ตราบฟ้าไร้ดาว
พี่หิน หนุ่มน้อยนิรนาม ผู้มามอบโลกใบใหม่ที่สดใสสวยงามให้น้องเอ๋ย และจากไปพร้อมกับโลกใบนั้น
ทิ้งไว้แต่โลกมืด โลกไร้สุขและสิ้นหวังเอาไว้ให้
น้องสาวที่เขาเองก็รักปานดวงใจ


‘พี่รักเอ๋ยนะจ๊ะ สามสี่วันที่ออกเรือ พี่คงจะต้องเป็นบ้าแน่ๆ เพราะคิดถึงเอ๋ย แล้วเอ๋ยล่ะ รักพี่และจะคิดถึงพี่หรือเปล่า’

‘ไหนบอกให้พี่ชื่นใจหน่อยสิจ๊ะคนดี’

‘บอกให้พี่ได้ยินหน่อยสิจ๊ะคนดีของพี่ เดี๋ยวเราต้องรีบกลับเข้าบ้านกันแล้วนะ’

‘ถ้าเอ๋ยไม่บอก พี่ต้องตายเพราะอยากรู้แน่ๆ เลย นะนะ บอกพี่ที’

‘ถ้าเอ๋ยไม่บอก พี่ต้องตายเพราะอยากรู้แน่ๆ เลย นะนะ บอกพี่ที’

‘ถ้าเอ๋ยไม่บอก พี่ต้องตายเพราะอยากรู้แน่ๆ เลย นะนะ บอกพี่ที’


วรินรำไพ หรือ เอ๋ย หญิงสาวผู้ไม่หลงเหลือหัวใจให้ใครได้แล้ว
นอกจาก 'พี่หิน' คนเดียวเท่านั้น


“พี่หินจ๋า! เอ๋ยมารับพี่หินแล้ว พี่หินอยู่ไหนจ๊ะ พี่หินกลับมาหาเอ๋ยสิจ๊ะ”

น้ำตาที่ไม่เคยเหือดแห้งนั้น หลั่งไหลลงมาอีกมากมาย เมื่อภาพในค่ำคืนนั้นลอยมาอยู่ตรงหน้าสาวน้อยที่กำลังเจ็บเสียด แน่นที่อกเพราะความเสียใจ

“เอ๋ยรักพี่หินจ๊ะ พี่หินได้ยินมั้ยจ๊ะ ว่าเอ๋ยรักพี่หิน”

“เอ๋ยจะรักเพียงพี่หินคนเดียวเท่านั้น พี่หินต้องกลับมาหาเอ๋ยนะจ๊ะ เอ๋ยรู้ว่าพี่หินยังไม่ตาย”

ร่างเล็กยกเสื้อผ้าพี่ชายขึ้นมากอดไว้ ก่อนจะแนบแก้มลงไปหา ปล่อยให้หยาดหยดน้ำตาไหลรินลงไปใส่ ประหนึ่งอยากให้พี่ชายที่แสนดีมาซับน้ำตาที่หลั่งรินออกมาเพราะความเสียใจอย่างสุดซึ้งก็ไม่ปาน

“เอ๋ยจะรอพี่หินอยู่ตรงนี้ตลอดไป พี่หินได้ยินมั้ยจ๊ะ ว่าเอ๋ยจะรอพี่หินคนเดียว และจะรักพี่หินคนเดียวเท่านั้น”

ประโยคอ้อนวอนของพี่ ตกย้ำซ้ำเติมให้น้ำตาน้องหลั่งรินออกมามากมายแล้วแทบจะกลายเป็นสายเลือด เพราะความเสียดายที่ไม่ได้บอกคำที่พี่อยากได้ยินออกไป ถ้าเพียงแต่น้องคนนี้ล่วงรู้ว่าความตายจะมาพรากพี่ไปจากน้องในรวดเร็วขนาดนี้

“เอ๋ยรักพี่หินจ๊ะ รักและจะรอให้พี่หินกลับมาหาเอ๋ยอีก กลับมาสร้างบ้านในฝันของเรา กลับมาอยู่กับเอ๋ย มีลูกตัวเล็กๆ กับเอ๋ย แล้วเราจะจูงลูกไปส่งโรงเรียน เหมือนที่พี่หินบอกไว้ไงจ๊ะพี่หินจ๋า”

