พรหมลิขิตกระซิบรัก
นัมแทบง นายแบบหนุ่มผู้ผันตัวเองมาเป็นนักแสดงเจ้าของฉายารอยยิ้มเทวดาหากแต่เมื่ออยู่หลังกล้องเขาคือผู้ชายหน้าเดียวที่มีแววตาดุจน้ำแข็ง....
เมื่อพบกับปฎิบัติการดูตัวโดยการชักนำของผู้เป็นพี่สาวที่มีความคิดไม่เหมือนใคร รักครั้งนี้จึงเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อเขาได้พบกับกุมาริกาล่ามสาวชาวไทยที่มีแต่ความสดใส เจ้าของดวงตากลมดุจกวางกับบทพิสูจน์ความรักแท้ที่ผู้เป็นพี่มอบให้...
พีมะ ตากล้องมาดเซอร์ประจำนิตยสารวัยรุ่น K magazine กับความรักข้างเดียวตลอด3ปีที่เฝ้าดูแลหญิงสาวอันเป็นที่รักต้องมาสั่นคลอนเพียงแค่เจอนายแบบหนุ่มหน้านิ่ง ซ้ำร้ายได้คู่ปรับเป็นพัคโบรา นางแบบตัวจี๊ดที่เข้ามาป่วนหัวใจให้เขาลังเลกับความรู้สึกแปลกๆที่เธอมอบให้....
กุลธีร์ บอสหนุ่มผู้เชื่อมั่นในความรักแม้จะรู้ว่ารักนี้อาจไม่สมหวังแต่ก็ยังคงรอคอยถึงมันจะผ่านมานานกว่ายี่สิบปีและเธอนัมเริน หญิงสาวสมัยใหม่ผู้ทุ่มเททุกอย่างให้แก่น้องชายเพียงคนเดียวจนเกือบเสียบางสิ่งที่สำคัญในชีวิต...
... พรหมลิขิตกระซิบรัก...
เมื่อพบกับปฎิบัติการดูตัวโดยการชักนำของผู้เป็นพี่สาวที่มีความคิดไม่เหมือนใคร รักครั้งนี้จึงเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อเขาได้พบกับกุมาริกาล่ามสาวชาวไทยที่มีแต่ความสดใส เจ้าของดวงตากลมดุจกวางกับบทพิสูจน์ความรักแท้ที่ผู้เป็นพี่มอบให้...
พีมะ ตากล้องมาดเซอร์ประจำนิตยสารวัยรุ่น K magazine กับความรักข้างเดียวตลอด3ปีที่เฝ้าดูแลหญิงสาวอันเป็นที่รักต้องมาสั่นคลอนเพียงแค่เจอนายแบบหนุ่มหน้านิ่ง ซ้ำร้ายได้คู่ปรับเป็นพัคโบรา นางแบบตัวจี๊ดที่เข้ามาป่วนหัวใจให้เขาลังเลกับความรู้สึกแปลกๆที่เธอมอบให้....
กุลธีร์ บอสหนุ่มผู้เชื่อมั่นในความรักแม้จะรู้ว่ารักนี้อาจไม่สมหวังแต่ก็ยังคงรอคอยถึงมันจะผ่านมานานกว่ายี่สิบปีและเธอนัมเริน หญิงสาวสมัยใหม่ผู้ทุ่มเททุกอย่างให้แก่น้องชายเพียงคนเดียวจนเกือบเสียบางสิ่งที่สำคัญในชีวิต...
... พรหมลิขิตกระซิบรัก...
Tags: ดารา นางแบบ ซุปตาร์ โรแมนติก ซึ้้ง
ตอน: ข้อห้ามและความหลัง
...ก่อนถึง.วันงานMeeting1วัน..
“อยากลาพักร้อนจังช่วงนี้ฉันว่าความสาวของฉันกำลังหม่นหมอง อายุ 25 แต่ดูผิวฉันสิปุยฝ้ายมันช่างหมองคล้ำขอบตาไม่ต้องพูดถึงน้องช่วงๆหลินปิงชัดๆ”กุมาริกายกตลับแป้งขึ้นส่อง หันผิวหน้าตัวเองไปมาหยั่งกับมองสิ่งประหลาดของโลก
“จบงานนี้แกก็ลองขอบอสดูสิ ปีนี้บริษัทเราคิวยาวดีจริงๆ สามปีมานี่เราบูมเรื่องอีเว้นท์ที่ยอดเยี่ยม งานชุกทุกแผนกโดยเฉพาะล่ามแบบแก แถมทั้งบริษัทดันมีอยู่แค่2คน คือแกกับพี่จี๊ดมันก็น่าเหนื่อยอย่างที่แกว่า ยิ่งตอนนี้นี้พี่จี๊ดยังอยู่ในช่วงลาคลอดงานหนักเลยตกอยู่ที่แก ฉันล่ะไม่เข้าใจบอสเลยจริงๆ ทำไมไม่จ้างพนักงานเพิ่มทั้งที่ตอนนี้เราต้องการผู้ร่วมงานเพิ่มอย่างมากไม่รู้จะงกไปไหน” ปารีย์บ่นยืดยาวก่อนยกมือปิดปากเมื่อเห็นตากลมจ้องเขม็ง
“นี่แกกำลังด่าอาฉันอยู่นะ” กุมาริกาหน้าตูม
“เออ..ลืมตัวไปหน่อย ฉันลืมไปว่าแกกับบอสเป็นอาหลานกัน บ่นสนุกปากไปนิด ขอโทษที...ก็เห็นแกบ่นว่าเหนื่อยไงฉันก็สงสาร อยากให้เพื่อนมีคนช่วย”ปารีย์ประจบด้วยการบีบไหล่เจ้าของร่างที่ฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะเรียบร้อยแล้ว
