รักครั้งใหม่ ใจดวงเดิม
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 4
บทที่ 4
คืนนั้น เหมือนดาวฝัน
เธอเห็นคล้ายเดือนในช่วงก่อนหมดลมหายใจ รับรู้ความรู้สึกนึกคิดของอีกฝ่ายที่มุ่งมั่นไม่ยอมตายท่ามกลางวาระสุดท้ายที่ใกล้มาเยือน ความเจ็บปวดมากมายราวกับเป็นตัวเธอเองทำให้เหมือนดาวร้องไห้ทั้งที่ยังหลับ ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าเสียงกรีดร้องและเสียงสะอื้นที่เหมือนจะขาดใจของเธอกดดันใครคนหนึ่งจนทนไม่ไหวต้องออกมาจากห้องนอน
พสุธานิ่วหน้าเมื่อเห็นว่าคนที่ทำให้เขาร้อนรนจนต้องเข้ามาดูถึงในห้อง กำลังนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าและท่าทางราวกับกำลังเจ็บปวด ชายหนุ่มยืนนิ่งครู่หนึ่งก่อนทรุดลงนั่งบนขอบเตียงแล้วเอื้อมมือไปแตะเบา ๆ ตรงไหล่ของหญิงสาวอย่างหมายจะปลุก
ทว่า เหมือนดาวก็ยังไม่รู้สึกตัว ดวงหน้าเซียวที่ยามนี้มีเม็ดเหงื่อผุดพรายยังเอาแต่ส่ายไปมาอยู่บนหมอน จนพสุธาต้องเพิ่มแรงปลุกด้วยการเขย่าไหล่ทั้งสองข้างพลางบอกเชิงสั่ง
“เธอกำลังฝันร้ายนะเหมือนดาว ตื่น! ฉันบอกให้ตื่น ได้ยินไหม!”
ต้องใช้เวลาอีกครู่กว่าคนที่เขาตั้งใจปลุกจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา คราบน้ำตาที่ยังเกาะติดแพขนตายาวงอนนั้นไม่ได้ทำให้พสุธาแน่นในอกเท่ากับแววอ้างว้างแกมเจ็บปวดที่ฉายชัดในดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น ชายหนุ่มนิ่งไปจากความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นกระทั่งคนที่เพิ่งรู้สึกตัวจากฝันร้ายผวาตัวขึ้นมากอดคอเขาแน่น ก่อนปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาราวกับเด็กเสียขวัญ
เพราะนึกไม่ถึง พสุธาจึงยังนิ่งปล่อยให้คนที่ต้องการคนปลอบใจกอดเอาไว้เป็นหลักยึด แต่เมื่อเวลาผ่านไปชายหนุ่มก็เป็นฝ่ายกอดร่างเล็ก ๆ ที่กำลังตัวสั่นสะท้านจากแรงสะอื้น ก่อนปลุกปลอบ
“ไม่ต้องร้องนะ”
ช่วงแรก ความเสียใจและขมขื่นที่ตามติดมาจากฝันร้ายทำให้เหมือนดาวไม่รับรู้ใด ๆ นอกจากอยากร้องไห้เพื่อระบายความกดดันในใจ แต่หลังจากเวลาผ่านไปพร้อมกับการรับรู้ เริ่มจากอ้อมกอดอบอุ่นและน้ำเสียงอ่อนโยนจนไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นคนเดียวกันกับที่ใช้คำพูดร้าย ๆ ถางถางเธอ รวมถึงในตอนนี้ที่เธอและเขากำลังอยู่ด้วยกันตามลำพัง ทำให้เหมือนดาวผงะตัวออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่มอย่างตื่นตกใจ
“นี่คงเป็นอีกวิธีที่เธอมักใช้ เวลาจะเรียกผู้ชายเข้ามาในห้องสินะ”
เหมือนดาวหน้าชาราวกับถูกตบ ความอบอุ่นที่เกิดจากอ้อมกอดเมื่อครู่หายวับแล้วแทนที่ด้วยความเหน็บหนาวจนส่งผลให้ริมฝีปากสั่นระริก ไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้เธอจะถูกผู้ชายคนหนึ่งดูถูกและหมิ่นศักดิ์ศรีได้ถึงเพียงนี้
