คิวปิด...ตัวกวนป่วนรัก
เมื่อเทพคิวปิดถูกลดหน้าที่ให้เป็นแค่ ‘เทพเบ๊’ คิวปิดสาวจึงเร่งปฎิบัติกอบกู้ศักดิ์ศรี แต่ดันแผลงศรพลาด ทำให้ว่าที่เจ้าบ่าวตกหลุมรัก ‘พี่ชาย’ ของสาวคนรัก เรื่องป่วนๆ จึงเริ่มขึ้น !
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอน 11

เวลาบนโลกมนุษย์ที่เซเลน่ามีความสุขที่สุดคือตอนรับประทานอาหาร เพราะหล่อนจะได้มีโอกาสลิ้มลองรสชาติอาหารของพวกมนุษย์ แต่อาหารค่ำมื้อนี้เซเลน่าหมดอารมณ์เพลิดเพลินกับทุกสิ่ง แม้ตรงหน้าจะเต็มไปด้วยกับข้าวหลากหลาย เพราะกำลังไม่สบายใจเรื่องรักษิยา แล้วไหนจะยังเสียงพูดเจื้อยแจ้วดังไม่ขาดสายของพลอยชมพูที่มาร่วมวงดินเนอร์อีกด้วย

“คุณรักไม่ต้องห่วงนะคะ ไม่ว่ายังไงพลอยก็จะอยู่ข้างคุณรักต่อสู้กับนายเก่งฉกาจ พวกขี้โกง ไร้ศีลธรรม จ้องแต่จะคิดแย่งของของคนอื่นเนี่ยพลอยไม่ชอบเลย”

ประโยคหลังพลอยชมพูพูดพร้อมกับปรายตาที่มีขนตายาวเป็นแพไปที่หญิงสาวอีกคนซึ่งนั่งเขี่ยข้าวอยู่ฝั่งตรงข้าม

‘อยากจะเสกให้พูดไม่ได้อย่างคุณพี่ภูมิเมื่อตอนกลางวันชะมัด’ เซเลน่านึกในใจด้วยความรำคาญ

“เฮ้อ...” พลอยชมพูถอนหายใจยาว “หรือว่าที่คุณรักถูกก๊อปปี้งานเนี่ย จะเป็นเพราะว่าดวงพลอยไม่ดีคะ”

“ไม่น่าเกี่ยวนะครับ” รักษิตบอก

“เกี่ยวสิคะ เพราะตั้งแต่พลอยเปลี่ยนชื่อมาดวงเรื่องงานพลอยไม่ดีเลย โดนขัดแข้งขัดขาตลอด นี่พลอยเพิ่งรู้มานะคะว่าตัวพอพานเป็นกาลกิณีกับคนเกิดวันพุธกลางคืนอย่างพลอย พลอยก็เลยว่าจะไปเปลี่ยนชื่อใหม่”

“คุณพลอยจะเปลี่ยนชื่ออีกแล้วเหรอครับ” รักษิตตกใจ กว่าจะหัดเรียกหญิงสาวว่า ‘พลอย’ แทนชื่อ ‘ไอวี่’ ให้ติดปากได้ก็ใช้เวลาเป็นเดือน นี่เขาต้องมาหัดใหม่อีกแล้วหรือ

“ค่ะ ชื่อใหม่นี่พลอยจะเอาให้เริ่ดๆ เลยค่ะ ว่าแต่พลอยเกิดวันเดียวกับคุณรัก หนำซ้ำยังเป็นตอนกลางคืนเหมือนกันด้วย พลอยว่าพลอยเปลี่ยนชื่อให้คล้ายๆ คุณรักดีกว่า เอาชื่ออะไรดีน้า” หญิงสาวบุ้ยปากให้ดูน่ารัก หากภาพที่ออกมามันดูน่าสยองมากกว่า

“อ้า ! เอาชื่อ...ริษาดีกว่า รักษิตริษา ริษารักษิต เวลาเขียนชื่อในการ์ดแต่งจะได้ดูเก๋ไก๋” หญิงสาวหัวเราะเขินอาย โดยไม่สนใจสีหน้ากระอักกระอ่วนของฝ่ายชายเลย
เสียงลักกี้เห่าโฮ่งขึ้นหนึ่งครั้งก่อนที่มันจะส่งเสียงครางหงิงยาว บ่งบอกให้รู้ว่ามีหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวกลับมา

“คุณยากลับมาแล้ว” เซเลน่าร้องดีใจ หลังจากได้ยินเจ้าลักกี้ทักทายรักษิยา
ไม่นานรักษิยาก็เปิดประตูเข้ามา หญิงสาวไม่มีรอยยิ้มเหมือนเช่นทุกวัน และยังไม่เดินเฉียดเข้าไปใกล้โต๊ะอาหารราวกับต้องการปกปิดสิ่งใดอยู่

“น้องยาขา มาทานข้าวด้วยกันสิคะ วันนี้พี่พลอยซื้อแกงเลียงกุ้งสดมาด้วยนะคะ”

“ไม่ดีกว่าค่ะ ยาทานมาแล้ว” น้ำเสียงหวานสั่นเครือเล็กๆ ที่แทบจะไม่มีใครฟังออกถ้าไม่ใช่ผู้ที่เติบโตมากับหญิงสาว

“ยาเป็นอะไรหรือเปล่า” รักษิตทัก

“เปล่าค่ะ ยาขอตัวก่อนนะคะ” พูดจบก็เดินก้มหน้าขึ้นบันไดไปทันที

รักษิตมั่นใจว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับน้องสาวแน่ๆ “ทานกันไปก่อนเลยนะ ผมขอตัวก่อน” เขาหันไปบอกสองสาวผิวต่างสีผู้ร่วมโต๊ะอาหารแล้วลุกตามน้องสาวไป

เรียกความสนใจให้สองสาวต่างผิวสีที่มองตามร่างชายหนุ่มก้าวขึ้นบันไดไปเป็นตาเดียว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

รักษิตเคาะประตูห้องนอนเรียกน้องสาว แต่ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบรับ เขาหมุนลูกบิดเปิดประตูเข้าไป ไฟในห้องยังปิดสนิท แต่แสงไฟจากภายนอกส่องผ่านประตูที่เปิดอ้าทำให้เห็นรักษิยานั่งคู้ตัวอยู่มุมห้อง วงหน้านวลที่เงยหน้าขึ้นพี่ชายพร่างพราวไปด้วยน้ำตา

“ยา !” รักษิตปราดเข้าไปหาน้องสาว “ยาเป็นอะไร”

“พี่รัก...พี่รัก...” รักษิยาสะอื้น อยากจะฟ้องพี่ชายเหมือนอย่างที่เคยทำตอนเด็กยามมีใครมารังแก แต่ตอนนี้หัวใจเหมือนจะแตกสลาย ไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะเอ่ยสิ่งใดออกมา จึงได้แต่โผกอดเขาก่อนร้องไห้โฮ

“ยาบอกพี่สิ ใครทำอะไรยา” สองมือกอดรัดร่างน้องสาวเอาไว้แน่น หัวใจของผู้เป็นพี่ชายในยามนี้เต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมานอกร่าง หากรักษิยาก็ยังไม่พูด ได้แต่ร้องไห้จนตัวโยกอยู่ในอ้อมกอดของเขา

รักษิตอดรนทนไม่ได้อีกต่อไป เขาผลักร่างน้องสาวออกจากอ้อมกอดอย่างนุ่มนวล เค้นถามความจริงก่อนที่หัวใจเขาจะแตกสลายตามไปด้วย

“บอกพี่มาสิว่าใครทำอะไรยา”

หญิงสาวกลั้นสะอื้นก่อนเอ่ย “พี่ภูมิขอเลิกกับยาค่ะ”

ไม่ใช่แค่รักษิตที่อึ้ง หากยังมีอีกสองสาวผิวต่างสีที่วิ่งตามขึ้นมาดู จึงได้ยินรักษิยาพูดเมื่อสักครู่ก็อึ้งไปเหมือนกัน โดยเฉพาะสาวผิวขาวที่ล่วงรู้มาก่อนว่าวันนี้ต้องมาถึง

“ไอ้ภูมิมันเป็นบ้าอะไรขึ้นมา จะแต่งงานกันอยู่แล้ว ทำไมถึงมาขอเลิก” รักษิตถาม
อย่างโมโห

