พรหมลิขิตกระซิบรัก
นัมแทบง นายแบบหนุ่มผู้ผันตัวเองมาเป็นนักแสดงเจ้าของฉายารอยยิ้มเทวดาหากแต่เมื่ออยู่หลังกล้องเขาคือผู้ชายหน้าเดียวที่มีแววตาดุจน้ำแข็ง....
เมื่อพบกับปฎิบัติการดูตัวโดยการชักนำของผู้เป็นพี่สาวที่มีความคิดไม่เหมือนใคร รักครั้งนี้จึงเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อเขาได้พบกับกุมาริกาล่ามสาวชาวไทยที่มีแต่ความสดใส เจ้าของดวงตากลมดุจกวางกับบทพิสูจน์ความรักแท้ที่ผู้เป็นพี่มอบให้...
พีมะ ตากล้องมาดเซอร์ประจำนิตยสารวัยรุ่น K magazine กับความรักข้างเดียวตลอด3ปีที่เฝ้าดูแลหญิงสาวอันเป็นที่รักต้องมาสั่นคลอนเพียงแค่เจอนายแบบหนุ่มหน้านิ่ง ซ้ำร้ายได้คู่ปรับเป็นพัคโบรา นางแบบตัวจี๊ดที่เข้ามาป่วนหัวใจให้เขาลังเลกับความรู้สึกแปลกๆที่เธอมอบให้....
กุลธีร์ บอสหนุ่มผู้เชื่อมั่นในความรักแม้จะรู้ว่ารักนี้อาจไม่สมหวังแต่ก็ยังคงรอคอยถึงมันจะผ่านมานานกว่ายี่สิบปีและเธอนัมเริน หญิงสาวสมัยใหม่ผู้ทุ่มเททุกอย่างให้แก่น้องชายเพียงคนเดียวจนเกือบเสียบางสิ่งที่สำคัญในชีวิต...
... พรหมลิขิตกระซิบรัก...
เมื่อพบกับปฎิบัติการดูตัวโดยการชักนำของผู้เป็นพี่สาวที่มีความคิดไม่เหมือนใคร รักครั้งนี้จึงเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อเขาได้พบกับกุมาริกาล่ามสาวชาวไทยที่มีแต่ความสดใส เจ้าของดวงตากลมดุจกวางกับบทพิสูจน์ความรักแท้ที่ผู้เป็นพี่มอบให้...
พีมะ ตากล้องมาดเซอร์ประจำนิตยสารวัยรุ่น K magazine กับความรักข้างเดียวตลอด3ปีที่เฝ้าดูแลหญิงสาวอันเป็นที่รักต้องมาสั่นคลอนเพียงแค่เจอนายแบบหนุ่มหน้านิ่ง ซ้ำร้ายได้คู่ปรับเป็นพัคโบรา นางแบบตัวจี๊ดที่เข้ามาป่วนหัวใจให้เขาลังเลกับความรู้สึกแปลกๆที่เธอมอบให้....
กุลธีร์ บอสหนุ่มผู้เชื่อมั่นในความรักแม้จะรู้ว่ารักนี้อาจไม่สมหวังแต่ก็ยังคงรอคอยถึงมันจะผ่านมานานกว่ายี่สิบปีและเธอนัมเริน หญิงสาวสมัยใหม่ผู้ทุ่มเททุกอย่างให้แก่น้องชายเพียงคนเดียวจนเกือบเสียบางสิ่งที่สำคัญในชีวิต...
... พรหมลิขิตกระซิบรัก...
Tags: ดารา นางแบบ ซุปตาร์ โรแมนติก ซึ้้ง
ตอน: แรกพบ
.....D-DAY.....
ฝูงกองทัพแฟนคลับรวมตัวกันอย่างเนืองแน่นเต็มท่าอากาศยานสุวรรณภูมิฝั่งขาเข้า..ทำเอาทีมสต๊าฟต้องขอกำลังเสริมวุ่นวายเพราะแฟนคลับนายแบบนักแสดงเกาหลีมีมากเกินกว่าที่คิดไว้ ทั้งป้ายต้อนรับ ป้ายไฟชื่อ ป้ายผ้า ยืนออกันจนทางสนามบินต้องส่งรปภ.มาช่วยกั้นอีกแรงเพราะทำให้ผู้โดยสารท่านอื่นได้รับความไม่สะดวกไปด้วย
“แฟนคลับเยอะเกินกว่าที่ผมคิดมากเลย เห็นทีเราต้องเปลี่ยนทางออกไม่งั้นดาราโดนรุมแน่แถมทางสนามบินจะมีปัญหากับเราด้วยเพราะมัวเอาการ์ดมากั้นไม่สะดวกกับคนใช้บริการเขา”กุลธีร์บอกหน้านิ่ว
“เรามีเวลาอีก 45 นาทีก่อนเครื่องลงค่ะบอส ปุยฝ้ายแจ้งทางสนามบินแล้วว่าเราขอใช้ห้องรับรองวีไอพีก่อน" ปารีย์บอกรายละเอียดที่ได้วางไว้
"ดี...เท่าที่ดูน่าจะใช้เวลาพอสมควรถึงจะออกจากสนามบินได้ แล้วเรื่องสัมภาษณ์ล่ะมีปัญหาอะไรรึเปล่าแล้วกัมมี่ไปไหน" กุลธีร์ถามหาหลานสาวเมื่อหันหาไม่เห็นมาสักพัก
“เมื่อกี้ปุยฝ้าโทรยคุยกับกัมมี่อยู่ค่ะ เห็นบอกว่าจะไปเช็คสคริปกับทีมสัมภาษณ์กันผิดพลาดคงอยู่ที่ห้องแถลงข่าว”
“โอเค...งั้นผมฝากคุณดูแลที่เหลือด้วยล่ะกัน ผมขอไปดูความเรียบร้อยห้องแถลงข่าวต่อ ไปทำงานเถอะปารีย์.”
"งั้นปุยฝ้ายขอตัวก่อนนะคะบอส"
กุลธีร์พยักหน้าพอใจ หมุนตัวกลับไปทางที่มีหลานสาวตัวดีอยู่ คิดอย่างหงุดหงิดนึกถึงสภาพกุมาริกาเมื่อเช้า เขาไม่น่าปล่อยให้แม่หลานสาวตัวดีแต่งตัวเองเลยแถมยังออกจากบ้านมากันคนละรอบ พอมาเจอหน้ากันเขาแทบจะดีดกะโหลกแม่ตัวแสบ มีอย่างที่ไหนให้แต่งเนื้อแต่งตัวให้สวย ดันแต่งชุดยังกับจะมาเป็นบอดี้การ์ด พูดมาได้ว่าตื่นสายขี้เกียจทำผมเลยเกล้าผมมวยเรียบร้อยจะตาย พอบ่นเรื่องชุดก็อ้างว่าใส่กระโปรงมันไม่สะดวกแถมอยู่นอกสถานที่ใส่กางเกงนี่แหละไม่ต้องกลัวโป๊ด้วย เฮ้อ...แบบนี้ผู้ชายที่ไหนเขาจะมองยัยเด็กบ้าเอ้ย!!”
