~ สายใย .. ไฟรัก ~
~ สายใย .. ไฟรัก ~


เส้นสายใย .. ใครกันหนอ .. ที่ทอถัก
เส้นสายรัก .. ใครจักสาน.. ขานคำขอ
เส้นทางเดิน .. ใครเหินห่าง .. ต่างเฝ้ารอ
ไฟรักพอ .. ต่อหัวใจ .. ให้อุ่นอิง




เธอ .. คือ เพื่อนสนิทของน้องสาวเพื่อนรัก

เขา .. คือ ผู้บริหารโรงแรมจอมเผด็จการ แต่กลับเป็นเพื่อนรักพี่ชายของเพื่อนสนิท

ทว่า ..

เธอ .. ในสายตาของเขา .. คือ คนอวดดี ยโส ที่ใช้เพื่อนเป็นทางผ่านไปสู่ความสำเร็จของตัวเอง

เขา .. ในสายตาของเธอ .. คือ ผู้ชายไร้เหตุผล เอาแต่ตนเองเป็นใหญ่

ที่สำคัญเหนืออื่นใด .. ทั้งเธอและเขา .. กำลังตกหลุมรักคนที่ไม่ควรจะรัก!




***************************
Tags: ความรัก ครอบครัว เพื่อน

ตอน: ใยเส้นที่ 16 .. เพิ่งรู้และเข้าใจ




เวหาตั้งใจไว้แต่แรกแล้วว่า วิริยา ไทยทัวร์ สาขากรุงเทพฯ คือเอเจนซี่รายสุดท้ายที่จะแวะเวียนมาเยี่ยมเยือน และเนื่องด้วยความสัมพันธ์สนิทชิดเชื้อฉันเครือญาติ ทำให้หญิงสาวต้องการใช้เวลาที่เหลือ พูดคุยกับเจ้าของเอเจนซี่รายนี้ในเรื่องส่วนตัวบางประการ

แต่โชคของเวหาไม่ค่อยดีนัก เพราะวิริยาบังเอิญติดภารกิจต้องกลับเชียงใหม่กะทันหัน เธอจึงพบเพียงผู้ช่วยผู้จัดการสาขาที่กรุงเทพฯเท่านั้น

เมื่อโอกาสไม่อำนวย หญิงสาวก็ได้แต่ทอดถอนใจที่ไม่สามารถช่วยศิราได้อีกทาง เพราะหวังไว้ไม่น้อยว่า ถ้าเธอได้พบกับวิริยาอาจจะพอเลียบๆเคียงๆถามเรื่องของฉัททันต์ดูบ้าง ถึงสาเหตุแห่งความหมางเมินเหินห่างจนเพื่อนรักเป็นทุกข์

เวหาจัดการเรื่องงานได้ครบถ้วนตามแผนและกรอบเวลาที่กำหนด น่าเสียดายอยู่บ้างที่ไม่ได้พบสองสาวรุ่นน้องคนสนิท ซึ่งวันที่เธอขึ้นมากรุงเทพฯ ตรงกับวันที่พายพัดและมัสลินนำทริปล่องใต้พอดี

"เฮ้อ .. ไม่ได้อะไรสักอย่าง นอกจากงานจริงๆ"

"บ่นอะไรลูก .. แล้วเมื่อไหร่พี่ชายเราจะกลับบ้านบ้างเนี่ย หืม"

คุณเวหนเดินผ่านมาได้ยินเสียงพึมพำของบุตรสาวพอดี จึงหยุดถามไถ่แล้วก้าวเข้ามานั่งเคียงกันบนเก้าอี้บุนวมตัวใหญ่ ที่เวหาทิ้งกายเอนกึ่งนั่งกึ่งนอนแทบจะมองไม่เห็นถ้าไม่เดินอ้อมมาดู

"สงสัยพ่อคงต้องลงไปดูงานเองบ้างเสียแล้ว พอยกงานให้เจ้าลูกชาย ก็ขลุกอยู่แต่ที่เกาะไม่มาหาพ่อหาแม่เลย ส่วนลูกสาวขึ้นมาได้ก็เพราะงาน แล้วเพิ่งจะหยุดพักผ่อนอยู่กับบ้านได้แค่วันเดียว ยังไม่วายคิดถึงเรื่องงานอีกหรือลูก"

