ความลับ (ที่) ซ่อนเร้น .. หรือจะเป็น ความรัก!(?)
คำถาม .. ที่มีคำตอบ
แต่คำตอบ .. กลับยังคงมากมายด้วยคำถาม

เพราะนิยามในคำหนึ่งคำนั้น
แฝงเร้นซุกซ่อนไว้ซึ่งความลึกลับ
ความซับซ้อนชวนสับสน รอยยิ้มปนเปื้อนคราบน้ำตา
เล่ห์เสน่หาหวานล้ำ และพร้อมจะนำความเจ็บปวดมาให้ .. ได้ทุกเวลา

.. หากว่ามันคือ ความรักที่มากล้น จนกลายเป็น .. ความลับ ! ..
Tags: ความรัก ความลับ

ตอน: บทที่ ๒๐ .. ความรัก กับ ความเข้าใจ



การมาทะเลในครั้งนี้ คนที่ดูจะมีความสุขที่สุดเห็นจะเป็น ตรีวธู เด็กหญิงปลาบปลื้มเป็นสุขเมื่อครอบครัวมาอยู่พร้อมหน้า มีพ่อแม่ รวมถึงพี่ชายทั้งสองคน

ไม่ต่างจากพฤหัสผู้เป็นพ่อ ที่ได้เห็นบุตรชายคนรองมีน้ำใจกับน้องสาวตัวน้อย แม้ดูก็รู้ว่า ยังโกรธเคืองบิดาอยู่มากก็ตาม

ผู้ชายวัยหลังเกษียณอย่างเขา จะปรารถนาสิ่งใดมากไปกว่านี้อีก ถึงชีวิตสมรสครั้งแรกจะปิดฉากลง แต่ใช่ว่ามันเป็นการจากลาด้วยความเกลียดชัง

แม้แหวนวงไม่อาจร่วมยินดีกับการเริ่มต้นใหม่ของเขาได้ แต่อดีตภรรยาที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาก็เข้าใจหาได้ขัดข้อง เพราะนี่คือชีวิตที่ต่างฝ่ายต่างเลือกแล้ว

อย่างน้อยพฤหัสก็ยังมีวิชชุ์วิธูบุตรชายคนโต ที่เข้าอกเข้าใจและเห็นใจผู้เป็นพ่อ เขายอมกระทั่งถูกเข้าใจผิดจากน้องชาย ว่าเห็นดีเห็นงามกับความแตกร้าวในครอบครัว เพื่อให้คนอื่นเข้ามาแทรกแซง

ทั้งที่จริงแล้ว มันเป็นปัญหาระหว่างเขากับแหวนวงที่สะสม จนถึงคราวต้องสะสาง แต่ไม่ต้องการให้ลูกๆรับรู้ .. ทว่า เมื่อเหตุการณ์ล่วงเลยยากจะย้อนคืนกลับ .. อดีตสามีภรรยาอย่างพวกเขาจึงเพิ่งตระหนักว่า อาจคิดผิดที่ทำเช่นนั้น

คนรู้จักหลายคนต่างเคลือบแคลงความสัมพันธ์ของพฤหัสกับปารตี หนักถึงขั้นซุบซิบนินทาทั้งสองคน ว่าร่วมกันทำร้ายครอบครัว ทำร้ายแหวนวง

เขาอาจถูกมองเป็นคนเห็นแก่ตัว คิดถึงแต่ตนเองโดยการเอาเปรียบผู้หญิงถึงสอง ในสายตาของใครต่อใคร

แต่กระนั้น ใครเล่าจะล่วงรู้เรื่องจริงที่เป็นไประหว่างเขา .. อดีตภรรยาและภรรยาคนปัจจุบัน


ผู้หญิงสองคนที่แตกต่างกัน ทั้งสถานะ วัย และการดำเนินชีวิต กลับเข้าใจเขา .. โดยคนหนึ่งยอมถอยห่าง หลีกทางให้อีกคนเข้ามาเติมเต็มความรู้สึกของสามี ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนพอแล้ว ละวางแล้ว .. หากโดยสำนึกถือว่า บกพร่องในฐานะภรรยาที่ดีจะพึงปรนนิบัติได้ครบถ้วน