“ฮัดชิ้วๆๆ”กุมาริกาจามติดๆกันหลายครั้ง
“สงสัยมีคนคิดถึงคุณอยู่แน่ๆ คุณถึงจามติดๆกันแบบนี้” ศิครินทร์พิธีกรชื่อดังจากช่องน้อยสีเอ่ยแซว
“ฉันว่าน่าจะไปทางบ่นมากกว่าค่ะคุณศิครินท์ หรือไม่ฉันก็กำลังจะเป็นหวัดเร็วๆนี้”พูดแล้วก็หัวเราะตัวเองพลอยให้คนฟังที่อยู่ตรงนั้นด้วยหัวเราะตามไปด้วยกับความสดใสของเธอ
เสียงเปิดประตูของผู้ที่เข้ามาเยือนใหม่สะกดทุกสายตาให้หันไปมองพร้อมกันที่ประตู พร้อมกับเสียงทักทายจากผู้มาใหม่
“สวัสดีครับคุณศิศรินทร์ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”กุลธีร์เอ่ยทักตอบพร้อมรับไหว้พิธีกรคนดัง
“สักเกือบสองเดือนได้แล้วมั้งครับตั้งแต่พี่ไปที่สตูดิโอจัดรายการคราวก่อน” ศิศรินทร์บอกแอบมองซีกหน้าหวานที่หันไปยิ้มให้อาหนุ่มด้วย
กุลธีร์ยิ้มรับ ก่อนหันไปทำหน้ายุ่งกับหญิงสาวที่เงยหน้ามองตนเองอยู่พร้อมรอยยิ้มประจบ มือใหญ่วางบนศีรษะเล็กโครงอย่างเอ็นดู "ไงเรามีปัญหาอะไรอีกรึเปล่า สคริปเป็นไงบ้าง"
"ก็โอเคค่ะอากุล สคริปก็ตามที่ตกลงระดับคุณศิครินทร์มาเองงานดีที่สุดอยู่แล้วใช่ไหมคะ" กุมาริกาหันไปเอ่ยเย้าพิธีกรใหญ่ที่มองเธออยู่ก่อนแล้ว
"แน่นอนสิครับ ยิ่งได้บัดดี้ดีอย่างคุณกุมาริกาด้วย ล่ามเก่งๆแบบนี้งานยิ่งราบรื่นมากกว่า" พิธีกรหนุ่มใหญ่เอ่ยเยินยอต่อหน้าส่งยิ้มหวานให้
กุลธีร์มองพิธีกรคนดังยิ้มให้คิดในใจไม่ใช่ว่าเจ้านี่คิดจะจีบหลานสาวเขาอีกคนล่ะสิจ้องตาเป็นมันเชียว พอเหลือบตามองยัยหลานสาวตัวดีที่ยิ้มตอบก็หงุดหงิดถึงจะรู้ดีว่ามันเป็นแค่รอยยิ้มธรรมดาแต่ฝ่ายตรงข้ามนี่สิจะเห็นว่ามันธรรมดาหรือเปล่าก็ไม่รู้ก่อนตัดสินใจกระแอมไอ
“อ่ะแฮ่ม ..คือกำหนดการอาจเปลี่ยนนิดหน่อยนะคุณศิครินทร์เพราะแฟนคลับนัมแทบงเยอะมากเกินคาดจริงๆ ถ้าจะวัดจากการจัด Meeting เป็นครั้งแรกในไทย ผมนี่ตกใจเลยอาจจะออกมาช้าหน่อยเพราะต้องเคลียร์แฟนคลับก่อนแต่เป็นรายการบันทึกเทปคงไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ครับพี่ผมเข้าใจ...ตอนเข้ามาที่นี่ตอนแรกผมก็ยังแปลกใจทำไมเยอะจัง น่าจะเกินพันนะผมว่ากระแสเขาดีมากด้วยแถมมาถูกจังหวะที่ละครยังฉายอยู่ในไทย จากเรทติ้งที่ผมรู้คือดังมากแล้วคุณกุมาริกาล่ะครับเป็นแฟนคลับด้วยรึเปล่า” ศิครินทร์ตอบยิ้มก่อนหันไปชวนเจ้าของใบหน้าใสคุยต่อยอด
“เปล่าหรอกค่ะ พูดตามจริงนะคะตั้งแต่เป็นล่ามมาไม่ค่อยได้ติดตามดาราจริงจังสักคน รู้จักศิลปินหรือดาราคนนั้นแค่ข้อมูลที่ได้รับมาเฉพาะที่ทำงานล้วนๆ แต่ก็ยอมรับว่าแต่ละคนที่เจอนี่หน้าตาดีมากจริงๆแต่มันก็เท่านั้นแหละค่ะเพราะในชีวิตจริงเราก็มีหน้าที่ทำงานร่วมกับพวกเขาแค่นั้น งานจบก็ถือว่าจบเท่านั้นเอง”
คำตอบของหลานสาวมันจี้ใจเขานัก อยากจะตะโกนว่าก็อากำลังจะทำให้แกกับเขาสนใจกันอยู่นี่ไง อย่ามัวแต่ไปสบตาหนุ่มใหญ่อยู่ เดี๋ยวได้หลงคารมมันพอดี กุลธีร์คิดฮึดฮัดในใจก่อนหันไปยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงพูดจากคนที่เปิดประตูเข้ามาใหม่
“บอสค่ะเครื่องกำลังลงแล้วค่ะ บอสกับกัมมี่ต้องไปเตรียมตัวแล้ว ส่วนคุณศิครินทร์รอที่นี่สักครู่นะคะมีเวลาให้คุณเตรียมตัวก่อน 15 นาที และปุยฝ้ายจะพาคุณนัมแทบงลงมาเพื่อให้สัมภาษณ์เวลาในการสัมภาษณ์พูดคุยไม่เกิน 1 ชั่วโมงนะคะ” ปารีย์บอกกำหนดการคร่าวๆ
"ครับคุณปารีย์" พิธีกรหนุ่มตอบรับ
"งั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะไปกัมมี่" ปารีย์ยิ้มขอตัวเดินออกไปก่อน
กุลธีร์ยิ้มชื่นชมทีมงานของตัวเองในใจ ปารีย์ช่างมีคุณภาพสมกับที่บริษัทเราเป็นProfessionalด้านนี้จริงๆ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อรู้สึกจากแรงดึงที่แขน
“อากุลไปกันได้แล้ว ปุยฝ้ายไปนู่นแล้วยังยืนยิ้มอะไรอยู่คนเดียว” กุมาริกาส่ายหัวกับอาการแปลกๆของอาตนเองแบบปลงๆ เพราะอย่างนี้ไงผู้หญิงเขาถึงได้ไม่ชอบมัวแต่ยืนคิดในใจ ก่อนเดินลิ่วตามปารีย์ไปอีกคน
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับเดี๋ยวเจอกัน”กุลธีร์เอ่ยขอตัวอย่างขัดเขินเล็กน้อยกับอาการของตัวเอง
สายการบินประจำประเทศเกาหลีกำลังจะลงจอดบนรันเวย์โดยสวัสดิภาพปลอดภัย ขณะที่ผู้โดยสารคนพิเศษที่โดยสารมากับเครื่อง กำลังเปิดศึกเกือบดราม่าสายเลือด
“นี่พี่ส่องกระจกเปลี่ยนสีลิปสติกมา3แท่งแล้วนะตกลงคนที่มาโปรโมตนี่ผมหรือพี่เนี่ย” นัมแทบงเย้าพี่สาวตนเองเรียกตาค้อนจากอีกฝั่งได้ทันที
“นายก็เตรียมตัวได้แล้วนั่นจะทำอะไรเอาผ้าคาดปากออกเดี๋ยวนี้เลยนะ ทำยังกะคนป่วยแบบนั้นจะเห็นรอยยิ้มนายได้ยังไงเจ้าบ้านี่ ใส่แค่แว่นตาพอผู้จัดการคิมนายดูแลคนของนายเดี๋ยวนี้เลยกวนประสาทฉันอีกแล้ว” นัมเยรินพาลกับผู้จัดการส่วนตัวของน้องชายทันที
“ผู้จัดการคิมผมว่าฮยองควรอยู่ห่างๆท่านประธานไว้ดีกว่านะ ตอนนี้อารมณ์ของท่านประธานอาจจะขึ้นๆลงๆ ดูแต่แค่สีลิปสติกสิ ทาแล้วลบติดต่อกันมา3สีแล้ว ใครนะทำให้พี่ผมหมดความมั่นใจได้ขนาดนี้ขนาดว่าเสื้อผ้าหน้าผมเป๊ะนะเนี่ย..” นัมแทบงยังคงพูดกวนด้วยใบหน้านิ่ง
“อย่ามัวแต่มาแหย่ฉันอยู่เลยนายก็เตรียมตัวได้แล้ว รอยยิ้มของนายเตรียมฉีกไว้ด้วย รู้ไว้ว่ามันช่วยนายได้มากถึงแม้นายจะไม่พูดจำไว้เลย ฉะนั้นยิ้มกว้างๆมัดใจแฟนคลับของนายไว้ล่ะ” นัมเยรินเตือนถึงหน้าที่ของฮันรยูลสตาร์
##ฮันรยูลสตาร์ เป็นคำใช้เรียกคนดังของประเทศเกาหลี##
“ผมรู้หน้าที่ของผมดีน่า อย่าลืมข้อตกลงของเราล่ะกันไม่งั้นกลับไปผมจะพังตารางงานให้หมดเลยคอยดู” ใบหน้าหล่อเหล่าเปลี่ยนโหมดจากรอยิ้มเทวดาเป็นปีศาจร้ายในทันที
