รักครั้งใหม่ ใจดวงเดิม
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 3
บทที่ 3
ในสายตาของพสุธา หญิงสาวที่เขากำลังเผชิญหน้านั้นดูภายนอกไม่มีอะไรแตกต่างไปจากภรรยาที่ล่วงลับ แต่เมื่อมองลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลที่ถูกตบแต่งจนแลดูโฉบเฉี่ยวและเหมือนจะท้าทายนั้น ชายหนุ่มก็บอกกับตัวเองทันทีว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่มีอะไรเหมือนผู้หญิงหัวอ่อนว่าง่ายคนนั้นเลย
ผู้หญิงหัวอ่อนว่าง่าย!
ชายหนุ่มแค่นยิ้มอย่างเยาะหยันเมื่อทวนคำนั้นในใจ พลางมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างชิงชังรังเกียจ ก่อนบอกกับป้าน้อมให้ออกไปจากห้องรับแขก
เหมือนดาวทำหน้าเฉยทั้งที่หวั่นไหวกับแววตาของอีกฝ่ายที่ลุกโชนเหมือนเกลียดชัง
“หวังว่าคุณคงไม่รังเกียจที่จะให้ฉันพักที่นี่นะคะ”
หลังทนอึดอัดจากสายตากดดันของชายหนุ่มเป็นครู่ เหมือนดาวจึงตั้งคำถามออกไปทั้งที่ตั้งแต่ได้ยินป้าน้อมบอกว่าเจ้านายของนางสั่งให้เธอนั่งคอยอยู่ในนี้ห้ามออกไปไหน เธอก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเขาคงไม่เต็มใจต้อนรับเธอ
แต่ถึงอย่างนั้น เหมือนดาวก็ยังนึกไม่ถึงกับคำตอบที่พสุธาให้กลับมา
“รังเกียจ!”
ในขณะที่เหมือนดาวยังตะลึง คนที่เป็นเจ้าของบ้านก็ปราดเข้ามาฉวยกระเป๋าเดินทางของเธอแล้วจับโยนออกไปนอกห้อง
“คุณ!”
เหมือนดาวเริ่มโกรธ นึกสงสัยว่าผู้ชายป่าเถื่อนแบบนี้หรือคือคนที่คล้ายเดือนแต่งงานด้วย ยังไม่ทันคิดจะทำอะไรต่อเธอก็หัวหมุนจากการถูกกระชากตัวขึ้นจากโซฟา ก่อนล้มลงไปกองบนพื้นจากการถูกผลักไสอย่างไม่ปรานี
“ออกไปซะ!”
ตั้งแต่เกิดมา เหมือนดาวเพิ่งถูกเหยียดหยามถึงเพียงนี้ เจ้าตัวกัดฟันแน่นยามประคองตัวขึ้นมาประจันหน้า
“ฉันจะไม่ไปไหน จนกว่าจะเห็นคนที่ทำให้คล้ายเดือนตาย ได้ใช้กรรมที่ตัวเองก่อแล้ว!”
บอกไปแล้ว เหมือนดาวก็เห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้ามีท่าทีชะงักงัน ก่อนที่เธอจะได้ยินคำถามเสียงเย็นชา
“เธอพูดเรื่องอะไร”
เหมือนดาวเม้มปากแน่นนึกโทษตัวเองที่เผลอพูดไม่คิด หากครู่เดียวเจ้าตัวก็ไหวไหล่
“ฉันแค่สงสัย...บางทีคล้ายเดือนอาจไม่ได้ตายด้วยอุบัติเหตุอย่างที่ได้ยินมา”
บอกไปแล้วเหมือนดาวก็ลอบสังเกตท่าทีของพสุธา หากเห็นเพียงอาการอึ้งงันไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะทำให้เธอผวาด้วยการหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องขบขัน
เหมือนดาวคงไม่นึกกลัวจับใจหากไม่ใช่เพราะแววตาของพสุธาเหมือนคนที่กำลังคลุ้มคลั่ง ทว่าความหวั่นกลัวพลันจางหายแล้วเปลี่ยนเป็นความโกรธจัดเมื่อได้ยินคำบอกต่อมาหลังสิ้นสุดเสียงหัวเราะ
“ไม่มีใครทำให้พี่สาวของเธอตายหรอก ผู้หญิงคนนั้นตายเพราะความแพศยาของตัวเองต่างหาก!”
เพียะ!
เหมือนดาวไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป สติเหมือนดับไปในวินาทีที่ได้ยินคำประณามนั้น แต่เมื่อเห็นรอยแดงเป็นปื้นบนซีกแก้มของพสุธา เจ้าตัวก็แขนขาอ่อนแรงจนอาจล้มพับลงไปกองบนพื้นถ้าชายหนุ่มไม่คว้าตัวเธอแล้วจับเขย่า
“ทำไม! ความจริงมันจี้ใจดำนักเหรอ หรือทนฟังไม่ได้เพราะเธอเองก็แพศยาไม่ต่างจากพี่สาวของเธอ!”
สุดทนรับฟังได้อีก เหมือนดาวสะบัดตัวอย่างแรงจนพ้นจากการจับกุม ความโกรธทำให้หญิงสาวง้างมือขึ้นโดยมีจุดหมายคือใบหน้าของอีกฝ่าย
แต่ยังไม่ทันได้ประทุษร้ายชายหนุ่มอย่างที่หวัง เหมือนดาวก็ต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บเมื่อข้อมือของเธอถูกพสุธาฉวยเอาไว้ก่อนที่จะกระทบเข้ากับใบหน้าของเขา
“เลวที่สุด!”
เมื่อทำร้ายทางกายไม่ได้ เหมือนดาวก็เปลี่ยนมาทำร้ายทางวาจา แต่เหมือนพสุธาไม่สะดุ้งสะเทือนเมื่อดูจากการที่ชายหนุ่มแค่นยิ้มแล้วโต้กลับ
“คงไม่เท่าพี่สาวของเธอหรอก”
เหมือนดาวน้ำตารื้นเมื่อถูกกดดันจากความโกรธและคับแค้นใจ รวมถึงไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ชายคนนี้จึงทำเหมือนเคียดแค้นชิงชังคล้ายเดือนนักหนา
ถ้าเกลียดกันนักแล้วแต่งงานกันทำไม
หญิงสาวเห็นชายหนุ่มมีทีท่าชะงักงันเมื่อสบตากับเธอ ก่อนที่เขาจะเบือนหน้าไปอีกทางแล้วทำเสียงในลำคอราวกับเยาะหยัน หากเสี้ยวนาทีต่อมาเธอก็ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ
เหมือนดาวฝืนกล้ำกลืนความโกรธลงไปในอกเมื่อตั้งคำถาม
“คล้ายเดือนทำอะไรคุณ ถึงต้องว่าร้ายเธอขนาดนี้ ทั้งที่...เธอก็ไม่อยู่แล้ว”
สุ้มเสียงตอนท้ายของเหมือนดาวแผ่วพร่าจากความสะเทือนใจเมื่อนึกว่า ไม่มีคล้ายเดือนบนโลกใบนี้อีกแล้ว
ไม่มีคำตอบจากพสุธาที่ตอนนี้ยืนหันข้างให้ แต่ท่าทางของเขาที่เหมือนกำลังกัดฟันแน่นนั้นทำให้เหมือนดาวตื้อในอกเพราะเหมือนรับรู้ได้ถึงความขมขื่นที่กำลังกัดกร่อนจิตใจของผู้ชายคนนี้
เกิดอะไรขึ้นกับเขา
เหมือนดาวตั้งคำถามกับตัวเอง รู้ดีว่าคนที่จะตอบคำถามของเธอได้คงไม่ยอมบอกอะไร ดังนั้นหลังปล่อยให้ความเงียบดำเนินมาได้สักพัก เธอจึงเริ่มต้นใหม่ด้วยใจสงบลง
“ถ้าคุณอยากให้ฉันเชื่อว่าคล้ายเดือนตายเพราะอุบัติเหตุ คุณต้องยอมให้ฉันอยู่ที่นี่เพื่อพิสูจน์ความจริง”
วูบหนึ่งเหมือนดาวรู้สึกเหมือนเธอกำลังถูกเผาจากเปลวไฟในดวงตาของพสุธา ก่อนได้ยินคำบอกปัดอย่างไม่ใยดี
“ฉันไม่สนว่าเธอจะคิดยังไง เพราะฉะนั้นออกไปจากบ้านของฉันได้แล้ว!”
เหมือนดาวสะอึก ชาไปทั้งหน้าเมื่อถูกพสุธาใช้วาจาห้ำหั่นอย่างไม่บันยะบันยัง เมื่อเห็นชายหนุ่มหันหลังแล้วทำท่าจะผละไป เธอจึงตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้อีกวิธี
“ขี้ขลาด!”