“ไม่รู้ค่ะ พี่ภูมิบอกว่ายังไม่พร้อมแต่งงานกับยาตอนนี้ พี่ภูมิอยากจะขอเวลาทบทวนความรู้สึกตัวเองใหม่ แต่ยาคิดว่าพี่ภูมิ...” หญิงสาวพูดไม่ออกคล้ายมีก้อนแข็งๆ จุกอยู่ที่ลำคอ “พี่ภูมิ...มีคนอื่น”

“ยาแน่ใจหรือเปล่า”

“ก็ไม่ค่อยแน่ใจ แต่ช่วงหลังมานี้พี่ภูมิเปลี่ยนไป พี่ภูมิไม่ค่อยโทรหายา ไม่ค่อยมีเวลาให้ยาอย่างเมื่อก่อน แล้วพออยู่ด้วยกันพี่ภูมิก็มักจะเหม่อลอยเหมือนกำลังคิดถึงใครอยู่” พูดแล้วก็ปล่อยโฮอีกรอบ “พี่รักคะ ยาทำอะไรผิดเหรอคะ ทำไมพี่ภูมิถึงต้องเลิกกับยา”

“ถ้าเรื่องนี้จะมีคนผิด ไม่ใช่ยาหรอกที่ผิด ยานอนซะนะ รอให้ต่างฝ่ายต่างใจเย็นก่อน แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้เราค่อยว่ากันใหม่” รักษิตพยายามยิ้มละมุนและจูบลงไปที่หน้าผากน้องสาวเบาๆ แต่หนักแน่นด้วยความรู้สึกที่ต้องการจะปลอบใจ

รักษิยาพยักหน้ารับหงึกหงัก แล้วพอรักษิตหันหลังให้น้องสาว ใบหน้าของเขาก็ขรึมลง ดวงตาคมเป็นวาวโรจน์อย่างโกรธจัด เซเลน่าและพลอยชมพูเห็นก็ถึงกับตกใจ เพราะไม่เคยเห็นชายหนุ่มโกรธมากขนาดนี้มาก่อน แล้วเขาก็ก้าวออกไปจากห้องผ่านหญิงสาวสองคนที่ยืนสีหน้าตื่นตะลึงไปเลยราวกับพวกหล่อนเป็นเพียงอากาศธาตุ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

พลอยชมพูวิ่งตามรักษิตไปแล้ว ส่วนเซเลน่ายังละลังละลังอยู่หน้าห้อง เป็นห่วงรักษิยาอยากจะเข้าไปปลอบใจ กลัวหญิงสาวจะเสียใจจนคิดสั้น แต่ก็อยากตามรักษิตไปด้วยพอจะเดาได้ว่าเขาจะไปไหน แล้วคิวปิดสาวก็ตัดสินใจเลือกอย่างหลัง

เซเลน่าวิ่งตามรักษิตไปหน้าบ้านพร้อมกับตะโกนเรียก “ลักกี้ ! ลักกี้ !”

“ขอร้าบบบบ” เจ้าลายจุดขานรับ และวิ่งมาหาหน้าประตู

“ลักกี้เข้าไปคอยดูแลคุณยาข้างในนะ ระวังอย่าให้คุณยาคิดสั้นฆ่าตัวตายเด็ดขาด” เซเลน่าสั่ง

“ทำไมล่ะขอรับ เกิดอะไรขึ้น คุณน้องยาเป็นอะไร ทำไมถึงจะต้องฆ่าตัวตาย แล้วคุณคิวปิดจะไปไหน” เจ้าลายจุดรัวถามเป็นชุด

“ไม่ต้องถาม เดี๋ยวกลับมาเล่าให้ฟัง เอาเป็นว่าถ้านายไม่ทำตามที่ฉันสั่ง ฉันจะไปแผลงศรให้น้องสายไหมรักกับหมาตัวอื่น !”

คำขู่ของเซเลน่าได้ผล ลักกี้กำลังจะวิ่งผ่านประตูที่เซเลน่าเปิดให้เข้าไปทันที แต่พอหญิงสาวหันไปเห็นอะไรบางอย่างที่หน้าบ้านก็เรียก

“เดี๋ยว !”