“ทำไมวันนี้ฉันมวนท้องแล้วก็เวียนหัวแปลกๆพะอืดพะอมเป็นบ้า” กุมาริกาตะแคงหน้าคุยทั้งที่ม่านตายังปิด ก่อนเบิกกว้างเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์บนโต๊ะดังขึ้น บ่งบอกว่าเป็นสายที่ต่อมาจากภายในอาคาร
“ฉันรับให้เอง" ปารีย์อาสาเมื่อเห็นอาการอ่อนเพลียของเพื่อน
"แผนกแปลค่ะ..ได้ค่ะบอส” ปารีย์วางหูโทรศัพท์ลงกับแป้น หยักไหล่ชี้นิ้วไปที่คนตะแคงหน้ามองตาแป๋ว
“แกนั่นแหละกัมมี่. บอสบอกด่วนที่สุด”
“เฮ้อ!!แกไม่น่าพูดเรื่องอากุลแต่เช้าเลย น่าจะรู้ว่าเขานะแมวเก้าชีวิตพูดถึงไม่ได้พูดถึงแล้วมา วันนี้ฉันคงถอนหายใจมากไปแน่ๆท้องอืดยังไงไม่รู้” กุมาริกาเอามือลูบท้องไปมาแล้วเดินหน้ายุ่งออกไป
“ก๊อกๆๆ”
เสียงเคาะประตูดังติดกันสองสามครั้งพร้อมบานประตูถูกผลักเข้ามาโดยไม่รอคำอนุญาติ ทำให้กุลธีร์เงยหน้าขึ้นทันทีมองร่างเล็กที่เดินมาล้มตัวลงนอนที่โซฟารับแขกฝั่งตรงข้าม
“ดูทำเข้ายัยหลานเดี๋ยวมีใครเข้ามาเห็นก็เสียระบบกันพอดี ลุกขึ้นมาคุยงานกับอาก่อน”กุลธีร์บ่น
“เขาปวดท้องอากุลมันมวนๆจะอ้วกยัไงไม่รู้” ฟังคำตอบของหลานสาวสุดที่รักทำคุณอาหนุ่มก็ลุกพรวดมาทันที
“ปวดตรงไหนยัยหลานโรคกระเพาะรึเปล่าหรืออาหารไม่ย่อยกินมากไป”กุลธีร์เอ่ยชื่อโรคอย่างเป็นกังวล
“สงสัยเพราะเมื่อเช้ากินมากไปข้าวต้มป้าหลวยอร่อย ว่าแต่อากุลมีอะไรเรียกเขาขึ้นมา” กุมาริกาลุกขึ้นชันเข่าพลางเอามือวนนวดท้องตัวเองไปด้วย
“นี่อาเป็นเจ้าของบริษัทนะ จะเรียกมาถามความคืบหน้าเกี่ยวกับงานไม่ได้รึไงยัยตัวแสบ มันพรุ่งนี้แล้วนะเดี๋ยวไปหาหมอเลยอย่ามาปล่อยไว้อาไม่อยากให้งานมีปัญหา” กุลธีร์ส่งนิ้วมือหนาดีดลงบนกระหม่อมอิ่ม
“เขารู้หรอกน่า ระดับกุมาริกา กริณรัตน์ซะอย่าง งานระดับพรีเมี่ยมแน่นอน เขาเป็นมืออาชีพนะ ถ้าจะเกิดปัญหาคงเกิดจากฝ่ายนู้นมากกว่า กลัวแต่ซุปตาร์ของอากุลนั่นแหละจะทำให้งานมันยาก”
กุมาริกานึกถึงอีเมลล์ฉบับล่าสุด ที่แค่นึกถึงก็ทำเอาอาการผะอืดผะอมกำเริบ เนื่องมาจากข้อห้ามบ้าๆนั่นเป็นแน่ มันน่าจะเป็นคำสั่งมากกว่าคำขอร้องแถมเธอดันจำได้ขึ้นใจซะนี่
1. ห้ามไม่ให้ถามถึงเรื่องส่วนตัวที่ไม่ได้ส่งคำถามมาให้ดูก่อน
2. ห้ามไม่ให้ถามถึงเรื่องของครอบครัวโดยเด็ดขาด
3. ห้ามเกินเวลาที่ได้ตั้งไว้ในแต่ละงาน
4. น้ำดื่มของนัมแทบงต้องเป็นน้ำแร่อุณภูมิห้องเท่านั้น
5. อาหารของนัมแทบงต้องไม่มีรสเผ็ด
6. นัมแทบงไม่ชอบให้คนมาสัมผัสแบบกอดรัดเพราะฉะนั้นการ์ดต้องทำหน้าที่อย่างดีเยี่ยม
7. อย่าขอร้องให้นัมแทบงทำในสิ่งที่เขาบอกว่าทำไม่ได้เพราะเขาจะไม่ทำมันเด็ดขาด
8. นัมแทบงจะไม่ถอดแว่นหรือผ้าคาดปากหรืออย่างใดอย่างหนึ่งหากเขายังไม่พร้อม
9. นัมแทบงจะไม่ร้องเพลงหรือเต้นเด็ดขาด
10. ล่ามของคุณนัมแทบงจะต้องฉลาดและมีไหวพริบดีพร้อมที่จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างดีเยี่ยม
อ่านจบแล้วกุมาริกาอยากจะบ้าเพราะข้อห้ามพวกนั้น เธออยากรู้จริงๆว่าเขาเป็นคนเขียนมันขึ้นมาเองจริงๆเหรอ นี่มันเด็กสิบขวบเหรอไงจริงๆเล้ย!!แค่คิดเธอก็วิงเวียนแล้ว