ร่างสูงลุกขึ้นยืนเต็มความสูง 185 เซนติเมตรหันไปดึงแว่นตาที่ผู้จัดการส่วนตัวส่งมาให้สวมไว้แทน มองไปทางพี่สาวตนเองส่งรอยยิ้มกว้างโชว์รอยยิ้มเทวดาที่เธอสั่งก่อนหน้านี้ ประหนึ่งจะบอกว่าเขาพร้อมที่จะสวมมาดฮันรยูลสตาร์แล้ว ก่อนหมุนร่างนายแบบเดินออกไปจากตัวเครื่องโดยมีผู้จัดการคนสนิทเดินตามขายาวๆที่ก้าวล่วงหน้าไปก่อนจนเกือบจะกลายเป็นวิ่ง
“เฮ้อ!!....ฉันอยากจะบ้ากับเจ้าหมอนี่จริงๆ รอยยิ้มเทวดาบ้าบออะไร นั่นมันไอ้เด็กบ้าปีศาจร้ายชัดๆ เจ้าเล่ห์ขนาดนี้กัมมี่จะรับมือนายไหวไหมนะ” นัมเยรินบ่นกับตัวเองค้อนกับแผ่นหลังที่ไปไกลแล้ว ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ กระจกเล็กๆถูกล้วงขึ้นมาจากกระเป๋าสะพายยิ้มหวานให้ตนเองเล็กน้อย ก่อนลุกเดินตามสองคนเมื่อครู่ไปอีกคน
ร่างสูงสะดุดตาที่เด่นกว่าโผล่ออกมาทางด้านฝั่งช่องทางพิเศษขาเข้าตามมาด้วยเสียงกรี๊ดดังไปทั่ว แม้จะเลี่ยงมาอีกทางแต่ก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งเรด้าห์ติดตามของเหล่าบรรดาแฟนคลับได้
“นั่นไงออกมาแล้วคะบอส โอ้ว!!..นัมแทบงสูงจังเลย ขนาดมองไกลๆถึงใส่แว่นยังรู้สึกว่าหล่อมากเลยอ่ะคะ” ปารีย์กรี๊ดกร๊าดแต่ก็ต้องหน้าเจื่อนเมื่อเจอสายตาปรามของกุลธีร์
“ขอโทษคะบอสปุยฝ้ายลืมตัวไปนิสส”
“ผมว่าคุณลืมเยอะเลยไม่นิดนะ เดี๋ยวดาราผมตกใจหนีกลับขึ้นมาล่ะก็ผมหักเงินเดือนคุณตลอดปีแน่” กุลธีร์เอ่ยเสียงเข้มแกล้งลูกน้องมากกว่าจริงจัง
“โธ่บอสก็..”ปารีย์เสียงอ่อน หันไปสะกิดเพื่อนสาวข้างๆ
“ว่าไงกัมมี่นัมแทบงหล่อไหม หล่อเนอะยิ่งใกล้เข้ามายิ่งหล่อผู้หญิงสวยๆที่เดินนำหน้านั่นคงเป็นประธานนัมแน่เลยดูจากชุดที่ใส่ดีไซน์หรูเลิศมาก” ปารีย์กระซิบกระซาบ
“แกอยากโดนหักเงินพร้อมโบนัสรึไง” กุมาริกาบอกเสียงเรียบข่มใจที่ตื่นเต้นไม่แพ้เพื่อนเช่นกัน แต่ด้วยหน้าที่ทำให้ต้องสะกดความประหม่าไว้
ตากลมมองร่างสูงและบรรดาทีมงานของเขากำลังเดินตรงมาที่เธอยืนอยู่ช้าๆ ด้วยความสูงทำให้สายตาของเธอไม่สามรถลดระดับลงเพื่อมองคนอื่นได้เลย มือบางเลื่อนขึ้นไปวางไว้ที่หน้าอกเพื่อระงับความตื่นเต้น พ่นลมออกมาแรงๆเพื่อขับไล่ความรู้สึกกังวลออกไป
“ทำอย่างกับว่าแกพึ่งมาทำงานแบบนี้ครั้งแรก หล่อกว่านี้แกก็เคยเห็นไม่ใช่เหรอไงใจเย็นไว้กุมาริกา..” หญิงสาวเรียกความมั่นใจให้ตนเอง
"สวัสดีเยริน อันยอง”
เสียงทักทายของกุลธีร์ที่เอ่ยทักทายผู้มาเยือนทำให้กุมาริกาได้สติ ได้เวลาที่เธอต้องทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว รอยยิ้มหวานจึงถูกเติมที่ใบหน้า
"สวัสดีคะฉันชื่อกุมาริกา กริณรัตน์ เป็นล่ามแปลภาษาในครั้งนี้ค่ะ” หญิงสาวกระพุ่มมือไหว้ตามวัฒนธรรมของตน
ดาราหนุ่มมองร่างเล็กผ่าทางกรอบแว่นสีเข้มที่ช่วยอำพลางสายตาได้ดี ท่าทางที่คล่องแคล่วและสำเนียงที่ไม่ต่างจากเจ้าของภาษาเช่นเขา ทำให้นัมแทบงมองร่างเล็กตรงหน้าอย่างทึ่งไม่ได้ เธอพูดเกาหลีได้ดีจริงๆ
กุมาริกายื่นมือออกไปเพื่อสวมกอดทักทายเพื่อนคนสนิทของอาเพราะอีกฝ่ายสวมกอดเธออย่างสนิทสนม ก่อนหันไปจับมือทักทายคนอื่นๆที่นัมเยรินเอ่ยแนะนำรวมถึงร่างสูงตรงหน้าด้วย เธอมองร่างสูงในระยะใกล้ตามมารยาทการทักทายต้องสบตาแต่เธอกลับไม่ได้เห็นประกายในตาเจ้าของแว่นดำสนิทนั่น มีเพียงรอยยิ้มมุมปากที่เธอคิดได้เองว่ามันคือมารยาทที่ส่งตอบมาแต่ก็ช่างเหอะกุมาริกาซะอย่าง
“ดิฉันว่าเชิญไปที่ห้องรับรองกันก่อนดีกว่าแฟนคลับเริ่มรู้แล้วว่าเราเปลี่ยนทางออก อีกสักครู่คงวุ่นวายกว่านี้เพื่อความสะดวกของคุณนัมแทบงด้วย” กุมาริกาอธิบาย
“นั่นสิเยรินเรารีบไปกันดีกว่า ฟังจากเสียงกรี๊ดแล้วคงวุ่นวายแน่ๆ” กุลธีร์เอ่ยเร่ง
กุลธีร์เดินขนาบข้างประธานสาวคนสวยพร้อมกับมีดารหนุ่มเกาหลีอยู่อีกข้างหันไปแตะไหล่กระซิบบอก “แฟนคลับนายมาแน่นมากฉันกลัวนายจะเจ็บตัวระวังด้วยละ”
นัมแทบงพยักหน้ายิ้มก่อนมองดูด้านหลังเล็กที่กำลังฝ่าฝูงคนที่มาต้อนรับเขาอยู่ทางด้านหน้าถัดไปไม่กี่ก้าว โดยมีทีมงานของเธอคอยแหวกขยายทางเดินที่เริ่มแคบลงจากการเบียดกันเข้ามาของแฟนคลับให้กว้างขึ้นเพียงพอที่จะทำให้เธอและทีมงานของเขาออกไปได้
“ทางนี้คะ” กุมาริกาบอกเมื่อเดินพ้นขึ้นมาบนชั้นรับรองที่ปราศจากกลุ่มแฟนคลับแล้วแต่ก็ยังได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อเขาดังไปทั่ว
นัมแทบงหยุดยืนตรงทางเดินโบกมือผ่านกระจกที่สามารถมองทะลุเห็นแฟนคลับที่มารอรับที่ชั้นสองได้ เรียกเสียงกรี๊ดมากมายตามมาด้วยเสียงตะโกนเชียร์ต้อนรับ หรือแม้แต่ตะโกนบอกรัก ดาราหนุ่มยิ้มกว้างชูมือทั้งสองข้างในท่า Finger heart เป็นกำลังใจให้ยิ่งเพิ่มเสียงกรี๊ดดังเข้าไปอีก
##ฟิงเกอร์ฮาร์ท คือการทำท่าเอานิ้วโป้งกับนิ้วชี้ไขว้เข้าหากันคล้ายรูปหัวใจดวงเล็ก##
“ประธานนัมคะมีรายการรอสัมภาษณ์คุณนัมแทบงอยู่ที่ห้องด้านล่างหนึ่งรายการ แต่ตอนนี้เราจะให้คุณนัมแทบงเตรียมตัวก่อนที่ห้องรับรองเชิญด้านนี้เลยค่ะท่านประธาน” กุมาริกาบอกตามข้อมูลที่ได้รับมาตั้งแต่แรกพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตรเหลือบมองร่างสูงที่หันมองมาที่เธอนิ่งโดยปราศจากสีหน้าใดๆ
"หยั่งกะหลุดออกมาจากนิตยสารเป๊ะหน้าเดียวกันเลยถ้าไม่บอกนี่ฉันนึกว่ากำลังดูภาพนิ่งในหนังสือเลย" กุมาริกาคิดในใจก่อนหันไปส่งยิ้มอ่อนให้แต่สิ่งที่ได้ตอบมาคือนิ่ง จนเธอต้องหันไปทางหนุ่มร่างอวบที่แนะนำตัวเองว่าเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเขาแทน
“ผู้จัดการคิมคะนี่คือคำถามที่ทางทีวีจะสัมภาษณ์คุณนัมแทบงค่ะ”
"อ่อครับ" ผู้จัดการคิมรับเอกสารมาถือไว้พร้อมยิ้มกว้างจนตาปิด
