พรหมลิขิตกระซิบรัก
นัมแทบง นายแบบหนุ่มผู้ผันตัวเองมาเป็นนักแสดงเจ้าของฉายารอยยิ้มเทวดาหากแต่เมื่ออยู่หลังกล้องเขาคือผู้ชายหน้าเดียวที่มีแววตาดุจน้ำแข็ง....
เมื่อพบกับปฎิบัติการดูตัวโดยการชักนำของผู้เป็นพี่สาวที่มีความคิดไม่เหมือนใคร รักครั้งนี้จึงเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อเขาได้พบกับกุมาริกาล่ามสาวชาวไทยที่มีแต่ความสดใส เจ้าของดวงตากลมดุจกวางกับบทพิสูจน์ความรักแท้ที่ผู้เป็นพี่มอบให้...
พีมะ ตากล้องมาดเซอร์ประจำนิตยสารวัยรุ่น K magazine กับความรักข้างเดียวตลอด3ปีที่เฝ้าดูแลหญิงสาวอันเป็นที่รักต้องมาสั่นคลอนเพียงแค่เจอนายแบบหนุ่มหน้านิ่ง ซ้ำร้ายได้คู่ปรับเป็นพัคโบรา นางแบบตัวจี๊ดที่เข้ามาป่วนหัวใจให้เขาลังเลกับความรู้สึกแปลกๆที่เธอมอบให้....
กุลธีร์ บอสหนุ่มผู้เชื่อมั่นในความรักแม้จะรู้ว่ารักนี้อาจไม่สมหวังแต่ก็ยังคงรอคอยถึงมันจะผ่านมานานกว่ายี่สิบปีและเธอนัมเริน หญิงสาวสมัยใหม่ผู้ทุ่มเททุกอย่างให้แก่น้องชายเพียงคนเดียวจนเกือบเสียบางสิ่งที่สำคัญในชีวิต...

... พรหมลิขิตกระซิบรัก...

Tags: ดารา นางแบบ ซุปตาร์ โรแมนติก ซึ้้ง

ตอน: ผู้ชายเย็นชา

<ด่าดีดาดีด้าดิดาดิด่าดา<<ด้าดิดาดิด่า<<< ด่าดิดาดิด้าดิดาดิด่าดา<<


เสียงเรียกเข้าดังขึ้นติดๆกัน ทำให้ร่างเล็กหยุดเดินก้มลงหาโทรศัพท์ของตัวเอง ก่อนขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าเบอร์ที่โทรเข้ามาคือคนขับรถของอาหนุ่ม “ว่ายังไงคะลุงกล้วย”

“ครับ คุณหนูถึงลานจอดรถรึยังครับ”

“ถึงแล้วค่ะลุงกล้วยมีอะไรเหรอ” กุมาริกากดรีโมทประตูรถคันเล็กของเธอเปิดแล้วเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ

“คุณกุลให้ผมมาขับรถคุณหนูกลับบ้าน คุณหนูจอดอรถตรงโซนไหนครับ”

“หนูจอดอยู่ชั้นใต้ดินโซนDค่ะ แล้วอากุลจะให้หนูนั่งรถแท๊กซี่ไปรึไง" หญิงสาวหน้างอลงทันที

กุมาริกาออกมาจากตัวรถเมื่อมองเห็นว่าคนขับรถอาหนุ่มเดินหันรี้หันขวางอยู่ไม่ไกล "ทางนี้ค่ะลุงกล้วย"

“ผมนึกว่าจะมาไม่ทันซะแล้ว คุณกุลบอกว่าให้คุณหนูไปกับรถทีมงานครับ จอดรออยู่ทางด้านหลังอาคารนี้อีกที คุณหนูเดินตรงไปตามฟุตบาทนี่เลี้ยวขวาตรงสุดตึกนั่นก็ทะลุถึงกันแล้วครับ”

กุมาริกาพยักหน้ารับรู้ ยื่นกุญแจรถส่งให้แต่โดยดี ระหว่างทางที่เดินก็หาคำตอบให้ตัวเองว่าทำไมคราวนี้อาของเธอถึงให้ไปกับรถทีมงานทั้งที่ทุกครั้งเธอก็ขับรถไปเอง ร่างเล็กชะงักเมื่อเห็นว่ารถที่จอดอยู่ตรงลานกว้างคือรถคันที่ถูกระบุว่าเอาไว้ใช้รับส่งVIPเท่านั้นแล้วทำไมมันถึงยังจอดอยู่ตรงนี้หรือว่า...


