~ สายใย .. ไฟรัก ~
~ สายใย .. ไฟรัก ~


เส้นสายใย .. ใครกันหนอ .. ที่ทอถัก
เส้นสายรัก .. ใครจักสาน.. ขานคำขอ
เส้นทางเดิน .. ใครเหินห่าง .. ต่างเฝ้ารอ
ไฟรักพอ .. ต่อหัวใจ .. ให้อุ่นอิง




เธอ .. คือ เพื่อนสนิทของน้องสาวเพื่อนรัก

เขา .. คือ ผู้บริหารโรงแรมจอมเผด็จการ แต่กลับเป็นเพื่อนรักพี่ชายของเพื่อนสนิท

ทว่า ..

เธอ .. ในสายตาของเขา .. คือ คนอวดดี ยโส ที่ใช้เพื่อนเป็นทางผ่านไปสู่ความสำเร็จของตัวเอง

เขา .. ในสายตาของเธอ .. คือ ผู้ชายไร้เหตุผล เอาแต่ตนเองเป็นใหญ่

ที่สำคัญเหนืออื่นใด .. ทั้งเธอและเขา .. กำลังตกหลุมรักคนที่ไม่ควรจะรัก!




***************************
Tags: ความรัก ครอบครัว เพื่อน

ตอน: ใยเส้นที่ 14 .. คืนนี้ ไยช่างยาวนาน




เพลิงกัลป์ฉุกใจคิดได้ว่า ตนเองหุนหันพลันแล่นจนละเลยคนที่เขาพามาด้วย แต่ก็ทำเป็นไม่ไยดีอารมณ์หงุดหงิดแปลกๆ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่มัสลินอยู่ในสายตา และมันยิ่งทวีความฉุนเฉียวหนักข้อขึ้น เวลาเห็นเธออัธยาศัยไมตรีที่หยิบยื่นให้ผู้ชายคนอื่น แตกต่างจากที่มีต่อเขาโดยสิ้นเชิง .. จะมียกเว้นก็คืนนี้เท่านั้น

ชายหนุ่มนึกถึงคำสั่งที่เน้นย้ำเข้มงวดกับไกด์สาวว่า อย่าอยู่ห่างจากเขา แต่นี่ไม่ทันไรก็คลาดสายตากันแล้ว

ความรู้สึกลึกๆรู้ดีว่า สาเหตุมาจากอะไร แต่ตอนนี้ไม่ใช่สิ่งสำคัญไปกว่าคำถามที่ว่า .. มัสลินหายไปไหน

ท่านประธานฯรู้คหยุดยืนนิ่ง ขืนตัวเองไม่ให้ไหลไปตามกระแสผู้คน กวาดสายตามองโดยรอบอย่างช้าๆ แทบจะเรียกได้ว่า สแกนหาในแต่ละตารางนิ้ว

แล้วก็ทันได้เห็นเรือนร่างสมส่วนที่จดจำได้แม่นยำ ถูกยื้อยุดฉุดลากรั้งกันไปอีกทาง .. แน่นอนว่า ไม่ได้เกิดจากความยินยอมพร้อมใจ หากมิอาจขัดขืนเรี่ยวแรงนั้น

เพลิงกัลป์นิ่วหน้าเคร่งยิ่งกว่าเดิม ความเครียดเริ่มย่างกรายเงียบๆ เขารับรู้ไม่ต่างจากคนอื่น ปาร์ตี้ฟูลมูนนอกจากนักเที่ยวที่มาหาความสำราญแล้ว ยังมีอันตรายอื่นแอบแฝงในมุมมืดเสมอ และมันจะแสดงตัวเมื่อใครบางคนพลั้งเผลอไม่ระมัดระวังตัว

ทิศทางที่มัสลินถูกพาตัวไป เป็นทางเดียวกับด้านหลังเวทีใหญ่ซึ่งแบ่งสัดส่วนแก่ดีเจเปิดเพลง สลับกับการแสดงดนตรีสด และพอเพ่งมองจริงๆเชดส์ที่ต้องทำหน้าที่ กลับไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว

"คุณไฟ มาด้วยเหรอคะ"

เพลิงกัลป์ชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวไปข้างหน้า ด้วยเสียงเรียกไม่เบานักเพราะต้องแข่งกับเสียงรอบข้างที่เซ็งแช่ ชายหนุ่มรู้ได้ทันทีว่า ภารกิจเร่งด่วนต้องทอดเวลาไปเล็กน้อย ก่อนหันมาหาสรัลรีที่ยืนยิ้มกว้างรอรับ บอกความยินดีเต็มเปี่ยมที่ได้พบเขา

"คุณรี่ .."