ดูเหมือนวิธีใหม่ของเธอจะได้ผล เหมือนดาวคิดในใจเมื่อเห็นคนที่หันหลังชะงักงันทันที
“เมื่อกี้ เธอพูดว่าอะไรนะ”
น้ำเสียงเย็นชา แววตาดุดัน ทั้งหมดที่เธอกำลังถูกพสุธาใช้ข่มขวัญหลังจากหันกลับมาเผชิญหน้าไม่ได้ทำให้เหมือนดาวนึกกลัวแม้แต่น้อย เพราะนาทีนั้นเธอคิดว่ากำลังเห็นชัยชนะลอยมาอยู่ใกล้แค่มือเอื้อม
เหมือนดาวยังยิ้มได้ทั้งที่เห็นว่าพสุธากำลังทำท่าเหมือนอยากจะขย้ำเธอให้ตายคามือ หนำซ้ำเจ้าตัวยังทวนคำด้วยน้ำเสียงเน้น ๆ อย่างไม่กลัวตาย
“ฉันบอกว่าคุณมันขี้ขลาด!”
ปฏิกิริยาตอบรับของพสุธาที่มีต่อคำพูดของเหมือนดาวในคราแรกคือการนิ่งเฉยที่เหมือนต้องการล่อหลอกให้หญิงสาวตายใจ ก่อนอาศัยจังหวะที่เหมือนดาวเผลอกระชากตัวเธอเข้ามากอดแน่น
“พูดใหม่ซิ!”
เหมือนดาวสั่นไปทั้งตัว ไม่ได้เกิดจากน้ำเสียงเรียบเย็นจนน่าขนลุกของพสุธาแต่เพราะเรือนร่างที่แนบชิดจนเหมือนกำลังจะหลอมรวมกันเป็นเนื้อเดียวของเขาและเธอ หญิงสาวพยายามดิ้นรนด้วยหวังให้เกิดช่องว่างระหว่างกัน แต่นั่นกลับทำให้ชายหนุ่มยิ่งรัดเธอแน่นเข้าอีกจนแทบหายใจไม่ออก
“ปล่อย”
ความอึดอัดจากความใกล้ชิดและความรู้สึกเหมือนจะขาดอากาศหายใจทำให้เหมือนดาวออกคำสั่ง แต่น้ำเสียงที่เปล่งออกไปก็แหบพร่าจนฟังเหมือนเจ้าตัวกำลังวอนขอ
ความใกล้ชิดระหว่างกันทำให้พสุธาเผลอเก็บรายละเอียดของหญิงสาวในอ้อมแขน ไม่ว่าจะด้วยใบหน้าที่ละม้ายคล้ายเดือนหรือเป็นเพราะความอบอุ่นจากเรือนร่างของเหมือนดาว ทำให้ชายหนุ่มทั้งโกรธและชิงชังตัวเองเมื่อยอมรับว่ากำลังทำให้เขาหวั่นไหว ยิ่งยามหรุบตามองกลีบปากสีแดงสดของหญิงสาวก็เหมือนมีแรงดึงดูดทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาเขาไม่ชอบผู้หญิงที่ทาปากสีจัดแบบนี้เลย
เขาชอบผู้หญิงทาปากสีอ่อนแบบธรรมชาติอย่างคล้ายเดือนมากกว่า
วินาทีที่พสุธารู้ตัวว่าเผลอนึกถึงภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้ว ดวงตายาวเรียวก็เปล่งประกายวาววับจากความโกรธแค้นชิงชัง แต่เหนืออื่นใดเขาโกรธตัวเองมากกว่าที่ยังเผลอคิดถึงผู้หญิงร้ายกาจคนนั้น ความโกรธเกลียดตัวเองทำให้ชายหนุ่มระบายออกกับคนที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด
เหมือนดาวใจหายวาบเมื่อถูกพสุธามองมาด้วยแววตาวาววับ กระนั้นก็เจือประกายบางอย่างที่ทำให้ใจเธอหวั่นไหว สัญชาตญาณทำให้หญิงสาวคิดจะเบือนหน้าหนีแต่ไม่ทันคนที่ชิงก้มหน้าลงมาอย่างรวดเร็ว
ความอุ่นร้อนคือสัมผัสแรกที่เหมือนดาวรับรู้ได้ในวินาทีที่ปากของเธอถูกบดเบียด ก่อนตามด้วยความเจ็บแปลบเมื่อชายหนุ่มบดขยี้กลีบปากของเธอราวกับจะลงโทษที่ก่อนหน้านั้นพูดจาดูถูกเขา
จูบรุนแรงดำเนินไปเพียงสั้น ๆ ราวกับพสุธาได้สติในสิ่งที่กำลังกระทำ แต่ชายหนุ่มก็ทำให้เหมือนดาวร้อน ๆ หนาว ๆ จากสายตาที่ทอดมองมา
วูบหนึ่ง เหมือนดาวเห็นคนที่ยังคงกักเธอในอ้อมแขนทำสีหน้าราวกับคนกำลังงุนงงหรือไม่ก็สับสน ก่อนที่ทุกอย่างจะจางหายไปอย่างรวดเร็วจนเธออยากคิดว่าตัวเองคงตาฝาดเมื่อเขาปล่อยเธอเป็นอิสระแต่ยังคงมองมาด้วยแววตาไม่บอกความรู้สึก
