คิวปิด...ตัวกวนป่วนรัก
เมื่อเทพคิวปิดถูกลดหน้าที่ให้เป็นแค่ ‘เทพเบ๊’ คิวปิดสาวจึงเร่งปฎิบัติกอบกู้ศักดิ์ศรี แต่ดันแผลงศรพลาด ทำให้ว่าที่เจ้าบ่าวตกหลุมรัก ‘พี่ชาย’ ของสาวคนรัก เรื่องป่วนๆ จึงเริ่มขึ้น !
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอน 10

ความตั้งใจเดิมที่จะมาช่วยดูแลและเป็นกำลังใจให้รักษิต หากกลับกลายเป็นว่ารักษิตต้องเป็นฝ่ายมาดูแลเขาจากอาการประหลาดที่เพิ่งเกิดขึ้น

“แน่ใจนะว่าจะไม่ไปหาหมอ” รักษิตถามขณะส่งแก้วน้ำอุ่นผสมน้ำมะนาวและน้ำผึ้งสำหรับบำรุงคอให้ภูมิเป็นแก้วที่สอง

“ไม่ไป มันคงไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ” ภูมิรับแก้วน้ำมาจิบ ที่จริงก็ไม่ได้มีอาการเจ็บหรือระคายคอเลยสักนิด หากก็ต้องกินป้องกันไว้และที่สำคัญน้ำอุ่นแก้วนี้รักษิตเป็นคนทำให้ “ฉันขอโทษนะที่ทำให้นายต้องเสียเวลาทำงาน”

“ไม่เป็นไรหรอก แล้วตกลงนายมีอะไรจะบอกฉัน” ท่าทางอึกอักของภูมิยังค้างคาใจรักษิต

แต่สำหรับภูมิ อาการประหลาดทำให้สติกลับมา เมื่อสติมาปัญญาก็เกิดทำให้เขาสามารถควบคุมความรู้สึกได้อีกครั้งและรู้ว่าไม่ควรพูดอะไรตอนนี้ จึงตอบไปว่า

“ฉันลืมไปแล้ว”

“อะไร ลืมง่ายๆ อย่างงั้นเลย” น้ำเสียงบ่งบอกว่าไม่เชื่อ “นายมีอะไรก็บอกฉันก็บอกมาเถอะภูมิ ไหนบอกว่าไม่ชอบเก็บอะไรไว้คนเดียว มันอึดอัดไง”

แต่ถ้าพูดออกไป เขาอาจจะได้รับมากกว่าความอึดอัด จึงยืนยันว่า “ไม่มีอะไรจริงๆ”

ภูมิยืนยันเช่นนั้น ป่วยการที่รักษิตจะคาดคั้น แม้ว่าในใจยังตะหงิดกับอาการประหลาดของว่าที่น้องเขยอยู่

“ฉันว่าฉันไปเทกระท้อนลอยแก้วใส่ชามให้นายดีกว่า” ภูมิเสนอ และลุกขึ้นกำลังจะเดินไปทางครัว

“งั้นก็เทมาให้เอแคร์ด้วยนะ” รักษิตขอ

จู่ๆ เท้าของภูมิก็ชะงัก ความรู้สึกบางอย่างแล่นขึ้นจับใจ ทำให้ภูมิเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว “แต่ฉันซื้อมาให้นายคนเดียว”

“นายซื้อมาตั้งสิบลูก ฉันกินคนเดียวไม่หมดหรอก เอ...แต่กระท้อนลอยแก้วออกเปรี้ยวนี่นา เอแคร์อาจจะไม่ชอบ งั้นไม่ต้องเอาให้เอแคร์หรอก เปลี่ยนเป็นลอดช่องสิงค์โปร์แทนก็แล้วกัน น่าจะกินง่ายกว่า”