"เอ .. รี่ไม่ได้ตาฝาดเพราะกำลังมึนเครื่องดื่มนะคะ ที่เห็นคุณไฟที่นี่"

สรัลรีแกล้งกระเซ้าทั้งที่ความจริงในใจอดคลางแคลงไม่ได้ว่า เหตุใดเพลิงกัลป์ที่คอยบ่ายเบี่ยงกับงานนี้มาตลอด กลับปรากฏตัวเบื้องหน้าเธอ

ชายหนุ่มไม่ทันคิดด้วยซ้ำว่า เขาอาจได้พบสาวเจ้าของร้านอาหารขึ้นชื่อบนเกาะ ก่อนจะแก้สถานการณ์แบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่นอย่างรวดเร็ว สอดคล้องกับสีหน้าคลายความเข้มขรึมลง ราวกับมีแววยินดีไม่ต่างกัน

"แต่ผมคิดอยู่แล้วว่า ต้องได้พบคุณ"

"ค่ะ รี่ต้องสแตนด์บายในงานนี้ประจำ คุณก็รู้ .."

"แล้ว .. ผมจะได้มีโอกาสเห็นลีลาควงไฟของคุณรี่ไหมครับ"

หญิงสาวที่ผ่านร้อนหนาวมากว่า ๓๐ ฤดู คงไม่สะเทิ้นหวั่นไหวกับคำถามง่ายๆแค่นี้ หากไม่ได้สบนัยน์ตาวับวาวล้อแสงไฟคู่นั้น ที่ส่งมาคล้ายคาดหวังในตัวเธอ

สรัลรีเคลิ้มไปกับคำพูดของเพลิงกัลป์ง่ายดาย พอๆกับดีกรีแอลกอฮอล์ที่สะสมมาตั้งแต่ช่วงค่ำ ดวงตาเรียววาดกรีดอายส์ไลเนอร์ดูโฉบเฉี่ยวกว่าปกติ ช้อนสบตาตอบคล้ายเปิดโอกาสแก่เขา

"ไม่คิดว่าจะได้ยินนะคะเนี่ย ทั้งที่เคยชวนมาก็หลายครั้ง .. รี่เพิ่งปลดระวางตัวเองน่ะค่ะ มีลูกน้องรับช่วงต่อ แต่ถ้าคุณไฟสนใจ .. รี่ยินดีทุกเมื่อ"

"ท่าทางคุณรี่ดู .. ต่างจากทุกทีที่เราเจอกันนะ"

เพลิงกัลป์รู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง จึงเลี่ยงที่จะรับปากโดยบอกสรัลรีไปเช่นนั้น ส่วนหนึ่งก็อดห่วงไม่ได้ถึงแม้ว่า เธอจะเชี่ยวชาญเรื่องเครื่องดื่ม แต่ใช่ว่ามันจะไม่แทรกซึมเข้าสู่อณูในร่างกายเสียเลย แล้วเธอก็เฉลยให้เขาหายข้องใจทันการ

"รี่คงดื่มมากไปนิด พอดีเจอเพื่อนค่ะ .. แต่พอเห็นคุณไฟ รี่เลยขอแยกตัวมาแป๊บหนึ่ง"

"งั้น .. คุณรี่ตามสบายนะครับ ผมพา .. เอ่อ เอเจนซี่ทัวร์มาด้วย คงต้องขอตัวก่อน"

คำบอกกล่าวของเขาฟังดูสุภาพก็จริง แต่มันแปลได้ไม่ยากเลยว่า เขาปฏิเสธ ทำให้หญิงสาวเสียดายอยู่ลึกๆ .. ที่ไม่มีโอกาสอยู่กับเขาใต้เงาจันทร์คืนนี้

สีหน้าของสรัลรีหมองลงไปนิด แต่ความสลัวก็ทำให้ไม่เป็นที่สังเกตนัก เมื่อเพลิงกัลป์มาด้วยเรื่องงาน เธอก็จำใจต้องปล่อยสิ่งที่คิดไป .. แต่โอกาสสร้างได้เสมอ

"วางงานบ้างก็ได้นะคะ คุณไฟ .. แล้วเรื่องโชว์ ถ้ายังอยากดู .. รี่จะซ้อมกับเด็กๆช่วงค่ำๆแถวบาร์ริมหาดร้านรี่ค่ะ"

