บ้านต้นรักษ์ ภาค 2 (จบแล้วจ้า) รีไรท์

...พระจันทร์ขี้เหงาเคลื่อนคล้อยลอยข้ามสะพานดาวไป
ไม่มีใครเป็นเพื่อนเลยบนทางช้างเผือก
เธอที่ได้พบยังอีกฝ่ังของสะพานดาวนั้น
ช่างคล้ายคลึงกันกับดวงดาวท่ีหายไปจากอีกกาแลกซี่หนึ่ง...

แสงที่ทอประกายจนคล้ายจะเลือนหายไป
หากพอเอื้อมมือไปหมายจะไขว่คว้า
กลับได้มาเพียงความว่างเปล่า

ชื่อของดาวที่สว่างไสวกว่าใครนั้น
มีแค่ผมเท่านั้นที่รู้...

ทว่า...ดาวดวงนี้ไม่ใช่เธอ...
หากเป็นความฝันในวันวานของผมเอง

แสงที่ไม่อาจเอื้อมถึง...แต่ก็ไม่มีวันหายไปไหน...
อยู่ใกล้จนอยากชิดใกล้ แต่ไม่มีวันสัมผัสถึง...

ฝนซึ่งนำพาฤดูหนาวมา...
ยังคงโปรยปรายไม่ยอมหยุด
ซ่อนผมไว้จนมิดชิด

มือที่คอยสัมผัสผมเรื่อยมานั้นช่างอ่อนโยน
และเต็มไปด้วยความมั่นใจ ไว้วางใจและเข้มแข็ง...

จะดีสักแค่ไหนถ้าได้บอกออกไป...ว่า "รักเธอ"
แค่เพียงสักครั้ง...

แต่น่าเศร้าใจนัก...
ที่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยคำว่า "รัก" ออกไปให้เธอได้รับรู้...


แต่ผมก็ยังคงยิ้มได้ และจะไม่ไปไหน...
ผมเลือกแล้วที่จะ 'รอคอย'

มีเพียงความอบอุ่นของเธอเท่านั้นที่ปกป้องผม
จากความหนาวเย็น...

ไม่ว่าในยามสุข หรือในยามเศร้า
ไม่ว่าในวันฝนพรำ หรือในวันท้องฟ้าสดใส
ผมยังคงรำลึกถึงเธอเสมอ...รอยยิ้มพิมพ์ใจของเธอ
ไม่เคยเลือนหายไปจากความทรงจำของผม

ด้วยความรักและความคิดถึงจนล้นใจของผมที่มีถึงเธอ
จึงหลั่งไหลออกมาเป็นหยาดน้ำตา
ด้วยใจปรารถนาที่จะได้พบกันอีกครั้ง...พบกันอีกสักครั้ง

หัวใจผมยังคงเปี่ยมไปด้วยความหวัง...
รอคอยวันที่เรา...จะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง...

ณ บนฟ้านั่น จันทร์ยังคงเคียงดาว...
เหมือนเราที่จะอยู่เคียงข้างกันตลอดไป...


Tags: ดราม่า รัก เชือดเฉือน อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ก้อ กอมารุน นีล นัจมุน ทะเลทราย บ้านต้นรักษ์

ตอน: ต้นที่ 1 ทะเลมรณะ

มายเหตุ: มีการเปลี่ยนชื่อตัวละครนิดหน่อยค่ะ คือ เปลี่ยนชื่อพ่อของเชคกอมารุน
จาก "เชคอัสมา" (แบบว่าชื่อไม่แมนเท่าไหร่)
โยเลยขอเปลี่ยนมาเป็น "เชคโอมาร์"

ดังนั้น...ชื่อเสียงเรียงนามของพระเอกเรื่องนี้จึงเป็น

"เชคกอมารุน บิน โอมาร์ อัลฟารุก"

ส่วนพ่อของเชคก็มีชื่อเสียงเรียงนามใหม่ว่า

"เชคโอมาร์ บิน กอฟฟารี อัลฟารุก"

เอาไว้โยจะมาอธิบายเรื่องการตั้งชื่อของชาวอาหรับกันในเรื่องนี้ภาคนี้กันนะคะ ^^



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


มือเหี่ยวย่นของอดีตองค์ราชินีแห่งเดบารีอันที่บัดนี้นอนอยู่บนเตียงภายในห้องส่วนตัว
ด้วยโรคภัยที่มาเบียดเบียนยกขึ้นประคองแก้มเหลนทั้งสองที่นั่งพับเพียบเรียบร้อย
อยู่ตรงขอบเตียงด้วยแววตาเอ็นดูระคนสงสาร…

“ย่าอยากขอโทษก้อเหลือเกิน…ทุกอย่างเป็นเพราะความเอาแต่ใจของย่าโดยแท้…”
เสียงแหบแห้งเอ่ยกับกอมารุนที่ยืนอยู่ตรงขอบเตียงมองผู้เป็นย่าด้วยรอยยิ้มบาง

“ท่านย่าไม่ได้ผิดเลย…ผมเป็นคนตัดสินใจเองทั้งหมด…ผมเต็มใจ
ท่านย่าก็ทราบว่า ไม่มีใครจะบีบบังคับผมได้…ถ้าผมไม่เต็มใจ…”

“ไม่…ย่ารู้ว่าก้อเกรงใจย่า…และเข้าใจเจตนารมย์ของย่า”

มือเหี่ยวย่นค่อยๆไล่จากแก้มของเหลนมากุมมือน้อยๆนั้นไว้

เด็กน้อยที่ไร้เดียงสามองคนเป็นย่าทวดด้วยแววตาไม่เข้าใจ…
หากก็ยังอยู่นิ่งๆ ไม่ซุกซนเหมือนเด็กทั่วๆไป จับให้นั่งอยู่ในท่าใดก็จะนั่งอยู่ในท่านั้น
ไม่มีดื้อดึงหรือแสดงออกถึงความก้าวร้าวใดๆ

“และทั้งๆที่ย่ารู้จักซาเรียที่ย่าเลี้ยงดูมาเองกับมือและรู้จักโซเฟีย
ที่ได้รับการอบรมมาจากซาเรียดีกว่าใครทั้งหมด ซ้ำยังรู้จักก้อยิ่งกว่าใคร…
แต่ย่าก็ยังดื้อดึงยุยงส่งเสริมให้ทั้งก้อและโซเฟียต้องมาเป็นสามีภรรยากัน…

ย่าคิดว่าย่าคิดถูก ทำถูกแล้ว

แต่ตอนนี้…ย่าเห็นกับตาของย่าแล้วว่า…ย่าคิดผิดและทำผิดมาตลอด…
ผิดมาตั้งแต่คราวแม่ของก้อแล้ว…”

ทุกๆความเจ็บที่ฝังเป็นตะกอนแห่งความหลังทำให้น้ำตาหญิงสูงวัยหลั่งไหล
หยดลงทางหางตา

ยิ่งยามเมื่อขอนไม้ที่ลอยมาเนิ่นนานท่ามกลางมรสุมชีวิตจวนใกล้จะถึงฝั่ง
แม้ดวงตาทั้งสองจะพร่าเลือน หากตาใจที่อยู่ภายในนั้นกลับสว่างจ้า
มองเห็นซึ่งสัจธรรมหลายอย่างที่เคยมีม่านหมอกมาบังตาบังใจก่อนหน้านี้…

“ย่ารู้ว่าไม่มีใครจะกลับไปแก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆที่แล้วมาในวันวานได้
แต่ย่าก็อยากจะขอโทษ…แม้ว่าคำๆนี้จะไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น
แต่ย่าก็อยากจะขอโทษ…ขอโทษที่ย่าแก้ไขอะไรในชีวิตก้อไม่ได้อีกแล้ว…
แม้แต่ชีวิตของสองชีวิตที่เกิดขึ้นมาใหม่นี้ด้วยก็ตาม…”

กอมารุนยกมือขึ้นซับน้ำตาตรงหางตาของผู้เป็นย่าอย่างอ่อนโยน
ปลอบโยนท่านไปด้วยว่า

“เราอาจจะเปลี่ยนอะไรในวันวานไม่ได้ก็จริง…แต่ท่านย่าโปรดมั่นใจเถอะครับว่า…
พรุ่งนี้จะดีกว่าวันนี้…ถ้าเราพยายามทำวันนี้ของเราให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้…
อดีตของเราก็จะค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ สิ่งดีๆที่เราทำในวันนี้จะทับถมข้อผิดพลาดในอดีต…