“ทางนี้ครับคุณกัมมี่” เสียงตะโกนเรียกจากทีมงานที่เธอรู้จักเป็นเครื่องยืนยันได้ดีว่าสิ่งที่เธอคิดมันถูกแล้ว

“ทำไมยังไม่ไปอีกล่ะคะในรถนี้มี....” กุมาริกาชี้ลนลานไปที่ในรถติดฟิล์มดำ

“ครับ ดาราเกาหลีก็อยู่ในรถคันนี้แหละครับ คุณกุลธีร์ให้ผมรอคุณกัมมี่ก่อน”

Oh my god กุมาริกาตะโกนในใจซวยแล้วไงนี่เขารอเธอนานเท่าไหร่แล้วเนี่ย ทำไมอากุลไม่บอกเธอก่อนนะ เมื่อคนขับเปิดประตูทางด้านหลังให้ก็เห็นว่าใบหน้านิ่งกำลังมองมาที่เธอพอดี แม้จะมองไม่เห็นดวงตาที่อยู่ภายใต้แว่นดำแต่ก็รู้สึกเย็นวาบไม่น้อย

“ฉันขอโทษค่ะที่ให้รอ พอดีฉันจอดรถไว้ที่ลานจอดรถด้านหน้าเลยใช้เวลาพอสมควรกว่าจะมาถึงตรงนี้" ร่างเล็กก้มตัวอย่างขออภัยตามธรรมเนียมชาติของดาราหนุ่ม ก่อนหันไปตามอีกเสียงที่เรียกเธอมาจากทางด้านหน้าคนขับ

“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณล่าม ผมขอนั่งข้างหน้าละกัน ผมมีนิสัยที่ชอบเมารถเวลานั่งรถคนอื่นน่ะครับ” ผู้จัดการร่างอวบบอกพร้อมรอยยิ้มสระอิ

“ขึ้นมาคุยกันบนรถได้ไหม ผมอยากพักผ่อนเร็วๆ” เสียงทุ้มที่ลอยมาจากทางด้านหลังทำให้ร่างเล็กแทบจะกระโดดขึ้นมานั่งทางตอนหน้า

“คุณล่ามอย่าทำหน้ากังวลแบบนี้สิครับ เรื่องที่ให้รอมันก็ไม่ได้นานมากมายอะไร อีกอย่างเจ้านายก็บอกผมกับแทบงแล้วว่าอาจจะช้าสักหน่อยเพราะคุณไม่รู้ล่วงหน้า” คิมเซจุนชวนคุยทำให้เธอหายกังวลไปได้บ้าง


“ท่านประธานบอกว่าให้คุณช่วยสอนประโยคง่ายๆที่พูดแล้วคนไทยจะชอบอีกสัก 2-3ประโยคนะครับ”

“ได้ค่ะไม่มีปัญหา” กุมาริกายิ้มคิดว่าผูกมิตรกับผู้จัดการน่าจะดีกว่าคนที่นั่งหน้านิ่งอยู่ทางด้านหลัง

เสียงริงโทนเพลงเดิมดังขึ้นทำให้หญิงสาวละสายตาจากวิวนอกกระจก หน้าจอปรากฎชื่อปารีย์โทรเข้ามา “ว่าไงแก”

“บอสให้โทรหาน่ะสิ บอกว่าเลยเวลามา 15 นาทีแล้วทำไมยังไม่ถึงกันอีก อีกอย่างตอนนี้แฟนคลับที่ตามมาจากสนามบินเริ่มมาออกันแล้วด้วย” ปารีย์ยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา

“อ่อ..ถึงพอดีรถตู้กำลังจะเลี้ยวเข้าโรงแรมแล้ว แค่นี้นะเดี่ยวค่อยคุยกัน” กุมาริกากดวางสายพอดีกับรถตู้จอดสนิทลงหน้าโรงแรม

“โอ๊ะ..แทบงมีแฟนคลับนายตามมาจากสนามบินด้วย มีป้ายเขียนชื่อนายด้วย ตรงนู้นก็มี” ผู้จัดการคิมชี้ให้ดาราหนุ่มดูอย่างตื่นเต้น โดยที่ดาราหนุ่มแค่หันมองตาม

“ผู้จัดการคิมคะเดี๋ยวเราลงไปกันก่อน ส่วนคุณแทบงให้รออยู่ในรถสักครู่นะคะ” กุมาริกาหันไปบอกดาราหนุ่ม โดยไม่ได้มีคำตอบแต่อาการพยักหน้าขึ้นลงนั่นทำให้เธอเข้าใจได้ว่าเขารับรู้แล้ว

