พรหมลิขิตกระซิบรัก
นัมแทบง นายแบบหนุ่มผู้ผันตัวเองมาเป็นนักแสดงเจ้าของฉายารอยยิ้มเทวดาหากแต่เมื่ออยู่หลังกล้องเขาคือผู้ชายหน้าเดียวที่มีแววตาดุจน้ำแข็ง....
เมื่อพบกับปฎิบัติการดูตัวโดยการชักนำของผู้เป็นพี่สาวที่มีความคิดไม่เหมือนใคร รักครั้งนี้จึงเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อเขาได้พบกับกุมาริกาล่ามสาวชาวไทยที่มีแต่ความสดใส เจ้าของดวงตากลมดุจกวางกับบทพิสูจน์ความรักแท้ที่ผู้เป็นพี่มอบให้...
พีมะ ตากล้องมาดเซอร์ประจำนิตยสารวัยรุ่น K magazine กับความรักข้างเดียวตลอด3ปีที่เฝ้าดูแลหญิงสาวอันเป็นที่รักต้องมาสั่นคลอนเพียงแค่เจอนายแบบหนุ่มหน้านิ่ง ซ้ำร้ายได้คู่ปรับเป็นพัคโบรา นางแบบตัวจี๊ดที่เข้ามาป่วนหัวใจให้เขาลังเลกับความรู้สึกแปลกๆที่เธอมอบให้....
กุลธีร์ บอสหนุ่มผู้เชื่อมั่นในความรักแม้จะรู้ว่ารักนี้อาจไม่สมหวังแต่ก็ยังคงรอคอยถึงมันจะผ่านมานานกว่ายี่สิบปีและเธอนัมเริน หญิงสาวสมัยใหม่ผู้ทุ่มเททุกอย่างให้แก่น้องชายเพียงคนเดียวจนเกือบเสียบางสิ่งที่สำคัญในชีวิต...
... พรหมลิขิตกระซิบรัก...
เมื่อพบกับปฎิบัติการดูตัวโดยการชักนำของผู้เป็นพี่สาวที่มีความคิดไม่เหมือนใคร รักครั้งนี้จึงเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อเขาได้พบกับกุมาริกาล่ามสาวชาวไทยที่มีแต่ความสดใส เจ้าของดวงตากลมดุจกวางกับบทพิสูจน์ความรักแท้ที่ผู้เป็นพี่มอบให้...
พีมะ ตากล้องมาดเซอร์ประจำนิตยสารวัยรุ่น K magazine กับความรักข้างเดียวตลอด3ปีที่เฝ้าดูแลหญิงสาวอันเป็นที่รักต้องมาสั่นคลอนเพียงแค่เจอนายแบบหนุ่มหน้านิ่ง ซ้ำร้ายได้คู่ปรับเป็นพัคโบรา นางแบบตัวจี๊ดที่เข้ามาป่วนหัวใจให้เขาลังเลกับความรู้สึกแปลกๆที่เธอมอบให้....
กุลธีร์ บอสหนุ่มผู้เชื่อมั่นในความรักแม้จะรู้ว่ารักนี้อาจไม่สมหวังแต่ก็ยังคงรอคอยถึงมันจะผ่านมานานกว่ายี่สิบปีและเธอนัมเริน หญิงสาวสมัยใหม่ผู้ทุ่มเททุกอย่างให้แก่น้องชายเพียงคนเดียวจนเกือบเสียบางสิ่งที่สำคัญในชีวิต...
... พรหมลิขิตกระซิบรัก...
Tags: ดารา นางแบบ ซุปตาร์ โรแมนติก ซึ้้ง
ตอน: ข้อมูลแปลกๆของซุปตาร์
ณ.ตึก K Magazine
กุมาริกา กริณรัตน์ใช้ปลายนิ้วชี้สะบัดปลายผมดำยาวให้พ้นต้นคอระหง ไล่อากาศร้อนอ้าวจากภายนอกอาคารที่เหมือนจะติดตัวเธอเข้ามาในสำนักงานด้วย เดินจ้ำสับจนขาแทบจะขวิดเนื่องจากการมาสายของตนเอง ซึ่งหญิงสาวโทษว่ามันเกิดจากปัญหาระดับประเทศที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้
นับเป็น UNSEEN THAILAND อีกเรื่องที่เป็น Talk of the Town ของทุกชาติที่มักยกขึ้นมาคุยหลังจากมาเยือนสยามประเทศ...จะอะไรถ้าไม่ใช่เรื่องรถติดถึงมันจะไม่ใช่ข้ออ้างของพนักงานที่ดีต้องเอามาอ้างก็จริง แต่มันคือเหตุผลของเธอนี่นาเมื่อนึกถึงคำแก้ตัวแล้วผลักประตูเปิดเข้าไปยังแผนกของตนเอง
“กัมมี่ๆ”
“ว่าไงปุยฝ้ายมีอะไรน่าสนใจเหรอดูตื่นเต้นจัง”เจ้าของชื่อเล่นน่ารักเอ่ยถามมองตามสายตาเพื่อนสนิทที่บุ้ยใบ้ให้ดูใครอีกคนทางด้านหลัง ร่างเล็กเอียงตัวมองตามไปยังเพื่อนร่วมงานสาวประเภทสองร่างยักษ์ที่อยู่เยื้องไปทางด้านหลังอีกที ดูเหมือนว่าเขาหรือเธอ กำลังสนใจอะไรบางอย่างในหนังสือเล่มที่ถืออยู่ในมือ ถึงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แบบนั้น
“เจ๊เกิ้นแกเป็นอะไร ดูหนังสือปลุกใจรึไงทำตาวาวเชียว” กุมาริกามองขำ
“บ้าดิแก เจ๊เขาแค่กำลังอารมณ์ดี” ปารีย์หัวเราะ
“ทำไมอ่ะอากุลขึ้นโบนัสให้เหรอ” กุมาริกาทำตาโตตื่นเต้น
“แกเคยเห็นบอสแจกโบนัสพร่ำเพื่อกับลูกน้องมากกว่าคำชมเหรอไง” ปารีย์ทำหน้ามุ่ยแก้มตุ่ยถาม
“นี่พวกเธอๆจะนินทาเจ๊กันอีกนานไหม มาดูรูปผู้ชายหล่อๆกันเร็ว เสียเวลากระเทยอยู่ได้” เกิ้นหรือกีรติจีบปาก
สองสาวโผเข้าหาสตรีข้ามเพศร่างอวบในทันที แต่นางก็เล่นตัวปิดนิตยสารในมือลงอย่างรวดเร็ว