“อะไรอีกล่ะขอรับ”

เซเลน่าบุ้ยหน้าไปทางพลอยชมพูที่วิ่งตามไปช่วยรักษิตเปิดประตูรั้วบ้านอย่างกระตือรือร้น ทำท่าเนียนจะขอตามไปด้วย ด้วยความเป็นสุนัขไหวพริบดี ลักกี้วิ่งไปพันแข้งพันขาอันดำและสั้น และเห่ากรรโชกใส่หญิงสาว

“กรี๊ดๆๆ จะทำอะไรฉันลักกี้” พลอยชมพูเอ็ดเสียงหวาน ไม่อยากเสียภาพพจน์ต่อหน้าชายหนุ่ม ขณะถอยหน้าถอยหลังหลบร่างสี่ขาเป็นพัลวัน

รักษิตคงรอโอกาสนี้อยู่เหมือนกัน จึงรีบขึ้นรถ แต่ยังไม่ทันได้ออกรถ เซเลน่าก็เปิดประตู กระโดดขึ้นไปนั่งตอนหน้าคู่กับชายหนุ่ม

“คุณทำอะไร” รักษิตถาม

“ก็ไปกับคุณไง ออกรถเร็ว อยากให้คุณพลอยไปด้วยหรือไง” ไม้ตายของเซเลน่าได้ผล รักษิตขับรถออกไปอย่างเร็ว

“คุณรักรอพลอยด้วยสิคะ! คุณรัก !” พลอยชมพูจะวิ่งตามรถที่เพิ่งเคลื่อนออกไป หากเจ้าลักกี้ยังพันขาไม่หยุด ซ้ำยังกระโจนใส่จนล้มก้นกระแทก ยังผลให้หญิงสาวฟิวส์ขาด !

“อ๊าย ! อีหมาเ-ร ไปให้พ้นเลยไป๊ ! เดี๋ยวแม่จับทำลูกชิ้นซะเลยนี่”

ร่างสี่ขาวิ่งหายผลุบเข้าไปในบ้าน วิ่งตรงไปยังห้องนายผู้หญิง เพื่อทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตลอดทางไปบ้านภูมิ ไม่มีคำพูดหลุดออกจากปากรักษิตสักคำ ดวงตาของชายหนุ่มมองออกไปยังถนนเบื้องหน้า สองมือกำพวงมาลัยแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูด เวลากลางคืนเช่นนี้รถยนต์บนถนนค่อนข้างโล่ง ชายหนุ่มจึงขับรถได้สะดวก ประกอบกับใจที่เดือดดาลก็ยิ่งทวีความปรารถนาอยากจะไปให้ถึงที่หมายโดยเร็วที่สุด เซเลน่าจึงต้องคว้าที่จับเหนือศีรษะเอาไว้ให้มั่น กลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวาดเสียวก่อนตัดสินใจเอ่ยขึ้น

“ใจเย็นๆ นะคุณพี่รัก ฉันเชื่อว่าคุณพี่ภูมิยังรักคุณยาอยู่ แต่ที่คุณพี่ภูมิขอเลิกคุณยาอาจเป็นเพราะ...เพราะ...” คิวปิดสาวอ้ำอึ้ง คิดคำพูดไม่ออกว่าจะบอกเขาว่าอะไรดี

“คุณไม่ต้องคิดแทนหรอก ไม่มีใครรู้เหตุผลที่แท้จริงนอกจากตัวไอ้ภูมิมันเอง” เขาบอกด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดขณะเลี้ยวรถจากถนนใหญ่เข้าซอยเล็ก

แล้วจู่ๆ รักษิตก็เหยียบคันเร่งแรงขึ้น จนร่างหญิงสาวเอนไปข้างหน้า แล้วเอนไปข้างหลังจากการเบรคจอดรถต่อท้ายรถของภูมิที่จอดรอให้ประตูรั้วเหล็กอัลลอยด์ขนาดใหญ่ค่อยๆเปิดออกอย่างอัตโนมัติ
ผู้เป็นพี่ชายของรักษิยาเปิดประตูลงจากรถ ก้าวฉับๆ ไปหาเจ้าของรถเก๋งที่เพิ่งก้าวลงจากรถด้วยสีหน้าเจื่อนสนิทราวกับล่วงรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

“ไอ้ภูมิ !” รักษิตฟาดหมัดลงไปบนแก้มขาวอย่างจัง ยังผลให้อีกฝ่ายหน้าหันเซไปติดกับรถ

