่องจากความสูงของชายหนุ่มไล่เลี่ยกับวิชชุ์วิธู ทำให้ศีรษะของเด็กหญิงอยู่ระดับใต้ราวนมเท่านั้น และคนเป็นพี่ก็โอบตอบอ้อมแขนคนตัวเล็กยิ้มเอ็นดูในหน้าเพราะคำพูดของเธอ

“พี่รุจน์ .. พี่รุจน์มาจริงๆด้วย เกรซนึกว่าพี่รุจน์จะไม่มาวันเกิดเกรซซะอีก”

“พี่เคยผิดคำพูดกับเกรซหรือไง”

“ไม่ค่ะ พี่รุจน์ไม่เคยผิดคำพูด .. แค่จะบอกว่า ได้กับไม่ได้ .. เท่านั้นเอง”

น้องสาวตัวน้อยแหงนหน้าตอบ ทั้งที่ปลายคางยังคงค้ำแถวหน้าท้องของพี่ชายคนรอง นัยน์ตาเปล่งประกายสดใสฉายความสุขออกมาให้เห็น

เด็ก .. อ่านความรู้สึกง่ายกว่าผู้ใหญ่เสมอ

วูบหนึ่งในความคิดนี้ทำให้รวิรุจน์เหลือบสายตาไปยังพี่ชายของเขา ก่อนจำต้องเบือนหน้าไปทางอื่นเมื่อวิชชุ์วิธูกำลังช่วยองก์อัมพุทจัดการกับอาหารทะเลสด โดยไม่มีทีท่าจะสนใจใครเลยสักคน ยิ่งคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ด้วยแล้วละก็ ..

“พี่รุจน์คะ .. พี่รุจน์จะอยู่กับเกรซทั้งวันเลยใช่ไหมคะ”

ตรีวธูที่ยังเงยหน้ามองเขาถามอีกครั้ง เมื่อนึกขึ้นมาได้และเห็นว่ารวิรุจน์เงียบไป จนเธอเองไม่แน่ใจว่า เขาจะมาแค่ประเดี๋ยวเดียวหรือเปล่า

ชายหนุ่มก้มลงมองน้องสาว ยกมือข้างหนึ่งขึ้นวางบนศีรษะเล็กที่อุ้งมือของเขาแทบจะขยุ้มได้มิด ก่อนใช้มืออีกข้างค่อยๆเลื่อนมาที่บ่า ดันตัวเด็กหญิงเบาๆเพื่อที่จะได้ย่อกายลงให้สายตาอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน

ใจจริงๆของรวิรุจน์มันเตลิดกระเจิดกระเจิงไปไหนต่อไหนแล้ว ตั้งแต่ความจริงบางอย่างปรากฏให้เห็นตำตา

แต่ความรู้สึกไม่ยอมแพ้ก็รั้งเศษเสี้ยวบางส่วนกลับมา เพราะต้องการความมั่นใจให้มันชัดเจนกันไปเลยว่า สิ่งที่เขาคิดมันไม่มีความหวังเหลืออีกแล้ว

“ตอนแรกพี่ก็ยังไม่แน่ใจ .. แต่ตอนนี้ พี่จะอยู่ด้วยทั้งวันเลย”

“เย่ห์ .. ดีใจจังเลยค่ะ มีคุณพ่อ คุณแม่ พี่วิชชุ์ แล้วก็พี่รุจน์ .. กับพี่เภาพี่พุดด้วย .. วันเกิดปีนี้เกรซมีความสุขที่สุดเลยค่ะ”

เพราะพี่ชายหย่อนกายลงมาจนตรีวธูที่ยืนอยู่ ดูเหมือนจะสูงกว่าเล็กน้อย ทำให้เธอโผเข้ากอดคอเขาได้ถนัด จึงไม่ได้เห็นว่าสายตาที่อ่อนโยนสำหรับน้องน้อยเมื่อครู่ เปลี่ยนเป็นหรี่ชำเลืองมองไปอีกทาง




เภตราค่อยหลบฉากพาตัวเองออกมาระหว่างที่ชายหนุ่มแปลกหน้าโอภาปราศรัยกับตรีวธู ซึ่งค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า น่าจะเป็น ‘พี่ชายอีกคน’ ของเด็กหญิงผู้เป็นเจ้าของงานวันเกิด และเขายังเป็นน้องชายของวิชชุ์วิธูที่เธอไม่เคยทราบมาก่อน ทั้งๆที่อยู่บ้านติดกับ ‘ลุงหัส’ มานับสิบปี