"โธ่ คุณพ่อขา .. ฟ้าก็แอบอู้นี่ไงคะ งานเสร็จหมดแล้วถึงยังไม่รีบกลับ เพราะฟ้าเองก็คิดถึงคุณพ่อคุณแม่จะแย่"

เวหาขยับตัวโอบวงแขนเข้ารอบเอวที่เริ่มหนาเกินมาตรฐานของบิดา พูดจาออดอ้อนเอาใจคุณเวหนจนอดยิ้มขำไม่ได้ หากก็มากด้วยความสุขที่รู้ว่า ทั้งเพลิงกัลป์และเวหา สามารถบริหารงานแทนเขาได้อย่างดี

อดีตนายทหารเรือแห่งราชนาวีเหมือนจะนึกอะไรได้ จึงชวนคุยถึงใครบางคน พร้อมสังเกตปฏิกิริยาหญิงสาวที่กอดเขาไว้แน่น ซึ่งมันสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วในนาทีนั้นเลยทีเดียว

"เออ .. วันก่อนนายทัตเขาแวะมาหาพ่อที่บ้าน น่าเสียดายที่ฟ้าออกไปข้างนอกเลยไม่ได้เจอกัน นี่ลูกไม่ได้บอกเขารึว่าตอนนี้มาเรื่องงานที่กรุงเทพฯ"

"หึ .. ทำไมฟ้าต้องบอกด้วยล่ะคะคุณพ่อ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกันสักหน่อย"

ได้ฟังคำตอบจากน้ำเสียงตีรวน ที่เจ้าตัวหมายฝากไปถึง 'นายทัต' กับกิริยาคลายอ้อมแขนฉับพลันของหญิงสาว .. ทำไมคนเป็นพ่อจะไม่รู้ว่า มันเจืออารมณ์ชนิดใดในการแสดงออกเช่นนี้ ท่านเห็นอาการดังว่าก็หยั่งท่าทีซ่อนนัยยะแนบเนียน

"มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า ถ้ามีก็คุยกันให้รู้เรื่อง คุยกันให้เข้าใจสิลูก .. หุ้นส่วนกันยังต้องคบหากันอีกนาน"

"ไม่มีหรอกค่ะ .."

คุณเวหนเลิกคิ้วกับคำปฏิเสธรวดเร็วของลูกสาว ไม่นานที่มุมปากของท่านก็มีรอยยกยิ้มรู้ทัน .. ลองสะบัดเสียงตอบว่า ไม่มีแบบนี้ ร้อยทั้งร้อยมีแน่นอน

"ไม่มีก็ดีแล้วลูก .. วันนี้พ่อเชิญนายทัตกับพ่อเขามากินมื้อค่ำที่บ้านเรา ฟ้าจะได้ไม่อึดอัดใจ"

เสียงบอกกล่าวของบิดา ทำเอาเวหาต้องหันขวับมามองอย่างคาดไม่ถึง แต่ก็ไม่อาจหยั่งรู้ความคิดของคนที่ลุกขึ้นยืน แล้วก้มลงมองสบตากับเธอด้วยนัยน์ตาฉายแววเอ็นดู

"น่าเสียดายที่ภรรยาของคุณชัยทัตไม่ได้มา ไม่อย่างนั้นคงได้คุยกันพร้อมหน้าพร้อมตาเสียที"

คำบอกเล่าธรรมดาที่เวหารู้สึกได้ว่าไม่ธรรมดาดังที่คุณเวหนพูด ทำให้เธออดคิดไม่ได้ว่า รัศมิทัตกำลังคิดอะไร และต้องการอะไรกันแน่

ขณะที่หญิงสาวพยายามรักษาระยะ ชายหนุ่มรุ่นน้องก็พยายามเข้ามาใกล้ๆ

แต่ไม่นานมานี้ เธอคิดจะลดทอนความห่างด้วยการค่อยๆก้าวเข้าหา กลายเป็นว่า เขายอมยุติทุกอย่างระหว่างกันด้วยตัวของเขาเอง

ปัญหาของเวหาที่เคยคิดว่า ยอมรับความแตกต่างเรื่องอายุได้ยาก พอตัดสินใจได้ว่าจะลองปล่อยวาง แทนที่ความสัมพันธ์จะดีขึ้น มันกลับตกอยู่สภาวะแช่แข็งมาจนถึงป่านนี้

เธอจึงไม่เข้าใจ .. เพราะอะไรรัศมิทัตจึงอยากจะมาวนเวียน วุ่นวายกับครอบครัวของเธออีก ..