กรามบนใบหน้าขาวนูนขึ้นเป็นสันอย่างดาลเดือด...ผู้หญิงคนนั้นมาอยู่ที่นี่แค่ไม่กี่วัน ทำไมรักษิตต้องเอาอกเอาใจขนาดนี้ด้วย

“เอ๊ะ ว่าแต่เอแคร์ทำไมหายเงียบไปเลย” บนบ้านชั้นสองก็ไม่มีเสียงการเคลื่อนไหวใดๆ เลยสักนิด รักษิตนึกเป็นห่วงผู้ที่ได้รับกระทบกระเทือนทางสมองขึ้นมา “เดี๋ยวฉันมานะ ขึ้นไปดูเอแคร์ก่อน”

พูดจบรักษิตก็เดินขึ้นบันไดไป ส่วนภูมิไม่รอช้า วางถุงใส่กระท้อนลอยแก้วลงบนโต๊ะ แล้วรีบตามขึ้นไป...ขอทำตัวเป็น ‘ก้าง’ สักหน่อยเถอะ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++

เมื่อสองหนุ่มมาถึงชั้นสอง ภูมิตามรักษิตไปหน้าห้องนอนของรักษิยาซึ่งอยู่ติดกับห้องนอนของรักษิต แล้วรักษิตก็เคาะประตูเรียก

“เอแคร์ ทำอะไรอยู่”

ไม่มีเสียงตอบ รักษิตจับลูกบิดหมุน พบว่ามันล็อคจากด้านใน

“เอแคร์ ! เปิดประตูสิ เอแคร์ฉันเรียกไม่ได้ยินหรือไง !” รักษิตรัวเคาะและส่งเสียงเรียก ใบหน้าคมปรากฏริ้วรอยความร้อนใจอย่างชัดเจน

“อาจจะหลับอยู่มั๊ง” ภูมิบอก

“ไม่ใช่หรอก” ด้วยรู้ดีว่าเอแคร์ไม่ใช่คนขี้เซา วันๆ หนึ่งหญิงสาวแทบจะไม่นอน ชายหนุ่มเคาะอยู่นานก็ยังไม่มีสัญญาณตอบรับจากภายใน จึงตัดสินใจใช้หัวไหล่กระแทกประตู

ขณะที่รักษิตกำลังพังประตูอยู่ด้านนอก กลุ่มควันสีขาวหนาแน่นที่ลอยอยู่ข้างเตียงนอนขนาดใหญ่ค่อยๆ ก่อตัวเป็นรูปร่าง เซเลน่าเพิ่งกลับลงมาจากเทือกเขาโอลิมปัส ครั้นเห็นประตูสั่นไหวจากแรงกระแทกของรักษิตที่เห็นจากช่องประตูก็รีบคว้าสวมสร้อยปีกนกลงลำคอ แปลงร่างเป็นมนุษย์ แล้ววิ่งถลันไปที่ประตู

“มาแล้วค่ะ !”

ปัง ! เสียงประตูที่รักษิตพังจนเปิดเข้ามาได้กระแทกกับร่างบางอย่างจัง ยังผลให้หญิงสาวกระเด็นล้มลงกับพื้นอย่างแรง “โอ๊ย !” เซเลน่าร้อง มือจับที่ขมับโดยอัตโนมัติ
“เอแคร์ !” รักษิตร้องก่อนปราดเข้าไปย่อตัวดูหญิงสาว “ผมขอโทษ เจ็บมากไหม”

“เจ็บสิ ถามได้” ใบหน้าบูดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดจนน้ำตาเอ่อรื้นดวงตา และแน่นอนว่าหยาดน้ำใสนั้นมีผลต่อจิตใจของผู้แพ้น้ำตาอย่างรักษิต

“ผมขอดูหน่อย” บอกแล้วยกมือใหญ่สองข้างประคองใบหน้าของหญิงสาว ก่อนเขี่ยปอยผมสีน้ำตาลที่ตกลงมาปรกหน้าผากนูนสวยออกอย่างเบามือประหนึ่งว่าหญิงสาวเป็นแก้วใสเปราะบาง แล้วใช้ปลายนิ้วแตะตรงบริเวณรอยเขียวจ้ำบนหน้าผาก

