รักแรกแลกรัก -ปิดจองแล้วนะคะ
ในความทรงจำของคุณ ถ้าย้อนกลับไปแล้วให้เลือกระหว่าง...
การมีความรักครั้งแรกที่ฝังใจอย่างไม่รู้เลือน
กับการเป็นคนรักคนแรกของใครสักคนที่แสนสำคัญยิ่ง
คุณจะเลือกอย่างไหน...

Tags: อวัศยา,หมอก,ธุมเกตุ,ธุม,รักแรก,ซึ้งกินใจ

ตอน: บทที่ ๒ ขั้นเทพ



ความรักมันเปลี่ยนแปลงอวัศยาไปมาก จากเด็กสาวสดใสร่าเริงอ่อนหวาน กลายเป็นผู้หญิงเย็นชาและแข็งกระด้าง หัวใจที่เคยมี ความอ่อนโยนที่เคยเห็น ถูกกดทับไว้ภายใต้ท่าทางเฉยชาไม่ยินดียินร้าย

บดินทร์เดชผ่อนลมหายใจ สายตาหมองลงเล็กน้อย

อวัศยาเอียงคอมองเพื่อนสนิท รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงค้างแต่มีรอยหม่นเข้าแทรกแซง

หญิงสาวพอรู้ว่าผู้เป็นเพื่อนคิดอะไร ในเมื่อ... อดีตของเธอ เพื่อนคนนี้รับรู้มากที่สุด โดยเฉพาะรอยแผลเป็นที่อยู่ในใจเธอ

เราสองคนสนิทกันมาก เสียจนเมื่อตอนเธอตัดสินใจซื้อคอนโดที่นี่ และบดินทร์เดชแวะเวียนมาพักบ่อยๆ ก็เกิดมีเสียงลือ ว่าเขาเป็นคนรักของเธอ ถูกมองว่าเธอกับเขาอยู่กินกันก่อนแต่ง แต่พอนานไปเสียงซุบซิบก็เงียบหาย เมื่อรู้แล้วว่าผู้ชายที่พูดถึงน่ะเป็นอะไรกันแน่

ตอนนี้บดินทร์เดชทำงานเป็นช่างแต่งหน้าอิสระ แต่ก็ยังรับงานประจำที่เดียวกับอวัศยา แถมเขายังมีเสน่ห์ปลายจวัก ที่เป็นพรสวรรค์อย่างหนึ่งในการเป็นแม่ศรีเรือนติดตัวมาด้วย และพาลเคี่ยวเข็ญอวัศยาจนเธอพลอยจะทำอะไรเป็นกับเขาบ้าง

แน่นอนว่าเขาได้รับคำชมล้นหลามจากพ่อแม่ของเธอ ที่ช่วยให้ลูกสาวคนสุดท้องดูเป็นผู้หญิงกับชาวบ้านเขาขึ้นมาบ้าง

“แก... เรื่องพี่ธุม--”

อวัศยาชะงักรีบพูดขัด “ป่ะไปกินข้าว”

บดินทร์เดชหน้าหงิก “เออ ไปล้างหน้าไป๊ ยัยซกมก!”

คนสั่งขยับจะออกจากห้องไปแต่หยุดเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้

“เออ อาบน้ำแต่งตัวไปเลยก็ได้แก วันนี้บอสขอแรงมาให้แกไปช่วยถ่ายรูปน้องซินดี้ลูกสาวคุณหญิงพวงเพชรให้หน่อย เพราะพี่ขจรติดงาน คุณหญิงแกเจาะจงม้ากมากเลยนะ ว่าขอคนมีฝีมือ”

อวัศยาทำหน้าเบ้

“ถ่ายรูปใครอีกล่ะ ญาติ ลูก ผัว”

“เห็นว่าลูกนะ” บดินทร์เดชเองก็ไม่แน่ใจ

อวัศยาพยักหน้ารับเออออ เธอลุกขึ้นจากเตียงก้าวตรงไปยังห้องน้ำแต่ยังไม่วายพึมพำ “คุณนายคนนี้ จำได้ว่ามีลูกคนเดียว แล้วก็ไปเรียนต่อเมืองนอกไม่ใช่หรือไง”

“ไม่รู้” กระนั้นชายหนุ่มผู้เป็นเพื่อนก็ยังตอบ “คงกลับมามั้ง ก็พวกคนรวยน่ะแก ชอบทำอะไรแปลกๆ อย่าไปคิดให้ปวดหัวเลย เห็นว่างานนี้จัดหนัก เท่าไหร่เท่ากัน”






ห้องทำงานท่านประธานเครือวิษณุเรียลเอสเตส อยู่ชั้นบนสุดของตึกวิษณุ

มันเป็นห้องครึ่งวงกลมกินพื้นที่เกินครึ่งของชั้น ผนังด้านหลังครึ่งหนึ่งเป็นกระจก โอบล้อมไปจนถึงฝั่งขวา พื้นกระเบื้องหินอ่อนปูพรมสีน้ำตาลเข้ม บริเวณตั้งชุดรับแขกอันเป็นกลุ่มโซฟาหนานุ่มสีเงินล้อมรอบโต๊ะกระจก

ถัดออกมาทางฝั่งซ้ายยกพื้นสูงราวสามสิบเซนติเมตรเป็นพื้นไม้ วางโต๊ะทำงานไม้สักของท่านประธาน ผนังด้านหลังทึบทาสีสีขาว และวางเรียงด้วยชั้นวางหนังสือสีดำยาวไปจนจรดกับผนังอีกด้านที่ทาสีน้ำตาลแก่ มีตู้กระจกโชว์เครื่องลายคราม และแบบบ้านจัดเรียงไว้อย่างสวยงาม เว้นระยะตรงกลางผนังสามเมตร ซึ่งเป็นประตูเปิดเข้าสู่ห้องพักผ่อน

ตรงนั้นหลังโต๊ะตัวใหญ่ ชายหนุ่มร่างสูงกำลังเช็กเอกสารในแฟ้มหน้านิ่ว ยามเขาก้มหน้าลงเช่นนี้ ทำให้เห็นแพขนตาหนาตรงที่ทาบลงกับแก้มสากชัดเจน

ธุมเกตุ วิษณุเวท

นี่คือชื่อของเขา ท่านประธานคนปัจจุบัน ลูกชายคนเดียวของ ทีป วิษณุ ท่านประธานคนก่อนซึ่งเกษียณไปได้ราวสองปีแล้ว