ทั้ง ๆ ที่เมื่อครู่ผู้ชายคนนี้ยังทำเหมือนพร้อมจะปกป้องเธอจากภยันตราย แต่ไม่นานเขาก็ทำร้ายเธอได้อย่างเลือดเย็น ราวกับโกรธแค้นชิงชังเธอนักหนา
ความอัดอั้นตันใจทำให้เหมือนดาวน้ำตาคลอ ไม่ได้คิดจะเรียกร้องความสนใจ แต่เพราะไม่เข้าใจและเจ็บปวดจากความชิงชังรังเกียจที่ชายหนุ่มแสดงออก ส่งผลให้คนที่ตั้งใจเข้มแข็งกลายเป็นคนอ่อนแอ
พสุธาเบือนหน้าหนีเมื่อเห็นผลจากคำพูดตามอารมณ์ แม้ลึก ๆ เริ่มเสียใจแต่เมื่อนึกเรื่องบางอย่างได้ ความเคียดแค้นชิงชังก็เข้ามาแทนที่จนความรู้สึกผิดกลายเป็นควันจางหายไปในอากาศ
“แล้วน้ำตานี่ล่ะ มีไว้เพื่อให้ผู้ชายกอดเพราะความสงสารสินะ”
ถึงตอนนี้ เหมือนดาวก็ทนไม่ไหว ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเธอจะเป็นคนชอบความรุนแรง แต่ดูเหมือนตั้งแต่พบกับผู้ชายร้ายกาจคนนี้ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
“ถ้าเธอตบฉัน ก็เตรียมใจจ่ายดอกเบี้ยทบต้นไว้ด้วยล่ะ”
เหมือนดาวชะงักมือที่กำลังง้างไว้กลางอากาศ เมื่อถูกหยุดด้วยคำเตือนจากคนที่กำลังมองมาเขม็ง ก่อนจำใจลดมือลงด้วยอาการฮึดฮัด
พสุธาไม่พูดอะไรอีกเมื่อลุกจากเตียงของหญิงสาว กระทั่งเดินไปจนใกล้ถึงประตู
“อยากให้ฉันนอนเป็นเพื่อนไหม เผื่อเธอจะฝันร้ายอีก”
คำบอกราวกับหวังดีนั้นได้รับการตอบแทนด้วยหมอนใบใหญ่ที่ถูกปามาจากคนบนเตียง แต่ที่ทำให้เหมือนดาวหงุดหงิดก็คือเสียงหัวเราะบาดใจที่แว่วมาเข้าหูก่อนที่ชายหนุ่มจะเปิดประตูห้องออกไป
เมื่ออยู่เพียงลำพัง ภาพเมื่อตอนที่เขากอดปลอบเธอก็ผุดขึ้น จนทำให้เหมือนดาวอดรำพึงกับตัวเองไม่ได้
“จริง ๆ แล้ว คุณเป็นคนแบบไหนกันแน่”
เช้าวันรุ่งขึ้น เพราะนอนไม่หลับทำให้เหมือนดาวตื่นขึ้นมาอย่างไม่แจ่มใส โดยเฉพาะเมื่อถูกรุมทึ้งจาก
อาการปวดศีรษะที่เหมือนทวีตามแต่ละนาที
หญิงสาวเห็นเจ้าของบ้านเหลือบตามามองเพียงแวบเดียวเมื่อเธอเดินเข้าไปในห้องอาหาร จากนั้นชายหนุ่มก็กลับไปให้ความสนใจกับหนังสือพิมพ์ในมือต่อ ทำให้เธอทำตัวไม่ถูกกับท่าทีไม่ต้อนรับของอีกฝ่าย กระทั่งได้ยินคำบอกของป้าน้อม
“เช้านี้มีข้าวต้มปลาค่ะคุณดาว”
“ขอบคุณค่ะป้า”
เหมือนดาวยิ้มให้ ก่อนเดินไปนั่งบนเก้าอี้ตัวขวามือของพสุธาโดยทำเป็นไม่เห็นว่าเมื่อครู่ป้าน้อมมีทีท่าชะงักงัน
พสุธาเองก็นิ่งงันหลังจากเหลือบไปเห็นรอยยิ้มอบอุ่นของหญิงสาวที่ส่งให้ป้าน้อม หัวใจชายหนุ่มกระตุกในแวบแรกก่อนแค่นยิ้มอย่างนึกสมเพชตัวเองที่จนถึงตอนนี้ก็ยังพ่ายแพ้ให้กับใบหน้าและรอยยิ้มที่เป็นพิมพ์เดียวกับผู้หญิงคนนั้น
เมื่อไรจะเลิกบ้า เลิกโง่ซะที ไอ้ดิน!
