ความลับ (ที่) ซ่อนเร้น .. หรือจะเป็น ความรัก!(?)
คำถาม .. ที่มีคำตอบ
แต่คำตอบ .. กลับยังคงมากมายด้วยคำถาม

เพราะนิยามในคำหนึ่งคำนั้น
แฝงเร้นซุกซ่อนไว้ซึ่งความลึกลับ
ความซับซ้อนชวนสับสน รอยยิ้มปนเปื้อนคราบน้ำตา
เล่ห์เสน่หาหวานล้ำ และพร้อมจะนำความเจ็บปวดมาให้ .. ได้ทุกเวลา

.. หากว่ามันคือ ความรักที่มากล้น จนกลายเป็น .. ความลับ ! ..
Tags: ความรัก ความลับ

ตอน: บทที่ ๒๑ .. สัมพันธ์ อันซ่อนเร้น



เหมือนมีใครสักคนเงื้อมือที่ถือค้อนปอนด์ชูขึ้นสูงสุดเอื้อม แล้วฟาดมันลงกลางกระหม่อมขององก์อัมพุทรวดเร็วและรุนแรง ต่างกันก็เพียงแต่ค้อนนั้น คือคำพูดของเมฆพัดผู้เป็นพี่ชาย ที่กำลังสร้างบาดแผลที่เนื้อใน หาใช่บาดแผลภายนอก

เธอได้ยินไม่ผิดใช่ไหม ? .. ไม่ได้หูฝาดเฝื่อนกับคำๆนั้น .. กับประโยคที่ได้ยินแทบจะก้องไปทั้งหาดเมื่อครู่ว่า

.. เภาเป็นเมียพี่ .. และไม่แน่ว่าอาจจะกำลังมีลูกกับพี่ด้วย ..

เมฆพัด พี่ชายของเธอ กับ เภตรา คนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนรัก เพื่อนสนิทที่สุดในชีวิต ร่วมมือกันปิดบัง .. อำพราง .. ความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างกันของพวกเขาไม่ให้เธอรู้

และเธอก็ไม่เคยเฉลียวใจเลยสักนิด เพราะเชื่ออย่างจริงจังที่เพื่อนบอกว่า ความรักความชอบพึงพอใจในวัยแรกรุ่น .. มันจบไปแล้ว

ความเสียใจเอ่อท้น แต่มันยังไม่อาจเทียบได้กับความรู้สึกผิดหวัง .. ต่อความไว้เนื้อเชื่อใจที่เคยมี เท่ากับว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอถูกเพื่อนรักคนนี้ .. ทรยศ

ภาพจำและคำพูดของเภตราในอดีต หลั่งไหลย้อนคืนในความทรงจำให้รำลึก ..

'นั่นพี่ชายแกเหรอพุด .. น่ากิน เอ้ย น่าตาดีชะมัด ฉันจองตำแหน่งว่าที่พี่สะใภ้แกเลยนะ .. เพราะเขาจะเป็นสามีในอนาคตของฉัน'

'แกว่า ถ้าฉันบอกพี่พัดว่า ฉันชอบเขา .. ฉันพอจะมีหวังมั้ย พุด'

'พุด .. ฉันอกหักจากพี่ชายแกแล้ว .. เขาบอกว่า ไม่สนใจเด็กอย่างฉัน ฮือๆ'

'เป็นแก ฉันจะลืมรักครั้งแรกได้ไหมล่ะพุด ..'

'ถ้าเลิกคบกับแก .. ฉันก็อดรู้ความเป็นไปของอดีตว่าที่แฟนคนเดียวของฉันน่ะสิ ว่าตอนนี้เขายังโสด ยังไม่มีพันธะใดๆ'

'คนเรามันต้องมีความหวังนะ พุด .. แล้วตอนนี้ฉันไม่ใช่เด็ก ๑๘ ที่เดินไปบอกผู้ชายโต้งๆว่าชอบ อย่างที่เคยทำกับพี่แก'

พอนึกถึงสองสามประโยคท้ายๆ มันยิ่งแจ่มชัดก้องในโสตประสาท .. หญิงสาวจดจำได้ดีว่า เภตราเพิ่งเอ่ยปากบอกเธอ เมื่อไม่นานมานี้เอง

ทำไมนะ .. ทำไมเธอถึงโง่แบบนี้ .. องก์อัมพุท ก็เภตราพูดเป็นนัยบ่งชี้ชัดเจนอยู่ทนโท่ แต่เธอกลับไม่นึกสงสัยติดใจบ้างเลย

เพราะอะไร .. เพราะความเชื่อใจเพื่อนใช่ไหม?