แล้วสักวันมันก็จะจางหายไปกับกาลเวลาเอง…

และในวันนี้ผมกำลังพยายามสร้างอดีตที่ดีที่น่าจดจำอยู่ครับ…
ส่วนอนาคตยังมาไม่ถึง…เราแค่คิดและวางแผนไว้เพื่อจะได้มีแผนเอาไว้ดำเนินการ
แต่เรื่องผลลัพธ์นั้น ผมฝากไว้ในอุ้งหัตถ์ของพระเจ้า…สุดแต่พระองค์จะประสงค์…”

กอมารุนยิ้มออกมายามเมื่อสบสายตากับผู้เป็นย่า

“เก็บความเจ็บเหล่านั้นไว้ในขวดของกาลเวลาเถอะครับท่านย่า…
อย่าไปเก็บมาใส่ใจให้จิตใจของเราต้องโดนอดีตทำร้ายอีกเลย…”

แม้จะบอกผู้เป็นย่าไปเช่นนั้น หากเขากลับไม่อาจทำได้อย่างที่พูดนัก
แม้จะเฝ้าพยายาม หากตะกอนแห่งความหลังก็ยังฝังแน่นอยู่ในหัวใจ

เฝ้ารอว่าเมื่อไหร่จะมีสายน้ำมาพัดพามันออกไป…

“ก้อไม่รู้…ว่าชีวิตย่า…ย่าเคยทำร้ายพ่อและแม่ของเราอย่างแสนสาหัส
เป็นต้นเหตุทำให้เขาพลัดพรากจากกัน…และวันที่ย่าสูญเสียปู่ของก้อไป
มันทำให้ย่าเข้าใจหัวอกของคนที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักยิ่งไป…

มันไม่ใช่แค่ความเจ็บปวด…แต่มันเหมือนส่วนหนึ่งในชีวิตของเรา
ได้หายไปพร้อมกับเขาด้วย…หายไปอย่างไม่มีทางจะคว้ากลับมาได้อีกแล้ว…

แต่ย่าก็ต้องยอมรับกับมันให้ได้…เพราะทุกชีวิตต้องคืนกลับไปยังพระเจ้า…”

กอมารุนพอจะเข้าใจว่าอดีตองค์ราชินีผู้เข้มแข็งกำลัง
โดนพิษร้ายจากการพลัดพรากจากสามีอันเป็นที่รักกำลังทำร้ายจิตใจ
จนมันอ่อนแอพาลทำให้ร่างกายทรุดหนักอย่างที่ไม่เคยเป็นขนาดนี้มาก่อน

…ท่านอ่อนแอลงเรื่อยๆจนน่าเป็นห่วงยิ่งนัก

“ความรักไม่เคยทำร้ายย่า…แต่ความผูกพันธ์ที่ร้อยรัดเราเอาไว้ด้วยกันนั่นต่างหาก…
ที่ทำให้ใจเราแทบขาดเมื่อส่วนหนึ่งของเราถูกแยกจากเราไป…”

กอมารุนกุมมือผู้เป็นย่าเอาไว้ ก่อนจะนั่งลงข้างๆลูกชายฝาแฝด
เพื่อจะได้ใกล้ชิดท่านได้มากกว่าเดิม

เพราะรู้ดีแก่ใจว่าท่านจะเจ็บปวดและอ่อนแอแค่ไหนเมื่อท่านปู่ไม่อยู่แล้ว…

“ย่าอาจไม่ได้เกลียดชังรุสฟาเดีย ไม่ได้เกลียดชังนัจมุนก็จริง
แต่ย่าก็กีดกันสองคนนี้…ย่ามองข้ามความดีงามแล้วให้คุณค่าสิ่งอื่นๆ
ที่อยู่นอกกายมากกว่า…ย่าถึงต้องจมอยู่กับความผิดพลาดเช่นนี้…”

“ท่านย่าปล่อยวางมันลงเถอะนะครับ…แล้วทำจิตใจให้ผ่อนคลาย อย่าไปคิดมาก…
อย่าไปคิดถึงมันอีกเลย…”

ผู้เป็นย่าสูดจมูกพร้อมกับหลับตานิ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาทั้งที่ยังปิดตาว่า

“ย่าจำได้…จำได้ว่า…ท่านรอซูลุ้ลลอฮฺ (ศาสนทูตของพระเจ้า)นั้น
รังเกียจการรักเผ่าพันธุ์ในทางที่ผิด ท่านสอนว่า…

‘คนอาหรับไม่ได้ดีกว่าคนที่ไม่ใช่อาหรับ (อะญัม) และคนอะญัม
ก็ไม่ได้ดีกว่าคนอาหรับ นอกจากใครจะตักวา (ยำเกรงต่อพระเจ้า)มากกว่ากัน…’

นั่นแหล่ะก้อ…นั่นคือคำสอนที่เป็นอมตะวาจา…ย่ารู้ซึ้งแล้วในวันนี้…
ว่าเราจะตัดสินคนใดคนหนึ่งด้วยมาตรฐานของเราไม่ได้…
เพราะมาตรฐานและตาชั่งของเรามันเอียง…ไม่เที่ยงตรง…”

น้ำตาแห่งความสำนึกผิดหลั่งใหลอาบสองแก้ม…เดือดร้อนเด็กๆ
ต้องคอยช่วยบิดาซับน้ำตาบนแก้มนั้นให้อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี
จึงใช้มือป้อมๆปาดๆเอา ทำเอาเจ้าของแก้มเหี่ยวๆถึงกับยิ้มออกมา
ด้วยความรักและเอ็นดูเหลนทั้งสอง…

ใครจะรังเกียจในความไม่สมประกอบหรือความไม่ปกติเหมือนคนทั่วๆไป
ของเหลนทั้งสองของนางก็ช่างเขาเถิด นางรักของนาง…

เพราะแม้กระทั่ง ‘นัสรุดดีน’ที่เป็นออทิสติกตั้งแต่ยังเยาวัยก็มีท่านคอยดูแล…
เนื่องจาหมารดาของหลานชายคนโตปล่อยปละละเลยลูกชายคนเดียวที่เกิดมาไม่เท่าคนอื่น

จนท้ายที่สุดก็ถูกลูกชายคนโตของนางหย่าขาด
แล้วลูกสะใภ้คนโปรดของนางก็หายไปพร้อมกับข่าวการแต่งงานครั้งใหม่
กับเศรษฐีบ่อน้ำมันซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างสุขกายสบายใจดี…

นั่นก็เป็นหนึ่งในผลงานของนางอีกเช่นกันในการจับให้สองคนนั้นมาอยู่ด้วยกัน
ฉันท์สามีภรรยา

เมื่อก่อนนางไม่เคยมองว่าตัวเองทำผิดอะไรที่ตรงไหน…

เพราะอดีตสะใภ้คนโตมีทุกอย่างเพียบพร้อมอย่างที่บุรุษคนไหนก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้…
แต่แล้วชีวิตคู่ของลูกชายคนโตกับสะใภ้คนโปรดก็พังลง…

ส่วนชีวิตคู่ของลูกชายคนรองที่ยอมขัดใจแม่ไปแต่งงานกับสาวต่างชาติก็ลุ่มๆดอนๆ
มีปัญหามาโดยตลอด เพราะโดนกีดกันจากนางและผู้คนโดยรอบ

แล้วก็ต้องจบลงด้วยฉากแห่งโศกนาฏกรรม…
สร้างความบาดหมางใจกันกับมารดาของรุสฟาเดียมาจนบัดนี้…

และทำให้ลูกชายคนรองของนางครองโสดมาตลอด…ไม่แม้แต่จะสนใจหญิงใดอีก…

ล่วงเลยมาจนถึงรุ่นหลานนางก็ยังทำพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
โดยไม่เคยคิดว่านั่นคือความผิดพลาด…มันเหมือนกลายเป็นนิสัยและความเคยชิน
ในการคอยเจ้ากี้เจ้าการจัดการและคอยกำกับเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของลูกๆ
จนเลยมาถึงหลานๆ…และบาปก็มาตกอยู่ที่รุ่นเหลน…

คนที่ซวยก็คงหนีไปพ้นสองแฝดตรงหน้านาง…

หากนางจะปล่อยให้ลูกๆหลานๆได้ตัดสินใจเองโดยมีนางเป็นที่ปรึกษา
ไม่ใช่คนคอยควบคุมกำกับ และรู้จักยอมรับกับปล่อยวางเสียบ้าง
เรื่องราวและปัญหาในการครองคู่ของลูกๆหลานๆก็คงไม่ดิ่งลงเหวเช่นนี้