“บอกไว้ก่อนคนนี้เจ๊จองแล้วย่ะ”
“แหมม..เจ๊ เห็นเจ๊บอกจองเนี่ยเป็นกองทัพแล้วมั้ง” ปารีย์ค่อนขอด
“นี่ยัยปุยฝ้ายเมื่อเช้าไม่ได้ใช้เป็ดกลั้วปากอีกทีเหรอ สุนัขถึงยังคาอยู่ในปากหล่อน” เจ๊เกิ้นตอบโต้
“เอาล่ะพอกันทั้งคู่แหละ ถ้าจะทะเลาะกันต่อเขาจะได้กลับไปทำงานๆยิ่งเยอะๆอยู่ช่วงนี้””กุมาริกาส่ายหน้าระอา
“โถ่ๆคุณน้องรักษาผลประโยชน์แทนบอสน่าดูไหนๆก็พูดเรื่องผลประโยชน์แล้ว กัมมี่บอกบอสเพิ่มเบี้ยขยันให้พวกเราบ้างก็ได้ทำงานกันอย่างเดียว เดี๋ยวใช้ไม่ทันแมลงสาบแทะหมดเสียดายออก”กีรติแสร้งค้อน
“แหมม…เจ๊เกิ้นก็ขนาดเขาเป็นหลานแท้ๆทำงานมา3ปีกว่าแล้ว ยังไม่มีทีท่าว่าจะขึ้นเงินเดือนให้ด้วยซ้ำ มาสายเขาก็โดนหักมากกว่าพวกเจ๊อีก เรื่องโบนัสสิ้นปีนี่ไม่ต้องพูดถึงแทบจะโดนหักหมดตั้งแต่กลางปีเพราะสายนี่แหละ” กุมาริกาทำคอย่นเมื่อนึกถึงกฎมหาโหดของอาตัวเองที่มักตักเตือนเธออยู่เสมอ
“คิดจะเป็นนายคนก็ต้องรู้จักเป็นตัวอย่างที่ดีก่อนอย่าคิดว่าเป็นหลานเจ้าของบริษัทแล้วจะทำอะไรตามใจได้ เราต่างหากที่ต้องตั้งใจทำงานให้หนักกว่าคนอื่น ลูกน้องจะได้ยอมรับว่าเราเก่งจริงไม่ใช่ได้มาทำงานเพราะเป็นหลานสาวเจ้าของแต่ไม่มีความสามารถ”
“เฮ้อ…” กุมาริกาถอนหายใจแค่นึกเธอยังเพลียเลยพร้อมทิ้งตัวนั่งบนโซฟาข้างๆกีรติดึงนิตยสารที่อยู่ในมืออวบมาเปิดดูแบบผ่านๆ
“แกเปิดอะไรของแกอ่ะกัมมี่ พลิกซะเร็วขนาดนั้น”ปารีย์โวย
“นั่นสิพลิกไปพลิกมาอยู่ได้เดี๋ยวแม่ตีมือหัก มานี่เดี๋ยวเจ๊เปิดเอง อุ๊ต๊ะ...อยู่นี่ไงเทพบุตรของเจ๊ หล่อใช่ไหมล่ะ รูปหน้า ทรงผมก็เก๋กำลังอินเทรนด์เลยนะที่เกาหลีเนี่ย ดัดลอนหยักศก ตัวสูงสมส่วนเพอร์เฟคไปทุกอย่าง ที่สำคัญโปรไฟล์ส่วนตัวก็งามเลิศนะจ๊ะคุณน้องเป็นถึงน้องชายคนเดียวของเจ้าของบริษัท นัมโมเดล แถมยังติดอันดับ TOP5 นายแบบทำเงินของเกาหลีเชียวตัวพี่สาวก็รวยสุดๆมีกันแค่สองคนพี่น้องข่าวว่าพ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่เด็ก” กีรติบอกภูมิใจกับข้อมูลเชิงลึกของตนเอง
“นี่เจ๊เป็นสปายรึไงรู้แม้กระทั่งเรื่องที่บ้านของเขาเป็นยังไง” ปารีย์ทำหน้าทะเล้นรับค้อนวงใหญ่ที่ถูกส่งกลับมา
“ฉันก็อ่านตาม Internet นี่ล่ะ เขาดังพี่สาวเขาก็ดังเป็นธรรมดาที่จะมีประวัติ” กีรติยังคงจิกสายตาพร้อมอธิบาย
นิ้วเรียวพลิกหน้านิตยสารไปเรื่อยๆอดชมไม่ได้ว่าหน้าเขาเป๊ะจริงๆ ใบหน้าเรียวเล็กเข้ากับผมดัดอ่อนๆความยาวเท่าติ่งหู ดูกวนไม่เบา แต่ไม่ดูมาดนิ่งไปหน่อยเหรอหญิงสาวถามตนเองในใจ หยุดค้างอยู่หน้าที่มีรอยยิ้มกว้าง รอยยิ้มนั่นสร้างความประหลาดใจให้กับเธอไม่น้อย ทำให้ต้องพลิกย้อนกลับไปดูหน้าที่เปิดผ่านมาแล้วในตอนแรก
“ยิ้มแล้วอย่างกับคนละคนแน่ะ” กุมาริกามองเจ้าของรอยยิ้มอย่างประหลาดใจ
“ใช่ไหมละ..ยิ้มแล้วดูดีสุดๆไม่งั้นจะได้ฉายารอยยิ้มเทวดาเหรอ..ใช่ป่ะเจ๊” ปารีย์ขอความเห็นคู่ปรับ
“ถูก...ที่เกาหลีนะเปรียบเขาว่าถ้านัมแทบงยิ้มแค่ครั้งเดียวก็สามารถทำให้ต้นไม้ที่แห้งเหี่ยวตายไปแล้วกลับมาดูสดใสได้” กีรติบอกโชว์ภูมิตัวเองอีกครั้ง
“เลี่ยนชะมัด ก็ไม่ปฏิเสธนะว่าเวลายิ้มหมอนี่ดูดีมากแต่สโลแกนนี่มันขัดกับรูปลักษณ์หมอนี่ชะมัด ดูหน้าตาซิ...ถึงจะหล่อแต่พอไม่ยิ้มนี่ยังกับคนหน้าบึ้ง เขาว่าหมอนี่คงจะหยิ่งเข้าถึงยากแน่ๆ” กุมาริกาพูดไปตามที่คิด
“แกนี่เพี้ยนรึเปล่ากัมมี่ กินยาต้านทานคนหล่อมากไปรึไง คราวที่แล้วก็ทีนักร้องบอยแบรนด์น่าตาน่ารักจะตายแกก็บอกว่าเขาหน้ากลัวเหมือนออกมาจากหนังสือเป๊ะหล่อไม่เป็นธรรมชาติ ไหนจะนักแสดงหล่อแซ่บทั้งนั้นแกก็เฉยต่อมการมองของแกผิดปกติหรือเปล่า”ปารีย์คว้าหนังสือในมือหญิงสาวมาถือไว้เอง งอนที่เธอพูดทำร้ายจิตใจซุปตาร์ของตนเอง
“นั่นสิคุณน้อง นัมแทบงออกจะหล่อ”กีรติพยักพเยิดเห็นด้วย
“ นัมแทบง เขาเป็นนายแบบที่ผันตัวเองมาเป็นนักแสดงซึ่งตอนนี้ที่เกาหลีกับแทบโซนเอเซียบ้านเราเนี่ยเขาดังมากนะแก หล่อขนาดนี้แกยังไม่รู้จักเลยไม่รู้ทำงานบันเทิงได้ยังไง”ปารีย์ค่อนแคะต่อ