ธุมเกตุเป็นชายหนุ่มอายุสามสิบห้า เขาเรียนจบปริญญาทั้งโทและตรี รวมถึงในและนอกประเทศ ทางด้านสถาปัตย์ เศรษฐศาสตร์ การบริหาร การเงิน และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แล้วเข้ามาศึกษางานที่บริษัท นับแต่เริ่มเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเมื่ออายุสิบเจ็ดปี

เสียงเคาะประตูเบาๆดังขึ้น และใบหน้าได้รูปยาวก็เงยขึ้น ดวงตามองตรงไปยังประตู คิ้วเข้มยังคงขมวด สีหน้าเรียบเฉยและติดจะเย็นชา ยามจับจ้องเลขาสาวใหญ่ที่เดินถือแฟ้มเข้ามา

“เอกสารที่ขอได้แล้วค่ะ”

เลขาผู้จงรักภักดีของท่านประธานคนก่อน ที่ทำงานตำแหน่งนี้มาร่วมยี่สิบปี แล้วถูกส่งต่อมายังตำแหน่งเลขาฯของท่านประธานคนปัจจุบันเอ่ยขึ้น เธอกระแอมและยกมือขึ้นขยับแว่นที่สวม ผมยาวรวบเป็นมวยเรียบร้อย นัยน์ตาเรียวรีสีน้ำตาลอมดำมองเจ้านายหนุ่มนิ่ง

“ขอบคุณครับน้ารวี”

ธุมเกตุเอื้อมมือไปรับแฟ้มมาเปิดดู

“มีอะไรหรือเปล่าครับ ผมว่าน้ารวีดูโมโหหน่อยๆ”

มีเสียงสูดลมหายใจเข้าลึกจากน้ารวี ก่อนจะตามมาด้วยเสียงรายงานขึ้นจมูก “เมื่อครู่มีโทรศัพท์สองสายมาถึงคุณธุมค่ะ คุณตติยา กับคุณรุจิกร ทั้งคู่อยากขอเข้าพบคุณธุม แต่น้าแจ้งไปว่าติดประชุมตามคำสั่งก่อนหน้านี้”

ใบหน้ากลมๆยังเชิด ตัวยังยืนตรงแม้ว่าเสียงรายงานท้ายๆจะสูงขึ้นนิดๆ

“เธอไม่พอใจมาก และบอกว่า...เมื่อไหร่ที่คุณธุมแต่งงานกับพวกเธอ น้าจะเป็นคนแรกที่ตกงานจากที่นี่”

ธุมเกตุซึ่งก้มลงอ่านรายงานในแฟ้ม ดวงตาเขาฉายแววขบขัน ริมฝีปากบางยกยิ้ม ก่อนถอนหายใจเซ็นชื่อลงไปในแฟ้ม แล้วยื่นส่งให้พลางเงยหน้าขึ้นมองอดีตเลขาของผู้เป็นพ่อ

“ขอบคุณมากๆครับ แต่คราวนี้น้ารวีบอกพวกเธอไปก็ได้ ว่าผมไปตายที่ไหนก็ไม่รู้”

รวีมองเหมือนจะค้อน ขณะรับแฟ้มที่เธอเพิ่งเดินเอาเข้ามาส่ง รวมกับแฟ้มอีกสามสี่แฟ้มยื่นส่งให้ผู้เป็นเลขา

“ผมรบกวนคุณรวีส่งแฟ้มแรกกลับไปที่แผนกออกแบบ ผมโอเคแล้วกับรายงานของเขา อ๋อ แฟ้มที่สองส่งให้ผู้จัดการแผนกบัญชีและบอกว่าให้เตรียมประชุมเช้าวันพรุ่งนี้ ส่วนอีกแฟ้มส่งไปที่แผนกการเงิน แล้วแจ้งคุณสูตร นัดประชุมทีมสถาปนิกพรุ่งนี้บ่าย”

ธุมเกตุว่าแล้วก็ขยิบตาส่งให้เลขาสาวใหญ่

“ส่วนสาวๆสองคนนั่น เดี๋ยวผมจัดการให้ครับ”

รวีรับคำหน้านิ่ง แล้วเดินตัวตรงแข็งทื่อออกจากห้องไป ชายหนุ่มมองตามแผ่นหลังของเลขาประจำตัวแล้วก็ได้แต่นึกขำ กับความเจ้าระเบียบและถือตัวของเลขาคนเก่าคนแก่ ชายหนุ่มส่ายหน้า กำลังจะเก็บปากกากลับที่ ประตูก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง

แล้วแม่สาวหุ่นนาฬิกาทราย สวมเดรสยาวผ้าชีฟองกรุยกราย แต่แหวกสูงถึงต้นขาก็ก้าวเข้ามา เธอเปิดยิ้มและถอดแว่นตาออก

“ไฮ ธุม แพทคิดถึงคุณจัง”

โดยมีรวีทำตาเขียวอยู่ด้านหลัง

ธุมเกตุกัดริมฝีปากนิดๆไม่ให้หลุดหัวเราะ เขาเหลียวมองรวีเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร ก่อนส่งยิ้มเจ้าเสน่ห์ให้กับแขกผู้มาใหม่ เธอชื่อแพทริเซีย เป็นลูกหลานไฮโซ หนึ่งในคู่ควงของเขา ที่พอเข้ามาถึงตัวก็ทรุดลงนั่งบนที่เท้าแขน

รอยจูบบางเบากดลงข้างแก้มสาก พร้อมด้วยสองมือเรียวที่โอบกอดรอบบ่ากำยำ

“คิดถึงคุณที่สุดเลยค่ะ”

ธุมเกตุเปิดยิ้มฝ่ามือเลื่อนลงไปวางยังสะโพกมน ในขณะที่ปลายนิ้วชี้ของสาวเจ้าลากไล้เล่นกับกระดุมเสื้อเชิ้ตและเนคไทของเขา

“วันนี้เป็นของแพทใช่ไหมเอ่ย”

เสียงกระซิบเซ็กซี่ เธอกัดริมฝีปากและขยิบตา ใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางโน้มลงมาใกล้ๆ มองเห็นเรียวปากแดงอิ่มที่เผยอยั่วยวน ดวงตาธุมเกตุจากเคยเฉยชาเปลี่ยนเป็นแพรวพราว เขาเลื่อนมือลูบคลึงบนสะโพกหนั่นแน่นเบาๆ แต่ย้ำน้ำหนักฝ่ามือลงแรงๆเป็นจังหวะ

