ตราบฟ้าไร้ดาว
พี่หิน หนุ่มน้อยนิรนาม ผู้มามอบโลกใบใหม่ที่สดใสสวยงามให้น้องเอ๋ย และจากไปพร้อมกับโลกใบนั้น
ทิ้งไว้แต่โลกมืด โลกไร้สุขและสิ้นหวังเอาไว้ให้
น้องสาวที่เขาเองก็รักปานดวงใจ


‘พี่รักเอ๋ยนะจ๊ะ สามสี่วันที่ออกเรือ พี่คงจะต้องเป็นบ้าแน่ๆ เพราะคิดถึงเอ๋ย แล้วเอ๋ยล่ะ รักพี่และจะคิดถึงพี่หรือเปล่า’

‘ไหนบอกให้พี่ชื่นใจหน่อยสิจ๊ะคนดี’

‘บอกให้พี่ได้ยินหน่อยสิจ๊ะคนดีของพี่ เดี๋ยวเราต้องรีบกลับเข้าบ้านกันแล้วนะ’

‘ถ้าเอ๋ยไม่บอก พี่ต้องตายเพราะอยากรู้แน่ๆ เลย นะนะ บอกพี่ที’

‘ถ้าเอ๋ยไม่บอก พี่ต้องตายเพราะอยากรู้แน่ๆ เลย นะนะ บอกพี่ที’

‘ถ้าเอ๋ยไม่บอก พี่ต้องตายเพราะอยากรู้แน่ๆ เลย นะนะ บอกพี่ที’


วรินรำไพ หรือ เอ๋ย หญิงสาวผู้ไม่หลงเหลือหัวใจให้ใครได้แล้ว
นอกจาก 'พี่หิน' คนเดียวเท่านั้น


“พี่หินจ๋า! เอ๋ยมารับพี่หินแล้ว พี่หินอยู่ไหนจ๊ะ พี่หินกลับมาหาเอ๋ยสิจ๊ะ”

น้ำตาที่ไม่เคยเหือดแห้งนั้น หลั่งไหลลงมาอีกมากมาย เมื่อภาพในค่ำคืนนั้นลอยมาอยู่ตรงหน้าสาวน้อยที่กำลังเจ็บเสียด แน่นที่อกเพราะความเสียใจ

“เอ๋ยรักพี่หินจ๊ะ พี่หินได้ยินมั้ยจ๊ะ ว่าเอ๋ยรักพี่หิน”

“เอ๋ยจะรักเพียงพี่หินคนเดียวเท่านั้น พี่หินต้องกลับมาหาเอ๋ยนะจ๊ะ เอ๋ยรู้ว่าพี่หินยังไม่ตาย”

ร่างเล็กยกเสื้อผ้าพี่ชายขึ้นมากอดไว้ ก่อนจะแนบแก้มลงไปหา ปล่อยให้หยาดหยดน้ำตาไหลรินลงไปใส่ ประหนึ่งอยากให้พี่ชายที่แสนดีมาซับน้ำตาที่หลั่งรินออกมาเพราะความเสียใจอย่างสุดซึ้งก็ไม่ปาน

“เอ๋ยจะรอพี่หินอยู่ตรงนี้ตลอดไป พี่หินได้ยินมั้ยจ๊ะ ว่าเอ๋ยจะรอพี่หินคนเดียว และจะรักพี่หินคนเดียวเท่านั้น”

ประโยคอ้อนวอนของพี่ ตกย้ำซ้ำเติมให้น้ำตาน้องหลั่งรินออกมามากมายแล้วแทบจะกลายเป็นสายเลือด เพราะความเสียดายที่ไม่ได้บอกคำที่พี่อยากได้ยินออกไป ถ้าเพียงแต่น้องคนนี้ล่วงรู้ว่าความตายจะมาพรากพี่ไปจากน้องในรวดเร็วขนาดนี้

“เอ๋ยรักพี่หินจ๊ะ รักและจะรอให้พี่หินกลับมาหาเอ๋ยอีก กลับมาสร้างบ้านในฝันของเรา กลับมาอยู่กับเอ๋ย มีลูกตัวเล็กๆ กับเอ๋ย แล้วเราจะจูงลูกไปส่งโรงเรียน เหมือนที่พี่หินบอกไว้ไงจ๊ะพี่หินจ๋า”

กายเล็กๆ และยังกอดเสื้อผ้าพี่หินอยู่นั้น ค่อยๆ รูดเลื่อนไปตามผนังเก๋งเรือลงไปหาพื้น เมื่อมีประโยคอ้อนวอนของพี่ลอยมาตอกย้ำความผิดพลาดไม่ขาดหาย