เมื่อกุมาริกาลงไปพร้อมกับปิดประตูรถ ร่างสูงก็ขยับตัวเองมาที่เบาะแถวหน้า แอบมองดูดวงหน้าใสที่กำลังพูดคุยกับทีมงานของเธอผ่านทางกระจกรถ เมื่อเห็นว่าเธอหันกลับมาและกำลังจะเปิดประตูรถ สมาทโฟนในมือจึงถูกนำขึ้นมากดทันทีที่ประตูเปิดออก กุมาริกายืนชิดมุมประตูพร้อมกับหญิงสาวอีกคนที่เขาจำได้ว่าเห็นเธอที่สนามบินแล้ว

“คุณแทบงคะนี่คุณปารีย์เป็นฝ่ายประสานงานของเรา เธอจะดูแลคุณกับทีมงานในทุกเรื่องค่ะแล้วก็จะเป็นคนพาคุณขึ้นไปที่ห้องพักด้วย เชิญค่ะ” กุมาริกาเอ่ยแนะนำและเห็นว่าดาราหนุ่มหันไปยิ้มให้ปารีย์ก็เบาใจ

นัมแทบงลงจากรถตู้ก็หันไปยิ้มและโบกมือทักทายให้แฟนคลับชั่วครู่ ก่อนหมุนร่างสูงเดินเข้าไปในโรงแรมโดยมีปารีย์เดินนำไปข้างหน้าจนมาถึงบริเวณหน้าลิฟท์จึงเห็นว่าไม่มีร่างของกุมาริกาและผู้จัดการตัวเองเดินตามมา

ด้านหน้าโรงแรมล่ามสาวกำลังช่วยผู้จัดการดาราหนุ่มเช็คกระเป๋าเพื่อตรวจความเรียบร้อยเมื่อเห็นว่าเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงยื่นกระดาษที่จดเบอร์ห้องตนเองให้

“ผู้จัดการคิมนี่เบอร์ห้องฉันค่ะ ถ้าคุณนัมแทบงพักผ่อนเรียบร้อยแล้วรบกวนกดลงมาตามที่เบอร์ห้อง 1020 นะคะ แต่ถ้าขาดเหลืออะไรสามารถแจ้งที่คุณปารีย์ได้เลยค่ะ ฉันขอตัวก่อนแล้วพบกันช่วงบ่ายค่ะ”

“ครับคุณล่าม ขอบคุณมากครับ” คิมเซจุนโค้ง90องศาเช่นเคย

คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อสะดุดตากับร่างสูงที่ยืนพิงกำแพงข้างลิฟท์อยู่ โดยมีปารีย์กับทีมงานอีกสองคนยืนอยู้ไม่ไกลกัน

“เกิดอะไรขึ้นปุยฝ้ายทำไมไม่พาเขาขึ้นไปล่ะ” กุมาริกามองเพื่อนสลับกับมองหน้าดาราหนุ่ม

“ไม่ใช่ว่าฉันไม่พาเขาขึ้นไปแต่คุณนัมแทบงไม่ไป บอกว่าจะรอแกกับผู้จัดการเขาก่อน ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงกำลังจะโทรตามแกอยู่พอดี” ปารีย์บอกเหลือบตามองร่างสูงที่ยืนหน้านิ่งมองไปทางกุมาริกาเช่นกัน

ริมฝีปากอิ่มขบเข้าหากันอย่างระงับอารมณ์ก่อนหันไปทางคนที่มองมาที่เธออย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว หันไปสั่งให้สต๊าฟที่ยืนอยู่ไปช่วยผู้จัดการดาราหนุ่มยกของ

“คุณไม่ควรยืนอยู่ตรงนี้นะคะ คุณก็ทราบดีว่าแฟนคลับคุณเยอะแค่ไหน ถ้าเกิดมีสักกลุ่มหลุดเข้ามาในนี้ได้มันจะเกิดปัญหากับคุณแน่ ทางเราพยายามจะไม่ให้เป็นแบบนั้นตามข้อตกลงของคุณทุกอย่าง แต่มันก็ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของคุณด้วย ตอนนี้ผู้จัดการคิมกำลังจัดการกระเป๋าของคุณอยู่อีกสักครู่คงตามขึ้นไป คุณน่าจะขึ้นไปพักที่ห้องก่อนตอนนี้ประธานนัมก็อยู่ที่นั่นแล้ว”