หญิงสาวหัวเราะคิก ก่อนกัดริมฝีปากแล้วยกมือขึ้นประคองใบหน้าเขาไว้

ริมฝีปากสองคู่แนบลงทาทาบ เรียวลิ้นทั้งสองเกี่ยวกระหวัดรัดพัน มันเป็นจูบดูดดื่มกำซาบและเย้ายั่วให้อารมณ์ปรารถนาพลุ่งพล่าน เสียงครางแผ่วเบาหลุดรอดจากริมฝีปากอิ่ม เมื่อฝ่ามือแข็งแรงเลื่อนลูบขึ้นมาถึงทรวงอกอิ่ม และเคล้าคลึงเป็นจังหวะ

แพทริเซียหอบหายใจและดันตัวออก ธุมเกตุหัวเราะเมื่อสาวเจ้าเปลี่ยนมานั่งคร่อมบนตัวเขาแทน รอยแหวกของชุดยิ่งเผยต้นขาขาวผ่อง มือน้อยอ้อยอิ่งจัดการกับเนคไท และกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาออก เส้นผมสลวยเป็นลอนแผ่ลงมาปกคลุมคลอเคลียใบหน้าสวย ดูเซ็กซี่และเร้าอารมณ์คนมอง เมื่อเธอเลื่อนมือลูบผ่านกระดุมเสื้อเชิ้ตลงไปช้าๆ

สายตาสองคู่จ้องผสาน ริมฝีปากสีสดขยับลงมาใกล้ ก่อนแตะกับริมฝีปากหยักบาง รสจูบร้อนแรงเริ่มต้นขึ้นตรงนั้น พร้อมกับที่ชายหนุ่มกระซิบตอบเสียงเบาพอกัน

“ใช่ วันนี้สำหรับคุณทูนหัว”

กระทั่งครึ่งชั่วโมงถัดมา รวีจึงได้เห็นธุมเกตุโอบเอวแพทริเซียเดินออกจากห้องทำงานมา พร้อมกับบอกว่าวันนี้ไม่กลับเข้ามาอีกแล้ว เลขาสาวใหญ่ยืดคอมองตามเจ้านาย พลางทอดถอนใจ ก่อนโคลงศีรษะและหันกลับมาสนใจกับงานพะเนินที่กองอยู่ตรงหน้า

เธอไม่เถียงเลยว่าลูกชายท่านประธานเอาการเอางาน แต่...

เรื่องอื่นๆ ธุมเกตุก็ช่างขยันขันแข็งไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเรื่องสาวๆ





อวัศยาหน้ามุ่ยใช้มือยีผมตัวเองบนหัวจนฟูแล้วฟูอีก แสดงถึงความหัวเสียสุดๆ!

เมื่อเวลาได้ผ่านไปราวหกชั่วโมง แล้วนับแต่บ่ายโมงตรง จนตอนนี้จะสองทุ่ม เธอยังไม่ได้ลงมือถ่ายรูป ‘น้องซินดี้’ เลยสักรูปเดียว

ตากล้องสาวผมสั้นสวมเสื้อยืดสีดำสกรีนตัวหนังสือสีขาวว่า ‘อย่าขัดใจเจ๊’ กำลังนับหนึ่งถึงสิบอยู่ในใจ เพื่อเตือนตัวเองไม่ให้ลืมตัวปรี๊ดแตกไปเสียก่อน กำลังยกมือขึ้นเท้าสะเอว มีแว่นตาที่สวมก่อนหน้าถืออยู่ในมือข้างหนึ่ง

ส่วนบดินทร์เดชที่ยืนอยู่ข้างกันยิ้มแห้งๆ รีบส่งยางรัดผมให้ และเธอก็รับมามัดจุกเพื่อกันไม่ให้เส้นผมรุ่ยร่ายเกะกะ แต่ตายังดูขวางๆ อย่างกับผีเข้า

ทั้งคู่ยืนกันอยู่ข้างสระว่ายน้ำ ด้านหลังคือตัวบ้านหลังใหญ่จนเรียกได้ว่าเป็นคฤหาสน์ ส่วนด้านหน้าเป็นสวนหย่อม พื้นที่ของบ้านหลังนี้กว้างเสียจน ถ้าให้เดินเข้าเดินออกจากรั้วประตูหน้า มาถึงตัวบ้านคงได้หอบแฮ่กกันแน่

“บรรยากาศบ้านนี้ตอนเย็นสวยเนอะแก”

ช่างแต่งหน้าคู่บุญที่วันนี้ ‘ไม่ได้ทำงาน’ เลยสักนิดเอ่ยขึ้น

“เงี้ยบเงียบ มีบ้านหลังใหญ่ๆชานเมืองแบบนี้ก็ดีเนาะ” เขาหวังว่าการชวนคุย คงจะพอช่วยผ่อนคลายอารมณ์ของเพื่อนสนิทในตอนนี้ได้บ้าง แต่... ดูเหมือนจะไม่ได้ผล

อวัศยายังคงยืนจ้องหน้ากับ ‘น้องซินดี้’ และ ‘คุณแม่’ อยู่เช่นนั้น

แม่ลูกทั้งสองยืนอยู่ตรงหน้าตากล้องสาวนี่เอง ตัวแม่ยืนข้างโต๊ะเหล็กดัดสีขาวตัวกลม สวมชุดเดรสอย่างกับจะไปออกงาน แต่งหน้าทำผมแบบจัดเต็ม ส่วนคุณลูกนั่งบนเก้าอี้ และส่ายหาง แลบลิ้นยาวมองอวัศยาตาแป๋วด้วยแววใสซื่อ

ใช่ งานที่เธอต้องมาทำแทนคืองานถ่ายรูปหมา

“ค่ะ...คุณน้อง คุณพี่ว่ามุมนี้ลูกซินดี้ไม่สวยเลยอ่ะ อยากให้เปลี่ยนเป็นมุมโน้น”

คุณพี่ว่า ชี้นิ้วกรีดกรายอวดแหวนเพชรเม็ดเป้งที่นิ้ว ไปอีกมุมของสวนสวยที่อยู่นอกตัวบ้านไกลออกไปจากจุดเดิมมากพอดู อวัศยาที่กำลังสติแตกยกมือทั้งสองข้างขึ้นลูบหน้า แล้วกระทืบเท้าแรงๆอีกสองทีเพื่อสงบสติอารมณ์ จนน้องซินดี้สะดุ้งหดหางครางอิ๋ง