และถ้าเพียงเลือกได้อีกครั้ง ถ้าเพียงย้อนเวลากลับมาได้อีกครั้ง ถ้าเพียงมีพี่ชายที่แสนดีอยู่ข้างกายอีกครั้ง ถ้าเพียงค่ำคืนสุดท้ายที่ได้อยู่กับพี่ชายแบบนั้นอีกครั้ง

“เอ๋ยรักพี่หินจ๊ะ รักมาก รักมากยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก และพี่หินจะอยู่ในใจเอ๋ยตลอดไปจ๊ะ แล้วเอ๋ยก็จะรอ รอวันที่พี่หินกลับมาหาเอ๋ย กลับมาฟังคำบอกรักจากเอ๋ย กลับมาทำความฝันที่เรามีด้วยกัน เอ๋ยจะรอพี่หินจ๊ะ ต่อให้เอ๋ยจะต้องไปตลอดชีวิต เอ๋ยก็จะรอพี่หินคนเดียว จะรักและจะรอพี่หินของเอ๋ยคนเดียว ไม่ว่าจะนานแค่ไหน เอ๋ยก็จะรอ”


ชลธิป จิระธนานนท์ หรือ คุณร๊อค
ผู้บริหารหนุ่มเจ้าของ‘ตาเบบูญา บางปูปาร์ค รีโซเทล แอนด์ สปา’
ผู้ที่หวนกลับมาทำร้ายคนที่เขารักปานดวงใจ
โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว กระทั่งวินาทีสุดท้าย



“นรกสำหรับคุณไง!”

เขาคว้าแขนเล็กๆ ไว้แล้วกระชากตามตัวไปอย่างแรง

“เงียบทำไม! ถึงเวลาที่คุณจะต้องอธิบายให้ผมฟังได้แล้ว ว่าคุณทำยังไงถึงได้รอดจากการติดคุก ถ้าเหตุผลเพียงเพราะคุณอยากได้ตัวผม เงินผม คุณก็บอกมาดีๆ สิ ผมจะจัดให้!”

“...”

“เงียบทำไม! คุณบอกผมมาสิว่าทำไม! ตอบผมมาให้ได้! ไม่อย่างนั้นคุณจะต้องเสียใจกับการกระทำของคุณเอง! ตอบผมมา!!!”

ประตูห้องเปิดออกได้ ร่างผอมบางก็ถูกกระชากแขนอย่างแรงเข้าไปในห้องจนกระแทกกับตู้เสื้อผ้า ทว่าวริญรำไพก็ไม่คิดจะพูดอะไรออกมา นอกจากมีน้ำตาไหลรินอาบสองแก้มเท่านั้น

“คุณพูดไม่ออกเหรอ! หรือบอกผมไม่ถูกว่าคุณใช้วิธีไหน ถึงได้รอดคุกมา!”

“ฉันเปล่า ฉันไม่ได้ทำอะไร คุณก็รู้ว่ามันเป็นอุบัติเหตุ”

“ผมไม่โง่พอที่จะเชื่อคำของคุณ เหมือนพ่อผม เหมือนพ่อตาผม เหมือนทนายนั่น หรือเหมือนไอ้หน้าโง่คนไหนทั้งนั้น เพราะผมรู้ดีว่าคุณมันแผนสูง คุณมันเก่งเรื่องมารยาสาไถจนผมเกือบจะหลงเชื่ออยู่แล้ว บอกผมมาสิ ว่าคุณไปทำอีท่าไหนทุกคนถึงได้เชื่อคุณนัก คุณลงทุนเอาตัวไปประเคนให้ถึงเตียง เหมือนที่ประเคนให้ไอ้ล่ำนั่นหรือเปล่า!!!”

“ฉันเปล่า คุณกำลังเข้าในฉันผิด”

“ใช่! ผมเข้าใจคุณผิด ผิดมาโดยตลอดที่คิดว่าคุณมันเป็นคนดี! คนซื่อ คนสะอาดบริสุทธิ์! แต่ตอนนี้ผมเข้าใจถูกต้องแล้ว ว่าคุณมันเลวยังไง! คดยังไง! สปรกแค่ไหน! ในตัวคุณมันเต็มไปด้วยคราบคาวของผู้ชายรวยๆ กี่สิบคนแล้ว หรือกี่เที่ยวแล้วล่ะ คุณถึงได้พ้นผิด คุณไปแบให้ตั้งแต่ร้อยเวรที่โรงพักยันไอ้ทนายมือหนึ่งนั่นเลยหรือเปล่า! พวกเขาถึงได้เชื่อ จนปล่อยให้คุณออกมายืนหน้าตาเฉยแบบนี้ได้ ทีนี้ก็ถึงเวลาที่คุณจะทำให้ผมเชื่อเหมือนคนพวกนั้นบ้างแล้วล่ะ”

“ไม่จริง! ฉันไม่เคยทำอะไร คุณกำลังเข้าใจผิดค่ะ ฉันไม่เคยทำแบบนั้น!”