มือเหี่ยวย่นจึงยกขึ้นลูบหัวเหลนทั้งสองด้วยแววตาสำนึกผิด
ทำเอากอมารุนถึงกับเมินหน้าหนีไปอีกทางด้วยเข้าใจว่าผู้เป็นย่ารู้สึกเช่นไรในยามนี้…

หากแม้เลือกได้อีกครั้ง เขาคงเลือกทำอะไรที่จะไม่เป็นการสร้างปัญหา
ให้เด็กต้องมารับผลของมันเช่นนี้แน่…

หากใครเล่าจะล่วงรู้กาลข้างหน้าได้…ว่ามันจะเป็นอย่างนี้…
ก่อนจะหันกลับมาแล้วยืนยันกับผู้เป็นย่าว่า

“ไม่ว่าเขาจะเป็นอะไร…สังคมจะมองเขายังไง…แต่ตอนนี้เขาคือผ้าขาว
ผมจะพยายามไม่ให้เขาตกเป็นเหยี่ออารมณ์ของใคร…จะพยายามแต้มสีสันสวยงาม
ให้เขาครับท่านย่า…ไม่ให้ผ้าขาวสองผืนนี้ตกดินหรือทราย…ให้เปื้อนฝุ่น…”

แววตามาดมั่นและแน่วแน่นั้นทำให้หญิงสูงวัยคลี่ยิ้มออกมา…

“ก้อไม่เสียใจใช่มั้ย…ที่ลูกเกิดมาเป็นแบบนี้…” กอมารุนส่ายหน้า

“ไม่เลยครับ…ผมรักเขา…เขาทำให้ผมได้รู้จักกับความรักอันบริสุทธิ์นี้
ทำให้ผมเข้าใจความรักว่ามันสวยงามแค่ไหน…เพราะเมื่อหัวใจมีรัก
ทุกอย่างก็สวยงาม ไม่ได้น่ารังเกียจ…เลยครับ…

และผมมีความสุขที่ได้มองดูเขาเติบโตครับท่านย่า…สิ่งท่ีเรารักย่อมมีมุมสวยงาม
เช่นดั่งความรักของเรา…ที่สดใสสวยงาม…ทำให้หัวใจเรามีชีวิตชีวา…”

“แม้ต่อไปเขาจะไม่ได้ดั่งใจเรา?”

“ไม่มีใครจะได้ดั่งใจใครไปเสียทุกอย่างหรอกครับท่านย่า
เพราะขนาดตัวเราก็ยังไม่ได้ดั่งใจเราทั้งหมดเลย…”

ผู้เป็นย่ายิ้มกว้างทีเดียวเมื่อได้ยินถ้อยคำนี้จากปากของหลานชาย

ทำไมหนอ ชีวิตที่ผ่านมา นางถึงคิดเช่นนี้ไม่ได้

“อยู่ที่เรียนรู้และยอมรับมันให้ได้มากกว่าครับ…เมื่อเรายอมรับ
และพอใจกับสิ่งที่มีสิ่งที่เป็น…เราก็จะมีสติพอที่จะทำสิ่งที่เรามีและที่เราเป็นให้ดีที่สุด...
ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อยอมจำนนให้กับพระเจ้า”

พูดพลางรั้งร่างลูกๆมากอด…วางลูกบนหน้าตักคนละข้าง…

“ย่าดีใจที่ก้อคิดได้แบบนี้…” รอยยิ้มนั้นคลี่ออกอีกครั้งด้วยแววตา
ที่ฉายแววแห่งความภาคภูมิใจ

“ก้อทำให้ย่านึกถึงรุสฟาเดีย…และทำให้ย่านึกเสียใจที่วันนี้…คนที่ควรจะเคียงข้างกัน
ช่วยกันปกครองประเทศนี้ให้มีความเสถียรภาพไม่ใช่โอมาร์กับรุสฟาเดีย…
และมีก้อคอยอยู่เคียงบ่าเคียงใหล่ช่วยกันสร้างสิ่งดีๆในประเทศนี้”

กอมารุนลอบถอนใจ เข้าใจดีถึงความกังวลของผู้เป็นย่า

“ย่าไม่ได้จะรังเกียจน้าของก้อ…แต่ย่าคิดว่าย่ามองน้าสาวของก้อออก
ว่าต้องการอะไร…ก้อคงไม่…”

“ไม่ครับ…ผมเข้าใจดี…น้าฝนที่ผมรู้จักในวันวานกับวันนี้ไม่ใช่คนๆเดียวกัน…”

“หรือไม่ก็เป็นตัวตนที่แท้จริงของเขา…ที่ซ่อนไว้มานานก็ได้…

อีกอย่าง…อัลวาอ่อนแอเกินไปที่จะเป็นผู้นำสูงสุดในการปกครองดินแดนนี้…
ย่าพูดในฐานะแม่ของลูกชายสองคน…และมองอย่างคนที่มองเห็นลูกในทุกๆแง่มุมแล้ว…

ก้อคงเข้าใจย่า…เพราะตอนนี้สิ่งที่ย่าห่วงคือความมั่นคงของประเทศ
และชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน…

พวกเขาต้องการผู้นำที่ดี เข้มแข็งและเสียสละเพื่อพวกเขาได้…ก้ออย่าทิ้งพวกเขาไปนะลูก…
อย่าทอดทิ้งพวกเขา…”

พูดจบดวงตาของหญิงสูงวัยก็ปิดลง…กอมารุนจึงวางมือของเขาลงบนหลังมือของผู้เป็นย่า

“พักผ่อนเถอะครับ…อย่าได้กังวลกับเรื่องใดๆเลย…ผมสัญญาว่า
ผมจะดูแลทุกอย่างให้เรียบร้อย…ขอแค่ท่านย่าจะดูแลตัวเองและมีกำลังใจที่ดีกว่านี้…
กลับมาเป็นที่ปรึกษาและเป็นร่มไม้ให้กับพวกเรา…”

ว่าแล้วก็หันไปยิ้มกับลูกชายที่หาได้ซุกซนแต่อย่างใดไม่ วางไว้ตรงไหนก็นั่งอยู่อย่างนั้น

“ย่าจะพยายาม…ย่าจะอยู่เพื่อรอดูวันที่ก้อยิ้มได้อย่างมีความสุขนะลูก”

“และ...ถ้า…ถ้าลุงของก้อทำอะไรพลาดไป ก้อให้อภัยลุงเขานะลูก…อย่าซ้ำเติม…
และ…และ…ถ้าเขาขายแผ่นดินนี้หรือทำลายแผ่นดินนี้ไปด้วยความอ่อนแอ
และความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเขา…ก้อต้องเก็บแผ่นดินนี้คืนมาอยู่ภายใต้การปกครอง
แห่งบทบัญญัติของพระเจ้าให้ได้เหมือนที่ปู่ของก้อทำมาตลอดนะลูก…
รับปากกับย่าได้มั้ยลูก…”

กอมารุนลอบถอนใจด้วยความเหนื่อยล้ากับปัญหาดังกล่าวที่ส่อเค้าลุกลามเมื่อสิ้นผู้เป็นปู่ไป…

“อัลวา…อัลวามีแนวคิดที่จะยกเลิกกฎหมายหลายตัว…และย่ากลัวว่า
เขาจะทำให้สังคมคนกลายเป็นสังคมลิง…

เพราะสิ่งที่ทำให้สังคมคนอยู่เหนือสังคมลิง…คือศาสนาและศีลธรรม…จำไว้นะลูก…”

“ครับ…ถ้าผมยังอยู่…ยังมีลมหายใจอยู่…ผมรับปากว่าจะสร้างสันติสุข
ให้เกิดขึ้นบนแผ่นดินนี้ครับท่านย่า…”

แววตาคู่นั้นลืมขึ้นแล้วยิ้มให้เขาก่อนจะปิดลงอีกครั้ง

“งั้น…ผมกับสองหนุ่มคงไม่รบกวนเวลาท่านย่าแล้ว…แล้วพรุ่งนี้ผมจะพาทั้งสอง
มารบกวนท่านย่าใหม่นะครับ…”

คนเป็นย่าพยักหน้ารับด้วยรอยย้ิมทั้งๆที่ดวงตาปิดสนิทแน่น...ก่อนจะเข้าสู่นิทรา…




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



“พี่ก้อ…พี่ก้อ…” เสียงเรียกชื่อของเขาที่ดังมาจากด้านหลังขณะที่เขา
ออกมาจากห้องทำงานนั้นทำให้กอมารุนหันไป พบกับร่างของนัสราน
หรือน้องชายของนัจมุนที่วิ่งกระหืดกระหอบขึ้นมาหาเขา…

