ตราบฟ้าไร้ดาว
พี่หิน หนุ่มน้อยนิรนาม ผู้มามอบโลกใบใหม่ที่สดใสสวยงามให้น้องเอ๋ย และจากไปพร้อมกับโลกใบนั้น
ทิ้งไว้แต่โลกมืด โลกไร้สุขและสิ้นหวังเอาไว้ให้
น้องสาวที่เขาเองก็รักปานดวงใจ


‘พี่รักเอ๋ยนะจ๊ะ สามสี่วันที่ออกเรือ พี่คงจะต้องเป็นบ้าแน่ๆ เพราะคิดถึงเอ๋ย แล้วเอ๋ยล่ะ รักพี่และจะคิดถึงพี่หรือเปล่า’

‘ไหนบอกให้พี่ชื่นใจหน่อยสิจ๊ะคนดี’

‘บอกให้พี่ได้ยินหน่อยสิจ๊ะคนดีของพี่ เดี๋ยวเราต้องรีบกลับเข้าบ้านกันแล้วนะ’

‘ถ้าเอ๋ยไม่บอก พี่ต้องตายเพราะอยากรู้แน่ๆ เลย นะนะ บอกพี่ที’

‘ถ้าเอ๋ยไม่บอก พี่ต้องตายเพราะอยากรู้แน่ๆ เลย นะนะ บอกพี่ที’

‘ถ้าเอ๋ยไม่บอก พี่ต้องตายเพราะอยากรู้แน่ๆ เลย นะนะ บอกพี่ที’


วรินรำไพ หรือ เอ๋ย หญิงสาวผู้ไม่หลงเหลือหัวใจให้ใครได้แล้ว
นอกจาก 'พี่หิน' คนเดียวเท่านั้น


“พี่หินจ๋า! เอ๋ยมารับพี่หินแล้ว พี่หินอยู่ไหนจ๊ะ พี่หินกลับมาหาเอ๋ยสิจ๊ะ”

น้ำตาที่ไม่เคยเหือดแห้งนั้น หลั่งไหลลงมาอีกมากมาย เมื่อภาพในค่ำคืนนั้นลอยมาอยู่ตรงหน้าสาวน้อยที่กำลังเจ็บเสียด แน่นที่อกเพราะความเสียใจ

“เอ๋ยรักพี่หินจ๊ะ พี่หินได้ยินมั้ยจ๊ะ ว่าเอ๋ยรักพี่หิน”

“เอ๋ยจะรักเพียงพี่หินคนเดียวเท่านั้น พี่หินต้องกลับมาหาเอ๋ยนะจ๊ะ เอ๋ยรู้ว่าพี่หินยังไม่ตาย”

ร่างเล็กยกเสื้อผ้าพี่ชายขึ้นมากอดไว้ ก่อนจะแนบแก้มลงไปหา ปล่อยให้หยาดหยดน้ำตาไหลรินลงไปใส่ ประหนึ่งอยากให้พี่ชายที่แสนดีมาซับน้ำตาที่หลั่งรินออกมาเพราะความเสียใจอย่างสุดซึ้งก็ไม่ปาน

“เอ๋ยจะรอพี่หินอยู่ตรงนี้ตลอดไป พี่หินได้ยินมั้ยจ๊ะ ว่าเอ๋ยจะรอพี่หินคนเดียว และจะรักพี่หินคนเดียวเท่านั้น”

ประโยคอ้อนวอนของพี่ ตกย้ำซ้ำเติมให้น้ำตาน้องหลั่งรินออกมามากมายแล้วแทบจะกลายเป็นสายเลือด เพราะความเสียดายที่ไม่ได้บอกคำที่พี่อยากได้ยินออกไป ถ้าเพียงแต่น้องคนนี้ล่วงรู้ว่าความตายจะมาพรากพี่ไปจากน้องในรวดเร็วขนาดนี้

“เอ๋ยรักพี่หินจ๊ะ รักและจะรอให้พี่หินกลับมาหาเอ๋ยอีก กลับมาสร้างบ้านในฝันของเรา กลับมาอยู่กับเอ๋ย มีลูกตัวเล็กๆ กับเอ๋ย แล้วเราจะจูงลูกไปส่งโรงเรียน เหมือนที่พี่หินบอกไว้ไงจ๊ะพี่หินจ๋า”