ส่วนอีกคน .. ก็รักเขามากพอ .. มากจนไม่สนใจเสียงครหาจากสังคมว่า จะวิพากษ์และวิจารณ์เธออย่างไร ทั้งที่ฐานะ หน้าที่การงานเหนือกว่าผู้ชายที่ผ่านร้อนหนาวมาเกือบค่อนชีวิตในเวลานั้น

กว่าจะถึงวันที่พฤหัสสิ้นลมหายใจ เขาระลึกย้ำในความคิดเสมอว่า แหวนวงคือเพื่อนที่ดีที่สุดในทุกยาม เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ร่วมประคับประคองและก้าวเดิน ไม่ว่าอย่างไร ทั้งเขาและเธอ ก็ไม่อาจทอดทิ้งกัน แม้จะไม่ใช่สามีภรรยาหรือครอบครัว แต่เป็นพ่อและแม่ของลูก

ในขณะที่ ปารตี คือ แรงกำลังใจ เป็นบ่อเกิดความชุ่มชื่นแก่ชีวิต โดยที่เขารู้สึกยิ่งกว่าโชคดี เพราะน้ำใจในรักจริงของเธอ ซึ่งเปรียบไปตัวเขาก็เป็นเพียง ชายมีตำหนิคนหนึ่งที่สักวันเขาอาจจะต้องทิ้งเธอไปก่อน อาจด้วยภาวะแห่งโรคภัย หรือวัยชรา

พฤหัสทอดสายตามองปารตี ที่ไม่ว่าเมื่อไรเธอก็ยังคงเป็นหญิงสาวเสมอในห้วงคำนึง แม้เวลาจะผ่านมากว่า ๑๐ ปี

นัยน์ตาทอประกายซาบซึ้ง เสน่หายังหวานล้ำไม่จางหาย จนชายสูงวัยก็อดคิดถึงอนาคตเมื่อไม่มีเขาไม่ได้ ความโศกสลดพลันท่วมท้น จนคนที่เขาเฝ้ามองหันมาเห็นจึงเอ่ยถามอย่างห่วงใย

“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ รตีเห็นคุณหัสยิ้มอยู่หยกๆ เผลอหน่อยเดียวก็ทำหน้าตาไม่สบายใจ ถ้ารตีทำให้คุณอึดอัดกลัวว่าจะมีปัญหากับคุณรุจน์ รตีปลีกตัวกลับก่อนก็ได้นะคะ .. คุณจะได้อยู่กับลูกๆ”

ปารตีเอ่ยเสียงอ่อนบอกความกังวลใจ พร้อมกับเอื้อมมือมาแตะท่อนแขนสามี ผู้มีวัยมากกว่าเธอเกินรอบ ความรักและห่วงใยสะท้อนผ่านสายตาไม่ปิดบัง

พฤหัสขยับตัวเข้าไปนั่งให้ชิดภรรยาอีกนิด เผยอยิ้มอิ่มเอมรับความรู้สึกอาทรของเธอ พลางส่ายหน้าช้าๆก่อนจะพูดให้ได้ยินเฉพาะสองคน

“ผมคิดว่า ผมโชคดีที่มีคุณ .. รตีทำให้ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ด้วย จนผมอดคิดไม่ได้ว่า ผมจะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า .. ถ้าวันหนึ่ง ผมต้องทิ้งคุณกับลูกไป ..”

“อย่าพูดแบบนั้นค่ะ .. รตีฟังแล้วไม่สบายใจเลย เอาเป็นว่า คุณต้องอยู่กับรตี .. กับลูก ให้นานที่สุด นะคะ .. รตีขอแค่นี้”

ปารตีทั้งห้ามทั้งปรามคำพูดสื่อนัยยะชวนใจหายของพฤหัส เธอไม่ต้องการให้ใครหรืออะไร มาทำลายช่วงเวลาความสุขของครับครัว .. ของสามีและลูก

แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องธรรมดา ที่ใครๆต่างก็ต้องพบเจอ .. แต่เธอขอวิงวอนว่าอย่าเพิ่งให้มันมาถึงในระยะเวลาอันใกล้นี้เลย