“หมอก…หมอกเห็นแหวนนั่น…แหวนของพี่นีล…”

เสียงปนหอบของเด็กชายในวัยสิบสองขวบทำให้กอมารุนต้องทบทวน
ด้วยการถามซ้ำใหม่อีกครั้ง

“ว่าไงนะหมอก…”

“หมอก…หมอกเห็นนางเอกฮอลลีวู้ดคนดังในเรื่องนางฟ้าสตรอเบอร์รี่”

“นางฟ้าสตอรี่…” กอมารุนแก้ให้ทันทีเมื่อเจอคำผิด…ทำเอาเจ้าตัวหมอกถึงกับพยักหน้า

“ใช่ครับ…นางเอกเรื่องนั้นเขาสวมแหวนพี่นีลโชว์ให้สื่อมวลชนเห็นด้วย
เขาบอกว่าแฟนของเขาให้มา…แต่…แต่หมอกจำได้ว่ามันเป็นแหวนวงเดียวกับของพ่ีนีล…
แหวนที่นิ้วก้อยนั่น…มันมีเอกลักษณ์เฉพาะ…

และหมอกคิดว่า…หมอกตาไม่ได้ฝาดไป…มันใช่เลย…”

เจ้าหมอกพูดทีเดียวยาวเหยียดจนทำเอากอมารุนถึงกับยืนนิ่งเหมือนโดนแช่แข็ง
หากสมองอีกซึกหนึ่งกลับส่งเสียงเตือนไม่ให้เขาตื่นเต้นเกินไป

“บางที…มันอาจใช่หรือไม่ใช่…ว่าแต่เราคิดยังไง…ถ้ามันใช่ขึ้นมา…”

กอมารุนพยายามตั้งสติและพยายามสงบจิตสงบใจ ตีสีหน้านิ่งๆเข้าไว้
ทำเอาเด็กชายนัสรานถึงกับผิดหวังนิดๆที่ข่าวนี้ไม่อาจสร้างความตื่นเต้น
ให้กับอดีตพี่เขยได้…

“หมอกก็แค่คิดว่า…พี่นีลอาจจะ…ยังไม่ตาย…ก็ได้…เพราะ…เพราะยังไม่มีใคร…
ได้เห็นร่างของพี่นีลเลยสักคนเดียว…”

“แต่หัวนั่นล่ะหมอก…เราจะปฏิเสธได้ยังไงในเมื่อหมอเขาชัณสูตรออกมาแล้วว่า
มันคือหัวของพี่สาวเราจริงๆ…”

แค่เอ่ยถึงเรื่องนี้หัวใจของเขาก็เริ่มมีปัญหาขึ้นมาอีกแล้ว

…มันเป็นเรื่องที่เขาไม่อยากพูดถึงและเป็นคำถามที่เขาไม่อยากตอบ
หรืออธิบายกับใครทั้งนั้น…ไม่อยากจะจำด้วยซ้ำไปว่าเธอได้จากเขาไปในสภาพใด
และต้องเจ็บปวดแค่ไหนตอนใกล้สิ้นใจ…

ตอนนี้ให้ตอบว่าเขารักเธอมากแค่ไหน…มันดูจะง่ายยิ่งกว่าให้เล่าเรื่องพวกนั้น
หรือพูดถึงเรื่องพวกนั้นให้ใครๆฟังเป็นไหนๆ

…เขาขอเลือกจะจำแค่วันเวลาดีๆที่มีกับเธอเท่านั้น…ก็พอ…

“บางที…อาจมีอะไรผิดพลาดก็ได้นะครับ…ท่านแสนยานั่นอาจจะหลอกพี่ก้อก็ได้
ว่าได้ส่งร่างของพี่นีลลงบ่อจระเข้ไปแล้ว…ถ้ามันแน่จริง ทำไมมันไม่ส่งร่างของพี่นีล
มาให้เราพิสูจน์ด้วย…”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่น้องชายของนัจมุนพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้…
และข้อสันนิษฐานนี้ก็ถูกกลบด้วยข้อมูลทางการแพทย์เรื่องศีรษะของนัจมุน…
เมื่อนั่นคือศีรษะจริงๆของเธอ…

เรื่องเรือนร่างของเธอจะอยู่ที่ไหนจึงไม่ใช่สาระสำคัญเท่ากับว่า
เธอได้เสียชีวิตไปแล้วจริงๆนั่นเอง…

ไม่มีใครที่หัวขาดจากร่างแล้วร่างจะยังเดินได้และมีชีวิตต่อไปอย่างแน่นอน…

“แต่หมอกไม่อยากจะเชื่อหมอพวกนั้นเลย…เมื่อก่อนอาจจะเชื่อ
แต่ตอนนี้ หมอกว่า เราน่าจะลองคิดใหม่ทำใหม่…

พี่ก้อลองคิดดูสิ…ถ้าพี่นีลตายไปแล้วจริงๆ…แหวนวงนั้นจะไปอยู่ที่นิ้วก้อย
ของดาราฮอลลีวู้ดได้ไง…ถ้าพี่ก้อไม่เชื่อ…ก็ไปขอดูแหวนของเขาดูสิครับ…
หมอกมั่นใจว่าแหวนนั่นคือแหวนของพี่นีล…”

“ถ้าใช่แล้วมันจะแปลกอะไร…หากจะมีคนถอดเอาแหวนของพี่สาวของเราไป…
แล้วขายทอดตลาดจนมาถึงมือของดาราคนนั้น…”

“แต่หมอกว่าแปลก…เขาบอกว่าแฟนเขาให้เขามา…”

“แฟนเขาอาจจะได้มาจากโจร…”

“บางทีไม่ใช่ของโจรก็ได้..พี่ก้ออย่าเพิ่งรีบสรุปสิ..."

"พี่ไม่ได้รีบสรุป แค่เสนอแนวคิดที่แตกต่าง..."

"แสดงว่าพี่ก้อจะไม่ไปขอดูแหวนวงนั้นแล้วเอาคืนมาใช่มั้ย…
งั้นหมอกจะไปหาเขาเอง…จะเอาของๆพี่นีลคืนมา…
อย่างน้อยมันก็เป็นของชิ้นสุดท้ายที่อยู่กับพี่นีล…”

เด็กชายนัสรานเริ่มส่งเสียงกระเง้ากระงอด ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปด้วยท่าทางฮึดฮัด
ใบหน้าตูม จากที่หวังว่าพี่เขยจะตื่นเต้นกับข่าวใหม่ กลับพบว่า
พี่เขยเย็นชาจนไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย…

ทว่า…กอมารุนกลับติดต่อซีรีน คนของบิดาที่เคยทำหน้าที่ดูแลนัจมุน
และมีความถนัดในการสืบเสาะหาข้อมูลในทันทีที่ลับหลังของนัสราน…

และเพียงไม่กี่นานก็ได้ข้อมูลมา…

“เป็นแหวนของท่านหญิงจริงๆค่ะ…แต่ทางโน้นไม่ยอมขายให้เรา
เพราะเขาบอกว่าเขาได้มาอย่างถูกต้องค่ะ...และไม่คิดจะขายแน่ๆ...”

“รู้มั้ยว่าเขาได้มาได้ยังไง…”

“จากที่ตามแกะรอยของแหวนวงนั้น…แฟนของดาราสาวที่ครอบครองแหวนของท่านหญิงอยู่
ได้มาจากคนหาปลา…เขาไปเที่ยวเกาะส่วนตัวที่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศไทย
แล้วคนหาปลาก็นำมันมาขายให้กับเขา…

ตอนแรกเห็นเขาไม่กล้ารับมานึกว่าเป็นของปลอม แต่เมื่อได้พิจารณาดูโดยละเอียด
เขาก็แน่ใจว่าเป็นของจริง เลยรับซื้อมาเมื่อเดือนก่อนเองค่ะ…

ก่อนจะมีโอกาสนำมาให้แฟนสาว…เพราะเห็นว่ามันสวยและเหมาะกับบุคลิกของแฟนสาว…”

ซีรีนรายงานข้อมูลที่สืบค้นมาให้เจ้านายรับทราบด้วยแววตาเป็นประกาย
เมื่อเอ่ยประโยคต่อมากับคนที่นั่งนิ่งราวกับหุ่นตรงระเบียงบ้าน…
ข้างกายไม่ไกลกันนั้นมีลูกชายฝาแฝดนั่งเล่นของเล่นอยู่ไม่ห่าง…