กายเล็กๆ และยังกอดเสื้อผ้าพี่หินอยู่นั้น ค่อยๆ รูดเลื่อนไปตามผนังเก๋งเรือลงไปหาพื้น เมื่อมีประโยคอ้อนวอนของพี่ลอยมาตอกย้ำความผิดพลาดไม่ขาดหาย

และถ้าเพียงเลือกได้อีกครั้ง ถ้าเพียงย้อนเวลากลับมาได้อีกครั้ง ถ้าเพียงมีพี่ชายที่แสนดีอยู่ข้างกายอีกครั้ง ถ้าเพียงค่ำคืนสุดท้ายที่ได้อยู่กับพี่ชายแบบนั้นอีกครั้ง

“เอ๋ยรักพี่หินจ๊ะ รักมาก รักมากยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก และพี่หินจะอยู่ในใจเอ๋ยตลอดไปจ๊ะ แล้วเอ๋ยก็จะรอ รอวันที่พี่หินกลับมาหาเอ๋ย กลับมาฟังคำบอกรักจากเอ๋ย กลับมาทำความฝันที่เรามีด้วยกัน เอ๋ยจะรอพี่หินจ๊ะ ต่อให้เอ๋ยจะต้องไปตลอดชีวิต เอ๋ยก็จะรอพี่หินคนเดียว จะรักและจะรอพี่หินของเอ๋ยคนเดียว ไม่ว่าจะนานแค่ไหน เอ๋ยก็จะรอ”


ชลธิป จิระธนานนท์ หรือ คุณร๊อค
ผู้บริหารหนุ่มเจ้าของ‘ตาเบบูญา บางปูปาร์ค รีโซเทล แอนด์ สปา’
ผู้ที่หวนกลับมาทำร้ายคนที่เขารักปานดวงใจ
โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว กระทั่งวินาทีสุดท้าย



“นรกสำหรับคุณไง!”

เขาคว้าแขนเล็กๆ ไว้แล้วกระชากตามตัวไปอย่างแรง

“เงียบทำไม! ถึงเวลาที่คุณจะต้องอธิบายให้ผมฟังได้แล้ว ว่าคุณทำยังไงถึงได้รอดจากการติดคุก ถ้าเหตุผลเพียงเพราะคุณอยากได้ตัวผม เงินผม คุณก็บอกมาดีๆ สิ ผมจะจัดให้!”

“...”

“เงียบทำไม! คุณบอกผมมาสิว่าทำไม! ตอบผมมาให้ได้! ไม่อย่างนั้นคุณจะต้องเสียใจกับการกระทำของคุณเอง! ตอบผมมา!!!”

ประตูห้องเปิดออกได้ ร่างผอมบางก็ถูกกระชากแขนอย่างแรงเข้าไปในห้องจนกระแทกกับตู้เสื้อผ้า ทว่าวริญรำไพก็ไม่คิดจะพูดอะไรออกมา นอกจากมีน้ำตาไหลรินอาบสองแก้มเท่านั้น

“คุณพูดไม่ออกเหรอ! หรือบอกผมไม่ถูกว่าคุณใช้วิธีไหน ถึงได้รอดคุกมา!”

“ฉันเปล่า ฉันไม่ได้ทำอะไร คุณก็รู้ว่ามันเป็นอุบัติเหตุ”

“ผมไม่โง่พอที่จะเชื่อคำของคุณ เหมือนพ่อผม เหมือนพ่อตาผม เหมือนทนายนั่น หรือเหมือนไอ้หน้าโง่คนไหนทั้งนั้น เพราะผมรู้ดีว่าคุณมันแผนสูง คุณมันเก่งเรื่องมารยาสาไถจนผมเกือบจะหลงเชื่ออยู่แล้ว บอกผมมาสิ ว่าคุณไปทำอีท่าไหนทุกคนถึงได้เชื่อคุณนัก คุณลงทุนเอาตัวไปประเคนให้ถึงเตียง เหมือนที่ประเคนให้ไอ้ล่ำนั่นหรือเปล่า!!!”