“งั้นเชิญด้านในเลยดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลาคุณนัมแทบงเตรียมตัวด้วย เชิญเลยค่ะ”
กุมาริกาพ่นลมเบาๆ ออกจากปาก เมื่อออกมายืนที่ด้านนอกห้องซึ่งเหลือแค่คนของตัวเอง ก่อนสูดกลับเข้าไปใหม่ทำซ้ำติดต่อกันสองสามครั้งราวกลับขาดออกซิเจนมานาน บ่นกับตนเองว่าเธอต้องหายใจเอาอากาศเข้าปอดไว้เยอะๆไม่งั้นเธอได้ขาดอากาศตายแน่ๆยามเมื่อยืนอยู่ต่อหน้าดารานั่น
"คนอะไรประหลาดชะมัดไม่มีอารมณ์อะไรอย่างคนอื่นเขาบ้างรึไงนะ" หญิงสาวคิดถึงตอนตัวเองอยู่ในห้องรับรองพอสบโอกาสที่ทีมงานของเขาดูวุ่นวายกับเนื้อตัวของดาราหนุ่ม เธอเลยได้ออกมาหาที่คลายความอึดอัดลงไปได้บ้าง
"ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย ไม่รู้อากุลจะเม้าท์อะไรกับประธานนัมนักหนาช่างไม่สนใจเราบ้างเลย อานะอา..."กุมาริกาบ่นพึมพำหางตาหันไปเห็นปารีย์เดินมาก็ยิ้มกว้าง
"ทำไมมายืนตรงนี้ล่ะแก" ปารีย์ถาม
"ก็เขาแต่งตัวกันอยู่ดูวุ่นวายฉันเลยขออากุลออกมาดูความเรียบร้อยด้านนอกไงแก ไม่เกิน 15 นาทีคงเสร็จงั้นแกช่วยบอกทางทีมงานคุณศิครินทร์ว่าให้เตรียมตัวได้แล้วล่ะกัน” กุมาริกาบอก
“โอเค อย่าทำหน้าตูบดิ ไรว้าฉันออกจะอิจฉาแกที่ได้อยู่กับคนหล่อแต่ดูหน้าแกดิยังกับโดยบังคับ” ปารีย์นึกขำกับท่าทางหมาหงอยของหญิงสาว
"ถ้าเลือกได้ฉันอยากไปทำหน้าที่แทนแกมากกว่าปุยฝ้าย ไปทำงานเหอะ" กุมาริกาตบบ่าเพื่อนก่อนเปิดประตูเข้าไปในห้องที่เธอรู้สึกว่าอากาศเป็นสิ่งจำเป็นอีกครั้ง
ร่างสูงที่ยืนหันหลังให้เธอส่งออร่าปล่อยแสงประหลาดจนต้องแอบมองผ่านกระจก ใบหน้านิ่งเมื่อครู่ตอนนี้ปราศจากแว่นตาดำอันใหญ่แล้ว ดวงตาเรียวสีดำสนิทไม่ต่างจากเส้นผม ใบหน้าเรียวยาวเข้ากับลอนผมดัดลอนใหญ่แค่ปลายหู แต่ถูกเจ้าตัวเหน็บไว้ที่ใบหูทั้งสองข้าง ที่หูมีห่วงกลมเงินใส่อยู่ตามวัยรุ่นนิยม เสื้อยืดสีขาวเมื่อครู่ถูกสวมทับด้วยเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตสีน้ำเงินดำอีกชั้นดูมีสไตล์เข้ากับบุคลิกเขาดีกุมาริกาบอกตนเอง อดจ้องเพลินไม่ได้แล้วก็ตกใจสุดขีดเมื่อจู่ๆการสำรวจของตัวเองถูกจับได้โดยดวงตาเรียวดำที่มองเธอตอบกลับมาผ่านกระจกเช่นกัน น้ำลายถูกกลืนลงคอทันที หันหาตัวช่วยอื่นที่พอจะทำให้เธอคลายความประหม่าขึ้นมาได้บ้าง
“เอ่อ...ผู้จัดการคิมคะคำถามโอเคใช่ไหมคะ อยากให้ทางเราแก้ไขส่วนไหนอีกรึเปล่า" กุมาริกาเอ่ยอึกอัก ชำเลืองดูตาเรียวดำเมื่อครู่ผ่านกระจกอีกครั้งแต่เมื่อพบว่าเขาลุกเดินไปสนทนากับอาของเธอจึงลอบถอนหายใจ
“อ่อ..ครับเท่าที่ดูก็ไม่มีอะไรต้องแก้นี่ครับคุณล่าม”คิมเซจุนยิ้มไม่รู้ตัวว่าโดนใช้เป็นตัวช่วย
“ผมอยากได้น้ำเปล่าหนึ่งขวดรู้สึกคอแห้ง” เสียงทุ้มที่ขัดขึ้นมากลางห้องทำเอาคนสองคนที่กำลังคุยอยู่ต้องชะงัก
"กัมมี่ให้สตาฟหาน้ำให้แทบงหน่อย" กุลธีร์ตะโกนบอกหญิงสาวที่ยืนอยู่มุมห้อง
"ค่ะอากุล" กุมาริกาตอบ
"ฝากจัดการให้ด้วยนะครับคุณล่าม" ผู้จัดการคิมพยักหน้าเอ่ยอย่างขอความกรุณา
"ไม่เป็นไรค่ะเป็นหน้าที่ฉันเหมือนกันค่ะ น้ำแร่อุณหภูมิห้องนะคะ” กุมาริกายิ้มเปิดประตูออกไปสักครู่และกลับมาพร้อมกับขวดน้ำชนิดที่เขาต้องการในมือ
“น้ำค่ะคุณนัมแทบง” หญิงสาวส่งน้ำให้ไม่ได้หวังว่าดาราดังตรงหน้าจะเอ่ยคำขอบคุณกับเธอแต่เขากลับทำ นั่นแหละที่ทำให้เธอประหลาดใจ
“ขอบคุณ” นัมแทบงเอ่ยเมื่อรับน้ำมาจากหญิงสาว นี่เธอคิดว่าเขาเป็นคนไม่มีมารยาทรึไง ถึงได้หันมาทำหน้าตาประหลาดใจเมื่อได้ยินคำขอบคุณจากเขา..ชิ..อยากจะบ้า ชายหนุ่มคิดในใจ
เสียงวอจากเครื่องส่งในการทำงานดังขึ้นจากเครื่องของสตาฟเรื่องความพร้อม ทำให้กุมาริกาเตรียมทำหน้าทีเช่นกัน
"ได้เวลาสัมภาษณ์แล้วค่ะ ถ้าคุณนัมแทบงพร้อมแล้วเชิญค่ะ อากุลจะออกไปด้วยกันไหมคะหรือจะอยู่กับประธานนัม" หญิงสาวบอกดาราหนุ่มแล้วก็เอ่ยถามอาของตนเองด้วย
"อาอยู่เป็นเพื่อนเยรินดีกว่า"
"งั้นเชิญคุณนัมแทบงค่ะ"
กุมาริกาเปิดประตูพร้อมเดินนำออกไป ก่อนที่จะรู้สึกว่าร่างสูงก้าวเพียงไม่กี่ก้าวก็เดินเคียงไปกับเธอแล้ว จึงเงยหน้ามองอย่างสงสัย
“ผมอยากให้คุณแปลทุกประโยคของพิธีกรที่พูด ผมเกลียดการเป็นตัวตลกและไม่เข้าใจในภาษาที่ผมไม่คุ้นเคย” ตาเรียวดำจ้องนิ่งราวกับสั่งและเธอมีหน้าที่ทำตามเท่านั้น
“ค่ะ มันเป็นหน้าที่ของดิฉันอยู่แล้วคุณอย่ากังวลไปเลยค่ะ ภาพพจน์ของคุณ ฉันจะดูแลให้ดีที่สุด” กุมาริกาส่งยิ้มหวานพร้อมตอบกลับมาแถมยังสบตาเขาด้วยเวลาตอบทำเอานัมแทบงประหลาดใจที่เธอไม่กังวลหรือประหม่าเขาสักนิด
“ไม่เลวนี่” นัมแทบงคิดในใจยิ้มมุมปากโดยไม่รู้ตัว
“นี่นายกำลังยิ้มเพราะคุณล่ามเหรอ ฮั่นแน่..ติดในสาวไทยกันใหญ่นึกว่ามีแค่มินแจซะอีก” คิมเซจุนชะงักคำพูดแทบจะทันทีเมื่อพบสายตาดำที่มองมานิ่งแถมปราศจากรอยยิ้มต่างจากเมื่อครู่ ทำเอาหน้าเจื่อนยิ้มแห้ง
“หมายความว่าไง..ฮามินแจเกี่ยวอะไรกับล่ามไทยคนนี้ด้วย” นัมแทบงหยุดยืนทิ้งจังหวะให้ห่างจากร่างบางลงเล็กน้อย
“อะไรของนายเมื่อกี้ยังยิ้มอยู่แท้ๆ โมโหอะไรขึ้นมาอีกล่ะ ไม่มีอะไรหรอกน่ามินแจแค่ฝากของมาให้คุณล่ามเป็นการขอบคุณที่ทำงานร่วมกันคราวที่แล้ว” ผู้จัดการคิมเกาหัวกับอาการของชายหนุ่มที่เปลี่ยนเป็นหลังมือทันที
“ถึงขั้นมีของฝากเลยเหรอ” นัมแทบงบอกนิ่งหากภายในใจกำลังรู้สึกถึงสิ่งรบกวนใจบางอย่าง
ศิครินทร์พิธีกรชื่อดังดำเนินรายการทักทายดาราหนุ่มแดนกิมจิอย่างอารมณ์ดี บทสนทนาลื่นไหลไม่มีปัญหาในการสื่อสาร รายการสนุกจนแทบจะลืมเวลา
กุมาริกาอดแปลกใจกับสีหน้าของดาราหนุ่มไม่ได้ ไอ้หน้านิ่งๆจ้องอย่างเดียว ไม่ยิ้ม ไม่พูดเมื่อครู่มันหายไปไหนนะ พออยู่หน้ากล้องยิ้มได้ทั้งปากและตาจนเป็นสระอิเลย หลอกลวงชัดๆ กุมาริกาเหน็บในใจแอบมองอย่างอดทึ่งไม่ได้