“จ้ะ ไม่พูดแล้ว .. เฮ้อ เมื่อไรเราจะได้ไปฮันนีมูนกันอีกล่ะ รตี .. ลูกก็โตขึ้นทุกวัน คุณก็ทำงานไม่หยุดหย่อน จนผมรู้สึกว่า ถูกละเลยให้เหี่ยวเฉาอยู่ที่บ้านคนเดียว”

“แน๊ .. คุณนี่ .. ถ้าไปเราก็ต้องพาเกรซไปด้วย จะทิ้งลูกได้ยังไงคะ”

“ก็ดูสิ .. มีพี่ชายตั้งสองคน ทำไมจะช่วยดูแลน้องไม่ได้ .. แล้วก็ .. รตีลองมองให้ดีๆสิ ว่ายังมีสาวๆอีกสองคน ที่ดูท่าว่า จะเข้ากันได้ดีกับลูกสาวของเรานะ”

คุณแม่วัยงามมองตาสายตาและคำพูดเปลี่ยนเรื่องราวชี้นำของสามี ซึ่งใช้โวหารโน้มน้าวให้คล้อยตามได้ไม่ยาก แล้วเธอก็ได้เห็นสิ่งที่เขากำลังบอกอยู่ว่า มันน่าสนใจไม่น้อย

“น้องเภากับน้องพุด? .. หรือว่า .. นี่คุณริทำตัวเป็นพ่อสื่อพ่อชักหรือคะ คุณหัส”

“น่า รตี .. ผมจะไม่ให้ซ้ำรอยอย่างโบราณว่า แม่สื่อแม่ชัก กลายเป็นวัวพันหลักแบบเรื่องของเราหรอก”

พฤหัสเอ่ยยิ้มๆแกมส่งสายตาวิบวับเจ้าเล่ห์มาที่ปารตี ซึ่งเธอก็ตอบแทนด้วยการหยิกเตือนเบาๆเข้าที่ท่อนแขน จากความห่วงใยแปรเปลี่ยนเป็นหมั่นไส้กับวาจาลดเลี้ยว พาให้หวนนึกถึงการพบกันครั้งแรก เมื่อเขาวนเวียนมาทำความรู้จักกับเธอแทนเพื่อนอีกคน

“ร้ายนักนะคะ .. คุณหัส”

“ผมว่า เจ้าวิชชุ์ของเรา ดูจะสนใจหนูพุดเอาจริงๆจังๆนะนั่น ..”

คนร้ายๆที่รู้ว่า ให้อย่างไรก็ยังเป็นที่รักของปารตีเสมอ จับมือลงทัณฑ์รวบไว้ น้ำหนักมือของเธอแทบไม่ได้ระคายผิว นี่ถ้าหากว่าอยู่กันเพียงลำพัง เขาคงได้ตอบแทนคืนกลับ .. สาสมในความรักทีเดียว

“คุณคิดว่าไงล่ะคะ .. รตีเองก็ไม่เคยเห็นคุณวิชชุ์สนใจใครเหมือนกัน ผ่านมาผ่านไป .. ราวกับว่า คุณวิชชุ์มีใครที่ปักใจ หรือกำลังรออยู่อย่างนั้น”

“อาจจะเป็นคนนี้ .. ก็ได้นะ”

พฤหัสบอกด้วยน้ำเสียงค่อนข้างมั่นใจ โดยไม่ทราบสาเหตุเหมือนกันว่าทำไม

ปารตีมองหน้าสามีอมยิ้มไปกับเขา แล้วปรายสายตาไปยังเป้าหมายที่ถูกกล่าวถึง .. ชายหนุ่มกับหญิงสาว ที่ดูภายนอกแล้วก็ต้องยอมรับว่า .. พอเหมาะพอสมกันไม่หยอก





รวิรุจน์ขุ่นเคืองอารมณ์ไม่คลาย และรู้ดีว่าสาเหตุมาจากอะไร หรือถ้าจะให้ระบุชี้ชัด ชายหนุ่มก็สามารถบอกชื่อเสียงเรียงนามคนที่ก่อกวนความรู้สึกภายในได้ทันที