ทำไม?



หลังจากคุณเวหนปลีกตัวออกมาแล้ว ก็รีบสาวเท้าเดินดุ่มไปปรึกษากับคุณกัณหาทันที ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยในตัวบุตรสาวเพียงคนเดียว

ท่าทางหมกมุ่นครุ่นคิดของเวหา จึงอยู่ในสายตาของบิดามารดาอย่างไม่ต้องสงสัย

"ดูคุณพี่จะลุ้นลูกชายหุ้นส่วนเหลือเกินนะคะ"

"ก็ไม่มีอะไรเสียหายนี่ หรือว่าเธอไม่ชอบนายทัต"

สองสามีภรรยามองหน้ากัน เมื่อต่างฝ่ายต่างถามตอบตรงไปตรงมา

"เท่าที่ได้รู้จัก ตาทัตก็ดูเป็นเด็กดี มีสัมมาคารวะ หน้าที่การงานก็รับผิดชอบได้ดี ทั้งๆที่เพิ่งเรียนจบมาไม่นาน .. แต่ .."

"ข้อดีที่เธอยกมามีไม่น้อย ก็ยังมีแต่ .. จนได้นะ"

คุณกัณหาเหลือบมองสามี ไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกไปอย่างใจคิด

"ค่ะ ข้อดีของตาทัตน้องยอมรับ แต่เราก็ไม่ควรข่มเขาโคขืนนะคะ .. อีกอย่างคุณพี่อย่าลืมสิว่า ยัยฟ้าของเราน่ะ โตกว่าเขาหลายปี .. ใครเขาจะมอง จะคิดยังไง"

คุณเวหนเหลียวมองภรรยา ผู้ที่ไม่ว่าเขาจะเผชิญทุกข์ยากสาหัสเช่นไร ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่เคยทอดทิ้ง หากยังอยู่เคียงข้างเป็นแรงใจ เป็นคู่คิดเสมอมา

อดีตผู้การทหารเรือเห็นจริงกับข้อท้วงติงของคุณกัณหา แต่ปัจจุบัน สังคมก็เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ตามกาลเวลา เรื่องแบบนี้ใช่ว่าจะไม่เคยมี ไม่เคยเกิดขึ้นเลย

"จะไปสนใจเสียงนกเสียงกาทำไม อีกอย่างอายุห่างกัน ๒-๓ ปี ก็แทบไม่ได้มีความแตกต่างกันเลย นอกเสียจากว่า เด็กๆเขาไม่ได้มีใจให้กัน เราก็คงไปกำหนดกฎเกณฑ์อะไรให้พวกเขาไม่ได้"

"อะไรนะคะ คุณพี่กำลังจะบอกว่า ยัยฟ้าก็ .."

"ลูกของเรา เราเลี้ยงมา .. รึว่า เธอดูไม่ออก ว่าลูกเป็นยังไง"

"เฮ้อ .. น้องเป็นแม่ น้องยังคิดมากแทนลูก .. แล้วนี่เป็นเรื่องอนาคตของยัยฟ้า คุณพี่คิดหรือคะว่า ลูกจะไม่คิดมากเหมือนกัน"

คุณกัณหาระบายลมหายใจ ด้วยตระหนักถึงนิสัยของลูกสาวได้ดี แต่ว่าเรื่องนี้ เธอคงจะคิดและตัดสินแทนใครไม่ได้ นอกจากความเป็นห่วงกังวล

"ถึงลูกเราจะคิด แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่ยึดติดกับปากคน เราจะต้องไปทุกข์ร้อนก่อนทำไมล่ะ เอาไว้ถ้าสิ่งที่ฉันดูมันไม่ใช่ ไม่เป็นไปอย่างที่คิด นั่นก็เพราะลูกเรากับลูกเขาเป็นได้แค่คนรู้จัก ไม่ใช่คนที่เกิดมาคู่กัน"

คุณเวหนพูดพลางประคองคุณกัณหามานั่งลงบนโซฟาห้องนั่งเล่น แขนวางพาดโอบบ่าและใช้มือบีบต้นแขนภรรยาเบาๆ จนเธอต้องเงยหน้ามอง เมื่อสามีเปรียบเปรยมาถึงท้ายประโยค