"ครับ .. คงสักวันที่ผมจะได้ชื่นชมลีลาที่ใครๆบนเกาะนี้ .. ต่างก็ร่ำลือ"

เพลิงกัลป์ไม่เสียเวลาอีกแล้ว จบประโยคเขาก็หันหลังแทรกกายเบี่ยงซ้ายขวาไปในกลุ่มคน จนสรัลรีที่มองตามไม่สามารถแยกได้แล้วว่า ชายหนุ่มหายไปทางไหน




มัสลินเกาะแขนศรตฤณไม่ยอมปล่อย ตื๊อขอคำตอบของคำถามจนอาหนุ่มต้องยกมือวางบนศีรษะ ซึ่งเจ้าตัวปล่อยผมยาวสลวยก่อนโยกจนหัวสั่นหัวคลอน ก่อนจะเปรยยิ้มๆพร้อมเดินเคียงกันมาหยุดคุยในมุมที่มองแล้วว่าปลอดคน

"จะเอาคำตอบจริงๆ หรือโลกสวยล่ะ ลินิน .."

"จริงสิคะ .. ลินินจะได้มีข้อมูลว่า มันดีหรือไม่ดี ปลอดภัยพอที่จะเสนอเข้าไปในแพ็คเกจนำเที่ยวหรือเปล่า"

"อ่อ .. สรุปนี่มาทำงานหรือเรา .. โธ่เอ๊ย อาก็หลงคิดว่าใครเขาหลอกพามา"

หญิงสาวเกือบหลุดหัวเราะคิกออกมา กับประโยคแสดงความห่วงใยของคุณอารูปงาม แต่ก็ต้องสะกดกลั้นเอาไว้ ไม่อยากให้เขารู้ว่า แท้จริงแล้ว เหตุผลของเธอก็เพิ่งนึกขึ้นได้สดๆร้อนๆเหมือนกัน

"อาป่านสบายใจเถอะค่ะ เรื่องที่ใครจะมาหลอกลินินน่ะ .. ไม่มีทาง เว้นเสียแต่ .. ถึงเขาหลอก แต่เต็มใจให้หลอก .."

"นั่นมันเพลงสมัยอาเด็กๆเลยนะ"

"ไม่น่าแปลกอะไรนี่คะ .. อยู่กับอาป่านก็ต้องคุยให้สมวัยอาสิ ขนาดเสียงเพลงสายเรียกเข้าของอาป่าน ลินินยังตั้งเป็นเพลงต้นวรเชษฐ์เลย"

คุณอายังหนุ่มทำหน้ายู่ใส่คุณหลานที่โตเป็นสาวขึ้นมาทันเขา จนกล้าต่อปากต่อคำเย้าแหย่กันได้ แต่วูบหนึ่งเขานึกเปรียบเทียบกับหญิงสาวอีกคนที่กำลังสานสัมพันธ์ลึกซึ้ง .. ด้วยภารกิจบางอย่าง

เพชรงามยามหลับใหล ใบหน้าไร้การแต่งแต้ม เรือนกายไร้อาภรณ์บดบัง .. เธอก็ช่างงดงามจับตาสมวัยสาว และอายุอานามคงไม่ต่างจากมัสลินเท่าใดเลย

ศรตฤณเผลอถอนหายใจหนักเมื่อนึกเปรียบเทียบหญิงสาวสองคน แต่แตกต่างด้วยสถานะ สำนึกผิดชอบก่อความรู้สึกอดสูมากระหน่ำทิ่มแทงในใจหนักหน่วงทันที

นับครั้งไม่ถ้วนที่ก่นด่าปรามาสตนเองว่า อับจนหนทาง ถึงกับต้องทำเหมือนหลอกใช้ผู้หญิงเชียวหรือ!

"อาป่านเป็นไรรึเปล่า .. ไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร .. ช่างมันเถอะค่ะเรื่องนั้น .. ว่าแต่ ลินินชักสงสัยแล้วนะว่า อาป่านมาทำอะไรกันแน่ .. แล้วไหนคะ แฟน .. พามาด้วยมั้ย"

มัสลินเอ่ยถามเมื่อเห็นศรตฤณทำหน้าเหมือนคนกำลังสลดใจ เธอเหลียวซ้ายแลขวามองหาใครบางคน ที่คิดว่าอาจจะมาพร้อมอาของเธอ