“หนึ่งคืนกับหนึ่งจูบ”
แวบแรก เหมือนดาวยังไม่เข้าใจ กระทั่งเมื่อเจ้าของบ้านชี้แจงด้วยน้ำเสียงและแววตาเย็นชา
“ถ้าอยากอยู่ที่นี่ ฉันคิดค่าใช้จ่ายเป็นหนึ่งจูบแลกกับหนึ่งคืนที่เธอใช้บ้านฉันเป็นที่ซุกหัวนอน”
วินาทีนั้น เหมือนดาวนึกอยากกรีดร้องและถลาเข้าไปจิกข่วนคนที่กล้ายื่นข้อเสนอกับเธอแบบไร้ยางอาย แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายเปิดยิ้มที่รับกับแววตาเยาะหยัน เธอก็รู้สึกเหมือนถูกท้าทายโดยเฉพาะเมื่อได้ยินคำพูดต่อมา
“ไงล่ะ! ยังอยากพิสูจน์เรื่องพี่สาวของเธออีกหรือเปล่า หรือเปลี่ยนใจแล้ว ถ้าอย่างนั้น...โน่น ประตู รีบไสหัวไปแล้วไม่ต้องกลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก!”
ณ เวลานั้น ความโกรธและอยากเอาชนะ ผลักดันให้เหมือนดาวตอบรับคำท้า
“ฉันจะอยู่!”
“งั้นขอค่ามัดจำล่วงหน้าด้วย”
ราวกับไม่ต้องการให้เวลาเหมือนดาวทำความเข้าใจ เพราะพูดจบพสุธาก็ดึงหญิงสาวเข้ามาอีกครั้งก่อนใช้การกระทำอธิบายคำพูดเมื่อครู่
เหมือนดาวยังไม่ทันตั้งตัว พสุธาก็แนบริมฝีปากลงมาบนปากของเธออีกครั้ง จูบครั้งนี้กินเวลานานกว่าจูบเมื่อครู่แต่ระดับความรุนแรงก็ไม่แพ้กัน
กว่าพสุธาจะยุติจูบหนักหน่วง เหมือนดาวก็รู้สึกเหมือนปากตัวเองพอง ไม่นับรวมผิวหน้าที่แสบร้อนจากความอับอาย หญิงสาวฝืนเชิดหน้าขึ้นเผชิญกับคนคิดค่าเช่าบ้านแบบหฤโหด แต่ต้องกระพริบตาปริบกับรอยยิ้มที่กดลึกตรงมุมปากของชายหนุ่มและแววตาที่เหมือนมีปริศนาบางอย่างซุกซ่อนอยู่
“ห้องของเธออยู่ติดกับฉัน อีกครึ่งชั่วโมงจะให้คนมาพาไป”
จบคำบอกนั้น ร่างสูงราว 180 เซนติเมตรก็หันหลังแล้วเดินจากไปด้วยฝีเท้าเป็นจังหวะ ในขณะที่ร่างเล็ก ๆ ที่มีความสูงเพียงบ่าของชายหนุ่มกลับทรุดลงไปนั่งกองบนพื้นจากอาการเข่าอ่อน
เหมือนดาวใช้หลังมือเช็ดปากอย่างกระฟัดกระเฟียด โกรธตัวเองและโกรธผู้ชายที่เดินจากไป ทั้งที่ทำให้เธอเกือบขาดใจเพราะจูบรุนแรง แต่พสุธาก็ยังมีทีท่าเป็นปกติเหมือนเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ความโมโหและอารมณ์บางอย่างที่เธอก็ระบุไม่ได้ทำให้หญิงสาวยกมือขึ้นมาถูปากแรง ๆ ก่อนพึมพำให้ฉายาคนที่ป่านนี้คงเดินไปไกลเกินกว่าได้ยิน
“ไอ้คนเฮงซวย!”
--------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และ LIKE ที่มอบให้กันค่ะ
คุณ kaelek ขอบคุณค่ะ ยังไงก็ติดตามกันต่อไปนะคะ
ในสายตาของพสุธา หญิงสาวที่เขากำลังเผชิญหน้านั้นดูภายนอกไม่มีอะไรแตกต่างไปจากภรรยาที่ล่วงลับ แต่เมื่อมองลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลที่ถูกตบแต่งจนแลดูโฉบเฉี่ยวและเหมือนจะท้าทายนั้น ชายหนุ่มก็บอกกับตัวเองทันทีว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่มีอะไรเหมือนผู้หญิงหัวอ่อนว่าง่ายคนนั้นเลย
ผู้หญิงหัวอ่อนว่าง่าย!