หลังเสร็จการสัมภาษณ์ศิครินทร์ก็เข้ามาหยอกล้อเธอ แต่เธอกลับรู้สึกเกร็งเพราะมีสายตาดุมองมาจากมุมห้อง ไม่ยิ้มหรือพูดอะไร จนทำให้กุมาริการู้สึกอึดอัดและเป็นฝ่ายหันไปยิ้มให้เขาแทน แต่มันก็เปล่าประโยชน์เพราะคงเป็นเธอที่ถูกเมินเหมือนเดิม จนปารีย์เข้ามาประสานงานเรื่องการพาดาราหนุ่มกับทีมงานเข้าที่พัก กุมาริกจึงาคลายความอึดอัดจากสายตานิ่งๆไปได้บ้าง เธอรู้สึกหายใจไม่ออกจริงๆไม่รู้ทำไมเพียงแค่สบตาคู่นั้น
“งั้นกัมมี่ขอตัวเลยนะคะ ขอพาดารากับทีมงานเข้าที่พักก่อน หวังว่าคงได้ร่วมงานกันอีกนะคะ” กุมาริกายกมือไหว้ลาศิครินทร์เนื่องจากอายุเขาที่มากเกือบเท่าอาของเธอ
“คราวหน้าพี่คงต้องรบกวนกัมมี่บ้างนะ ถ้าที่ช่องมีศิลปินเกาหลีมา” ศิครินทร์บอกต่อยอดเพื่อหวังเชื่อมความสัมพันธ์กับหญิงสาวโดยไม่รู้ว่ามีตาอีกคู่หนึ่งที่มองมาตาไม่กระพริบเช่นกัน
“ติดต่อผ่านทางบริษัทหรือคุณอาก็ได้ค่ะ กัมมี่กลับก่อนนะคะ” กุมาริกายิ้มหวานทิ้งท้ายหันไปทางปารีย์ที่กวักมือเรียกเธอไปทำหน้าที่ต่อ
"ผู้จัดการคิมคะ เดี๋ยวตามสต๊าฟไปที่รถเลยนะคะ ท่านประธานให้แจ้งว่าเธอล่วงหน้าไปที่พักกับคุณอาฉันแล้วค่ะ" กุมาริกาบอกตามที่ปารีย์แจ้ง
"ครับตามคุณคนนี้ไปนะครับ" คิมเซจุนชี้ไปที่ปารีย์
"ค่ะ งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะเดี๋ยวไปเจอกันที่โรงแรมค่ะ" กุมาริกาบอกพร้อมกับพยายามยิ้มไปเผื่อดาราหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆนั่นด้วย ก่อนหันหลังเดินออกไป
ติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะทุกคน
ฝูงกองทัพแฟนคลับรวมตัวกันอย่างเนืองแน่นเต็มท่าอากาศยานสุวรรณภูมิฝั่งขาเข้า..ทำเอาทีมสต๊าฟต้องขอกำลังเสริมวุ่นวายเพราะแฟนคลับนายแบบนักแสดงเกาหลีมีมากเกินกว่าที่คิดไว้ ทั้งป้ายต้อนรับ ป้ายไฟชื่อ ป้ายผ้า ยืนออกันจนทางสนามบินต้องส่งรปภ.มาช่วยกั้นอีกแรงเพราะทำให้ผู้โดยสารท่านอื่นได้รับความไม่สะดวกไปด้วย
“แฟนคลับเยอะเกินกว่าที่ผมคิดมากเลย เห็นทีเราต้องเปลี่ยนทางออกไม่งั้นดาราโดนรุมแน่แถมทางสนามบินจะมีปัญหากับเราด้วยเพราะมัวเอาการ์ดมากั้นไม่สะดวกกับคนใช้บริการเขา”กุลธีร์บอกหน้านิ่ว
“เรามีเวลาอีก 45 นาทีก่อนเครื่องลงค่ะบอส ปุยฝ้ายแจ้งทางสนามบินแล้วว่าเราขอใช้ห้องรับรองวีไอพีก่อน" ปารีย์บอกรายละเอียดที่ได้วางไว้
"ดี...เท่าที่ดูน่าจะใช้เวลาพอสมควรถึงจะออกจากสนามบินได้ แล้วเรื่องสัมภาษณ์ล่ะมีปัญหาอะไรรึเปล่าแล้วกัมมี่ไปไหน" กุลธีร์ถามหาหลานสาวเมื่อหันหาไม่เห็นมาสักพัก
“เมื่อกี้ปุยฝ้าโทรยคุยกับกัมมี่อยู่ค่ะ เห็นบอกว่าจะไปเช็คสคริปกับทีมสัมภาษณ์กันผิดพลาดคงอยู่ที่ห้องแถลงข่าว”
“โอเค...งั้นผมฝากคุณดูแลที่เหลือด้วยล่ะกัน ผมขอไปดูความเรียบร้อยห้องแถลงข่าวต่อ ไปทำงานเถอะปารีย์.”
"งั้นปุยฝ้ายขอตัวก่อนนะคะบอส"
กุลธีร์พยักหน้าพอใจ หมุนตัวกลับไปทางที่มีหลานสาวตัวดีอยู่ คิดอย่างหงุดหงิดนึกถึงสภาพกุมาริกาเมื่อเช้า เขาไม่น่าปล่อยให้แม่หลานสาวตัวดีแต่งตัวเองเลยแถมยังออกจากบ้านมากันคนละรอบ พอมาเจอหน้ากันเขาแทบจะดีดกะโหลกแม่ตัวแสบ มีอย่างที่ไหนให้แต่งเนื้อแต่งตัวให้สวย ดันแต่งชุดยังกับจะมาเป็นบอดี้การ์ด พูดมาได้ว่าตื่นสายขี้เกียจทำผมเลยเกล้าผมมวยเรียบร้อยจะตาย พอบ่นเรื่องชุดก็อ้างว่าใส่กระโปรงมันไม่สะดวกแถมอยู่นอกสถานที่ใส่กางเกงนี่แหละไม่ต้องกลัวโป๊ด้วย เฮ้อ...แบบนี้ผู้ชายที่ไหนเขาจะมองยัยเด็กบ้าเอ้ย!!”
“ฮัดชิ้วๆๆ”กุมาริกาจามติดๆกันหลายครั้ง
“สงสัยมีคนคิดถึงคุณอยู่แน่ๆ คุณถึงจามติดๆกันแบบนี้” ศิครินทร์พิธีกรชื่อดังจากช่องน้อยสีเอ่ยแซว
“ฉันว่าน่าจะไปทางบ่นมากกว่าค่ะคุณศิครินท์ หรือไม่ฉันก็กำลังจะเป็นหวัดเร็วๆนี้”พูดแล้วก็หัวเราะตัวเองพลอยให้คนฟังที่อยู่ตรงนั้นด้วยหัวเราะตามไปด้วยกับความสดใสของเธอ
เสียงเปิดประตูของผู้ที่เข้ามาเยือนใหม่สะกดทุกสายตาให้หันไปมองพร้อมกันที่ประตู พร้อมกับเสียงทักทายจากผู้มาใหม่
“สวัสดีครับคุณศิศรินทร์ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”กุลธีร์เอ่ยทักตอบพร้อมรับไหว้พิธีกรคนดัง
“สักเกือบสองเดือนได้แล้วมั้งครับตั้งแต่พี่ไปที่สตูดิโอจัดรายการคราวก่อน” ศิศรินทร์บอกแอบมองซีกหน้าหวานที่หันไปยิ้มให้อาหนุ่มด้วย
กุลธีร์ยิ้มรับ ก่อนหันไปทำหน้ายุ่งกับหญิงสาวที่เงยหน้ามองตนเองอยู่พร้อมรอยยิ้มประจบ มือใหญ่วางบนศีรษะเล็กโครงอย่างเอ็นดู "ไงเรามีปัญหาอะไรอีกรึเปล่า สคริปเป็นไงบ้าง"
"ก็โอเคค่ะอากุล สคริปก็ตามที่ตกลงระดับคุณศิครินทร์มาเองงานดีที่สุดอยู่แล้วใช่ไหมคะ" กุมาริกาหันไปเอ่ยเย้าพิธีกรใหญ่ที่มองเธออยู่ก่อนแล้ว
"แน่นอนสิครับ ยิ่งได้บัดดี้ดีอย่างคุณกุมาริกาด้วย ล่ามเก่งๆแบบนี้งานยิ่งราบรื่นมากกว่า" พิธีกรหนุ่มใหญ่เอ่ยเยินยอต่อหน้าส่งยิ้มหวานให้
กุลธีร์มองพิธีกรคนดังยิ้มให้คิดในใจไม่ใช่ว่าเจ้านี่คิดจะจีบหลานสาวเขาอีกคนล่ะสิจ้องตาเป็นมันเชียว พอเหลือบตามองยัยหลานสาวตัวดีที่ยิ้มตอบก็หงุดหงิดถึงจะรู้ดีว่ามันเป็นแค่รอยยิ้มธรรมดาแต่ฝ่ายตรงข้ามนี่สิจะเห็นว่ามันธรรมดาหรือเปล่าก็ไม่รู้ก่อนตัดสินใจกระแอมไอ
“อ่ะแฮ่ม ..คือกำหนดการอาจเปลี่ยนนิดหน่อยนะคุณศิครินทร์เพราะแฟนคลับนัมแทบงเยอะมากเกินคาดจริงๆ ถ้าจะวัดจากการจัด Meeting เป็นครั้งแรกในไทย ผมนี่ตกใจเลยอาจจะออกมาช้าหน่อยเพราะต้องเคลียร์แฟนคลับก่อนแต่เป็นรายการบันทึกเทปคงไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ครับพี่ผมเข้าใจ...ตอนเข้ามาที่นี่ตอนแรกผมก็ยังแปลกใจทำไมเยอะจัง น่าจะเกินพันนะผมว่ากระแสเขาดีมากด้วยแถมมาถูกจังหวะที่ละครยังฉายอยู่ในไทย จากเรทติ้งที่ผมรู้คือดังมากแล้วคุณกุมาริกาล่ะครับเป็นแฟนคลับด้วยรึเปล่า” ศิครินทร์ตอบยิ้มก่อนหันไปชวนเจ้าของใบหน้าใสคุยต่อยอด