ทว่า ไม่ทันที่ใครจะได้คำตอบที่แต่ละคนต้องการ บุคคลที่สามพลันก้าวเข้ามาสมทบ ซึ่งทั้งมัสลินและศรตฤณหันมามองเป็นสายตาเดียว เมื่อคนมาใหม่โพล่งคำตำหนิอีกฝ่ายให้ได้ยิน

"ซายน์ .. นายจะบ้าหรือไง ไปฉุดแขนลากคุณลินินออกมาแบบนี้"

มัสลินตะลึงตาค้างกับคำตะคอกถามเอาเรื่องของเชดส์ บุคลิกของหนุ่มเดรดล็อคในสายตาเธอยามนี้ จริงจังจนไม่เหลือเค้าคนอารมณ์ดีขี้เล่นก่อนหน้าเลย

ศรตฤณปรายตามองเชดส์ยกยิ้มยียวน จนหลานสาวรู้สึกใจคอไม่ดี ความตื่นเต้นระทึกขวัญ ทำให้ลืมคิดแม้กระทั่งว่า ทั้งสองคนอาจรู้จักกันอยู่แล้ว ได้แต่เกรงว่า ความเข้าใจผิดอาจนำไปสู่ปัญหาบานปลาย จึงรีบถลันตัวออกมายับยั้งไม่ให้มันลุกลามไปมากกว่านี้

"คุณเชดส์คะ .. ลินินไม่เป็นไรค่ะ .. นี่คุณอาลินินเอง .. ไม่มีอะไรหรอกค่ะ"

"หืม .. คุณอา? .. ของคุณลินิน .."

หนุ่มเดรดล็อคเลิกคิ้วบอกอาการงุนงงโดยสุจริตใจ ทวนคำบอกเล่าของมัสลิน พลางเสมองไปยังเพื่อนที่ยืนยิ้มกริ่มผงกหน้าเร็วๆหนึ่งครั้ง เป็นการยืนยัน

"เฮ้ย .."

เชดส์อุทานลั่นยกมือทั้งสองข้างเสยศีรษะลักษณะจะขยุ้มผมหลอด หรี่ตาไปทางศรตฤณอีกรอบแล้วจึงลดมือลง หลังจากคิดอะไรได้

มัสลินสะดุ้งนิดหนึ่งตอนที่เชดส์ทำเสียงดัง แต่พอชำเลืองมองทางอาหนุ่มของเธอ กลับพบว่าเขาแค่ยืนกอดอกจ้องหนุ่มเร้กเก้ดีเจประจำงานนิ่งๆ จนอีกฝ่ายยอมลงให้

"โอเค .. ถ้าไม่มีอะไร .. ก็ดีแล้ว"

"แล้วนายคิดว่า มันจะมีอะไรล่ะ"

"ก็คิดว่าจะมี แต่มันไม่มีน่ะสิ"

"งั้นนายก็กลับไปทำหน้าที่ของนาย .. ฉันยังต้องดูแลงานนี้จนถึงเช้า"

บทสนทนาที่ทำให้หญิงสาวได้แต่เป็นผู้ฟัง ไม่สามารถสอดแทรกได้ ยิ่งเธอต้องคอยหันมองคนนั้นทีคนนี้ที ก็ยิ่งเพิ่มพูนความสงสัยมากมายหลายคำถาม แต่ก็พอจะมองออกแล้วว่า ศรตฤณ .. อาของเธอ กับเชดส์ .. เพื่อนใหม่ที่เพลิงกัลป์แนะนำ .. พวกเขาสองคนรู้จักกันค่อนข้างดีทีเดียว

"ท่าจะก็ไม่เจอน้ำตาสักหยดสินะ .. รอบนี้"

เชดส์พูดทิ้งท้ายราวกับในบริเวณนี้ไม่มีใครอื่น นอกจากเขาและศรตฤณ กระทั่งบุคคลที่สามซึ่งฟังอยู่นานสนใจใคร่รู้ว่า สิ่งที่เจ้าของรูปลักษณ์อันโดดเด่นเอ่ยขึ้น หมายถึงอะไร

“งานปาร์ตี้สนุกขนาดนี้ ใครจะมีน้ำตากันคะ คุณเชดส์”

คำถามจากน้ำเสียงหวานหูของมัสลิน ทำหน้าที่คล้ายระฆังข้างเวทีมวย เรียกสติบุรุษสองคนที่วิสาสะกันเหมือนอยู่ตามลำพัง ให้หันไปทางหญิงสาวคราวเบญจเพสซึ่งจ้องพวกเขาอยู่แล้ว