ชายหนุ่มก่นว่าตัวเอง ก่อนพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตเมื่อป้าน้อมขอตัวไปจัดการงานอื่น
“หลับสบายดีนะ”
คำถามลอย ๆ นั้นทำให้คนที่กำลังปวดหัวไม่มีแก่ใจตอบ แต่ขณะกำลังจะตักข้าวต้มเข้าปากก็ทันเห็นว่าชายหนุ่มปาหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะ
“หูหนวกหรือ!”
เหมือนดาวชะงักมือ จริง ๆ ก็ไม่อยากอาหารตั้งแต่แรกแล้ว ยิ่งมาเจอแบบนี้พานให้กินอะไรไม่ลงจนตัดสินใจลุกจากที่นั่ง
“จะไปไหน!”
แม้ได้ยินคำถามแต่เหมือนดาวก็ยังไม่หยุดเดิน
“ฉันถาม ไม่ได้ยินหรือ!”
“ได้ยิน แต่ไม่อยากตอบ”
เหมือนดาวสวนกลับเมื่อเริ่มทนไม่ไหว อดคิดไม่ได้ว่าผู้ชายคนนี้อยู่ในวัยทองหรือไร อารมณ์จึงได้ปรวนแปรเหลือเกิน
“กลับมากินข้าวเดี๋ยวนี้!”
คำสั่งของคนหน้าดุ ทำให้คนที่กำลังปวดหัวยิ่งหงุดหงิดจนคิดต่อต้าน หากเพียงขยับเท้าอีกครั้งก็ถูกแรงกระชากจากทางด้านหลังจนเซไปปะทะกับแผงอกกว้างของคนที่ยืนซ้อนหลัง
“ปล่อยนะ!”
เหมือนดาวตวัดเสียงบอกอย่างไม่พอใจเมื่อถูกชายหนุ่มรวบตัวไปกอด พลางพยายามดิ้นรนให้หลุดจากอ้อมแขนที่กำลังรัดแน่น หากเวลาต่อมาก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อคนที่เพิ่งหาเรื่องเธอก้มหน้าลงมาจูบเอาดื้อ ๆ
หลังจากตั้งสติได้แล้วพยายามต่อต้านเธอก็ถูกชายหนุ่มตรึงท้ายทอยให้รองรับจูบหนักหน่วง ความเจ็บปวดที่ได้รับทับถมกับอาการปวดหัวจนส่งผลให้ตาพร่า ก่อนจะรู้สึกว่าทุกอย่างรอบตัวกลายเป็นสีดำ
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน เมื่อเหมือนดาวรู้สึกตัวอีกครั้งเธอพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียง ก่อนจะรับรู้ในเวลาต่อมาว่าไม่ได้มีเพียงเธอคนเดียว เพราะเสียงพูดคุยของผู้ชายสองคนที่เหมือนไม่ได้อยู่ไกลออกไปนัก หลังจากนิ่งฟังคำสนทนาครู่หนึ่งเธอจึงรู้ว่าหนึ่งในนั้นคือพสุธา ส่วนอีกคนน่าจะเป็นเพื่อนของเขา
กำลังนึกสงสัยว่าทำไมพวกเขาจึงเข้ามาอยู่ในห้องนอนของเธอ จังหวะนั้นก็ได้ยินเสียงของป้าน้อม
“โชคดีเหลือเกินที่คุณหมอไผ่มาหาคุณดินพอดี ไม่งั้นกว่าป้าจะโทร. ไปตามให้มาที่นี่ คงใช้เวลาไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมง”
“ถือเป็นโชคดีของผมมากกว่าครับที่ตั้งใจแวะมาขอกินข้าวเช้า ก็เลยจะได้ลาภปากเป็นข้าวต้มปลาฝีมือของป้าน้อม”
ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างชอบใจของแม่บ้านสูงวัย ก่อนที่เหมือนดาวจะหน้าร้อนผ่าวกับคำพูดต่อมา
“แถมผมยังมีบุญตา ได้เห็นนายดินอุ้มสาวขึ้นมาถึงบนห้องนอน คิดว่าชาตินี้จะไม่ได้เห็นนายคนนี้แตะต้องผู้หญิงคนไหนซะแล้ว”
ความร้อนบนใบหน้ายิ่งทวีเมื่อเหมือนดาวเพิ่งนึกออกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนเธอจะหมดสติ จนอดไม่ได้ต้องคัดค้านอยู่ในใจ
ใครว่าล่ะ ตั้งแต่วันแรกเขาก็ทำกับเธอยิ่งกว่าแตะอีก
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ป้าขอตัวไปเตรียมทำข้าวต้มให้คุณหมอก่อนนะคะ”
คล้อยหลังป้าน้อม พายัพก็หันไปบอกเพื่อนรัก
“เรื่องคนป่วย นายไม่ต้องห่วงนะ ฉันฉีดยาลดไข้ให้แล้ว ถ้าได้นอนพักเต็มที่ กินยาตามเวลา วันสองวันก็คงดีขึ้น”
“ใครบอกว่าฉันห่วง ผู้หญิงคนนี้จะเป็นยังไงก็ช่าง ฉันไม่สนใจ!”
