รักแรกแลกรัก -ปิดจองแล้วนะคะ
ในความทรงจำของคุณ ถ้าย้อนกลับไปแล้วให้เลือกระหว่าง...
การมีความรักครั้งแรกที่ฝังใจอย่างไม่รู้เลือน
กับการเป็นคนรักคนแรกของใครสักคนที่แสนสำคัญยิ่ง
คุณจะเลือกอย่างไหน...

Tags: อวัศยา,หมอก,ธุมเกตุ,ธุม,รักแรก,ซึ้งกินใจ

ตอน: บทที่ ๔ คู่ปรับ



บดินทร์เดชยังสัมผัสได้ถึงบรรยากาศมาคุอยู่ตลอดเวลา กระทั่งเข้าสู่ช่วงบ่ายแก่ๆ ความเคร่งเครียดจึงได้คลายลง ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะการได้ออกไปเปลี่ยนสถานที่

อวัศยากับเขาเดินทางไปออฟฟิศ เวลาราวๆสิบเอ็ดโมงเช้า แต่พอไปถึงครึ่งทางก็ได้รับโทรศัพท์เลื่อนนัด เนื่องจากเจ้านายติดประชุมด่วนอยู่อีกบริษัทฯหนึ่ง พลอยทำให้ทั้งคู่ไม่รู้จะไปไหน จึงแวะห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้ๆ หาของกิน ดูหนังกันและเพิ่งกลับออกมา

เสียงโทรศัพท์เรียกเข้าของอวัศยาดังขึ้น ตอนที่ชายหนุ่มกำลังเลี้ยวออกถนนใหญ่ ส่วนเจ้าของโทรศัพท์เมื่อกดรับ ก็ได้แต่หน้ายับย่นขึ้นเรื่อยๆ จนคนขับอดเหลียวมองไม่ได้

“เฮ้อ! ป๊าอ่ะ ป๊าเอาอีกแล้วนะ เดี๋ยวม้าก็เฉ่งหมอกอีกหรอก!”

อวัศยาหัวเสียบ่นฟอดแฟดทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เต็มแก่ หลังอฆะ ผู้เป็นพ่อโทร.มา แล้วแจ้งความต้องการว่าอยากให้เธอไปเป็นเพื่อนเขา ในงานแต่งงานของคนรู้จัก ส่วนวัตถุประสงค์ที่แฝงอยู่ในนั้นก็คือ...

จะจับเธอดูตัว!

หลังจากเสียรู้มาหลายครั้งหลายหนกับมุขแบบนี้ ฉะนั้นระยะหลังๆ ตากล้องสาวจึงได้พยายามบ่ายเบี่ยงตลอดมา ส่วนผู้เป็นบิดาก็ยังตื๊อไม่เลิก

“น่าหมอก ก็ไปเป็นเพื่อนป๊า นานๆก็แต่งสวยๆ ให้ป๊าได้ควงได้อวดคนเขาบ้าง ว่าป๊ามีลูกสาวสวยยังไงล่ะ แล้วก็นะม้าจะเฉ่งหมอกทำไม มีแต่จะปลื้มล่ะไม่ว่า”

อวัศยาคิ้วกระตุกกับคำหลอกล่อของบิดา

“โถ ถ้าแค่อยากอวดลูกสาวสวย งั้นป๊าให้พี่เมฆไปซี่ พี่เมฆ--” ยังไม่ทันได้พูดจบดี ดูเหมือนโทรศัพท์จะถูกเปลี่ยนมือ และเสียงเย็นๆบาดลึกเข้าไปถึงกระดูกของอุรณาก็ดังขึ้น

“ยัยหมอก พี่บอกกี่ครั้งแล้วให้เรียกเมย์”

อวัศยากลอกตา ส่วนบดินทร์เดชกลั้นขำแทบแย่หลังได้ยินคำเพื่อนสาวตอบกลับไป

“ตัว...ตัวชื่อเมฆ แล้วจะให้เค้าเรียกตัวว่าเมย์ได้ไงเล่า ป๊าม้าอุตส่าห์ตั้งให้ ตัวน่ะไม่ยอมรับความจริง!” หญิงสาวได้ยินเสียงลูกลมหายใจเข้าลึกของอุรณา รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะหมดความอดทน เธอจึงรีบดักคอต่อทันที

“ตัว ตัวห้ามกรี๊ดนะ เพราะไม่งั้นตีนกามันจะพากันยกขบวนมาอยู่ที่หางตาตัว...แล้วจะหาว่าเค้าไม่เตือน” ได้ผลปลายสายเหมือนหยุดหายใจไปเลยทีเดียว