กายเล็กๆ และยังกอดเสื้อผ้าพี่หินอยู่นั้น ค่อยๆ รูดเลื่อนไปตามผนังเก๋งเรือลงไปหาพื้น เมื่อมีประโยคอ้อนวอนของพี่ลอยมาตอกย้ำความผิดพลาดไม่ขาดหาย

และถ้าเพียงเลือกได้อีกครั้ง ถ้าเพียงย้อนเวลากลับมาได้อีกครั้ง ถ้าเพียงมีพี่ชายที่แสนดีอยู่ข้างกายอีกครั้ง ถ้าเพียงค่ำคืนสุดท้ายที่ได้อยู่กับพี่ชายแบบนั้นอีกครั้ง

“เอ๋ยรักพี่หินจ๊ะ รักมาก รักมากยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก และพี่หินจะอยู่ในใจเอ๋ยตลอดไปจ๊ะ แล้วเอ๋ยก็จะรอ รอวันที่พี่หินกลับมาหาเอ๋ย กลับมาฟังคำบอกรักจากเอ๋ย กลับมาทำความฝันที่เรามีด้วยกัน เอ๋ยจะรอพี่หินจ๊ะ ต่อให้เอ๋ยจะต้องไปตลอดชีวิต เอ๋ยก็จะรอพี่หินคนเดียว จะรักและจะรอพี่หินของเอ๋ยคนเดียว ไม่ว่าจะนานแค่ไหน เอ๋ยก็จะรอ”


ชลธิป จิระธนานนท์ หรือ คุณร๊อค
ผู้บริหารหนุ่มเจ้าของ‘ตาเบบูญา บางปูปาร์ค รีโซเทล แอนด์ สปา’
ผู้ที่หวนกลับมาทำร้ายคนที่เขารักปานดวงใจ
โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว กระทั่งวินาทีสุดท้าย



“นรกสำหรับคุณไง!”

เขาคว้าแขนเล็กๆ ไว้แล้วกระชากตามตัวไปอย่างแรง

“เงียบทำไม! ถึงเวลาที่คุณจะต้องอธิบายให้ผมฟังได้แล้ว ว่าคุณทำยังไงถึงได้รอดจากการติดคุก ถ้าเหตุผลเพียงเพราะคุณอยากได้ตัวผม เงินผม คุณก็บอกมาดีๆ สิ ผมจะจัดให้!”

“...”

“เงียบทำไม! คุณบอกผมมาสิว่าทำไม! ตอบผมมาให้ได้! ไม่อย่างนั้นคุณจะต้องเสียใจกับการกระทำของคุณเอง! ตอบผมมา!!!”

ประตูห้องเปิดออกได้ ร่างผอมบางก็ถูกกระชากแขนอย่างแรงเข้าไปในห้องจนกระแทกกับตู้เสื้อผ้า ทว่าวริญรำไพก็ไม่คิดจะพูดอะไรออกมา นอกจากมีน้ำตาไหลรินอาบสองแก้มเท่านั้น

“คุณพูดไม่ออกเหรอ! หรือบอกผมไม่ถูกว่าคุณใช้วิธีไหน ถึงได้รอดคุกมา!”

“ฉันเปล่า ฉันไม่ได้ทำอะไร คุณก็รู้ว่ามันเป็นอุบัติเหตุ”

“ผมไม่โง่พอที่จะเชื่อคำของคุณ เหมือนพ่อผม เหมือนพ่อตาผม เหมือนทนายนั่น หรือเหมือนไอ้หน้าโง่คนไหนทั้งนั้น เพราะผมรู้ดีว่าคุณมันแผนสูง คุณมันเก่งเรื่องมารยาสาไถจนผมเกือบจะหลงเชื่ออยู่แล้ว บอกผมมาสิ ว่าคุณไปทำอีท่าไหนทุกคนถึงได้เชื่อคุณนัก คุณลงทุนเอาตัวไปประเคนให้ถึงเตียง เหมือนที่ประเคนให้ไอ้ล่ำนั่นหรือเปล่า!!!”