ชายหนุ่มแค่นยิ้มอย่างเยาะหยันเมื่อทวนคำนั้นในใจ พลางมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างชิงชังรังเกียจ ก่อนบอกกับป้าน้อมให้ออกไปจากห้องรับแขก
เหมือนดาวทำหน้าเฉยทั้งที่หวั่นไหวกับแววตาของอีกฝ่ายที่ลุกโชนเหมือนเกลียดชัง
“หวังว่าคุณคงไม่รังเกียจที่จะให้ฉันพักที่นี่นะคะ”
หลังทนอึดอัดจากสายตากดดันของชายหนุ่มเป็นครู่ เหมือนดาวจึงตั้งคำถามออกไปทั้งที่ตั้งแต่ได้ยินป้าน้อมบอกว่าเจ้านายของนางสั่งให้เธอนั่งคอยอยู่ในนี้ห้ามออกไปไหน เธอก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเขาคงไม่เต็มใจต้อนรับเธอ
แต่ถึงอย่างนั้น เหมือนดาวก็ยังนึกไม่ถึงกับคำตอบที่พสุธาให้กลับมา
“รังเกียจ!”
ในขณะที่เหมือนดาวยังตะลึง คนที่เป็นเจ้าของบ้านก็ปราดเข้ามาฉวยกระเป๋าเดินทางของเธอแล้วจับโยนออกไปนอกห้อง
“คุณ!”
เหมือนดาวเริ่มโกรธ นึกสงสัยว่าผู้ชายป่าเถื่อนแบบนี้หรือคือคนที่คล้ายเดือนแต่งงานด้วย ยังไม่ทันคิดจะทำอะไรต่อเธอก็หัวหมุนจากการถูกกระชากตัวขึ้นจากโซฟา ก่อนล้มลงไปกองบนพื้นจากการถูกผลักไสอย่างไม่ปรานี
“ออกไปซะ!”
ตั้งแต่เกิดมา เหมือนดาวเพิ่งถูกเหยียดหยามถึงเพียงนี้ เจ้าตัวกัดฟันแน่นยามประคองตัวขึ้นมาประจันหน้า
“ฉันจะไม่ไปไหน จนกว่าจะเห็นคนที่ทำให้คล้ายเดือนตาย ได้ใช้กรรมที่ตัวเองก่อแล้ว!”
บอกไปแล้ว เหมือนดาวก็เห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้ามีท่าทีชะงักงัน ก่อนที่เธอจะได้ยินคำถามเสียงเย็นชา
“เธอพูดเรื่องอะไร”
เหมือนดาวเม้มปากแน่นนึกโทษตัวเองที่เผลอพูดไม่คิด หากครู่เดียวเจ้าตัวก็ไหวไหล่
“ฉันแค่สงสัย...บางทีคล้ายเดือนอาจไม่ได้ตายด้วยอุบัติเหตุอย่างที่ได้ยินมา”
บอกไปแล้วเหมือนดาวก็ลอบสังเกตท่าทีของพสุธา หากเห็นเพียงอาการอึ้งงันไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะทำให้เธอผวาด้วยการหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องขบขัน
เหมือนดาวคงไม่นึกกลัวจับใจหากไม่ใช่เพราะแววตาของพสุธาเหมือนคนที่กำลังคลุ้มคลั่ง ทว่าความหวั่นกลัวพลันจางหายแล้วเปลี่ยนเป็นความโกรธจัดเมื่อได้ยินคำบอกต่อมาหลังสิ้นสุดเสียงหัวเราะ
“ไม่มีใครทำให้พี่สาวของเธอตายหรอก ผู้หญิงคนนั้นตายเพราะความแพศยาของตัวเองต่างหาก!”
เพียะ!
เหมือนดาวไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป สติเหมือนดับไปในวินาทีที่ได้ยินคำประณามนั้น แต่เมื่อเห็นรอยแดงเป็นปื้นบนซีกแก้มของพสุธา เจ้าตัวก็แขนขาอ่อนแรงจนอาจล้มพับลงไปกองบนพื้นถ้าชายหนุ่มไม่คว้าตัวเธอแล้วจับเขย่า
“ทำไม! ความจริงมันจี้ใจดำนักเหรอ หรือทนฟังไม่ได้เพราะเธอเองก็แพศยาไม่ต่างจากพี่สาวของเธอ!”