เชื่อใจว่าเพื่อนรัก .. จะไม่โกหก ไม่หลอกลวง ไม่ปิดบังกัน!

คิดแล้วองก์อัมพุทก็ยิ่งเสียใจ .. ความเสียใจทวีเพิ่มขึ้นเท่าไร ความผิดหวังจึงกลับกลายเป็นแรงอารมณ์โกรธและเจ็บช้ำมากขึ้นเท่านั้น

"เมื่อไร .."

หญิงสาวบังคับเสียงไม่ให้สั่นเอ่ยเยียบเย็นกระด้าง ข่มฝืนกลืนก้อนสะอื้นลงไปในอก ด้วยอยากรู้ว่า พี่ชายและเพื่อนสมคบคิดกันลับหลังเธอมานานแค่ไหนแล้ว

"พุด .. ใจเย็นๆนะ ฉันอธิบายได้ แต่ .. ไม่ใช่ตอนนี้ .. ตรงนี้"

"ยังมีอะไรที่บอกไม่ได้อีกเหรอ .. เภตรา"

คำถามเชือดเฉือนขององก์อัมพุทบอกให้เจ้าของชื่อรับรู้ได้ถึง .. ความหมางเมิน และเย็นชา

ส่งผลให้หัวใจของเภตราจนวูบหล่นเหมือนลูกดิ่งทิ้งถ่วงความรู้สึก ชนิดที่แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยหนักอึ้งกับสิ่งใด เมื่อเทียบสิ่งที่กำลังเผชิญในขณะนี้เลย ราวกับมิตรภาพที่เคยมีมาจะขาดวิ่น .. พังทลายลงในไม่กี่นาทีข้างหน้า

ผู้ชายคนหนึ่ง ยืนจังก้าพร้อมเอาเรื่อง .. เพื่อทวงสิทธิ์ของเขา โดยไม่สนหน้าอินทร์พรหมยมยักษ์ .. หรือใครทั้งสิ้น

ผู้หญิงอีกคน .. เพื่อนรักเพื่อนสนิท .. พยายามทนฝืนกลั้นหยาดน้ำใสที่รื้นคลอครองไว้ไม่ให้ร่วงหยด มองตรงมาด้วยสายตาที่เภตรารับรู้ความรู้สึกได้ว่า .. องก์อัมพุทเจ็บปวดหัวใจไม่ต่างจากเธอ

"พุด .."

เภตราครางชื่อเพื่อนคล้ายวิงวอน อย่างมีความหวังว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจ และรอฟังความจริงจากเธอได้

"ถ้าเธอไม่บอกฉันตรงนี้ เดี๋ยวนี้ .. เราก็คงไม่มีความจำเป็นที่จะพูดกันอีก"

"ว่าไงล่ะ .. เภา"

เมฆพัดรู้ตัวว่า มีส่วนผิดอยู่ไม่น้อย แต่ตอนนี้เขายอมเป็นคนเห็นแก่ตัว เพราะเขาเองก็อยากรู้เหตุผล ที่เภตรากึ่งขอร้องกึ่งบังคับไม่ให้พูดเรื่องความสัมพันธ์ที่ซ่อนเร้นนี้กับใคร .. มันเป็นเพราะอะไรกันแน่