“สรุปมุมโน้นชั่ว!--”

บดินทร์เดชยกมือทาบอกเหลียวมองเพื่อน ส่วนคุณหญิงเจ้าของบ้านทำหน้าเหลอหลา มีเพียงชายหญิงผู้ช่วยสองคนของอวัศยาเท่านั้นที่ก้มหน้ายิ้ม

“เอ่อ ขอโทษ ฝั่งโน้นชัวร์นะคะคุณ-พี่”

“โอ๊ยแน่นอนค่ะ ตรงโน้นแน่นอนไม่เปลี่ยนแล้ว”

ตากล้องสาวสูดลมหายใจเข้าลึก หันหลังกลับไปสั่ง

“เอก ยกไฟไปฝั่งโน้นจัดให้เรียบร้อยตามที่คุณพี่ต้องการเป๊ะๆ ส่วนแก้วเอาน้องซินดี้ไปจัดท่าใหม่ให้สวยๆเลยนะ!”

คุณพี่ยิ้มอย่างชอบใจ เมื่อช่างภาพดูจะเอาใจใส่หล่อนและลูกสาวเสียเหลือเกิน ในขณะที่มองตาม‘ลูกสาว’อย่างชอบใจ ด้วยความคิดผิดๆว่าตัวเองได้เลือกช่างภาพไม่ผิดจริงๆ จนไม่ได้สังเกตเลยว่าตอนนั้น อวัศยากำลังเหลือกตาขึ้นมองฟ้า สูดลมหายใจเข้าออกดังฟืดฟาดคล้ายกับกำลังรวบรวมสมาธิ และบดินทร์เดชที่เห็นท่าไม่ดีต้องกัดฟันเรียก

“ไอ้หมอก!”

อวัศยาจุ๊ปาก ถลึงตามองเพื่อนสนิท ก่อนกระแทกเสียงใส่ในขณะที่เดินตามนางแบบและคุณแม่เข้าไปในสวน

“เออน่า รู้!”

“ก็เพราะรู้นี่แหละ ฉันอ่ะหัวใจจะวายอยู่แล้ว!”

ชายหนุ่มยกมือขึ้นทาบอกกลอกตาไปมา ก่อนจะล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าสีชมพูขึ้นมาซับเหงื่อตรงหน้าผากที่ผุดพราวออกมาราวดอกเห็ด เมื่อเห็นท่าทางของช่างภาพมือหนึ่งที่กำลังติสท์แตกเต็มที่ เอ่ยพึมพำขึ้นอีกว่า

“บอสขา เดซี่จะรอดไหมเนี่ย”





ร่างกำยำนั้นสวมเพียงกางเกงแสล็กตัวเดียว ธุมเกตุเดินออกมาจากห้องน้ำ ถือเสื้อเชิ้ตติดมือออกมา ก่อนสวมและหยุดติดกระดุม ที่ด้านหลังแพทริเซียในชุดคลุมอาบน้ำ ตามออกมาและโอบเอวหนาไว้ ฝ่ามือเล็กเลื่อนลูบตามซิกแพ็กกำยำ พลอยทำให้ชายหนุ่มชะงัก

“ไม่เอาน่าแพท”

ธุมเกตุปราม ก่อนเสียงถอนหายใจจะดังขึ้น แต่แพทริเซียยังไม่ยอมแพ้ หญิงสาวขยับมาด้านหน้า เบียดเนื้อเบียดตัวเข้าหา ยกสองมือขึ้นโอบรอบลำคอแข็งแรง โน้มให้ใบหน้าคมสันก้มต่ำลงมา ชายหนุ่มยอมโอนอ่อน ทาบริมฝีปากตนเข้ากับริมฝีปากจิ้มลิ้ม

แพทริเซียนึกกระหยิ่มใจ เธอดึงเขาในระหว่างที่ยังแลกจูบกลับมาที่เตียง มือเรียวเลื่อนลูบตามมัดกล้ามตึงแน่น ก่อนรั้งเขาให้ตามลงไปบนฟูกนุ่มได้อีกครั้ง

มือเรียวเล็กสะบัดเสื้อเชิ้ตของชายหนุ่มกลับลงไปกองที่พื้นอีกครั้ง เธอหยัดตัวขึ้นหา ไม่ยอมละจากจูบแม้แต่วินาทีเดียว ในขณะที่เสื้อคลุมซึ่งสวมไว้หลวมๆรุ่ยร่าย เปิดเปลือยให้เห็นเรือนร่างอวบอิ่มเย้ายวนให้ไฟราคะลุกโพลง

เท่านั้นเชื้อเพลิงที่ดับไปก็ทำท่าว่าจะคุขึ้นมาอีก ธุมเกตุจูบซับยอดทรวงสีหวาน ฝ่ามือเลื่อนลูบคลึงเคล้า ขณะที่เสียงหวานดังแผ่วหวิวกระตุ้นต่อมตัณหาให้ทำงาน

“ธุม แพทรักธุม”

แพทริเซียคร่ำครวญ เธอดึงใบหน้าคมสันให้แหงนเงยเพื่อมองสบตา

“แพทอยากอยู่กับคุณแบบนี้ทุกวัน นะคะธุม”

ธุมเกตุยกยิ้มมุมปาก “เราก็อยู่ด้วยกันอยู่แล้วนี่ทูนหัว”

เขาขยับจะจูบเธอ แต่แพทริเซียเบี่ยงหน้าหลบ ปลายนิ้วชี้เลื่อนลูบริมฝีปากหยักของธุมเกตุ และยังเบียดเนื้อตัวเข้าหาเขา

“แพทหมายถึง ชีวิตคู่จริงจัง นะคะ แพทอยากเป็นแม่บ้านให้คุณ”

ธุมเกตุชะงักกึก เขาหลับตาลงแล้วค่อยผ่อนลมหายใจ ก่อนดันตัวลุกขึ้นยืน แพทริเซียผวาลุกขึ้นมาตาม ตามองชายหนุ่มที่ก้มลงหยิบเสื้อเชิ้ตขึ้นมาสวม

“ธุมคะ”

หญิงสาวขมวดคิ้ว ก้าวออกมายืนประจันหน้ากับเขา ใบหน้างามงดส่อแววว่าไม่พอใจ

“มันดึกแล้วนะธุม คุณค้างที่นี่ก็ได้”