“ผมไม่เชื่อ!!! หรือถ้าคุณอยากให้ผมเชื่อ ก็ให้ผมพิสูจน์สิ! ว่าคุณมันบริสุทธิ์จริง! อย่าดีแต่เสแสร้ง!” เขาเข้าไปจับสองไหล่เหวี่ยงไปหาเตียง

“โอ๊ย!!!”

จนร่างผอมๆ ร้องด้วยความจุก “คุณเจ็บเหรอ! แค่นี้มันยังน้อยไป! มันยังไม่สาสมที่คุณทำให้ผมเจ็บ! ต่อไปนี้คุณก็เชิญมีชีวิตอยู่ในขุมนรกกับผมก็แล้วกัน!”

ร่างเล็กๆ ถูกร่างใหญ่ๆ ล็อกไว้กับเตียงทันที ปากก็ร้องขอ อ้อนวอนต่อเขาทั้งน้ำตา “อย่า!!! ได้โปรด!!! อย่า!!!”

“นี่เป็นคือคำพิพากษาสูงสุดจากผมสำหรับผู้หญิงชั่วอย่างคุณ!!!”

“อย่า!!! ได้โปรดอย่าทำ...”

เรี่ยวแรงในกายที่เคยมีตอนนี้หดหายไปหมดแล้ว เมื่อถูกอีกกายตรึงไว้กับเตียงใหญ่ แล้วระดมจูบอย่างรุนแรง ไร้ซึ่งความปรานีใดๆ จนเดาได้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเอง เมื่อเขายื่นความจำนงค์ให้รู้อย่างโจ่งแจ้ง

“อย่า!!! ได้โปรด!!! อย่าทำอย่างนี้กับฉัน!!!”

“อย่ามาขอชีวิตจากยมบาลอย่างผม! เพราะไม่มีทางที่ผมจะปล่อยให้คุณลอยนวลอยู่ได้โดยไม่ต้องชดใช้อะไรแน่!!! คุณต้องตาย! และต้องตายทั้งเป็นด้วย!!!”


ดลยา นิติพงษ์พาณิชย์ หรือ คุณย่า
สาวผู้เกิดมามีทุกอย่างพร้อมสรรพ ไม่ว่าจะเป็นรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ
และมีเป็นที่รักของผู้คนรอบข้าง เพราะเธอนั้นแสนดีจนเป็นที่เลื่องชื่อ
จนได้หัวใจของชลธิปไปครอบครอง


“มาแล้วตากล้องมือดีที่คุณย่าจองตัวไว้ เอ๋ยมารู้จักคุณย่าเร็วๆ เข้า”

พอไปถึงซุ้มเรือนไทยที่ใช้เป็นที่ตระเตรียมข้าวของ เจ้านายสาวก็รีบลากแขนให้เดินตรงไปหาว่าที่เจ้าสาวที่อยู่ในชุดขาวสะอาดตา สวยงามราวเทพธิดาจำแลงกายมาก็ไม่ปาน

“สวัสดีค่ะคุณเอ๋ย ได้เจอตัวกันสักทีนะคะ หลังจากที่คาดกันมาสองสามรอบแล้ว”

ดลยาเป็นฝ่ายเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสก่อน วริญรำไพที่ยกมือไหว้ดวงกมลแล้วถึงได้หันไปหาลูกค้าซุปเปอร์วีไอพี “สวัสดีค่ะคุณย่า ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

แล้วก็ยกมือไหว้ทักทายพร้อมส่งยิ้มบางๆ เพียงเล็กน้อยให้ตามสไตล์ที่ทุกคนมักจะคุ้นเคย “เช่นกันค่ะ ยังไงก็ต้องใช้ฝีมือถ่ายภาพย่าออกมาให้สวยที่สุดเลยนะคะ”

“ค่ะ งั้นเอ๋ยขอตัวไปเตรียมกล้องก่อนนะคะ”