แม้กำลังสะอึกกับคำพูดไม่แยแสของพสุธา แต่เหมือนดาวก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะของคุณหมอที่รักษาเธอ
“อ้อ! ไม่ห่วง ไม่สนใจ แล้วที่ฉันได้ยินเสียงใครสักคนกำลังตะโกนโหวกเหวกบอกป้าน้อมให้โทร. ตามฉัน มันเสียงของไอ้บ้าที่ไหนกันวะ”
ครั้งนี้เหมือนดาวไม่ได้ยินเสียงตอบโต้จากพสุธา แต่เสียงหัวเราะของคุณหมอหนุ่มทำให้เธอนึกอยากลืมตาขึ้นมาดูเพราะอยากรู้เหลือเกินว่าอะไรที่ทำให้ชายหนุ่มนึกขำ
“หน้าเหมือนกันมากเลยนะ”
น้ำเสียงจริงจังของคุณหมอที่เธอรู้เพียงว่าชื่อไผ่จากการเรียกของป้าน้อม ทำให้เหมือนดาวไม่สบายใจนักเมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เริ่มอึมครึม
“นายรู้สึกหวั่นไหวบ้างไหมดิน”
คำถามนั้นเหมือนยิ่งทำให้บรรยากาศรอบตัวมืดมนกว่าเดิม เมื่อพสุธาให้คำตอบสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงห้วนกระด้าง
“ไม่!”
ทั้งที่แปลบปลาบใจ แต่เหมือนดาวก็บังคับตัวเองให้จดจ่อสมาธิอยู่กับการรับฟังบทสนทนาของสองหนุ่มต่อไป
“เลิกเอาชีวิตไปจมอยู่กับอดีตซะที อนาคตสดใสรอนายอยู่นะดิน ขอแค่นายเปิดใจ...”
“แต่ฉันไม่มีหัวใจอีกแล้ว นับตั้งแต่วันนั้น!”
“ดิน...”
“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ!”
เหมือนดาวเกือบเผลอถอนหายใจอย่างเสียดายเพราะการตัดบทของพสุธา แต่คุณหมอหนุ่มเองก็คงรู้สึกไม่ต่างกันเมื่อฟังจากเสียงถอนหายใจยาว
“งั้น ฉันขอลงไปกินข้าวต้มปลาฝีมือของป้าน้อมก่อนละกัน”
เหมือนดาวคิดว่าพสุธาจะตามเพื่อนออกไปด้วย แต่มารู้ว่าเข้าใจผิดก็เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่กำลังก้าวเข้ามาใกล้เตียง
สัมผัสอุ่นตรงหน้าผาก แม้แค่เสี้ยวนาทีแต่ก็ทำให้หัวใจของเหมือนดาวเต้นไม่เป็นจังหวะ รอจนแน่ใจว่าเจ้าของฝีเท้าที่กำลังก้าวห่างออกไปเรื่อย ๆ นั้นพ้นไปจากห้องนอนของเธอแล้ว หญิงสาวจึงค่อยลืมตา
แต่ความพร่ามัวซึ่งเกิดจากน้ำอุ่น ๆ ที่เอ่อคลอสองเบ้าตา ทำให้หญิงสาวต้องหลับตาลงอีกครั้งเพราะไม่อยากให้น้ำตารินไหล หากในหัวใจกลับไม่อาจห้ามความสับสนที่กำลังเกิดขึ้น
---------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และ LIKE ค่ะ
คุณ kaelek แหะ..แหะ คงต้องรอเฉลยจริง ๆ ล่ะค่ะ ว่าทำไมพระเอกถึงเป็นแบบนี้
คืนนั้น เหมือนดาวฝัน
เธอเห็นคล้ายเดือนในช่วงก่อนหมดลมหายใจ รับรู้ความรู้สึกนึกคิดของอีกฝ่ายที่มุ่งมั่นไม่ยอมตายท่ามกลางวาระสุดท้ายที่ใกล้มาเยือน ความเจ็บปวดมากมายราวกับเป็นตัวเธอเองทำให้เหมือนดาวร้องไห้ทั้งที่ยังหลับ ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าเสียงกรีดร้องและเสียงสะอื้นที่เหมือนจะขาดใจของเธอกดดันใครคนหนึ่งจนทนไม่ไหวต้องออกมาจากห้องนอน