“ฉันเปล่า คุณกำลังเข้าในฉันผิด”

“ใช่! ผมเข้าใจคุณผิด ผิดมาโดยตลอดที่คิดว่าคุณมันเป็นคนดี! คนซื่อ คนสะอาดบริสุทธิ์! แต่ตอนนี้ผมเข้าใจถูกต้องแล้ว ว่าคุณมันเลวยังไง! คดยังไง! สปรกแค่ไหน! ในตัวคุณมันเต็มไปด้วยคราบคาวของผู้ชายรวยๆ กี่สิบคนแล้ว หรือกี่เที่ยวแล้วล่ะ คุณถึงได้พ้นผิด คุณไปแบให้ตั้งแต่ร้อยเวรที่โรงพักยันไอ้ทนายมือหนึ่งนั่นเลยหรือเปล่า! พวกเขาถึงได้เชื่อ จนปล่อยให้คุณออกมายืนหน้าตาเฉยแบบนี้ได้ ทีนี้ก็ถึงเวลาที่คุณจะทำให้ผมเชื่อเหมือนคนพวกนั้นบ้างแล้วล่ะ”

“ไม่จริง! ฉันไม่เคยทำอะไร คุณกำลังเข้าใจผิดค่ะ ฉันไม่เคยทำแบบนั้น!”

“ผมไม่เชื่อ!!! หรือถ้าคุณอยากให้ผมเชื่อ ก็ให้ผมพิสูจน์สิ! ว่าคุณมันบริสุทธิ์จริง! อย่าดีแต่เสแสร้ง!” เขาเข้าไปจับสองไหล่เหวี่ยงไปหาเตียง

“โอ๊ย!!!”

จนร่างผอมๆ ร้องด้วยความจุก “คุณเจ็บเหรอ! แค่นี้มันยังน้อยไป! มันยังไม่สาสมที่คุณทำให้ผมเจ็บ! ต่อไปนี้คุณก็เชิญมีชีวิตอยู่ในขุมนรกกับผมก็แล้วกัน!”

ร่างเล็กๆ ถูกร่างใหญ่ๆ ล็อกไว้กับเตียงทันที ปากก็ร้องขอ อ้อนวอนต่อเขาทั้งน้ำตา “อย่า!!! ได้โปรด!!! อย่า!!!”

“นี่เป็นคือคำพิพากษาสูงสุดจากผมสำหรับผู้หญิงชั่วอย่างคุณ!!!”

“อย่า!!! ได้โปรดอย่าทำ...”

เรี่ยวแรงในกายที่เคยมีตอนนี้หดหายไปหมดแล้ว เมื่อถูกอีกกายตรึงไว้กับเตียงใหญ่ แล้วระดมจูบอย่างรุนแรง ไร้ซึ่งความปรานีใดๆ จนเดาได้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเอง เมื่อเขายื่นความจำนงค์ให้รู้อย่างโจ่งแจ้ง

“อย่า!!! ได้โปรด!!! อย่าทำอย่างนี้กับฉัน!!!”

“อย่ามาขอชีวิตจากยมบาลอย่างผม! เพราะไม่มีทางที่ผมจะปล่อยให้คุณลอยนวลอยู่ได้โดยไม่ต้องชดใช้อะไรแน่!!! คุณต้องตาย! และต้องตายทั้งเป็นด้วย!!!”


ดลยา นิติพงษ์พาณิชย์ หรือ คุณย่า
สาวผู้เกิดมามีทุกอย่างพร้อมสรรพ ไม่ว่าจะเป็นรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ
และมีเป็นที่รักของผู้คนรอบข้าง เพราะเธอนั้นแสนดีจนเป็นที่เลื่องชื่อ
จนได้หัวใจของชลธิปไปครอบครอง


“มาแล้วตากล้องมือดีที่คุณย่าจองตัวไว้ เอ๋ยมารู้จักคุณย่าเร็วๆ เข้า”

พอไปถึงซุ้มเรือนไทยที่ใช้เป็นที่ตระเตรียมข้าวของ เจ้านายสาวก็รีบลากแขนให้เดินตรงไปหาว่าที่เจ้าสาวที่อยู่ในชุดขาวสะอาดตา สวยงามราวเทพธิดาจำแลงกายมาก็ไม่ปาน

“สวัสดีค่ะคุณเอ๋ย ได้เจอตัวกันสักทีนะคะ หลังจากที่คาดกันมาสองสามรอบแล้ว”

ดลยาเป็นฝ่ายเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสก่อน วริญรำไพที่ยกมือไหว้ดวงกมลแล้วถึงได้หันไปหาลูกค้าซุปเปอร์วีไอพี “สวัสดีค่ะคุณย่า ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