“เอาเป็นว่ากลับไปนอนพัก พรุ่งนี้จะได้สดใสอย่าลืมแต่งหน้า แต่งตา แต่งตัวให้สวยๆล่ะ ทางนั้นจะได้ประทับใจ” กุลธีร์ยิ้มมองใบหน้าเนียนใสของหลานสาวอย่างครุ่นคิด ไม่ใช่ว่าเขาอยากได้หลานเขยเป็นดาราดังหรอกนะ แต่มิตรภาพระหว่างเขากับนัมเยรินมันก็ทำให้ปฏิเสธยาก เขาล่ะอยากรู้จริงๆอะไรที่ทำให้เยรินสนใจในตัวหลานสาวเขาขนาดนี้
“อากุล อากุล” เสียงเรียกของกุมาริกาทำเอากุลธีร์สะดุ้ง อดทำหน้ากระอักกระอ่วนไม่ได้
“ว่ายังไงยัยหลาน” กุลธีร์เลิกคิ้วกลบเกลื่อน
“ตกใจอะไร อากุลทำตัวแปลกๆนะ เขาชักจะสงสัยแล้วสิแต่ก็ช่างเหอะพอเสร็จงานนี้เขาขอลาพักร้อนนะ” กุมาริกากอดแขนประจบ
“ลาพักร้อน...อืมเดี๋ยวขอเช็คตารางงานก่อนนะถ้าไม่ยุ่งยากอะไรก็ลาสักวันก็ได้”
“Noooooเขาจะลาพักร้อน ลาพักร้อนเข้าใจไหมอากุลพี่จี๊ดจะกลับมาทำงานอาทิตย์หน้าเพราะงั้นเขาจะลา 3เดือน” กุมาริกาโวย
“จะบ้าเหรอยัยหลาน3เดือนนะเขามีไว้ให้ลาคลอดไม่ใช่ลาพักร้อน”กุลธีร์แย้งหน้าตื่น
“ไม่รู้ล่ะ..อากุลสัญญามาเลยว่าจะให้ลา” หญิงสาวกอดอกขอสัญญา
กุลธีร์ถอนหายใจดูอาการกอดอก หน้าเชิดของหลานสาวแล้วดูท่าว่าคงต้องเถียงกันอีกนาน คงต้องยอมๆไปก่อนแต่ไม่วายตั้งข้อแม้ “เอ้า!!ก็ได้...แต่งานพรุ่งนี้จะต้องดีเลิศนะอาถึงจะอนุมัติ”
“จริงนะ...อากุลสัญญาแล้ว ถ้าขี้โกงล่ะก็เขาจะอาละวาดให้บริษัทพังเลยคอยดู”กุมาริกาทำหน้ากวนจนอาหนุ่มต้องประเคนมะเหงกลงบนหัวเธอแรงๆอีกทีอย่างมันเขี้ยว
"ก็ใครใช้ให้ขู่อาล่ะ เอาใหญ่แล้วนะไอ้หลานคนนี้"
“เขาเจ็บนะอากุล เล่นเป็นเด็กๆไปได้” ไวเท่าแสงหญิงสาววิ่งปรู๊ดไปทันที ก่อนที่จะโดนเขกเป็นรอบที่สาม
กุลธีร์ส่ายหน้าเอ็นดูหลานสาวตนเอง อดถอนหายใจเฮือกใหญ่ไม่ได้ “เฮ้อ!!เยริน...นี่มันแปลกแท้ๆ ริจะจับคู่น้องชายตัวเองกับหลานสาวตัวแสบของผมเนี่ยนะ”
ณ.กองถ่ายนอกสถานที่........ย่านอินซาดง
ร่างสูงโปร่งเกลี่ยเส้นผมที่ละใบหน้าหญิงสาวอ่อนวัยในอ้อมแขนเอาไปเหน็บไว้ที่หลังใบหู ดวงตาเรียวมองหญิงสาวตรงหน้าเปี่ยมด้วยความรัก ริมฝีปากบางสวยไม่แพ้สตรีก้มลงจูบหญิงสาวในอ้อมกอดอย่างดูดดื่ม แต่แล้วก็มีเสียงตะโกนดังลั่น
“คัทททท!!!!”เสียงสั่งคัทดังลั่นไปหมดจากผู้กำกับการแสดงทำเอาทั้งกองวิ่งวุ่น
“ทำไมไม่จูบปากไปเลยเล่าแทบง นายเอานิ้วนายมาบังไว้อย่างนั้นทำไม คนดูเขาก็เสียอารมณ์กันพอดี” คนเป็นผู้กำกับโวยวาย
“ผมไม่เห็นว่ามันจะเสียอารมณ์ตรงไหน ผู้ชมเขาไม่ได้เห็นนิ้วมือผมสักหน่อยถ้าไม่เห็นภาพNG” นัมแทบงแย้งขณะดูมอนิเตอร์ที่กำลังเล่นภาพที่ถ่ายทำไปแล้วเมื่อครู่ด้วยใบหน้านิ่ง
##NG ย่อมาจาก No good/not good ใช้อ้างถึงฉากเบื้องหลังการถ่ายทำที่ออกมาไม่ดี ฉากหลุด เป็นต้น##
“แต่ผู้ชมเขาอยากดูแบบได้Feeling แบบบดขยี้เข้าใจไหม” ผู้กำกับยังคงไม่ยอมแพ้
“ตามความเห็นของผมนางเอกเป็นแค่เด็กม.ปลาย การจะให้จูบแบบนั้นมันไม่รุนแรงไปรึครับผู้กำกับ อีกอย่างผมก็ให้เกียรติเครื่องแบบอะไรไม่ถูกไม่ควร เราก็ไม่ควรไปชี้นำเด็กที่ยังเป็นวัยรุ่นที่พร้อมจะขาดการยั้งคิดได้ตลอดเวลา ฉากนี้เป็นซีนสุดท้ายของวันนี้ผมว่ามันออกมาดีแล้วคงไม่จำเป็นต้องแก้ไขอะไร งั้นผมขอตัวกลับเลยนะครับ”.นัมแทบงโค้งให้ตามธรรมเนียม เดินจากไปอย่างไม่สะทกสะท้านขณะที่ผู้กำกับกำลังจะระเบิดเป็นจุล
