อาลัว...กลัวรัก
รักแรก ทำให้หัวใจของอาลัวเต็มไปด้วยความสุขและเศร้า
เมื่อความรู้สึกที่เธอเคยเข้าใจมาตลอดเป็นของคนอื่น...
แต่ขนาดเธอเศร้าแทบตาย ก็ยังมีคนมาคอยสมน้ำหน้าด่าทอ
รวมถึงการมัดมือชกเสนอให้เธอคบเขาแก้เศร้าเสียเลย
นี่ถ้าเธอไม่คิดว่าเขาเป็นเกย์ แล้วอยากคบเธอบังหน้า เธอคงคิดว่าเขาเสียสติ
Tags: อาลัว ดรัล นวีน ชมนาด

ตอน: บทที่ 13 : มาดังกัมปนาท

บทที่ 12

กฎห้าก้าว...สัมปันนีเป็นคนยื่นข้อเสนอนี้มาให้ทันทีที่ตนตื่นแต่เช้า อาบน้ำเปลี่ยนชุดทำงาน อยู่ในสภาพพร้อมออกเดินทาง ส่วนตัวคนออกกฎก็ออกไปขึ้นรถที่อื่นในช่วงที่เขากำลังอาบน้ำ เขาไม่ทันเอะใจตอนที่เจอกันก่อนอาบน้ำ อีกฝ่ายก็สวมเสื้อผ้าพร้อมออกเดินทางแล้ว

‘ฉันไม่อยากให้ใครว่าเอาได้ จากนี้เวลาจะทำอะไร คุณควรอยู่ให้ห่างจากฉันห้าก้าวนะคะ’

เขาเกลียดกฎนี้ แต่จะไปทำอะไรได้ ตัวคนก็หนีเขาไปเกินห้าก้าวซะไกล จุณวัฒน์โทรเข้ามาป่วนเขาอีกครั้งตอนที่เขาขับรถเพื่อไปสะสางงานที่บริษัทให้เสร็จโดยเร็ว ก่อนไปลงพื้นที่ที่งานกล้วยไม้

“อาลัวมาถึงแล้ว”

“เออ”

“ทะเลาะอะไรกันวะ แยกกันมาได้เนี่ย”

“ตัวไม่ได้ติดกันนะเว้ย” โดยเฉพาะหัวใจ

“เดี๋ยวช่วยดูแลให้”

“ไปดูแลช่อเขาเถอะ อาลัวดูแลตัวเองได้”

จุณวัฒน์หัวเราะเสียงดัง “ขี้หึงเหมือนกันนี่หว่า”

ดรัลวางสายไปอย่างหัวเสีย เขาไม่ชอบให้ใครอ่านความรู้สึกออก แต่สัมปันนีเป็นคนที่ทำเกราะทุกอย่างของเขาพัง นับตั้งแต่เมื่อวานเย็น ภาพผู้หญิงนั่งนิ่งอยู่ตรงท้ายรถก็กระชากเขาออกมาจากเกราะกำบังส่วนตัวจนหมด คนที่เจ็บหนักทางใจมาขนาดนั้น พอถึงเวลาต้องเจ็บกลับนิ่งสงบเลิกตีโพยตีพาย ต่างโดยสิ้นเชิงกับช่วงที่พยายามตัดใจจากนวีน

“สวัสดีค่ะคุณดรัล” ชมนาดเปิดลิฟต์ที่กำลังจะปิดค้างไว้ให้ และเมินเฉยต่ออีกหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่ร่วมหายใจอยู่ในลิฟต์กับเธอ

“ทำงานคนเดียวคงเหนื่อยแย่ ลำบากคุณมากนะครับ”

“มีงานให้ทำก็ดีค่ะ...จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน” ชมนาดเชิดหน้าตอบ ปรายตามองสภาพนวีนที่ทรุดโทรมลงไปชั่วข้ามคืนอย่างสมเพช ตีความเข้าข้างตัวเองว่าอาจเกิดจากการเลิกรากับเธอ อีกไม่นาน นวีนจะต้องกลับมางอนง้อเธอแน่

“ขอบคุณที่พยายามเพื่อบริษัทเรามากนะครับ”