“ฉันเปล่า คุณกำลังเข้าในฉันผิด”

“ใช่! ผมเข้าใจคุณผิด ผิดมาโดยตลอดที่คิดว่าคุณมันเป็นคนดี! คนซื่อ คนสะอาดบริสุทธิ์! แต่ตอนนี้ผมเข้าใจถูกต้องแล้ว ว่าคุณมันเลวยังไง! คดยังไง! สปรกแค่ไหน! ในตัวคุณมันเต็มไปด้วยคราบคาวของผู้ชายรวยๆ กี่สิบคนแล้ว หรือกี่เที่ยวแล้วล่ะ คุณถึงได้พ้นผิด คุณไปแบให้ตั้งแต่ร้อยเวรที่โรงพักยันไอ้ทนายมือหนึ่งนั่นเลยหรือเปล่า! พวกเขาถึงได้เชื่อ จนปล่อยให้คุณออกมายืนหน้าตาเฉยแบบนี้ได้ ทีนี้ก็ถึงเวลาที่คุณจะทำให้ผมเชื่อเหมือนคนพวกนั้นบ้างแล้วล่ะ”

“ไม่จริง! ฉันไม่เคยทำอะไร คุณกำลังเข้าใจผิดค่ะ ฉันไม่เคยทำแบบนั้น!”

“ผมไม่เชื่อ!!! หรือถ้าคุณอยากให้ผมเชื่อ ก็ให้ผมพิสูจน์สิ! ว่าคุณมันบริสุทธิ์จริง! อย่าดีแต่เสแสร้ง!” เขาเข้าไปจับสองไหล่เหวี่ยงไปหาเตียง

“โอ๊ย!!!”

จนร่างผอมๆ ร้องด้วยความจุก “คุณเจ็บเหรอ! แค่นี้มันยังน้อยไป! มันยังไม่สาสมที่คุณทำให้ผมเจ็บ! ต่อไปนี้คุณก็เชิญมีชีวิตอยู่ในขุมนรกกับผมก็แล้วกัน!”

ร่างเล็กๆ ถูกร่างใหญ่ๆ ล็อกไว้กับเตียงทันที ปากก็ร้องขอ อ้อนวอนต่อเขาทั้งน้ำตา “อย่า!!! ได้โปรด!!! อย่า!!!”

“นี่เป็นคือคำพิพากษาสูงสุดจากผมสำหรับผู้หญิงชั่วอย่างคุณ!!!”

“อย่า!!! ได้โปรดอย่าทำ...”

เรี่ยวแรงในกายที่เคยมีตอนนี้หดหายไปหมดแล้ว เมื่อถูกอีกกายตรึงไว้กับเตียงใหญ่ แล้วระดมจูบอย่างรุนแรง ไร้ซึ่งความปรานีใดๆ จนเดาได้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเอง เมื่อเขายื่นความจำนงค์ให้รู้อย่างโจ่งแจ้ง

“อย่า!!! ได้โปรด!!! อย่าทำอย่างนี้กับฉัน!!!”

“อย่ามาขอชีวิตจากยมบาลอย่างผม! เพราะไม่มีทางที่ผมจะปล่อยให้คุณลอยนวลอยู่ได้โดยไม่ต้องชดใช้อะไรแน่!!! คุณต้องตาย! และต้องตายทั้งเป็นด้วย!!!”


ดลยา นิติพงษ์พาณิชย์ หรือ คุณย่า
สาวผู้เกิดมามีทุกอย่างพร้อมสรรพ ไม่ว่าจะเป็นรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ
และมีเป็นที่รักของผู้คนรอบข้าง เพราะเธอนั้นแสนดีจนเป็นที่เลื่องชื่อ
จนได้หัวใจของชลธิปไปครอบครอง


“มาแล้วตากล้องมือดีที่คุณย่าจองตัวไว้ เอ๋ยมารู้จักคุณย่าเร็วๆ เข้า”

พอไปถึงซุ้มเรือนไทยที่ใช้เป็นที่ตระเตรียมข้าวของ เจ้านายสาวก็รีบลากแขนให้เดินตรงไปหาว่าที่เจ้าสาวที่อยู่ในชุดขาวสะอาดตา สวยงามราวเทพธิดาจำแลงกายมาก็ไม่ปาน