“ตัว... นี่เค้าแนะนำ ตัวอ่ะยังไม่มีแฟนไม่ใช่เหรอ ตัวก็ไปเป็นเพื่อนป๊าซี่ เผื่อเจอหนุ่มๆหล่อๆตัวจะได้ลงจากคานเสียที”

เท่านั้นเอง อวัศยาก็ต้องดึงโทรศัพท์ออกห่างหู เมื่อได้ยินเสียงพี่สาวหวีดลั่น

“ยัยหมอก! ป๊า! ป๊าดูลูกสาวสุดที่รักของป๊านะ เมย์อุตส่าห์หวังดี ยัยหมอกยังมาหาว่าเมย์แก่อีกนะป๊า!” แล้วประโยคสุดท้ายนั่น ก็ทำให้อวัศยาได้รู้ ว่าใครเป็นต้นคิดเรื่องนี้

“อ๋อ! ที่แท้คนต้นเรื่องก็คือตัวนี่เอง งั้นเค้าจะบอกเรื่องจริงอีกอย่างให้นะพี่เมฆ เรื่องอายุของตัวน่ะ คืออย่างเค้าเนี่ยอายุแค่ยี่สิบห้าย่างยี่สิบหก แต่ตัวน่ะ ตัวลืมไปแล้วหรือไง ว่าปีนี้ตั้งแต่ต้นปีตัวอายุสามสิบแล้ว และนั่นแหละที่เขาเรียกว่า ‘แก่’!”

บดินทร์เดชหลุดหัวเราะคิก ส่วนปลายสายหวีดลั่น

“ยัยหมอก!”

แต่อวัศยาไม่ใส่ใจ “ฝากบอกป๊าด้วยว่าเค้าไม่ไป แต่ถ้าตัวกลัวขึ้นคานก็ไปเองแล้วกัน”

พูดจบอย่างไม่รอฟังว่าปลายสายจะตอบรับว่าอะไร อวัศยาก็รีบตัดสายไปทันที หญิงสาวถอนหายใจ ส่วนบดินทร์เดชเปรยๆขึ้น

“ปากจัดนะแก... เดี๋ยวเถอะพี่สาวแกก็ได้แล่นมาแหกอกเอาถึงคอนโดหรอก”

ตากล้องสาวยักไหล่ แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกรอบ สารถีที่ยังมองกระจกข้างอยู่ จึงได้เอ่ยถามขึ้น “นั่นแหงะ ยังไม่ทันขาดคำ”

“ผิดแล้วย่ะ บอสโทร.มา”

บดินทร์เดชกลอกตาถอนหายใจพรืด

ส่วนอวัศยากดรับ “ค่ะ หมอกพูด”

“พี่เพิ่งประชุมเสร็จ ตอนนี้หมอกอยู่ไหนแล้ว”

พีระพันธ์คือเจ้าของเสียง เขาเป็นรุ่นพี่ของอวัศยา อายุมากกว่าเธอห้าปี ลูกชายคนรองของทายาทสื่อสิ่งพิมพ์เจ้าใหญ่ แต่แยกตัวออกมาเปิดหัวนิตยสารของตัวเองกับ พัฒน์ระพี พี่ชาย

“หมอกกำลังจะกลับคอนโด บอสมีอะไรก็พูดมาเลยค่ะ หมีเดชกำลังขับรถให้”

ปลายสายถอนหายใจ “เมื่อเช้าคุณหญิงพักตร์พริ้งโทรศัพท์มาหาพี่”

“โอเคเลยค่ะ อย่างน้อยคุณนายแกก็ยังรู้จักดูเวล่ำเวลา”

“หมอก” เสียงปลายสายคล้ายจะปราม และอวัศยาก็ถอนหายใจพรืด

“หมอกไปตามนัดค่ะบอส ไปถึงก่อนเวลาครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ ให้หมอกถ่ายรูปหมาหมอกก็โอเค แต่บอสคะ บอสคิดดูนะ ตั้งแต่บ่ายจนสี่ทุ่ม หมอกไม่ได้กดซัตเตอร์สักครั้ง

แล้วเท่าที่รู้ก่อนหน้าหมอก ที่พี่คนอื่นเค้ารับงาน เค้าก็เป็นเหมือนหมอกเหมือนกัน วันแรกพี่ติต้องไปรอเก้อห้าชั่วโมง ถึงได้รู้ว่า น้องซินดี้ กำลังฮันนีมูนกับน้องเม้าท์เท่น พออีกวันคุณนายแกรู้ว่าพี่ติไปไม่ได้ แล้วให้น้องที่ฝึกงานไปแทน ก็ดันหาว่าน้องมันไม่มีฝีมือ แล้วพอหมอกไป ก็ยังถ่ายไม่ได้อีกเพราะกลัวว่าหมาจะไม่สวย”