ชมนาดเหยียดยิ้ม รู้สึกมาเสมอว่าตัวเธอเป็นฟันเฟืองที่สำคัญของที่นี่ วันที่เลิกกับนวีนเธอก็ยังลากร่างมาทำงาน เธอจะไม่อ่อนแอเป็นผู้หญิงขี้แพ้ แต่จะทำให้ตัวเองดีขึ้น เลอค่า และท้ายที่สุดนวีนจะรู้ว่าใครคือเพชร และสิ่งใดเป็นได้แค่กรวดดิน

“ยินดีค่ะ” ชมนาดเดินยืดออกจากลิฟต์ไปทันทีที่ถึงชั้น เธอนึกสงสัยที่ทั้งดรัล และนวีนยังพร้อมใจกันอยู่ภายใน

ดรัลกดปุ่มหยุดลิฟต์ หน้าตาขรึมขึ้น “สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของอาลัว ความรู้สึกมันห้ามไม่ได้ และที่จริงผมเองก็คิดว่าคุณพอรู้ แต่ไม่เคยเปิดใจรับมัน ทำเป็นมองไม่เห็นความรู้สึกของอาลัว”

“ไม่ใช่เรื่องของคุณ” นวีนไม่สนใจอีกต่อไปว่าคนตรงหน้าเป็นใคร ใหญ่กว่าตนระดับไหน ยามนี้เมื่อพูดถึงสัมปันนี รสในปากเขาก็ขมปร่าไปหมด ความรู้สึกในใจเจ็บปวดจนทนฟังคำกระทบกระเทียบสั่งสอนนี้ต่อไปไม่ไหว

“ผมไม่อยากยุ่งนักหรอก ที่จริงก็แค่อยากมาขอบคุณ”

“ขอบคุณ? ผมไม่ได้ทำอะไร มีแต่...” ถึงเขาไม่ได้ทำร้ายร่างกายสัมปันนี แต่ทางด้านจิตใจ และคำพูดใจดำของเขาก็คงหั่นมิตรภาพสามปีแทบไม่มีสิ่งใดเหลือ

“อาลัวใช้เวลามาพักใหญ่เพื่อตัดใจเรื่องของคุณ เขาไม่เคยทำได้เด็ดขาด จนกระทั่งเมื่อวานนี้ ผมคิดว่าอาลัวน่าจะตัดคุณไปจากใจได้ง่ายขึ้น”

นวีนกำหมัดแน่น ในใจก่อเกิดแรงต่อต้าน คล้ายคลื่นที่ไม่ยอมอยู่นิ่ง มันซัดสาดใส่ตัวเขาครั้งแล้วครั้งเล่า “ผมกับอาลัว สักวัน...ทุกอย่างจะเหมือนเดิม”

“ไม่มีใครที่พร้อมจะเข้าใจคุณ หรือรอคุณไปได้ตลอดหรอก ต่อให้คนๆ นั้นจะรักคุณมาก เข้าใจคุณมากขนาดไหน ถ้าคุณไม่เคยเปิดใจรับรู้ก็สูญเปล่า...วันที่คุณกลับมาอยู่ในจุดเดิม อาลัวอาจเดินมาไกลจากจุดนั้นหลายก้าวแล้วก็ได้”

“...”

“ไม่รู้ว่าคุณมีปมอะไรในใจ แต่อย่าได้คิดว่าความรักมันเป็นยาพิษ ความรักมันจะยืดจะยาวมันอยู่ที่คนสองคน ทำไมคุณไม่คิดบ้างล่ะว่าเพื่อนบางประเภทมันยังเลิกคบกันได้ด้วยเรื่องเงิน และคู่รักบางคู่ก็คบกันยืนยาวไปจนตาย เหตุผลของคุณมันทุเรศสิ้นดี แค่ไม่อยากเสียเพื่อน” ดรัลยิ้มเยาะ มือกดเปิดลิฟต์ให้ทำงานปกติ ถามลอยๆ ก่อนออกไป “แล้วตอนนี้คุณเหลืออะไรบ้างล่ะ”

เขาเกลียดดรัล...นวีนรู้สึกแต่ไม่โง่พอจะหาเรื่องให้ตัวเองถูกไล่ออก ทุกสิ่งที่อีกฝ่ายพูดคือการจี้ใจดำ และเอาคืนเขาได้เจ็บแสบที่สุด