“เปล่าหรอกค่ะ พูดตามจริงนะคะตั้งแต่เป็นล่ามมาไม่ค่อยได้ติดตามดาราจริงจังสักคน รู้จักศิลปินหรือดาราคนนั้นแค่ข้อมูลที่ได้รับมาเฉพาะที่ทำงานล้วนๆ แต่ก็ยอมรับว่าแต่ละคนที่เจอนี่หน้าตาดีมากจริงๆแต่มันก็เท่านั้นแหละค่ะเพราะในชีวิตจริงเราก็มีหน้าที่ทำงานร่วมกับพวกเขาแค่นั้น งานจบก็ถือว่าจบเท่านั้นเอง”
คำตอบของหลานสาวมันจี้ใจเขานัก อยากจะตะโกนว่าก็อากำลังจะทำให้แกกับเขาสนใจกันอยู่นี่ไง อย่ามัวแต่ไปสบตาหนุ่มใหญ่อยู่ เดี๋ยวได้หลงคารมมันพอดี กุลธีร์คิดฮึดฮัดในใจก่อนหันไปยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงพูดจากคนที่เปิดประตูเข้ามาใหม่
“บอสค่ะเครื่องกำลังลงแล้วค่ะ บอสกับกัมมี่ต้องไปเตรียมตัวแล้ว ส่วนคุณศิครินทร์รอที่นี่สักครู่นะคะมีเวลาให้คุณเตรียมตัวก่อน 15 นาที และปุยฝ้ายจะพาคุณนัมแทบงลงมาเพื่อให้สัมภาษณ์เวลาในการสัมภาษณ์พูดคุยไม่เกิน 1 ชั่วโมงนะคะ” ปารีย์บอกกำหนดการคร่าวๆ
"ครับคุณปารีย์" พิธีกรหนุ่มตอบรับ
"งั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะไปกัมมี่" ปารีย์ยิ้มขอตัวเดินออกไปก่อน
กุลธีร์ยิ้มชื่นชมทีมงานของตัวเองในใจ ปารีย์ช่างมีคุณภาพสมกับที่บริษัทเราเป็นProfessionalด้านนี้จริงๆ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อรู้สึกจากแรงดึงที่แขน
“อากุลไปกันได้แล้ว ปุยฝ้ายไปนู่นแล้วยังยืนยิ้มอะไรอยู่คนเดียว” กุมาริกาส่ายหัวกับอาการแปลกๆของอาตนเองแบบปลงๆ เพราะอย่างนี้ไงผู้หญิงเขาถึงได้ไม่ชอบมัวแต่ยืนคิดในใจ ก่อนเดินลิ่วตามปารีย์ไปอีกคน
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับเดี๋ยวเจอกัน”กุลธีร์เอ่ยขอตัวอย่างขัดเขินเล็กน้อยกับอาการของตัวเอง
สายการบินประจำประเทศเกาหลีกำลังจะลงจอดบนรันเวย์โดยสวัสดิภาพปลอดภัย ขณะที่ผู้โดยสารคนพิเศษที่โดยสารมากับเครื่อง กำลังเปิดศึกเกือบดราม่าสายเลือด
“นี่พี่ส่องกระจกเปลี่ยนสีลิปสติกมา3แท่งแล้วนะตกลงคนที่มาโปรโมตนี่ผมหรือพี่เนี่ย” นัมแทบงเย้าพี่สาวตนเองเรียกตาค้อนจากอีกฝั่งได้ทันที
“นายก็เตรียมตัวได้แล้วนั่นจะทำอะไรเอาผ้าคาดปากออกเดี๋ยวนี้เลยนะ ทำยังกะคนป่วยแบบนั้นจะเห็นรอยยิ้มนายได้ยังไงเจ้าบ้านี่ ใส่แค่แว่นตาพอผู้จัดการคิมนายดูแลคนของนายเดี๋ยวนี้เลยกวนประสาทฉันอีกแล้ว” นัมเยรินพาลกับผู้จัดการส่วนตัวของน้องชายทันที
“ผู้จัดการคิมผมว่าฮยองควรอยู่ห่างๆท่านประธานไว้ดีกว่านะ ตอนนี้อารมณ์ของท่านประธานอาจจะขึ้นๆลงๆ ดูแต่แค่สีลิปสติกสิ ทาแล้วลบติดต่อกันมา3สีแล้ว ใครนะทำให้พี่ผมหมดความมั่นใจได้ขนาดนี้ขนาดว่าเสื้อผ้าหน้าผมเป๊ะนะเนี่ย..” นัมแทบงยังคงพูดกวนด้วยใบหน้านิ่ง
“อย่ามัวแต่มาแหย่ฉันอยู่เลยนายก็เตรียมตัวได้แล้ว รอยยิ้มของนายเตรียมฉีกไว้ด้วย รู้ไว้ว่ามันช่วยนายได้มากถึงแม้นายจะไม่พูดจำไว้เลย ฉะนั้นยิ้มกว้างๆมัดใจแฟนคลับของนายไว้ล่ะ” นัมเยรินเตือนถึงหน้าที่ของฮันรยูลสตาร์
##ฮันรยูลสตาร์ เป็นคำใช้เรียกคนดังของประเทศเกาหลี##
“ผมรู้หน้าที่ของผมดีน่า อย่าลืมข้อตกลงของเราล่ะกันไม่งั้นกลับไปผมจะพังตารางงานให้หมดเลยคอยดู” ใบหน้าหล่อเหล่าเปลี่ยนโหมดจากรอยิ้มเทวดาเป็นปีศาจร้ายในทันที
ร่างสูงลุกขึ้นยืนเต็มความสูง 185 เซนติเมตรหันไปดึงแว่นตาที่ผู้จัดการส่วนตัวส่งมาให้สวมไว้แทน มองไปทางพี่สาวตนเองส่งรอยยิ้มกว้างโชว์รอยยิ้มเทวดาที่เธอสั่งก่อนหน้านี้ ประหนึ่งจะบอกว่าเขาพร้อมที่จะสวมมาดฮันรยูลสตาร์แล้ว ก่อนหมุนร่างนายแบบเดินออกไปจากตัวเครื่องโดยมีผู้จัดการคนสนิทเดินตามขายาวๆที่ก้าวล่วงหน้าไปก่อนจนเกือบจะกลายเป็นวิ่ง
“เฮ้อ!!....ฉันอยากจะบ้ากับเจ้าหมอนี่จริงๆ รอยยิ้มเทวดาบ้าบออะไร นั่นมันไอ้เด็กบ้าปีศาจร้ายชัดๆ เจ้าเล่ห์ขนาดนี้กัมมี่จะรับมือนายไหวไหมนะ” นัมเยรินบ่นกับตัวเองค้อนกับแผ่นหลังที่ไปไกลแล้ว ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ กระจกเล็กๆถูกล้วงขึ้นมาจากกระเป๋าสะพายยิ้มหวานให้ตนเองเล็กน้อย ก่อนลุกเดินตามสองคนเมื่อครู่ไปอีกคน
ร่างสูงสะดุดตาที่เด่นกว่าโผล่ออกมาทางด้านฝั่งช่องทางพิเศษขาเข้าตามมาด้วยเสียงกรี๊ดดังไปทั่ว แม้จะเลี่ยงมาอีกทางแต่ก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งเรด้าห์ติดตามของเหล่าบรรดาแฟนคลับได้
“นั่นไงออกมาแล้วคะบอส โอ้ว!!..นัมแทบงสูงจังเลย ขนาดมองไกลๆถึงใส่แว่นยังรู้สึกว่าหล่อมากเลยอ่ะคะ” ปารีย์กรี๊ดกร๊าดแต่ก็ต้องหน้าเจื่อนเมื่อเจอสายตาปรามของกุลธีร์
“ขอโทษคะบอสปุยฝ้ายลืมตัวไปนิสส”
“ผมว่าคุณลืมเยอะเลยไม่นิดนะ เดี๋ยวดาราผมตกใจหนีกลับขึ้นมาล่ะก็ผมหักเงินเดือนคุณตลอดปีแน่” กุลธีร์เอ่ยเสียงเข้มแกล้งลูกน้องมากกว่าจริงจัง
“โธ่บอสก็..”ปารีย์เสียงอ่อน หันไปสะกิดเพื่อนสาวข้างๆ
“ว่าไงกัมมี่นัมแทบงหล่อไหม หล่อเนอะยิ่งใกล้เข้ามายิ่งหล่อผู้หญิงสวยๆที่เดินนำหน้านั่นคงเป็นประธานนัมแน่เลยดูจากชุดที่ใส่ดีไซน์หรูเลิศมาก” ปารีย์กระซิบกระซาบ
“แกอยากโดนหักเงินพร้อมโบนัสรึไง” กุมาริกาบอกเสียงเรียบข่มใจที่ตื่นเต้นไม่แพ้เพื่อนเช่นกัน แต่ด้วยหน้าที่ทำให้ต้องสะกดความประหม่าไว้
ตากลมมองร่างสูงและบรรดาทีมงานของเขากำลังเดินตรงมาที่เธอยืนอยู่ช้าๆ ด้วยความสูงทำให้สายตาของเธอไม่สามรถลดระดับลงเพื่อมองคนอื่นได้เลย มือบางเลื่อนขึ้นไปวางไว้ที่หน้าอกเพื่อระงับความตื่นเต้น พ่นลมออกมาแรงๆเพื่อขับไล่ความรู้สึกกังวลออกไป