หญิงสาวเดินมายังบริเวณที่ตั้งเตาปิ้งย่าง แต่พอเห็นเพื่อนรักช่วยกันคนละไม้คนละมือกับอดีตอาจารย์บรรณารักษ์อย่างกระหนุงกระหนิง ก็ลืมให้ความสนใจ ‘คนอื่น’ ที่เพิ่งมาถึงเสียสนิท

ลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าจะทำตัวรู้งาน หรือจะเข้าไปเป็น 'กอขอคอ' ระหว่างวิชชุ์วิธูกับองก์อัมพุท สุดท้ายเภตราก็เลือกอย่างหลัง เพราะดูท่าว่าสองคนนั้นจะทำอาหารไม่ทันกับจำนวนคนแน่ๆ

“มีอะไรให้ช่วยมั้ยพุด”

เภตราถามแบบไม่รู้ไม่ชี้ด้วยสีหน้าปั้นนิ่ง แต่ดวงตาแพรวพราวจนองก์อัมพุทที่เงยหน้ามองเพื่อนตอนถามต้องขึงตาใส่เพราะรู้ทัน

“งั้นช่วยไปเอากุ้ง ปู ปลาหมึกที่พี่วิชชุ์ทำความสะอาดแล้วมาให้ทีสิ”

“หืม .. เดี๋ยวๆ เมื่อกี้ .. แกว่าไงนะ ฉันฟังไม่ชัด .. 'พี่วิชชุ์' ใครน่ะ ”

คนเป็นเพื่อนถึงกับตาโตถามย้ำคำ แม้สิ่งที่ได้ยินจะสื่อสารจะแจ้งแล้ว แต่เพื่อความแน่ใจ เภตราจึงปรี่เข้ามากระแซะถามใกล้แบบถึงตัว

องก์อัมพุทพอรู้ว่าเผลอเรียกแบบสนิทปาก แล้วเพื่อนจับได้ก็ชักอึดอัดอ้ำอึ้งเหมือนกัน แก้มนวลระเรื่อขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ถึงจะริมฝีปากช่วยยั้งอาการเก้อเขิน แต่มันก็ไม่มีผลชะลอสีสันที่ซับรับความเปล่งปลั่งจากดวงหน้าได้

“นั่น .. แกไม่ต้องพูดแล้ว ให้มันได้อย่างนี้สิ .. แหมๆทำอุบเงียบนะแก ให้ไปซื้อกุ้ง หอย ปู ปลา .. แม่ค้าเขาคงจะจับ ‘วิด’ ส่งให้เลยสิ”

เภตรามองไปทางวิชชุ์วิธูขณะพูดมาถึงช่วงท้ายประโยค โดยเน้นคำบางคำที่พ้องเสียงกับชื่อของชายหนุ่ม แม้ไม่อยู่ในบทสนทนาก็รู้กันว่าหมายถึงใคร ก่อนจะหันกลับมาล้อเลียนองก์อัมพุทซึ่งก็หน้าแดงก่ำ .. ขนาดตำลึงสุกยังอาย

“บ้าน่าเภา .. อย่าพูดจาเลอะเทอะนะ”

“เออนี่ .. ว่าแต่ ฉันสงสัยจัง ทำไม ‘เขา’ มองพวกแกแปลกๆจังฮึ .. พุด”

หญิงสาวในนามผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลเปลี่ยนเรื่องคุย จนองก์อัมพุทที่กำลังใช้ที่คีบคีบกลับหอยแมลงภู่บนเตาตามไม่ทัน ได้แต่ชำเลืองมองเพื่อนที่ทำหน้าบุ้ยบ้ายไปทางรวิรุจน์ และทันเห็นสิ่งที่เภตราสงสัยพอดี

ทว่า องก์อัมพุทยังไม่ได้ตอบคำถามคนช่างสงสัย โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงขาสั้นที่สวมใส่ก็ดังแทรกขึ้นมา

ความที่มือเจ้าของโทรศัพท์เปื้อนและคาวอาหารทะเลเสียแล้ว จึงไม่สามารถรับสายหรือแม้แต่ล้วงมันออกจากกระเป๋ากางเกงได้

“เภา .. ฉันมือเปื้อนอยู่ แกช่วยหยิบแล้วรับทีสิ ”