“สวัสดีค่ะคุณเอ๋ย ได้เจอตัวกันสักทีนะคะ หลังจากที่คาดกันมาสองสามรอบแล้ว”

ดลยาเป็นฝ่ายเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสก่อน วริญรำไพที่ยกมือไหว้ดวงกมลแล้วถึงได้หันไปหาลูกค้าซุปเปอร์วีไอพี “สวัสดีค่ะคุณย่า ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

แล้วก็ยกมือไหว้ทักทายพร้อมส่งยิ้มบางๆ เพียงเล็กน้อยให้ตามสไตล์ที่ทุกคนมักจะคุ้นเคย “เช่นกันค่ะ ยังไงก็ต้องใช้ฝีมือถ่ายภาพย่าออกมาให้สวยที่สุดเลยนะคะ”

“ค่ะ งั้นเอ๋ยขอตัวไปเตรียมกล้องก่อนนะคะ”

ดลยาหันไปหาดวงกมลกับสุภาภรณ์แล้วยิ้มให้อย่างรู้กัน เพราะตอนที่แต่งตัวอยู่บนห้อง ทั้งสองบอกไว้แล้วว่าตากล้องสาวผมยาวถึงเอวเป็นคนพูดน้อย เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ค่อยสังสรรหรือสุงสิงกับใครมากนอกจากจะเกี่ยวข้องกันในเนื้องาน


อติรัตน์ จิระธนานนท์
ผู้หญิงที่กุมชะตากรรมทุกคนไว้ในมือ
ผู้หญิงที่เห็นแก่ตัว ไม่สนใจใครหรืออะไรทั้งสิ้น
นอกจากหน้าตาทางสังคม ความเหมาะสม และผลประโยชน์


“ไม่ต้องมาสำบัดสำนวนกับฉันให้มากความหรอก!! เท่าไหร่บอกมา!!!”

“ห้าล้านพอมั้ย!!!” อติรัตน์รีบยื่นข้อเสนอ

“ถ้าน้อยไปก็สิบล้าน!!! แล้วเธอก็ต้องปิดปากให้เงียบ!!! อย่าบอกเรื่องนี้กับใคร!!!”

“งั้นก็ยี่สิบล้าน! ค่าช่วยชีวิตลูกฉัน อีกสิบล้าน! สำหรับเธอที่ต้องปิดปากเงียบ อีกสิบล้าน! สำหรับการเดินไปจากชีวิตลูกฉันซะ และอีกสิบล้าน! สำหรับการไปแล้วไม่ต้องหวนกลับมาหาลูกฉันอีก ทั้งหมดห้าสิบล้าน!!! ฉันว่าเธอรวมคนทั้งเกาะหาไปตลอดชาติก็ไม่มีทางได้เห็นเงินก้อนนี้ด้วยซ้ำ”

“ว่าไง!! จะเอาหรือไม่เอา! อย่ามาลีลาเพื่อจะขึ้นค่าปิดปากนะฉันไม่ชอบ! หรืออยากได้เท่าไหร่ก็บอกมา! ฉันจะชดใช้ให้!!!”

“อย่ามาเล่นลิ้นกับฉันนะ! บอกมาอยากได้เท่าไหร่ฉันจะจ่าย!!!”

“อย่ามาตีฝีปากกับฉัน!!! เธออยากได้อะไรฉันจะชดใช้ให้!!!”

“บอกมาว่าต้องการเท่าไหร่! ฉันจะจ่ายให้!!! แล้วรีบไสหัวออกไปจากชีวิตพวกฉันสักที!!! ฉันเบื่อที่จะต้องตามแก้ปัญหาที่เธอคอยตามสร้างให้เต็มทีแล้ว!!!”

“ทำไมฉันต้องสนด้วย!!!”