ปลายสายถอนหายใจเฮือก

“โอเค พี่เข้าใจละ”

บดินทร์เดชมองรอยยิ้มปีศาจ ผุดขึ้นที่ริมฝีปากบางแล้วก็ได้แต่ถอนใจ เห็นนิ่งๆเงียบๆแบบนี้ บทอวัศยาจะกลายเป็นนางมารขึ้นมาก็ใช่ย่อย

“แต่ที่อยากเรียกมาคุยเพราะมีงานสัมภาษณ์ตระกูลสุทธิศักดิ์จ่ออยู่ ไว้เข้ามาคุยวันมะรืนก็ได้พี่จะนัดวันอีกที แล้วก็เอ้อ พี่ไดเค้ากำหนดวันแต่งงานแล้วนะ เป็นอาทิตย์หน้าที่พัทยา หมอกก็อย่าลืมเสียล่ะ รายนั้นเค้าย้ำพี่ว่ายังไงก็ต้องลากหมอกไปด้วยให้ได้”

“รับทราบค่ะบอส หมีเดชมันเตรียมชุดไว้ล่วงหน้าแล้ว ถ้าหมอกลืม สงสัยจะโดนแหวกอกเอาแน่ๆ นี่มีเตรียมชุดว่ายน้ำแบบทูพีชไว้อวดหุ่นด้วยนะคะ”

หญิงสาวแกล้งว่า และบดินทร์เดชก็ค้อนขวับ ปลายสายจึงดูผ่อนคลายขึ้น

“งั้นไม่มีอะไรแล้วจ้ะ แค่นี้นะไว้เจอกัน”

“ค่ะบอส” อวัศยาตอบพร้อมรอยยิ้ม พอหันมามอง เห็นบดินทร์เดชยิ้มกริ่มก็ขมวดคิ้ว

“เปล๊า!” ช่างแต่งหน้าหนุ่มรีบปฏิเสธตอนเลี้ยวรถเข้าข้างทาง รอยามเปิดรั้วกั้นของคอนโดออกให้ “แค่สงสัยเมื่อไหร่แกจะใจอ่อนกับบอส หรือว่า... แกเลือกบอสคนพี่”

“หยุดพูดไปเลย ระวังฉันจะฟ้องบอสให้หักเงินแก”

“ปากแข็ง” ชายหนุ่มพึมพำ วนรถเข้าไปจอดยังที่ว่าง ทั้งคู่ก้าวลงจากรถ

อวัศยากับบดินทร์เดชช่วยกันหิ้วข้าวของเดินตรงไปรอลิฟต์ พูดคุยเย้าแหย่กันไปเรื่อย ระหว่างนั้นเอง พนักงานต้อนรับของคอนโดก็รีบผุดลุกแล้วก้าวเร็วๆมาหาเธอ ในมือมีช่อดอกไม้ถือมาด้วย

“คุณหมอกคะ คุณหมอก”

คนที่กำลังจะก้าวเข้าไปในลิฟต์หยุดชะงัก หันมามองและเปิดยิ้มให้โอเปอเรเตอร์สาวที่เคยคุ้นกันดี

“มีคนส่งดอกไม้มาให้ค่ะ ทิวลิปสีเหลืองด้วยนะคะ สวยจังเลย”

บดินทร์เดชเบิกตาโต พลางยกมือข้างหนึ่งแตะที่ปากคล้ายกับไม่อยากเชื่อ เมื่อเหลียวมองเพื่อนสนิทสลับกับช่อทิวลิป อวัศยาเอ่ยขอบคุณแล้วยื่นมือออกไปรับอย่างงุนงง

จากนั้นทั้งสองก็ก้าวเข้าไปในลิฟต์ อวัศยามองช่อดอกไม้อย่างสงสัย เธอกับบดินทร์เดชก้าวเข้าไปในห้อง วางข้าวของที่ซื้อมาลงบนโต๊ะทานอาหารแล้วนั่นแหละ ช่างแต่งหน้าหัวใจแหว๋วจึงรีบพูดขึ้นอย่างกระตือรือร้น

“ใครอ่ะแก ดูสิ มีการ์ดด้วย เปิดเลยๆ”

อวัศยาฟาดเพียะเข้าให้ที่บ่ากว้างอย่างหมั่นไส้ กับความอยากรู้อยากเห็น

กระนั้นบดินทร์เดชก็ยังเร่งยิกๆ

“บอสหรือเปล่า แหมเดี๋ยวนี้มีพัฒนาให้ดอกไม้ รู้เสียด้วยสิว่าแกชอบทิวลิป”

หญิงสาวทำตามเพราะอยากรู้เช่นกัน แต่พอคลี่กระดาษแข็งเปิดออกก็ต้องนิ่งงัน บดินทร์เดชเบิกตาโต มองแทบถลนเพราะนึกว่าอ่านผิดไป แต่อวัศยาเม้มปากแน่น

ใบหน้าอ่อนใสบูดบึ้ง เธอหลับตาลงสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วถือช่อดอกไม้ก้าวฉับๆตรงไปที่ชุดโซฟารับแขก เลื่อนเปิดประตูระเบียงออกไป ก่อนปล่อยให้ ช่อดอกไม้แสนสวยปลิวหวือตามแรงโน้มถ่วงลงไปสู่ด้านล่าง

“แก๊!”