"เหมือนกับเรา หรือเปล่าคะ"

น้ำเสียงถามอ่อนๆคล้ายไม่มั่นใจของคุณกัณหา เรียกรอยยิ้มอ่อนโยนจากคุณเวหนอีกครั้ง ก่อนที่ท่านจะโอบกอดให้กระชับขึ้น แทนคำตอบในข้องสงสัยทั้งปวง





รัศมิทัตเดินวนไปเวียนมาอยู่หลายรอบ เสี่ยชัยทัตก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับเข้าบ้านเสียที มันทำให้รู้สึกใจคอไม่ดีนัก เกรงว่าจะไปไม่ทันนัดอาหารค่ำในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า

เรื่องของเรื่องเป็นเพราะชายหนุ่มกระวนกระวายใจ หลังจากพายพัดส่งข่าวมาเมื่อสามวันก่อนว่า เวหาขึ้นมาทำธุระที่กรุงเทพฯ แถมเพื่อนสาวคนสนิทยังทิ้งท้ายให้หงุดหงิดเล่นด้วยว่า

'จะปรับความเข้าใจ หรืออะไรก็รีบๆทำนะทัต .. เกิดพี่ไฟรู้ว่าไปทำพี่ฟ้าร้องไห้ แล้วหาคนช่วยปลอบขึ้นมา จะหาว่าพายไม่เตือน'

ใจหนึ่งก็อยากเถียงเพื่อน ว่าไม่ใช่มีแต่สาวรุ่นพี่หรอกที่ร้องไห้ .. เขาก็ช้ำชอกไม่แพ้กัน

เมื่อเช้าที่โทรศัพท์ไปหาพายพัดอีกครั้ง เขาเพียงอยากได้แรงหนุนจากเพื่อน แต่ไม่ได้เล่าเรื่องที่ไปเสียท่า บวกกับเสียหน้าที่บุ่มบ่ามวันก่อน โดยหวังแค่ว่าจะได้เจอหญิงสาวรุ่นพี่บ้างก็ยังดี แต่เขากลับได้พบแต่คุณลุงเวหนและคุณป้ากัณหาเท่านั้น ดีหน่อยที่ท่านทั้งสองไม่ได้ติดใจอะไรมาก เพราะเขายกเรื่องงานขึ้นมาเป็นข้ออ้างได้ทัน

แต่ก็ยังอดชะเง้อชะแง้แลหาเป้าหมายไม่ได้ จนผู้ใหญ่ดูออกและบอกให้ทราบโดยไม่ต้องถาม ทั้งยังออกปากเชื้อเชิญไปรับประทานอาหาร 'พร้อมหน้าพร้อมตา' ระหว่างสองครอบครัว

รัศมิทัตเข้าใจความหมายในคำพูดของคุณเวหน ซึ่งสื่อออกมาชัดเจนว่า ท่านเปิดทางให้แก่เขาเต็มที่ และพอนำเรื่องนี้มาบอกเสี่ยชัยทัต ก็ยิ่งได้รับการสนับสนุนอย่างออกหน้าออกตา

ติดก็ตรงที่ .. ทำไมจนป่านนี้บิดาของเขายังไม่มานี่ล่ะ

ความใจร้อนทำให้ต้องต่อสายติดตามตัวเสี่ยชัยทัต เพราะกลัวว่าทุกอย่างที่ตั้งใจจะพังครืนลงมา

"ป๊า .. อยู่ไหนเนี่ย นัดทานข้าวมันวันนี้นะป๊า .. ลืมหรือครับ"

"บ๊ะ .. ไอ้ลูกคนนี้ ป๊าไม่ได้ลืม แต่งานยังไม่เสร็จโว้ย .. แกนั่นล่ะ ทำไมไม่เข้าออฟฟิศมาช่วยป๊า ห๊ะ! .. ถ้ากลัวไม่ทันแกก็ไปบ้านพี่เวก่อนเลยไป แล้วบอกด้วยว่า ป๊าจะตามไปให้ทัน"

เสี่ยชัยทัตส่งเสียงโวยวายไม่ไว้หน้า หากแต่เข้าใจดีที่รัศมิทัตดูจะเจ้ากี้เจ้าการเรื่องเวลามากกว่าที่ควร มาจากสาเหตุใด ก็แล้วทำไมเขาจะไม่เปิดโอกาสให้ลูกชายได้ทำตามใจปรารถนาเล่า