“ผู้จัดการคิม คิมเซจุนนนน” ผู้กำกับตะโกนระเบิดอารมณ์ใส่ทันทีที่เห็นหน้าผู้จัดการส่วนตัวของดาราหนุ่ม
“ครับๆ ผู้กำกับ ผมต้องขอโทษแทนแทบงของเราด้วยครับ”ผู้จัดการคิมก้มโค้งลงต่ำ
“เฮ้ย!จริงๆเลยพระเอกของคุณนี่มันสุดยอดไปเลยนะ ริมฝีปากทาด้วยทองรึไง นางเอกยังไม่มีปัญหาสักนิดเลยที่จะต้องจูบ เธอพร้อมขนาดนี้ทำไมถึงไม่จูบบบบบห๊า!!ทำไมหมอนั่นถึงเป็นแบบนี้” ผู้กำกับยังคงโวยวายต่อเนื่อง
“ขอโทษจริงๆครับ ถ้าบทกับฉากเหมาะสมนัมแทบงต้องทำแน่ๆ เขาก็เป็นแบบนี้แหละครับ ขอโทษด้วยอีกครั้งผมไปก่อนนะครับ” ผู้จัดการคิมโค้งอย่างขอลุแก่โทษอีกครั้ง
“ให้มันได้อย่างนี้สิโว้ย...ตกลงว่าผมเป็นผู้กำกับหรือเจ้านั่นมันเป็นห๊า!!!.พ่อพระเอกเทวดาไม่นึกว่าข่าวลือพวกนั้นจะเป็นจริง ถ้าไม่เป็นเพราะช่องเลือกมาเองล่ะก็พ่อจะยกเลิกกองไปซะเลยไม่ได้มีความเกรงใจกันเลย” ผู้กำกับเขวี้ยงหมวกทิ้งอย่างหัวเสีย
ทันทีที่ผู้จัดการคิมเปิดประตูขึ้นรถ เสียงทุ้มก็ดังขึ้นโดยที่ใบหน้ายังคงนิ่งไม่ปรากฏอารมณ์ใดๆ แต่คิมเซจุนก็รับรู้จากน้ำเสียงได้ว่าอารมณ์ของชายหนุ่มยังดีอยู่มาก
“ฮยอง...รายงานหมดแล้วซิ ท่านประธานถึงโทรมาใหญ่เลย” นัมแทบงมองนิ่ง
##ฮยอง คำที่ผู้ชายเกาหลีใช้เรียกผู้ชายที่อายุมากกว่าตนเองแทนคำว่าพี่##
“ก็แล้วทำไมนายไม่รับโทรศัพท์ล่ะ..ฉันโดนด่าแทนนายจนหูชาไปหมดแล้ว” คิมเซจุนปิดประตูอย่างหงุดหงิดที่เห็นใบหน้าเรียบเฉยกับน้ำเสียงไม่แสดงอารมณ์ใดๆนั่น
“ก็เพราะผมรู้ไงว่าท่านประธานจะโทรมาเรื่องอะไร” นัมแทบงกดดูสมาทโฟนในมือเล่นอย่างไม่ทุกข์ร้อน
“ย๊าห์..แทบงนายนี่ก็เหลือเกินแค่จูบจะอะไรนักหนา ก็จูบๆไปสินายต้องไปคิดมากทำไม นายไม่เห็นหน้านางเอกเหรอทั้งสวยทั้งน่ารัก” ผู้จัดการคิมระเบิดอารมณ์
“งั้นฮยองก็ไปจูบเธอแทนผมสิ” นัมแทบงพูดโดยไม่ปรากฎอารมณ์ใดๆเหมือนเคย ก่อนหลับตาลงเฉยๆ นั่นเป็นสัญญาณว่าห้ามกวนโดยเด็ดขาด
“นายนี่มันจริงๆเลย ถ้าฉันสูง หล่อเหมือนนายฉันทำไปแล้ว” ผู้จัดการคิมบ่นกับตัวเอง อดหันไปไปพาลใส่คนขับรถไม่ได้
“ย๊าห์...แล้วทำไมไม่ออกรถเล่ามีงานต่อนะโว้ย รีบไปสิ”
นัมแทบงยิ้มกับอาการผีเข้าผีออกของผู้จัดการที่อยู่ด้วยกันมานานกว่าแปดปี เขารู้ดีว่าบางที่เขาก็กวนผู้จัดการคิมบ่อยๆทั้งต้องคอยแก้ปัญหาไม่ว่าเขาจะก่อเรื่องมากมายแค่ไหนก็ตาม คนที่เข้าใจสีหน้าเขาได้ดีแม้ไม่ต้องพูดออกไป..ก็คือผู้จัดการคิมคนนี้แหละ
“นายควรจะพูดออกมานะไม่ว่านายจะรู้สึกอะไรไม่ใช่ทำหน้าแข็งแบบนี้” นั่นสิทำไมเขาถึงไม่ชอบแสดงอารมณ์เหมือนคนอื่นทั่วไปล่ะ ภาพในวันเยาว์ซ้อนกลับเข้ามาในหัว
“ไม่ร้องไห้นะแทบง ลูกเป็นผู้ชายจะแสดงความอ่อนแอออกมาให้คนอื่นเห็นไม่ได้นะ เขาจะดูถูกเอา คนอ่อนแอคือคนที่แพ้จำไว้ โตขึ้นลูกต้องปกป้องพี่สาวของลูกด้วยอย่าให้ใครรังแกเธอได้ล่ะ” ดวงตาเรียวที่ปิดสนิทเปิดขึ้นคำสอนของพ่อกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง
“ครับพ่อ..ผมจะดูแลพี่เยรินเองพ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วง” นัมแทบงตอบกับตนเอง แค่นึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบากมันโหดร้ายก็จริง แต่พอเราผ่านมันไปได้มันจะกลายเป็นแค่บททดสอบที่ทำให้เราเข้มแข็งขึ้นเท่านั้น เหมือนที่มีคนเคยพูดว่า ไม่มีความทุกข์ใดอยู่กับเรานาน พอๆกับไม่มีความสุขที่แท้จริงที่อยู่ไปถาวร