บดินทร์เดชอุทานลั่น แต่อวัศยาไม่สนใจ เธอเดินกลับเข้ามาในห้อง หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทร.ออกไปยังร้านดอกไม้เจ้าประจำ

“พี่แก้มคะ ช่วยส่งพวงหรีดดอกไม้สดไปตามที่อยู่ที่หมอกกำลังจะบอกให้ที”





ทีปมองตาปริบๆ เมื่อเห็นเด็กในบ้านถือพวงหรีดกลับขึ้นมา

ขณะนั้นชายสูงวัยนั่งอยู่บนชานระเบียงหน้าห้องพระ กำลังทำความพระเครื่องที่ชื่นชอบ เขาต้องวางมือและขยับแว่นมองชัดๆอีกครั้ง ในระหว่างที่สาวใช้นั่งลงบนชานลดแล้วรายงานเสียงแจ้วๆ หลังเห็นสีหน้าของคุณท่านที่ปรากฏเครื่องหมายคำถามอันบิ๊กเบิ่ม

“มีคนสั่งมาให้คุณธุมค่ะคุณท่าน”

ชายสูงวัยกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ยังไม่ทันได้ซักก็หันไปมองตามเสียงฝีเท้า และเห็นลูกชายซึ่งอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก้าวเลี้ยวออกมาจากหัวมุม

“มีอะไรกันครับพ่อ”

ธุมเกตุมีสีหน้าดูดีขึ้นหลังได้หลับพักไปอีกราวชั่วโมง ชายหนุ่มสวมเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ เดินช้าๆเข้าไปทรุดลงนั่งใกล้ๆบิดาที่นั่งบนเบาะนุ่ม มีหมอนขวางให้เอนพิงอยู่ข้างๆ

สายตาของชายหนุ่มกวาดมองบนโต๊ะก่อนจะถูกเสียงทักดึงความสนใจ จนไม่ได้ดูของที่คนในบ้านถือขึ้นมาด้วย

“อ้าวคุณธุมตื่นแล้ว มาพอดีเลยค่ะ นมทำข้าวเกรียบปากหม้อเพิ่งเสร็จ”

นมรุ้ง คนสนิทของมารดาที่ช่วยเลี้ยงดูธุมเกตุมาตั้งแต่เล็ก ทรุดลงนั่งพับเพียบ ในขณะที่พยักพเยิดให้เด็กที่ถือถาดตามมา ค่อยวางจานของว่างลงบนโต๊ะ

เธออายุมากกว่าทีปห้าปี แต่ยังแข็งแรงจนน่าทึ่ง หญิงชราคอยช่วยดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยในบ้าน เพราะหลังจากคุณผู้หญิงของบ้านเสียชีวิต ทีปก็ไม่คิดจะหาใครมาแทนที่ภรรยาที่รัก ส่วนนมรุ้งซึ่งเคยเป็นพี่เลี้ยงภรรยาของเขามาก่อน ก็เลยต้องทำหน้าที่นี้ไปโดยปริยาย จะว่าไปเธอก็เป็นเหมือนพี่สาวของทีป และแม่คนที่สองของธุมเกตุ

“อุ้ยต๊าย!”

หญิงชราที่เพิ่งยิ้มหวานให้คุณหนู เบิกตาโตยกมือขึ้นทาบอก

“ตาเถร ใครส่งพวงหรีดมาแม่น้อย”

คุณนมที่ใครๆในบ้านต่างเรียก ถามเสียงดุกับเด็กในบ้านที่หิ้วพวงหรีดขึ้นมา

“ตายๆ อะไรกันไม่เป็นมงคล ใครส่งมาล่ะเนี่ยหึ”