“ทำอย่างกับว่าแกพึ่งมาทำงานแบบนี้ครั้งแรก หล่อกว่านี้แกก็เคยเห็นไม่ใช่เหรอไงใจเย็นไว้กุมาริกา..” หญิงสาวเรียกความมั่นใจให้ตนเอง
"สวัสดีเยริน อันยอง”
เสียงทักทายของกุลธีร์ที่เอ่ยทักทายผู้มาเยือนทำให้กุมาริกาได้สติ ได้เวลาที่เธอต้องทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว รอยยิ้มหวานจึงถูกเติมที่ใบหน้า
"สวัสดีคะฉันชื่อกุมาริกา กริณรัตน์ เป็นล่ามแปลภาษาในครั้งนี้ค่ะ” หญิงสาวกระพุ่มมือไหว้ตามวัฒนธรรมของตน
ดาราหนุ่มมองร่างเล็กผ่าทางกรอบแว่นสีเข้มที่ช่วยอำพลางสายตาได้ดี ท่าทางที่คล่องแคล่วและสำเนียงที่ไม่ต่างจากเจ้าของภาษาเช่นเขา ทำให้นัมแทบงมองร่างเล็กตรงหน้าอย่างทึ่งไม่ได้ เธอพูดเกาหลีได้ดีจริงๆ
กุมาริกายื่นมือออกไปเพื่อสวมกอดทักทายเพื่อนคนสนิทของอาเพราะอีกฝ่ายสวมกอดเธออย่างสนิทสนม ก่อนหันไปจับมือทักทายคนอื่นๆที่นัมเยรินเอ่ยแนะนำรวมถึงร่างสูงตรงหน้าด้วย เธอมองร่างสูงในระยะใกล้ตามมารยาทการทักทายต้องสบตาแต่เธอกลับไม่ได้เห็นประกายในตาเจ้าของแว่นดำสนิทนั่น มีเพียงรอยยิ้มมุมปากที่เธอคิดได้เองว่ามันคือมารยาทที่ส่งตอบมาแต่ก็ช่างเหอะกุมาริกาซะอย่าง
“ดิฉันว่าเชิญไปที่ห้องรับรองกันก่อนดีกว่าแฟนคลับเริ่มรู้แล้วว่าเราเปลี่ยนทางออก อีกสักครู่คงวุ่นวายกว่านี้เพื่อความสะดวกของคุณนัมแทบงด้วย” กุมาริกาอธิบาย
“นั่นสิเยรินเรารีบไปกันดีกว่า ฟังจากเสียงกรี๊ดแล้วคงวุ่นวายแน่ๆ” กุลธีร์เอ่ยเร่ง
กุลธีร์เดินขนาบข้างประธานสาวคนสวยพร้อมกับมีดารหนุ่มเกาหลีอยู่อีกข้างหันไปแตะไหล่กระซิบบอก “แฟนคลับนายมาแน่นมากฉันกลัวนายจะเจ็บตัวระวังด้วยละ”
นัมแทบงพยักหน้ายิ้มก่อนมองดูด้านหลังเล็กที่กำลังฝ่าฝูงคนที่มาต้อนรับเขาอยู่ทางด้านหน้าถัดไปไม่กี่ก้าว โดยมีทีมงานของเธอคอยแหวกขยายทางเดินที่เริ่มแคบลงจากการเบียดกันเข้ามาของแฟนคลับให้กว้างขึ้นเพียงพอที่จะทำให้เธอและทีมงานของเขาออกไปได้
“ทางนี้คะ” กุมาริกาบอกเมื่อเดินพ้นขึ้นมาบนชั้นรับรองที่ปราศจากกลุ่มแฟนคลับแล้วแต่ก็ยังได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อเขาดังไปทั่ว
นัมแทบงหยุดยืนตรงทางเดินโบกมือผ่านกระจกที่สามารถมองทะลุเห็นแฟนคลับที่มารอรับที่ชั้นสองได้ เรียกเสียงกรี๊ดมากมายตามมาด้วยเสียงตะโกนเชียร์ต้อนรับ หรือแม้แต่ตะโกนบอกรัก ดาราหนุ่มยิ้มกว้างชูมือทั้งสองข้างในท่า Finger heart เป็นกำลังใจให้ยิ่งเพิ่มเสียงกรี๊ดดังเข้าไปอีก
##ฟิงเกอร์ฮาร์ท คือการทำท่าเอานิ้วโป้งกับนิ้วชี้ไขว้เข้าหากันคล้ายรูปหัวใจดวงเล็ก##
“ประธานนัมคะมีรายการรอสัมภาษณ์คุณนัมแทบงอยู่ที่ห้องด้านล่างหนึ่งรายการ แต่ตอนนี้เราจะให้คุณนัมแทบงเตรียมตัวก่อนที่ห้องรับรองเชิญด้านนี้เลยค่ะท่านประธาน” กุมาริกาบอกตามข้อมูลที่ได้รับมาตั้งแต่แรกพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตรเหลือบมองร่างสูงที่หันมองมาที่เธอนิ่งโดยปราศจากสีหน้าใดๆ
"หยั่งกะหลุดออกมาจากนิตยสารเป๊ะหน้าเดียวกันเลยถ้าไม่บอกนี่ฉันนึกว่ากำลังดูภาพนิ่งในหนังสือเลย" กุมาริกาคิดในใจก่อนหันไปส่งยิ้มอ่อนให้แต่สิ่งที่ได้ตอบมาคือนิ่ง จนเธอต้องหันไปทางหนุ่มร่างอวบที่แนะนำตัวเองว่าเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเขาแทน
“ผู้จัดการคิมคะนี่คือคำถามที่ทางทีวีจะสัมภาษณ์คุณนัมแทบงค่ะ”
"อ่อครับ" ผู้จัดการคิมรับเอกสารมาถือไว้พร้อมยิ้มกว้างจนตาปิด
“งั้นเชิญด้านในเลยดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลาคุณนัมแทบงเตรียมตัวด้วย เชิญเลยค่ะ”
กุมาริกาพ่นลมเบาๆ ออกจากปาก เมื่อออกมายืนที่ด้านนอกห้องซึ่งเหลือแค่คนของตัวเอง ก่อนสูดกลับเข้าไปใหม่ทำซ้ำติดต่อกันสองสามครั้งราวกลับขาดออกซิเจนมานาน บ่นกับตนเองว่าเธอต้องหายใจเอาอากาศเข้าปอดไว้เยอะๆไม่งั้นเธอได้ขาดอากาศตายแน่ๆยามเมื่อยืนอยู่ต่อหน้าดารานั่น
"คนอะไรประหลาดชะมัดไม่มีอารมณ์อะไรอย่างคนอื่นเขาบ้างรึไงนะ" หญิงสาวคิดถึงตอนตัวเองอยู่ในห้องรับรองพอสบโอกาสที่ทีมงานของเขาดูวุ่นวายกับเนื้อตัวของดาราหนุ่ม เธอเลยได้ออกมาหาที่คลายความอึดอัดลงไปได้บ้าง
"ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย ไม่รู้อากุลจะเม้าท์อะไรกับประธานนัมนักหนาช่างไม่สนใจเราบ้างเลย อานะอา..."กุมาริกาบ่นพึมพำหางตาหันไปเห็นปารีย์เดินมาก็ยิ้มกว้าง
"ทำไมมายืนตรงนี้ล่ะแก" ปารีย์ถาม
"ก็เขาแต่งตัวกันอยู่ดูวุ่นวายฉันเลยขออากุลออกมาดูความเรียบร้อยด้านนอกไงแก ไม่เกิน 15 นาทีคงเสร็จงั้นแกช่วยบอกทางทีมงานคุณศิครินทร์ว่าให้เตรียมตัวได้แล้วล่ะกัน” กุมาริกาบอก
“โอเค อย่าทำหน้าตูบดิ ไรว้าฉันออกจะอิจฉาแกที่ได้อยู่กับคนหล่อแต่ดูหน้าแกดิยังกับโดยบังคับ” ปารีย์นึกขำกับท่าทางหมาหงอยของหญิงสาว
"ถ้าเลือกได้ฉันอยากไปทำหน้าที่แทนแกมากกว่าปุยฝ้าย ไปทำงานเหอะ" กุมาริกาตบบ่าเพื่อนก่อนเปิดประตูเข้าไปในห้องที่เธอรู้สึกว่าอากาศเป็นสิ่งจำเป็นอีกครั้ง
ร่างสูงที่ยืนหันหลังให้เธอส่งออร่าปล่อยแสงประหลาดจนต้องแอบมองผ่านกระจก ใบหน้านิ่งเมื่อครู่ตอนนี้ปราศจากแว่นตาดำอันใหญ่แล้ว ดวงตาเรียวสีดำสนิทไม่ต่างจากเส้นผม ใบหน้าเรียวยาวเข้ากับลอนผมดัดลอนใหญ่แค่ปลายหู แต่ถูกเจ้าตัวเหน็บไว้ที่ใบหูทั้งสองข้าง ที่หูมีห่วงกลมเงินใส่อยู่ตามวัยรุ่นนิยม เสื้อยืดสีขาวเมื่อครู่ถูกสวมทับด้วยเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตสีน้ำเงินดำอีกชั้นดูมีสไตล์เข้ากับบุคลิกเขาดีกุมาริกาบอกตนเอง อดจ้องเพลินไม่ได้แล้วก็ตกใจสุดขีดเมื่อจู่ๆการสำรวจของตัวเองถูกจับได้โดยดวงตาเรียวดำที่มองเธอตอบกลับมาผ่านกระจกเช่นกัน น้ำลายถูกกลืนลงคอทันที หันหาตัวช่วยอื่นที่พอจะทำให้เธอคลายความประหม่าขึ้นมาได้บ้าง