พสุธานิ่วหน้าเมื่อเห็นว่าคนที่ทำให้เขาร้อนรนจนต้องเข้ามาดูถึงในห้อง กำลังนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าและท่าทางราวกับกำลังเจ็บปวด ชายหนุ่มยืนนิ่งครู่หนึ่งก่อนทรุดลงนั่งบนขอบเตียงแล้วเอื้อมมือไปแตะเบา ๆ ตรงไหล่ของหญิงสาวอย่างหมายจะปลุก
ทว่า เหมือนดาวก็ยังไม่รู้สึกตัว ดวงหน้าเซียวที่ยามนี้มีเม็ดเหงื่อผุดพรายยังเอาแต่ส่ายไปมาอยู่บนหมอน จนพสุธาต้องเพิ่มแรงปลุกด้วยการเขย่าไหล่ทั้งสองข้างพลางบอกเชิงสั่ง
“เธอกำลังฝันร้ายนะเหมือนดาว ตื่น! ฉันบอกให้ตื่น ได้ยินไหม!”
ต้องใช้เวลาอีกครู่กว่าคนที่เขาตั้งใจปลุกจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา คราบน้ำตาที่ยังเกาะติดแพขนตายาวงอนนั้นไม่ได้ทำให้พสุธาแน่นในอกเท่ากับแววอ้างว้างแกมเจ็บปวดที่ฉายชัดในดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น ชายหนุ่มนิ่งไปจากความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นกระทั่งคนที่เพิ่งรู้สึกตัวจากฝันร้ายผวาตัวขึ้นมากอดคอเขาแน่น ก่อนปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาราวกับเด็กเสียขวัญ
เพราะนึกไม่ถึง พสุธาจึงยังนิ่งปล่อยให้คนที่ต้องการคนปลอบใจกอดเอาไว้เป็นหลักยึด แต่เมื่อเวลาผ่านไปชายหนุ่มก็เป็นฝ่ายกอดร่างเล็ก ๆ ที่กำลังตัวสั่นสะท้านจากแรงสะอื้น ก่อนปลุกปลอบ
“ไม่ต้องร้องนะ”
ช่วงแรก ความเสียใจและขมขื่นที่ตามติดมาจากฝันร้ายทำให้เหมือนดาวไม่รับรู้ใด ๆ นอกจากอยากร้องไห้เพื่อระบายความกดดันในใจ แต่หลังจากเวลาผ่านไปพร้อมกับการรับรู้ เริ่มจากอ้อมกอดอบอุ่นและน้ำเสียงอ่อนโยนจนไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นคนเดียวกันกับที่ใช้คำพูดร้าย ๆ ถางถางเธอ รวมถึงในตอนนี้ที่เธอและเขากำลังอยู่ด้วยกันตามลำพัง ทำให้เหมือนดาวผงะตัวออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่มอย่างตื่นตกใจ
“นี่คงเป็นอีกวิธีที่เธอมักใช้ เวลาจะเรียกผู้ชายเข้ามาในห้องสินะ”
เหมือนดาวหน้าชาราวกับถูกตบ ความอบอุ่นที่เกิดจากอ้อมกอดเมื่อครู่หายวับแล้วแทนที่ด้วยความเหน็บหนาวจนส่งผลให้ริมฝีปากสั่นระริก ไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้เธอจะถูกผู้ชายคนหนึ่งดูถูกและหมิ่นศักดิ์ศรีได้ถึงเพียงนี้