สุดทนรับฟังได้อีก เหมือนดาวสะบัดตัวอย่างแรงจนพ้นจากการจับกุม ความโกรธทำให้หญิงสาวง้างมือขึ้นโดยมีจุดหมายคือใบหน้าของอีกฝ่าย
แต่ยังไม่ทันได้ประทุษร้ายชายหนุ่มอย่างที่หวัง เหมือนดาวก็ต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บเมื่อข้อมือของเธอถูกพสุธาฉวยเอาไว้ก่อนที่จะกระทบเข้ากับใบหน้าของเขา
“เลวที่สุด!”
เมื่อทำร้ายทางกายไม่ได้ เหมือนดาวก็เปลี่ยนมาทำร้ายทางวาจา แต่เหมือนพสุธาไม่สะดุ้งสะเทือนเมื่อดูจากการที่ชายหนุ่มแค่นยิ้มแล้วโต้กลับ
“คงไม่เท่าพี่สาวของเธอหรอก”
เหมือนดาวน้ำตารื้นเมื่อถูกกดดันจากความโกรธและคับแค้นใจ รวมถึงไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ชายคนนี้จึงทำเหมือนเคียดแค้นชิงชังคล้ายเดือนนักหนา
ถ้าเกลียดกันนักแล้วแต่งงานกันทำไม
หญิงสาวเห็นชายหนุ่มมีทีท่าชะงักงันเมื่อสบตากับเธอ ก่อนที่เขาจะเบือนหน้าไปอีกทางแล้วทำเสียงในลำคอราวกับเยาะหยัน หากเสี้ยวนาทีต่อมาเธอก็ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ
เหมือนดาวฝืนกล้ำกลืนความโกรธลงไปในอกเมื่อตั้งคำถาม
“คล้ายเดือนทำอะไรคุณ ถึงต้องว่าร้ายเธอขนาดนี้ ทั้งที่...เธอก็ไม่อยู่แล้ว”
สุ้มเสียงตอนท้ายของเหมือนดาวแผ่วพร่าจากความสะเทือนใจเมื่อนึกว่า ไม่มีคล้ายเดือนบนโลกใบนี้อีกแล้ว
ไม่มีคำตอบจากพสุธาที่ตอนนี้ยืนหันข้างให้ แต่ท่าทางของเขาที่เหมือนกำลังกัดฟันแน่นนั้นทำให้เหมือนดาวตื้อในอกเพราะเหมือนรับรู้ได้ถึงความขมขื่นที่กำลังกัดกร่อนจิตใจของผู้ชายคนนี้
เกิดอะไรขึ้นกับเขา
เหมือนดาวตั้งคำถามกับตัวเอง รู้ดีว่าคนที่จะตอบคำถามของเธอได้คงไม่ยอมบอกอะไร ดังนั้นหลังปล่อยให้ความเงียบดำเนินมาได้สักพัก เธอจึงเริ่มต้นใหม่ด้วยใจสงบลง
“ถ้าคุณอยากให้ฉันเชื่อว่าคล้ายเดือนตายเพราะอุบัติเหตุ คุณต้องยอมให้ฉันอยู่ที่นี่เพื่อพิสูจน์ความจริง”
วูบหนึ่งเหมือนดาวรู้สึกเหมือนเธอกำลังถูกเผาจากเปลวไฟในดวงตาของพสุธา ก่อนได้ยินคำบอกปัดอย่างไม่ใยดี
“ฉันไม่สนว่าเธอจะคิดยังไง เพราะฉะนั้นออกไปจากบ้านของฉันได้แล้ว!”
เหมือนดาวสะอึก ชาไปทั้งหน้าเมื่อถูกพสุธาใช้วาจาห้ำหั่นอย่างไม่บันยะบันยัง เมื่อเห็นชายหนุ่มหันหลังแล้วทำท่าจะผละไป เธอจึงตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้อีกวิธี
“ขี้ขลาด!”
ดูเหมือนวิธีใหม่ของเธอจะได้ผล เหมือนดาวคิดในใจเมื่อเห็นคนที่หันหลังชะงักงันทันที
“เมื่อกี้ เธอพูดว่าอะไรนะ”
น้ำเสียงเย็นชา แววตาดุดัน ทั้งหมดที่เธอกำลังถูกพสุธาใช้ข่มขวัญหลังจากหันกลับมาเผชิญหน้าไม่ได้ทำให้เหมือนดาวนึกกลัวแม้แต่น้อย เพราะนาทีนั้นเธอคิดว่ากำลังเห็นชัยชนะลอยมาอยู่ใกล้แค่มือเอื้อม
เหมือนดาวยังยิ้มได้ทั้งที่เห็นว่าพสุธากำลังทำท่าเหมือนอยากจะขย้ำเธอให้ตายคามือ หนำซ้ำเจ้าตัวยังทวนคำด้วยน้ำเสียงเน้น ๆ อย่างไม่กลัวตาย
“ฉันบอกว่าคุณมันขี้ขลาด!”