ดลยาหันไปหาดวงกมลกับสุภาภรณ์แล้วยิ้มให้อย่างรู้กัน เพราะตอนที่แต่งตัวอยู่บนห้อง ทั้งสองบอกไว้แล้วว่าตากล้องสาวผมยาวถึงเอวเป็นคนพูดน้อย เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ค่อยสังสรรหรือสุงสิงกับใครมากนอกจากจะเกี่ยวข้องกันในเนื้องาน


อติรัตน์ จิระธนานนท์
ผู้หญิงที่กุมชะตากรรมทุกคนไว้ในมือ
ผู้หญิงที่เห็นแก่ตัว ไม่สนใจใครหรืออะไรทั้งสิ้น
นอกจากหน้าตาทางสังคม ความเหมาะสม และผลประโยชน์


“ไม่ต้องมาสำบัดสำนวนกับฉันให้มากความหรอก!! เท่าไหร่บอกมา!!!”

“ห้าล้านพอมั้ย!!!” อติรัตน์รีบยื่นข้อเสนอ

“ถ้าน้อยไปก็สิบล้าน!!! แล้วเธอก็ต้องปิดปากให้เงียบ!!! อย่าบอกเรื่องนี้กับใคร!!!”

“งั้นก็ยี่สิบล้าน! ค่าช่วยชีวิตลูกฉัน อีกสิบล้าน! สำหรับเธอที่ต้องปิดปากเงียบ อีกสิบล้าน! สำหรับการเดินไปจากชีวิตลูกฉันซะ และอีกสิบล้าน! สำหรับการไปแล้วไม่ต้องหวนกลับมาหาลูกฉันอีก ทั้งหมดห้าสิบล้าน!!! ฉันว่าเธอรวมคนทั้งเกาะหาไปตลอดชาติก็ไม่มีทางได้เห็นเงินก้อนนี้ด้วยซ้ำ”

“ว่าไง!! จะเอาหรือไม่เอา! อย่ามาลีลาเพื่อจะขึ้นค่าปิดปากนะฉันไม่ชอบ! หรืออยากได้เท่าไหร่ก็บอกมา! ฉันจะชดใช้ให้!!!”

“อย่ามาเล่นลิ้นกับฉันนะ! บอกมาอยากได้เท่าไหร่ฉันจะจ่าย!!!”

“อย่ามาตีฝีปากกับฉัน!!! เธออยากได้อะไรฉันจะชดใช้ให้!!!”

“บอกมาว่าต้องการเท่าไหร่! ฉันจะจ่ายให้!!! แล้วรีบไสหัวออกไปจากชีวิตพวกฉันสักที!!! ฉันเบื่อที่จะต้องตามแก้ปัญหาที่เธอคอยตามสร้างให้เต็มทีแล้ว!!!”

“ทำไมฉันต้องสนด้วย!!!”




==========================================================

สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย

หนึ่งคอมเม้นต์คือหนึ่งแรกผลักดันและกำลังใจของคนเขียนนะคะ
แต่ยินดีต้อนรับนักอ่านเงาทุกท่านค่ะ

นิยายของกันเกราเรื่องไหนที่ยังไม่ได้ทำสัญญากับ สนพ. ยินดีจะลงให้อ่านจนจบเรื่องค่ะ แต่ถ้าเรื่องไหนทำสัญญาแล้ว ขออนุญาตลงแค่ครึ่งเดียวนะคะ

ขอบคุณค่ะ สำหรับทุกๆ กำลังใจที่มีให้เรื่อยมา
ยิ้มมมมมมมมมมมมมมมมม


Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: จุมพิตอันหวานล้ำ ๑๐๐%

“งั้นเอ๋ยก็รีบขึ้นนอนเถอะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พี่ก็เหนื่อย แต่ก็คงจะยังนอนไม่ได้ ว่าจะกลับไปดูอะไรต่อมิอะไรที่ออฟฟิศก่อนถึงจะกลับ พรุ่งนี้ก็ขอให้งานเสร็จตามที่หวังไว้นะ”

“ค่ะ”

ลูกน้องยิ้มให้เจ้านายที่ร่ายยาวตามสไตล์ แถมลุกสะพายกระเป๋าแล้วเดินผละไปในทันที โดยไม่สนใจคำตอบใดๆ อีกตามเคย

และยิ้มบางๆ ก็มีให้เจ้านายตามเคย ก่อนจะรีบลุกออกจากห้องอาหารตรงขึ้นห้องพัก แล้วรีบอาบน้ำเตรียมเข้านอนเพราะต้องเก็บแรงไว้ลุยพรุ่งนี้ แต่พอออกจากห้องน้ำมา มือถือก็ส่งสัญญาณเตือน