ทั้ง ๆ ที่เมื่อครู่ผู้ชายคนนี้ยังทำเหมือนพร้อมจะปกป้องเธอจากภยันตราย แต่ไม่นานเขาก็ทำร้ายเธอได้อย่างเลือดเย็น ราวกับโกรธแค้นชิงชังเธอนักหนา
ความอัดอั้นตันใจทำให้เหมือนดาวน้ำตาคลอ ไม่ได้คิดจะเรียกร้องความสนใจ แต่เพราะไม่เข้าใจและเจ็บปวดจากความชิงชังรังเกียจที่ชายหนุ่มแสดงออก ส่งผลให้คนที่ตั้งใจเข้มแข็งกลายเป็นคนอ่อนแอ
พสุธาเบือนหน้าหนีเมื่อเห็นผลจากคำพูดตามอารมณ์ แม้ลึก ๆ เริ่มเสียใจแต่เมื่อนึกเรื่องบางอย่างได้ ความเคียดแค้นชิงชังก็เข้ามาแทนที่จนความรู้สึกผิดกลายเป็นควันจางหายไปในอากาศ
“แล้วน้ำตานี่ล่ะ มีไว้เพื่อให้ผู้ชายกอดเพราะความสงสารสินะ”
ถึงตอนนี้ เหมือนดาวก็ทนไม่ไหว ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเธอจะเป็นคนชอบความรุนแรง แต่ดูเหมือนตั้งแต่พบกับผู้ชายร้ายกาจคนนี้ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
“ถ้าเธอตบฉัน ก็เตรียมใจจ่ายดอกเบี้ยทบต้นไว้ด้วยล่ะ”
เหมือนดาวชะงักมือที่กำลังง้างไว้กลางอากาศ เมื่อถูกหยุดด้วยคำเตือนจากคนที่กำลังมองมาเขม็ง ก่อนจำใจลดมือลงด้วยอาการฮึดฮัด
พสุธาไม่พูดอะไรอีกเมื่อลุกจากเตียงของหญิงสาว กระทั่งเดินไปจนใกล้ถึงประตู
“อยากให้ฉันนอนเป็นเพื่อนไหม เผื่อเธอจะฝันร้ายอีก”
คำบอกราวกับหวังดีนั้นได้รับการตอบแทนด้วยหมอนใบใหญ่ที่ถูกปามาจากคนบนเตียง แต่ที่ทำให้เหมือนดาวหงุดหงิดก็คือเสียงหัวเราะบาดใจที่แว่วมาเข้าหูก่อนที่ชายหนุ่มจะเปิดประตูห้องออกไป
เมื่ออยู่เพียงลำพัง ภาพเมื่อตอนที่เขากอดปลอบเธอก็ผุดขึ้น จนทำให้เหมือนดาวอดรำพึงกับตัวเองไม่ได้
“จริง ๆ แล้ว คุณเป็นคนแบบไหนกันแน่”
เช้าวันรุ่งขึ้น เพราะนอนไม่หลับทำให้เหมือนดาวตื่นขึ้นมาอย่างไม่แจ่มใส โดยเฉพาะเมื่อถูกรุมทึ้งจาก
อาการปวดศีรษะที่เหมือนทวีตามแต่ละนาที
หญิงสาวเห็นเจ้าของบ้านเหลือบตามามองเพียงแวบเดียวเมื่อเธอเดินเข้าไปในห้องอาหาร จากนั้นชายหนุ่มก็กลับไปให้ความสนใจกับหนังสือพิมพ์ในมือต่อ ทำให้เธอทำตัวไม่ถูกกับท่าทีไม่ต้อนรับของอีกฝ่าย กระทั่งได้ยินคำบอกของป้าน้อม
“เช้านี้มีข้าวต้มปลาค่ะคุณดาว”
“ขอบคุณค่ะป้า”
เหมือนดาวยิ้มให้ ก่อนเดินไปนั่งบนเก้าอี้ตัวขวามือของพสุธาโดยทำเป็นไม่เห็นว่าเมื่อครู่ป้าน้อมมีทีท่าชะงักงัน
พสุธาเองก็นิ่งงันหลังจากเหลือบไปเห็นรอยยิ้มอบอุ่นของหญิงสาวที่ส่งให้ป้าน้อม หัวใจชายหนุ่มกระตุกในแวบแรกก่อนแค่นยิ้มอย่างนึกสมเพชตัวเองที่จนถึงตอนนี้ก็ยังพ่ายแพ้ให้กับใบหน้าและรอยยิ้มที่เป็นพิมพ์เดียวกับผู้หญิงคนนั้น
เมื่อไรจะเลิกบ้า เลิกโง่ซะที ไอ้ดิน!