ความคับข้องในใจมีมากจนกลายเป็นคำถามอย่างเข้าข้างตัวเองไม่น้อย รวิรุจน์เขม้นมองวิชชุ์วิธูที่ดูจะสนิทสนมกับองก์อัมพุทเกินหน้าเกินตา เกินความพอดีในความคิดของเขา

ทั้งๆที่เขารู้จักองก์อัมพุทมาตั้งนาน แต่ยังไม่เคยได้ไปไหนด้วยกันนอกเหนือจากเรื่องงานแม้แต่ครั้งเดียว

“หึ ..”

ตรีวธูประหลากใจกับเสียงหัวเราะแปลกๆของรวิรุจน์ แต่พอมองตามสายตาพี่ชายคนรอง ก็เห็นแล้วว่าสิ่งใดอยู่ในครองสายตาของเขา จึงเอ่ยปากเอาอกเอาใจ

“พี่รุจน์ขำอะไรคะ .. ทานกุ้งเผามั้ยคะ เดี๋ยวเกรซวิ่งไปหยิบมาให้”

“อืม”

ชายหนุ่มรู้ตัวว่า คำตอบรับของเขาทำแบบขอไปที แต่น้องน้อยกลับยิ้มร่าดีใจที่ได้เป็นฝ่ายดูแล เจ้าตัวรับลุกปัดทรายออกจากแข้งขา หลังจากชวนรวิรุจน์มานั่งเล่นด้วยกันพักใหญ่

“งั้น .. พี่รุจน์รอตรงนี้นะคะ พี่พุดน่าจะปิ้งได้หลายตัวแล้ว”

เด็กหญิงกำชับก่อนออกตัววิ่งตื๋อไปทางเตาปิ้งย่าง ที่มีองก์อัมพุทและเภตรา ช่วยกันคนละไม้คนละมือ โดยที่วิชชุ์วิธูคอยช่วยดูไฟ เกลี่ยไม่ให้ลุกโหมจนอาหารทะเลจะเกรียมไปเสียก่อน

ทิ้งให้รวิรุจน์ได้แต่เฝ้ามอง จมอยู่กับความคิดของตน .. อยู่อย่างนั้น

ตรีวธูพ้นจากที่นั่งเล่นไปไม่กี่ก้าว รวิรุจน์ก็ต้องทะลึ่งตัวลุกขึ้นอย่างตกใจ เมื่อจู่ๆน้องน้อยก็ร้อง ‘โอ๊ย’ แล้วทรุดตัวลงนั่งและร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด

“เกรซ!”

ชายหนุ่มวิ่งมาถึงร่างเล็กที่กำลังใช้มือกุมฝ่าเท้าเอาไว้ เขาเรียกชื่อเธอเสียงดัง จนพฤหัสกับปารตีพลอยได้ยิน และเห็นถึงความผิดปกติ จนทั้งคู่ต้องรีบผุดลุกขึ้นเคลื่อนย้ายตามมาสมทบรวดเร็ว

เด็กหญิงเจ็บแปลบในความรู้สึกแรก ที่ฝ่าเท้าเปลือยเปล่าเหยียบย่างลงบนพื้นทราย เธอคิดว่าอาจจะเป็นก้อนหินหรืออะไรตำ แต่พอก้มดูกลับเห็นว่า มันคือเศษแก้วแตกที่ถูกทิ้งด้วยความมักง่ายของใครบางคน

เลือดทะลักทลายแดงฉานจนทำให้เธอร้องออกมา ประสาททุกส่วนรับรู้ความเจ็บปวดที่แล่นริ้มจากฝ่าเท้าในเสี้ยววินาที

รวิรุจน์มาถึงตัวตรีวธูคนแรก เขาลืมเรื่องที่คั่งค้างในหัวชั่วขณะ ตอนนี้ความปลอดภัยของน้อง .. สำคัญที่สุด