‘คุณต้องมีภาพพวกนี้ไว้ทำพรีเซ็นให้ผม ลงมาที่สนามพร้อมกล้อง’

‘แล้วเจอกันครับ/ร๊อก’

เลยต้องรีบแต่งตัวแล้วลงไปสนามพร้อมของที่เขาสั่ง ก็เห็นเขาชูกล้องวีดีโอในมือให้สัญญาณ วริญรำไพจึงรีบก้าวเร็วๆ ไปหาทันที

“คุณจะให้ถ่ายอะไรคะ”

“...”

เขาไม่ได้ตอบ แต่ยกนิ้วชี้ปิดปากไว้ เป็นเชิงบอกให้รู้ว่าห้ามใช้เสียง จากนั้นไฟในสามและทุกที่ต่างดับพร้อมกัน ได้ยินแต่เสียงวิทยุสื่อสารที่ช่างเทคนิคคุยตอบโต้กันไปมา

ไม่นาน!

โรมิโอกับจูเลียตก็สว่างไสวขึ้นด้วยไฟที่ประดับรอบตัวตึกเป็นรูปนาฬิกาทรายที่มีทรายกำลังไหลลงไปให้เห็นอย่างชัดเจน วริญรำไพไม่รอช้าที่จะยกกล้องขึ้นมากดชัตเตอร์เก็บภาพไว้

เลนน์ไวน์ถูกซูมขึ้นไปบนยอดตึกที่มีป้ายชื่อสองหนุ่มสาวแห่งเวโรน่าประดับไฟสวยงามอยู่ในกรอปรูปหัวใจเคียงข้างเป็นคู่ครองกันไว้ไม่ให้แยกจากกันไปไหน เหมือนในนิยายที่ใจร้ายพรากทั้งสองออกจากกัน

ตรงกลางระหว่างสองยอดตึก ก็มีจอแอลอีดีขนาดมหึมาฉายถาพดอกตาเบบูญาสีชมพู สีเหลือง หรือแม้แต่ดอกโคมญี่ปุ่นหลากสีสลับไปมาน่ามอง ยิ่งถอยหลังไปไกลๆ แล้วก็เห็นภาพคมชัดยิ่งขึ้น

“ถ้าพรีเซ็นเทชั่นที่คุณทำเสร็จ ก็จะถูกฉายอยู่บนนั้นด้วย แล้วผมก็จะขอภาพวิวทั้งหมดที่คุณถ่ายๆ ไว้มาฉายบนจอเรื่อยๆ เป็นเดือนก็คงไม่ซ้ำหรอกมั้ง จริงมั้ยครับ”

ชลธิปที่ถอยถามมา ขณะมือยังประคองกล้องวีดีโอถ่ายภาพแสงสีเก็บไว้ในเบื้องต้น ส่วนจองจริงพรุ่งนี้ค่ำเขาจะให้ทีมงานมาถ่ายเอาใหม่คงจะได้ภาพคมชัดกว่าเป็นแน่

“ได้ค่ะ”

วริญรำไพหันไปมองเขาครู่หนึ่งก่อนจะส่งสายตาไปยังวิวไฟน์เดอร์เพื่อเก็บภาพเอาไว้ให้ได้มากที่สุด กระทั่งการเทสไฟจบสิ้นลง โรงแรมก็สว่างไสวด้วยไฟอีกครั้งไม้

ส่วนไฟที่ประดับอยู่หญิงสาวได้ยินเขาส่งเสียงสั่งช่างเทคนิคว่าให้เปิดทิ้งไว้ทั้งคืนเลย แล้วช่างก็ต่างแยกย้ายกลับ คงเหลือแค่สองคนบนสนามเท่านั้น ฝนก็เริ่มตกปรอยๆ ลงมาด้วยแล้ว

“การแสดงแสงสีเรียบร้อยไปแล้ว จะเหลือก็แต่แสดงเสียงถ้าคุณอยากฟังต้องไปบนดาดฟ้าด้วยกันนะครับ”

ชลธิปปิดกล้องแล้วหันไปหาคนข้างๆ ที่กำลังปิดกล้องในมือเช่นกัน ในหัวก็ครุ่นคิดว่าจะเอายังไงกับคำชวนของเขาดี “เอ่อ! คุณไปก่อนดีกว่ามั้ยคะ” แต่สุดท้ายก็ตอบตกลงแบบกรายๆ