วิชชุ์วิธูซึ่งตกที่นั่งผู้อยู่ท่ามกลางสถานการณ์อันตึงเครียด ถึงกับเลิกคิ้วแปลกใจกับความเป็นนักฉกฉวยโอกาสของชายหนุ่มแปลกหน้า ที่เมื่อพิจารณาหลังจากสังเกตคำพูดโต้ตอบรอบข้าง ก็พอจะโยงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลทั้งสามได้ไม่ยากนัก

อดีตอาจารย์บรรณารักษ์ชำเลืองมอง และเกือบส่ายศีรษะไม่เห็นด้วยกับการกระทำของคนที่ได้ยินสองสาวเรียกตรงกันว่า 'พี่พัด'

หากเขายังดูไม่ออกว่า ถึงที่สุดแล้ว .. ใครคือคนที่น่าเห็นใจที่สุด




ท่ามกลางความสดใสของท้องฟ้า เคล้าเสียงคลื่นในวันหยุดพักผ่อนสุดสัปดาห์ แต่บรรยากาศรอบกายหนุ่มสาวทั้งสี่คนกลับดูอึดอัดอึมครึม คล้ายพายุหมุนกำลังก่อตัวพร้อมพัดพาสิ่งที่ขวางหน้าให้ราพณาสูร

องก์อัมพุทรอฟังคำตอบจากเภตรา จนลืมไปว่า พี่ชายของเธอก็ควรจะได้มีส่วนร่วมในคำอธิบายเช่นกัน ไม่ใช่มาเร่งเร้าเอาความด้วยอีกคน

"ฉัน .. ไม่เคยโกหก ไม่เคยปิดบัง .. แม้แต่ความลับในหัวใจ ฉันก็ยังกล้าบอกให้เพื่อนที่รักที่สุดรับรู้ .."

หญิงสาวเกริ่นย้อนรอยเรื่องตัวเอง อย่างคนที่ไม่สามารถทนรออะไรได้อีกต่อไปแล้ว .. ไม่สามารถยับยั้งความรู้สึกปวดร้าว ที่เกิดขึ้นจากการกระทำของ .. เพื่อน

"แล้วเธอล่ะ .. ที่ผ่านมา ฉันเป็นอะไรสำหรับเธอ .. เภตรา .. เธอถึงทำ .. กับฉัน .. แบบนี้ .."

ความอดทนไม่หลงเหลือ มันทรมานที่รู้สึกว่าตัวเองถูกหักหลัง .. พอคิดว่า ที่ผ่านมาคงเป็นแค่ตัวตลกโง่ๆ เท่านี้มันก็เกินกว่าที่เธอจะเก็บกลั้นไว้ได้ น้ำเสียงขาดหายเป็นห้วงแต่พยายามจะพูดให้จบ มันไม่ทันกับน้ำตาที่ทะลักทลายอาบแก้ม

"เธอจะคบ .. กับพี่พัด .. ฉันเคยห้าม .. เคยกีดกั้น .. เหรอ เภา .."

"พุด .. มันไม่ใช่นะ .. แกกำลังเข้าใจฉันผิด"

"ตรงไหน .. หรือแกชอบแบบนี้ .. สนุกที่ได้ปั่นหัวผู้ชาย"

ความคับแค้นใจขององก์อัมพุท แปรเปลี่ยนไปได้ไม่ว่าจะเป็นสรรพนามแทนตัว การแสดงคำพูดเกรี้ยวกราด แข็งกร้าวจนเภตราคาดไม่ถึง และดูเหมือนว่าความโกรธจะทำให้เหตุผลที่เคยมีลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ

แต่ก่อนที่เภตราจะได้อ้าปากปฏิเสธ องก์อัมพุทก็ตวัดสายตาไปทางเมฆพัด ทั้งนัยน์ตาของเธอพร่าละอองน้ำ จนทำให้เห็นหน้าพี่ชายไม่ชัด เอ่ยถามชนิดจี้ใจเมฆพัดและเภตราไปพร้อมกัน

"พี่พัด .. รู้หรือเปล่า ว่าผู้หญิงคนนี้ อีกไม่นานเขาก็กำลังจะหมั้น .. กับคนที่เพียบพร้อมกว่าพี่พัด .. อยากเป็นคนโง่แบบที่พุดเป็นอีกคนใช่มั้ย"