==========================================================

สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย

หนึ่งคอมเม้นต์คือหนึ่งแรกผลักดันและกำลังใจของคนเขียนนะคะ
แต่ยินดีต้อนรับนักอ่านเงาทุกท่านค่ะ

นิยายของกันเกราเรื่องไหนที่ยังไม่ได้ทำสัญญากับ สนพ. ยินดีจะลงให้อ่านจนจบเรื่องค่ะ แต่ถ้าเรื่องไหนทำสัญญาแล้ว ขออนุญาตลงแค่ครึ่งเดียวนะคะ

ขอบคุณค่ะ สำหรับทุกๆ กำลังใจที่มีให้เรื่อยมา
ยิ้มมมมมมมมมมมมมมมมม


Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตัวไกลแต่ใจใกล้ ๑๐๐%

แขกมากหน้าหลายตาและล้วนแล้วแต่แต่งเนื้อแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีราคาแพง กำลังทยอยเดินขึ้นรถกอล์ฟเปิดหลังคาตรงหน้าประตูใหญ่ทางเข้าของโรงแรม

รถเคลื่อนตัวออกช้าๆ เมื่อแขกเต็มรถแล้ว เพื่อให้ได้ชื่นชมอุโมงค์สีชมพูปูพื้นตรงโคนต้นด้วยกลีบดอกสีชมพูทอดยาวตั้งแต่ทางเข้าจรดหลังคาล๊อบบี

“สวยจังเลยค่ะคุณ”

สองสามีภรรยาอดออกปากชมในความงามไม่ได้ วริญรำไพกับสุภาภรณ์หันไปยิ้มให้กันด้วยความปลื้มใจแทนเจ้าของโรงแรม ที่เชิญทั้งสองมาเป็นขกที่มีจำนวนเกือบพันคน

พอลงรถได้ ก็มีพนักงานต้อนรับหนุ่มหล่อสาวสวยนับสิบยืนยกมือไหว้อย่างนอบน้อม พร้อมแจกเวลคั้มดริ้งให้แขกกระเป๋าหนักอย่างถ้วนทั่ว

“ยินดีด้วยนะคะคุณร๊อก สวยจริงๆ ค่ะ”

แขกคุ้นเคยชิงกล่าวทักทายเจ้าของโรงแรมหนุ่มหล่อในชุดทักซิโดและมีคู่หมั้นสาวสวยราวเทพธิดาในชุดราตรีเรียบหรูดูดี และราคาเป็นแสนคอยยืนเคียงข้างเพื่อต้อนรับแขก และประกาศก้องว่าหนุ่มคนนี้ถูกจับจองแล้วไปในตัว

“ขอบคุณค่ะที่คุณหญิงให้เกียรติมาร่วมงานด้วย ย่ากับร๊อกดีใจที่สุดเลยค่ะ ตามสบายนะคะคุณหญิง จะเดินชมด้านนอกก่อนก็ได้ค่ะ วิวสวยๆ ทั้งนั้น”

ทำเอาสาวสวยน้อยใหญ่ต่างผิดหวังไปตามๆ กัน รวมทั้งแขกผู้ใหญ่คนนี้ ที่อุตส่าห์พ่วงลูกสาวที่เป็นถึงราชนิกูลมาในงานด้วย เพื่อหมายจะให้เจ้าของโรงแรมหนุ่มหันมามองบ้าง

ทว่าในสายตาของชลธิปแล้ว ไม่อาจจะชื่นชมใครได้มากเท่าช่างภาพสาวที่มาในชุดเกาะอกสายเดี่ยวสีทับทิม ตัวผ้าโปร่งบางมีลายดอกไม้ประดับชายทับกระโปรงตัวในที่เป็นผ้าซาตินสีขาว

ดูแล้วสวยแปลกตาดีเหลือเกิน แม้ชุดที่หญิงสาวสวมอยู่นั้นจะไม่ได้มีราคาเรือนหมื่นหรือแสนเหมือนสาวคนอื่นๆ ในงาน รวมทั้งคนข้างๆ ของเขาด้วย

แต่ชลธิปก็บอกได้คำเดียวว่าช่างภาพสาวที่เขาเคยเห็นแต่ใส่กางเกงยีนส์กับเสื้อยืดบ่อยครั้งนั้น สวยตรึงหัวใจเขาได้มากกว่าใครในงาน รวมทั้งคู่หมั้นที่ยืนอยู่ข้างๆ อีกเช่นกัน