ดีเจประจำปาร์ตี้เหลือบสายตาไปทางศรตฤณ ท่าทางภาษากายอ่านได้ชัดเจนว่า เจ้าตัวไม่ต้องการให้พูดอะไรมากกว่านี้แล้ว ซึ่งตรงกับความคิดของเชดส์

“พวกอกหักน่ะคุณลินิน .. มางานนี้ต่างคนต่างที่มา ต่างความคิด พอไม่สมหวัง .. ก็นะ”

หนุ่มเดรดล็อคยักไหล่เบ้ปากแถมยักคิ้วแผล็บ แล้วปล่อยคำพูดค้างคาไว้เช่นนั้น ไม่ทันไขข้อข้องใจของลินินให้กระจ่างก็มีท่าทีจะผละจากไป ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้จึงถามเธอทันที

“แล้ว .. นายหัวล่ะครับ .. คุณลินิน”

สีหน้าครื้นเครงสบายอารมณ์ปรากฏหลังคำถาม หากสายตาทอดประกายวิบวับตั้งใจยั่วแหย่ ด้วยการปะทุเชื้อความสงสัยแก่เพื่อนตัวเอง

“สงสัย .. คงหลงกันซะแล้ว .. ถ้ายังไง เดี๋ยวผมขึ้นเวทีจะลองสอดส่องให้นะ .. ขอตัวครับ”

เชดส์ยิ้มกับมัสลินผงกศีรษะเล็กน้อยไม่ต้องการคำตอบใดๆจากเธอ และยังเผื่อแผ่ไปถึงศรตฤณที่บัดนี้ริมฝีปากเม้มเรียบตรง ขึงตามองเขาอย่างต้องการจะบอกความโดยไม่ต้องเอ่ยคำ ดั่งอ่านใจกันและกันออกง่ายดาย

ไปได้แล้ว ..





เพชรงามข่มใจสุดขีดที่จะไม่ตามคนของเธอไป เพราะยังมีสิ่งที่ต้องทำ นั่นคือ เฝ้าสังเกตบางสิ่งในคืนนี้

ความสนุกสนานในฟูลมูนปาร์ตี้ ใช่จะมีแต่เสียงเพลง เครื่องดื่มและกิจกรรม หากยังรวมไปถึงสิ่งที่ช่วยสร้างความบันเทิงเริงรมย์ เป็นของขวัญที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ และมนุษย์ก็ได้ค้นพบวิธีใช้ประโยชน์จากมันได้มากมาย

‘เนื้อ’ หรือ กัญชา ถูกจำหน่ายจ่ายแจกโดยง่ายดายราวกับขนมห่อ วิธีจัดการกับมันในวิถีของผู้ริลอง ทำให้อะไรๆรอบตัวดูสนุก สวยงามและตื่นเต้นไปหมด แต่มันก็ยังธรรมดามาก เมื่อเทียบกับ ‘เทียร์ส’

เพชรงามได้ยินนักเที่ยวบางกลุ่มพูดคุยกันถึง ‘น้ำตา’ ที่ว่ากันว่า หนึ่งหยาดของมัน แม้จะมีมูลค่าการซื้อขายไม่เท่ากับ ‘น้ำแข็ง’ แต่ด้วยคุณภาพที่มีคนเคยทดลองมาแล้วและบอกต่อ .. ชื่อของมันก็เริ่มแพร่หลายมากขึ้น

สารสกัดไร้สีไร้กลิ่นมีอานุภาพจนเป็นที่จับตา แต่เนื่องจากมันยังเป็นของหายาก .. ราคาของมันจึงถีบตัวสูงขึ้นโดยอัตโนมัติ ทั้งๆที่มันถูกทำมาให้เป็นรอง ‘น้ำแข็ง’

แม้ว่านี่คืองานของเพชรงาม และเธอคือคนหนึ่งที่เคยเห็นหน้าค่าตา ‘เทียร์ส’ มาแล้ว หากก็ขยาดกับฤทธิ์ของมันด้วยเช่นกัน

หญิงสาวสาบานกับตัวเองว่า จะไม่หลั่งน้ำตาให้มันอีก แต่จะใช้มันนี่ล่ะ .. เป็นสะพานข้ามความตกต่ำที่ยังติดตัวเช่นนี้ไปให้พ้นเสียที

เพชรงามเดินผ่านกลุ่มวัยรุ่นมาได้ไม่กี่ก้าว ก็ถูกกระแทกจากชายชาวต่างชาติคนหนึ่ง ซึ่งดูจากท่าทางคงเมาไม่ใช่น้อย ความที่เธอหงุดหงิดจากภาพจำของซายน์กับผู้หญิงคนนั้น ทำให้เธอหันขวับไปทางต้นเหตุมองด้วยดวงตาวาววับ

เสียงตวาดถามเอาเรื่องด้วยภาษาสากลที่สามารถสื่อสารให้เข้าใจกันไม่ยาก ก็หลุดจากปากเรียวสวยไม่ยั้ง

“เฮ้ .. ชนฉันแล้วยังไม่คิดจะขอโทษ ไร้มารยาทสิ้นดี”

“หืม .. ใครชนคุณ ผมเดินของผมดีๆ คุณอย่ามาหาเรื่อง ..”