เมฆพัดยืนนิ่งเหมือนถูกตะปูตรึงที่เท้า สะบัดหน้าไปทางหญิงสาวอีกคนที่ได้แต่ตะลึงอ้าปากค้าง ก่อนเขาจะเห็นเธอยกมือขึ้นปิดไม่ให้เสียงอุทานเล็ดลอดออกมา

เภตราก็ไม่คิดว่า องก์อัมพุทยามโกรธจะฉุนเฉียวพาลพาโลเช่นนี้ แต่พอทบทวนทุกการกระทำของตน มันทำให้เธอเข้าใจเพื่อนอย่างถ่องแท้ .. รักมาก เชื่อใจมาก รวมถึงผิดหวังมาก .. ความโกรธย่อมมากตามเป็นเงา

เมื่อไร้คำแก้ตัวใดๆจากคนถูกกล่าวหา ก็เหมือนเมฆพัดเห็นการยอมจำนนต่อพยานบุคคล จากปากคำของน้องสาวที่เป็นเพื่อนสนิทใกล้ชิดกันมากที่สุด จึงยิ่งมั่นใจว่า การที่เขาไม่สามารถติดต่อเภตราได้ นั่นเพราะ ..

เธอกำลังจะทิ้งเขาไปกับ .. ผู้ชายคนอื่น?

ผู้ชายอีกคนนอกจากเขา จึงกลายเป็นเป้าหมายของเมฆพัดทันที ซึ่งก็ไม่ใช่ใคร .. คนที่ยืนสงบมีสีหน้าราบเรียบนิ่งสนิท ทำให้ขัดกับความรู้สึกร้อนรุ่มจนน่าโมโห

"นี่น่ะเหรอ .. ว่าที่คู่หมั้น"

"ผมว่า .. คุณกำลังเข้าใจอะไรผิดนะ .. สงบสติอารมณ์สักหน่อยดีมั้ย"

วิชชุ์วิธูเอ่ยเตือนสติอย่างใจเย็น หลังจากเฝ้าดูความเป็นไปของทุกคนราวละครฉากหนึ่งมานาน เขาคิดว่า ผู้ชายคนนี้ใจร้อนเกินไปจนจับประเด็นผิดๆ ..

เภตราเองก็ไม่ยอมคลี่คลายสถานการณ์ให้กระจ่าง เหมือนกับว่า ตกอยู่ในสภาวะน้ำท่วมปาก ไม่ก็กลัวอะไรบางอย่างจึงได้แต่เงียบ ยอมให้คนอื่นเข้าใจไขว้เขวจนอาจบานปลายได้

ทว่า คนที่เขารู้สึกเป็นห่วงที่สุดนี่สิ .. ก็ใครจะนึกว่า องก์อัมพุท .. ผู้หญิงอ่อนโยน น่ารักในสายตาเขา จะจุดเดือดต่ำกว่าที่คิด

"ใครกันแน่ .. คนสติดีเขาไม่มายุ่งกับเมียคนอื่นหรอก"

"พี่พัด!! .."

สองสาวร้องเรียกชื่อคนอ้างสิทธิ์พร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย หากแต่แตกต่างความหมายในน้ำเสียง

คนหนึ่งหวังปรามให้เลิกพูดแบบนั้นเสียที .. ส่วนอีกคนยังคงทำใจไม่ได้กับคำย้ำสถานะของเพื่อน ที่ไม่พร้อมยอมรับในตอนนี้

"เอาเป็นว่า คุณมีอะไรกับใคร ก็เคลียร์กันให้เข้าใจ .. หนูพุด ไปกับพี่"

วิชชุ์วิธูพูดเสียงเรียบพลางก้าวเดินเข้าหาองก์อัมพุท เขาเห็นทั้งความโกรธเคือง เสียใจ ผิดหวัง และสับสน ในแววตารื้นวาวหยาดน้ำตา แต่เพราะอารมณ์ฉุนเฉียวคงทำให้เธอลืมไปว่า ตัวเองก็กำลังร้องไห้ไปในเวลาเดียวกัน