“ผมบอกแล้วไงแพท พรุ่งนี้มีประชุมเช้า อีกอย่างผมห่วงพ่อ”

ชายหนุ่มบอกเรียบๆ เขาเดินหลบเจ้าของห้องก้าวเข้าไปหยิบนาฬิกาขึ้นมาสวม ก่อนเดินพ้นกรอบประตูห้องนอนออกมา ตรงไปที่โซฟาแล้วคว้าเอาสูทมาถือไว้ พลางหันมาหาสาวเจ้าซึ่งเดินตามออกมาติดๆ

“ผมไปนะ” เขายื่นหน้าเข้าไปจูบลงที่แก้มนิ่ม “ไว้เจอกัน”

แพทริเซียทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ เธอร้องเหอะ ยกมือขึ้นกอดอกใบหน้าบึ้งตึง

“ทำไมคะธุม แค่แพทพูดเรื่องแต่งงานคุณก็เป็นแบบนี้ตลอด คุณทำเหมือนแพทไม่มีความหมาย ทั้งๆที่เราคบกันมานานขนาดนี้!”

ธุมเกตุถอนหายใจ “แพท--”

“ตกลงเราเป็นอะไรกันแน่ธุม แพทรักคุณ อยากได้ใช้ชีวิตร่วมกับคุณ”

เสียงหวานทอดอ่อน ดวงตาคลอไปด้วยหยดน้ำ เธอยกมือขึ้นปิดหน้า

“สามปีแล้วนะคะธุม ทำไมเราถึงไม่เริ่มอะไรกันสักที แพทเบื่อชีวิตแบบนี้แล้วนะ แพทจะทนไม่ไหวแล้ว แพทไม่ได้อยากเป็นแค่คู่นอนของคุณนะ แต่แพทอยากเป็นภรรยาของคุณ แพทรักคุณ ที่แพทยอมทุกอย่างก็เพราะแพทรักคุณ!”

“ผมยังไม่พร้อม” คนพูดถอนใจ

“อีกอย่างผมเคยบอกแพทแล้วนะ เราคบกันแบบไหน ผมยังไม่อยากเริ่มต้นชีวิตคู่กับใคร เราตกลงกันไว้แล้วนี่”

ไม่มีคำตอบมีเพียงเสียงสะอึกสะอื้นที่ดังขึ้น ธุมเกตุนิ่งมองก่อนเข้าไปโอบร่างเล็กเข้ามากอดปลอบ ชายหนุ่มลูบแผ่นหลังบอบบางแผ่วๆ และปล่อยให้เวลาผ่านไปจนเสียงสะอื้นเบาลง เขาจึงได้ดันร่างอรชรออกห่าง ชายหนุ่มมองสบตากับแพทริเซีย

“ผมขอโทษ แต่... เราจบกันเท่านี้เถอะแพท ในเมื่อคุณต้องการชีวิตคู่ที่สมบูรณ์”

ธุมเกตุเอ่ยได้อย่างเย็นชาเหลือเกิน ในสายตาของแพทริเซีย

“และผมให้คุณไม่ได้ ผมก็ไม่อยากเห็นแก่ตัวรั้งคุณไว้ คุณควรได้เจอผู้ชายที่ดีกว่าผม”

แพทริเซียน้ำตาร่วงพรู แต่ไร้เสียงสะอื้น เธอมองเขาแบบไม่อยากเชื่อ แล้วดวงตาคู่งามก็วาววับ พร้อมกับมือเรียวที่สะบัดลงมาบนแก้วซีกซ้ายของเขาเต็มแรง

“คนที่ดีกว่าคุณเหรอธุม คุณพูดออกมาได้ยังไงน่ะ พูดออกมาได้ยังไง!”

ธุมเกตุยอมรับความเจ็บนั่น ชายหนุ่มหันมามองหญิงสาวนิ่งๆ

“คุณเห็นฉันเป็นอะไร ฉันไม่ใช่สาวๆพวกนั้นที่คุณนึกจะทิ้งก็ทำได้หรอกนะ”

เธอโถมตัวเข้าหาเขา ทุบตีอกกว้างอย่างไม่สนใจว่าชายหนุ่มจะรู้สึกอย่างไร หญิงสาวระบายความผิดหวังและเสียใจอยู่นาน ก่อนจะค่อยๆทรุดลงนั่งกับพื้น

ธุมเกตุไม่ขยับปัดป้องแม้แต่นิดเดียว เขาก้มลงมองเธอ ใบหน้ายังเฉยชา

“ลาก่อนแพท ขอให้คุณโชคดี” เขาว่าแล้วสาวเท้ายาวๆก้าวออกจากห้องไป แพทริเซียตะโกนเรียกชื่อเขาตามหลัง

“ธุม!”

ร่างบางผุดลุกขึ้นวิ่งตามออกไป

“ธุมกลับมานะ กลับมาเดี๋ยวนี้!” และทันได้เห็นแค่ประตูคอนโดที่ปิดลง เธอทรุดลงนั่งกับพื้นตรงนั้นเอง มือเรียวขยุ้มดึงพื้นพรมไว้แน่น ม่านน้ำตาไหลร่วง หญิงสาวยันตัวลุกขึ้นยืนโงนเงน ตรงกลับเข้าไปในห้องนอน แล้วคว้าเอาโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนหัวเตียง

“พี่พีท” เสียงหวานสั่นสะอื้น เมื่อพี่ชายคนเดียวของเธอรับสาย

“เขาไปแล้ว ธุมไปแล้ว ธุมทิ้งแพทไปแล้ว แพทจะทำยังไงดี แพทรักเขา แพทยังไม่อยากเสียเขาไป พี่พีทช่วยแพทนะ ช่วยแพท”

หญิงสาวรำพันกับพี่ชายอย่างเจ็บปวดใจ ถ้อยคำหนึ่งที่เธอได้รับกลับมาจากพี่ชายเป็นประโยคแรกก็คือ

“ปล่อยมันไป! แพทดีเกินไปสำหรับมัน แต่ไม่ต้องห่วง มันจะต้องได้รับบทเรียน!”