ทีปกลอกตา ส่วนธุมเกตุที่อึ้งไปแต่แรกกลับหัวเราะขึ้น

“หัวเราะอะไรคะคุณธุม” นมรุ้งมองค้อน แล้วหันไปชี้นิ้วบอก แม่คนถือพวงหรีดขึ้นมา “ของไม่ดีเอาไปทิ้งซะนะเธอ ทีหลังอย่ารับของซุ่มสี่ซุ่มห้าขึ้นเรือน เฮ้อ! ของเสนียดแบบนี้ ต้องเอาน้ำมนตร์มาล้างละ ตั้งแต่หัวกระไดนู่น จนถึงตรงนี้”

นมรุ้งบ่นเสร็จก็หันมาบอกสองพ่อลูก

“อิฉันจะไปเอาน้ำมนต์นะคะ ที่ห้องยังเหลือจากที่ขอหลวงพ่อมา”

หญิงชราค่อยลุกขึ้นยืน แล้วเรียกเด็กที่ถือพวงหรีดขึ้นมาให้ตามไปด้วย ธุมเกตุขยับตัวเข้าไปหยิบการ์ดในพวงหรีดขึ้นมาอ่าน แล้วยิ่งหัวเราะแบบที่ผู้เป็นพ่อเองไม่เคยได้เห็นบ่อยนัก

“โดนซ้อมจนประสาทกลับหรือไงเจ้าธุม”

ทีปบอกด้วยน้ำเสียงเอือมระอา

“ไอ้เจ้าธุม ไอ้ลูกบังเกิดเกล้า ไปทำอะไรให้ใครเขาโกรธได้ขนาดนี้ จนส่งพวงหรีดมาให้ด้วย เฮ้อ! พ่อละปวดหัวกับแกจริงๆ”

ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปาก เมื่อหยิบขึ้นมาอ่านชื่อผู้ส่งชัดๆ “หมอกน่ะครับ”

ทีปมองบุตรชายที่กำลังหัวเราะร่วนอย่างพอใจ ด้วยสายตาเหนื่อยหน่าย

“แล้วมันก็จะไม่หมดเท่านี้แน่ พ่อคอยดูแล้วกัน ว่ามันจะมีมาอีกกี่อัน”

ธุมเกตุขยับไปยกโทรศัพท์ที่วางอยู่โต๊ะด้านหลังของบิดา แล้วโทร.หารวีพร้อมกับสั่งดอกไม้แบบเดิม ให้ไปส่งที่สถานที่เดิม โดยมีทีปโบกมือไล่ลูกชายให้ไปไกลๆ

นิสัยเสียของธุมเกตุอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ

การไม่ยอมแพ้ และชอบเอาชนะ






เกือบห้าโมงเย็น ที่อีซูซุมิวเซเว่นแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านสองชั้นสไตล์โมเดิร์น ภายในหมู่บ้านชานเมืองแห่งหนึ่งแถวบางนา บดินทร์เดชก้าวลงมาก่อน แล้วยื่นคอเข้าไปมองเจ้าของรถที่เอื้อมมือไปหยิบถุงของฝากที่วางอยู่ในเบาะหลัง

“ช่วยไหมแก”

อวัศยาส่ายหน้าแทนการปฏิเสธ ภายในรั้วด้านหน้าตัวบ้านที่อวัศยาจอดรถลงนั้น เป็นมุขหน้ายื่นออกมา มีเถาอัญชันสีม่วงออกดอกประปรายขึ้นคลุมหลังคาไว้จนแทบมองไม่เห็น ผนังรอบด้านกรุกระจกใส มองเห็นชั้นวางของตั้งเป็นระเบียบด้านใน

บริเวณบ้านหลังนี้กว้างกว่าหลังอื่นๆ เพราะเป็นพื้นที่ของบ้านขนาดเจ็ดสิบตารางวาสองหลังรวมกัน ครึ่งหนึ่งสร้างบ้านและต่อเติมออกมา ส่วนอีกครึ่งเป็นพื้นที่โล่ง ปลูกไม้ใหญ่ ซึ่งส่วนมากเป็นมะม่วง ขนุน มีดอกปีปแซมเล็กน้อย ดูแล้วร่มรื่นสบายตา สวนหย่อมที่คั่นตัวบ้านกับต้นไม้ จัดเป็นสวนกระถาง และสวนหิน มีชิงช้าไม้ยาวทาสีขาวตั้งอยู่ มองเห็นกุหลาบเลื้อยสีชมพูอ่อนพันกับเนื้อไม้ชิงช้า ซึ่งคลุมเป็นหลังคา

และนี่คือบ้านของเธอ บ้านหลังเล็กที่มีพ่อแม่ลูกห้าคน

พ่อแม่ของอวัศยาเปิดบ้าน ให้เป็นร้านขายอาหารสัตว์เล็กๆใช้ชื่อว่า ‘น้องหมา’ มาตั้งแต่อณุภา หรือฟ้า ลูกสาวคนแรกเกิด