ชายหนุ่มมองซ้ายมองขวาราวกับต้องการหาอะไรบางอย่าง สีหน้าเคร่งเครียดยิ่งขึ้นเมื่อเห็นกับตาแล้วว่า ฝ่าเท้าน้อยๆชุ่มโชกไปด้วยเลือดมากมายเพียงใด

ไม่ต้องคิดอะไรอีกแล้วกับการที่เขาดึงชายเสื้อยืดเนื้อดีของตนออก แล้วถอดมันเพื่อหุ้มห่อยับยั้งไม่ให้เด็กหญิงเสียเลือดไปมากกว่านี้

“เกรซ .. ทนเจ็บหน่อยนะ พี่จะพาไปหาหมอเดี๋ยวนี้”

ตรีวธูสะอึกสะอื้นเพราะความเจ็บปวด แต่ก็อุ่นใจที่มีรวิรุจน์ช่วยเหลือและปลอบโยน ก่อนจะถูกอุ้มจนตัวลอย เดินผ่านพฤหัสและปารตีไป โดยไม่หยุดอธิบายขยายความให้เสียเวลา

ต่อให้โกรธแค้นกันแค่ไหน สำหรับปารตีมันไม่สำคัญเท่าเห็นต่อหน้าต่อตาว่า ลูกสาวที่ต้องมาบาดเจ็บถึงขั้นเลือดตกยางออกจากอุบัติเหตุ .. กำลังได้รับการช่วยเหลืออย่างเต็มที่และเต็มใจใจ จากคนที่เธอเองก็ยอมรับว่า ชังน้ำหน้าเพราะความเกลียดของเขา

ปารตีวิ่งมาถึงจุดเกิดเหตุ และออกเดินสลับวิ่งเคียงไปกับรวิรุจน์ด้วยความเป็นห่วงตรีวธู โดยมีพฤหัสตามมาติดๆแบบไม่คลาดกัน

ความร้อนรนกระวนกระวายทำให้ลืมหันไปบอก หนุ่มสาวที่ยืนคุมเตาปิ้งย่าง ต่างพากันมองมาเป็นตาเดียวงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จากความฉุกละหุกวุ่นวาย ก็ทำให้วิชชุ์วิธู องก์อัมพุท และเภตรา พอจะคาดเดาได้ว่าเกิดเรื่องไม่ดีกับตรีวธู

ความสุขสันต์หรรษาในบรรยากาศริมทะเล .. จบลงแล้ว




ไม่กี่นาทีต่อมา วิชชุ์วิธุได้รับการติดต่อจากพฤหัสว่า เกิดอุบัติเหตุกับตรีวธู และตอนนี้พวกเขาอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว หลังนำตัวตรีวธูส่งถึงมือหมอ ซึ่งปารตีขอติดตามเข้าไปในห้องฉุกเฉินระหว่างทำแผลด้วย

“เกิดอะไรขึ้นกับน้องเกรซคะ”

องก์อัมพุทถามขึ้นทันทีที่วิชชุ์วิธูเสียบโทรศัพท์มือถือใส่ในกระเป๋ากางเกงเรียบร้อย เมื่อชายหนุ่มเงยหน้ามองมายังสองสาว สายตาของเขามีแววกังวลฉายชัด จนเธออดเป็นห่วงไม่ได้ .. ไม่ว่ากับใคร

เภตราเองก็รอฟังอยู่ใกล้ๆกัน พร้อมกับลงมือเก็บข้าวของทั้งสดและสุก ด้วยจิตใจว้าวุ่นหลายเรื่องในคราวเดียว ..ไหนจะเรื่องมัตติก์ แล้วตามมาด้วยเรื่องของเมฆพัด แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแย่ๆกับตรีวธูในวันสำคัญของเธอ

“พ่อว่า เกรซเหยียบเศษแก้วตอนที่จะวิ่งมาหาเรา รุจน์ น้องชายผม .. เห็นเหตุการณ์และอยู่ใกล้ที่สุด เลยรีบพาน้องไปหาหมอ .. คิดว่าน่าจะปลอดภัย เพราะตอนนี้เกรซอยู่ในความดูแลของหมอแล้ว”

“ไม่น่าเลย .. วันเกิดแท้ๆ กลับต้องมาเจ็บตัว”