ชายหนุ่มก่นว่าตัวเอง ก่อนพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตเมื่อป้าน้อมขอตัวไปจัดการงานอื่น
“หลับสบายดีนะ”
คำถามลอย ๆ นั้นทำให้คนที่กำลังปวดหัวไม่มีแก่ใจตอบ แต่ขณะกำลังจะตักข้าวต้มเข้าปากก็ทันเห็นว่าชายหนุ่มปาหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะ
“หูหนวกหรือ!”
เหมือนดาวชะงักมือ จริง ๆ ก็ไม่อยากอาหารตั้งแต่แรกแล้ว ยิ่งมาเจอแบบนี้พานให้กินอะไรไม่ลงจนตัดสินใจลุกจากที่นั่ง
“จะไปไหน!”
แม้ได้ยินคำถามแต่เหมือนดาวก็ยังไม่หยุดเดิน
“ฉันถาม ไม่ได้ยินหรือ!”
“ได้ยิน แต่ไม่อยากตอบ”
เหมือนดาวสวนกลับเมื่อเริ่มทนไม่ไหว อดคิดไม่ได้ว่าผู้ชายคนนี้อยู่ในวัยทองหรือไร อารมณ์จึงได้ปรวนแปรเหลือเกิน
“กลับมากินข้าวเดี๋ยวนี้!”
คำสั่งของคนหน้าดุ ทำให้คนที่กำลังปวดหัวยิ่งหงุดหงิดจนคิดต่อต้าน หากเพียงขยับเท้าอีกครั้งก็ถูกแรงกระชากจากทางด้านหลังจนเซไปปะทะกับแผงอกกว้างของคนที่ยืนซ้อนหลัง
“ปล่อยนะ!”
เหมือนดาวตวัดเสียงบอกอย่างไม่พอใจเมื่อถูกชายหนุ่มรวบตัวไปกอด พลางพยายามดิ้นรนให้หลุดจากอ้อมแขนที่กำลังรัดแน่น หากเวลาต่อมาก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อคนที่เพิ่งหาเรื่องเธอก้มหน้าลงมาจูบเอาดื้อ ๆ
หลังจากตั้งสติได้แล้วพยายามต่อต้านเธอก็ถูกชายหนุ่มตรึงท้ายทอยให้รองรับจูบหนักหน่วง ความเจ็บปวดที่ได้รับทับถมกับอาการปวดหัวจนส่งผลให้ตาพร่า ก่อนจะรู้สึกว่าทุกอย่างรอบตัวกลายเป็นสีดำ
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน เมื่อเหมือนดาวรู้สึกตัวอีกครั้งเธอพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียง ก่อนจะรับรู้ในเวลาต่อมาว่าไม่ได้มีเพียงเธอคนเดียว เพราะเสียงพูดคุยของผู้ชายสองคนที่เหมือนไม่ได้อยู่ไกลออกไปนัก หลังจากนิ่งฟังคำสนทนาครู่หนึ่งเธอจึงรู้ว่าหนึ่งในนั้นคือพสุธา ส่วนอีกคนน่าจะเป็นเพื่อนของเขา
กำลังนึกสงสัยว่าทำไมพวกเขาจึงเข้ามาอยู่ในห้องนอนของเธอ จังหวะนั้นก็ได้ยินเสียงของป้าน้อม
“โชคดีเหลือเกินที่คุณหมอไผ่มาหาคุณดินพอดี ไม่งั้นกว่าป้าจะโทร. ไปตามให้มาที่นี่ คงใช้เวลาไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมง”
“ถือเป็นโชคดีของผมมากกว่าครับที่ตั้งใจแวะมาขอกินข้าวเช้า ก็เลยจะได้ลาภปากเป็นข้าวต้มปลาฝีมือของป้าน้อม”
ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างชอบใจของแม่บ้านสูงวัย ก่อนที่เหมือนดาวจะหน้าร้อนผ่าวกับคำพูดต่อมา
“แถมผมยังมีบุญตา ได้เห็นนายดินอุ้มสาวขึ้นมาถึงบนห้องนอน คิดว่าชาตินี้จะไม่ได้เห็นนายคนนี้แตะต้องผู้หญิงคนไหนซะแล้ว”
ความร้อนบนใบหน้ายิ่งทวีเมื่อเหมือนดาวเพิ่งนึกออกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนเธอจะหมดสติ จนอดไม่ได้ต้องคัดค้านอยู่ในใจ
ใครว่าล่ะ ตั้งแต่วันแรกเขาก็ทำกับเธอยิ่งกว่าแตะอีก
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ป้าขอตัวไปเตรียมทำข้าวต้มให้คุณหมอก่อนนะคะ”
คล้อยหลังป้าน้อม พายัพก็หันไปบอกเพื่อนรัก
“เรื่องคนป่วย นายไม่ต้องห่วงนะ ฉันฉีดยาลดไข้ให้แล้ว ถ้าได้นอนพักเต็มที่ กินยาตามเวลา วันสองวันก็คงดีขึ้น”
“ใครบอกว่าฉันห่วง ผู้หญิงคนนี้จะเป็นยังไงก็ช่าง ฉันไม่สนใจ!”