“ฉันเป็นล่ามนี่แก ไม่ได้เป็นนักข่าวสายบันเทิงสักหน่อย ทำไมฉันต้องสนใจประวัติเขาด้วยล่ะ ที่สำคัญดาราก็เหมือนกันหมดสร้างภาพทั้งนั้นโดยเฉพาะพวกศิลปินดารา ทำงานร่วมกันมากี่หนแล้วแกเคยเห็นทีมงานเขาเรื่องน้อยลงบ้างไหม” กุมาริกากอดอกตั้งคำถาม
“เรื่องการวางตัวมันก็เป็นธรรมดาก็เขาเป็นดารานี่ จะให้มาเข้าถึงตัวง่ายๆจะใช่ดาราดังเหรอ แต่ฉันอ่านข่าววงในมาพวกแฟนคลับว่าจริงๆแล้วเขาเป็นพวกปิดกั้นตัวเองนะ ไม่ค่อยมีเพื่อนประมาณนี้ ไม่ค่อยออกรายการหรือพวกเกทโชว์แต่นั่นยิ่งทำให้มีเสน่ห์น่าค้นหาเข้าไปอีกใช่ป่ะล่ะ” ปารีย์ยิ้ม
“ถูกต้องที่สุด ยิ่งยากยิ่งน่าค้นหา ฮ่าๆๆเขาเรียกสไตล์แบดบอยไงจ๊ะ หยิ่งนิดๆ เย็นชาหน่อยๆเจ๊ชอบ...แล้วที่คุณน้องต้องสนใจก็เพราะว่า...” กีรติกำลังจะอ้าปากบอกแต่ก็ถูกปารีย์พูดแซงขึ้นมาทันที
“นี่แสดงว่าแกยังไม่รู้เกี่ยวกับข้อมูลดาราที่จะมาทำงานกับเราใช่ไหมกัมมี่ ที่สำคัญคือแกจะต้องเป็นล่ามให้เขา สรุปที่พูดกันมาทั้งหมดแกไม่รู้เพราะไม่ได้เช็คเมลที่ฉันส่งให้เมื่อวาน...ใช่ไหม” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวส่ายหน้าปารีย์ก็ยกมือกุมศีรษะ
“เฮ้อ..ก็ช่วงนี้ฉันเหนื่อยนี่นาแล้วทำไมต้องส่งเมลด้วยแกก็บอกฉันได้นี่นา”
"ก็เมื่อวานแกไม่เข้าออฟฟิศไง"
กุมาริกาพยักหน้ารับรู้ ถอนหายใจกับตัวเอง เธอรู้ว่าอาชีพของเธอคือล่าม งานของเธอมักท้าทายเสมอกับปัญหาเฉพาะหน้าแต่เธอก็ผ่านบททดสอบยากๆได้ตลอด แต่ช่วงนี้สมองเธอต้องการพักผ่อนเหมือนกับคนอื่นเขาบ้าง แต่กลับมีงานเข้ามาจนเธอไม่มีแม้แต่โอกาสขอพัก ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดทำไมช่วงนี้นักร้องนักแสดงเกาหลีถึงตบเท้าเรียงแถวเข้าประเทศเรากันจัง
กระแสฟีเวอร์ซินะสมัยตอนเธอยู่ม.ต้น เธอก็เคยชอบนักร้องจากเกาะอังกฤษอยู่หลายคนแล้วก็ค่อยๆเปลี่ยนสไตล์มาเป็นโซนเอเชียอย่างญี่ปุ่นเพราะชอบซีรีย์แล้วก็นักร้อง ไปๆมาๆเธอก็ได้อิทธิพลจากอาคนสนิทที่ไปร่ำเรียนที่เกาหลีมาแถมเขายังคลั่งไคล้ทุกอย่างเกี่ยวกับประเทศนี้
กุมาริกาจำได้ว่าเธอฟังมันจนเผลอซึมซับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ด้วยความเป็นคนสนใจด้านภาษาและวัฒนธรรมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เธอจึงรับทุกอย่างมาจนกลายเป็นสนใจทุกเรื่องของประเทศนี้แม้จะรักงานที่ทำแต่เธอก็อยากได้เวลาพักผ่อนของตัวเองด้วยนี่คุณอาของเธอเล่นไม่ให้เธอพักเลย 2อาทิตย์ก่อนก็เพิ่งรับงานเป็นล่ามพิเศษนอกสถานที่ให้นักแสดงวัยรุ่น ฮามินแจ นี่ก็มีงานใหม่มาอีกแล้วโดยที่เธอไม่ได้เช็คข้อมูลด้วยซ้ำ
“เฮ้อ....” กุมาริกาซบศีรษะลงกับบ่าเพื่อนสนิท
“ถอนหายใจเป็นคนแก่ไปได้คนเขากำลังมีความสุขกันแกจะทุกข์อะไรนักหนา ฮึ..แม่แก่”ปารีย์ก้มหยิกแก้มอิ่มอย่างมันเขี้ยว
“ฉันเจ็บนะปุยฝ้าย...แกนี่เล่นอะไรก็ไม่รู้แก้มฉันมันใหญ่อยู่แล้วแกจะเพิ่มขนาดให้มันทำไมห้ะ!!” กุมาริกาโวยวาย
“พอคะพอ...ทั้งคู่เลยไม่ต้องมัวทะเลาะกันอยู่ ไปค่ะไป...ต่างคนต่างไปทำงานกันได้แล้ว ส่วนเล่มนี้เจ๊จอง” กีรติยกมือห้ามทัพแย่งหนังสือในมือปารีย์ไปถือไว้เอง
กุมาริกามองตามสบตาเจ้าของภาพนิ่งในหนังสือแล้วบอกไม่ถูกเหมือนกัน ว่าทำไมถึงรู้สึกแปลกๆ ดวงตาเรียวที่ดูเย็นชาราวกับถูกแช่แข็ง อีกไม่กี่วันข้างหน้าเขาคืองานสำคัญของเธอ แล้วเขาเป็นคนแบบไหนกันนะ ไวเท่าความคิดหญิงสาวลุกจากโซฟาตรงไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง มือเรียวเคาะแป้นในส่วนที่อยากรู้ลงไป แค่นี้พี่กูเกิ้ลก็จะบอกเธอเอง...
หน้าจอปรากฏข้อมูลมากมายขึ้นมาทั้งรูปภาพและผลงานทั้งที่ผ่านมาและปัจจุบัน นายแบบ นักแสดง ตากลมกวาดไปตามข้อมูลที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ
ประวัติ...