แล้วก็ยกมือไหว้ทักทายพร้อมส่งยิ้มบางๆ เพียงเล็กน้อยให้ตามสไตล์ที่ทุกคนมักจะคุ้นเคย “เช่นกันค่ะ ยังไงก็ต้องใช้ฝีมือถ่ายภาพย่าออกมาให้สวยที่สุดเลยนะคะ”

“ค่ะ งั้นเอ๋ยขอตัวไปเตรียมกล้องก่อนนะคะ”

ดลยาหันไปหาดวงกมลกับสุภาภรณ์แล้วยิ้มให้อย่างรู้กัน เพราะตอนที่แต่งตัวอยู่บนห้อง ทั้งสองบอกไว้แล้วว่าตากล้องสาวผมยาวถึงเอวเป็นคนพูดน้อย เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ค่อยสังสรรหรือสุงสิงกับใครมากนอกจากจะเกี่ยวข้องกันในเนื้องาน


อติรัตน์ จิระธนานนท์
ผู้หญิงที่กุมชะตากรรมทุกคนไว้ในมือ
ผู้หญิงที่เห็นแก่ตัว ไม่สนใจใครหรืออะไรทั้งสิ้น
นอกจากหน้าตาทางสังคม ความเหมาะสม และผลประโยชน์


“ไม่ต้องมาสำบัดสำนวนกับฉันให้มากความหรอก!! เท่าไหร่บอกมา!!!”

“ห้าล้านพอมั้ย!!!” อติรัตน์รีบยื่นข้อเสนอ

“ถ้าน้อยไปก็สิบล้าน!!! แล้วเธอก็ต้องปิดปากให้เงียบ!!! อย่าบอกเรื่องนี้กับใคร!!!”

“งั้นก็ยี่สิบล้าน! ค่าช่วยชีวิตลูกฉัน อีกสิบล้าน! สำหรับเธอที่ต้องปิดปากเงียบ อีกสิบล้าน! สำหรับการเดินไปจากชีวิตลูกฉันซะ และอีกสิบล้าน! สำหรับการไปแล้วไม่ต้องหวนกลับมาหาลูกฉันอีก ทั้งหมดห้าสิบล้าน!!! ฉันว่าเธอรวมคนทั้งเกาะหาไปตลอดชาติก็ไม่มีทางได้เห็นเงินก้อนนี้ด้วยซ้ำ”

“ว่าไง!! จะเอาหรือไม่เอา! อย่ามาลีลาเพื่อจะขึ้นค่าปิดปากนะฉันไม่ชอบ! หรืออยากได้เท่าไหร่ก็บอกมา! ฉันจะชดใช้ให้!!!”

“อย่ามาเล่นลิ้นกับฉันนะ! บอกมาอยากได้เท่าไหร่ฉันจะจ่าย!!!”

“อย่ามาตีฝีปากกับฉัน!!! เธออยากได้อะไรฉันจะชดใช้ให้!!!”

“บอกมาว่าต้องการเท่าไหร่! ฉันจะจ่ายให้!!! แล้วรีบไสหัวออกไปจากชีวิตพวกฉันสักที!!! ฉันเบื่อที่จะต้องตามแก้ปัญหาที่เธอคอยตามสร้างให้เต็มทีแล้ว!!!”

“ทำไมฉันต้องสนด้วย!!!”




==========================================================

สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย

หนึ่งคอมเม้นต์คือหนึ่งแรกผลักดันและกำลังใจของคนเขียนนะคะ
แต่ยินดีต้อนรับนักอ่านเงาทุกท่านค่ะ

นิยายของกันเกราเรื่องไหนที่ยังไม่ได้ทำสัญญากับ สนพ. ยินดีจะลงให้อ่านจนจบเรื่องค่ะ แต่ถ้าเรื่องไหนทำสัญญาแล้ว ขออนุญาตลงแค่ครึ่งเดียวนะคะ

ขอบคุณค่ะ สำหรับทุกๆ กำลังใจที่มีให้เรื่อยมา
ยิ้มมมมมมมมมมมมมมมมม


Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: หัวใจสองเราต่างตรงกัน ๑๐๐%

“ขอบคุณค่ะคุณป้าที่กรุณาโทรมาบอก”

‘แล้วหนูย่าจะไปแจกการ์ดต่อเหรือเปล่าวันนี้ หรือจะรอให้ตาร๊อกกลับมาค่อยไป’