เสียงสะอื้นยังดังกระซิกออกมาให้ได้ยินเบาๆ แม้เมื่อปิดประตูลงแล้ว ธุมเกตุยังคงยืนนิ่งอยู่หน้าห้องของแพทริเซีย ชายหนุ่มขยับเอื้อมมือจะเปิดประตูกลับเข้าไป แต่สุดท้ายเขาก็ชะงัก และได้แต่ยืนอยู่แบบนั้น

สิ่งแรกและสิ่งเดียวที่รู้สึกคือสงสาร

เกือบสิบนาทีที่เขายืนจ้องประตูด้วยใบหน้าเคร่งเครียด แต่สุดท้ายชายหนุ่มก็เดินจากมา เขาควรเดินออกมาจากชีวิตของแพทริเซียน่ะดีแล้ว แต่แรกที่คบกันก็เพียงเพราะต้องการแค่เซ็กซ์ก็เท่านั้น แต่เวลาที่ผ่านไปมันสร้างความผูกพัน

กระทั่งเขาเองยังเคยนึกว่า... หากจะรักใคร คนนั้นก็น่าจะเป็นแพทริเซีย

ทว่าสุดท้ายจนแล้วจนรอด แม้จะผ่านมาหลายปี ธุมเกตุก็ยังหาได้รู้สึกเช่นนั้นกับหญิงสาวไม่ ชายหนุ่มทอดถอนใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า เมื่อก้าวเข้าไปในลิฟต์ หรือกระทั่งเดินมาจนถึงรถคันหรูของตนเองที่จอดไว้ยังชั้นใต้ดิน

เกือบเที่ยงคืนทุกอย่างในลานจอดรถเงียบสนิท ชายหนุ่มเดินผ่านรปภ.ตรงประตูด้านหลัง ก่อนเดินเลี้ยวไปทางด้านซ้ายที่ค่อนข้างมืด

ระหว่างที่กำลังจะเปิดประตูรถนั่นเอง ธุมเกตุก็ต้องชะงักเมื่อมีมือมาแตะที่หัวไหล่ ชายหนุ่มฉีกตัวออกอย่างระแวดระวัง แม้ที่คอนโดนี้จะขึ้นชื่อเรื่องความปลอดภัยแต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ ทว่ายังไม่ทันได้ทำตามที่คิด บางอย่างหนักๆก็ซัดลงที่ท้ายทอย และเขาก็หมดสติไป

ร่างสูงทรุดลงนอนกองกับพื้น ในขณะที่ผู้ชายสวมเชิ้ตแขนยาวทั้งสี่คนก้มลงมอง หนึ่งคนที่ดูจะเป็นหัวหน้าพยักเพยิดให้ลูกน้องอีกสอง หิ้วปีกธุมเกตุไปขึ้นรถตู้ที่วิ่งเข้ามาจอด ก่อนรถคันนั้นจะวิ่งออกไป ปะปนกับรถยนตร์คันอื่นบนท้องถนนยามราตรี

มันเคลื่อนตัวบ่ายหน้าไปแถวชานเมือง รถสีดำติดฟิล์มหนาทำให้ไม่มีใครรู้ว่าด้านในมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ราวหนึ่งชั่วโมงมันก็วิ่งเข้าข้างทาง จอดเลียบตรงพงหญ้ารก

ประตูรถเลื่อนเปิดออก ผู้ชายสองคนในตอนแรกลากร่างสูงของธุมเกตุลงมากองไว้ที่พื้น เตะอัดเข้าที่ชายโครงสองสามทีอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะผลักเขาให้เข้าไปอยู่กึ่งๆในพงหญ้า ส่วนที่เหลืออีกสองคนมองเหยียดสบถออกมาเบาๆอย่างหยามหยัน สายตามีทั้งเวทนาและสาใจ

เสียงโทรศัพท์เรียกเข้าเมื่อกลุ่มคนทั้งสี่ก้าวขึ้นรถ

“ครับนาย เรียบร้อยแล้วครับ ครับ แล้วผมจะจัดการให้ครับ”

ประตูรถปิดลงอีกครั้ง ธุมเกตุที่เพิ่งได้สติกลับมาพยายามชะเง้อคอขึ้นดูแต่ไม่สามารถทำได้ ในดวงตาของชายหนุ่มก่อนที่จะปิดลงอีกครั้ง สิ่งที่เขาเห็นคือฝุ่นดินที่เกิดจากล้อรถยนต์ที่วิ่งห่างออกไป

จากนั้นความมืดก็ครอบงำเขาไว้อีกครั้ง





“โอ๊ย! ไอ้หมอกแกทำฉันอีกแล้ว!”

บดินทร์เดชร้องโวยวายลั่นรถ เมื่อคิดว่าเขาจะต้องโดนบอสเจ้าขาด่าว่าอย่างไรบ้าง หลังจากก่อนหน้านี้อวัศยาอาละวาดใส่หน้าลูกค้าคนสำคัญอย่างไม่ยั้ง

แม้ว่ามันสมควรแล้ว ทั้งๆที่คุณนายนั่นผิดจริงๆก็ตามที!

ระหว่างนั้น อีซูซุมิวเซเว่นสีดำคันใหญ่กำลังแล่นปุเลงๆอยู่บนถนนสายหนึ่ง

เอกรัตน์คือสารถี เขาเป็นผู้ช่วยของอวัศยามาได้สองปี และเป็นนักศึกษาปีสี่ซึ่งเรียนจบแล้ว และกำลังรอรับพระราชทานปริษาบัตร ชายหนุ่มเหลือบตามองแก้วตา น้องสาวของเขาที่นั่งอยู่ข้างๆแล้วยิ้มให้กัน เหมือนจะบอกว่าช่วยไม่ได้

ส่วนที่เบาะหลังอวัศยายกมือขึ้นปิดหู บดินทร์เดชยกมือขึ้นกอดอก มองสองพี่น้องตาเขียวหลังได้ยินเสียงหัวเราะคิก

“นี่นังเอกยัยแก้ว ไม่ต้องทำมายิ้มเลยนะยะ แทนที่จะช่วยกันห้าม!”

บดินทร์เดชแหวเสียงเขียว ส่วนอวัศยาบอกเสียงดัง

“จะโวยวายทำไมหมีเดช แก้วหูฉันแทบจะแตก!”