ชื่อจริง นัมแทบง เกิดปี1986 สูง185 Debut ปี2006 ด้วยการเป็นนายแบบแล้วเริ่มเล่นละครจนถึงปัจจุบัน
ข่าว...เป็นแบดบอยแสนเย็นชา
ข่าว... ผู้ชายที่เข้าถึงยากมักปฏิเสธในสิ่งที่ไม่อยากทำทันที
ข่าว...ผู้ชายตาพิฆาตแค่มองก็มีอนุภาพในการทำลายล้างมีผลให้สาวๆหวั่นไหว
มือบางกดไล่รูปลงไปเรื่อยๆ ขนาดในรูปยังไม่ค่อยยิ้มเลยหน้าเดียวรึไงนะหมอนี่ กุมาริกาคิดติในใจ
ข่าว..ฉายาเจ้าชายน้ำแข็ง
ข่าว..เพื่อนสนิทนัมแทบงออกมาปฏิเสธเรื่องเขาเป็นคนเย็นชา เขาไม่ใช่คนเฮฮาแต่เขาก็มีมุมที่สนุกสนาน
“รู้สึกว่านายคนนี้จะมีแต่ข่าวติดลบของตัวเองนะไม่น่าเชื่อว่าจะดังได้ ละครส่งหรือบทดีล่ะเนี่ย อ่านจากข่าวพวกนี้แล้วนิสัยน่าจะต่างจากคนทั่วไปไม่เบา จะถือตัวหรือว่าหยิ่งกันนะน่าจะไม่ธรรมดาจริงๆ ”กุมาริกาเคาะแป้นเพื่อเซฟข้อมูล ก่อนเงยหน้ามองคนที่ชะโงกอยู่ด้านบนศีรษะของเธอ
“บ่นอะไรพึมพำคนเดียวคนสวย” พีมะตากล้องมาดเซอร์ยิ้มทะเล้น
“ไม่ได้บ่นสักหน่อย เราแค่หาข้อมูลงานนิดหน่อย”
“แล้วเจอไหมล่ะให้เราช่วยป่ะ”
“ไม่ต้องถึงมือตากล้องสุดหล่อหรอกมั้ง งานง่ายๆแบบนี้...เอ ไม่สิอาจจะยากก็ได้แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว” กุมาริกายิ้มแห้งๆส่งไปก่อนจะเปิดยิ้มกว้างกับของสมนาคุณยอดเยี่ยม
“อันนี้พอจะทำให้หายเหนื่อยได้บ้างไหมเบบี๋” ไอติมโคนของโปรดรสสตอเบอร์รี่ยิ่งถูกใจมือเล็กคว้าหมับทันที
“น่ารักที่สุด พีรู้ใจเราจังกำลังอยากกินอยู่พอดี”ตากล้องหนุ่มยิ้มปลื้ม
“ของเราล่ะ รู้อยู่ว่าแผนกนี้มีกี่คน ทำไมซื้อมาให้ได้คนเดียวนายนี่ขี้เหนียวจริงๆ”ปารีย์บ่นอุบกับกีรติ มองดูมดแดงที่แอบแฝงพวงมะม่วงมานาน
“ฉันไม่รู้ว่าเธอก็ชอบนี่ เห็นบ่นเสียวฟันทุกทีเวลากัมมี่ชวนกิน ส่วนเจ๊เกิ้นผมไม่รู้ว่าเดินมาอยู่ห้องนี้เลยไม่ได้เผื่อ”
“ย่ะ..พวกฉันสองคนมันไม่อยู่ในเลนส์กล้องของตากล้องเซ้นส์เลิศแบบนายหรอก”กีรติสะบัดหน้าหนี
“เชอะ..ถึงฟันฉันจะไม่ดีแต่ก็นึกอยากกินเหมือนกันเวลามีคนมายืนกินใกล้ๆ 2คนแบบนี้” ปารีย์ก็ทำสะบัดหน้าไปอีกทาง
พีมะหัวเราะหนักมากกับคำแขวะของสองสาวต่างสปีชีส์ที่รุมกัดเขาจนเลือดสาดก่อนกอดเอวกันเดินออกไปชี้ชวนกันดูหนังสือในมือ ตากล้องหนุ่มจึงเดินเข้ามาในส่วนที่กั้นโต๊ะทำงานของเธอ ถึงได้รู้ว่าหญิงสาวกำลังบ่นอะไรเมื่อเห็นรูปนายแบบหนุ่มหล่อบนหน้าจอโน้ตบุ๊คที่เปิดไว้ นึกในใจว่าไอ้หมอนี่หน้ามันกวนโอ้ยดีไม่เบา...
“อ่อ..คนนี้เอง รู้สึกว่าเราจะได้ถ่ายแบบให้เขาด้วยนะดูจากหน้าตาถ้าจะเอาเรื่องเลยตามสไตล์ดาราดังอ่ะ”พีมะวิจารณ์ตรงๆตามความรู้สึก ช่างตรงกับใจที่หญิงสาวคิดเหมือนกัน
“แล้วนายไม่มากเรื่องรึไงพ่อหนุ่มฮอตประจำK-magazine ฉันได้ยินว่าผู้จัดการบ่นพฤติกรรมนายประจำกับการมาสายเพราะมัวแต่แฮงค์อยู่”กุมาริกาเอ่ยแซวตามที่ได้ยินข่าวมา
“ก็ถ้าคนนี้สั่งหรือโทรตามจะรีบมาทันทีไม่มีบิดพริ้ว” ใบหน้าหล่อเซอร์มีสไตล์ไม่ต่างจากนายแบบยื่นลงมาจ่อห่างแค่มือกั้น
“ป๊าบบบ”
เสียงวัตถุบางอย่างถูกกระทบจากทางด้านหลัง จนทำให้ตากล้องหนุ่มต้องกุมหัวตัวเองในฉับพลันก่อนหันไปมองหาต้นตอที่ทำให้เขาต้องบาดเจ็บ
“ไอ้บ้าที่ไหนเล่นแบบนี้วะ”
“ไอ้บ้าที่นี่แหละ..ฉันอนุญาตให้นายมาจีบหลานสาวฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ วันนี้สตูดิโอว่างรึไงทำไมช่างภาพถึงมาเดินเพ่นพ่านอยู่แผนกแปลห๊า!!..”กุลธีร์โวยใส่ช่างภาพหนุ่มที่บังอาจมาหลีหลานสาวตนเอง
“โธ่บอส...งานก็มีครับแต่แค่แวะมาคุยกับเพื่อนสักครู่ คงไม่ถึงกับทำให้งานเสียหรอกครับ เรากำลังคุยเรื่องนายแบบคนล่าสุดที่จะมาเป็นปกให้K-magazineไงบอส กัมมี่ดูกังวลว่าน่าจะร่วมงานได้ยากจากการอ่านโปรไฟล์ที่แย่ของหมอนั่น” พีมะบอกแทนหญิงสาวที่เอาแต่หัวเราะกลบเกลื่อน
“ไปทำงานของนายได้แล้วมีถ่ายไม่ใช่เหรอมัวแต่เล่นอยู่ รีบไปได้แล้วเดี๋ยวนางแบบรอนานจะวีนใส่มาถึงฉันอีก”กุลธีร์ต่อว่าทีเล่นทีจริง เขาออกจะเป็นอาที่สมัยใหม่สักหน่อยที่ไม่ได้หวงหลานสาวมากมายนักเพราะเชื่อว่ากุมาริกาดูแลตนเองได้ดีจึงไม่เคยห้ามเวลามีหนุ่มๆมาเกาะแกะ
“คร๊าบบ..บอส ไปก่อนนะกัมมี่ว่างแล้วไปกินข้าวกัน” ตากล้องหนุ่มยิ้มก่อนวิ่งออกไปเพราะกลัวที่จะโดนสันหนังสือเล่มเดิมฟาดเข้าใส่อีก
“หน๋อยแหนะ!! ไอ้หมอนี่ขนาดฉันยืนอยู่ด้วยแกยังกล้านัดหลานสาวฉันอีกนะ” กุลธีร์แสร้งหัวเสียก่อนประสานเสียงหัวเราะกับกุมาริกาแต่ก็อดบ่นไม่ได้
“ยัยหลานก็เหมือนกันบอกอาว่าไม่มีอะไร แต่การคุยเล่นแบบเมื่อกี้อาจทำให้ผู้ชายเข้าใจผิดได้นะอีกอย่างคนอื่นเขาจะมองไม่ดีคิดว่าเราสองคนมี something กันมากกว่าเพื่อนร่วมงานธรรมดา”
“ฮ่าๆๆ วันนี้ศัพท์อากุลวัยรุ่นมากเลยค่ะ WoW!! something” กุมาริกาทำหน้าล้อเลียน
“ยัยหลานกังวลเรื่องดาราเกาหลีที่จะมาเหรอ เขาไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอก จริงๆแล้วหมอนั่นนิสัยดีใช้ได้เลยที่เดียว อย่าเอาแค่รูปลักษณ์ภายนอกที่เห็นมาตัดสินใจคนสิลูก หลานอาไม่ใจแคบแบบนั้นใช่ไหม เอ้า!!อาให้เอาไว้ดู เขาหล่อดีนะว่าไหมยัยหลาน” กุลธีร์ส่งหนังสือเล่มเดียวกันกับที่เธอดูเมื่อครู่ให้
“อากุลพูดอย่างกับว่ารู้จักเขาดีเลย”กุมาริกามองคนในรูปที่เธอคิดว่าไม่ต่างจากข่าวที่เธออ่าน ดวงตาดั่งแช่แข็งมองตอบมาราวกับจะเจาะลึกเข้าไป
“ก็ดีพอจะรู้ว่าเขาไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดนั่นแหละ”
“แค่นั้นเองแน่นะสายตาอากุลแปลกๆนะเขาว่า..เหมือนมันมีอะไรแฝงอยู่เลย” กุมาริกายังคงถามคาดคั้นอาหนุ่ม
“อาขี้เกียจคุยกับเจ้าหนูจำไมช่างซักแหละเบื่อจะตอบ” กุลธีร์เลือกจะหันหลังหนีไปดีกว่าจะต่อปากต่อคำเดี๋ยวจะเสียแผนซะก่อนหันหลังโบกมือเหมือนว่าไม่ต้องมาถาม หัวเราะอย่างอารมณ์ดีจากไป
รบกวนติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะถ้าชอบอย่าลืมจิ้มให้ด้วยนะะะะ....