ปฏิกิริยาตอบรับของพสุธาที่มีต่อคำพูดของเหมือนดาวในคราแรกคือการนิ่งเฉยที่เหมือนต้องการล่อหลอกให้หญิงสาวตายใจ ก่อนอาศัยจังหวะที่เหมือนดาวเผลอกระชากตัวเธอเข้ามากอดแน่น
“พูดใหม่ซิ!”
เหมือนดาวสั่นไปทั้งตัว ไม่ได้เกิดจากน้ำเสียงเรียบเย็นจนน่าขนลุกของพสุธาแต่เพราะเรือนร่างที่แนบชิดจนเหมือนกำลังจะหลอมรวมกันเป็นเนื้อเดียวของเขาและเธอ หญิงสาวพยายามดิ้นรนด้วยหวังให้เกิดช่องว่างระหว่างกัน แต่นั่นกลับทำให้ชายหนุ่มยิ่งรัดเธอแน่นเข้าอีกจนแทบหายใจไม่ออก
“ปล่อย”
ความอึดอัดจากความใกล้ชิดและความรู้สึกเหมือนจะขาดอากาศหายใจทำให้เหมือนดาวออกคำสั่ง แต่น้ำเสียงที่เปล่งออกไปก็แหบพร่าจนฟังเหมือนเจ้าตัวกำลังวอนขอ
ความใกล้ชิดระหว่างกันทำให้พสุธาเผลอเก็บรายละเอียดของหญิงสาวในอ้อมแขน ไม่ว่าจะด้วยใบหน้าที่ละม้ายคล้ายเดือนหรือเป็นเพราะความอบอุ่นจากเรือนร่างของเหมือนดาว ทำให้ชายหนุ่มทั้งโกรธและชิงชังตัวเองเมื่อยอมรับว่ากำลังทำให้เขาหวั่นไหว ยิ่งยามหรุบตามองกลีบปากสีแดงสดของหญิงสาวก็เหมือนมีแรงดึงดูดทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาเขาไม่ชอบผู้หญิงที่ทาปากสีจัดแบบนี้เลย
เขาชอบผู้หญิงทาปากสีอ่อนแบบธรรมชาติอย่างคล้ายเดือนมากกว่า
วินาทีที่พสุธารู้ตัวว่าเผลอนึกถึงภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้ว ดวงตายาวเรียวก็เปล่งประกายวาววับจากความโกรธแค้นชิงชัง แต่เหนืออื่นใดเขาโกรธตัวเองมากกว่าที่ยังเผลอคิดถึงผู้หญิงร้ายกาจคนนั้น ความโกรธเกลียดตัวเองทำให้ชายหนุ่มระบายออกกับคนที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด
เหมือนดาวใจหายวาบเมื่อถูกพสุธามองมาด้วยแววตาวาววับ กระนั้นก็เจือประกายบางอย่างที่ทำให้ใจเธอหวั่นไหว สัญชาตญาณทำให้หญิงสาวคิดจะเบือนหน้าหนีแต่ไม่ทันคนที่ชิงก้มหน้าลงมาอย่างรวดเร็ว
ความอุ่นร้อนคือสัมผัสแรกที่เหมือนดาวรับรู้ได้ในวินาทีที่ปากของเธอถูกบดเบียด ก่อนตามด้วยความเจ็บแปลบเมื่อชายหนุ่มบดขยี้กลีบปากของเธอราวกับจะลงโทษที่ก่อนหน้านั้นพูดจาดูถูกเขา
จูบรุนแรงดำเนินไปเพียงสั้น ๆ ราวกับพสุธาได้สติในสิ่งที่กำลังกระทำ แต่ชายหนุ่มก็ทำให้เหมือนดาวร้อน ๆ หนาว ๆ จากสายตาที่ทอดมองมา
วูบหนึ่ง เหมือนดาวเห็นคนที่ยังคงกักเธอในอ้อมแขนทำสีหน้าราวกับคนกำลังงุนงงหรือไม่ก็สับสน ก่อนที่ทุกอย่างจะจางหายไปอย่างรวดเร็วจนเธออยากคิดว่าตัวเองคงตาฝาดเมื่อเขาปล่อยเธอเป็นอิสระแต่ยังคงมองมาด้วยแววตาไม่บอกความรู้สึก
“หนึ่งคืนกับหนึ่งจูบ”
แวบแรก เหมือนดาวยังไม่เข้าใจ กระทั่งเมื่อเจ้าของบ้านชี้แจงด้วยน้ำเสียงและแววตาเย็นชา
“ถ้าอยากอยู่ที่นี่ ฉันคิดค่าใช้จ่ายเป็นหนึ่งจูบแลกกับหนึ่งคืนที่เธอใช้บ้านฉันเป็นที่ซุกหัวนอน”
วินาทีนั้น เหมือนดาวนึกอยากกรีดร้องและถลาเข้าไปจิกข่วนคนที่กล้ายื่นข้อเสนอกับเธอแบบไร้ยางอาย แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายเปิดยิ้มที่รับกับแววตาเยาะหยัน เธอก็รู้สึกเหมือนถูกท้าทายโดยเฉพาะเมื่อได้ยินคำพูดต่อมา
“ไงล่ะ! ยังอยากพิสูจน์เรื่องพี่สาวของเธออีกหรือเปล่า หรือเปลี่ยนใจแล้ว ถ้าอย่างนั้น...โน่น ประตู รีบไสหัวไปแล้วไม่ต้องกลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก!”