แม้กำลังสะอึกกับคำพูดไม่แยแสของพสุธา แต่เหมือนดาวก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะของคุณหมอที่รักษาเธอ
“อ้อ! ไม่ห่วง ไม่สนใจ แล้วที่ฉันได้ยินเสียงใครสักคนกำลังตะโกนโหวกเหวกบอกป้าน้อมให้โทร. ตามฉัน มันเสียงของไอ้บ้าที่ไหนกันวะ”
ครั้งนี้เหมือนดาวไม่ได้ยินเสียงตอบโต้จากพสุธา แต่เสียงหัวเราะของคุณหมอหนุ่มทำให้เธอนึกอยากลืมตาขึ้นมาดูเพราะอยากรู้เหลือเกินว่าอะไรที่ทำให้ชายหนุ่มนึกขำ
“หน้าเหมือนกันมากเลยนะ”
น้ำเสียงจริงจังของคุณหมอที่เธอรู้เพียงว่าชื่อไผ่จากการเรียกของป้าน้อม ทำให้เหมือนดาวไม่สบายใจนักเมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เริ่มอึมครึม
“นายรู้สึกหวั่นไหวบ้างไหมดิน”
คำถามนั้นเหมือนยิ่งทำให้บรรยากาศรอบตัวมืดมนกว่าเดิม เมื่อพสุธาให้คำตอบสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงห้วนกระด้าง
“ไม่!”
ทั้งที่แปลบปลาบใจ แต่เหมือนดาวก็บังคับตัวเองให้จดจ่อสมาธิอยู่กับการรับฟังบทสนทนาของสองหนุ่มต่อไป
“เลิกเอาชีวิตไปจมอยู่กับอดีตซะที อนาคตสดใสรอนายอยู่นะดิน ขอแค่นายเปิดใจ...”
“แต่ฉันไม่มีหัวใจอีกแล้ว นับตั้งแต่วันนั้น!”
“ดิน...”
“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ!”
เหมือนดาวเกือบเผลอถอนหายใจอย่างเสียดายเพราะการตัดบทของพสุธา แต่คุณหมอหนุ่มเองก็คงรู้สึกไม่ต่างกันเมื่อฟังจากเสียงถอนหายใจยาว
“งั้น ฉันขอลงไปกินข้าวต้มปลาฝีมือของป้าน้อมก่อนละกัน”
เหมือนดาวคิดว่าพสุธาจะตามเพื่อนออกไปด้วย แต่มารู้ว่าเข้าใจผิดก็เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่กำลังก้าวเข้ามาใกล้เตียง
สัมผัสอุ่นตรงหน้าผาก แม้แค่เสี้ยวนาทีแต่ก็ทำให้หัวใจของเหมือนดาวเต้นไม่เป็นจังหวะ รอจนแน่ใจว่าเจ้าของฝีเท้าที่กำลังก้าวห่างออกไปเรื่อย ๆ นั้นพ้นไปจากห้องนอนของเธอแล้ว หญิงสาวจึงค่อยลืมตา
แต่ความพร่ามัวซึ่งเกิดจากน้ำอุ่น ๆ ที่เอ่อคลอสองเบ้าตา ทำให้หญิงสาวต้องหลับตาลงอีกครั้งเพราะไม่อยากให้น้ำตารินไหล หากในหัวใจกลับไม่อาจห้ามความสับสนที่กำลังเกิดขึ้น
---------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และ LIKE ค่ะ
คุณ kaelek แหะ..แหะ คงต้องรอเฉลยจริง ๆ ล่ะค่ะ ว่าทำไมพระเอกถึงเป็นแบบนี้
กัณฐกา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ส.ค. 2558, 09:00:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ส.ค. 2558, 09:00:44 น.
จำนวนการเข้าชม : 947
<< บทที่ 3 | บทที่ 5 >> |