ระยะเวลาของทุกข์และสุขคนกำหนดที่แท้จริงคือตัวเราเอง กฎข้อนี้เขาเห็นว่ามันจริงเพราะพี่สาวเขาทำมันเป็นตัวอย่างให้เห็นเสมอ ทุกครั้งที่เธอเหนื่อย ท้อ โมโห มีความทุกข์เธอก็แค่ร้องไห้มันออกมาพอเธอหลับและตื่นขึ้นมาเธอก็กลายเป็นอีกคนที่ต่างจากเมื่อวาน...เขาเองก็ไม่ต่างกัน
“เรามาใช้ชีวิตให้มีความสุขกันเถอะนะแทบง พี่จะเป็นทั้งพ่อและแม่รวมถึงเพื่อนให้นายเอง เพราะฉะนั้นนายจะต้องมีความสุขนะ” เขาจำได้ว่าเขาพยักหน้าตอบพีสาวไปพร้อมกับเห็นน้ำตาของผู้เป็นพี่ที่ยิ้มอย่างเข้มแข็ง
ช่วยติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ____
เพราะเป็นการแต่งแบบมีสองเชื้อชาติเลยพยายามแนบความหมายด้วย
ขาดตกบกพร่องยังไงขออภัยด้วยนะคะ ^0^
“อยากลาพักร้อนจังช่วงนี้ฉันว่าความสาวของฉันกำลังหม่นหมอง อายุ 25 แต่ดูผิวฉันสิปุยฝ้ายมันช่างหมองคล้ำขอบตาไม่ต้องพูดถึงน้องช่วงๆหลินปิงชัดๆ”กุมาริกายกตลับแป้งขึ้นส่อง หันผิวหน้าตัวเองไปมาหยั่งกับมองสิ่งประหลาดของโลก
“จบงานนี้แกก็ลองขอบอสดูสิ ปีนี้บริษัทเราคิวยาวดีจริงๆ สามปีมานี่เราบูมเรื่องอีเว้นท์ที่ยอดเยี่ยม งานชุกทุกแผนกโดยเฉพาะล่ามแบบแก แถมทั้งบริษัทดันมีอยู่แค่2คน คือแกกับพี่จี๊ดมันก็น่าเหนื่อยอย่างที่แกว่า ยิ่งตอนนี้นี้พี่จี๊ดยังอยู่ในช่วงลาคลอดงานหนักเลยตกอยู่ที่แก ฉันล่ะไม่เข้าใจบอสเลยจริงๆ ทำไมไม่จ้างพนักงานเพิ่มทั้งที่ตอนนี้เราต้องการผู้ร่วมงานเพิ่มอย่างมากไม่รู้จะงกไปไหน” ปารีย์บ่นยืดยาวก่อนยกมือปิดปากเมื่อเห็นตากลมจ้องเขม็ง
“นี่แกกำลังด่าอาฉันอยู่นะ” กุมาริกาหน้าตูม
“เออ..ลืมตัวไปหน่อย ฉันลืมไปว่าแกกับบอสเป็นอาหลานกัน บ่นสนุกปากไปนิด ขอโทษที...ก็เห็นแกบ่นว่าเหนื่อยไงฉันก็สงสาร อยากให้เพื่อนมีคนช่วย”ปารีย์ประจบด้วยการบีบไหล่เจ้าของร่างที่ฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะเรียบร้อยแล้ว
“ทำไมวันนี้ฉันมวนท้องแล้วก็เวียนหัวแปลกๆพะอืดพะอมเป็นบ้า” กุมาริกาตะแคงหน้าคุยทั้งที่ม่านตายังปิด ก่อนเบิกกว้างเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์บนโต๊ะดังขึ้น บ่งบอกว่าเป็นสายที่ต่อมาจากภายในอาคาร
“ฉันรับให้เอง" ปารีย์อาสาเมื่อเห็นอาการอ่อนเพลียของเพื่อน
"แผนกแปลค่ะ..ได้ค่ะบอส” ปารีย์วางหูโทรศัพท์ลงกับแป้น หยักไหล่ชี้นิ้วไปที่คนตะแคงหน้ามองตาแป๋ว
“แกนั่นแหละกัมมี่. บอสบอกด่วนที่สุด”
“เฮ้อ!!แกไม่น่าพูดเรื่องอากุลแต่เช้าเลย น่าจะรู้ว่าเขานะแมวเก้าชีวิตพูดถึงไม่ได้พูดถึงแล้วมา วันนี้ฉันคงถอนหายใจมากไปแน่ๆท้องอืดยังไงไม่รู้” กุมาริกาเอามือลูบท้องไปมาแล้วเดินหน้ายุ่งออกไป
“ก๊อกๆๆ”
เสียงเคาะประตูดังติดกันสองสามครั้งพร้อมบานประตูถูกผลักเข้ามาโดยไม่รอคำอนุญาติ ทำให้กุลธีร์เงยหน้าขึ้นทันทีมองร่างเล็กที่เดินมาล้มตัวลงนอนที่โซฟารับแขกฝั่งตรงข้าม
“ดูทำเข้ายัยหลานเดี๋ยวมีใครเข้ามาเห็นก็เสียระบบกันพอดี ลุกขึ้นมาคุยงานกับอาก่อน”กุลธีร์บ่น