ชลธิปรู้ได้ทันทีว่าหญิงสาวหวาดหวั่นว่าใครจะมองไปในทางที่ไม่ดี “งั้นคุณขึ้นไปก่อนผมดีกว่า อีกหน่อยผมจะตามไป เอากล้องมาฝากผมไว้ก่อนก็ได้ แล้วเจอกันตรงประตูดาดฟ้าครับ”

วริญรำไพก้าวไปอย่างคนไม่ใคร่จะมั่นใจนัก แต่สุดท้ายก็มายืนอยู่ตรงประตูดาดฟ้าแล้ว ไม่กี่อึดใจก็เห็นเขาเดินขึ้นมา เปิดประตูห้องตรงข้ามเข้าไป แล้วกลับออกมาตัวเปล่าไม่มีกล้องกับวีดีโอ

เลยเข้าใจได้ทันทีว่านั่นคือห้องพักของเขา และเป็นห้องที่ตรงข้ามกับห้องที่ตัวเองพัก เขาส่งยิ้มให้แล้วก้าวข้ามบันไดทีละสามขั้นขึ้นมาหา

“มาครับเดี๋ยวเสียงจะหมดก่อน”

มือบางถูกเขาจูงไปก้าวเดินเข้าไปใต้ซุ้ม “คุณจะให้ฉันมาฟังเสียงอะไรคะ...” วริญรำไพพูดยังไม่ทันจะจบ เขาก็ยกนิ้วชี้แนบริมฝีปากตัวเองไว้

เพื่อบอกให้รู้ว่างดใช้เสียงอีกครั้ง ชั่วอึดใจเท่านั้น สายฝนที่ทำท่าจะตกตั้งแต่ตอนอยู่สนามก็โปรยปรายลงมาเรื่อยๆ มีเสียงดัก

ป๊อก เมื่อกระทบกับใบดอกโคมญี่ปุ่น

แป๊ก เมื่อตกระทบกับพื้นกระเบื้อง มีเสียง

ปิ๊ง เมื่อตกกระทบกับโครงเหล็ก และเมื่อฝนตกเร็วๆ เม็ดใหญ่ๆ พร้อมกันลงมาหลายร้อยเม็ด ฟังดูก็จะมีเสียง

‘ป๊อกแป๊ก ปิ๊งป๊อก ปิ๊งแป๊ก ป๊อกปิ๊ง แป๊กปิ๊ง’

‘ป๊อกปิ๊ง ป๊อกแป๊ก ปิ๊งป๊อก ปิ๊งแป๊ก แป๊กปิ๊ง ปิ๊งแป๊ก’

‘ปิ๊งแป๊ก ปิ๊งแป๊ก ป๊อกแป๊ก แป๊กปิ๊ง ปิ๊งป๊อก ป๊อกปิ๊ง ป๊อกแป๊ก’

ดังขึ้นสลับกันไปมาคล้ายเสียงดนตรี “ฝนที่ดาดฟ้าของผมตกเป็นเสียงดนตรี คุณได้ยินหรือเปล่าครับ” ชลธิปก้มลงมองใบหน้ารูปไข่สีน้ำผึ้งในแล้วยิ้มด้วยแววตาหวานล้ำ

วริญรำไพแหงนมองขึ้นไปหาเขา “ค่ะ” แล้วรับเพียงคำสั้นๆ และส่งสายตาประสานกับเขาชั่วครู่ เพราะเม็ดฝนตกลงมากระทบแก้มจนต้องรีบก้มลงไปแล้วใช้มือเช็ด

แต่ถูกเขารั้งมือไว้ แล้วเชยคางมนขึ้นมา ใช้สองหัวแม่โป้งเช็ดหยดน้ำออกจากผิวนุ่มนวลเนียนสีน้ำผึ้งออกให้อย่างแผ่วเบา ทะนุถนอม สายตากับจับจ้องอยู่กับสองดวงตาคู่เศร้านั้นไม่กระพริบ

แล้วหัวใจก็สั่งให้เขาค่อยๆ ก้มต่ำลงเรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ กระทั่งพาบพนกับกลีบผกานุ่มตรงหน้า ที่เสมือนบุปผาแรกแย้ม เพื่อรอให้เขาเด็ดดมก็ไม่ปาน

ริมฝีปากของเขาดูดดื่มกับกระจับงามอย่างเชื่องช้า สองมือประคองสองไหล่ระหงเอาไว้เมื่อรับรู้ว่าเจ้าของร่างบอบบางตรงหน้าทำท่าจะเซออกห่างตัว แล้วค่อยๆ ส่วนมือขวาสอดไปหาท้ายทอย