“ก่อนรับซื้อมาเขาได้ถามคนหาปลาว่าได้มันมาได้ยังไง…คนหาปลาให้ข้อมูลว่า…
รับมาจากผู้หญิงท้องแก่คนหนึ่ง ที่ขอให้เขาหาทางพาเธอขึ้นเรือใหญ่
ที่เป็นเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน…
เพราะตอนนั้นเขาเป็นลูกน้องให้กับเรือพานิชย์ ก็เลยมีลู่ทางซ่อนคนไปกับสินค้าได้…”

“ผู้หญิงท้องแก่หรือ?” กอมารุนถึงกับขมวดคิ้วมุ่นทีเดียว หัวใจที่นอนนิ่งๆ
กระตุกและเต้นผิดจังหวะขึ้นมาทันทีทันใด

“ค่ะ…ทางเราเลยลองไปสืบหาคนหาปลาคนนั้น…โชคดีที่เขายังอาศัยอยู่ที่เดิม
ตามที่แฟนของดาราสาวคนนั้นบอกเราไว้…

เลยทำให้ได้รู้ว่า…ผู้หญิงคนนั้นมีรูปพรรณสัณฐานคล้ายกันกับท่านหญิง…
แต่คนหาปลาบอกว่าไม่เห็นใบหน้าของเธอ เพราะเธอสวมเสื้อผ้าปกปิดมิดชิด
ซ้ำยังปิดหน้าเหลือแค่ลูกกะตา…แต่รู้ว่าเป็นหญิงท้องแก่…

และแหวนวงนั้นเธอก็ถอดออกจากนิ้วก้อยของเธอเอง…มีท่าทางหวงแหวน
และอาลัยอาวรณ์อยู่ไม่น้อย...ถอดเข้าถอดออกอยู่พักหนึ่งแล้วก็ตัดใจถอดให้
คนหาปลาคนนั้นไปในที่สุด...”

กอมารุนถึงกับนิ่งเหมือนถูกสาปให้กลายเป็นหินทีเดียวเมื่อได้ยินข้อมูลดังกล่าว

“คนหาปลาบอกอีกว่า…ผู้หญิงคนนั้นไม่มีทรัพย์สมบัติหรืออะไรติดกายไปเลย
แม้แต่ชิ้นเดียว และเหมือนแหวนวงนั้นจะเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่เธอมี
เขาก็เลยให้ผ้าห่มติดตัวไปด้วย…และมีเงินจำนวนหนึ่งติดมือไปด้วยความสงสาร

และเธอยังกำชับเขาอีกว่า…ถ้าจะขายแหวนวงนี้ ขอให้ขายให้กับชาวต่างชาติที่ร่ำรวย
และมีชื่อเสียง เพราะพวกเขาจะให้ราคาอย่างงาม…ยิ่งขายให้พวกดาราต่างประเทศ
ที่บ้าเครื่องประดับจะยิ่งโก่งราคาได้มากขึ้น…เขาก็เลยรอเวลามานาน

แรกๆไม่อยากขายเพราะชอบ แต่เมื่อชีวิตจนท่าเข้ามากๆก็เลยตัดใจขาย
ให้กับแฟนของดาราสาวฮอลลีวู้ดที่ให้ราคาเขาสูงกว่าคนไทยที่เขาเคยไปติดต่อ…”

ชายหนุ่มฟังข้อมูลที่ลูกน้องรายงานด้วยสีหน้านิ่งสนิท
ผิดกับภายในที่มันส่งเสียงกู่ก้องคำราม

"นั่นเลยทำให้น่าติดใจสงสัยว่า...สิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นแนะนำให้กับคนหาปลา
มันน่าจะเป็นหนทางที่ทำให้แหวนวงนั้นเป็นตัวส่งสารมายังเชคได้ง่ายขึ้น...
เพราะคนรวยและคนดังมักเป็นข่าว แหวนวงนั้นย่อมเป็นข่าวได้เมื่ออยู่ในมือคนดัง

และเมื่อเป็นข่าว เราก็จะเห็นมัน...และสืบแกะรอยแหวนได้ไม่ยาก

นับว่า...ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ท่านหญิงซึ่งเป็นเจ้าของแหวนที่แท้จริง
เธอจะแนะนำอะไรแบบนั้นกับคนหาปลาเพื่ออะไรกัน...

เธอจะได้ประโยชน์อะไร...เราสองคนเลยคิดกันว่า...ผู้หญิงท้องแก่คนนั้นคือท่านหญิง!"

“แต่…เอ่อ…” ลูกน้องคนสนิทที่ถนัดเรื่องสืบเสาะและแกะรอย
เพราะมีความชำนาญและเป็นคนละเอียดอ่อนในทุกๆรายละเอียด
ทำให้เก็บตกเรื่องต่างๆได้ดีกว่าแฝดอีกฝา…

“คนหาปลาคนนั้น…บอกว่า…เรือลำนั้น…ลอยลำไปได้ไม่ถึงประเทศปลายทาง
ก็ล่มลงกลางมหาสมุทรเสียก่อนค่ะ…เชคคงจำข่าวเรือล่มเมื่อสองปีก่อนได้ใช่มั้ยคะ…”

สีหน้าคนเล่าเริ่มอ่อนลง เสียงก็อ่อนตาม…

“ปลายทางของเรือลำนั้นอยู่ที่ไหน…”

“อเมริกาค่ะ…”

“แล้ว…เธอจำได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเรือลำนั้น…”

“ยังไม่มีใครหาข้อสรุปได้ค่ะ…ดูเหมือนจะยังเป็นปริศนาอยู่ค่ะ
เพราะว่าไม่มีใครพบซากเรือลำนั้นเลย…เชคเอ่อ…คงรู้จักพื้นที่สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า
ใช่มั้ยคะ…” กอมารุนพยักหน้าน้อยๆ

“นักวิชาการมุ่งเป้าไปตรงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ
เช่นการผันแปรของอากาศแบบฉับพลันทันทีทันใด…หรืออาจจะเป็นพายุทอร์นาโด
ซึ่งเป็นผลมาจากแผ่นดินไหวใต้ท้องทะเล…และมันสามารถดึงน้ำทะเล
ขึ้นมาปั่นเป็นเกลียวหมุนตัวสูงหลายร้อยฟุตกลางอากาศจนสามารถลากเครื่องบิน
หรือเรือจมลงไปอยู่ก้นมหาสมุทรได้ไม่ยากเลย…

เพราะมหาสมุทรแอตแลนติกทั้งกว้างและลึกเกินที่ใครจะหยั่งถึง…”

กอมารุนยกมือขึ้นจับปลายจมูกของตนแล้วบีบแรงๆก่อนจะใช้หัวแม่มือคลึงขมับ…
ทำให้สองสาวรับรู้ได้ว่า เจ้านายกำลังตกอยู่ในวังวนแห่งความสับสน…

“เชคคะ…ซีรีนเชื่อว่า…ผู้หญิงท้องแก่คนนั้นคือท่านหญิง…”

“ซีร่าห์ก็เชื่อเช่นนั้น…” เสียงจากผู้คุมอีกคนสำทับว่าเห็นด้วยกับแฝดอีกฝาของตน…

“เชื่อแล้วไง…ในเมื่อไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นใคร ใช่นัจมุนหรือเปล่า
แต่สุดท้ายแล้ว…เธอก็อยู่ในเรือลำนั้น…แล้วเรือลำนั้นก็ได้หายสาบสูญไป
อย่างไร้ร่องรอยพร้อมชีวิตของเธอ…”

กอมารุนพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ตอนแรกเขาเหมือนจะมีความหวัง
หวังแล้ว แต่สุดท้ายความหวังนั้นก็ถูกทำลายลงจนเขาแทบหมดแรง
ไม่อยากจะคาดหวังอะไรอีกแล้วในเรื่องนี้

…มันทรมานเหลือเกินกับการตั้งความหวังแล้วต้องผิดหวังซ้ำๆซากๆ
…รับรู้ความรู้สึกนี้ของนัจมุนแล้วว่าเธอรู้สึกยังไง เรี่ยวแรงหายไปแค่ไหน
ในยามที่หมดสิ้นความหวังแบบซ้ำๆซากๆเช่นนี้

“แต่ถ้าใช่…นั่นก็หมายความว่าท่านหญิงตั้งครรภ์และอาจจะหนีการไล่ล่าอยู่ก็ได้ค่ะ
ถึงได้เลือกช่องทางหนีแบบนั้น…

และงานนี้…มันไม่ใช่เรื่องธรรมดา ต้องมีใครเล่นตลกกับพวกเรา…
ทำไมท่านหญิงไปอยู่ตรงนั้นได้ แล้วศีรษะนั่น…ทำไมหมอถึงบอกว่าเป็นศีรษะของท่านหญิง…