“เขาปวดท้องอากุลมันมวนๆจะอ้วกยัไงไม่รู้” ฟังคำตอบของหลานสาวสุดที่รักทำคุณอาหนุ่มก็ลุกพรวดมาทันที
“ปวดตรงไหนยัยหลานโรคกระเพาะรึเปล่าหรืออาหารไม่ย่อยกินมากไป”กุลธีร์เอ่ยชื่อโรคอย่างเป็นกังวล
“สงสัยเพราะเมื่อเช้ากินมากไปข้าวต้มป้าหลวยอร่อย ว่าแต่อากุลมีอะไรเรียกเขาขึ้นมา” กุมาริกาลุกขึ้นชันเข่าพลางเอามือวนนวดท้องตัวเองไปด้วย
“นี่อาเป็นเจ้าของบริษัทนะ จะเรียกมาถามความคืบหน้าเกี่ยวกับงานไม่ได้รึไงยัยตัวแสบ มันพรุ่งนี้แล้วนะเดี๋ยวไปหาหมอเลยอย่ามาปล่อยไว้อาไม่อยากให้งานมีปัญหา” กุลธีร์ส่งนิ้วมือหนาดีดลงบนกระหม่อมอิ่ม
“เขารู้หรอกน่า ระดับกุมาริกา กริณรัตน์ซะอย่าง งานระดับพรีเมี่ยมแน่นอน เขาเป็นมืออาชีพนะ ถ้าจะเกิดปัญหาคงเกิดจากฝ่ายนู้นมากกว่า กลัวแต่ซุปตาร์ของอากุลนั่นแหละจะทำให้งานมันยาก”
กุมาริกานึกถึงอีเมลล์ฉบับล่าสุด ที่แค่นึกถึงก็ทำเอาอาการผะอืดผะอมกำเริบ เนื่องมาจากข้อห้ามบ้าๆนั่นเป็นแน่ มันน่าจะเป็นคำสั่งมากกว่าคำขอร้องแถมเธอดันจำได้ขึ้นใจซะนี่
1. ห้ามไม่ให้ถามถึงเรื่องส่วนตัวที่ไม่ได้ส่งคำถามมาให้ดูก่อน
2. ห้ามไม่ให้ถามถึงเรื่องของครอบครัวโดยเด็ดขาด
3. ห้ามเกินเวลาที่ได้ตั้งไว้ในแต่ละงาน
4. น้ำดื่มของนัมแทบงต้องเป็นน้ำแร่อุณภูมิห้องเท่านั้น
5. อาหารของนัมแทบงต้องไม่มีรสเผ็ด
6. นัมแทบงไม่ชอบให้คนมาสัมผัสแบบกอดรัดเพราะฉะนั้นการ์ดต้องทำหน้าที่อย่างดีเยี่ยม
7. อย่าขอร้องให้นัมแทบงทำในสิ่งที่เขาบอกว่าทำไม่ได้เพราะเขาจะไม่ทำมันเด็ดขาด
8. นัมแทบงจะไม่ถอดแว่นหรือผ้าคาดปากหรืออย่างใดอย่างหนึ่งหากเขายังไม่พร้อม
9. นัมแทบงจะไม่ร้องเพลงหรือเต้นเด็ดขาด
10. ล่ามของคุณนัมแทบงจะต้องฉลาดและมีไหวพริบดีพร้อมที่จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างดีเยี่ยม
อ่านจบแล้วกุมาริกาอยากจะบ้าเพราะข้อห้ามพวกนั้น เธออยากรู้จริงๆว่าเขาเป็นคนเขียนมันขึ้นมาเองจริงๆเหรอ นี่มันเด็กสิบขวบเหรอไงจริงๆเล้ย!!แค่คิดเธอก็วิงเวียนแล้ว
“เอาเป็นว่ากลับไปนอนพัก พรุ่งนี้จะได้สดใสอย่าลืมแต่งหน้า แต่งตา แต่งตัวให้สวยๆล่ะ ทางนั้นจะได้ประทับใจ” กุลธีร์ยิ้มมองใบหน้าเนียนใสของหลานสาวอย่างครุ่นคิด ไม่ใช่ว่าเขาอยากได้หลานเขยเป็นดาราดังหรอกนะ แต่มิตรภาพระหว่างเขากับนัมเยรินมันก็ทำให้ปฏิเสธยาก เขาล่ะอยากรู้จริงๆอะไรที่ทำให้เยรินสนใจในตัวหลานสาวเขาขนาดนี้
“อากุล อากุล” เสียงเรียกของกุมาริกาทำเอากุลธีร์สะดุ้ง อดทำหน้ากระอักกระอ่วนไม่ได้
“ว่ายังไงยัยหลาน” กุลธีร์เลิกคิ้วกลบเกลื่อน
“ตกใจอะไร อากุลทำตัวแปลกๆนะ เขาชักจะสงสัยแล้วสิแต่ก็ช่างเหอะพอเสร็จงานนี้เขาขอลาพักร้อนนะ” กุมาริกากอดแขนประจบ
“ลาพักร้อน...อืมเดี๋ยวขอเช็คตารางงานก่อนนะถ้าไม่ยุ่งยากอะไรก็ลาสักวันก็ได้”
“Noooooเขาจะลาพักร้อน ลาพักร้อนเข้าใจไหมอากุลพี่จี๊ดจะกลับมาทำงานอาทิตย์หน้าเพราะงั้นเขาจะลา 3เดือน” กุมาริกาโวย
“จะบ้าเหรอยัยหลาน3เดือนนะเขามีไว้ให้ลาคลอดไม่ใช่ลาพักร้อน”กุลธีร์แย้งหน้าตื่น
“ไม่รู้ล่ะ..อากุลสัญญามาเลยว่าจะให้ลา” หญิงสาวกอดอกขอสัญญา
กุลธีร์ถอนหายใจดูอาการกอดอก หน้าเชิดของหลานสาวแล้วดูท่าว่าคงต้องเถียงกันอีกนาน คงต้องยอมๆไปก่อนแต่ไม่วายตั้งข้อแม้ “เอ้า!!ก็ได้...แต่งานพรุ่งนี้จะต้องดีเลิศนะอาถึงจะอนุมัติ”