ชายชาวต่างงชาติร่างใหญ่แต่ไม่สูงนักหันกลับมาตามเสียงเรียกของเพชรงาม แต่พอได้เห็นรูปร่างหน้าตา คำพูดที่จ่อริมฝีปากก็ชะงักไป แล้วใช้สายตาโลมเลียมบอกอารมณ์ของผู้ชายได้เป็นอย่างดี .. รอยยิ้มไม่ประสงค์ดีพอๆกับการสืบเท้าเข้าหาหญิงกล้าชาวไทย

“แล้วถ้าขอโทษดีๆ คุณจะยอมยกโทษให้ไหมล่ะ .. ฮันนี่”


ถึงภาษาที่เพชรงามได้ยินคำพูดจะสุภาพ หากกิริยาที่ได้เห็นมันแสดงความถ่อยหยาบคายโจ่งแจ้ง ยิ่งมีคำแสลงหูถือวิสาสะเรียกอย่าง ฮันนี่ หรือแปลได้ว่า ที่รัก หญิงสาวถึงกับกำหมัดแน่นคิดว่า หากมีเรื่องกันจริงเธออาจเสียเปรียบด้านสรีระ แต่เท่านี้ก็เพียงพอแล้วกับการได้ระบายความคับแค้นแน่นอก

ดวงหน้างดงามเปล่งปลั่งด้วยโทสะ นัยน์ตาเรืองราวจะแผดเผาคนตรงหน้าให้เป็นจุล ความบอบบางไม่ใช่อุปสรรค เท้าย่างเข้าหา .. แต่ได้เพียงก้าวเดียวก็มีแผ่นหลังกว้างของบุรุษปริศนามาขวางกั้น

“คงไม่ดีมั้งครับ .. ถ้ามิสซิสโจฮันสันทราบว่าคุณมาทำรุ่มร่ามกับสาวๆคนไทย”

ถ้อยคำสากลจากน้ำเสียงแสนสุภาพ แต่ฟังแล้วรู้ได้ว่า คนพูดสามารถข่มอีกฝ่ายได้ทันตา โดยที่เพชรงามยังยืนอยู่เบื้องหลัง

“มาเที่ยว .. ก็เที่ยวให้สนุกไม่ดีกว่าหรือ .. มิสเตอร์โจฮันสัน”

“โอเค .. โอเค .. ตามนั้นก็ได้ .. แต่อย่าบอกเมียผมก็แล้วกัน .. ตกลงมั้ย ”

ชายชาวต่างชาติที่เพชรงามทราบนามสกุลว่า โจฮันสัน เดินจากไปทั้งที่ยังไม่ได้ขอโทษเธอ .. แต่ช่างเถอะ

ตอนนี้เธอสนใจแค่ชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้า ที่ออกตัวช่วยเธอเป็นใครกัน

พริบตาเดียวเขาก็หันหน้ามาสอบถามสวัสดิภาพ ด้วยน้ำเสียงสุภาพเอื้อเฟื้อเฉกเช่นคนรู้จักกัน

“ไม่เป็นไรนะครับ .. คุณเพชรงาม”

“คุณเพลิงกัลป์ ..”

เพชรงามคาดไม่ถึงว่า คนที่มาช่วยและปกป้องเธอไว้ จะเป็นคนที่เคยไปเจรจาสัญญาระหว่างโรงแรม หวังจะเป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกัน

“ขอบคุณมากนะคะ .. ไม่คิดว่าจะมีสุภาพบุรุษปรากฏกายในชีวิตจริง”

หญิงสาวพูดติดตลก แต่มันสะกิดความรู้สึกที่ว่า ทำไมคนที่ควรจะอยู่เคียงข้าง ปกป้องเธอจึงไม่ใช่ .. ซายน์