กุมาริกา กริณรัตน์ใช้ปลายนิ้วชี้สะบัดปลายผมดำยาวให้พ้นต้นคอระหง ไล่อากาศร้อนอ้าวจากภายนอกอาคารที่เหมือนจะติดตัวเธอเข้ามาในสำนักงานด้วย เดินจ้ำสับจนขาแทบจะขวิดเนื่องจากการมาสายของตนเอง ซึ่งหญิงสาวโทษว่ามันเกิดจากปัญหาระดับประเทศที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้
นับเป็น UNSEEN THAILAND อีกเรื่องที่เป็น Talk of the Town ของทุกชาติที่มักยกขึ้นมาคุยหลังจากมาเยือนสยามประเทศ...จะอะไรถ้าไม่ใช่เรื่องรถติดถึงมันจะไม่ใช่ข้ออ้างของพนักงานที่ดีต้องเอามาอ้างก็จริง แต่มันคือเหตุผลของเธอนี่นาเมื่อนึกถึงคำแก้ตัวแล้วผลักประตูเปิดเข้าไปยังแผนกของตนเอง
“กัมมี่ๆ”
“ว่าไงปุยฝ้ายมีอะไรน่าสนใจเหรอดูตื่นเต้นจัง”เจ้าของชื่อเล่นน่ารักเอ่ยถามมองตามสายตาเพื่อนสนิทที่บุ้ยใบ้ให้ดูใครอีกคนทางด้านหลัง ร่างเล็กเอียงตัวมองตามไปยังเพื่อนร่วมงานสาวประเภทสองร่างยักษ์ที่อยู่เยื้องไปทางด้านหลังอีกที ดูเหมือนว่าเขาหรือเธอ กำลังสนใจอะไรบางอย่างในหนังสือเล่มที่ถืออยู่ในมือ ถึงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แบบนั้น
“เจ๊เกิ้นแกเป็นอะไร ดูหนังสือปลุกใจรึไงทำตาวาวเชียว” กุมาริกามองขำ
“บ้าดิแก เจ๊เขาแค่กำลังอารมณ์ดี” ปารีย์หัวเราะ
“ทำไมอ่ะอากุลขึ้นโบนัสให้เหรอ” กุมาริกาทำตาโตตื่นเต้น
“แกเคยเห็นบอสแจกโบนัสพร่ำเพื่อกับลูกน้องมากกว่าคำชมเหรอไง” ปารีย์ทำหน้ามุ่ยแก้มตุ่ยถาม
“นี่พวกเธอๆจะนินทาเจ๊กันอีกนานไหม มาดูรูปผู้ชายหล่อๆกันเร็ว เสียเวลากระเทยอยู่ได้” เกิ้นหรือกีรติจีบปาก
สองสาวโผเข้าหาสตรีข้ามเพศร่างอวบในทันที แต่นางก็เล่นตัวปิดนิตยสารในมือลงอย่างรวดเร็ว
“บอกไว้ก่อนคนนี้เจ๊จองแล้วย่ะ”
“แหมม..เจ๊ เห็นเจ๊บอกจองเนี่ยเป็นกองทัพแล้วมั้ง” ปารีย์ค่อนขอด
“นี่ยัยปุยฝ้ายเมื่อเช้าไม่ได้ใช้เป็ดกลั้วปากอีกทีเหรอ สุนัขถึงยังคาอยู่ในปากหล่อน” เจ๊เกิ้นตอบโต้
“เอาล่ะพอกันทั้งคู่แหละ ถ้าจะทะเลาะกันต่อเขาจะได้กลับไปทำงานๆยิ่งเยอะๆอยู่ช่วงนี้””กุมาริกาส่ายหน้าระอา
“โถ่ๆคุณน้องรักษาผลประโยชน์แทนบอสน่าดูไหนๆก็พูดเรื่องผลประโยชน์แล้ว กัมมี่บอกบอสเพิ่มเบี้ยขยันให้พวกเราบ้างก็ได้ทำงานกันอย่างเดียว เดี๋ยวใช้ไม่ทันแมลงสาบแทะหมดเสียดายออก”กีรติแสร้งค้อน
“แหมม…เจ๊เกิ้นก็ขนาดเขาเป็นหลานแท้ๆทำงานมา3ปีกว่าแล้ว ยังไม่มีทีท่าว่าจะขึ้นเงินเดือนให้ด้วยซ้ำ มาสายเขาก็โดนหักมากกว่าพวกเจ๊อีก เรื่องโบนัสสิ้นปีนี่ไม่ต้องพูดถึงแทบจะโดนหักหมดตั้งแต่กลางปีเพราะสายนี่แหละ” กุมาริกาทำคอย่นเมื่อนึกถึงกฎมหาโหดของอาตัวเองที่มักตักเตือนเธออยู่เสมอ
“คิดจะเป็นนายคนก็ต้องรู้จักเป็นตัวอย่างที่ดีก่อนอย่าคิดว่าเป็นหลานเจ้าของบริษัทแล้วจะทำอะไรตามใจได้ เราต่างหากที่ต้องตั้งใจทำงานให้หนักกว่าคนอื่น ลูกน้องจะได้ยอมรับว่าเราเก่งจริงไม่ใช่ได้มาทำงานเพราะเป็นหลานสาวเจ้าของแต่ไม่มีความสามารถ”
“เฮ้อ…” กุมาริกาถอนหายใจแค่นึกเธอยังเพลียเลยพร้อมทิ้งตัวนั่งบนโซฟาข้างๆกีรติดึงนิตยสารที่อยู่ในมืออวบมาเปิดดูแบบผ่านๆ
“แกเปิดอะไรของแกอ่ะกัมมี่ พลิกซะเร็วขนาดนั้น”ปารีย์โวย
“นั่นสิพลิกไปพลิกมาอยู่ได้เดี๋ยวแม่ตีมือหัก มานี่เดี๋ยวเจ๊เปิดเอง อุ๊ต๊ะ...อยู่นี่ไงเทพบุตรของเจ๊ หล่อใช่ไหมล่ะ รูปหน้า ทรงผมก็เก๋กำลังอินเทรนด์เลยนะที่เกาหลีเนี่ย ดัดลอนหยักศก ตัวสูงสมส่วนเพอร์เฟคไปทุกอย่าง ที่สำคัญโปรไฟล์ส่วนตัวก็งามเลิศนะจ๊ะคุณน้องเป็นถึงน้องชายคนเดียวของเจ้าของบริษัท นัมโมเดล แถมยังติดอันดับ TOP5 นายแบบทำเงินของเกาหลีเชียวตัวพี่สาวก็รวยสุดๆมีกันแค่สองคนพี่น้องข่าวว่าพ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่เด็ก” กีรติบอกภูมิใจกับข้อมูลเชิงลึกของตนเอง
“นี่เจ๊เป็นสปายรึไงรู้แม้กระทั่งเรื่องที่บ้านของเขาเป็นยังไง” ปารีย์ทำหน้าทะเล้นรับค้อนวงใหญ่ที่ถูกส่งกลับมา
“ฉันก็อ่านตาม Internet นี่ล่ะ เขาดังพี่สาวเขาก็ดังเป็นธรรมดาที่จะมีประวัติ” กีรติยังคงจิกสายตาพร้อมอธิบาย