นักธุรกิจมักจะมีนิสัยเพี้ยนๆ...สัมปันนีได้เรียนรู้ตรงนี้ก็ตอนที่มีข่าววงในกระพือออกมาว่า ‘ยูกิ’ นักธุรกิจชื่อดังในแวดวงนำเข้ากล้วยไม้ไทยไปญี่ปุ่น ผู้นิยมทำตัวลึกลับกำลังมาด้อมๆ มองๆ อยู่ภายในงานแห่งนี้เพื่อเลือกตัวแทนคู่ค้าที่จะดีลร่วมกัน โดยไม่มีใครรู้ว่ายูกิผู้นี้เป็นใคร

ช่อมาลีซึ่งกำลังจะแต่งงานในไม่กี่วันข้างหน้ายอมวางงานแต่งงานชั่วคราวเพราะรู้สึกไม่ไว้ใจเธอ กลัวก่อปัญหา จึงได้สั่งเธอให้นั่งสงบเสงี่ยมอยู่ภายในร้าน และยัดเยียดหนังสือกล้วยไม้มาให้เธออ่านแก้เบื่อ อีกอย่างคือนั่งเฝ้าฟุ เด็กชายพูดน้อยผู้รักสันโดษ ไม่วุ่นวายกับใคร และไม่ชอบเล่นอะไรเป็นเด็กๆ แค่หนังสือเกมตัวเลขหลายชนิดที่เขามีพกติดกระเป๋ามากับดินสออีกหนึ่งแท่ง ฟุก็เลิกสนใจโลกภายนอกแล้ว

หนังสือกล้วยไม้เล่มที่เธอกำลังอ่านอยู่คือการพัฒนาพันธุ์กล้วยไม้ในแล็บวิจัย เพาะด้วยวิธีการใช้เนื้อเยื่อในขวดแก้ว เธออ่านไปหาวไป สายตาเหลือบขึ้นมองชื่อคนแต่ง ก่อนจะเพ่งมองอยู่อย่างนั้น ยิ่งกว่าโดนผีหลอก ชื่อของ ‘ดรัล’ อยู่บนนั้นพร้อมนามสกุล ความอยากรู้ทำให้เธอพลิกหนังสือไปหน้าประวัติผู้เขียน ประวัติการศึกษาของ ดร.ดรัล ที่จบเฉพาะทางการเกษตร มีผลงานเกี่ยวกับกล้วยไม้อยู่ไม่น้อย มีประสบการณ์เป็นอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัย สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้คนเพิ่งรู้รู้สึกตัวลีบเล็กลงอย่างบอกไม่ถูก

คนระดับนี้ เป็นลูกชายเจ้าของสวนกล้วยไม้ และส่งออกกล้วยไม้รายใหญ่ขนาดนี้ กำลังสนใจผู้หญิงอย่างเธอ สัมปันนีปิดหนังสือ ฟุบหน้าลงไปอย่างกลัดกลุ้ม เธอสวยเลือกได้อย่างที่มัศกอดค่อนแคะที่ไหนกันเล่า แล้วตรงไหนที่ดรัลสนใจเธอ

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของเธอช่วงนี้ดูรวดเร็วเกินไปจนเธอตั้งตัวแทบไม่ติด เป็นแฟนระยะสั้นกับดรัลไม่ครบกำหนดชีวิตของเธอก็โลดโผน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายไปหลายกระบวน

“คุณเอื้อง” เสียงผู้ชายที่พยายามบีบให้เล็กมีจริตเยี่ยงหญิงเรียกความสนใจของสัมปันนี หญิงสาวนั่งตัวตรง และหันออกไปหน้าร้านเพื่อพบกับผู้ชายหุ่นสะโอดสะอง สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว กางเกงขาเดฟอวดเรียวขาสวยขนาดเธอเองยังอาย กลิ่นน้ำหอมจากตัวเขาลอยตามลมมาเข้าจมูกของเธอจนรู้สึกฉุน ใบหน้าขาว เค้าหวานสวยจ้องตาตอบกับเธอได้ในที่สุด

ภาพผู้ชายสองคนในห้องสลัวเมื่อเดือนก่อนกลับมาหลอกหลอนหญิงสาว สัมปันนีเบิกตากว้างแทบถลน เธอจำเขาได้แม่นยำไม่มีลืม...คู่ขาของดรัล