องก์อัมพุทมึนงงกับคำสั่งของวิชชุ์วิธู เงยหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจ พร้อมกับเมฆพัดก็ส่งเสียงถามอีกคน

"คุณมีสิทธิ์อะไร มาบังคับน้องสาวผม"

"หึ .. ตอนนี้ คุณมีทางเลือกไม่มาก .. คิดให้ดี คุณมาทวงสิทธิ์อะไรกับใคร .. สิทธิ์ของความเป็นพี่ ที่ไม่ว่ายังไงก็เป็นของคุณตลอดชีวิต กับสิทธิ์ความเป็นสามี .. เท่าที่ดู ท่าทางจะคลอนแคลนเหลือเกิน .. เลือกเอา"

เมฆพัดเถียงผู้ชายตรงหน้าไม่ออกจริงๆ .. ยังไง องก์อัมพุทก็เป็นน้องสาวเข้าวันยันค่ำ แต่กับเภตรานี่สิ .. เขามีเรื่องที่ต้องคุย ต้องเคลียร์กันยาว .. โดยเฉพาะ เรื่อง 'ว่าที่คู่หมั้น' ที่เพิ่งได้ยิน .. เพิ่งรู้วันนี้เอง

เท่ากับปัญหาชีวิตที่รุมเร้าตอนนี้ .. ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจเลือกของเขาเอง

หนุ่มนักวิจัยตรองเพียงเสี้ยววินาที ชำเลืองไปทางวิชชุ์วิธูที่มองเขาอยู่ก่อนสบตากันตรงๆ อะไรบางอย่างบอกเขาว่า ผู้ชายคนนี้ไว้ใจได้มากพอ และพอที่จะฝากดูแลน้องสาว ซึ่งสภาพจิตใจกำลังเปราะบางและอ่อนแอในตอนนี้

ชายหนุ่มหันขวับมาทางเภตราแล้วคว้าข้อมือเธอ จับจูงอย่างบังคับกรายๆให้ก้าวตามไป แม้จะขัดขืนอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้นานต้องจำยอมเพราะสู้แรงกาย .. แรงใจของเมฆพัดไม่เคยได้สักครั้ง

เมฆพัดเปิดประตูรถดอดจ์รุ่นคลาสสิคฝั่งผู้โดยสาร ยืนคุมให้เภตราขึ้นไปนั่งอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ โดยที่ชายหนุ่มไม่อาจทราบเลยว่า เธอยอมไปเพราะต้องการให้เวลาตนเองด้วยเช่นกัน





องก์อัมพุทมองรถเก่าแต่ตกแต่งสะดุดตา ขับเคลื่อนจากไปโดยพี่ชายของเธอ และเขายังพาเภตราไปด้วย ทิ้งให้เธออยู่ที่ชายหาดตามลำพังกับวิชชุ์วิธู

หญิงสาวไม่เข้าใจอดีตอาจารย์ห้องสมุด ที่กันเธอออกมาจากปัญหาระหว่างเมฆพัดกับเภตรา .. พอๆกับที่ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเธอ

เมฆพัด .. พี่ชายที่ชอบทำตัวลึกลับซับซ้อน ไม่เคยพูดสักคำว่ามีแฟน จู่ๆก็มาประกาศตัวว่า มีลูกมีเมียแล้ว แถมใช่คนอื่นคนไกลกัน

เภตรา .. เพื่อนสนิทก็ทำตัวเป็นสาวโสดไม่ต่างจากเธอ เป็นที่ปรึกษารับฟังทุกข์สุข คอยปลอบโยนยามเศร้าโศกเสียใจ และกำลังจะมีคู่หมั้นคู่หมายในไม่ช้า

ใครจะทันฉุกใจคิดล่ะว่า เรื่องราวระหว่างพี่ชายและเพื่อน จะลมพัดหวนไปถึงไหนต่อไหนไกลเกินกู่ โดยที่องก์อัมพุทไม่รู้ความเป็นมาเป็นไป แม้แต่จะระแคะระคายก็ไม่มี