“จะดีเหรอ .. เอางี้ ฉันหยิบให้ รับให้แก แล้วทำตัวเป็นแฮนด์ฟรีให้ด้วย ดีมั้ย ฮ่าๆ”

เภตราออกความเห็นในเชิงว่าจะรับสายและถือให้เพื่อนคุยเอง ก่อนจะวางมือแปะที่กระเป๋ากางเกงในตำแหน่งต้นขาใกล้สะโพกขององก์อัมพุท แล้วก็เจออุปกรณ์สื่อสารที่ถ้าเปรียบเป็นอากัปกิริยามนุษย์ มันก็คงเข้าลักษณะทั้งกรีดร้องและดีดดิ้นเลยทีเดียว




ความรื่นเริงที่มีเหือดหายไปอย่างไร้ร่องรอย เมื่อเภตราเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอขณะจะรับสาย อาการชะงักงันจู่โจมไม่เลือกเวลา จนองก์อัมพุทแปลกใจต้องหันมามองพลางเอ่ยสำทับด้วยมือที่ยังสาละวนพลิกหอยแมลงภู่บนเตา

“รับหน่อยสิเภา .. พี่พัดใช่มั้ย ฉันตั้งเสียงไว้ .. ทำไม นั่นแฟนเก่า ว่าที่สามีแก อย่างที่เคยเรียกไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่รับล่ะ”

องก์อัมพุทแกล้งกระเซ้าเพื่อนโดยไม่รู้สักนิดว่า คำพูดของเธอกระแทกใจคนฟังอย่างจัง

เภตราก้มมองหน้าจออีกครั้ง จากอากาศที่เย็นสบาย เหตุใดเธอจึงรู้สึกอบอ้าวรุมร้อนขึ้นมา มือไม้ที่ถือโทรศัพท์คล้ายจะสั่นนิดๆ แล้วจู่ๆคอก็เกิดจะแห้งจนต้องกลืนน้ำลายเหนียวๆลงไป

หญิงสาวชำเลืองมองเพื่อนแว้บหนึ่ง เห็นว่าเจ้าของโทรศัพท์ให้ความสนใจงานตรงหน้ามากกว่า ก็ละล้าละลังว่าควรจะทำอย่างไรดี กระทั่งองก์อัมพุทเอ่ยเร่งขึ้นมา

“รับๆไปเถอะ พี่พัดคงมีธุระ .. ร้อยวันพันปีเขาไม่ค่อยโทร.หาฉันหรอก .. สิ”

องก์อัมพุทคะยั้นคะยอยิ้มๆ ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าแค่ว่า ทั้งพี่ชายและเพื่อนต่างก็เคยรู้จักกันมาก่อน แล้วอดีตมันก็นานมาเป็น ๑๐ ปี เป็นเรื่องขำๆที่เอามาหยอกเย้ายามรำลึกความหลัง

เภตราถึงกับต้องสูดลมหายใจลึกเข้าปอด ราวกับรวบรวมพลังใจและความกล้าทั้งหมดที่มี เดือนทั้งเดือนหลังจากวันนั้น เธอหลีกเลี่ยงการติดต่อจากเมฆพัดมาได้ตลอด .. แต่แล้วก็มาตกม้าตายวันนี้นี่เอง




เมฆพัดรอสายน้องสาวนานมาก .. นานจนรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ สัญญาณที่ไม่ได้ถูกตัดทิ้งหากปลายสายไม่สะดวกรับ แต่พอคิดว่า องก์อัมพุทอาจมือไม่ว่างติดพันภารกิจบางอย่างอยู่ ก็ทำให้ชายหนุ่มตัดใจไม่รอต่อไป

ขณะที่กำลังจะกดตัดสายยกเลิกการติดต่อ สัญญาณอีกฟากก็ตอบสนองทันการ .. แต่เป็นใครอีกคนที่เขาห่วงใย โหยหา และโมโห ที่ทยอยมาเป็นระลอกตามลำดับอารมณ์

“สวัสดีค่ะ .. พี่พัด .. เอ่อ พุดมือไม่ว่าง ให้เภารับแทนก่อน รอเดี๋ยวนะคะจะให้คุยกับ ..”