เพื่อตรึงไม่ให้กลีบบุปผานุ่มหนีหายไปไหน เมื่อหัวใจเขาอยากจะลิ้มลองความหวานล้ำ กำซาด ให้เนิ่นนานกว่านี้ แม้ไม่เคยคาดคิดว่าตัวเองจะต้องทำแบบนี้ แต่เขาก็ไม่คิดจะห้ามใดๆ ถ้าหัวใจต้องการ

วริญรำไพตกใจกับสัมผัสรักแรกในชีวิตจนทำอะไรไม่ถูก นอกจากปล่อยกายให้ยืนแข็งทื่อ สองมือเกาะสองต้นแขนเขาไว้ ขณะที่หัวใจเต้นระทึกคึกโครมกับจุมพิตแรกใจชีวิตสาว

จากที่มันเคยเต้นแบบนี้มาแล้ว เมื่อสิบสองปีก่อนในอ้อมกอดของพี่หิน จากปลายจมูกของพี่หิน ที่ดอมดมไปบนพวงแก้มป่องและตื่นตระหนกตกใจในค่ำคืนนั้น

ส่วนค่ำคืนนี้ไม่มีพี่หินมามอบจุมพิตแรกให้ แต่เป็นชายหนุ่มที่รูปร่างหน้าตาคล้ายกับพี่หินมาแทน ชายหนุ่มที่ทำให้ใจยินยอมให้เขาดอกดม ยินยอมให้เขาลิ้มลองสองเรียวกระจับนุ่ม

ชนิดที่ไม่เคยยินยอมให้ชายใดกระทำการแบบนี้มาก่อน เพราะปรารถนาจะเก็บกายและใจเอาไว้ให้พี่หิน แม้จะรู้ว่าพี่หินจะไม่กลับมาอีกแล้วในชาตินี้ แต่ก็จะไม่ยอมมอบให้ใครนอกจากพี่หินคนเดียวเท่านั้น

‘พี่หินคนเดียวเท่านั้น’

สองมือบางรีบดันอกกว้างของเขาออกทันที เมื่อคำนี้ผุดขึ้นในหัวใจ และตกใจกับการเผลอของตัวเอง ไม่แพ้กับอีกคนที่ตกใจในอาการแข็งขืนของสาวตรงหน้าด้วยเช่นกัน

จึงจำใจต้องยุติสัมผัสอันหอมหวานนั้นไว้ เพื่อดูให้แน่ใจว่าเจ้าของกระจับนุ่มไม่เป็นอะไร วริญรำไพรีบพากายออกจากอุ้งมือของเขาทันทีเมื่อตั้งสติได้ แล้วก็รีบวิ่งหนีไปหาบันไดทันที

“อุ๊ย!!!”

แต่ก็ตกใจจนสะดุ้งเมื่อเห็นผู้หญิงเดินขึ้นมา และก็จำได้ว่านั่นคือแม่ของเขา สองเท้าไม่รออะไรนอกจากก้าวลงบันไดอย่างเร่งรีบแล้ววิ่งไปหาห้องตัวเองทันที

เคราะห์ดีที่อติรัตน์ไม่ได้สนใจสาวผิวสีน้ำผึ้งมาก เลยไม่ได้ล่วงรู้ว่าห้องที่พักนั้นเป็นห้องที่ตรงข้ามกับลูกตัวเอง และเป็นห้องที่มีไว้ให้คนในครอบครัว หรือคนใกล้ตัว หรือคนพิเศษสุดๆ ของเจ้าของโรงแรมเท่านั้น

“คุณแม่! มาทำอะไรที่นี่ครับ”

ชลธิปตกใจไม่น้อย เมื่อหมายจะวิ่งตามอีกสาวแต่ดันมาเจอแม่อยู่ตรงประตูแทน ผู้แม่เห็นสภาพเปียกชุ่มของลูก ที่ไม่ได้ต่างจากสภาพของสาวเมื่อครู่ก็ถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

“แม่ก็มาดูร๊อกน่ะสิ เห็นมาหมกตัวอยู่โรงแรมหลายคืนไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง แม่คิดว่ากลับจากสวิตฯ ร๊อกจะกลับบ้านซะอีก” แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามเรื่องนั้น กลับดึงเอาเรื่องอื่นขึ้นมาแทน