"งั้น .. ผมไปรอป๊าที่บ้านคุณลุงเลยนะครับ"

"เออๆ .. แล้วอย่าไปหาเรื่องกับลูกสาวเขาอีกล่ะ"

บิดาสั่งความจบก็หัวเราะลั่นให้กับชั้นเชิงอันอ่อนด้อยของบุตรชาย เรื่องนี้ถือเป็นอีกความรื่นรมย์ที่ได้พูดคุยกับคุณเวหน หลังจากเห็นเค้าลางเรือล่มในหนอง เผื่อจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน .. มาหลายปี

รัศมิทัตเม้มปากไม่กล้าต่อความยาวสาวความยืดให้เข้าตัว เขารอให้บิดาหัวเราะจนพอใจจึงตัดบทร่ำลา พร้อมกับส่ายศีรษะไปมาเบาๆ ราวสมเพชตัวเอง

พลาดครั้งเดียวนี่ .. ใครต่อใครก็พากันซ้ำเติมเขาไม่หยุดไม่หย่อนเลย ให้ตายสิ






แม้ว่ารัศมิทัตจะมาถึงบ้านเจ้าภาพก่อนเวลาร่วมสองชั่วโมง แต่ก็ใช่ว่าจะได้พบหน้าเวหาทันที นับจากนี้เขาคงต้องอดทนรอ ไปจนเกือบทุ่มครึ่ง อันเป็นเวลานัดหมายร่วมโต๊ะอาหารมื้อค่ำ

เกือบครึ่งชั่วโมงแรกจึงหมดไปกับการทักทาย สนทนาพูดคุยกับคุณเวหนและคุณกัณหา แน่นอนว่า ชายหนุ่มได้บอกกล่าวถึงเสี่ยชัยทัตตามที่บิดาฝากไว้เรียบร้อย

หนนี้สถาปนิกหนุ่มเตรียมตัวมาดีกว่าวันวาน อาการหลุกหลิกเหลียวหน้าแลหลังไม่มีให้ผู้ใหญ่เห็น นอกจากเรื่องงานและเรื่องสัพเพเหระฆ่าเวลา

กระทั่งคุณกัณหาขอตัวเข้าครัวเพื่อดูความพร้อมของอาหาร ห้องนั่งเล่นจึงมีเพียงคุณเวหนและรัศมิทัต

"ไปหลาน .. ไปคุยกับลุงที่ห้องทำงาน"

"ครับ"

ความจริงจังในน้ำเสียงของเจ้าบ้าน หาได้สร้างความตื่นเต้นแก่ชายหนุ่มไม่ เพราะเขารู้สึกได้ว่า มีความกังวลบางอย่างแทรกอยู่ในน้ำเสียงนั้น

หลังจากรัศมิทันก้าวตามมาจนถึงประตูห้องทำงาน ซึ่งมันถูกเปิดและปิดลงในเวลาไม่กี่นาที คุณเวหนก็ถามขึ้นอย่างไม่รอให้ใครได้นั่งให้เรียบร้อยเสียก่อน

"ช่วงนี้ งานยุ่งมากไหม .."

"นิดหน่อยครับ ยังมีโปรเจ็คท์ที่ต้องแก้ค้างอยู่ กับงานตกแต่งภายใน .. คุณลุงมีอะไรหรือเปล่าครับ"

"อืม .."

เสียงตอบรับในลำคอราวกำลังใคร่คราวญความคิดเงียบๆ ยิ่งก่อความสงสัยให้เกิดขึ้นไม่ยาก แต่รัศมิทัตก็เลือกที่จะรอฟังมากกว่าถามทะลุกลางปล้อง ครู่เดียวหุ้นส่วนธุรกิจคนสำคัญของเสี่ยชัยทัตก็เอ่ยเข้าเรื่องไม่รีรอ

"ทัตพอรู้ใช่ไหมว่า การทำธุรกิจที่ลาลัล ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ง่ายเสียทีเดียว"

"ครับ"

"ตอนนี้ลุงอยากหาคนที่ไว้ใจได้ ลงไปช่วยนายไฟ .."