รักษิตกำลังจะปราดเข้าไปซ้ำ แต่ภูมิร้องว่า

“รัก นายฟังฉันก่อนนะ ที่ฉันทำไปก็เพราะฉันหวังดีกับยา หรือนายอยากจะให้ยาแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ได้รักยา”

สิ้นคำ รักษิตฟาดหมัดซ้ำลงไปอีกครั้ง โดยไม่สนใจเลือดที่ไหลซึมบนมุมปากของอีกฝ่าย ก่อนกระชากคอเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายอย่างโมโห “ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”

“นายหมายถึงใคร”

“ก็ผู้หญิงที่ทำให้นายเปลี่ยนใจจากน้องสาวฉันไงล่ะ”

“รัก ฉันไม่ได้มีผู้หญิงคนใหม่”

“งั้นนายขอเลิกกับยาทำไม น้องสาวฉันทำอะไรผิด !” รักษิตตะโกนถามใส่หน้าอีกฝ่าย

“ยาไม่ผิด ฉันผิดเอง ฉันผิดที่ฉันไม่ได้รักยาแล้ว !” ภูมิตะโกนกลับ
รักษิตกำลังจะเงื้อหมัดซ้ำลงไปบนหน้าขาวอีกครั้ง หากถูกหญิงสาวที่นั่งรถมาด้วยเข้าห้าม

“คุณพี่รักอย่า !” คว้าแขนของชายหนุ่ม ใบหน้าซีดเผือดอย่างรู้สึกผิด ความผิดพลาดของหล่อนทำให้ความสัมพันธ์ดีๆ ของชายหนุ่มสองคนที่เป็นเพื่อนรักกันมานานต้องสั่นคลอน หล่อนอยากจะบอกความจริงกับพวกเขาให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยว่าแท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้น หากทำไม่ได้ เพราะไม่เช่นนั้นพลังของหล่อนจะลดน้อยจนอาจจะดับสูญไป และนั่นก็หมายความว่าฤทธิ์จากปลายศรก็จะสถิตอยู่ในร่างของนายภูมิตลอดไป
ดังนั้นสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดในตอนนี้คือดับไฟโทสะที่ลุกโชนอยู่ในใจของรักษิตให้ได้ก่อนที่ความสัมพันธ์ของสองหนุ่มจะขาดสะบั้นลง

“คุณพี่รักอย่าทำร้ายคุณพี่ภูมิเลยนะคะ ฉันขอร้อง” หญิงสาวเว้าวอน

“เอแคร์ กลับไปรอที่รถ” รักษิตสั่งเสียงเข้ม ดวงตาคมเข้มเป็นประกายวับวาว เห็นท่าว่าเขาจะไม่หายโกรธง่ายๆ จึงต้องงัดไม้ตายออกมาใช้

คิดแล้ว เซเลน่าก็ก้มหน้า นึกถึงเรื่องเศร้าที่สุดที่เคยประสบมา หากนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามา หล่อนเลือกจะมองมันในแง่บวก เรื่องเศร้าเหล่านั้นจึงมิอาจสร้างความสะเทือนใจให้จนถึงขั้นน้ำตาไหลได้ ใช้ทางตรงไม่ได้ก็ใช้ทางลัด เซเลน่ายกมือปิดปาก แอบกัดมืออย่างแรง หวังให้ความเจ็บปวดช่วยสร้างน้ำตา

“โอ๊ย !” เซเลน่าร้องเพราะกัดแรงเกินไป และปลายลิ้นยังได้ลิ้มรสกับกลิ่นคาวปะแล่มๆ พอยกฝ่ามือออกดูถึงเห็นน้ำสีแดงสดไหลออกจากบาดแผล

“เลือด !?” ถึงจะรู้ว่าสร้อยปีกนกบนลำคอจะทำให้หล่อนกลายเป็นมนุษย์ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยังอดตกใจไม่ได้ตามประสาผู้ที่ไม่เคยมีเลือดเป็นส่วนประกอบหนึ่งในร่างกายมาก่อน