“จริงนะ...อากุลสัญญาแล้ว ถ้าขี้โกงล่ะก็เขาจะอาละวาดให้บริษัทพังเลยคอยดู”กุมาริกาทำหน้ากวนจนอาหนุ่มต้องประเคนมะเหงกลงบนหัวเธอแรงๆอีกทีอย่างมันเขี้ยว
"ก็ใครใช้ให้ขู่อาล่ะ เอาใหญ่แล้วนะไอ้หลานคนนี้"
“เขาเจ็บนะอากุล เล่นเป็นเด็กๆไปได้” ไวเท่าแสงหญิงสาววิ่งปรู๊ดไปทันที ก่อนที่จะโดนเขกเป็นรอบที่สาม
กุลธีร์ส่ายหน้าเอ็นดูหลานสาวตนเอง อดถอนหายใจเฮือกใหญ่ไม่ได้ “เฮ้อ!!เยริน...นี่มันแปลกแท้ๆ ริจะจับคู่น้องชายตัวเองกับหลานสาวตัวแสบของผมเนี่ยนะ”
ณ.กองถ่ายนอกสถานที่........ย่านอินซาดง
ร่างสูงโปร่งเกลี่ยเส้นผมที่ละใบหน้าหญิงสาวอ่อนวัยในอ้อมแขนเอาไปเหน็บไว้ที่หลังใบหู ดวงตาเรียวมองหญิงสาวตรงหน้าเปี่ยมด้วยความรัก ริมฝีปากบางสวยไม่แพ้สตรีก้มลงจูบหญิงสาวในอ้อมกอดอย่างดูดดื่ม แต่แล้วก็มีเสียงตะโกนดังลั่น
“คัทททท!!!!”เสียงสั่งคัทดังลั่นไปหมดจากผู้กำกับการแสดงทำเอาทั้งกองวิ่งวุ่น
“ทำไมไม่จูบปากไปเลยเล่าแทบง นายเอานิ้วนายมาบังไว้อย่างนั้นทำไม คนดูเขาก็เสียอารมณ์กันพอดี” คนเป็นผู้กำกับโวยวาย
“ผมไม่เห็นว่ามันจะเสียอารมณ์ตรงไหน ผู้ชมเขาไม่ได้เห็นนิ้วมือผมสักหน่อยถ้าไม่เห็นภาพNG” นัมแทบงแย้งขณะดูมอนิเตอร์ที่กำลังเล่นภาพที่ถ่ายทำไปแล้วเมื่อครู่ด้วยใบหน้านิ่ง
##NG ย่อมาจาก No good/not good ใช้อ้างถึงฉากเบื้องหลังการถ่ายทำที่ออกมาไม่ดี ฉากหลุด เป็นต้น##
“แต่ผู้ชมเขาอยากดูแบบได้Feeling แบบบดขยี้เข้าใจไหม” ผู้กำกับยังคงไม่ยอมแพ้
“ตามความเห็นของผมนางเอกเป็นแค่เด็กม.ปลาย การจะให้จูบแบบนั้นมันไม่รุนแรงไปรึครับผู้กำกับ อีกอย่างผมก็ให้เกียรติเครื่องแบบอะไรไม่ถูกไม่ควร เราก็ไม่ควรไปชี้นำเด็กที่ยังเป็นวัยรุ่นที่พร้อมจะขาดการยั้งคิดได้ตลอดเวลา ฉากนี้เป็นซีนสุดท้ายของวันนี้ผมว่ามันออกมาดีแล้วคงไม่จำเป็นต้องแก้ไขอะไร งั้นผมขอตัวกลับเลยนะครับ”.นัมแทบงโค้งให้ตามธรรมเนียม เดินจากไปอย่างไม่สะทกสะท้านขณะที่ผู้กำกับกำลังจะระเบิดเป็นจุล
“ผู้จัดการคิม คิมเซจุนนนน” ผู้กำกับตะโกนระเบิดอารมณ์ใส่ทันทีที่เห็นหน้าผู้จัดการส่วนตัวของดาราหนุ่ม
“ครับๆ ผู้กำกับ ผมต้องขอโทษแทนแทบงของเราด้วยครับ”ผู้จัดการคิมก้มโค้งลงต่ำ
“เฮ้ย!จริงๆเลยพระเอกของคุณนี่มันสุดยอดไปเลยนะ ริมฝีปากทาด้วยทองรึไง นางเอกยังไม่มีปัญหาสักนิดเลยที่จะต้องจูบ เธอพร้อมขนาดนี้ทำไมถึงไม่จูบบบบบห๊า!!ทำไมหมอนั่นถึงเป็นแบบนี้” ผู้กำกับยังคงโวยวายต่อเนื่อง
“ขอโทษจริงๆครับ ถ้าบทกับฉากเหมาะสมนัมแทบงต้องทำแน่ๆ เขาก็เป็นแบบนี้แหละครับ ขอโทษด้วยอีกครั้งผมไปก่อนนะครับ” ผู้จัดการคิมโค้งอย่างขอลุแก่โทษอีกครั้ง
“ให้มันได้อย่างนี้สิโว้ย...ตกลงว่าผมเป็นผู้กำกับหรือเจ้านั่นมันเป็นห๊า!!!.พ่อพระเอกเทวดาไม่นึกว่าข่าวลือพวกนั้นจะเป็นจริง ถ้าไม่เป็นเพราะช่องเลือกมาเองล่ะก็พ่อจะยกเลิกกองไปซะเลยไม่ได้มีความเกรงใจกันเลย” ผู้กำกับเขวี้ยงหมวกทิ้งอย่างหัวเสีย
ทันทีที่ผู้จัดการคิมเปิดประตูขึ้นรถ เสียงทุ้มก็ดังขึ้นโดยที่ใบหน้ายังคงนิ่งไม่ปรากฏอารมณ์ใดๆ แต่คิมเซจุนก็รับรู้จากน้ำเสียงได้ว่าอารมณ์ของชายหนุ่มยังดีอยู่มาก
“ฮยอง...รายงานหมดแล้วซิ ท่านประธานถึงโทรมาใหญ่เลย” นัมแทบงมองนิ่ง