“โอ๊ย !” ร่างบางสะดุ้ง “เบาๆ สิคุณพี่รัก ฉันเจ็บ”

น้ำเสียงเล็กโอดครวญกับวงหน้าอ่อนเยาว์ที่เต็มไปด้วยริ้วรอยความเจ็บปวดทำให้รักษิตนึกถึงเมื่อครั้งรักษิยาเป็นเด็ก

‘พี่รักขา ยาเจ็บ’ เด็กหญิงรักษิยาวิ่งร้องไห้มาแต่ไกล หลังจากหกล้มเข่าถลอก
ผู้เป็นพี่ชายก็จะดึงน้องสาวมานั่งบนตัก แล้วร่ายมนตร์ด้วยท่าทางจริงจังประหนึ่งว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษ. ‘โอม...ปะติโถๆๆ ปะติถังๆๆ ปะติกัง ปะติฮิ๊ว...’ พอเห็นว่าน้องสาวเริ่มมีรอยยิ้ม จึงค่อยทำพิธีสุดท้าย

‘ด้วยอำนาจแห่งโดเรมอนและโนบิตะ จงทำให้แผลบนเข่าของน้องยาหายเจ็บเดี๋ยวนี้ เพี้ยง !’

รักษิตเป่าลงไปบนแผล เท่านี้เด็กหญิงรักษิยาก็จะหยุดร้องไห้ แล้วเขาถึงจะค่อยพาไปทำแผล

แม้ผู้ที่มีรอยแผลในยามนี้จะตัวโตเกินกว่าที่เขาจะร่ายมนตร์ให้ฟัง รักษิตจึงแค่เผลอตัวยื่นหน้าเข้าไปใกล้หน้าผากนูนแล้วเป่าลงไปเบาๆ

“เพี้ยง !” ลมอ่อนๆ จากริมฝีปากหยักที่สัมผัสผิว มันสร้างความสั่นไหวให้คิวปิดสาวจนเจ้าหล่อนเผลอตัวหลับตาพริ้มไปชั่วขณะ รักษิตไม่ได้เห็นปฏิกิริยาตอบสนองนั้นเพราะสายตาของเขาอยู่เหนือศีรษะของหญิงสาว

ต่างจากภูมิที่ยังยืนอยู่ตรงประตู เขาได้เห็นทุกปฏิกิริยา...ทุกกระทำของชายหนุ่มหญิงสาวที่กำลังแสดงฉากโรแมนติกต่อหน้าเขา !

ภูมิกำมือแน่นอย่างอดทน เพิ่งจะเข้าใจความรู้สึกของเหล่านางร้ายในละครที่อยากจะพุ่งเข้าไปตบผู้หญิงที่มาเกาะแกะพระเอกก็ตอนนี้เอง แต่ยังดีที่ผู้ที่เกาะแกะรักษิตของเขาเป็นผู้หญิง ถึงจะให้ไม่พอใจยังไงก็ไม่อาจทำให้ภูมิทำร้ายเพศแม่ได้
ถ้าเป็นผู้ชายด้วยกัน ป่านนี้คงพุ่งเข้าไปชกหน้าหงายแล้ว

“รัก ฉันกลับก่อนนะ” เมื่อทำอะไรไม่ได้ ภูมิก็ขอออกไปจากตรงนี้ ทนเห็นภาพบาดตาไม่ได้อีกต่อไปอีกแม้แต่วินาทีเดียว