“เอแคร์ คุณทำอะไร” รักษิตลดหมัดลงมาจับมือหญิงสาวแทน

หล่อนส่ายหน้า น้ำตาไหลเอ่อสมใจก็จริง แต่พอมองเลือดบนมือ มันกลับมีอาการวิงเวียน ตาลายหูอื้อพ่วงท้ายมาด้วยเหมือนร่างกายเสียศูนย์จนเซอย่างควบคุมไม่อยู่

“เอแคร์ !” รักษิตรวบเอวบางเอาไว้แน่น ดวงตาคมเข้มแปรเปลี่ยนเป็นประกายของความห่วงใย น้ำตาของหญิงสาวคงได้ผล หากหล่อนก็ยังร่ำร้อง

“กลับบ้านกันเถอะค่ะคุณพี่รัก ฉัน...ฉันเห็นเลือดแล้วเวียนหัว ตาลายไปหมดแล้ว”

“พาเอแคร์เข้าไปพักในบ้านก่อนไหม” ภูมิเสนอ สายตาจับจ้องอยู่ที่รักษิต “เราจะได้คุยกัน”

“ไม่เอา ฉันจะกลับบ้าน” หญิงสาวเป็นฝ่ายปฏิเสธ ก่อนรวบรวมแรงเว้าวอนชายหนุ่มที่กำลัง ตระคองกอดหล่อนอยู่ “นะคะคุณพี่รัก กลับบ้านเราเถอะนะคะ ฉันเวียนหัว ฉันอยากกลับบ้าน”

“จะกลับยังไงไหว เข้าไปทำแผลหรือนอนพักสักตื่นก่อนก็ได้” ภูมิค้าน ตั้งใจว่าถ้าได้อยู่ตามลำพังกับรักษิต เขาจะยอมรับไปตรงๆ ว่าเพราะหัวใจของเขามันดันรักรักษิตไงล่ะ เขาถึงต้องเลิกกับรักษิยา

ทว่าคิวปิดสาวคาดเดาความคิดนั้นของภูมิได้

“ไม่เอา ฉันไม่ทำแผล ฉันไม่นอน ฉันจะกลับบ้าน” คราวนี้หญิงสาวร้องไห้โฮ เลือดบนมือทำให้สติใกล้หมด และถ้าหล่อนไม่สามารถแยกรักษิตไปจากนายภูมิได้ นึกไม่ออกเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง “นะคะคุณพี่รัก พาฉันกลับบ้านเถอะนะ”

“แต่นายอยากจะคุยกับฉันไม่ใช่เหรอรัก” ภูมิยังไม่เลิกตื๊อ
รักษิตหยุดไปนิด ก่อนตัดสินใจ

“ในเมื่อนายบอกว่าไม่ได้รักน้องสาวฉันแล้ว ฉันก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว ฉันไม่มีอะไรต้องพูดกับนายอีก” รักษิตเน้นทุกคำพูด ดวงตาคมเป็นวาวโรจน์อย่างที่ภูมิไม่เคยเห็นมาก่อน

ภูมิอยากรั้งตัวบุคคลผู้เป็นที่รักยิ่งเอาไว้ ทว่ารักษิตก็ประคองกอดหญิงสาวขึ้นรถขับออกไปอย่างไม่ไยดี เท่านั้นน้ำตาลูกผู้ชายก็ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

รักษิตกลับมาถึงบ้านก็พาเซเลน่าที่ใบหน้ายังซีดเซียวจากอาการกลัวเลือดเข้าไปในห้องนั่งเล่น ช่วยทำแผลบนฝ่ามือให้ ก่อนจะหาน้ำเย็นให้หญิงสาวดื่ม แล้วขึ้นไปดูน้องสาวบนห้องด้วยความห่วงใย

เซเลน่าเป็นห่วงรักษิยาไม่น้อยไปกว่าเขา แต่หล่อนมีหน่วยดูแลความปลอดภัยมารายงานอาการของรักษิยาตั้งแต่กลับมาถึงแล้ว ว่ารักษิยานอนร้องไห้จนผล็อยหลับไป เซเลน่าถึงคลายความกังวลลงได้บ้าง