##ฮยอง คำที่ผู้ชายเกาหลีใช้เรียกผู้ชายที่อายุมากกว่าตนเองแทนคำว่าพี่##
“ก็แล้วทำไมนายไม่รับโทรศัพท์ล่ะ..ฉันโดนด่าแทนนายจนหูชาไปหมดแล้ว” คิมเซจุนปิดประตูอย่างหงุดหงิดที่เห็นใบหน้าเรียบเฉยกับน้ำเสียงไม่แสดงอารมณ์ใดๆนั่น
“ก็เพราะผมรู้ไงว่าท่านประธานจะโทรมาเรื่องอะไร” นัมแทบงกดดูสมาทโฟนในมือเล่นอย่างไม่ทุกข์ร้อน
“ย๊าห์..แทบงนายนี่ก็เหลือเกินแค่จูบจะอะไรนักหนา ก็จูบๆไปสินายต้องไปคิดมากทำไม นายไม่เห็นหน้านางเอกเหรอทั้งสวยทั้งน่ารัก” ผู้จัดการคิมระเบิดอารมณ์
“งั้นฮยองก็ไปจูบเธอแทนผมสิ” นัมแทบงพูดโดยไม่ปรากฎอารมณ์ใดๆเหมือนเคย ก่อนหลับตาลงเฉยๆ นั่นเป็นสัญญาณว่าห้ามกวนโดยเด็ดขาด
“นายนี่มันจริงๆเลย ถ้าฉันสูง หล่อเหมือนนายฉันทำไปแล้ว” ผู้จัดการคิมบ่นกับตัวเอง อดหันไปไปพาลใส่คนขับรถไม่ได้
“ย๊าห์...แล้วทำไมไม่ออกรถเล่ามีงานต่อนะโว้ย รีบไปสิ”
นัมแทบงยิ้มกับอาการผีเข้าผีออกของผู้จัดการที่อยู่ด้วยกันมานานกว่าแปดปี เขารู้ดีว่าบางที่เขาก็กวนผู้จัดการคิมบ่อยๆทั้งต้องคอยแก้ปัญหาไม่ว่าเขาจะก่อเรื่องมากมายแค่ไหนก็ตาม คนที่เข้าใจสีหน้าเขาได้ดีแม้ไม่ต้องพูดออกไป..ก็คือผู้จัดการคิมคนนี้แหละ
“นายควรจะพูดออกมานะไม่ว่านายจะรู้สึกอะไรไม่ใช่ทำหน้าแข็งแบบนี้” นั่นสิทำไมเขาถึงไม่ชอบแสดงอารมณ์เหมือนคนอื่นทั่วไปล่ะ ภาพในวันเยาว์ซ้อนกลับเข้ามาในหัว
“ไม่ร้องไห้นะแทบง ลูกเป็นผู้ชายจะแสดงความอ่อนแอออกมาให้คนอื่นเห็นไม่ได้นะ เขาจะดูถูกเอา คนอ่อนแอคือคนที่แพ้จำไว้ โตขึ้นลูกต้องปกป้องพี่สาวของลูกด้วยอย่าให้ใครรังแกเธอได้ล่ะ” ดวงตาเรียวที่ปิดสนิทเปิดขึ้นคำสอนของพ่อกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง
“ครับพ่อ..ผมจะดูแลพี่เยรินเองพ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วง” นัมแทบงตอบกับตนเอง แค่นึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบากมันโหดร้ายก็จริง แต่พอเราผ่านมันไปได้มันจะกลายเป็นแค่บททดสอบที่ทำให้เราเข้มแข็งขึ้นเท่านั้น เหมือนที่มีคนเคยพูดว่า ไม่มีความทุกข์ใดอยู่กับเรานาน พอๆกับไม่มีความสุขที่แท้จริงที่อยู่ไปถาวร
ระยะเวลาของทุกข์และสุขคนกำหนดที่แท้จริงคือตัวเราเอง กฎข้อนี้เขาเห็นว่ามันจริงเพราะพี่สาวเขาทำมันเป็นตัวอย่างให้เห็นเสมอ ทุกครั้งที่เธอเหนื่อย ท้อ โมโห มีความทุกข์เธอก็แค่ร้องไห้มันออกมาพอเธอหลับและตื่นขึ้นมาเธอก็กลายเป็นอีกคนที่ต่างจากเมื่อวาน...เขาเองก็ไม่ต่างกัน
“เรามาใช้ชีวิตให้มีความสุขกันเถอะนะแทบง พี่จะเป็นทั้งพ่อและแม่รวมถึงเพื่อนให้นายเอง เพราะฉะนั้นนายจะต้องมีความสุขนะ” เขาจำได้ว่าเขาพยักหน้าตอบพีสาวไปพร้อมกับเห็นน้ำตาของผู้เป็นพี่ที่ยิ้มอย่างเข้มแข็ง
ช่วยติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ____
เพราะเป็นการแต่งแบบมีสองเชื้อชาติเลยพยายามแนบความหมายด้วย
ขาดตกบกพร่องยังไงขออภัยด้วยนะคะ ^0^
พบกะรัณย์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ก.ย. 2558, 10:35:56 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.ย. 2558, 10:35:56 น.
จำนวนการเข้าชม : 915
<< ข้อมูลแปลกๆของซุปตาร์ | แรกพบ >> |