พอองก์อัมพุทมีเวลาสงบใจให้อารมณ์เย็นลง และใคร่ครวญสิ่งที่เห็น สิ่งที่รับรู้ตรงหน้าเมื่อครู่ ก็อดนึกเสียใจไม่ได้อีก ที่พึ่งที่หญิงสาวมองเห็นตอนนี้จึงมีเพียงวิชชุ์วิธู อดคิดไม่ได้เหมือนกันว่า เขาจะรู้สึกอย่างไรกับเธอ ยามไม่อาจควบคุมตัวเองได้เช่นนั้น

"พี่วิชชุ์คะ .."

"ครับ .. หนูพุด"

วิชชุ์วิธูขานรับเสียงเรียกแผ่วพลิ้วคล้ายหวาดหวั่นขององก์อัมพุท ซึ่งเขาพอจะเข้าใจได้ว่า เป็นเพราะสาเหตุใด แต่ยังรอฟังต่อไปไม่รุกเร้าเร่งรัด

หญิงสาวอยากพูดอยากบอกเล่าความอัดอั้นในใจ หากสำนึกว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ควรให้อีกฝ่ายต้องมาลำบากใจ ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลย เธอยกมือขึ้นลูบผิวแก้มเย็นเฉียบจากการชื้นน้ำตา ปรับเสียงให้ดีขึ้นขณะขอร้องเขา

"ช่วยไปส่งพุดทีได้หรือเปล่าคะ .. แค่ตัวเมืองเพชรก็ได้ เดี๋ยวพุดหาทางกลับกรุงเทพฯเอง"

"ทำไมล่ะ .. หนูพุดลืมอะไรไปหรือเปล่า หืม .."

วิชชุ์วิธูท้วงน้ำเสียงอ่อนโยน เขารู้ทันทีว่าหญิงสาวอย่างหลบลี้หนีหน้าผู้คน แต่เพราะเธอเป็นแบบนี้ เขายิ่งไม่อาจทำตามที่เธอต้องการได้ .. องก์อัมพุทจำเป็นต้องมีใครอยู่ใกล้ๆสักคน

ก็ดูสิ เก็บความกลัดกลุ้มไม่สบายใจไว้คนเดียว รอกลับไประบายทุกข์ที่บ้านแน่ .. คงจะลืมเจ้าจันไปเสียสนิท

"หนูพุดรอพี่ก่อนนะ .. ขอพี่จัดการอะไรก่อน"

ชายหนุ่มเผยยิ้มละมุนให้เธอ ส่งไปพร้อมกระแสความอบอุ่นอย่างอาทร โดยหวังว่าผู้รับจะสัมผัสและรับรู้ได้

วิชชุ์วิธูติดต่อกับพฤหัส สอบถามอาการของตรีวธู กระทั่งทราบว่าปลอดภัยดี ตอนนี้ทุกคนกำลังเตรียมตัวเดินทางกลับ ให้เขาขับรถตามมาได้เลย แล้วไปพบกันที่บ้าน

เป็นอันว่า ชายหนุ่มหมดห่วงน้องน้อยไปเปลาะหนึ่ง .. จะมีก็แต่ .. ความห่วงใยอีกเปลาะ ไว้ให้ทางนี้ ‘อีกคน’




เมฆพัดหน่วงหนักในหัวใจเกินกว่าจะพูดอะไรออกมาได้ พอๆกับเภตราที่นั่งเงียบมาตลอดนับแต่ขึ้นรถมากับเขา จึงกลายเป็นต่างคนต่างจมอยู่กับความคิดของตนเอง

ชายหนุ่มชำเลืองมองคนข้างๆ หลายอย่างยังติดค้างในความคิด ถ้าไม่เพราะเป็นห่วงองก์อัมพุท เขาก็คงจะยังไม่เปิดปากถามใดๆทั้งนั้น

"ผู้ชายคนนั้น .. เป็นใคร"