นิ้วเรียวพลิกหน้านิตยสารไปเรื่อยๆอดชมไม่ได้ว่าหน้าเขาเป๊ะจริงๆ ใบหน้าเรียวเล็กเข้ากับผมดัดอ่อนๆความยาวเท่าติ่งหู ดูกวนไม่เบา แต่ไม่ดูมาดนิ่งไปหน่อยเหรอหญิงสาวถามตนเองในใจ หยุดค้างอยู่หน้าที่มีรอยยิ้มกว้าง รอยยิ้มนั่นสร้างความประหลาดใจให้กับเธอไม่น้อย ทำให้ต้องพลิกย้อนกลับไปดูหน้าที่เปิดผ่านมาแล้วในตอนแรก
“ยิ้มแล้วอย่างกับคนละคนแน่ะ” กุมาริกามองเจ้าของรอยยิ้มอย่างประหลาดใจ
“ใช่ไหมละ..ยิ้มแล้วดูดีสุดๆไม่งั้นจะได้ฉายารอยยิ้มเทวดาเหรอ..ใช่ป่ะเจ๊” ปารีย์ขอความเห็นคู่ปรับ
“ถูก...ที่เกาหลีนะเปรียบเขาว่าถ้านัมแทบงยิ้มแค่ครั้งเดียวก็สามารถทำให้ต้นไม้ที่แห้งเหี่ยวตายไปแล้วกลับมาดูสดใสได้” กีรติบอกโชว์ภูมิตัวเองอีกครั้ง
“เลี่ยนชะมัด ก็ไม่ปฏิเสธนะว่าเวลายิ้มหมอนี่ดูดีมากแต่สโลแกนนี่มันขัดกับรูปลักษณ์หมอนี่ชะมัด ดูหน้าตาซิ...ถึงจะหล่อแต่พอไม่ยิ้มนี่ยังกับคนหน้าบึ้ง เขาว่าหมอนี่คงจะหยิ่งเข้าถึงยากแน่ๆ” กุมาริกาพูดไปตามที่คิด
“แกนี่เพี้ยนรึเปล่ากัมมี่ กินยาต้านทานคนหล่อมากไปรึไง คราวที่แล้วก็ทีนักร้องบอยแบรนด์น่าตาน่ารักจะตายแกก็บอกว่าเขาหน้ากลัวเหมือนออกมาจากหนังสือเป๊ะหล่อไม่เป็นธรรมชาติ ไหนจะนักแสดงหล่อแซ่บทั้งนั้นแกก็เฉยต่อมการมองของแกผิดปกติหรือเปล่า”ปารีย์คว้าหนังสือในมือหญิงสาวมาถือไว้เอง งอนที่เธอพูดทำร้ายจิตใจซุปตาร์ของตนเอง
“นั่นสิคุณน้อง นัมแทบงออกจะหล่อ”กีรติพยักพเยิดเห็นด้วย
“ นัมแทบง เขาเป็นนายแบบที่ผันตัวเองมาเป็นนักแสดงซึ่งตอนนี้ที่เกาหลีกับแทบโซนเอเซียบ้านเราเนี่ยเขาดังมากนะแก หล่อขนาดนี้แกยังไม่รู้จักเลยไม่รู้ทำงานบันเทิงได้ยังไง”ปารีย์ค่อนแคะต่อ
“ฉันเป็นล่ามนี่แก ไม่ได้เป็นนักข่าวสายบันเทิงสักหน่อย ทำไมฉันต้องสนใจประวัติเขาด้วยล่ะ ที่สำคัญดาราก็เหมือนกันหมดสร้างภาพทั้งนั้นโดยเฉพาะพวกศิลปินดารา ทำงานร่วมกันมากี่หนแล้วแกเคยเห็นทีมงานเขาเรื่องน้อยลงบ้างไหม” กุมาริกากอดอกตั้งคำถาม
“เรื่องการวางตัวมันก็เป็นธรรมดาก็เขาเป็นดารานี่ จะให้มาเข้าถึงตัวง่ายๆจะใช่ดาราดังเหรอ แต่ฉันอ่านข่าววงในมาพวกแฟนคลับว่าจริงๆแล้วเขาเป็นพวกปิดกั้นตัวเองนะ ไม่ค่อยมีเพื่อนประมาณนี้ ไม่ค่อยออกรายการหรือพวกเกทโชว์แต่นั่นยิ่งทำให้มีเสน่ห์น่าค้นหาเข้าไปอีกใช่ป่ะล่ะ” ปารีย์ยิ้ม
“ถูกต้องที่สุด ยิ่งยากยิ่งน่าค้นหา ฮ่าๆๆเขาเรียกสไตล์แบดบอยไงจ๊ะ หยิ่งนิดๆ เย็นชาหน่อยๆเจ๊ชอบ...แล้วที่คุณน้องต้องสนใจก็เพราะว่า...” กีรติกำลังจะอ้าปากบอกแต่ก็ถูกปารีย์พูดแซงขึ้นมาทันที
“นี่แสดงว่าแกยังไม่รู้เกี่ยวกับข้อมูลดาราที่จะมาทำงานกับเราใช่ไหมกัมมี่ ที่สำคัญคือแกจะต้องเป็นล่ามให้เขา สรุปที่พูดกันมาทั้งหมดแกไม่รู้เพราะไม่ได้เช็คเมลที่ฉันส่งให้เมื่อวาน...ใช่ไหม” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวส่ายหน้าปารีย์ก็ยกมือกุมศีรษะ
“เฮ้อ..ก็ช่วงนี้ฉันเหนื่อยนี่นาแล้วทำไมต้องส่งเมลด้วยแกก็บอกฉันได้นี่นา”
"ก็เมื่อวานแกไม่เข้าออฟฟิศไง"
กุมาริกาพยักหน้ารับรู้ ถอนหายใจกับตัวเอง เธอรู้ว่าอาชีพของเธอคือล่าม งานของเธอมักท้าทายเสมอกับปัญหาเฉพาะหน้าแต่เธอก็ผ่านบททดสอบยากๆได้ตลอด แต่ช่วงนี้สมองเธอต้องการพักผ่อนเหมือนกับคนอื่นเขาบ้าง แต่กลับมีงานเข้ามาจนเธอไม่มีแม้แต่โอกาสขอพัก ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดทำไมช่วงนี้นักร้องนักแสดงเกาหลีถึงตบเท้าเรียงแถวเข้าประเทศเรากันจัง
กระแสฟีเวอร์ซินะสมัยตอนเธอยู่ม.ต้น เธอก็เคยชอบนักร้องจากเกาะอังกฤษอยู่หลายคนแล้วก็ค่อยๆเปลี่ยนสไตล์มาเป็นโซนเอเชียอย่างญี่ปุ่นเพราะชอบซีรีย์แล้วก็นักร้อง ไปๆมาๆเธอก็ได้อิทธิพลจากอาคนสนิทที่ไปร่ำเรียนที่เกาหลีมาแถมเขายังคลั่งไคล้ทุกอย่างเกี่ยวกับประเทศนี้