อวัศยากระแทกเสียงหนักเพราะยังโมโหไม่หาย หญิงสาวขยี้หัวอีกทีอย่างหงุดหงิด เมื่อนึกถึงวีรกรรมที่คุณนายไฮโซเจ้าของหมาสร้างไว้

เพราะหลังจากเจ้าของสุนัขยืนยันว่าจะถ่ายรูปในมุมนั้นแน่ พอเอกรัตน์กับแก้วตาจัดฉากเสร็จ แล้วอวัศยาเข้าไปผูกมิตรกับปอมเปอเรเนียนตัวจ้อย จัดท่าจัดทางได้เป็นที่พอใจ คุณพี่แม่ลูกหมาก็เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาอีกจนได้

‘เอ่อ คุณน้อง มุมนี้มันมืดไปฮ่ะ ลูกซินดี้ไม่มีออร่าเลย แล้วนี่มันก็กลางคืน ไว้เรามาถ่ายพรุ่งนี้กันดีกว่า ตอนเช้าๆนะคะ แสงแดดส่อง โอ๊ย! ออร่ากระจาย!’

เท่านั้นเองสองชั่วโมงที่อวัศยาเฝ้าบอกตัวเองให้ใจเย็นก็ไร้ค่า

เธอเรียกคุณนายพักตร์พริ้งว่าป้า แล้วบอกต่อเสียด้วย ว่าไม่รู้ว่าเธอหรือหล่อนกันแน่ที่บ้า ถ่ายรูปหมามาเกือบสิบชั่วโมง แต่กลับไม่ได้แม้แต่ภาพเดียว และไอ้เวลาสิบชั่วโมงนี้มันก็เหนื่อย เหมือนตอนต้องรีทัชรอยตีนกาบนใบหน้าคุณนายพักตร์พริ้งเอง!

คนฟังตาค้าง บดินทร์เดชแทบหยุดหายใจ อวัศยาสั่งลูกน้องให้เก็บของ ส่วนเธอเดินมารอที่รถ โดยมีเสียงกรีดร้องโหยหวนของคุณนายเจ้าของบ้านดังตามหลังมา

“แก้วหูแกมันไม่แตกหรอก กับอีแค่ฉันแว้ดใส่แค่นี้ แก้วหูฉันนี่ต่างหากจะแตก เพราะแกไม่ได้ฟังเสียงกรี๊ดๆของคุณนายพักตร์พริ้งเหมือนกับฉัน!”

ชายหนุ่มถลึงตาใส่ตากล้องสาว

“หมอกเอ๊ย! หัดเพลาๆลงบ้างซี ไอ้อารมณ์ศิลป์ของแกน่ะ ”

บดินทร์เดชถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ยกมือขึ้นกอดอก หน้ายังบึ้ง

“แล้วแกจะให้ฉันทำยังไงล่ะ แค่ถ่ายรูปหมา แม่เล่นเรื่องมากเปลี่ยนมันอยู่นั่น สตูดิโอถ่ายรูปหมาก็มี ทำไมถึงไม่ไปให้เขาถ่าย ฉันน่ะ...ไม่ใช่ละ เป็นใครมันจะไปทนได้ แกลองมาเป็นฉันดูบ้างไหมล่ะจะได้รู้ว่าฉันน่ะ!”

อวัศยาชี้นิ้วเข้าหาอกตัวเอง

“เป็นช่างถ่ายรูปคนนะไม่ใช่ช่างถ่ายรูปหมา เล็กๆน้อยๆเป็นงานอดิเรกฉันไม่ว่า แต่คราวนี้มันเกินไปฉันรับไม่ได้ ฉันรับมือพวกนางแบบนายแบบเรื่องมากนี่มันก็เต็มกลืนอยู่แล้ว ยังจะให้ฉันมาใจเย็นๆ กับเรื่องหมาๆอีกมันไม่ไหว!”

เอกรัตน์กับแก้วตาหลุดหัวเราะกิ๊กเมื่อฟังจบ

ก็นะ สมควรให้อวัศยาโกรธอยู่หรอก ช่างภาพมือดีที่ถ่ายรูปนางแบบสวยๆลงนิตยสารดังๆมาแล้วหลายราย คงจะตะขิดตะขวงใจไม่น้อยหรอก เมื่อรู้ว่าจะต้องมาถ่ายรูปหมา!

แถมยังเรื่องมาก กว่าพวกนางแบบเสียอีก

“โอ๊ย ฉันจะเป็นลม เจอหน้าบอสพรุ่งนี้ฉันจะทำหน้ายังไง”

บดินทร์เดชพึมพำเสียงละห้อย เอนพิงพนักแล้วทำท่าว่าจะเป็นลม แก้วตาขยับตัวหันมามอง ยืนยาดมให้ชายหนุ่มที่คว้าหมับ แต่ยังตวัดตาค้อน

อวัศยาส่ายหน้าทั้งขำทั้งฉุน ถึงแม้ว่าจะโกรธ แต่พอมองหน้าผู้ชายตัวโตท่าทางเข้มแข็ง ทำตาละห้อยละเหี่ยใส่แล้วมันก็อดไม่ได้จริงๆ แต่แล้วเอกรัตน์ก็ดันเบรกรถกะทันหัน

“โอ๊ย!”

บดินทร์เดชไม่ทันตั้งตัวหัวโขกกับเบาะรถ แก้วตากับอวัศยาโชคดีที่ยึดเบาะรถไว้ทัน ส่วนสารถีหนุ่มน้อยหน้าซีด ตาเพ่งมองไปด้านหน้าอย่างไม่แน่ใจ

“แกจะเบรกทำไม้นังเอก”

ช่างแต่งหน้าครวญ แต่หนุ่มน้อยหันมามองอวัศยา ลูกพี่สาวขมวดคิ้ว ส่วนลูกน้องหนุ่มเอ่ยหน้าตาตื่น

“พี่หมอก คนพี่คน นั่นไม่รู้ว่าตายหรือเปล่า?”

เอกชี้บอกเมื่อไฟหน้ารถส่องจ้าให้เห็นผู้ชายตัวสูง นอนคลุกดินอยู่กึ่งๆข้างทาง เขานอนคว่ำหน้า และไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย

บดินทร์เดชเบิกตาโตรีบบอก

“อี๋นังเอก แกขับไปเลยนะ!”

“อย่าเพิ่ง” อวัศยาแย้ง หญิงสาวนิ่งมองก่อนสั่งให้เอกรัตน์หยิบปืนปลอมในเก้ะหน้ารถออกมา ส่วนตัวเธอเองหยิบเอามีดพกในกระเป๋าถือมากำไว้

“เกิดเขาต้องการความช่วยเหลือ เราจะทำเป็นมองไม่เห็นไม่ได้หรอก แต่ถ้าไม่ใช่ หรือเอกถ้าเห็นท่าไม่ดี ก็ทำเหมือนเดิมนะ เดี๋ยวพี่จะลงไปดูหน่อย”

หนุ่มน้อยรับคำ แต่บดินทร์เดชแย้งปากคอสั่น

“ยัยหมอก! แกอย่ามาทำเก่งตอนนี้นะแก๊!”