รัศมิทัตขมวดคิ้วเรียวส่งผลให้มันยิ่งเฉียงขึ้นชัดเจน ดวงตาฉายประกายเจิดจ้าเหมือนกำลังได้ฟังความลับที่ผู้เล่าไม่ต้องการแพร่งพราย

"ถ้าเป็นเรื่องงาน ผมมั่นใจว่าพี่ไฟกับคุณฟ้า ไม่จำเป็นต้องมีใครช่วย แต่ที่คุณลุงออกปากแบบนี้ .. มีอะไรนอกเหนือกว่านั้น .. สินะครับ"

คุณเวหนยิ้มกว้างชอบใจในความเท่าทันของชายหนุ่ม พอๆกับการสื่อความคิดตามความรู้สึกออกมาในคราวเดียวกัน

"อาจจะมีรึไม่มีอะไรก็ได้ แต่ลุงก็อยากเตรียมพร้อมไว้ก่อน เผื่อว่าบางที หากมีอะไรยุ่งยาก มันจะได้ไม่เงียบหาย โดยที่กว่าจะรู้เรื่องก็สายเกินไป"

"คุณลุงหมายถึงที่เกาะ .. กำลังมีปัญหาหรือครับ .. แล้วคุณฟ้า?"

"ลุงถึงอยากได้คนที่ไว้ใจได้ .. ที่สำคัญต้องกลมกลืนกับที่นั่น และทัตคือคนที่ลุงอยากจะอาศัยไหว้วาน เพราะอย่างน้อย หลานก็เคยลงไปคุมงาน คลุกคลีกับผู้คนที่นั่นจนคุ้นหน้าคุ้นตา"

ชายหนุ่มตั้งใจฟังพลางพยักหน้ารับทราบ แต่ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่า รู้ค รีสอร์ท แอนด์ สปา กำลังเผชิญปัญหาอะไรกันแน่ ที่ทำให้อดีตนายทหารเรือนอกราชการก่อนเกษียณ ต้องกังวลใจอย่างที่น้อยคนนักจะได้เห็น

ผู้สูงวัยกว่ามองอีกฝ่ายทุกอิริยาบถ ก็เข้าใจความคิดของบุตรชายหุ้นส่วนคนสำคัญ ว่าจะต้องสงสัยในสิ่งที่พูดคุยกันอยู่ขณะนี้

"เอาไว้ให้ลุงเช็คข่าววงในอีกทีให้มั่นใจมากกว่านี้ .. ถ้ามันตรงกับที่นายไฟบอกมา ลุงคงต้องรบกวนหลานจริงๆ"

"ครับ .. ผมจะเคลียร์งานทางนี้ให้เร็วที่สุด แต่ก็หวังว่าจะไม่มีเรื่องร้ายแรงนะครับ"

คุณเวหนลอบสังเกตท่าทีของรัศมิทัต ที่รับฟังทุกคำพูด ไม่เพียรถามซักไซ้ไล่เลียงหรือขัดจังหวะ แต่รู้คิดว่าควรวางตนอย่างไร จึงไม่แปลกนักหากคนที่คุ้นชินกับการออกคำสั่งเยี่ยงนายทหาร จะพอใจกับความพร้อมในการรับรู้ของชายหนุ่มและน่าจะนำไปปฏิบัติได้ตรงตามวัตถุประสงค์

"ขอบใจมากนะ .. เอาล่ะ ใกล้ได้เวลาแล้ว ออกไปรอคุณชัยทัตกันดีกว่า"

ประมุขของบ้านอาณารักษ์คลี่ยิ้มมุมปาก แต่อาคันตุกะหนุ่มก็รับรู้ได้ถึงความโอบอ้อมอารีที่ท่านมีให้ได้เป็นอย่างดี และเมื่อออกมาข้างนอก พวกเขาก็พบบุคคลที่กำลังรออยู่จริงๆ




เวลา ๑๙.๓๐ น.โดยประมาณ คุณเวหน คุณกัณหา และเวหา เจ้าภาพ กับฝ่ายผู้ได้รับเชิญคือ เสี่ยชัยทัตและรัศมิทัต ก็มาพร้อมกันยังโต๊ะอาหารที่ได้จัดสรรไว้อย่างดี รวมถึงการจัดตำแหน่งที่นั่งอันเหมาะเจาะ ทำให้สถาปนิกหนุ่มสามารถหมั่นมองไปยังที่นั่งตรงข้ามได้บ่อยครั้ง แต่หญิงสาวกลับไม่ยอมรับรู้หรือเงยหน้าสบตากับเขาบ้างเลย