ณ เวลานั้น ความโกรธและอยากเอาชนะ ผลักดันให้เหมือนดาวตอบรับคำท้า
“ฉันจะอยู่!”
“งั้นขอค่ามัดจำล่วงหน้าด้วย”
ราวกับไม่ต้องการให้เวลาเหมือนดาวทำความเข้าใจ เพราะพูดจบพสุธาก็ดึงหญิงสาวเข้ามาอีกครั้งก่อนใช้การกระทำอธิบายคำพูดเมื่อครู่
เหมือนดาวยังไม่ทันตั้งตัว พสุธาก็แนบริมฝีปากลงมาบนปากของเธออีกครั้ง จูบครั้งนี้กินเวลานานกว่าจูบเมื่อครู่แต่ระดับความรุนแรงก็ไม่แพ้กัน
กว่าพสุธาจะยุติจูบหนักหน่วง เหมือนดาวก็รู้สึกเหมือนปากตัวเองพอง ไม่นับรวมผิวหน้าที่แสบร้อนจากความอับอาย หญิงสาวฝืนเชิดหน้าขึ้นเผชิญกับคนคิดค่าเช่าบ้านแบบหฤโหด แต่ต้องกระพริบตาปริบกับรอยยิ้มที่กดลึกตรงมุมปากของชายหนุ่มและแววตาที่เหมือนมีปริศนาบางอย่างซุกซ่อนอยู่
“ห้องของเธออยู่ติดกับฉัน อีกครึ่งชั่วโมงจะให้คนมาพาไป”
จบคำบอกนั้น ร่างสูงราว 180 เซนติเมตรก็หันหลังแล้วเดินจากไปด้วยฝีเท้าเป็นจังหวะ ในขณะที่ร่างเล็ก ๆ ที่มีความสูงเพียงบ่าของชายหนุ่มกลับทรุดลงไปนั่งกองบนพื้นจากอาการเข่าอ่อน
เหมือนดาวใช้หลังมือเช็ดปากอย่างกระฟัดกระเฟียด โกรธตัวเองและโกรธผู้ชายที่เดินจากไป ทั้งที่ทำให้เธอเกือบขาดใจเพราะจูบรุนแรง แต่พสุธาก็ยังมีทีท่าเป็นปกติเหมือนเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ความโมโหและอารมณ์บางอย่างที่เธอก็ระบุไม่ได้ทำให้หญิงสาวยกมือขึ้นมาถูปากแรง ๆ ก่อนพึมพำให้ฉายาคนที่ป่านนี้คงเดินไปไกลเกินกว่าได้ยิน
“ไอ้คนเฮงซวย!”
--------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และ LIKE ที่มอบให้กันค่ะ
คุณ kaelek ขอบคุณค่ะ ยังไงก็ติดตามกันต่อไปนะคะ
กัณฐกา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 ส.ค. 2558, 22:31:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 ส.ค. 2558, 22:31:35 น.
จำนวนการเข้าชม : 1019
<< บทที่ 2 | บทที่ 4 >> |
kaelek 30 ส.ค. 2558, 09:13:55 น.
ทำไมพระเอกเข้าใจและว่าเดือนแบบนั้น ทั้งที่วันที่เกิดอุบัติเหตุ เดือนเห็นตัวเองไปนอนกับคนอื่นนี่ อะไรยังไง#รอเฉลยสินะ
ทำไมพระเอกเข้าใจและว่าเดือนแบบนั้น ทั้งที่วันที่เกิดอุบัติเหตุ เดือนเห็นตัวเองไปนอนกับคนอื่นนี่ อะไรยังไง#รอเฉลยสินะ