“เอ่อ...ผู้จัดการคิมคะคำถามโอเคใช่ไหมคะ อยากให้ทางเราแก้ไขส่วนไหนอีกรึเปล่า" กุมาริกาเอ่ยอึกอัก ชำเลืองดูตาเรียวดำเมื่อครู่ผ่านกระจกอีกครั้งแต่เมื่อพบว่าเขาลุกเดินไปสนทนากับอาของเธอจึงลอบถอนหายใจ
“อ่อ..ครับเท่าที่ดูก็ไม่มีอะไรต้องแก้นี่ครับคุณล่าม”คิมเซจุนยิ้มไม่รู้ตัวว่าโดนใช้เป็นตัวช่วย
“ผมอยากได้น้ำเปล่าหนึ่งขวดรู้สึกคอแห้ง” เสียงทุ้มที่ขัดขึ้นมากลางห้องทำเอาคนสองคนที่กำลังคุยอยู่ต้องชะงัก
"กัมมี่ให้สตาฟหาน้ำให้แทบงหน่อย" กุลธีร์ตะโกนบอกหญิงสาวที่ยืนอยู่มุมห้อง
"ค่ะอากุล" กุมาริกาตอบ
"ฝากจัดการให้ด้วยนะครับคุณล่าม" ผู้จัดการคิมพยักหน้าเอ่ยอย่างขอความกรุณา
"ไม่เป็นไรค่ะเป็นหน้าที่ฉันเหมือนกันค่ะ น้ำแร่อุณหภูมิห้องนะคะ” กุมาริกายิ้มเปิดประตูออกไปสักครู่และกลับมาพร้อมกับขวดน้ำชนิดที่เขาต้องการในมือ
“น้ำค่ะคุณนัมแทบง” หญิงสาวส่งน้ำให้ไม่ได้หวังว่าดาราดังตรงหน้าจะเอ่ยคำขอบคุณกับเธอแต่เขากลับทำ นั่นแหละที่ทำให้เธอประหลาดใจ
“ขอบคุณ” นัมแทบงเอ่ยเมื่อรับน้ำมาจากหญิงสาว นี่เธอคิดว่าเขาเป็นคนไม่มีมารยาทรึไง ถึงได้หันมาทำหน้าตาประหลาดใจเมื่อได้ยินคำขอบคุณจากเขา..ชิ..อยากจะบ้า ชายหนุ่มคิดในใจ
เสียงวอจากเครื่องส่งในการทำงานดังขึ้นจากเครื่องของสตาฟเรื่องความพร้อม ทำให้กุมาริกาเตรียมทำหน้าทีเช่นกัน
"ได้เวลาสัมภาษณ์แล้วค่ะ ถ้าคุณนัมแทบงพร้อมแล้วเชิญค่ะ อากุลจะออกไปด้วยกันไหมคะหรือจะอยู่กับประธานนัม" หญิงสาวบอกดาราหนุ่มแล้วก็เอ่ยถามอาของตนเองด้วย
"อาอยู่เป็นเพื่อนเยรินดีกว่า"
"งั้นเชิญคุณนัมแทบงค่ะ"
กุมาริกาเปิดประตูพร้อมเดินนำออกไป ก่อนที่จะรู้สึกว่าร่างสูงก้าวเพียงไม่กี่ก้าวก็เดินเคียงไปกับเธอแล้ว จึงเงยหน้ามองอย่างสงสัย
“ผมอยากให้คุณแปลทุกประโยคของพิธีกรที่พูด ผมเกลียดการเป็นตัวตลกและไม่เข้าใจในภาษาที่ผมไม่คุ้นเคย” ตาเรียวดำจ้องนิ่งราวกับสั่งและเธอมีหน้าที่ทำตามเท่านั้น
“ค่ะ มันเป็นหน้าที่ของดิฉันอยู่แล้วคุณอย่ากังวลไปเลยค่ะ ภาพพจน์ของคุณ ฉันจะดูแลให้ดีที่สุด” กุมาริกาส่งยิ้มหวานพร้อมตอบกลับมาแถมยังสบตาเขาด้วยเวลาตอบทำเอานัมแทบงประหลาดใจที่เธอไม่กังวลหรือประหม่าเขาสักนิด
“ไม่เลวนี่” นัมแทบงคิดในใจยิ้มมุมปากโดยไม่รู้ตัว
“นี่นายกำลังยิ้มเพราะคุณล่ามเหรอ ฮั่นแน่..ติดในสาวไทยกันใหญ่นึกว่ามีแค่มินแจซะอีก” คิมเซจุนชะงักคำพูดแทบจะทันทีเมื่อพบสายตาดำที่มองมานิ่งแถมปราศจากรอยยิ้มต่างจากเมื่อครู่ ทำเอาหน้าเจื่อนยิ้มแห้ง
“หมายความว่าไง..ฮามินแจเกี่ยวอะไรกับล่ามไทยคนนี้ด้วย” นัมแทบงหยุดยืนทิ้งจังหวะให้ห่างจากร่างบางลงเล็กน้อย
“อะไรของนายเมื่อกี้ยังยิ้มอยู่แท้ๆ โมโหอะไรขึ้นมาอีกล่ะ ไม่มีอะไรหรอกน่ามินแจแค่ฝากของมาให้คุณล่ามเป็นการขอบคุณที่ทำงานร่วมกันคราวที่แล้ว” ผู้จัดการคิมเกาหัวกับอาการของชายหนุ่มที่เปลี่ยนเป็นหลังมือทันที
“ถึงขั้นมีของฝากเลยเหรอ” นัมแทบงบอกนิ่งหากภายในใจกำลังรู้สึกถึงสิ่งรบกวนใจบางอย่าง
ศิครินทร์พิธีกรชื่อดังดำเนินรายการทักทายดาราหนุ่มแดนกิมจิอย่างอารมณ์ดี บทสนทนาลื่นไหลไม่มีปัญหาในการสื่อสาร รายการสนุกจนแทบจะลืมเวลา
กุมาริกาอดแปลกใจกับสีหน้าของดาราหนุ่มไม่ได้ ไอ้หน้านิ่งๆจ้องอย่างเดียว ไม่ยิ้ม ไม่พูดเมื่อครู่มันหายไปไหนนะ พออยู่หน้ากล้องยิ้มได้ทั้งปากและตาจนเป็นสระอิเลย หลอกลวงชัดๆ กุมาริกาเหน็บในใจแอบมองอย่างอดทึ่งไม่ได้
หลังเสร็จการสัมภาษณ์ศิครินทร์ก็เข้ามาหยอกล้อเธอ แต่เธอกลับรู้สึกเกร็งเพราะมีสายตาดุมองมาจากมุมห้อง ไม่ยิ้มหรือพูดอะไร จนทำให้กุมาริการู้สึกอึดอัดและเป็นฝ่ายหันไปยิ้มให้เขาแทน แต่มันก็เปล่าประโยชน์เพราะคงเป็นเธอที่ถูกเมินเหมือนเดิม จนปารีย์เข้ามาประสานงานเรื่องการพาดาราหนุ่มกับทีมงานเข้าที่พัก กุมาริกจึงาคลายความอึดอัดจากสายตานิ่งๆไปได้บ้าง เธอรู้สึกหายใจไม่ออกจริงๆไม่รู้ทำไมเพียงแค่สบตาคู่นั้น
“งั้นกัมมี่ขอตัวเลยนะคะ ขอพาดารากับทีมงานเข้าที่พักก่อน หวังว่าคงได้ร่วมงานกันอีกนะคะ” กุมาริกายกมือไหว้ลาศิครินทร์เนื่องจากอายุเขาที่มากเกือบเท่าอาของเธอ
“คราวหน้าพี่คงต้องรบกวนกัมมี่บ้างนะ ถ้าที่ช่องมีศิลปินเกาหลีมา” ศิครินทร์บอกต่อยอดเพื่อหวังเชื่อมความสัมพันธ์กับหญิงสาวโดยไม่รู้ว่ามีตาอีกคู่หนึ่งที่มองมาตาไม่กระพริบเช่นกัน
“ติดต่อผ่านทางบริษัทหรือคุณอาก็ได้ค่ะ กัมมี่กลับก่อนนะคะ” กุมาริกายิ้มหวานทิ้งท้ายหันไปทางปารีย์ที่กวักมือเรียกเธอไปทำหน้าที่ต่อ
"ผู้จัดการคิมคะ เดี๋ยวตามสต๊าฟไปที่รถเลยนะคะ ท่านประธานให้แจ้งว่าเธอล่วงหน้าไปที่พักกับคุณอาฉันแล้วค่ะ" กุมาริกาบอกตามที่ปารีย์แจ้ง
"ครับตามคุณคนนี้ไปนะครับ" คิมเซจุนชี้ไปที่ปารีย์
"ค่ะ งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะเดี๋ยวไปเจอกันที่โรงแรมค่ะ" กุมาริกาบอกพร้อมกับพยายามยิ้มไปเผื่อดาราหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆนั่นด้วย ก่อนหันหลังเดินออกไป
ติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะทุกคน
พบกะรัณย์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ก.ย. 2558, 14:10:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ก.ย. 2558, 18:08:34 น.
จำนวนการเข้าชม : 976
<< ข้อห้ามและความหลัง | ผู้ชายเย็นชา >> |