เพลิงกัลป์ยกมุมปากนิดเดียวรับคำขอบคุณ อย่างไม่ค่อยเห็นดีด้วยนักกับการยกย่อง เพราะความจริงก็แค่เขาจำชายชาวต่างชาติที่ชื่อโจฮันสันได้ เนื่องจากครอบครัวโจฮันสันทำสัญญาพักที่รู้คแบบลองเทอม หรือระยะยาวไปจนสิ้นโลว์ซีซั่น ก่อนจะบินกลับประเทศ

ชายหนุ่มไม่อยากให้มิสซิสโจฮันสันต้องเดือดร้อน จากความเจ้าชู้ของสามีจึงกล้ายื่นมือเข้ามา ซึ่งเขาไม่ทันได้คิดว่า เป็นการช่วยเหลือเลขาฯคนงามแห่งคิง เซอร์เพนท์เลย

“ท่าทางฟูลมูนคืนนี้ .. คิง เซอร์เพนท์คงจะเป็นสปอนเซอร์หลักสินะครับ ผมถึงมีโอกาสมาพบคุณเพชรงามที่นี่”

เจ้าของรู้ค รีสอร์ท แอนด์ สปา เอ่ยเรียบๆเหมือนสีหน้า ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากการพูดคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ .. คิง เซอร์เพนท์แค่ให้ความร่วมมือเท่าที่ทำได้”

“ครับ”

เพลิงกัลป์รับฟังแต่ไม่ได้แสดงความเห็นเพิ่มเติม และขณะที่เขายังยืนต่อหน้าเพชรงาม เขาสังเกตเห็นได้ชัดเจนว่า หญิงสาวกลับมีทีท่าเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ถึงจะพยายามควบคุมอารมณ์ แต่รังสีความโกรธเกรี้ยวก็แผ่ออกมาจนคนที่อยู่ใกล้รู้สึกได้

มีเพียงสิ่งที่อยู่ข้างหลังเพลิงกัลป์ ที่จะสามารถตอบข้อสงสัยนั้นได้ จึงเหลียวกลับทั้งตัวไปยังทิศทางเดิมที่ตั้งใจ จนได้เห็นภาพตรงหน้า

ชายหนุ่มลูกครึ่งลักษณะชวนมอง คล้องแขนเดินควงใกล้ชิดสนิทสนมมากับหญิงสาวหุ่นเพรียว หน้าตาไม่ได้ด้อยไปกว่าใครเลย ทั้งอากัปกิริยายิ้มแย้มให้กัน มองเผินๆก็ดูจะเหมาะสมลงตัว

เพลิงกัลป์มองคนทั้งคู่ด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย ต่างจากเพชรงามที่รู้ดีว่า ตอนนี้เธอไม่อาจทนนิ่งเฉยได้อีกแล้ว

“ซายน์ ..”

หญิงสาวเน้นเสียงเรียกพอให้ได้ยิน ซึ่งมันก็ได้ผลเพราะศรตฤณเหลือบมองมาทันที ก่อนจะหยุดเดินแต่ไม่ได้คลายมือปล่อยแขนมัสลินเป็นอิสระ กระทั่งมีคำถามต่อมาจากหญิงสาวคนเดิม

“ผู้หญิงคนนี้ใครคะ”

มัสลินแปร่งๆกับชื่อเรียกแปลกๆของศรตฤณ แต่ก็ยังเก็บมันไว้ในใจ เพราะไม่แน่ใจว่า ‘ซายน์’ ที่ได้ยินเชดส์เรียก กับ ‘ซายน์’ ที่มาจากหญิงสาวหน้าตาสวยแต่บูดบึ้งใช้เรียกนี้ .. จะมาจากชื่อสกุลจริงของคุณอาหน้ามนคนนี้หรือไม่

แต่พอได้พินิจพิจารณาสาวสวย ที่ส่ออาการเกรี้ยวกราด มัสลินก็รู้สึกได้ว่าคุ้นๆ เหมือนเคยรู้จักมาก่อน .. จนในที่สุดเธอก็นึกออก

“งาม .. เพชรงามหรือเปล่า”

ด้วยอารมณ์หึงหวงทำให้เพชรงามยิ่งไม่พอใจ ที่ถูกคนแปลกหน้าเรียกอย่างตีสนิท กอปรกับรู้สึกเกลียดชังผู้หญิงที่กล้าควงผู้ชายของเธอไม่ยอมปล่อยทันตา หญิงสาวปรายตามองเหยียดชนิดให้รู้กันไปว่า .. รังเกียจ