เภตราเปรยอย่างสงสารและเห็นใจ พลางปิดกล่องโฟมอัดน้ำแข็งที่บรรจุอาหารทะเลสดเสร็จไปหนึ่งอย่าง เหลือแต่พวกสุกแล้วแต่เป็นหม้ายไม่มีใครกิน เธอจึงต้องมองหาถุงหรือกล่องสะอาดมาใส่ หูก็คอยฟังว่าหลังจากนี้จะทำอะไรต่อ ซึ่งเพื่อนรักก็ทำหน้าที่อย่างกับรู้ใจ เมื่อองก์อัมพุทถามความเห็นเพิ่มเติม

“แล้วนี่ เราจะเก็บของตามไปที่โรงพยาบาลไหมคะ”

“ครับ .. ฝากหนูพุดกับคุณเภาเรื่องอาหารก็แล้วกัน เดี๋ยวพี่จะจัดการกับเตา และเคลียร์สถานที่เอง”

ถ้าเป็นเวลาปกติเภตราก็อยากจะล้อเลียนองก์อัมพุทให้ม้วนไปเลย กับสถานภาพใหม่ที่เธอยอมรับว่า ยังไม่คุ้นชินกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นระหว่าง องก์อัมพุทกับวิชชุ์วิธู

แต่เหตุการณ์ไม่เอื้ออำนวยให้ทำตามใจ เภตราจึงยุติความคิดนั้นเสีย แม้ว่าการเก็บของจะทุลักทุเล แต่ก็เสร็จสิ้นพร้อมขนไปใส่หลังรถได้ทันที

วิชชุ์วิธูเดินไปยังรถอเนกประสงค์ ก่อนจะขับถอยท้ายมาให้ใกล้จุดขนของเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่จะได้ไม่ยุ่งยากและหนักหนาเกินไป สำหรับของที่มีมากพอดู

สิ่งของต่างๆถูกทยอยขึ้นรถและจัดเรียงเหมือนขามา แต่เพราะมีของทะเลเพิ่ม ทำให้พื้นที่เกือบไม่พอบรรจุ อาศัยว่าจำนวนคนลดลง วิชชุ์วิธูจึงปรับพับเบาะท้ายสุดให้มีที่ว่างขึ้นอีกนิด

ในระหว่างที่แต่ละคนกำลังเตรียมตัวกลับ วิชชุ์วิธูก็ได้ยินเสียงห้ามล้อบดเบียดถนนดังชัดเจนไม่ใกล้ไม่ไกล ขณะที่เขาปิดประตูท้ายรถ แต่ไม่ได้สนใจมากนัก เพราะต้องหันไปรับอุปกรณ์ก่อกองทรายของตรีวธู ที่เภตราเพิ่งไปรวบรวมมาเป็นรายการสุดท้าย





เมฆพัดจำไม่ได้เหมือนกันว่า ใช้ความเร็วไปเท่าไหร่กับเจ้าแก่แต่แรงจัดคันนี้ของทแกล้ว สภาพภายนอกของรถยนต์หุ่นทรงคลาสสิค อาจดูไม่เข้าตาใคร หากเครื่องยนต์ภายในคือหัวใจของผู้ที่รักความเร็วต่างหาก

แต่รอบความเร็วและแรงของรถดอดจ์รุ่นเก๋าสีดำทะมึน ยังไม่เท่าหัวใจที่เต้นเร่ารุนแรงราวพายุหมุนในตอนนี้

หนุ่มนักวิจัยลงจากรถทันได้เห็นภาพบาดตา ที่ไม่คิดไม่ฝันว่ามันจะเป็นความจริง

เมียของเขากับผู้ชายคนอื่น!