“คงรอไม่ได้หรอกค่ะคุณป้า พรุ่งนี้ร๊อกก็ต้องทำงาน ย่าก็ด้วย วันนี้ย่าจะไปกับน้องค่ะ”

‘ป้าให้นายไก่เป็นคนคอยขับรถให้ดีหรือเปล่าจ๊ะ จะได้ไม่เหนื่อยไง’

“ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า น้องจะขับให้ย่าไม่ได้ทำอะไรแค่นั่งบอกทางเท่านั้นค่ะ”

‘ตาร๊อกนะตาร๊อก เหลวไหลใหญ่แล้ว กลับมาป้าจะจัดการขั้นเด็ดขาดเลยทีเดียว แล้วหวังว่าที่หายไปนี่คงไม่ได้หินแม่ผมยาวนั่นไปด้วยหรอกนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นป้าจะไปอาละวาดถึงสตูฯเลย ไม่เชื่อคอยดูสิ’

“เอ่อ! งั้นแค่นี้นะคะ ย่าขอตัวไปอาบน้ำก่อนค่ะ กลัวน้องจะรอ สวัสดีค่ะคุณป้า”

เพราะรู้สึกว่ายิ่งฟังคำว่าที่แม่สามีเท่าไหร่ ก็ยิ่งไม่สบายใจมากไปเท่านั้น ดลยาเลยเลือกที่จะตัดความไม่สบายใจออกไป แล้วเดินหน้าแจกการ์ดต่อ

เผื่อว่าการคิดอะไรฝ่ายเดียว เข้าใจผิดอะไรไปฝ่ายเดียว จะไม่มีมูลความจริงขึ้นมาบ้าง รังแต่จะเสียกันไปทั้งสองฝ่าย แม้ส่วนลึกในใจจะบอกว่าลางสังหรณ์ของตัวเองไม่น่าจะผิด

แต่ก็ไม่คิดจะปรักปรำใคร ถ้าไม่มีหลักฐาน ไม่มีพยาน หรือไม่ได้เห็นกับตา ไม่ได้สัมผัสกับตัว ก็จะไม่ขอเชื่ออะไรหรือใครเต็มร้อยแน่

‘ถ้าคำตอบคือใช่ล่ะย่า เธอจะทำยังไง’

คำถามนี้ผุดขึ้นมาในใจทันที แล้วก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่าจะทำยังไง จะถอนตัวจากงานแต่ จะถอนใจจากผู้ชายที่สมบูรณ์แบบไปแทบทุกด้านอย่างเขาได้มากน้อยแค่ไหน

‘พ่อร๊อก! ถือเป็นผู้ชายที่พ่อเห็นว่าเหมาะกับลูกมากที่สุดในจำนวนคนที่มีให้ลูกเลือก ไม่ว่าจะเป็นด้วยอายุ รูปร่างหน้าตา การศึกษา การเงิน การงาน พื้นฐานครอบครัว พื้นฐานวงศาคณาญาติ ที่พ่อดูแล้วทุกคนต่างรักเดียวใจเดียว ไม่มีเจ้าชู้ประตูดินให้เป็นข่าวเลย ถึงแม้แต่ละคนจะมีลูกน้อย เอื้อให้มีเมียหรือผู้หญิงหลายคน แต่พ่อก็ไม่เคยเห็นคนตระกูลนี้นอกลู่นอกทางกับเมียเลย นั่นแปลว่าถ้าลูกตกลงใจแต่งงานกับเขาแล้ว ลูกพ่อก็จะได้ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องพวกนี้ เพราะพ่อเห็นและเชื่อว่าเขาเป็นคนอยู่ในกรอบได้ดีคนหนึ่งเลยล่ะ ถึงแม้จะมีข้อเสียในความเป็นคนตรง พูดน้อย คิดมากกว่าพูด หรืออาจจะซื่อๆ แข็งๆ ทื่อๆ สมชื่อร๊อกจะมีบ้างก็เถอะ แต่โดยรวมแล้วพ่อแม่และน้องโอเคกับคนนี้นะลูก’

อดคิดถึงคำของพ่อไม่ได้ เพราะพ่อคือคนที่มีอิทธิพลมากมายต่อการตัดสินใจเลือกเขาของลูกคน เพราะเชื่อว่าพ่อคงจะดูคนไม่ผิด แต่ตอนนี้ล่ะ ทำไมเขาถึงจะเป็นคนที่พ่อเพิ่งจะดูผิดเป็นคนแรกได้