ใช่ว่ามัสลินตีความจากภาษากายและสายตาไม่ออก แต่สิ่งเหล่านี้ทำให้เธอมั่นใจเหลือเกินว่า หญิงสาวที่ดูสวยสดงดงามผู้นี้ คือ เพื่อนร่วมชั้นปีรุ่นเดียวกัน .. ร่วมเรียนในสถาบันเดียวกัน

ก่อนที่อีกฝ่ายจะประสบอุบัติเหตุในชีวิต ก่อนจะไม่มีใครติดต่อได้ ทำให้ไม่ได้รับการประสาทปริญญาบัตร เช่นเดียวกับเพื่อนคนอื่นๆ ทั้งๆที่ในสมัยเรียน เธอคนนี้โดดเด่นกว่าใคร .. เป็นที่หมายปองของชายหนุ่มรุ่นพี่รุ่นน้อง

เพชรงาม .. ดาวคณะของชั้นปี เพื่อนคนหนึ่งของมัสลิน!




ศรตฤณเริ่มได้กลิ่นเค้าลางแห่งความยุ่งยาก นับแต่บังเอิญต้องมาเผชิญหน้ากับเพลิงกัลป์ แต่ที่ไม่คาดคิดคือ เพชรงามจะอยู่ที่นี่ด้วย

ยังมีมัสลินหลานสาว ที่จู่ๆส่งเสียงเรียกชื่อเพชรงาม ถามเหมือนคนรู้จักกันมา ซึ่งมีแนวโน้มจะเป็นเช่นนั้นเสียค่อนข้างมาก

ไหนจะแววตาจับจ้องที่หากเผาสิ่งใดได้ มันคงไม่เหลือซากของชายหนุ่มอีกคน ตั้งแต่เห็นเขาและมัสลินเดินเข้ามาในระยะประชิด

ศรตฤณไม่ประหลาดใจเท่าไหร่ ที่เพชรงามจะรู้จักพูดคุยกับเพลิงกัลป์ เนื่องจากบนเกาะนี้มีธุรกิจไม่กี่อย่าง และหญิงสาวก็เคยเปรยๆเมื่อไม่นานมา เรื่องการเจรจาทางการตลาดร่วมกันระหว่าง รู้คกับคิง เซอร์เพนท์

แต่ที่นอกเหนือความคาดหมายและไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนี้ .. คือ

ภารกิจที่เขาทำ .. มันกำลังคืบคลานเข้าใกล้หลานสาวตัวเองได้อย่างไร




เพลิงกัลป์เองก็แทบไม่ต่างจากศรตฤณนัก หากแต่ก็คนละมุมมอง คนละความรู้สึก

แม้นจะกังขากับเรื่องราวตรงหน้า สงสัยในความสัมพันธ์ของผู้ชายเจ้าเสน่ห์อย่าง ‘ซายน์’ที่เขารู้จักเมื่อไม่นานและอย่างผิวเผิน ว่าเขาอาจจะมีความลึกซึ้งกับมัสลินมากกว่าเพชรงาม ตามที่เขารู้มาเสียอีก

ไม่เช่นนั้นคงไม่มีผู้หญิงที่ไหน กล้าเดินควงแขนผู้ชายคนอื่น ต่อหน้าคนที่ทำหน้าที่ดูแลอย่างเขา ตามที่ตกลงกันไว้แต่แรกหรอก

โดยที่เพลิงกัลป์ไม่ทันเฉลียวใจเลยว่า อารมณ์ความรู้สึกที่เขาอ่านได้จากเพชรงาม .. กำลังเกิดขึ้นในซอกมุมหนึ่งของความรู้สึก .. ทีละน้อย ทีละน้อย .. ไม่ทันให้เขารู้ตัว










******************************************************************







โปรดติดตามตอนต่อไป ...


ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม ..และขอขอบคุณสำหรับการกดไลค์กำลังใจฮะ


คุณ kaelek .. คุณไฟไม่ได้ตั้งใจฮะ .. จริง จริ๊งงงงง



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ส.ค. 2558, 07:58:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ส.ค. 2558, 07:58:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 1183





<< ใยเส้นที่ 13 .. คืนนี้ ใช่พระจันทร์เท่านั้นที่เต็มดวง   ใยเส้นที่ 15 .. คืนนี้ จะมิใช่คืนสุดท้าย >>
kaelek 28 ส.ค. 2558, 14:27:36 น.
สงสัยงานเข้าอาป่าน แต่งานงอกในใจคุณไฟแล้วใช่มะ#แอบหึงใช่มั้ย ยอมรับมาเถอะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account