“เธอรู้จักฉันเหรอ” หนุ่มหน้าสวยถามอย่างแปลกใจกับสายตาที่จ้องมาราวกับรู้จักดี

“เอ้อ...เปล่าค่ะ” สัมปันนีเหล่มองสภาพของตัวเองที่ไม่ต่างจากคนงานในสวนกล้วยไม้คนหนึ่ง เสื้อลายตารางแขนยาวที่คลุมทับเสื้อยืดแขนสั้นนี้คงการันตีได้ไม่น้อย ขนาดเทียบกับคู่ขาของดรัลเธอยังสู้ไม่ได้เลยสักนิด

“คุณเอื้องอยู่ไหม”

“เดี๋ยวก็คงจะมามั้งคะ”

“จะ...แปลว่ามีสิทธิ์ไม่มา” กัมปนาทพิจารณาสาวแปลกหน้าไร้ความโดดเด่นอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะแลไปยังเด็กชายผิวขาวจั๊วะข้างๆ กัน “นั่นลูกใคร”

“ลูกของ...” หญิงสาวอึกอัก ไม่รู้เช่นกันว่าฟุลูกใคร และเธอควรตอบออกไปว่าอย่างไร ระหว่าง เด็กหลงทาง...พ่อเขาฝากเลี้ยง

“ลูกพี่เอื้อง กับอาลัวเขาค่ะ” ช่อมาลีทำหน้าหงุดหงิดเข้ามาในร้าน

กัมปนาทยืนอึ้ง ยกมือปิดปาก ทำเสียงครางในคอ เกิดอาการรับความจริงขึ้นมาไม่ได้อย่างรุนแรง “อาลัวคือใคร”

สัมปันนีพยายามยกมือห้ามปฏิเสธแต่ไม่ทันปากของช่อมาลี “คนนี้ไงคะ” หญิงสาวคอตกเมื่อสายตาสองคู่กำลังเพ่งเล็งมาที่เธอ

หนุ่มหน้าสวยจ้องกราดคนที่ถูกโมเมว่าเป็นแม่ของฟุอยู่เกือบนาทีก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมาลั่น ตัวสั่นเทิ้ม มือไม้ชี้มาที่ ‘คนงาน’ ที่เขาเข้าใจ “หน้าตาบ้านๆ แต่งตัวบ้านๆ จะให้กำเนิดเด็กหน้าตาน่ารักได้ยังไงคุณช่อ อีกอย่าง คุณเอื้องเอาเวลาที่ไหนไปมีลูกจนโตป่านนี้ จะหลอกกันก็ช่วยดูด้วยว่าคนที่ฟังมีเขางอกไหม”

เฮ้อ...ยังดีที่ฉลาด สัมปันนีลอบทำหน้าโล่งอก รังสีอำมหิตเมื่อครู่ที่สาดเข้ามาน่ากลัวใช่ย่อย

“เอาคนมาหลอกวันหลังก็หาคนที่สวยกว่านี้ มีราศีเหมาะกับเอื้องเขาหน่อย ไม่ใช่...” กัมปนาทจบคำพูดด้วยสายตาที่กวาดขึ้นลง มีประกายดูแคลนอยู่ในที

คนถูกมองหน้าร้อนฉ่า เธอน่าจะเคยชินกับการถูกมองด้วยสายตากดต่ำ ทำให้เธอรู้สึกย่ำแย่ เป็นที่ขบขันไปได้ตลอด แต่ตอนนี้เธอกลับยิ้มไม่ถือสาไม่ออก ถูกนวีนเมินมาแล้วจะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง เธอยังไม่พร้อมจะให้ใครมากดหัวอีกรอบ เธอไม่สวย ไม่ได้น่ารักดูดี ยืนกับดรัลก็เหมือนคนงานตามสวนยืนกับเจ้านายผู้สูงส่ง แล้วอย่างไรล่ะ...ถ้าเจ้านายผู้สูงส่งจะพาตัวเองมาเคียงข้างสาวบ้านๆ อย่างเธอ

ดรัลจะเป็นเกย์หรือไม่ งานนี้เธอไม่สนใจแล้ว สัมปันนีกระแอม หน้าตาซ่อนความคุกรุ่นไว้ยามที่ต้องกระแอมเป็นครั้งที่สองกว่าที่จะเรียกความสนใจของกัมปนาทได้

“ฉันเป็นแฟนพี่เอื้องค่ะ”