เชคคะ…ขอซีรีนสืบเรื่องนี้ต่อเถอะ…เพราะตอนนั้นที่เกิดเรื่อง
เป็นความผิดของเราที่ทำหน้าที่บกพร่อง และตอนนั้นเราสองคนก็นอนป่วยอยู่
เชคก็ยุ่งๆ บางทีอาจมีคนฉกฉวยสถานการณ์ที่วุ่นวายในตอนนั้นแทรกกระบวนการ
บางข้ันตอนไป…เพื่ออะไรบางอย่างก็ได้ค่ะ…

และซีรีนเชื่อว่า…แม้ท่านหญิงจะอยู่ในเรือลำนั้น แต่ท่านหญิงก็ไม่ได้ตาย
ด้วยการโดนฆ่าตัดศีรษะแน่ๆ…”

“ซีร่าห์ก็เชื่อค่ะว่า…ท่านหญิงเก่งพอจะเอาตัวรอดในสถานการณ์คับขันได้
ท่านไม่ใช่คนที่กลัวจนตัวสั่นหรือสิ้นสติจนทำอะไรไม่ถูก…

และท่านหญิงมีวิชาป้องกันตัว…ที่นับว่าดีและสามารถต่อกรกับศัตรูได้…

อีกอย่าง…ท่านหญิงเคยผ่านประเทศที่มีสงครามมาก่อน…
ท่านน่าจะแกร่งพอที่จะพาตัวเองรอดมาได้…ขอแค่เราจะลองกลับไปพิสูจน์
ผลการตรวจสอบศีรษะนั้นอีกครั้งว่าโปร่งใสแค่ไหน…”

“คุณหมอศุภาพิชญ์เป็นแพทย์ผู้เช่ียวชาญและได้รับความไว้วางใจได้…
ท่านคงไม่เอาชื่อเสียงและหน้าที่การงานรวมทั้งอนาคตดีๆของท่านมาแลกกับเรื่องนี้…

ฉันรู้จักท่านดี ท่านเป็นคนซื่อสัตย์และซื่อตรงคนหนึ่ง…”

“แต่…อาจมีบางอย่างที่ทำให้คนซื่อตรงยอมกลับคำวินิจฉัยก็ได้นะคะ
ขอให้เราสืบเรื่องนี้ต่อเถอะค่ะเชค…” กอมารุนพยักหน้า อย่างน้อยมันก็มีข้อมูลเพิ่มมาทำ
ให้ข้อสันนิษฐานของสองสาวมีความน่าจะเป็นมากขึ้น

“งั้น…ฉันเปิดไฟเขียวให้เธอสองคนลุยเรื่องนี้ได้เต็มที่…
แต่ต้องเงียบเชียบที่สุด ห้ามให้ใครรู้เด็ดขาด!”

“ไม่เด็ดขาดค่ะเชค…เราสองคนจะไม่ทำให้เกิดความผิดพลาด
เหมือนอย่างครั้งนั้นอีกแล้ว…” สองสาวรับปากอย่างแข็งขัน

“แล้วฉันจะให้กระเบนล่องหนจัดการค้นหาซากของเรือลำนั้นดู
เรือทั้งลำมันจะหายไปไหนได้…ถ้ามันล่มจริงๆ มันก็ต้องทิ้งซากเอาไว้ที่ใดที่หนึ่งสักแห่ง…

ทะเลกว้างและลึกก็จริง แต่ห้วงอวกาศกว้างและลึกลับยิ่งกว่า…
ถ้าฉันจะไปทำธุรกิจอวกาศ…ฉันก็ต้องหาทางหาเศษซากเรือลำนั้นให้เจอเสียก่อน…”

สองสาวถึงกับหันมามองหน้ากันด้วยรอยยิ้มเมื่อได้ยินประโยคนั้นของเจ้านาย

“หวังว่าระยะสองปี คงไม่ทำให้เรือลำนั้นย่อยสลายไปแล้วหรอกนะ…”

“มันไม่ย่อยสลายง่ายๆแน่ค่ะเชค…ที่สำคัญ…บางที…ท่านหญิงอาจจะยังหายใจอยู่
ที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้ เพียงแต่เรายังไม่รู้เท่านั้นเอง…

เผลอๆ…เชคอะซัดกับเชคฟะฮัดอาจจะมีน้องสาวหรือน้องชายแล้วก็เป็นได้นะคะ…

เพราะก่อนเกิดเรื่อง ซีร่าห์แอบสังเกตเห็นความผิดปกติของท่านหญิงอยู่เหมือนกันค่ะ
ท่านหญิงจะระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ จะเดินจะเหินก็ดูเหมือนจะไม่เร่งรีบ
เหมือนปกติที่เป็น…เวลานั่งก็ดูเหมือนจะค่อยๆนั่ง…ไม่กระโดกกระเดก
หรือทำอะไรเสี่ยงๆเหมือนที่เคยเป็นมา…

แม้จะไม่มีอาการแพ้ท้องให้เห็นก็ตาม เพราะว่าผู้หญิงบางคนก็ไม่ได้มีอาการแพ้ท้องค่ะเชค…”

“เธอสองคนกำลังจะบอกว่า…ฉันไม่ควรหมดหวังสินะ…”

“ค่ะ…ศรัทธาต้องมีบ้าง…” ซีรีนเอ่ยถ้อยคำที่เจ้านายมักพูดเป็นประจำ

"แม้ว่าทะเลนั่นจะเป็นทะเลมรณะอย่างนั้นใช่มั้ย..."


"ค่ะ...แม้จะเป็นทะเลที่น่ากลัว แต่ไม่แน่ว่าอาจจะมีคนรอดจากมันมาได้ก็ได้ค่ะ
ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นในชีวิตผู้คนอยู่บ่อยครั้ง...เราจึงไม่ควรหมดหวังจนกว่าจะ
ไม่มีอะไรให้หวังแล้วจริงๆค่ะเชค..."


"ขอบใจที่ทำให้ฉันมีความหวัง..."






..........โปรดติดตามตอนต่อไป..............




เอาเชคกอมารุนมาเสริฟ รอบนี้สองสาวฝาแฝดร่่างยักษ์ของนัจมุน
กลับมาปฏิบัติหน้าท่ีอย่างแข็งขันแล้ว...เปิดตัวดูโอ้คู่ใหม่ให้กันด้วย...

เชคอะซัดกับเชคฟะฮัด...จะมีน้องจริงๆหรือเปล่า มาตามกันต่อน้าาาา ^^


ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามอ่านเรื่องนี้มากๆค่ะ
ขอบคุณที่กดถูกใจให้กันและขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเมนท์ที่ส่งเสียงมาให้เต่าได้ยิน
และเป็นกำลังใจให้กัน ทำให้เต่ามีแรงเร่งสปีดมากขึ้น ขอบคุณมากๆค่ะ ^^


ฝากภาค 2 ไว้ในอ้อมใจด้วยน้าาาาา ^o^




..........ตอบเมนท์จ่ะ................


1.คุณเดิมเดิม…เอาน้องหมอกไปแทนน้องนีลก่อนได้มั้ยคะ อิอิ
เฮียก้อเริ่มได้กลิ่นตุๆแว้ววววววว

2.คุณFurzan…อ่าาาา…ค่อยยังชั่วหน่อย…เฮียก้อมีผู้ร่วมทีมแว้วววว ^^
และแล้วความพยายามของเฮียก็สำเร็จ อิอิ

3.คุณตุ๊งแช่…เฮียคงมีที่ชาร์ทแล้ว แต่ว่าเครื่องมือในการชาร์ทนี่สิ
ไปอยู่ไหนก็ไม่รู้ หายไปแว้วววว…ฮ่าาาาาาา
ต้องลองค้นหาดูค่ะ ไม่แน่อาจจะเจอซ่อนอยู่ใต้โต๊ะ ตู้ เตียง ก็ได้…อิอิ

เป็นไอเดียที่เลิศมาก ให้ 2 ซ เลี้ยง 2 ฝ 5555555

ลองกองออกลูกนั้นหนาคือคำใบ้ที่ 1 อิอิ…

ส่วนเงาะนั้นหนาเสร็จกระรอกไปนานแว้วววว
แต่ว่าได้กินของชาวบ้านเพียบเลยค่ะ วันนี้ทั้งบ้านเห็นแต่เงาะ
เพราะว่าญาติๆมาเยี่ยม หิ้วเงาะกันมาแทบทุกคน…เหอๆ
มังคุดก็ไม่ได้น้อยหน้าเงาะ ลองกองก็ได้กินแล้วหนาาาาาา
(อย่าได้อิจฉาาาาาาเชียว…) ฮ่าๆๆๆ