ภูมิหันหลังก้าวออกไปจากห้องทันที เซเลน่าเห็นดังนั้นก็ทำให้ลืมความเจ็บปวดไปอย่างสิ้นเชิง ยิ่งรู้ว่ารักษิยาเข้าข่ายผู้ใกล้เส้นมรณะ และที่สำคัญเส้นนั้นเป็นเส้นที่ทอดยาวมาจากช่องหัวใจ นั่นหมายความว่ารักษิยาอาจจะต้องจบชีวิตเพราะความรัก และไม่ต้องอาศัยอุปกรณ์ใดๆ ดูอนาคตก็พอจะรู้ว่าต่อไปจะเกิดสิ่งใดขึ้นกับรักษิยา ดังนั้นตัวต้นเหตุอย่างหล่อนจะปล่อยให้เกิดขึ้นไม่ได้

“เดี๋ยวค่ะคุณพี่ภูมิ !” เซเลน่าผุดลุกขึ้นตามภูมิไป

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เซเลน่าวิ่งตามภูมิมาจนถึงหน้าบ้าน แต่ชายหนุ่มก็ยังเดินลิ่วๆ ไม่มีทีท่าจะหยุด หล่อนจึงกระโดดไปขวางหน้า

“คุณพี่ภูมิ หยุดเดี๋ยวนี้ !”

ได้ผล ชายหนุ่มชะงัก “มีอะไร”

“ฉันมีเรื่องจะพูดกับคุณ”

“ว่ามาสิ” น้ำเสียงนั้นห้วนและติดรำคาญอย่างไม่ปิดบัง เซเลน่าต้องทำไม่ใสใจ ต้องตระหนักเอาไว้เสมอว่าที่ชายหนุ่มเป็นเช่นนี้เพราะหล่อน

“คุณพี่ภูมิคะ เอ่อ...คือ ฉันรู้ว่าคุณกำลังรู้สึกยังไง แต่ฉันอยากจะให้คุณพยายามตัดใจซะ ยังไงมันก็เป็นไปไม่ได้ เชื่อฉันนะคะ”

คิ้วเรียวหนาขมวดมุ่น “มีอะไรก็พูดมาตรงๆ เลยดีกว่า ผมไม่มีเวลามากนักหรอกนะ”

“คือฉันอยากจะบอกคุณว่า คุณต้องไม่ลืมนะคะว่าคุณกับคุณยารักกันมากแค่ไหน คุณยาเป็นคนดีมาก คุณต้องไม่ทำร้ายจิตใจเธอเด็ดขาด” เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังนิ่งเฉย จึงคว้าท่อนแขนเขย่าต้องการความแน่ใจว่าคำเว้าวอนของหล่อนจะซึมเข้าไปในโสตประสาทของเขา “คุณเข้าใจที่ฉันพูดไหมคะคุณพี่ภูมิ คุณยารักคุณมาก คุณอย่าทำให้เธอเสียใจนะคะ”

“เอแคร์” รักษิตเรียกขณะก้าวบันไดลงมา

หาใช่เป็นหญิงสาวที่จะรีบปล่อยมือจากแขนของภูมิ ทว่าชายหนุ่มเป็นฝ่ายดึงแขนให้หลุดพ้นจากมือเล็กจนอีกฝ่ายเซ หากภูมิไม่สนใจ เขาไม่ต้องการให้ ‘เพื่อนรัก’ ของเขาเข้าใจผิด ภูมิจะให้เกียรติคนที่เขารักด้วยการไม่ยุ่งกับผู้อื่นเสมอซึ่งเรื่องนี้รักษิยารู้ดีที่สุด

“มีอะไรกันหรือเปล่า” รักษิตถามเมื่อเห็นท่าทางประหลาดของภูมิกับเอแคร์

“ไม่มีอะไร” เซเลน่าเป็นฝ่ายตอบ

“ฉันกลับก่อนนะ” ภูมิอมยิ้มให้เพื่อนรัก หากลอบส่งสายตาไม่ไว้ใจมาที่หญิงสาวก่อนจะหมุนตัวเดินไปขึ้นรถ