กุมาริกาจำได้ว่าเธอฟังมันจนเผลอซึมซับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ด้วยความเป็นคนสนใจด้านภาษาและวัฒนธรรมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เธอจึงรับทุกอย่างมาจนกลายเป็นสนใจทุกเรื่องของประเทศนี้แม้จะรักงานที่ทำแต่เธอก็อยากได้เวลาพักผ่อนของตัวเองด้วยนี่คุณอาของเธอเล่นไม่ให้เธอพักเลย 2อาทิตย์ก่อนก็เพิ่งรับงานเป็นล่ามพิเศษนอกสถานที่ให้นักแสดงวัยรุ่น ฮามินแจ นี่ก็มีงานใหม่มาอีกแล้วโดยที่เธอไม่ได้เช็คข้อมูลด้วยซ้ำ
“เฮ้อ....” กุมาริกาซบศีรษะลงกับบ่าเพื่อนสนิท
“ถอนหายใจเป็นคนแก่ไปได้คนเขากำลังมีความสุขกันแกจะทุกข์อะไรนักหนา ฮึ..แม่แก่”ปารีย์ก้มหยิกแก้มอิ่มอย่างมันเขี้ยว
“ฉันเจ็บนะปุยฝ้าย...แกนี่เล่นอะไรก็ไม่รู้แก้มฉันมันใหญ่อยู่แล้วแกจะเพิ่มขนาดให้มันทำไมห้ะ!!” กุมาริกาโวยวาย
“พอคะพอ...ทั้งคู่เลยไม่ต้องมัวทะเลาะกันอยู่ ไปค่ะไป...ต่างคนต่างไปทำงานกันได้แล้ว ส่วนเล่มนี้เจ๊จอง” กีรติยกมือห้ามทัพแย่งหนังสือในมือปารีย์ไปถือไว้เอง
กุมาริกามองตามสบตาเจ้าของภาพนิ่งในหนังสือแล้วบอกไม่ถูกเหมือนกัน ว่าทำไมถึงรู้สึกแปลกๆ ดวงตาเรียวที่ดูเย็นชาราวกับถูกแช่แข็ง อีกไม่กี่วันข้างหน้าเขาคืองานสำคัญของเธอ แล้วเขาเป็นคนแบบไหนกันนะ ไวเท่าความคิดหญิงสาวลุกจากโซฟาตรงไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง มือเรียวเคาะแป้นในส่วนที่อยากรู้ลงไป แค่นี้พี่กูเกิ้ลก็จะบอกเธอเอง...
หน้าจอปรากฏข้อมูลมากมายขึ้นมาทั้งรูปภาพและผลงานทั้งที่ผ่านมาและปัจจุบัน นายแบบ นักแสดง ตากลมกวาดไปตามข้อมูลที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ
ประวัติ...
ชื่อจริง นัมแทบง เกิดปี1986 สูง185 Debut ปี2006 ด้วยการเป็นนายแบบแล้วเริ่มเล่นละครจนถึงปัจจุบัน
ข่าว...เป็นแบดบอยแสนเย็นชา
ข่าว... ผู้ชายที่เข้าถึงยากมักปฏิเสธในสิ่งที่ไม่อยากทำทันที
ข่าว...ผู้ชายตาพิฆาตแค่มองก็มีอนุภาพในการทำลายล้างมีผลให้สาวๆหวั่นไหว
มือบางกดไล่รูปลงไปเรื่อยๆ ขนาดในรูปยังไม่ค่อยยิ้มเลยหน้าเดียวรึไงนะหมอนี่ กุมาริกาคิดติในใจ
ข่าว..ฉายาเจ้าชายน้ำแข็ง
ข่าว..เพื่อนสนิทนัมแทบงออกมาปฏิเสธเรื่องเขาเป็นคนเย็นชา เขาไม่ใช่คนเฮฮาแต่เขาก็มีมุมที่สนุกสนาน
“รู้สึกว่านายคนนี้จะมีแต่ข่าวติดลบของตัวเองนะไม่น่าเชื่อว่าจะดังได้ ละครส่งหรือบทดีล่ะเนี่ย อ่านจากข่าวพวกนี้แล้วนิสัยน่าจะต่างจากคนทั่วไปไม่เบา จะถือตัวหรือว่าหยิ่งกันนะน่าจะไม่ธรรมดาจริงๆ ”กุมาริกาเคาะแป้นเพื่อเซฟข้อมูล ก่อนเงยหน้ามองคนที่ชะโงกอยู่ด้านบนศีรษะของเธอ
“บ่นอะไรพึมพำคนเดียวคนสวย” พีมะตากล้องมาดเซอร์ยิ้มทะเล้น
“ไม่ได้บ่นสักหน่อย เราแค่หาข้อมูลงานนิดหน่อย”
“แล้วเจอไหมล่ะให้เราช่วยป่ะ”
“ไม่ต้องถึงมือตากล้องสุดหล่อหรอกมั้ง งานง่ายๆแบบนี้...เอ ไม่สิอาจจะยากก็ได้แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว” กุมาริกายิ้มแห้งๆส่งไปก่อนจะเปิดยิ้มกว้างกับของสมนาคุณยอดเยี่ยม
“อันนี้พอจะทำให้หายเหนื่อยได้บ้างไหมเบบี๋” ไอติมโคนของโปรดรสสตอเบอร์รี่ยิ่งถูกใจมือเล็กคว้าหมับทันที
“น่ารักที่สุด พีรู้ใจเราจังกำลังอยากกินอยู่พอดี”ตากล้องหนุ่มยิ้มปลื้ม
“ของเราล่ะ รู้อยู่ว่าแผนกนี้มีกี่คน ทำไมซื้อมาให้ได้คนเดียวนายนี่ขี้เหนียวจริงๆ”ปารีย์บ่นอุบกับกีรติ มองดูมดแดงที่แอบแฝงพวงมะม่วงมานาน
“ฉันไม่รู้ว่าเธอก็ชอบนี่ เห็นบ่นเสียวฟันทุกทีเวลากัมมี่ชวนกิน ส่วนเจ๊เกิ้นผมไม่รู้ว่าเดินมาอยู่ห้องนี้เลยไม่ได้เผื่อ”
“ย่ะ..พวกฉันสองคนมันไม่อยู่ในเลนส์กล้องของตากล้องเซ้นส์เลิศแบบนายหรอก”กีรติสะบัดหน้าหนี
“เชอะ..ถึงฟันฉันจะไม่ดีแต่ก็นึกอยากกินเหมือนกันเวลามีคนมายืนกินใกล้ๆ 2คนแบบนี้” ปารีย์ก็ทำสะบัดหน้าไปอีกทาง
พีมะหัวเราะหนักมากกับคำแขวะของสองสาวต่างสปีชีส์ที่รุมกัดเขาจนเลือดสาดก่อนกอดเอวกันเดินออกไปชี้ชวนกันดูหนังสือในมือ ตากล้องหนุ่มจึงเดินเข้ามาในส่วนที่กั้นโต๊ะทำงานของเธอ ถึงได้รู้ว่าหญิงสาวกำลังบ่นอะไรเมื่อเห็นรูปนายแบบหนุ่มหล่อบนหน้าจอโน้ตบุ๊คที่เปิดไว้ นึกในใจว่าไอ้หมอนี่หน้ามันกวนโอ้ยดีไม่เบา...