“ผมรีบมาดูช่างเทสไฟรอบตึกน่ะครับ ใกล้จะถึงวันเปิดงานแล้วผมไม่อยากจะให้เกิดความผิดพลาดอะไรเลย คุณแม่เข้าห้องก่อนดีกว่าครับ ผมจะเปลี่ยนเสื้อผ้า”

“แล้วจะงานเปิดจะมีเมื่อไหร่ล่ะลูก”

“อาทิตย์หน้าครับคุณแม่”



สาววัยยี่สิบห้ากับการได้พานพบจุมพิตแรกในชีวิตสาว รีบก้าวขึ้นไปหาเตียงมุดเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มสีขาวสะอาดตามีดอกตาเบบูญาสีชมพูใหญ่ยักษ์อยู่ตรงกลาง เมื่ออาบน้ำเสร็จอยู่ในสภาพเตรียมนอนแล้ว

แต่หัวใจสิยังคงเต้นรัวอยู่ หนังตาก็ไม่มีทีท่าว่าจะอยากหลับลง เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ แม้จะยังไม่แน่ใจว่าคนที่ประทับรอยจุมพิตแรกให้นั้นเป็นพี่หินหรือแค่คนหน้าเหมือน

ใบหน้ารูปไข่ก็ยิ้มบางๆ ออกมาอย่างสุขใจแล้ว เป็นสุขเหมือนเมื่อสิบสองปีก่อน ในค่ำคืนที่อยู่ในอ้อมกอดพี่หินที่แสนดี ไม่คาดคิดว่าชีวิตนี้จะพานพบกับความสุขแบบเดียวกันอีกครั้ง แม้จะหวาดหวั่นในความไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะ ไม่ควร หรือสารพัดสาเหตุที่ล้วนแล้วจะมีคำว่า

‘ไม่’

นำหน้าอยู่เสมอๆ ทว่าหัวใจที่แห้งเหี่ยวด้วยรัก ก็ยังแอบวาดหวังว่าจะได้รับน้ำทิพย์มาคอยชโลมใจ มาคอยรดรินต้นรักให้ได้รับความชุ่มชื่นขึ้นมาอีกครั้งอยู่ดี

‘กู๊ดไนท์ครับ’

ไม่ต่างจากเจ้าของข้อความที่เพิ่งส่งไปหาคนห้องตรงข้ามเลย ที่กำลังยิ้มหวานออกมาขณะนั่งเอาหลังพิงหัวเตียงจ้องมองจอมือถือที่มีใบหน้ารูปไข่สวยใสอยู่บนนั้นมาหลายวันแล้ว แม้จะตระหนักดีว่า

‘ไม่’

คำนี้กระจัดกระจายอยู่ทุกตารางนิ้วที่เขาก้าวเดินไป แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เจ้าของภาพนี้ถึงได้มีอานุภาพเหนือจิตใจเขาได้อย่างไม่เคยมีใครทำมาก่อน มันน่าอัศจรรย์ใจยิ่ง

แม้อยากจะถอยหนี อยากจะเดินผ่าน หรืออยากจะทำเป็นไม่สนใจ แต่ทุกครั้งที่มองหน้าจอ คนในภาพก็กระชากหัวใจเขาให้เต้นแรงได้ทุกครั้ง

การเดินหน้าหาคำตอบ เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ใช่ หนทางที่ตรงใจ และคนที่ต้องตาตรึงใจ จึงเป็นสิ่งที่เขามั่นใจว่าเลือกไม่ผิด เพราะชีวิตนับตั้งแต่จำความได้ ทุกย่างก้าวของเขา

ก็ล้วนแล้วแต่มีพ่อแม่เข้ามามีบทบาทอยู่แทบทุกเรื่อง การขอเรื่องนี้เอาไว้ในวันที่ใกล้จะสาย เขาก็ได้แต่หวังว่าพ่อกับแม่คงจะเห็นใจ เข้าใจ และยอมให้อภัยที่ทางเลือกที่เขาจะก้าวตรงข้ามกับที่พ่อแม่หวังไว้

‘ค่ะ หลับฝันดีนะคะ’

ชลธิปถึงกับยิ้มอย่างสุขใจออกมา เพียงแค่ได้รับข้อความนี้เท่านั้น ก่อนจะมุดกายเข้าใต้ผ้าห่ม แล้วนอนพร้อมรอยยิ้มที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นมาเลยในชีวิตก็ว่าได้



กันเกรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.ย. 2558, 12:49:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.ย. 2558, 12:49:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 928





<< ความหวังอันริบหรี่ ๑๐๐%   ตัวไกลแต่ใจใกล้ ๑๐๐% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account