ฝ่ายเซเลน่าหมุนตัวจะกลับเข้าไปในห้องนอน เพื่อถอดสร้อยปีกนกแปลงร่างเป็นคิวปิดจะได้ตามภูมิไป ให้รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน หล่อนจะได้ไม่ต้องนั่งแกร่วคอยเขามาที่นี่ให้เสียเวลา

ทว่าหญิงสาวถูกมือใหญ่หนาคว้าข้อมือเอาไว้ “จะไปไหนอีกล่ะ”

“ฉันจะขึ้นห้อง”

“ขึ้นไปทำอะไร”

“ไปอาบน้ำ”

“อ้าว...หายไปตั้งนาน ยังไม่ได้อาบอีกเหรอ” รักษิตสงสัย

“เอ่อ...ฉันลืมน่ะ ตะกี้ฉันหลับอยู่ แต่ตอนนี้ฉันอยากอาบน้ำมากๆ เลย ให้ฉันไปอาบน้ำเถอะนะ”

“ยังไม่ต้องหรอก มาทำแผลก่อน” สิ้นคำ ชายหนุ่มก็จูงหญิงสาวเข้าไปในบ้าน โดยไม่สนใจเลยว่าอีกฝ่ายกำลังมองตามรถเก๋งคันหรูที่เคลื่อนออกไปจากหน้าบ้านด้วยสายตาละห้อย...หวังว่าจะไม่เกิดเรื่องระหว่างเขากับรักษิยาก่อนที่หล่อนจะได้พบเขาอีกครั้ง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

หลังจากได้ชิมคานาเป้ไข่ปลาคาเวียร์หนึ่งในเมนูคอกเทลจำนวนมากที่ทางโรงแรมจัดมาให้ทดลองชิม รักษิยาก็พึงพอใจในรสชาติ หากยังไม่ตัดสินใจเลือกเมนูนี้เป็นหนึ่งในเมนูเลี้ยงแขกในทันที หล่อนหันไปขอความเห็นจากชายคนรักที่นั่งอยู่เคียงข้าง

“พี่ภูมิชอบไหมคะ”

แต่ฝ่ายชายกลับเหม่อลอย สายตาทอดมองออกไปยังเบื้องหน้า คานาเป้ไข่ปลาคาเวียร์ชิ้นพอคำยังวางอยู่บนจานกระเบื้องตรงหน้า รักษิยาเหลียวหน้าไปยิ้มเชิงขอโทษกับพนักงานของโรงแรมซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างเกรงใจ เพราะสองชั่วโมงที่ผ่านตั้งแต่มาเลือกเมนูอาหาร ภูมิมีอาการเหม่อลอยเช่นนี้เป็นระยะ

“พี่ภูมิคะ” ชายหนุ่มยังคงนิ่งเฉยราวกับกำลังใช้ความคิดอยู่ “พี่ภูมิคะ” รักษิยาเรียกซ้ำพร้อมกับแตะแขนชายหนุ่ม เชาถึงรู้สึกตัว

“ฮะ ? มีอะไรจ๊ะ”

“พี่ภูมิเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”

“พี่เครียดๆ เรื่องงานน่ะจ้ะ ไม่มีอะไรหรอก”

“งั้นเราค่อยมาเลือกกันวันหลังก็ได้นะคะ พี่ภูมิจะได้กลับบ้านไปพักผ่อนก่อน” รักษิยาเสนอด้วยความหวังดี

“อย่าเลยจ้ะ พี่ว่าเลือกไปเลยก็ได้ จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวให้เสียเวลา” เขายืนยัน
รักษิยาพยักหน้ารับ “งั้นตกลงว่าพี่ภูมิชอบเมนูไหนบ้างคะ”

“อันไหนก็ได้จ้ะ ยาเลือกเลย พี่ตามใจยา”