“สมองกระทบกระเทือนเรอะแม่คุณ”

สัมปันนีเข่นเขี้ยว เธอแพ้มาเกินพอ คำพูดอะไรกระเทือนใจนิดๆ หน่อยๆ เหล่านี้จึงมีผล และทำให้เธอพองขน อยากปกป้องตัวเองเต็มกำลัง “คุณต่างหาก ตาไร้แววเหรอคะ”

“ฉันจะให้เอื้องไล่เธอออก ไม่รู้หรือไง ว่าฉันเป็นคนสำคัญที่มีผลกับธุรกิจของคุณเอื้อง ชะนีน้อยๆ อย่างเธออย่าได้คิดเทียบ”

“จะสำคัญขนาดไหนเชียว” เธอรำพันเบาๆ เสียงตัวเองเริ่มเบาลงทีละนิด หวังว่าคนตรงหน้าจะแค่ขู่ไปอย่างนั้น

เจ้าของร่างสะองหัวเราะเหอะ “พ่อฉันเป็นเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ ที่รับส่งกล้วยไม้ให้คุณเอื้องเขา”

สัมปันนีสูดลมหายใจเข้ายาวๆ และลึก ความใหญ่คับจอชนิดคนอย่างเธอเทียบไม่ติดทำให้หญิงสาวเป็นใบ้ไปไม่เป็น ช่อมาลีที่เห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้ามา

“พี่เอื้องไม่อยู่ที่นี่”

“รู้แล้วน่า วันหน้าวันหลังก็สั่งสอนคนของเธอให้รู้จักมารยาทซะบ้าง ใส่แว่นแล้วยังไร้แววไม่รู้ใครเป็นใคร” กัมปนาทมีวุฒิภาวะพอจะไม่เอาเรื่องกับคนที่เด็กกว่า ทั้งยังอยู่ในฐานะที่ต่ำกว่า ความดูแคลน และแบ่งชั้นอย่างชัดเจนทำให้สัมปันนีไหล่ตก หดหู่ขึ้นมา เธอเก่งได้ไม่ถึงนาทีก็ถูกตีหงายกลับ ซ้ำยังถูกผลักตกเหวลึกอีกต่างหาก

“ฝันสูงไม่ดูน้ำหน้าตัวเองเลย”

ตุ้บ...สัมปันนีกำมือทุบลงบนโต๊ะอย่างแรง เส้นอดทนในใจขาดผึง ความกลัวเปลี่ยนเป็นความกราดเกรี้ยว คนตรงหน้าไม่รู้เลยสักนิดว่าเมื่อวานนี้เธอต้องผ่านอะไรมาบ้าง ร่างกายสั่นเทิ้มรุนแรง

“แล้วน้ำหน้าอย่างคุณล่ะ เกิดมาจากเทวดาชั้นฟ้าเหรอคะ ทุกคนมีความเป็นคนเท่ากัน อย่ามาทำท่าว่าคุณสูงส่งวิโสมาจากไหน เพราะทุกคำพูดของคุณมันไม่ได้ดูสูงตามตัวที่คุณคิดว่าเป็นเลย” สัมปันนีลอกเลียนสายตาที่เพิ่งถูกกัมปนาทมองก่อนหน้า ใช้มองกลับไปได้อย่างนักเรียนชั้นยอด มือจับขาแว่นแตะ ท่าทางกวนประสาทอย่างที่ตัวเองไม่รู้มาก่อนว่าทำได้ “แว่นฉันมองเห็นชัดเจน ไม่ใช่ฉันมีแววมองไม่เห็นความสูงส่งของคุณหรอกค่ะ คุณต่างหากที่มองไม่เห็นตัวเองว่าต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดไหน”

“นังชะนีน้อย!” กัมปนาทกรีดร้องรับไม่ได้ ปากยังอาละวาดไม่หยุด “ฉันจะให้คุณเอื้องเล่นงานเธอจนไม่มีที่ยืน คนอย่างฉันสามารถทำอะไรได้มากกว่าคนอย่างเธอ เธอทำเงินให้เขาได้หรือไง วันๆ คงได้แต่ขายกล้วยไม้”

สัมปันนีกัดฟันกรอด พอถูกเตือนเรื่องอิทธิพล อำนาจที่กัมปนาทมี เธอก็แทบสู้ หรือช่วยหนุนนำดรัลไม่ได้เลย ลูกกระจ๊อกอย่างเธอเป็นภาระชิ้นโตที่เขาต้องคอยเสียเวลามาซับน้ำตาให้เธอด้วยซ้ำไป

แต่เธอจะไม่ทนให้ใครมาว่าฝ่ายเดียวอีก คนอย่างเธอก็ยังพอมีเกียรติแห่งความเป็นเจเนอรัลเบ๊!