ร่างผอมบางที่นอนขดอยู่ใต้ผ้าห่มค่อยๆ ขยับตัวไปมา ก่อนจะลืมตาตื่นขึ้น และเมื่อรู้ว่าตัวเองนอนอยู่ที่ใหม่ บวกกับจินตนาการว่าย้ายมาโดยใครด้วยแล้ว หัวใจก็ยิ่งเต้นรัวแรงกว่าปกติ

‘พรุ่งนี้เช้าเรามาถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกันนะครับ’

จำได้แม่นว่านี่คือหนึ่งในหัวข้อสนทนาที่มีสัญญาร่วมกัน จึงรีบลุกไปล้างหน้าแปรงฟันอย่างรวดเร็ว แล้วออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว เพื่อหาเจ้าของเรือ แต่ก็ไม่เห็น

จึงก้าวเดินขึ้นไปลนดาดฟ้าก็เห็นเขายืนกอดอกเอาตัวพิงราวแล้วเหม่อมองไปยังพระอาทิตย์ที่กำลังทอแสงของวันใหม่มาอย่างเชื่องช้าอยู่นั่นเอง กล้องตัวเก๋งวางอยู่บนผ้าที่ปูนอนเมื่อคืนนี้

“คุณได้ภาพที่อยากได้แล้วใช่มั้ยคะ”

วริญรำไพเดินไปยืนในท่าเดียวกับเขาบ้าง “ครับ ขอโทษด้วยที่ไม่ได้ปลุก เห็นคุณหลับสบายผมเลยอยากให้นอนต่อ มือสมัครเลยอย่างผมเลยจัดการทดสอบวิชาที่เรียนมาเมื่อวานนี้คนเดียวครับ”

“...”

วริญรำไพแค่หันไปมองเขาชั่วครู่ ก่อนจะหันกลับทางเดิมเมื่อเขายังคงยืนในท่าเดิม “ผมชอบภาพนี้จังเลย มันทำให้ผมมีความสุขอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยเฉพาะตอนที่มีคุณอยู่ด้วย ผมรู้สึกว่าวันใหม่ของผมมีความหมายมากกว่าทุกวัน”

“อะไรทำให้คุณคิดแบบนั้นค่ะ”

แม้หัวใจจะเต้นแรง แต่ก็พยายามควบคุมเอาไว้ให้อยู่ภายใจท่าทีสงบนิ่งขณะหันไปหาเขา ที่กำลังหันมาเช่นกัน สายตาคู่นั้นก็มีแววหวานไหวกว่าทุกครั้งที่เคยเห็นมา

“ไม่รู้สิครับ อาจจะเป็นเพราะคุณหรือเพราะความฝันเมื่อคืนนี้ก็ได้”

“คุณฝันว่าอะไรคะ”

“ผมฝันว่าตัวเองกำลังอยู่บนเรือลำหนึ่ง กับสาวน้อยคนหนึ่งที่หน้าตาหน้ารักเหมือนคุณ”

“...”

หัวใจยิ่งเต้นรัวเร็วขึ้น เมื่อได้ยินคำนี้ และยิ่งรัวเร็วขึ้นอีกเมื่อเขาก้าวเข้ามาหาใกล้กว่าเดิม แล้วจ้องมองมาตาแทบไม่กระพริบ “แล้วผมก็ทำแบบนี้กับสาวน้อยคนนั้น”

อ้อมแขนของเขาโอบกอดสาวตรงหน้าเอาไว้ ใช้มือขวาเชยคางมนให้เงยขึ้นมาหา ให้เขาได้จ้องมองด้วยหน้าสวยให้หายคิดถึงจนใจจะขาด “แล้วต่อไปผมก็...”