ไม่นานรักษิตก็กลับลงมา ใบหน้าของชายหนุ่มขรึมระคนอ่อนล้า

“คุณยาเป็นยังไงบ้างคะ” เซเลน่าถามเพราะอยากรู้อาการของหญิงสาวให้แน่ใจอีกครั้ง

“หลับไปแล้ว แล้วคุณล่ะ ยังเจ็บแผลอยู่ไหม” เขายังมีแก่ใจเป็นห่วงหล่อน ทั้งๆที่ตัวเขาเองกำลังกลุ้มใจเรื่องรักษิยาและภูมิมาก

“ไม่เจ็บแล้ว”

ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนถาม “แล้วนึกยังไงถึงกัดมือตัวเอง”

“ฉันตกใจที่คุณกับคุณพี่ภูมิทะเลาะกัน แล้วคุณจะเลิกเป็นเพื่อนกับคุณพี่ภูมิไหม” เซเลน่าถาม

“ไม่รู้สิ” น้ำเสียงนั้นนิ่งเฉยจากยากจะคาดเดาความคิดที่แท้จริงของชายหนุ่ม ทว่ามันก็สร้างความไม่สบายใจให้ผู้ที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้

“คุณพี่รักคะ ฉันขอร้อง คุณอย่าเลิกเป็นเพื่อนกับคุณพี่ภูมิเลยนะคะ ฉันจะช่วยทำให้เรื่องนี้จบลงเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน แล้วคุณพี่ภูมิก็จะกลับไปรักคุณยาคนเดียวเหมือนเดิม”

“คุณจะทำยังไง” รักษิตถาม หากไม่ได้ถือสากับคำพูดของหญิงสาว เพราะคิดว่าเป็นเพียงความหวังดีที่หญิงสาวมีต่อตนและรักษิยาเท่านั้น

“ฉันก็ยังไม่รู้ แต่ฉันจะช่วยพวกคุณให้ได้ ขอแค่คุณอย่าเพิ่งเกลียดกันก็พอ”
วงหน้านวลที่เคยมีแต่รอยยิ้มกลับเศร้าหมองจนชายหนุ่มสงสารที่หล่อนต้องมาทุกข์ใจกับปัญหาของครอบครัวเขา “ปล่อยให้เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของผมจัดการดีกว่า คุณอย่าเป็นห่วงเลย” บอกและโน้มตัวเข้าไปใกล้แล้วลูบศีรษะทุยเบาๆ

“แต่ฉันหวังดีกับคุณจริงๆ นะคะคุณพี่รัก ฉันจะต้องช่วยคุณให้ได้เลยคอยดูสิ”

“ถ้าอยากช่วยผม งั้นคุณก็ช่วยเป็นกำลังใจให้ผมก็แล้วกันนะ” รักษิตทิ้งตัวลงบนโซฟา หลับตาลง ท่าทางของชายหนุ่มเหน็ดเหนื่อย

เซเลน่าจึงเขยิบเข้าไปใกล้แล้วหอมแก้มชายหนุ่มฟอดใหญ่เบาๆ ก่อนถอนริมฝีปากนุ่มออกจากแก้มสาก เส้นดวงตาภายใต้คิ้วหนาลืมขึ้น หันไปมองหญิงสาวที่อมยิ้มอยู่ข้างๆ อย่างคาดไม่ถึง

“เป็นยังไงคะ คุณพี่รักหายเหนื่อยหรือยัง หรือว่ายังต้องการกำลังใจอีก” หญิงสาวขยับ รักษิตต้องรีบบอกทันควัน

“ผมหายเหนื่อยแล้ว ว่าแต่คุณไปเอาวิธีให้กำลังใจแบบนี้มาจากไหน”

“ฉันดูหนังเมื่อวันก่อน ในเรื่องคุณพ่อให้กำลังใจลูกสาวจะไปสอบอะไรสักอย่าง พ่อเขาก็หอมแก้มแบบที่ฉันทำเมื่อตะกี้ไงคะ” หล่อนบอกหน้าตาเฉย

“แต่คุณกับผมไม่ได้เป็นพ่อลูกกัน วันหลังอย่าทำแบบนี้อีกรู้ไหม มันไม่ดีกับตัวคุณ” รักษิตเตือน

“แล้วมันดีกับตัวคุณพี่รักหรือเปล่าคะ” เซเลน่าถามอย่างสงสัย
รักษิตอึ้ง ตัดบทไปว่า “ไปเข้านอนเถอะ ดึกมากแล้ว เดี๋ยวผมจะทำงานต่อ”