ใจอยากจะเข้าไปคว้าแขนแล้วจูงเดินหนีออกจากงาน แล้วไปคุยกันที่ไหนเงียบๆ แต่เขาไม่อาจจะทำได้ เพราะแขกมากมายหลายผู้หลายคน กำลังมาห้อมล้อมเขาอยู่

และแม้จะไม่ชอบอยู่กับคนหมู่มาก ไม่ชอบคุยกับคนที่ไม่รู้จัก หรือแค่เคยเห็นเพียงครั้งเดียว แต่เขาก็จำจะต้องอยู่ เพื่อให้โรงแรมที่ตัวเองตั้งใจสร้างขึ้นมาเป็นที่รู้จักของคนที่อยากจะหลีกหนีโรงแรมในกรุงเทพฯ

ขับรถไกลเมืองมานิดเดียว แล้วก็จะพบกับโรงแรมเสมือนแดนสวรรค์ที่‘ตาเบบูญา บางปูปาร์ค รีโซเทล แอนด์ สปา’ นี้ให้ได้แล้ว

แขกที่ในมือมีแก้วเวลคั้มดริ้งอยู่ควบคู่กับการเดินชมความงามใต้อุโมงค์จนอิ่มหนำ ต่างก็ค่อยๆ ทยอยเดินไปยังชายหาดจำลองที่เจ้าของกับคู่หมั้นรวมทั้งพ่อและแม่กำลังเดินนำไป

ทุกสายตาต่างจับจ้องอยู่กับทะเลจริงกับหาดจำลองที่อดยาวไปเป็นกิโลเมตรไปตามกัน พร้อมกับคำชื่นชมในไอเดียผู้เป็นเจ้าของไม่น้อยที่ฉลาดคิดเนรมิตหาดเลนเป็นหาดทรายได้สมจริง

“ต้องชมสถาปนิกกับช่างครับที่ทำให้ฝันผมเป็นจริง”

ชลธิปไม่คิดจะเอาความดีใส่ตัว แม้นี่จะเป็นฝีมือของเขาร่วมกับสถาปนิกและช่างก็ตาม เมื่อแขกยืนชื่นชมความงามเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลานำพาเดินไปยังสนามหญ้าเขียวขจีในเวลาหกโมงนิดๆ

บุบเฟ่ต์ไลน์ตั้งอยู่ทุกที่เพื่อความสะดวกของแขก รวมทั้งโต๊ะเก้าอี้นับร้อยที่ตั้งรอไว้กลางสนาม เพื่อให้แขกได้นั่งกรณียืนเมื่อย และส่วนใหญ่ผู้สูงวัยที่ไม่ยอมแก่จะเดินไปใช้บริการก่อนใครเพื่อน

แต่พอบรรกาศโดยรอบเริ่มมืดมิดทุกคนก็เข้าไปนั่งแล้วจับจ้องอยู่กับการแสดงแสงสีที่โอบรอบ ‘โรมิโอกับจูเลียต’อยู่เป็นตาเดียวกัน

แล้วจอมหึมาก็มีทั้งภาพเคลื่อนไหวสลับกับภาพนิ่งโลดแล่นไปมา เป็นที่ละลานตาดึงดูดใจให้ทุกคนอยากจะมาพักในห้องสวยหรูที่ตกแต่งด้วยลวดลายของ

‘ตาเบบูญาชมพูและเหลือง’

ยืนพื้นทั้งสิ้น และนั่นก็ถือเป็นภาพชวนฝันให้สาวๆ ในงานได้ใจลอยไปถึงคนพิเศษ จนอยากจะพามามีห้วงเวลาอันสำคัญด้วยกัน โดยไม่ต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆ ในการเดินทางให้เมื่อย



“ขอบคุณคุณสุกับทีมงานมากนะครับ สำหรับพรีเซ็นเทชั่นสวยๆ และประทับใจแขกทั้งงาน ไว้ผมจะส่งของขวัญเซอร์ไพรไปให้ทีหลังนะครับ”