เภตรานั่งหลังพิงเบาะหน้าเชิดมองตรง ได้ยินคำถามชัดเจนแต่ล้าในอารมณ์ที่จะตอบ แต่ถ้าไม่ตอบก็เกรงว่าจะถูกรวนไม่จบไม่สิ้น .. ทั้งๆที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกสักเรื่อง หญิงสาวจึงตอบเสียงอ่อนเบา ไม่ได้หันมามองหน้าคนถาม

"คุณวิชชุ์น่ะหรือคะ"

"นั่นล่ะ เขาเป็นใคร"

"คุณวิชชุ์วิธู .. อาจารย์ของพวกเรา"

คำตอบนี้เล่นเอาเมฆพัดต้องเหยียบเบรคห้ามล้อ จนเภตราเกือบหัวทิ่มดีว่าคาดเข็มขัดนิรภัยเอาไว้ ทำให้ไม่มีส่วนใดบุบสลาย เป็นอันตรายต่อร่างกายจากการหยุดรถกะทันหัน

"อย่าล้อเล่นน่า .. ท่าทางไม่น่าใช่"

"เคยเป็นค่ะ .. แต่นานมาแล้ว"

"อ่อ"

"ทำไมคะ .. ถ้าไม่ไว้ใจคุณวิชชุ์ ก็พาเภากลับไปส่งที่เดิมสิ"

"เรื่อง?"

กว่าจะติดต่อได้ กว่าจะตามเมียตัวเองเจอ .. เรื่องอะไรที่เมฆพัดจะปล่อยเภตราไปง่ายๆ นี่ยังไม่นับเรื่องหมั้นหมายอะไรนั่นอีก ถ้าวันนี้เขาไม่ได้รู้เรื่องทั้งหมด อย่าหวังว่าเขาจะเธอพากลับบ้านตามที่บอกนั่นเลย

กลับบ้าน? .. นั่นสิ ทำไมเขาถึงลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท

ไหนๆเขาก็ไม่ค่อยได้กลับบ้านไปหาละอองชลแล้ว จากหาดเจ้าสำราญไปกำแพงแสนมันก็ไม่ได้ไกลเท่าใดนัก ถ้าเขาจะกลับบ้านพร้อมพาลูกสะใภ้ไปฝากแม่ .. แม่ของเขาจะว่าอย่างไรนะ

เมฆพัดนึกถึงมารดาบวกกับความคิดตัวเอง ก็ได้แต่ยิ้มกริ่มในใจไม่รู้ตัวหรอกว่า มันเผยออกมาทางสีหน้าดูเจ้าเล่ห์ชอบกล จนเภตราที่ชำเลืองมองเริ่มไม่ไว้ใจชายหนุ่มว่าเขาคิดอะไรอยู่

"พี่พัด .. พาเภากลับบ้านนะคะ .. เภาอยากกลับบ้าน"

"ได้ .. เภาสบายใจเถอะ พี่พาเภากลับบ้านแน่ๆ ไม่ต้องห่วง"

หนุ่มนักวิจัยไม้พะยูงยกยิ้มสมใจ เขาบอกให้หญิงสาวหมดกังวล แล้วก็ไม่ได้โกหกด้วยว่าจะไม่พากลับบ้าน แค่ไม่ได้บอกเท่านั้นเองว่า บ้านที่จะกลับน่ะ .. เป็นบ้านของเขา ไม่ใช่บ้านของเธอ





ระหว่างที่มัตติก์เดินเลียบมาตามทาง กลับจากร้านอาหารริมทะเล เขาก็สะดุดตากับรถดอดจ์สีดำทะมึน จนต้องมองอย่างพินิจพิจารณา เนื่องจากมันช่างละม้ายกับรถของใครบางคนเหลือเกิน

เมื่อเดินเฉียดเข้าใกล้ ในระยะที่สามารถมองเห็นคนคุยกันภายในรถผ่านกระจกด้านหน้า ชายหนุ่มกะว่าจะเร่งฝีเท้าก้าวไปให้พ้นรัศมีโดยเร็ว แต่แล้วเขากลับต้องชะงักเท้ากะทันหัน เมื่อจำได้ว่า หญิงสาวที่นั่งหน้าเชิด คือผู้หญิงไร้มารยาทที่ได้พบเมื่อตอนสายนั่นเอง