“คุณล่ะคะ ทำธุรกิจแต่เอาเรื่องส่วนตัวมาบีบคั้นต่อรองหรือเปล่า ธุรกิจบังหน้า ทั้งที่ใจคุณอยากใกล้ชิดพี่เอื้องตัวสั่น”

“ทำไมล่ะ...ฉันจะเข้าหาคุณเอื้องทางไหน ก็ดีกว่าเธอที่ไม่มีประโยชน์อะไรให้เขา”

หนึ่ง...สอง...สาม สัมปันนีนับเลขในใจอย่างอดทน เธอพยายามคิดถึงเงินที่ดรัลได้มาจากผู้ชายตรงหน้าก่อนจะเก็บคืนทุกคำที่มีแต่ทำให้เรื่องราวบานปลาย เธอเองก็จนปัญญาจะสู้แล้วจริงๆ

“ขอโทษค่ะ ฉันมันก็แค่มดตัวเล็กๆ สู้ราชสีห์ใหญ่อย่างคุณไม่ได้หรอก”

“มด!” น้ำเสียงเรียกเยาะหยัน

โอเค นอกจากเป็ด เธอมีคำด่าใหม่เพิ่มเข้ามาในชีวิตแล้ว และปลอบใจตัวเองว่ามดอย่างเธอ ตัวเล็ก กัดเจ็บ...ทั้งยังโดนเหยียบไม่ตาย

“ค่ะ” ไลอ้อนควีน คำหลังเธอได้แต่ว่าค่อนแคะอีกฝ่ายแต่ในใจ

เกมจ้องตาดำเนินความน่าอึดอัดไปอีกครึ่งนาที ช่อมาลีจึงถือโอกาสทำลายบรรยากาศกึ่งมาคุ กึ่งกดดันนี้ลง “อาลัว ฟุไปไหน”

“ฟุ ก็...” สัมปันนีตั้งใจจะชี้ไปยังที่นั่งตรงข้ามกับตัวเอง แต่ก็พบแค่เก้าอี้ว่างๆ ตัวหนึ่ง ปราศจากเด็กชาย

“เห็นลุกไปเมื่อตะกี๊นี้เอง” กัมปนาทบอกออกมาอย่างรำคาญ

“หืม”

“ทำไม เด็กวัยขนาดนั้นมีอะไรให้น่าห่วงนักหนาฮะ”

ฟุสิบขวบแล้ว...แต่ เด็กชายที่พูดภาษาไทยไม่ได้ ฟังอังกฤษไม่ออก ในบริเวณที่คนพลุกพล่าน รู้หน้าไม่รู้ใจ ถึงจะค่อนข้างแปลกใจที่ฟุดูจะเชื่อใจเธอ และคนของสวนดิเรก แต่ใช่ว่ามนุษย์เราจะโชคดี และใช้ความเชื่อใจได้ฟุ่มเฟือยกับคนทุกคนเสียเมื่อไหร่ ตอนพบกันครั้งแรก ไม่ใช่ว่าฟุเพิ่งถูกยิงมาเหรอ เด็กคนนี้คงจะมีชีวิตเบื้องลึกเบื้องหลังไม่ธรรมดานัก

ความเป็นห่วงทำให้สัมปันนีตั้งใจจะยุติสงครามน้ำลายต่างศักดิ์ และออกตามหาฟุ อย่างน้อยผู้ปกครองของฟุก็อุตส่าห์ฝากเด็กชายไว้ให้