หลังจากมาถึงหาดเจ้าสำราญ เขาก็ค่อยขับรถเลียบขนานแนวหาด สอดส่ายสายตามองหากลุ่มคน หรือบุคคลที่เป็นเป้าหมาย กระทั่งมาถึงชายหาดที่ค่อนข้างไกลจากนักท่องเที่ยวคนอื่น

ชายหนุ่มกำลังจะถอดใจแล้วว่า เภตราอาจจะกลับไปแล้วก่อนหน้านี้ .. แต่เขาก็ยังไม่ลดละจนกว่าจะสุดทางทิวสนของถนนเส้นนี้

กระทั่งเมฆพัดมาสะดุดตากับรถอเนกประสงค์ที่เห็นแต่ไกล ทำให้เจ้าตัวเหยียบคันเร่งในทันที

และสิ่งที่หวั่นอยู่ในใจ ก็ปรากฏเป็นคำตอบได้อย่างชัดเจน

“เภตรา”

น้ำเสียงหนักเรียกขานเต็มชื่อเต็มคำดังไปถึงเจ้าของ เพราะพอสิ้นเสียงเขาก็ก้าวมาหยุดยืนในระยะไม่เกิน ๓ เมตร

คนถูกเรียกชะงักราวถูกตรึงทันที ดีว่าวิชชุ์วิธูรับของไปถือในมือเรียบร้อย และทั้งคู่ก็หันมายังต้นเสียงพร้อมกัน .. หากคนละอารมณ์

“พี่พัด!”

เภตราอุทานตกใจไม่คิดว่า เมฆพัดจะมาถึงที่นี่ได้รวดเร็วเช่นนี้ เธอยังคิดอยู่เลยว่า หลังๆที่เขาไม่ค่อยติดต่อมา อาจจะเป็นด้วยเรื่องงานที่มีผลต่อสัญญาณการสื่อสาร .. แต่เธอเองก็ลืมไปว่า หลีกเลี่ยงการติดต่อจากเขาด้วยเช่นกัน

สายตาของเมฆพัดกรุ่นโทสะฉายแสงวาววับมองหญิงสาว สลับกับชายหนุ่มที่ยืนเคียงข้างกัน ในสมองหมุนติ้วนานาความคิดประดังประเดถั่งโถม

วิชชุ์วิธูสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ แต่ก็ยังรักษาอาการสงบไว้ พลางชำเลืองมาทางหญิงสาวข้างบ้าน ที่ตอนนี้เขาอยากยื่นกระจกให้เธอส่องเพื่อให้ดูใบหน้าของตัวเอง ว่ามันทั้งตระหนกและซีดเผือดในเวลาเดียวกัน

“หมายความว่ายังไง .. เภา”

เมฆพัดเค้นเสียงถามเนื่องจากต้องขบกรามพยายามระงับความพลุ่งพล่าน ไม่ให้วู่วามถลันทำร้ายใครก็ตามที่บังอาจมายุ่งกับ .. เมียของเขา

เภตราอึกอักไปเมื่อเห็นชัดเจนว่า คนถามกำลังอยู่ในสภาวะอารมณ์อย่างไร มือไม้รวบเข้าหากันโดยอัตมัติ รู้สึกได้ถึงความเย็นชืดและชื้นเหงื่อในคราวเดียว

“เอ่อ .. พี่พัดคะ ..”

“คุณ .. รู้หรือเปล่าว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร”

ผู้มาใหม่เบนสายตาและคำถามไปยังวิชชุ์วิธู ซึ่งรับรู้ได้ว่าน้ำเสียงนี้ไม่ใช่น้ำเสียงผูกมิตรแน่ๆ แต่เขาก็จะคอยดูท่าทีต่อไปก่อน .. อย่างระมัดระวัง

เมฆพัดฮึดฮัดอัดในอกยิ่งขึ้นอยากจะเกรี้ยวกราดอาละวาดเสียให้ได้ สองหมัดกำแน่นรอเวลา

วิชชุ์วิธูสบสายตากร้าวคู่นั้นทั้งประเมินอีกฝ่าย คำถามดูสุภาพแต่รับรู้ได้ถึงท่าทีคุกคาม และพร้อมจู่โจมหากคำตอบจากเขาไม่เป็นที่น่าพอใจ