วันนี้ดูจากที่ประตูรั้วไม้สีขาวอันเตี้ยปิดอยู่ ก็แปลว่าร้านปิด

อวัศยาหันมาล่ำลากับบดินทร์เดช เพราะเธอจะค้างที่บ้านหนึ่งคืน พอดีกับที่รถของชายหนุ่มต้องเอาเข้าอู่ เธอจึงให้เพื่อนยืมรถไปใช้ก่อน

หญิงสาวเปิดประตูรั้วเดินเข้าไปในเขตบ้าน แต่ยังไม่ทันได้ปิดให้เรียบร้อย แรงกระโจนก็โถมเข้ามาหา จนอวัศยาต้องจับรั้วไว้มั่นเพื่อทรงตัว ส่วนเจ้าของแรงนั้นกระโดดเหย็งๆ ส่ายหางรัวๆ แลบลิ้นสีแดงหอบแฮ่กๆ

“โอ๋ๆ ป๋องแป้ง คิดถึงกันมากเลย”

มือเรียวเลื่อนลูบบนหัวเจ้าป๋องแป้งที่เห่าทักทายเสียงดัง หน้าของมันมีวงกลมสีดำแต้มตาข้างขวา ขนมันปุยเป็นหมาตัวเตี้ย ที่เธอเก็บมาเลี้ยงจากข้างทางตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย

และเสียงเห่าของเจ้าป๋องแป้งก็ทำให้อัมพรที่อยู่หลังบ้าน กำลังปลูกผักในแปลงสวนครับเดินออกมาดู เธออายุเกือบหกสิบแล้ว แต่ยังกระฉับกระเฉง รูปร่างเล็กๆเหมือนกับบุตรสาวทั้งสามคน และยังดูอ่อนกว่าอายุจริงอยู่มาก

“อ้าว! หมอกกลับมาแล้วหรือลูก ตอนแรกนึกว่าเป็นรถลูกค้า เพราะจอดแป๊บๆ ก็ขับกลับออกไป แล้วนี่รถเราไปไหนเสียล่ะ แล้วใครมาส่ง”

อวัศยาเงยหน้าขึ้นมองส่งยิ้มให้มารดา ซึ่งไว้ผมสั้นและดัดให้เข้ารูป อัมพรสวมเสื้อเชิ้ตผ่าหน้าติดกระดุม กับกางเกงคลุมเข่า ในมือข้างหนึ่งถือเสียม ส่วนอีกข้างเป็นดอกฟักทองตูมๆ

“เดซี่มาส่งน่ะแม่ ว่าแต่... อุ้ย! เจ้าป๋องแป๋ง!”

ตากล้องสาวเอ็ดสุนัขอีกตัวที่วิ่งสี่คูณร้อยหูบานเข้าหา

ป๋องแป๋งเป็นสุนัขพันธ์บีเกิลแต่ดันผสมกับพันทาง พอคลอดออกมาจึงดูไม่จืด ตัวมันสูงกว่าบีเกิลแท้ มีหูยาวเหมือน แต่ขนที่ควรสั้นกลับยาวเฟื้อยอย่างกับชิสุ อัมพรมองบุตรสาวแล้วส่ายหน้า ก่อนหันไปมองตามเสียงทักที่ดังออกมาจากประตูข้างตัวบ้าน

“โดนหมารุมรักอีกแล้วซีหมอก”

อณุภา ลูกสาวคนโตของอัมพรโผล่หน้าพ้นกรอบประตูออกมาเมียงมอง

“พี่ฟ้า! ไม่ได้เจอแค่อาทิตย์เดียวอ้วนขึ้นนะเนี่ย”

อวัศยาร้องทักเสียงดัง และพี่สาวใหญ่ของบ้านที่สละโสดไปก่อนหน้าน้องสาวอีกสองคนก็ค้อนขวับ อนุภาชี้หน้าน้องสาวอย่างคาดโทษ เพราะเป็นอันรู้กันว่าปากของอวัศยานั้นถ้าใครมามัวถือสาล่ะก็ คงจะต้องเป็นบ้าตายแน่

สาวใหญ่วัยสามสิบห้าพาร่างอวบระยะสุดท้ายออกมายืนหน้าประตู เพื่อหลีกทางให้เด็กชายฝาแฝดตัวน้อยสองคนวิ่งแข่งกันออกไปหาน้าสาว ส่วนเธอเดินตามหลังออกมา

อณุภาเหมือนพ่อมากกว่าแม่ เธอมีผิวสีน้ำผึ้งต่างจากคนอื่น และส่งผ่านให้ลูกชายตัวน้อยทั้งสอง ส่วนหลานชายฝาแฝดของอวัศยา ก็เลือกเอาแต่ส่วนดีๆของพ่อกับแม่มา เมื่อไม่นานมานี้เอง อณุภาบอกน้องสาวว่ามีโมเดลลิ่งติดต่ออยากให้ลูกชายเธอไปเล่นโฆษณา

“น้าหมอก!!”