กระจับงามตรงหน้าถูกเขาค่อยๆ ก้มลงไปหาในที่สุด เมื่อหัวใจเรียกร้องให้ทำแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วด้วยซ้ำ แล้วความหวานล้ำและไร้การหวงแหนของคนเป็นเจ้าของก็สร้างความสุขใจให้เขายิ่ง

แผงอกกว้างบดเบียดกับอกอวบนุ่มจนแนบสนิท แผ่นหลังเล็กก็ถูกสองมือเขาโอบกอดแล้วรั้งเข้ามาหาประหนึ่งว่ากลัวเธอจะหลุดหายเมื่ออยู่ในห้วงแห่งสวรรค์ก็ไม่ปาน

จากจุมพิตพริ้วแผ่วในเบื้องแรกที่มอบให้นั้น ความสุขสมก็เข้าครอบงำให้เขาพลั้งเผลอมอบความหนักหน่วงให้กลีบผกานิ่มนุ่มได้ไม่ยากเย็นเลย

มือที่เคยอยู่กับแผ่นหลังเล็ก ก็ค่อยๆ เคลื่อนมาหาเบื้องหน้า เผื่อสัมผัสกับความนุ่มที่ถูกเชิ้ตสีขาวของเขาโอบคลุมเอาไว้ บราลูกไม้ที่เขารับรู้ได้ภายหลังปกปิดไว้อีกที

พวงแก้มนุ่มถูกจมูกโด่งของเขาสูดดมอย่างอ่อนช้อย เมื่อจุมพิตสร้างความชุ่มชื่นหัวใจให้ในระดับหนึ่งแล้ว ปลายคางมนเขาก็อยากดอมดมดูกลิ่นว่าจะหอมเลิศล้ำสักแค่ไหน

ลำคอระหงเป็นจุดหมายต่อไป แล้วก็อยากจะเลื่อนต่ำลงไปหาอีกจุดหมายใจจะขาด หากไม่มีผู้เป็นเจ้าของคอยห้ามปรามไว้ ด้วยการส่งมือบางมาขวางทางที่จะก้าวเดิน

เพราะวริญรำไพเกรงกลัวตัวเองจะพลั้งเผลอไปกับสัมผัสที่ตัวเองโหยหาว่าจะได้จากพี่หินมาตลอดเวลา อีกทั้งยังคงมีเรื่องค้างคาใจให้ต้องถามไถ่เขาอย่างละทิ้งไม่ได้

“แล้วในฝันคุณเห็นอะไรหรือใครอีกหรือเปล่าคะ”

“...”

ชลธิปค่อยๆ ผละออกห่างร่างเล็กผอมเพรียวอย่างสมัครใจ แม้จะไม่เต็มใจนัก แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่ประสงค์จะให้มีต่อ ความเป็นลูกผู้ชายของเขาก็มีมากพอที่จะถอยอย่างให้เกียรติผู้หญิง

“ปกติไม่ค่อยมีใครจะมาสนใจว่าผมจะคิดหรือว่าฝันอะไรด้วยซ้ำ คุณพ่อคุณแม่ก็จะสนใจแต่เรื่องก้าวใหม่ๆ ของผมว่าจะเป็นยังไง เป็นไปในทิศทางไหน ส่วนคนอื่นๆ นอกจากรูปร่างหน้าตาแล้วก็ฐานะของผมแล้ว ก็ไม่มีใครจะมาสนใจว่าในฝันของผมจะเป็นยังไงเลย คุณเป็นคนแรกก็ว่าได้”

“แล้วคุณเคยเล่าความฝันให้ใครฟังบ้างหรือเปล่าล่ะคะ”

“...”

เพราะตั้งแต่จำความได้ เขาก็มั่นใจว่าไม่เคยหยิบยกเอาเรื่องนี้มาคุยกับใครเลย แม้กระทั่งพ่อกับแม่ หรือจะเรียกได้ว่า โดยเฉพาะพ่อกับแม่ที่มักจะสนความจริงมากกว่าฝันไร้สาระของเขาเท่านั้น

เลยทำให้อดแปลกใจไม่ได้ว่าตัวเองเผลอเล่าเรื่องนี้ให้คนตรงหน้าฟังได้ยังไง “ไม่ครับ แล้วผมก็ไม่คิดว่าจะมีใครอยากรู้ หรืออยากฟังด้วย ไม่เหมือนคุณ ทำไมคุณถึงอยากรู้ล่ะครับ”

“เอ่อ! ไม่มีอะไรค่ะ แค่อยากรู้เฉยๆ ว่าต่อไปจะเป็นยังไง”

เขาจ้องมองใบหน้าสวยที่ยังคงแหงนมองเขาอยู่และปล่อยให้เขาโอบกอดหลวมๆ เอาไว้โดยไม่ขัดขืน “ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่ผมได้อยู่กับสาวน้อยคนนั้น ได้กอด ได้หอมแก้ม แล้วผมก็สะดุ้งตื่นจนทันได้ขึ้นมาถ่ายรูปไว้รอคุณนี่ล่ะครับ”