ชลธิปรีบเอ่ยออกมาพร้อมใบหน้ายิ้มน้อยๆ ให้แขกสองคนสุดท้ายในเวลาห้าทุ่ม “สุต้องขอบคุณคุณร๊อกกับคุณย่ามากกว่าค่ะที่ให้โอกาสบริษัทเรา ยังไงถ้ามีอะไรให้สุรับใช้ก็อย่าได้เกรงใจนะคะ ยินดีเสมอๆ ค่ะ”

“แน่นอนครับ”

ชลธิปรับคำแค่นั้น แล้วหันไปหาคนข้างๆ เพราะไม่อยากมองไปยังอีกคนที่อยู่ในชุดสีทับทิมนัก ด้วยหัวใจมักจะเต้นแรงเสมอๆ

“ขอบคุณค่ะคุณสุ คุณเอ๋ยด้วยค่ะ งานแต่งของเราต้องให้เจ๋งๆ อย่างนี้นะคะ”

ดลยาส่งยิ้มให้ทั้งสองอย่างจริงใจ ผิดกับวริญรำไพที่แทบไม่กล้ามองสาวสวยราวนางฟ้าตรงหน้า และไม่กล้าแม้แต่จะหันมองคนข้างๆ ด้วยเช่นกัน ยิ่งได้ยินคำว่าแต่งงานยิ่งเหมือนมีเส้นตายมากางกั้นให้การได้พานพบกันกับเขาสั้นลงเรื่อยๆ

“งั้นเรากลับกันเถอะเอ๋ยดึกมากแล้ว”

สุภาภรณ์หันไปหาลูกน้องคู่ใจ ก่อนจะจูงมือกันก้าวขึ้นรถกอล์ฟเพื่อขึ้นไปยังอาคารจอดรถ ชลธิปก็ยังคงไม่ได้ให้ความสนใจกับสองสาวมากไปกว่าหันไปหาคู่หมั้นกับพ่อแม่ทั้งของตัวและของคู่หมั้นให้กลับบ้านก่อน

“ผมต้องดูแลความเรียบร้อยอีกหลายอย่างครับย่า อาจจะกลับดึกมากๆ หรือไม่ก็จะค้างที่นี่เลย ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะครับ” ส่วนตัวเองดึงเอาเรื่องงานมาอ้าง

“ค่ะ แล้วย่าจะโทรหาแต่เช้านะคะ”

“ครับ”

เขารับคำสั้นๆ แล้วยกมือไหว้ว่าที่พ่อตาแม่ยายและรับไหว้น้องเมียด้วยใบหน้ายิ้มน้อยๆ ก่อนหันไปหาแม่ที่ยืนเคียงข้างพ่อไม่ห่าง

“อย่าทำงานหนักมากเกินไปนะลูก เดี๋ยวจะไม่มีแรงไว้จัดงานแต่งของตัวเอง” อติรัตน์บอกลูกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ก่อนจะยินยอมเดินตามสามีไปขึ้นรถ เมื่อเห็น

‘แม่ช่างภาพบ้านนอก’

กลับบ้านก่อนหน้าตัวเองแล้ว จึงไม่คิดว่าจะมีอะไรหรือลูกคงจะไม่มีโอกาสได้พาแม่สาวนั่นขึ้นไปตากฝนบนดาดฟ้าเป็นแน่

แต่ทันทีที่รถของพ่อแม่และคู่หมั้นคล้อยหลังไปได้ไม่นาน มือถือในกระเป๋าของเขาก็ถูกคว้าขึ้นมาใช้งานทันที ขณะก้าวเดินเข้าไปดูความเรียบร้อยที่มีพนักงานหลายสิบคนยังคงวุ่นอยู่กับการเก็บกวาด

‘ผมมัวแต่ยุ่งกับงานจนไม่ได้กินอะไรเลย’

‘สนใจจะเลี้ยงมื้อเย็นในยามดึกๆ ผมบ้างไหมครับ’

‘คุณคงไปยังไม่ไกลเท่าไหร่ วกรถกลับบมานะครับ’

‘ผมจะรอ/ร๊อก’



กันเกรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ก.ย. 2558, 10:02:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ก.ย. 2558, 10:02:07 น.

จำนวนการเข้าชม : 856





<< จุมพิตอันหวานล้ำ ๑๐๐%   ความในใจที่บอกไปผ่านบทเพลง ๑๐๐% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account