“ไม่ต้อง .. เภานั่นล่ะ คุยกับพี่ .. ตอนนี้อยู่ที่ไหน”

เมฆพัดพยายามสะกดทุกความรู้สึกที่ถาโถมไม่ให้เกรี้ยวกราด .. คิดถึงน่ะ ที่สุด แต่คนที่เขาคิดถึงสุดใจ ไม่เคยนึกถึงใจของเขาบ้างเลย

น้ำเสียงเข้มข้นคุกรุ่นโทสะทำให้เภตราอึกอัก จนชายหนุ่มนึกสงสัย พอดีกับที่ได้ยินเสียงเรียกชื่อ ‘ผู้หญิงของเขา’ จากผู้ชายอีกคนเล็ดลอดมา ซึ่งน่าจะอยู่ไม่ไกลกัน เนื่องจากมันถนัดชัดเจนเหลือเกิน

“คุณเภา .. ผมทำความสะอาด กุ้ง ปู ปลาหมึกเสร็จแล้วครับ”

เท่านั้นเอง ทุกความรู้สึกก่อนหน้าที่มี มันกลับกลายมากองเป็นพระเพลิงพร้อมเผาผลาญทุกสิ่งที่ขวางหน้าให้มอดไหม้ เพราะอารมณ์เพียงหนึ่งเดียว .. หึงหวง

เมฆพัดหน้ามืดหูอื้อจนลืมไปแล้วว่า เขาโทรศัพท์ไปหาใคร .. ลืมสิ้นแม้แต่องก์อัมพุท น้องสาวตัวเองที่อยู่ข้างๆกันกับเภตรา ในใจคิดได้แต่ว่า

เมียเขาอยู่กับใคร!

“เภา .. บอกพี่มา ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน”

เส้นความอดทนของชายหนุ่มค่อยๆเปื่อยยุ่ย จวนเจียนจะขาดอยู่รอมร่อ หากยังฝืนข่มไว้ เขาต้องรู้ให้ได้ก่อนว่า สถานที่ที่มีชายอื่นส่งเสียงเรียกเมียของเขา คือที่ใด

“เอ่อ .. ทะเลค่ะ”

“ที่ไหน”

เขาถามเกือบเป็นตะคอกหลังจับน้ำเสียงของเภตราได้ว่า ค่อนข้างสั่นคล้ายหวาดหวั่นเขา นั่นยิ่งทำให้อดระแวงไม่ได้ว่า ตลอดเดือนกว่าที่ผ่านมา .. มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาแล้ว

นานกว่านาทีแต่ราวกัปกัลป์ กว่าเมฆพัดจะได้คำตอบที่ราวกับไม่อยากบอกของเภตรา แต่ก็จำใจต้องบอกให้รู้

“หาดเจ้าสำราญค่ะ”

“ดี”

คำว่า ‘ดี’ ที่ย้ำหนักแน่นของเขา คือ ดีจริงๆ แต่เขาก็ไม่ทราบหรอกว่า ได้ก่อความหวั่นวิตกแก่ปลายสายเพียงใด และเขาไม่อยากเสียเวลามากไปกว่านี้ จึงกดตัดสายทันทีโดยไม่ทันให้อีกฝ่ายตั้งตัว

เมฆพัดรู้สึกโชคดีก็คราวนี้เอง ที่งานวิจัยของเขาต้องมาปักหลักดูการทดลองเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เพื่อขยายพันธุ์ไม้พะยูงที่สถานีศูนย์ราชบุรีแห่งนี้ ซึ่งอันที่จริงงานวิจัยนี้กระจายไปยังสถานีอีกหลายแห่ง .. นับว่าเขาอยู่ถูกที่ถูกเวลาจริงๆ

เพราะจากราชบุรีไปเพชรบุรีนั้น พูดง่ายๆได้ว่าอยู่ใกล้กันแค่นี้ และเห็นทีเขาคงจำเป็นต้องขอยืมรถของรุ่นพี่ แล้วเปลี่ยนเส้นทางกลับบ้านเป็นมุ่งหน้าไปหาดเจ้าสำราญแทน

ไม่นานหรอก .. เมฆพัดจะได้รู้ด้วยตาตัวเองว่า .. เภตราไปทำอะไร กับใคร .. แค่ชื่อหาดที่ได้ยินก็ทำเอาความหึงหวงฟุ้งกระจายไปหมดแล้ว