นอกจากหัวข้อสนทนาในเชิงธุรกิจที่ผู้ใหญ่พูดคุยพอได้อรรถรส ก็มีการถามไถ่ถึงบุคคลที่รู้จักมักคุ้นซึ่งอยู่ในแวดวงเดียวกัน จนมาปิดท้ายด้วยเรื่องราวคนกันเองที่ยังรับราชการทหารในกองทัพเรือ ณ เวลานี้

"พูดไปก็ไม่น่าเชื่อนะคะ ตอนที่เราต้องปล่อยมือจากฟินิกซ์ คิดว่ามันคงจะต้องตกเป็นของคนอื่นเสียแล้ว แต่พอได้ตาตามพ์กับท่านเจ้ากรมฯมาช่วย ดิฉันก็โล่งใจ อย่างน้อยก็ได้คนกันเองรับช่วงดูแลต่อ"

"ไม่แค่นั้นนะคุณชัยทัต ท่านเจ้ากรมฯเขาโชคดีกว่าผมมาก เพราะไม่ว่าจะทางธุรกิจรึทางการทหาร เขาก็มีทายาทสืบทอดทุกทาง"

"พี่เวกำลังหมายถึงตากรี .. ลูกชายของยาหรือเปล่านั่น"

เสี่ยชัยทัตเอ่ยขึ้นอย่างรู้กันดี เพราะไม่ใช่เรื่องปิดบังอย่างแต่ก่อน และด้วยความสนิทสนมเป็นเพื่อนกับวิริยามาเนิ่นนาน ทำให้เขารับรู้เรื่องของหญิงสาวผู้เข้มแข็งคนนั้นเป็นอย่างดี

คุณเวหนอดภูมิใจในตัวบุตรชายของพล.ร.ต.กรินทร์ นายทหารรุ่นน้องไม่ได้ จึงเล่าเสริมความเท่าที่รับทราบมาให้ผู้ร่วมโต๊ะอาหารได้ฟัง

"แว่วๆว่าติดยศนาวาตรีแล้วด้วยสิ .. แต่แทนที่จะได้เป็นผู้การเรือทางนี้ กลับต้องไปประจำที่ นรข. ดูแลทางน่านน้ำโขงโน่น .. เอาเถอะยังมีเวลาอีกนาน"

"นั่นล่ะค่ะ .. คนกันเองจริงๆเลย นับตั้งแต่ชั้นพ่อมาถึงชั้นลูก .. รุ่นพ่อเป็นเพื่อนรักกันมายังไง รุ่นลูกก็เป็นยังงั้น พันธุกรรมนี่ท่าจะส่งต่อกันได้จริงๆ"

คำพูดของคุณกัณหาเรียกเสียงหัวเราะได้จากทั้งคุณเวหนและเสี่ยชัยทัต แต่สำหรับรัศมิทัตที่เฝ้ามองเวหาอยู่ตลอดเวลา เรียกว่าแทบไม่คลาดสายตา มันทำให้เขาทันได้เห็น แววไหววูบสะท้อนในดวงตาคู่วับวาวนั้น กอปรกับอากัปกิริยาให้สนอกสนใจเป็นพิเศษในตัวบุคคล ที่กำลังอยู่ในหัวข้อสนทนาขณะนี้มากกว่าอื่นใดทั้งหมด

ความรู้สึกของชายหนุ่มสะดุดกึกทันที พลันเปลี่ยนเป็นนิ่งงันกับปฏิกิริยาของหญิงสาวที่เขารู้ตัวนานแล้วว่า มีใจให้เธอ!