แก้วตาพยักหน้าเห็นด้วย แต่อวัศยาไม่สนใจ เธอไม่ฟังเสียงทัดทานใดๆ เปิดประตูรถลงไปแล้วสั่งให้เอกรัตน์ล็อกทันที อวัศยาก้าวช้าๆเข้าไปหาร่างสูงใหญ่ที่นอนคว่ำหน้าอยู่ หญิงสาวมองซ้ายมองขวาอย่างชั่งใจ ก่อนจะค่อยๆทรุดลงนั่งคุกเข่า เขย่าเบาๆที่บ่าหนา

“คุณ... คุณคะ นี่คุณคะ!”

เงียบไม่มีเสียงตอบและไม่มีการเคลื่อนไหวที่ผิดสังเกตจากรอบๆ หญิงสาวเลยพยายามพลิกร่างหนาให้นอนหงายอย่างสุดกำลัง แล้วแสงสว่างก็มากพอ ที่จะทำให้เธอเห็นใบหน้าของผู้ชายคนนี้ อวัศยาชะงักเม้มปากแน่น ดวงตาฉายปวดร้าวขึ้นมาในทันที


=======================================================>>>>>


ดีค้า พาพี่ธุมกับยัยหมอกมาส่งค่า ^O^


คุณsai น่ากลัวเฮียจะไม่รอดนะคะ 5555 ยัยหมอกจะใจแข็งหรือเปล่า เอต้องลุ้น อิๆ
คุณZephyr เฟอร์รี่จัง โหดมว้ากกกกกกก ไม่กลัวพี่ธุมไม่มีทายาทรึ 555 กะทำให้พี่ธุมต้องเปล่าเปลี่ยวงี้ ไม่ฉงฉานหนูหมอกหน่อยเหรออออ
คุณagentaja หื่นไม่มาก หื่นบทนี้ ก็อีกนาน กร๊ากกกกกกกกกกกกกกก
คุณkaelek พยายามให้ออกมามากกว่าแค่เซ็กส์ค่ะ ไม่รู้จะรอดไหม ตอนนี้เฮียยังไม่รู้สึกอะไร แต่ต่อไปเค้าว่าผู้ชายเจ้าชู้นี่ขี้หึง มารอดูกันว่าพี่ธุมจะหึงหนักขนาดไหน ถ่านไฟเก่าจะคุแรงไหมน้อ โฮะๆๆ
คุณkonhin อุอิ มาแล้ว 5555 มันมีหลายพาทบอกพัฒนาการของพระเอกค่ะ กร๊ากกกกกกกกก ถ้าแบ่งจริงๆเป็นสี่พาท นี่คือพาทแรกเริ่ม มีพาทมาม่า ที่ลากยาวไปจนเกือบท้ายสุดล้วย อิๆ
คุณกาซะลองพลัดถิ่น ไม่มีการหลอกค่ะพี่หญิง ตามนั้น แต่กลัวอยุ่ว่าเฮียธุมจะรอดไหม กว่าจะจบ กลัวแกจะโดนเจี๋ยนซะก่อนค้า

และคุณๆรีดเดอร์นะคะ ขอบคุณที่แวะมาอ่าน มาคุย มากดคะแนนให้ ขอบคุณมากๆ จริงๆค่ะ

วันนี้ไปแล้วนะคะ ไว้เจอกันตอนหน้า ส่วนคืนนี้หลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ^O^



ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ก.ย. 2558, 19:07:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ก.ย. 2558, 19:07:41 น.

จำนวนการเข้าชม : 1747





<< บทที่ ๑ หมอกกับควัน   บทที่ ๓ อดีตที่กลับมา >>
Vergo222 1 ก.ย. 2558, 19:22:06 น.
เลิกอัพคุณเอฟแล้วหรือคะ


kaelek 1 ก.ย. 2558, 21:24:38 น.
กินน้ำข้าวต้มไปอีกหลายวันเลยเฮีย..เอ๊!! ให้หมอกซ้ำดีมั้ย
ไรเตอร์คะ คนเจ้าชู้ขี้หึงมากแน่นอน เฮียธุมนี่น่าจะมากกว่าเฮียสรวงชัวร์


ปิ่นนลิน 1 ก.ย. 2558, 21:31:02 น.
นายธุมโดนจัดการซะละ

สมน้ำหน้านิดๆ สะใจหน่อยๆ

เราสายโหด 5555


Zephyr 1 ก.ย. 2558, 22:00:03 น.
ทำตัวน่าสงสารนักนี่ พี่tomb ชื่อช่างเป็นนัยยะยิ่งนัก
อย่าลืมสร้างป้ายให้ตัวเองละ
จะตายเพราะผู้หญิงสักวัน
อิตาพีทนี่ใครอีกอ่า
ตัวแปรฝั่งไหนน้อ ฝั่งพระเอกฝั่งนางเอก รึทั้งสองฝั่ง

เค้าเข้าใจการเอาใจมนุษย์ป้าทั้งหลายมันน่ารำคาญมากกกกกกกกกกกกกกก โคตรเซ็ง น่าเบื่อ เสียจริต สุขภาพจิตแย่ หน้าไม่ผ่อง ปากไม่สวย แถมต้องหน้าระรื่นข้างในแอบจิก ชิๆๆ


กาซะลองพลัดถิ่น 1 ก.ย. 2558, 22:23:01 น.
อ่ะนะ คนเจ้าชู้ก็ต้องเจอแบบนี้ รู้ทั้งรู้ว่ามันคือไฟ แต่ก็ชอบ อืมมม นะ เพราะมันคือไฟตัณหา ราคะใช่ป่ะนายธุม (ซ้ำเติม)
และแล้วนางเอกของเราก็ได้เจอ รักเก่า รักแรก แล้ว ไอ้หมอกจะทำยังไงล่ะเนี่ยะ....


sai 2 ก.ย. 2558, 00:35:12 น.
อีตาพระเอกโดนจัดหนักเชียว
สงสารนางเอกเครียดกับมนุษย์ป้าไปพอต้องเจอกะความหลังอีกกก


konhin 2 ก.ย. 2558, 02:51:41 น.
ต้องจัดหนักไหมเนี่ยพระเอกคนนี้ หึๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account