ทว่า แรงดึงดูดที่กระตุ้นความสนใจของมัตติก์ กลับเป็นชายหนุ่มอีกคนที่เขาไม่เห็นหน้า เนื่องจากมุมที่ยืนมองทำให้เห็นเพียง ด้านหลังของเขาไม่ถนัด ซึ่งกำลังหันหน้าไปทางผู้หญิงคนนั้น แล้วเหมือนพูดอะไรบางอย่าง ก่อนเลิกสนใจทั้งสองคน ที่มีท่าทางราวกับคู่รักกำลังงอนง้อขอคืนดีกัน

ชายหนุ่มร่างเพรียวหุ่นสะโอดสะองแอบยกยิ้มมุมปาก รอยยิ้มที่ใครได้เห็นย่อมอ่านออกว่า .. ไม่ใช่ชื่นชม

"นัดผู้ชายมาหาที่ทะเลนี่เอง"

ไม่นานหลังจากมัตติก์ก้าวพ้นส่วนกระบะบรรทุกของ ที่เบื้องหน้าคือจุดหมายของแต่ละคนซึ่งสวนทางกัน เขาก็แว่วเสียงสตาร์ทเครื่องยนต์ บอกให้รู้ว่าดอดจ์คันนั้นพร้อมออกเดินทาง

อะไรบางอย่างสะกิดความสนใจใคร่รู้ จนอดไม่ได้ที่จะหันไปมองท้ายรถที่มีแผ่นป้านทะเบียนติดอยู่ และแล้วมันก็ทำให้มัตติก์ต้องเบิกตากว้าง เมื่อทันได้เห็นพยัญชนะกำกับพร้อมหมายเลข ๔ ตัว บรรทัดสุดท้ายระบุจังหวัดที่แสนคุ้นตา

ชายหนุ่มหมุนกลับมาทั้งตัวแทบจะถลาตามไป แต่รู้ดีว่าไม่สามารถวิ่งตามได้ทันแล้ว

จากแค่คิดว่าคลับคล้ายคลับคลา บอกตนเองว่า คงเป็นรถรุ่นที่เจ้าของมีความชอบไม่ต่างกัน แต่ตอนนี้เขามั่นใจเต็มร้อยแล้วว่า รถดอดจ์คันนี้เป็นคันเดียวกันกับที่คนพิเศษของเขาครอบครอง

มัตติก์กำหมัดทั้งสองข้างแน่น สายตาวาววับจับจ้องถนน ในเส้นทางที่ทอดยาวไกล แต่ปราศจากเงารถดอดจ์คันนั้นนานแล้ว

ดูท่าว่า ผู้หญิงที่เขาบังเอิญได้พบ .. คงจะได้เวียนกลับมาเจอกัน เป็นคู่เวรคู่อาฆาตที่ไม่อาจหนีพ้นก็คราวนี้











************************************************







โปรดติดตามตอนต่อไป ...

ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม .. และขอขอบคุณสำหรับการกดไลค์ให้กำลังใจฮะ

คุณkaelek ... ก็ไม่แน่ว่า งานใครจะเล็ก งานใครจะใหญ่ ... แต่ทุกคน .. มีงานแน่นอนฮะ หุหุ
พี่พัด .. นี่ไม่รู้มีแค่ ท่าทางรึเปล่า .. เนอะ



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ก.ย. 2558, 00:19:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ก.ย. 2558, 00:19:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 1211





<< บทที่ ๒๐ .. ความรัก กับ ความเข้าใจ   บทที่ ๒๒ .. ความลับ คับอก >>
kaelek 8 ก.ย. 2558, 06:57:47 น.
เอ..คุณมัตติก์ นี่แปลกๆนะ ได้กลิ่นแปลกๆแฮะ แต่ยังไม่ชัวร์


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account