ชายหนุ่มที่ดูมีวัยวุฒิมากกว่าเล็กน้อย ยังคงควบคุมสีหน้าให้เรียบนิ่งไม่ต่างจากทุกที แม้ในใจจะเกิดคำถามหลายข้อ ก่อนเหลือบมองไปทางเภตราที่มองเขาอย่างขอลุแก่โทษ .. ซึ่งไม่แน่ใจว่าสถานการณ์ตรงหน้าจะเป็นอย่างที่คิดหรือไม่

“คุณวิชชุ์คะ .. ขอเวลาสักครู่ .. นะคะ”

“ไม่มีใครต้องไปไหนทั้งนั้น .. ถ้าคุณไม่ตอบ .. งั้น เภาล่ะ พอจะตอบพี่ได้มั้ย”

เมฆพัดหรี่ตาวาวเรืองขุ่นเคืองจัดที่ยังไร้คำตอบ หันขวับมาถามเภตราสายตาทั้งคาดคั้นและเจ็บร้าวในคราวเดียว

หัวใจของเภตราวูบไหวไปกับความรู้สึกที่สะท้อนผ่านนัยน์ตาคม ที่เคยทอดประกายหวานล้ำยามสานสบให้ซ่านซึ้ง .. แต่ตอนนี้กลับตรงกันข้าม

ความเงียบดำเนินไปโดยไม่มีใครได้สังเกตองก์อัมพุท เธอยิ้มร่าหน้าบานดีใจที่เห็นใครคนหนึ่ง และจำได้ทันทีแม้ในระยะไกลว่านั่นคือ พี่ชายของเธอ

หากคำต่อมาของเมฆพัดที่เอ่ยถนัดชัดเจน ได้ยินทั่วถึงกันเป็นสาเหตุให้ต้องชะงักค้าง ยืนตะลึงกับสิ่งที่ไม่เคยรู้ หรือแม้แต่ระแวงสงสัยมาก่อนตลอดระยะเวลาที่คบหาเพื่อนรักอย่าง .. เภตรา

“ทำไม .. ตอบไม่ได้หรือไง .. ว่าเภาเป็นเมียพี่ .. และไม่แน่ว่าอาจจะกำลังมีลูกกับพี่ด้วยก็ได้”

เมฆพัดจงใจเน้นย้ำทุกคำพูดแสดงถึงความเป็นเจ้าของ .. ทั้งหมด ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเภตรา

ทว่า เสียงที่เค้นถามพร่าสั่นและขาดห้วง ทำให้บุคคลทั้งสามต้องเหลียวมองไปยังที่มาของเสียง ซึ่งไม่ใช่ใครสักคนหนึ่งในที่นี้ .. คำถามที่คลับคล้ายคลับคลาว่า ถูกเมฆพัดใช้ไปแล้วเมื่อไม่กี่นาที

“หมายความว่ายังไงคะ .. พี่พัด .. เภา .. หมายความว่ายังไง”

วิชชุ์วิธูปรายสายตามองชายที่ไม่รู้จัก แต่พอจะเดาอะไรได้บ้างแล้ว หากที่เขาเป็นห่วงกว่าอื่นใดในตอนนี้คือ องก์อัมพุท เพราะจากคำถามด้วยเสียงเครือของเธอ บอกได้ว่า กำลังรู้สึกเช่นไรกับชายหนุ่มและหญิงสาว

เขาเห็นความเสียใจในดวงตาคู่สวย มันค่อยๆเริ่มรื้นน้ำตา .. แต่คงไม่เท่าความรู้สึกผิดหวังต่อใครบางคน ที่จะกลายเป็นความเจ็บปวดในไม่ช้านี้












****************************************************









โปรดติดตามตอนต่อไป ...

ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม และ ขอขอบคุณสำหรับการกดไลค์ให้กำลังใจฮะ



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ก.ย. 2558, 01:31:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ก.ย. 2558, 01:31:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 1066





<< บทที่ ๑๙ .. แค่ใจน่ะ ไม่พอหรอก !   บทที่ ๒๑ .. สัมพันธ์ อันซ่อนเร้น >>
kaelek 7 ก.ย. 2558, 07:05:10 น.
งานเข้าหนูพุด งานงอกหนูเภา พี่พัดสร้างงานแล้ว หึงโหดจุงบุกถึงที่เลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account