“ได้ยังไงล่ะคะ เราสองคนเคยตกลงกันแล้ว ว่าทุกอย่างในงานแต่งของเรา เราจะต้องมีส่วนช่วยกันเลือก”

‘มันจะได้เป็นงานของเราอย่างแท้จริง และแขกในงานจะได้รู้ด้วยว่าเราสองคนรักกันแค่ไหน’ คำพูดของภูมิที่รักษิยาไม่เคยลืม และนับจากวันที่เขาขอ ‘ดูแลหล่อนตลอดชีวิต’ ที่ริมสระน้ำของโรงแรมหรู ทั้งสองก็ช่วยกันวางแผนจัดงานแต่งร่วมกันทุกรายละเอียดอย่างที่ภูมิตั้งใจ หากตอนนี้ความคิดของชายหนุ่มกลับเปลี่ยนไป

“ไม่เป็นไรหรอก ยาเลือกไปเถอะ พี่ไม่ค่อยเก่งเรื่องอาหารเหมือนยา” ชายหนุ่มฝืนยิ้มกลบเกลื่อนความหงุดหงิดที่เกิดจากการถูกคะยั้นคะยอ

“แต่พี่ภูมิลืมไปแล้วเหรอคะ...” หญิงสาวกำลังย้ำความคิดของชายหนุ่มอีกครั้ง แต่กลับถูกผู้ที่เป็นเจ้าของความคิดเอ็ดเสียงเขียว

“เอ๊ะ ! ยา อย่าเรื่องมากหน่อยได้ไหม เลือกๆ ไปเถอะน่ะ”

ความเงียบเข้าครอบงำบริเวณ ภูมิเห็นสีหน้าอึ้งตะลึงงันของฝายหญิงจึงรู้ตัวว่าเผลอพูดจาไม่ดีออกไป เขายอมรับว่าตอนนี้สภาพจิตใจเขาไม่ปกติ จิตใจไม่อยู่กับร่องกับรอย มันคอยแต่ลอยไปหารักษิต...อยากรู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่...อยากได้ยินเสียงตลอดเวลา รวมทั้งคิดไปถึงผู้หญิงที่อาศัยอยู่บ้านเดียวกับรักษิตในเวลานี้ เขาพยายามคิดหาทางว่าจะจำกัดหญิงสาวออกไปให้พ้นจากเพื่อนรักของเขาได้อย่างไร เขาอุตส่าห์ลงทุนจ้างนักสืบเอกชนตามหาครอบครัวของหล่อนเพื่อจะได้มารับหล่อนกลับไป แต่น่าแปลกที่นักสืบระดับมือหนึ่งของประเทศกลับไม่พบที่มาของหญิงสาวเลย ฉะนั้นพอรักษิยาเซ้าซี้ เขาจึงรำคาญจนห้ามใจตัวเองเอาไว้ไม่อยู่

“ยา พี่ขอโทษ”

วงหน้ารูปไข่ยังเรียบเฉย ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อคำขอโทษของเขา หากหันไปพูดหาพนักงานที่นั่งหน้าอึดอัดอยู่ว่า “วันนี้ยายังตัดสินใจไม่ได้ เอาไว้ยาจะโทรมานัดใหม่นะคะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ” เมื่อพนงานสาวตอบรับ รักษิยาก็ลุกเดินออกไปทางประตู โดยไม่แม้จะหันมามองเขาเลย

ภูมิรู้สึกผิดขึ้นมาจับใจจึงลุกตามหญิงสาวไปจนถึงบริเวณทางเดินหน้าห้องจัดงานของโรงแรม

“เดี๋ยวสิยา” เขาเรียก แต่หญิงสาวยังไม่ยอมหยุดเดิน เขาก็เลยคว้าข้อมือหญิงสาวเอาไว้ “ยา...พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ พี่กำลังอารมณ์ไม่ดี”