จู่ๆอาการชาหนึบก็แล่นปราดเล่นงานรัศมิทัตอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่คงไม่เร็วเท่ากับความคิดบางอย่างวาบผุดขึ้นในสมอง ตามมาด้วยการเต้นผิดจังหวะของหัวใจที่เขารู้สึกได้ว่า มันสั่นระรัวเกินปกติ

คราวนั้น .. ที่ชายหนุ่มยังเป็นเพียงนักศึกษาปีที่ ๒ กำลังจะขึ้นชั้นปีที่ ๓ ต้องมาอยู่เกาะลาลัลชั่วคราวเพื่อคุมงานไซต์ก่อสร้าง รู้ค รีสอร์ท แอนด์ สปา แทนเสี่ยชัยทัต ระหว่างที่บิดาไม่สามารถลงมาดูแลเองได้

แล้วบังเอิญได้พบกับเวหาที่ริมชายหาด ซึ่งท่าทางของเธอบ่งบอกเขาชัดเจนว่า สภาพจิตใจไม่สู้ดีนัก เมื่อถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง .. เธอเผยความเศร้าให้เพื่อนของรุ่นน้องร่วมคณะรู้ ทั้งยังเปิดปากบอกไม่ปิดบังว่า เธอกำลังอกหัก

รัศมิทัตได้แต่รับรู้รับฟัง โดยไม่คิดถามสักครั้งว่า ผู้ชายคนไหน .. ใครกัน .. ที่หาญหักอกผู้หญิงดีๆอย่างเวหา

ไม่นานเรื่องราวหนหลังก็พร่าเลือนไปกับกาลเวลา เพราะตลอด ๔ ปีที่ผ่านมา รัศมิทัตคิดว่า ตนเองคือ ผู้ชายที่ใกล้ชิดกับเธอที่สุดเพียงคนเดียว .. นับแต่นั้น

กระทั่งวันนี้ .. ตอนนี้ ชายหนุ่มพอจะมองเห็นภาพอดีตรางๆจนชัดเจน ก่อนเข้าใจแจ่มแจ้งถึงเหตุผลของการปฏิเสธที่แล้วๆมาว่า หญิงสาวรุ่นพี่ที่เขาอดทนรอให้ตนเองเหมาะสมคู่ควรกับเธอ ..

ทำไมถึงได้ไม่ชายตาแลมองเขาเป็นอย่างอื่น มากกว่ารุ่นน้องบ้าง

ทั้งที่เรื่องนี้ รัศมิทัตน่าจะมีเพียงแค่ความสงสัย .. ไม่ควรปักใจเชื่อโดยที่ยังไม่ค้นหาความจริง

แต่จากสิ่งที่เห็นได้ด้วยตา รู้ได้ด้วยสัญชาตญาณ ว่าเวหามีท่าทีและความรู้สึกต่อ 'ตากรี' ต่างจากเขาอย่างสิ้นเชิง

มันยิ่งทำให้มั่นใจในคำตอบ ที่อาจผลักไสให้เขาจมลงสู่ก้นบึ้งความร้าวราน .. ในไม่ช้า

นั่นก็เพราะในใจของเธอ ยังมีคนที่ลืมไม่ลง .. มิหนำซ้ำ เป็นคนที่เขาไม่เคยคิดระแวงว่าจะอยู่ใกล้ตัวถึงเพียงนี้

คิดไม่ถึงเลยว่า 'ผู้ชายคนนั้น' คือพี่ชายของเพื่อนรักที่เขาเองก็รู้จักสนิทสนมมาเนิ่นนาน ..

เป็นพี่ชายคนเดียวของพายพัดที่ชื่อ .. ฉัททันต์












*********************************************




โปรดติดตามตอนต่อไป ..


ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม .. และขอขอบคุณสำหรับการกดไลค์ให้กำลังใจฮะ


คุณkaelek ... อาป่านจะมาสายไหนน้า ... อีกนิดเดียวก็จะทราบแล้วฮะ
คุณไฟตามเด็กไม่ทัน ตั้งท่าวางฟอร์มขนาดนั้น .. แต่อย่าให้แกรู้นะ 555



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ก.ย. 2558, 01:38:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ก.ย. 2558, 02:14:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 1140





<< ใยเส้นที่ 15 .. คืนนี้ จะมิใช่คืนสุดท้าย   ใยเส้นที่ 17 .. เจตนา หรือว่า เข้าใจผิด >>
kaelek 5 ก.ย. 2558, 07:32:30 น.
ถ้าคู่นี้กับคู่น้ำ เปิดอกคุยกันนะ ก็เข้าใจกันแล้ว ต่างคนต่างคิดและรู้สึกเองเลยเจ็บแบบนี้ไง ต้องพูดๆๆแบบเฮียไฟดิ 555 ยังทำให้ลินินขำเลย ไม่เศร้าด้วย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account