ส่วนทุเรียนราคาแพงไม่ยอมตกต่ำเลย…สูงปรี๊ดๆๆขึ้นเรื่อยๆ
เลยไม่ค่อยมีใครหิ้วมาฝาก…ฮ่าาาาาาา เราก็ได้แต่แหงนมองดูบนต้นที่หาผลไม่เจอ
เหอๆๆ สงสัยทุเรียนจะเป็นหมันเหมือนโซเฟียนะเนี่ย อิอิ

แต่เจ้าลองกองชนะเลิศ…หลังจากพรากมันมาจากต้นแล้ว
เราต้องทิ้งมันไว้ให้ลืมต้นก่อนกิน เวลากินรับรองเลยว่าหวานหยด…^^
(หนูนีลจึงถูกเต่าเปรียบเทียบให้เป็นลองกองนั่นเอง…ฮ่าาาา) อันนี้คำใบ้ที่ 2 ^^


4.คุณkaelek…ใช่แล้วค่ะ ภาคแรกหนูนีลบ่นให้นักอ่านฟัง
ส่วนภาค 2 นอกจากเฮียก้อจะบ่นให้นักอ่านฟังแล้ว ยังมีผู้ร่วมบ่น
ไปกับเฮียก้ออีกเพียบเลยค่ะ…^^


5.คุณSorra…วะอะลัยกุมมุสลามค่ะ มาให้กันแบบติดๆจ้าา
ส่วนหนูนีลนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่เฮียก้อเขาดำเนินการต่อไปค่ะ
ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรเหมือนกันค่ะ…อิอิ
เพราะว่าตอนนี้เฮียก้อก็งานเข้าหนักเลย…อิอิ

ปล.อย่าเพิ่งร้องไห้น้าาา เดี๋ยวจะได้ร้องไห้อีก…อ่ะๆๆ ล้อเล่น…^^


6.คุณyapapaya…ต้องมาดูทีท่าของคุณน้าผู้ยิ่งใหญ่ของเฮียก้อกันค่ะ
ว่าชีจะทำอะไรของชี…อิอิ…ส่วนหนูนีลจะฟื้นคืนชีพหรือว่าไม่ฟื้น
ต้องมาดูกันต่อน้าาาาา แต่ตอนนี้เฮียก้อรู้แล้วว่า…ตนก็มีน้ำยา…ฮ่าๆๆ
แต่ไม่รู้จะสูญเสียน้ำยาที่ว่าไปแล้วยัง เหอๆ

7.คุณสายป่าน…ภาคแรกหนูนีลตายไปแล้วน้าาาา…อิอิ
ส่วนภาค2 มีหลายตอนค่ะ ขนาดความยาวเท่าๆกับเรื่องยาวหนึ่งเรื่องค่ะ
หากอ่านไปแล้วไม่สนุกตรงไหน บอกกันบ้างนะคะ…^^

8.คุณแว่นใส…เห็นง.งูหลายตัวเลื้อยมาแต่ไกลเลย…อิอิ
อย่าเพิ่งงงงงน้าาาา…เดี๋ยวเต่าจะช่วยให้หายงงค่ะ…^^

9.คุณสายลมแห่งรัก…แสดงว่าแอบหมั่นไส้เฮียก้อมานานแล้วแน่ๆเลยอ่ะจิ…
พอเฮียน้ำตาตกหมกในเลยสะใจเฮียนิดๆ…จริงๆไม่ได้จะนิดๆเลยชิมิ…
มากๆก็บอกเต่ามาเถอะ…เต่าจะได้ไปบอกเฮียว่าให้ระวังหนามทุเรียนเอาไว้
ให้ดีเวลาเดินผ่านหน้าบ้านคุณสายลมแห่งรัก อิอิ ^^

10.คุณkonhin…โยมีความสนใจเรื่องออทิสติกมาตั้งแต่สมัยเรียนน่ะค่ะ
เคยเป็นสตาฟให้กับเด็กๆกลุ่มนี้ (จริงๆก็ไม่ใช่เด็กๆทั้งหมด มีหลายวัยเลยทีเดียว)
ซึ่งจะคอยดูแลและเป็นครูสอนศิลปะให้พวกเขามาก่อน
คือช่วยอาจารย์และคิดทำโปรเจคกับอาจารย์ด้วยการไปมีส่วนร่วม
ในการพัฒนาความสามารถของเด็กพิเศษกลุ่มนี้ ดึงพรสวรรค์ของเขาออกมา
ช่วยให้เขามีส่วนร่วมกับคนอื่นๆในสังคมได้ และช่วยส่งเสริมให้พวกเขามีอาชีพ
เลี้ยงดูตัวเองในระยะยาว…

ซึ่งเป็นโครงการของเกียวโตกับโอซาก้าที่อาจารย์ที่คณะท่านเป็นกรรมการและสมาชิก
อยู่น่ะค่ะ ท่านชวนไปร่วมก็เลยร่วมด้วย…ตอนแรกไม่คิดอะไรมาก แค่อยากลองๆ
และเกรงใจอาจารย์ที่มาชวนเลยตกปากรับคำไป…

แต่พอได้ไปลุยตรงนั้นจริงๆก็ติดใจ…ทำต่อมาเรื่อยๆจนเรียนจบ…
เสน่ห์ของงานตรงนั้นคือมันทำให้เห็นความน่ารักของเด็กออทิสติก
พร้อมกับเห็นปัญหาของพวกเขาเลยก่อให้เกิดความรู้สึกอยากให้คนอื่นๆได้เห็น
ในสิ่งที่เราเห็นและสัมผัสมา จึงนำมาใส่ในนิยาย แต่ถ้าสื่อหรือใส่มากไป
กลัวนักอ่านจะเบื่อ เลยเอามาเป็นเรื่องเสริมมากกว่าค่ะ

ก็จะมีแทรกเรื่องของเด็กออทิสติกเข้าไปในเรื่องนี้ด้วยหลังจากที่เคยแทรกหน่อยๆ
ในเรื่องคานน้อยคอยรักมากแล้ว แต่ไม่มาก นับว่าน้อยกว่าจะมาสัมผัสจริงๆ
อย่างในเรื่องนี้...

ยิ่งเด็กออทิสติกที่เป็นฝาแฝดล่ะก็…น่ารักมากค่ะ…

และโยพบความเป็นอัจฉริยะในเด็กออทิสติกหลายคนเลยค่ะ…
บางคนคิดอ่านอะไรเหนือคนทั่วไป และเราตามไม่ทัน กว่าจะตามทัน เขาก็ไปไกลแล้ว…
โดยเฉพาะบางคนมีพรสวรรค์ที่คนทั่วๆไปไม่มีเลย…คือหาในคนทั่วไปแทบไม่เจอ
ต้องพวกเขาเท่านั้นถึงจะทำได้…^^ บางคนอาจไม่ถึงกับเป็นอัจฉริยะ
แต่พวกเขาจะมีเสน่ห์ในตัวของพวกเขาแตกต่างกันค่ะ...แน่นอนว่าคนทั่วๆไป
ไม่มีเสน่ห์แบบนั้น...ต้องมาลองดูสองแฝดดูค่ะว่า พวกเขามีความสามารถอะไรบ้าง…^^

และที่เรามักสงสารผู้ที่เป็นออทิสติก เพราะเรารู้สึกอยู่ลึกๆว่าเขาเกิดมาด้อยกว่าเรา
ไม่เท่าเทียมกับเรา...ได้อะไรๆติดตัวมาแต่เกิดน้อยกว่าเรา...

แต่จากที่เต่าได้ร่วมงานและคลุกคลีกับบรรดาออทิสติกมากมายจากหลากหลายแหล่ง
ที่อาจารย์ที่ญี่ปุ่นพาไปพบและคลุกคลีกับพวกเขาโดยตรง โยการันตีได้อย่างนึงว่า...

พวกเขามีอะไรที่เหนือกว่าคนทั่วไป เพียงแต่เราเอื้อมไปไม่ถึงเขามากกว่า...
สิ่งที่ไม่มีเหมือนเราพวกเขากลับถูกเติมเต็มด้วยกับบางอย่างที่เราก็ไม่อาจจะมีได้...
บางอย่างก็อธิบายออกมาไม่ได้ แต่รู้ว่านั่นคือ บุคคลพิเศษจริงๆ...