สองเสียงเล็กผสานกัน อวัศยาอ้าแขนออกเพื่อรับร่างเล็กๆที่โถมเข้าหา

ตากล้องสาวหัวเราะร่วน เพราะไม่รู้จะตอบหลานชายอย่างไรดี เนื่องจากทั้งคู่แข่งกันถามจนเธอฟังแทบไม่ทัน

“มาได้ยังไงค้าบ ต้นต่อ นี่ยังไม่ปิดเทอมเลยนะ”

ที่ถามเช่นนี้เพราะ อณุภาอาศัยอยู่ที่ราชบุรีกับสามี ส่วนมากหากไม่ใช่วันหยุดยาว หรือปิดเทอมแล้วล่ะก็ พี่สาวของอวัศยามักจะไม่ค่อยได้พาหลานมา เพราะเจ้าตัวเองก็ติดงาน

“มาเพาะต่อคิดถึงน้าหมอกไงคับ”

ต่อ แฝดผู้พี่ที่เกิดก่อนหนึ่งนาทีเอ่ยประจบ และน้าหมอกก็หอมแก้มฟอดใหญ่

“ช่าย ต้นก็คิดถึงน้าหมอกมากมาก”

ตามมาด้วย ต้น แฝดน้องที่รีบสนับสนุน ก่อนที่สองแฝดจะผสานเสียงกัน

“ป่าป๊าเลยพาหม่าม้ากับต้น/ต่อมาส่ง” สิ้นคำบอกของหลาน อวัศยาก็เลิกคิ้วขึ้นสูง ก่อนหันไปมองพี่สาว แต่อณุภาหลุบตามองถุงของฝาก เอ่ยตัดบท

“เข้าบ้านกันดีกว่าหมอก เด็กๆป่ะ น้าหมอกมาเหนื่อยๆ ให้น้าหมอกเข้าไปพักข้างในดีกว่าคับ ไหน ใครบอกจะเอาน้ำเย็นๆให้น้าหมอกนะ”

“ต่อ!”

“ต้น!”

สองแฝดผละออกจากน้าสาว แล้ววิ่งแข่งกันเข้าบ้าน อัมพรเดินตามหลานไป ส่วนอวัศยารีบคว้าต้นแขนของพี่สาวคนโตไว้

“ทะเลาะกันใช่ไหม พี่ฟ้าถึงได้กลับบ้าน คราวนี้เค้าทำอะไรพี่ฟ้าอีกล่ะ”

ตากล้องสาวคาดคั้น ส่วนอณุภาถอนหายใจ เธอรู้ อวัศยาไม่ชอบสามีของเธอสักเท่าไหร่ เพราะความเจ้าชู้ของฝ่ายนั้น

แต่แล้วไม่ทันได้ตอบ รถยนต์คันหนึ่งก็แล่นเข้ามาจอดเทียบที่หน้าบ้าน อวัศยากับอณุภาเหลียวมอง และได้พบกับสาวสวยหุ่นบอบบาง ที่เปิดประตูก้าวลงมา เธอคนนั้นมีใบหน้าคล้ายอวัศยาและอณุภา ผมยาวเป็นลอนปล่อยสยาย เดรสสั้นพิมพ์ลายแขนกุดพอดีตัว เน้นสัดส่วนโค้งเว้า ใบหน้านวลแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างดี ดูสวยฉูดฉาดจับตา

“ดีจริงที่วันนี้หมอกกลับบ้าน”

อวัศยาทำหน้าหน่ายเมื่อได้ยินเสียงทัก แล้วเธอก็ขมวดคิ้วมอง หลังเห็นผู้ชายที่ก้าวลงมาจากรถอีกคน เขาสวมสูทผูกไท ไว้ผมรองทรง และสวมแว่นตา ดูท่าทางเป็นพวกคงแก่เรียน

“คุณกร นี่ไงคะน้องสาวเมย์ หมอกค่ะ ที่เมย์พูดถึงบ่อยๆ”

อุรณาว่าแล้วก็ส่งยิ้มหวาน เผื่อแผ่มาให้อวัศยาด้วย

“หมอกจ้ะ พี่ฟ้า นี่คุณกร เจ้านายเมย์เอง”

อณุภาทักทายเชื้อเชิญแขกให้เข้าไปในบ้าน ส่วนอวัศยายกมือไหว้ยิ้มแห้งๆ

อุรณาเองเชิญเพื่อนชายให้เข้ามาในบ้าน ทั้งคู่มาหยุดลงตรงหน้าอวัศยา ส่วนอณุภาขอตัวกลับเข้าไปในบ้านเพื่อดูลูกชายวัยซนทั้งสอง