หึ .. อย่าคิดว่าจะได้สำเริงสำราญกับใครนะ .. เภตรา .. พี่ไม่ปล่อยเธอเด็ดขาด




เภตรายังแนบโทรศัพท์ค้างคาหูแม้ว่าเมฆพัดจะตัดสายไป พร้อมกับคำพูดที่ฟังก็รู้ว่าเขาโกรธาขนาดไหน ด้วยการเอ่ยย้ำคำสั้นๆ แต่มีนัยยะถึงอาการประชดประชัดได้เป็นอย่างดี

องก์อัมพุทส่งยิ้มให้วิชชุ์วิธูที่เดินถืออาหารทะเลสดเข้ามา หญิงสาวเข้าใจความหมายจากท่าทางของเขา ที่บอกกล่าวเภตราอย่างที่ได้ยินกัน ‘ทุกคน’ ว่า ชายหนุ่มไหว้วานให้คนถูกเรียกรับของจากมือเขา ก่อนจะผละไปเตรียมปลาอีกอย่าง

แต่ใครจะรู้ว่า .. คนที่ไม่เห็น พอได้ยินเพียงเท่านั้น จะคิดไกลไปแค่ไหนแล้ว

อาการเงียบจนผิดสังเกตทำให้องก์อัมพุทต้องเหลียวมองเภตราอีกครั้ง และถ้าไม่เป็นเพราะเห็นเพื่อนเหม่อลอย ด้วยใบหน้าซีดเซียวปราศจาก
ความสดใส เธอคงไม่สะดุดใจมากนักที่เภตราจะพูดน้อยกว่าปกติ เมื่อรับสายของเมฆพัดแทนเธอ

“เภา .. พี่พัดว่าไง .. หรือว่าวางสายไปแล้ว”

“อือ ..”

เภตราตอบรับในลำคอไม่ขยายความใดๆ นอกจากรู้สึกใจคอไม่ดีอย่างไรชอบกล แต่พยายามปลอบใจตัวเองว่า .. คิดมากเกินไป

หญิงสาวส่งโทรศัพท์คืนเจ้าของด้วยอาการของคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จนองก์อัมพุทถึงกับนิ่วหน้า เริ่มสงสัยแล้วว่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่ .. พี่ชายของเธอแสดงมารยาทแย่ๆออกมาทางคำพูดหรือไร เพราะจากที่ได้ยินแว่วๆ ถ้าจำไม่ผิด เภตราพูดแค่ ๒ ประโยคเท่านั้น คล้ายกับบอกให้ทราบว่า ขณะนี้อยู่ที่ไหนกัน ซึ่งเธอก็ไม่ได้ติดใจอะไร

จะมีก็แต่เภตราเท่านั้น ที่รู้ตัวดีว่า ชนักที่หลัง ก่อให้เกิดบาดแผลและเริ่มมีปฏิกิริยาจากการที่เอามันมาปักไว้เอง เธอรู้สึกได้ว่า มันค่อยๆแทงลึกลงไปจนแน่นหนึบ .. ทีละน้อย ทีละน้อย ในตอนนี้

ความสนุกสนานค่อยโบยบินห่างไป แล้วความเคร่งเครียดก็ย่างกรายเข้ามาสู่

เภตราเบนสายตาไปทางครอบครัวคุณลุงข้างบ้าน เพราะไม่อยากให้เพื่อนจับพิรุธได้ ก่อนจะพบว่า ผู้ชายคนนั้น .. น้องชายของวิชชุ์วิธูก็มองมาทางนี้เช่นกัน แต่เธอไม่ใช่เป้าหมายของเขา ..

คนที่กำลังถูกมองโดยไม่รู้ตัว คือ องก์อัมพุทต่างหาก!











*********************************************************







โปรดติดตามตอนต่อไป ...


ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม .. และขอขอบคุณทุกกำลังใจฮะ


คุณใบบัวน่ารัก ... มาแล้วฮะ ตามคำเชิญชวน ... อ๊ะ แต่เขาไม่ได้ออกจากป่านะ หุหุ
สามเส้า ... รึเปล่า ยังไม่แน่ใจ ... แต่ที่แน่ๆ คือ ไม่ใครก็ใครล่ะ ต้องเศร้า ... สักคน สองคน
ขอบคุณที่มาเมนท์ พูดคุยกันฮะ



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ส.ค. 2558, 19:03:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ส.ค. 2558, 19:03:52 น.

จำนวนการเข้าชม : 1157





<< บทที่ ๑๘ .. ชีวิตนี้ ใครที่คิดบงการ   บทที่ ๒๐ .. ความรัก กับ ความเข้าใจ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account