“ค่ะ” หญิงสาวรับคำอย่างว่าง่าย “ถ้าอยากได้กำลังใจอีกบอกฉันนะคะ” สั่งแล้วถึงเดินขึ้นชั้นสองไปทันที

รักษิตมองตามร่างบางก้าวขึ้นบันได ใบหน้าที่ขรึมมาหลายชั่วโมงเริ่มผ่อนคลายลง อันเป็นผลจากรอยจูบที่มันสร้างกำลังใจให้เขาได้อย่างน่าประหลาด

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ส่วนเซเลน่าเองเมื่อให้กำลังใจชายหนุ่มไปแล้วก็อาการสั่นไหวที่หัวใจจนอดยิ้มกับตัวเองไม่ได้ เพิ่งรู้ว่าเวลาให้กำลังใจใครไป เราก็จะได้รับความรู้สึกดีๆ กลับคืนมาด้วย
พอเปิดประตูเข้าไปในห้อง เห็นร่างบางนอนห่มผ้าอยู่บนเตียงนอน ความสุขก็แปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกผิด คิวปิดสาวค่อยๆ เดินเข้าไปชะโงกหน้าดูรักษิยา

เมื่อแน่ใจว่าหญิงสาวหลับสนิทแม้จะมีอาการสะอื้นเป็นระยะๆ จึงเข้าไปในห้องน้ำ แล้วถอดสร้อยปีกนกออกกลายร่างเป็นคิวปิด หลับตานึกถึงลักษณะบ้านของนายภูมิก่อนหายตัวแว่บไปปรากฏตัวอยู่หน้าบ้านตรงตำแหน่งที่รักษิตกับภูมิทะเลาะกัน

คิวปิดสาวหายตัวเข้าไปภายในบ้านแล้วหายตัวเข้าห้องนั้นห้องนี่ตามหานายภูมิจนกระทั่งพบเขานอนก่ายหน้าผากอยู่ท่ามกลางความมืดในห้องหนึ่ง เขายังอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตกับกางเกงขายาวสีดำเหมือนเดิม เซเลน่าเดินเข้าไปหยุดยืนข้างเตียง รอยเขียวช้ำตรงมุมปากของชายหนุ่มปรากฏอย่างชัดเจน หยาดน้ำใสๆ ไหลรินออกจากหางตา อาการของภูมิกับรักษิยาไม่ต่างกัน ทั้งสองกำลังเป็นทุกข์เพราะความรัก...ทุกข์เพราะถูกคนรักกันทำลายหัวใจ...ทุกข์เพราะมิอาจเปิดเผยความในใจให้อีกฝ่ายรู้ได้ ซึ่งสาเหตุจากทุกข์เหล่านั้นก็มาจากคิวปิดสาวที่กำลังยืนกลัดกลุ้มหาทางแก้ปัญหานี้ไม่ออกอยู่ข้างเตียงภูมิ

“ฉันขอโทษนะคะ” สำหรับชายหนุ่ม หล่อนทำได้ดีที่สุดเพียงเท่านี้ เพราะผู้ที่หล่อนต้องคิดหาทางช่วยเหลือมากที่สุดคือผู้ที่มีอยู่ใกล้เส้นมรณะเพราะเรื่องความรักอย่างรักษิยา

และไม่มีใครรู้ล่วงหน้าได้ด้วยว่า ชีวิตของมนุษย์สาวจะเดินเข้าไปแตะเส้นมรณะเมื่อใด

************************************

ตอบคุณเบญจามินทร์ - ขอบคุณนะคะ ที่ติดตามกันตลอดๆ



สาธิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ก.ค. 2554, 11:53:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ก.ค. 2554, 11:53:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 1453





<< ตอน 10   ตอน 12 >>
เบญจามินทร์ 25 ก.ค. 2554, 10:21:52 น.
เหนื่อยใจกับความรู้สึกภูมิ รอดูทางออก รอปอมปอมปรากฏตัวด้วย


วิรัตต์ยา 25 ก.ค. 2554, 15:08:58 น.
ว้ายยยยย หอมแก้มอ่ะ อยากจะมีคนให้กำลังใจด้วยวิธีแบบนี้บ้างจั๊ง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account