“แค่นั้นเหรอคะ”

ออกจะผิดหวังไม่น้อยที่เขาไม่ได้อะไรจากฝันเท่าไหร่ แต่จะว่าไปนี่ก็เป็นข้อชวนให้สงสัยไม่น้อย ว่าภาพในฝันของเขาจะใช่ภาพเดียวกับค่ำคืนที่มีพี่หินอยู่ด้วยหรือเปล่า

“ครับ เอ่อ! ว่าแต่หลังมือเช้าแล้ว เราเข้าฝั่งแล้วก็ขับรถเที่ยวไปเรื่อยๆ กินข้าวเที่ยงระหว่างทาง แล้วก็เที่ยวต่อ ค่ำๆ ผมไปส่งคุณที่คอนโดฯ โปรแกรมนี้คุณโอเคมั้ยครับ”

“ค่ะ”



“ฮะโหล! นี่ผมชลธีนะ จำได้หรือเปล่า ผมมีงานให้คุณทำ ช่วยมาหาผมที่บ้านด่วนที่สุดได้เมื่อไหร่ เหรอๆ ดีเลยงั้นผมจะยังไม่ออกไปไหนก็แล้วกัน แล้วพบกัน”

อติรัตน์มองสามีที่วางสายด้วยใบหน้ามีคำถาม “สองคนกำลังทำงานอยู่แถวนี้พอดี เลยจะแวะมาหาเราก่อน ว่าแต่คุณแน่ใจนะกับข้อมูลที่ได้มา”

เพราะการหนีหน้าไม่ไปแจกการ์ดของลูกทำให้อติรัตน์ต้องไปเค้นข่าวอย่างหนักจนได้จากผู้จัดการฟร้อทออฟฟิศ ในเรื่องที่ลูกชายเอาแม่ช่างภาพขึ้นไปพักบนชั้นและห้องที่เตรียมไว้สำหรับคนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดเท่านั้น

ไหนจะข่าวที่ตัวเองไปเห็น ‘แม่ราพันเซล’ วิ่งหน้าตื่นออกจากดาดฟ้าที่มีลูกของตัวเองตามมาไม่ห่างในสภาพเปียกชุ่มอีก และไหนจะสายตาอันห่วงหาอาวรที่ลูกชายมักจะคอยเมียงมองไปยังร่างผอมสูงผิวสีน้ำผึ้งในชุดราตรีสีชมพูในคืนวันเปิดตัวโรงแรมอีก

“ค่ะ รัตน์ค่อนข้างมั่นใจว่าลูกเรากำลังเขวเพราะแม่นั่น ว่าแต่จะให้รัตน์บอกหนูย่ากับคุณพรคุณดลหรือเปล่าคะ ชักเป็นห่วงแล้วสิ” อติรัตน์มองสามีเพื่อขอคำตอบ

“ถ้าหนูย่าน่ะพอจะบอกได้ แต่สองคนนั้นอย่าเพิ่งเลย โดยเฉพาะคนดลที่เป็นคนใจดี ใจบุญสุนทาน เกิดรู้ขึ้นมาแล้วไม่ยอมยกลูกสาวให้เราจะว่ายังไงล่ะ สะใภ้แบบหนูย่ายิ่งหาไม่ได้ง่ายๆ อยู่”

“คุณว่างั้นเหรอคะ”

“ใช่! แต่บอกหนูย่าได้แค่เรื่องเจ้าร๊อกเขวกับเด็กนั่นพอนะ เรื่องที่เราจะให้คนสืบอย่าเด็ดขาด ผมไม่อยากให้แกคิดว่าเรารักแกเด็กนั่น แกยิ่งเป็นคนดีมีเมตตากับคนที่ด้อยกว่าอยู่ด้วย และดูท่าแกจะชอบเด็กคนนั้นเอามากๆ นะ ไม่งั้นคงไม่พามากินข้าวร่วมโต๊ะกับเราหรอก วันเปิดตัวโรงแรมก็เข้าไปคุยด้วยตั้งนาน”



กันเกรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ก.ย. 2558, 14:50:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.ย. 2558, 14:50:15 น.

จำนวนการเข้าชม : 926





<< ความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่พึงมีด้วยกัน ๑๐๐%   ในเมื่อหัวใจมักจะเรียกร้อง ๑๐๐% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account