พวกเขามีระบบการสื่อสารที่แตกต่างแต่พวกเขาเข้าใจกันได้ยังไง
นั่นคือสิ่งที่โยกับอาจารย์ยังงงๆกันอยู่และพยายามอย่างมากที่จะก้าวเข้าไป
ในโลกส่วนตัวของพวกเขาเพื่อจะได้รู้ว่าพวกเขามีวิธีคิดวิธีสื่อสารกันยังไง...
โดยเฉพาะสมองของพวกเขา...ที่เราคิดว่าพิการและไร้สมรรถภาพ...
มันมีบางอย่างที่เหนือกว่าเราอยู่...บางทีก็ค้นพบว่าเขาคิดนำเราไป
และจดจำอะไรๆได้ละเอียดกว่าเรามาก...เก็บรายละเอียดบางอย่างได้มากกว่าเรา
เพียงแต่การสื่อสารระหว่างเรากับเขามันจูนได้บ้างไม่ได้บ้างเท่านั้นเอง
บางครั้งเราก็ต้องยอมยกธงขาวให้กับเขา...^^

ซึ่งมันมีวิธีดูและวิธีดึงความสามารถของพวกเขาออกมาอย่างเป็นรูปธรรม
โยจะลองมานำเสนอในเรื่องนี้ค่ะ เผื่อว่าใครที่มีบุตรหลานเป็นออทิสติก
หรือรู้จักพวกเขาจะได้เข้าใจและช่วยเหลือพวกเขาได้ด้วยมุมมองที่อาจจะเปลี่ยนไป
จากเดิมก็ได้ค่ะ...^^

อันนี้หวังอยากให้บุคคลพิเศษเหล่านี้อยู่ร่วมกับคนอื่นๆในสังคมได้โดยไม่ถูกมองว่า
เป็น 'ตัวปัญหา'...^^

ปล. ตัวละครเพิ่มมีมาเรื่อยๆค่ะ…^^

(ตอบเมนท์คุณก้อนหินทีไรเป็นยาวเหยียดตลอดเลยค่ะ...เฮะๆๆๆ)


11.น้องเด็กหญิงรัศมี…เฮียก้อก็ดูเหมือนจะคิดถึงหนูนีลเหมือนกันค่ะ
ต้องมาดูค่ะว่ากลิ่นตุๆที่ว่านั้นมันจะใช่หรือไม่ใช่ ^^

12.คุณKim…น้าของเฮียก้อน่าสงสัยจริงๆค่ะ แต่เรื่องนี้โยจะไม่
โฟกัสไปที่ตัวบุคคล แต่จะโฟกัสไปตรงที่ความคิดและการกระทำ
เป็นอย่างๆไป…เพราะว่าคนเรามีทั้งดีและชั่วอยู่ในตัว ความคิดดี
และชั่วก็อยู่ปะปนกัน…ดัังนั้น สถานการณ์จึงเหมือนจะเป็นตัวเร่ง
ปฏิกิริยาเหล่านี้ให้ผุดเข้าผุดออก…^^

เรื่องแม่ของเฮียก้อกับชีวิตเฮียก้อนั้น มีเบื้องลึกเบื้องหลังจริงๆค่ะ
เพราะว่าตอนเปิดภาคแรก พ่อหนูนีลไปพบเฮียก้อตรงชายป่า
หน้าตาเนื้อตัวมอมแมม และแววตาไม่เป็นมิตรจนหนูนีล
ที่ได้เห็นครั้งแรกยังกลัว…ก่อนจะมีคนตามตัวเจอแล้วนำกลับบ้านเกิด
ตอนนั้นเฮียก้อแค่หกขวบ…ส่วนหนูนีลสามขวบ จากกันตอนเฮียก้อ
เก้าขวบ ส่วนหนูนีลก็หกขวบ…ยี่สิบสี่ปีถึงได้กลับมาใช้ชีวิต
ด้วยกันอีกครั้ง ^^

13.คุณพัชรี…ตัวเล็กทั้งสองน่าเอ็นดูน้าาาา…เดี๋ยวอ่านไปอ่านมา
อาจตกหลุมรักสองหนุ่มนี้ก็ได้นะคะ…อิอิ…
งานนี้คงต้องเอาใจช่วยให้เฮียหาเมียที่หายไปให้เจอแล้วล่ะค่ะ…เหอๆ
เผลอๆอาจอยู่อีกกาแลกซี่นึงก็ได้น้าาาา…อิอิ…

14.คุณcoonX3...ขอบคุณค่ะที่ยังอยู่ด้วยกัน...
ต้องรอติดตามกันต่อค่ะว่ามีอะไรอยู่ในก่อไผ่รึเปล่า...เพราะนอกจาก
จะมีหน่อไม้ในกอไผ่แล้ว มันยังมีอย่างอื่นนอนแผ่พังพานอยู่ด้วย...เหอๆ...
ใครหนอออออออ ^^




......สุดท้ายไม่ท้ายสุด.......

ขอให้มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ทั้งกายและใจกันถ้วนหน้าทุกท่านนะคะ

"เต่าโย"




yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ก.ย. 2558, 16:23:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ก.ย. 2558, 16:48:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 2439





<< โปรยปรายลงมา   รายชื่อตัวละคร ^^ >>
Furzan 5 ก.ย. 2558, 16:52:28 น.
ทีมซีร่าซีรีนนะจ๊ะวันนี้


สายลมแห่งรัก 5 ก.ย. 2558, 16:57:27 น.
ยังรู้สึกดีที่เฮียแก เป็นแบบนี้ มีหวัง หมดหวัง ขอยาวๆๆๆเลยนะคะ


coonX3 5 ก.ย. 2558, 17:02:17 น.
เริ่มได้บทเรียนจากอดีตที่ละคนแล้ว ได้ทีมสืบชั้นเยี่ยมอย่างนี้ อาจจะได้ข่าวดีๆเร็วนี้ก็ได้ เชื่อเสมอว่านางเอกยังอยู่ แต่พี่ก้อควรจะได้รับบทเรียนต่อไป


kaelek 5 ก.ย. 2558, 17:08:11 น.
อ่านตอนนี้แล้วใจมา ความหวังเกิด "ศรัทธาต้องมี" ชอบคำนี้จัง


ตุ๊งแช่ 5 ก.ย. 2558, 17:30:37 น.
ตีแตกคำใบ้ที่1......

ยิงโดนคำใบ้ที่2....

กำลังคิดถึง หน้ากาก... ผิวหนัง ผิวหน้า....ประมาณนี้...


แว่นใส 5 ก.ย. 2558, 19:34:25 น.
สองเชคแฝดมีความสามารถพิเศษอะไรมาช่วยพ่อน๊า


พัชรี 5 ก.ย. 2558, 20:38:23 น.
ว้าย!!!! ทำให้พี่ก้อมีฟามหวัง
ทำให้คนอ่านยิ่งหวังใหญ่เลย
จริงๆแล้วออทิสติก ก็เป็นอัจฉริยะพวกนึงไม่ใช่หรือ? คล้ายๆกะฉลาดมากเฉพาะทางอ่ะ
เจ้าแฝดก็น่ารักจริงแหละ


Sorra 5 ก.ย. 2558, 22:56:03 น.
ฮ่าาา เริ่มและ ๆ ความหวังมา แล้วก้อดับ แล้วก็สร้างความหวังไว้ใหม่ต่อ ยอดไปเล้ยยยย นักอ่านก็ยังมีความหวังเสมอค้า ว่าพี่นีลยังคงมีชีวิตอยู่ หูยยย พี่เต่าเจ๋งเป้งเลยอ้ะ แต่งเก่งที่สุดดด บิ้วอารมณ์แบบมาได้ทุกฟีลเลอออ ว่าเเต่พีเต่าโยทำงานอะไรหรอค้ะ ? เห็นพี่อ้ะ เก่งครบทุกด้านไปเล้ยยยยยย อิอิ๊


mottanoy 5 ก.ย. 2558, 23:57:36 น.
ตอนนี้กลับมารักคนเขียนเหมือนเดิมและ


เด็กหญิงรัศมี 6 ก.ย. 2558, 22:19:28 น.
รอออร้อออรอ
ว่าเมื่อไหร่จะอัพอีกตอน

แต่พออัพเท่านั้นแหละ
ไม่กล้าอ่าน กลัวจบ อิอิ ><

\\อยู่ทีมพี่ก้อค่า//


นาฬิกาสีรุ้ง 7 ก.ย. 2558, 20:37:48 น.
ทีมเฮียก้อมานานนน รักเฮียก้อๆๆ
ความหวังมันเริ่มมีขึ้นมาแล้วสิ

ไม่ได้เม้นหลายตอน กลับมาแล้วน่ะครัชชช ^^
#คิดถึงนู่นีลลล กับ เบบี๋ (มโนก่อนล่ะกันนร)


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account