“ได้ยินคุณเมย์พูดถึงคุณหมอกบ่อยๆ วันนี้มีโอกาสเลยขอมารบกวนฝากท้องที่บ้านคุณหมอกสักมื้อหนึ่งน่ะครับ พอดีผมสนใจเกี่ยวกับเรื่องถ่ายภาพ เลยอยากจะมาขอคำแนะนำจากตากล้องมืออาชีพอย่างคุณหมอกบ้าง”

อวัศยายิ้มรับ เบนสายตาไปมองอุรณา ดวงตาวาววับขึ้นนิดๆ

“อะไร ก็หมอกเป็นตากล้อง แหมคุณกรก็สนใจพี่ก็เลยแนะนำ”

อุรณาบอกพร้อมยิ้มหวาน เหลียวมองเจ้านายที่ทำงาน ซึ่งตัวเธอเองชักชวนมาให้สนใจน้องสาว อวัศยาไม่มีแฟนมานานมาก ผู้ชายคนเดียวแท้ๆที่ดูจะสนิทสนมด้วยก็มีแค่คามิน ซึ่งสำหรับอุรณาแล้ว อวัศยาควรมองผู้ชายให้มากกว่านี้!

ดังนั้นเธอจึงพยายามทำให้น้องสาวคนเดียวได้เจอกับคนดีๆ

นี่คือความหวังดีของพี่สาว ใช่... ไม่มีอะไรแอบแฝงเลยจริง!!

“แล้วก็พี่คิดว่าวันนี้หมอกจะต้องค้างที่บ้าน เพราะพรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุด เผอิญพี่ได้คุยกับคุณพีคุณพัน เจ้านายของหมอก เห็นว่าสองสามวันนี้หมอกไม่มีงานแล้วนี่”

“ไม่มีงาน นี่ถึงขนาดสืบมาหมดเลยเนอะ”

อวัศยากัดฟันพูด พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้พี่สาวต้องเสียหน้าเพราะถ้าเธออาละวาด มันแน่ว่าอาจกระทบกับงานของอุรณาได้ ตากล้องสาวสูดลมหายใจเข้าลึก บอกตัวเองให้ใจเย็นเข้าไว้ ส่วนอุรณาที่ยกนี้ชนะยังยิ้มเรื่อยๆ

“คุณกรเข้าบ้านดีกว่านะคะ หมอกไปซี พาคุณกรไปนั่งพักก่อน เดี๋ยวพี่ตามไป ขอคุยธุระแป๊บหนึ่ง”

“เชิญค่ะคุณกร”

อวัศยากัดฟันพูด ก่อนหันมากระซิบกับพี่สาวคนรอง

“แสบมากนะพี่เมฆ” อุรณายิ้มเยาะหัวเราะร่า ส่วนน้องสาวคนสุดท้องได้แต่นับหนึ่งถึงสิบในใจ ก่อนก้าวเข้าไปหาแขกที่หันมามองเธออย่างสนอกสนใจยิ่ง



ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ก.ย. 2558, 18:40:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.ย. 2558, 18:40:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 1796





<< บทที่ ๓ อดีตที่กลับมา   บทที่ ๕ กงล้อแห่งความรู้สึก >>
kaelek 3 ก.ย. 2558, 22:26:39 น.
เฮียธุมคะ ดูท่าแล้วคู่แข่งจะเยอะนะคะ 555 จะขรึมไหวเร๊ออ


konhin 3 ก.ย. 2558, 22:57:37 น.
พึ่งนึกจะมาอยากชนะเอาตอนที่ความเกลียดสะสมมานานเนี่ยนะ เวรกรรม สงสารนางเอก


sai 3 ก.ย. 2558, 23:02:26 น.
ทิวลิปแลกพวงหรีดคุ้มไหม
ยายศศธร ดูน่าสงสัยจริงเชียวว


กาซะลองพลัดถิ่น 3 ก.ย. 2558, 23:56:57 น.
ธุม นี่ก็เนาะ จะต้องชนะไปหมดซะทุกเรื่องเลยเหรอ ....ครั้งต่อไปส่งดอกไม้จันทร์ไปให้สักกล่องหนึ่งเลยหมอก...
เมฆหาแฟนให้น้อง มีจุดประสงค์อะไรเหรอ ....


Zephyr 7 ก.ย. 2558, 21:21:17 น.
พี่ธุมคิดได้ช้าไปมะ
คราวหน้าส่งศาลาวัดดีมั้ย อุอุ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account