“อาลัว” ช่อมาลีส่งสัญญาณให้เธอรีบออกไปด้านนอก

สัมปันนีพยักหน้ารับทราบ เบี่ยงตัวหลบร่างสะองที่ยังทำหน้าพร้อมมีเรื่องกับเธออยู่ตลอดเวลา วันนี้อารมณ์เธอเสียศูนย์ไปไม่น้อย ตั้งแต่ความผิดหวังเล่นงานมาอย่างหนัก เธอก็สงบนิ่งมาตลอด แต่ใครจะรู้ว่าความสงบนิ่งของตัวเธอกลับซ่อนความคุกรุ่นภายในที่ยังไม่รู้ว่าจะระบายออกมาอย่างไรให้หมด เธออดทนต่อหลายสิ่งไม่ได้เหมือนแต่ก่อน เธอได้แต่แอบหวังให้ตัวเองกลับสู่ความปกติโดยเร็ว

เดินออกมานอกซุ้มร้านได้ไม่ถึงสิบก้าวดี เธอก็ตัวปลิวตามแรงมือปริศนาที่โผล่มาจากด้านข้างกระชากให้เดินตามไปอย่างไม่ทันตั้งตัว แผ่นหลังหนาอันคุ้นเคยเดินนำเธออยู่เบื้องหน้า อารมณ์รุนแรงทั้งหลายแหล่ที่เพิ่งระเบิดออกมาจึงค่อยๆ สงบลง...เขามาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไมถึงได้ปล่อยให้เธอปะทะคารมกับคู่ขาของเขาได้ตั้งนานสองนาน เครื่องหน้าของสัมปันนนีแสดงคำถาม แต่ไม่ได้พูดออกมา

“ทะเลาะกับกัมปนาท ความดันขึ้นมาบ้างไหม” ดรัลหยุดเดินเร็ว ให้สัมปันนีเดินขึ้นหน้าเคียงกัน มือจับกระชับไว้แน่น หลังจากอยู่ในฝูงชนที่หนาแน่น และห่างจากบริเวณร้านมาพอสมควร เขายังมีเหลียวหลังไปมองเป็นระยะ หวั่นว่าจะมีคนตามมา “ขอโทษที่ไม่ได้ออกไปปกป้องคุณ ผมเองยังปกป้องตัวเองยากเลย”

“คุณโดนคุกคาม หรือสมยอมเขากันแน่” เธอยังไม่เคยคุยกับดรัลจริงจังในเรื่องของกัมปนาท มือที่จับกันอยู่จนถึงเวลานี้ในใจเธอก็ยังคิดว่ามีโอกาสที่จะจับกับมือของเพื่อนสาว มากกว่าหนุ่มแมนๆ

ดรัลขมวดคิ้ว หรี่ตาลงมองคนที่ยังคลางใจเรื่องของเขาอย่างหัวเสีย ขี้เกียจจะมานั่งอธิบายในช่วงเวลาฉุกละหุก จึงปัดเรื่องน่าปวดหัวนี้ทิ้งไป และเข้าเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่า

“คนของยูกิบอกข่าวกับพ่อค้ากล้วยไม้ของงานนี้มาแล้ว ว่าให้ทำอย่างหนึ่ง เขาจึงจะทำการค้าด้วย”

“อะไรคะ” คงเป็นภาษาธุรกิจที่เธอไม่เข้าใจ

“ตามหาเด็กชายที่ชื่อฟุ”

“ฟุ?” คงไม่ใช่ ปากของหญิงสาวค่อยๆ อ้ากว้างขึ้น ดวงตาฉายรอยผิดหวังที่ตัวเองไม่เฝ้าเด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งไว้ให้ดีๆ เธอเกือบจะทำเงินมหาศาลให้ดรัลได้แล้วแท้ๆ ไม่ใช่ดีแต่เป็นภาระอย่างที่เป็นอยู่ ให้คนอื่นเขาดูถูกอยู่ร่ำไป

“มาช่วยกันหาเถอะ”

“ขอโทษที่ฉัน...”

ดรัลยกนิ้วทาบริมฝีปากบางให้หยุดพูด ส่ายหน้าไม่เห็นด้วย “ขอโทษทำไม นี่ไม่ใช่ความผิดคุณ พวกเขาวางแผนกันมาก่อนหน้าแล้ว และผมจะไม่ยอมเดินตามเกมพวกเขาเด็ดขาด”

“มันคือเกมอะไรล่ะคะ” พวกนักธุรกิจชอบคิดอะไรซับซ้อนกันอย่างนี้หมดล่ะสิ

“เหนือฟ้ายังมีฟ้า”

เขาว่าชื่อเกมอะไรนะ สัมปันนียังสงสัย และได้แต่มองมือของตัวเองที่ถูกจับจูงไว้อย่างแน่นหนาในอาณาบริเวณที่ผู้คนเดินไปมาขวักไขว่ เธอว่าการแยกกันหาจะง่ายกว่า แต่...เธอก็ยังปล่อยให้ตัวเองถูกเขาจูงไปไหนได้เรื่อยๆ ต่อไป
รู้สึกว่าเขาละเมิดสิทธิกฎห้าก้าวที่เธอเพิ่งตั้งขู่เขาไป...ตอนนี้ละกฎนั่นก่อนก็ได้

...................................