“อ่อ..คนนี้เอง รู้สึกว่าเราจะได้ถ่ายแบบให้เขาด้วยนะดูจากหน้าตาถ้าจะเอาเรื่องเลยตามสไตล์ดาราดังอ่ะ”พีมะวิจารณ์ตรงๆตามความรู้สึก ช่างตรงกับใจที่หญิงสาวคิดเหมือนกัน
“แล้วนายไม่มากเรื่องรึไงพ่อหนุ่มฮอตประจำK-magazine ฉันได้ยินว่าผู้จัดการบ่นพฤติกรรมนายประจำกับการมาสายเพราะมัวแต่แฮงค์อยู่”กุมาริกาเอ่ยแซวตามที่ได้ยินข่าวมา
“ก็ถ้าคนนี้สั่งหรือโทรตามจะรีบมาทันทีไม่มีบิดพริ้ว” ใบหน้าหล่อเซอร์มีสไตล์ไม่ต่างจากนายแบบยื่นลงมาจ่อห่างแค่มือกั้น
“ป๊าบบบ”
เสียงวัตถุบางอย่างถูกกระทบจากทางด้านหลัง จนทำให้ตากล้องหนุ่มต้องกุมหัวตัวเองในฉับพลันก่อนหันไปมองหาต้นตอที่ทำให้เขาต้องบาดเจ็บ
“ไอ้บ้าที่ไหนเล่นแบบนี้วะ”
“ไอ้บ้าที่นี่แหละ..ฉันอนุญาตให้นายมาจีบหลานสาวฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ วันนี้สตูดิโอว่างรึไงทำไมช่างภาพถึงมาเดินเพ่นพ่านอยู่แผนกแปลห๊า!!..”กุลธีร์โวยใส่ช่างภาพหนุ่มที่บังอาจมาหลีหลานสาวตนเอง
“โธ่บอส...งานก็มีครับแต่แค่แวะมาคุยกับเพื่อนสักครู่ คงไม่ถึงกับทำให้งานเสียหรอกครับ เรากำลังคุยเรื่องนายแบบคนล่าสุดที่จะมาเป็นปกให้K-magazineไงบอส กัมมี่ดูกังวลว่าน่าจะร่วมงานได้ยากจากการอ่านโปรไฟล์ที่แย่ของหมอนั่น” พีมะบอกแทนหญิงสาวที่เอาแต่หัวเราะกลบเกลื่อน
“ไปทำงานของนายได้แล้วมีถ่ายไม่ใช่เหรอมัวแต่เล่นอยู่ รีบไปได้แล้วเดี๋ยวนางแบบรอนานจะวีนใส่มาถึงฉันอีก”กุลธีร์ต่อว่าทีเล่นทีจริง เขาออกจะเป็นอาที่สมัยใหม่สักหน่อยที่ไม่ได้หวงหลานสาวมากมายนักเพราะเชื่อว่ากุมาริกาดูแลตนเองได้ดีจึงไม่เคยห้ามเวลามีหนุ่มๆมาเกาะแกะ
“คร๊าบบ..บอส ไปก่อนนะกัมมี่ว่างแล้วไปกินข้าวกัน” ตากล้องหนุ่มยิ้มก่อนวิ่งออกไปเพราะกลัวที่จะโดนสันหนังสือเล่มเดิมฟาดเข้าใส่อีก
“หน๋อยแหนะ!! ไอ้หมอนี่ขนาดฉันยืนอยู่ด้วยแกยังกล้านัดหลานสาวฉันอีกนะ” กุลธีร์แสร้งหัวเสียก่อนประสานเสียงหัวเราะกับกุมาริกาแต่ก็อดบ่นไม่ได้
“ยัยหลานก็เหมือนกันบอกอาว่าไม่มีอะไร แต่การคุยเล่นแบบเมื่อกี้อาจทำให้ผู้ชายเข้าใจผิดได้นะอีกอย่างคนอื่นเขาจะมองไม่ดีคิดว่าเราสองคนมี something กันมากกว่าเพื่อนร่วมงานธรรมดา”
“ฮ่าๆๆ วันนี้ศัพท์อากุลวัยรุ่นมากเลยค่ะ WoW!! something” กุมาริกาทำหน้าล้อเลียน
“ยัยหลานกังวลเรื่องดาราเกาหลีที่จะมาเหรอ เขาไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอก จริงๆแล้วหมอนั่นนิสัยดีใช้ได้เลยที่เดียว อย่าเอาแค่รูปลักษณ์ภายนอกที่เห็นมาตัดสินใจคนสิลูก หลานอาไม่ใจแคบแบบนั้นใช่ไหม เอ้า!!อาให้เอาไว้ดู เขาหล่อดีนะว่าไหมยัยหลาน” กุลธีร์ส่งหนังสือเล่มเดียวกันกับที่เธอดูเมื่อครู่ให้
“อากุลพูดอย่างกับว่ารู้จักเขาดีเลย”กุมาริกามองคนในรูปที่เธอคิดว่าไม่ต่างจากข่าวที่เธออ่าน ดวงตาดั่งแช่แข็งมองตอบมาราวกับจะเจาะลึกเข้าไป
“ก็ดีพอจะรู้ว่าเขาไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดนั่นแหละ”
“แค่นั้นเองแน่นะสายตาอากุลแปลกๆนะเขาว่า..เหมือนมันมีอะไรแฝงอยู่เลย” กุมาริกายังคงถามคาดคั้นอาหนุ่ม
“อาขี้เกียจคุยกับเจ้าหนูจำไมช่างซักแหละเบื่อจะตอบ” กุลธีร์เลือกจะหันหลังหนีไปดีกว่าจะต่อปากต่อคำเดี๋ยวจะเสียแผนซะก่อนหันหลังโบกมือเหมือนว่าไม่ต้องมาถาม หัวเราะอย่างอารมณ์ดีจากไป
รบกวนติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะถ้าชอบอย่าลืมจิ้มให้ด้วยนะะะะ....
พบกะรัณย์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ก.ย. 2558, 13:45:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ก.ย. 2558, 13:46:37 น.
จำนวนการเข้าชม : 1007
<< อดีตที่ผ่านพ้น | ข้อห้ามและความหลัง >> |