เหมือนคิดอะไรได้ รักษิยาหยุดนิ่ง แหงนหน้ามองลึกเข้าไปในดวงตาของเขา เอ่ยว่า

“ยาจะไม่โกรธพี่ภูมิก็ได้ค่ะ แต่พี่ภูมิต้องบอกยามาสิคะว่าพี่ภูมิกำลังอารมณ์ไม่ดีเรื่องอะไร”

“เรื่องงาน” ชายหนุ่มตอบพร้อมกับหลบตา รักษิยาจึงแน่ใจว่าเขาโกหก

“พี่ภูมิเคยบอกยาไม่ใช่เหรอคะว่าพี่ภูมิจะไม่โกหกยา เราจะพูดความจริงกันทุกเรื่อง”
“เอ่อ...พี่ พี่ไม่อยากให้ยาไม่สบายใจ”

“พี่ภูมิเป็นอย่างนี้มันทำให้ยาไม่สบายใจไปแล้วล่ะค่ะ และยาก็จะไม่มีวันสบายใจได้เลยถ้ายาไม่ได้รู้ว่าพี่ภูมิเป็นอะไร”

“พี่ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ” เขายืนยัน

“ยาไม่เชื่อ พี่ภูมิรู้ตัวไหมคะ ว่าช่วงหลังมานี้พี่ภูมิเปลี่ยนแปลงไปมาก พี่ภูมิไม่เหมือนพี่ภูมิคนเก่าที่ยาเคยรู้จัก เมื่อก่อนพี่ภูมิไม่เคยลืมโทรหายา ไม่เคยให้ยาต้องคอย แต่ตอนนี้พี่ภูมิก็ลืม และกว่ายาจะลากพี่ภูมิมาเลือกอาหารในงานแต่งของเราได้ก็ยากเย็น” ความในใจที่เก็บเอาไว้พรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย “พี่ภูมิทำเหมือนกับว่า...พี่ภูมิไม่อยากแต่งงานกับยาแล้ว”

ใบหน้าของหญิงสาวยังเรียบเฉย ทว่าน้ำตาไหลรินอาบแก้มนวลไม่ขาดสาย ถึงภูมิจะง้อรักษิยาด้วยคำว่าหน้าที่ แต่น้ำตาของผู้หญิงคนแรกและคนเดียวที่สอนให้เขารู้จักคำว่ารักก็สร้างทั้งความรู้สึกผิดความเสียใจให้เขาอย่างรุนแรง จนต้องเบือนหน้าไปทางอื่น เขายอมรับกับตัวเองว่าระยะเวลาหลายปีที่คบกันมา เขากับรักษิยารักกันมาก แล้วความรักก็ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายให้กันและกันทำให้โลกใบนี้น่าอยู่ เราถึงแต่งงานกัน

แต่ตอนนี้หัวใจของเขาไม่ได้รู้สึกรักผู้หญิงตรงหน้าเหมือนเช่นเคย แล้วมันยุติธรรมกับหล่อนแล้วหรือที่หล่อนจะต้องใช้ชีวิตร่วมกับผู้ชายที่ไม่ได้มีหัวใจเพื่อรักหล่อนอีกต่อไป ภูมิไม่อยากทำร้ายผู้หญิงที่เขาเคยรักสุดหัวใจมากไปกว่านี้ จึงหันกลับมาหาหญิงสาวแล้วตัดสินใจเอ่ยออกไปว่า

“ใช่ พี่ยอมรับว่าพี่ยังไม่พร้อมจะแต่งงานตอนนี้ พี่ขอเวลาคิดทบทวนความรู้สึกตัวเองก่อนได้ไหม”

**********************************************



สาธิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ก.ค. 2554, 22:53:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ก.ค. 2554, 22:53:02 น.

จำนวนการเข้าชม : 1461





<< ตอน 9   ตอน 11 >>
เบญจามินทร์ 21 ก.ค. 2554, 23:42:12 น.
เอาละ ภูมิบอกเลิกยาแล้ว...


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account