คุณ yapapaya จะเป็นบุคคลน่ากรี๊ดตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบไหมนะคะ ฮา

คุณ ปิ่นนลิน ดรัลอาจจะให้มาถามอาลัวว่าพร้อมจะเสียเขาไปไหมหรือเปล่า ฮา

คุณ konhin ให้ยืมตัวดรัลไปควงเล่นได้นะคะ อิอิ

คุณ กาซะลองพลัดถิ่น คุณพ่อเขาเป็นห่วงลูกสาวค่ะ เจ็บมาแล้วครั้งหนึ่ง ประโยคสุดท้ายของอาลัวเมื่อบทก่อน คืออะไรคะ แกล้งโง่ แฮร่

คุณ ปอกะเจา ผู้สนับสนุนทีมบอสอย่างเป็นทางการ บอสมีกำลังที่เหนียวแน่นค่ะ ทีมนวีนไม่มี แต่ก็ยังก่อหวอดใต้น้ำได้อยู่เรื่อยๆ น้า

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ ไม่ช้าไม่เร็วนี้ นวีนจะได้เรียนรู้แล้วล่ะค่ะ

หายไปสามวัน (ชีวิตฝึกสอน) นอนนอกบ้าน ทำให้รู้เลยค่ะว่าปั่นงานได้ไม่ลื่นไหลเท่าอยู่ที่บ้านจริงๆ อากาศดีก็ไม่ช่วยอะไร >_< ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เข้ามากดถูกใจ และแสดงความคิดเห็นมากๆ ค่ะ



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ส.ค. 2558, 06:38:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ส.ค. 2558, 06:38:17 น.

จำนวนการเข้าชม : 1408





<< บทที่ 12 : เลิกซื่อ   บทที่ 14 : อย่านึกถึงเขา >>
konhin 20 ส.ค. 2558, 10:29:07 น.
แอบสะใจที่นวีนโดนในลิฟต์ อาลัววีนแตกซะงั้น ว่าแต่ฟุมาเกี่ยวอะไรกับงานได้อ่ะ


sai 20 ส.ค. 2558, 11:22:31 น.
ฟุ คือยูกิหรืออ


Kim 20 ส.ค. 2558, 11:43:12 น.
ชักจะรำคาญนายนวีนละพอๆกับยัยชมนาดนี่แหล่ะ สมกันเหมือนผีเน่ากับโรงผุ


กาซะลองพลัดถิ่น 20 ส.ค. 2558, 13:11:21 น.
ช่อต้องการให้อาลัวปะทะโดยตรงกับเกย์กัมปนาท แน่ ๆ เลย ...
อย่าให้อาลัวหันกลับไปชอบหรือรักนวีนอีกเลย เอาแค่เพื่อนเฉยเหมือนเดิมพอ.....
เอาฉากหวาน ๆ มาอีกนะคะ .....


นักอ่านเหนียวหนึบ 20 ส.ค. 2558, 20:01:56 น.
เอาสมการเลขยากๆ มาให้แก้ยังง่ายกว่านั่งแปลภาษาพี่เอื้อยอีกนะเจ้าคะ ขอวุ้นแปลภาษายากให้เป็นง่ายหน่อยได้มะ น้องสมงสมองไม่แล่นละ 5555


ปิ่นนลิน 21 ส.ค. 2558, 00:39:11 น.
เหมือนจะเป็นอาลัว ฟังภาษา ตามเกมนักธุรกิจดรัลไม่ออก 555

ที่แท้ดรัลก็หนีไลอ้อนควีนเลยไม่โผล่ไปช่วยอาลัวนี่เอง

ดรัลสเปคเกย์หรือ อิอิ


yapapaya 21 ส.ค. 2558, 14:51:57 น.
สเปคเกย์


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account