“ผมแค่ไม่อยากขึ้นไปคนเดียวอีกอย่างผู้จัดการคิมกับคุณยังไม่มา ผมรู้สึกอึดอัดที่ต้องอยู่กับคนอื่น” นัมแทบงถอดแว่นออกเสียบไว้กับกระเป๋าเสื้อ มองดูใบหน้าที่มีรอยยิ้มตั้งแต่เช้าเริ่มบูดบึ้ง

กุมาริกากดเรียกลิฟท์ขณะที่ยืนรอก็ได้แต่คิดว่าถ้าเขาคิดว่าปารีย์คือคนอื่นแล้วเธอไม่ใช่รึไง ก่อนที่เธอจะคิดฟุ้งซ่านไปกว่านี้ประตูลิฟท์ก็เปิดออกและปารีย์ก็รีบเข้าไปกดลิฟท์เพื่อรออยู่ด้านใน

"เชิญค่ะ" กุมาริกาบอกรอจนเขาเข้าไปแล้วจึงเดินตามเข้าไป กดปุ่มชั้นที่10และ12

“ทำไมคุณกดลิฟท์ที่ชั้น10กับ12” นัมแทบงถามสิ่งที่เห็น

“เพราะฉันพักที่ชั้น 10คะและคงไม่ได้ขึ้นไปส่งคุณเพราะเป็นหน้าที่ของคุณปารีย์ ฉันบอกให้คุณทราบแล้วว่าเธอมีหน้าที่ดูแลประสานงานทุกเรื่อง ฉันทราบว่าคุณพูดภาษาอังกฤษได้ดี ได้โปรดใช้มันกับทีมงานของเราด้วย เพื่อการสื่อสารสองทาง พวกเขาไม่เข้าใจภาษาเกาหลีค่ะ”

ปารีย์มองคนทั้งคู่อย่างประหลาดใจ ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าพวกเขาเหมือนคู่รักที่กำลังง้องอนกันอยู่เลยล่ะ เพราะไม่รู้ว่าบทสนทนาคืออะไร จึงได้แค่มองหน้าคนทั้งคู่สลับกันไปมา ก่อนส่งยิ้มจ๋อยๆให้กุมาริกาเมื่อเห็นเธอมองมาพอดี

สัญญาณลิฟท์เตือนว่าถึงชั้นที่หญิงสาวต้องการแล้วทำให้กุมาริกาให้ไปเอ่ยลาการาหนุ่ม "อีกสักครู่พบกันค่ะ"

นัมแทบงยิ้มที่มุมปากมองดูด้านหลังของร่างเล็กที่เดินออกไปอย่างนึกขำ นี่เธอคงโกรธเขามากละมั้ง

"เชิญค่ะ" ปารีย์ใช้คีย์การ์ดเปิดประตูกว้างเพื่อให้ดาราหนุ่มเดินเข้ามา

"อ้าวพี่มาทำอะไรห้องผมล่ะเนี่ย แถมอาหารเต็มโต๊ะเลย" นัมแทบงหยิบส้อมจิ้มผลไม้ในจานเข้าปากก่อนเดินสำรวจรอบๆห้อง

“กอนฮยองล่ะฮะ”

“เห็นบอกว่ามีงานด่วนที่บริษัทเลยกลับไปแล้ว รอตั้งนานทำไมมาช้าจังรถติดเหรอ” นัมเยรินเอ่ยถาม

“ก็เปล่า...ผมอยากนอนสัก2ชั่วโมงถ้าได้เวลาปลุกผมด้วยแล้วกัน” ดาราหนุ่มบอกเดินหายไปทางห้องด้านใน

ประธานสาวส่ายหน้ากับอารมณ์ปกติของน้องชายแต่อาจดูไม่ปกติสำหรับคนอื่น เมื่อมองเห็นว่าทีมงานของกุลธีร์คนนึงยืนยิ้มเจื่อนอยู่ตรงมุมห้อง จึงส่งยิ้มให้ "คุณก็ไปพักผ่อนเถอะค่ะแทบงคงนอนพักแล้ว"

"ค่ะประธานนัม งั้นดิฉันขอตัวเลยนะคะ" ปารีย์ยิ้มนึกในใจว่าพี่น้องไม่เหมือนกันสักนิด เปิดประตูสวนกับผู้จัดการดาราหนุ่มที่เพิ่งขึ้นมา

นัมแยรินมองผู้จัดการคนสนิทของน้องชายที่ทั้งหอบสัมภาระขึ้นมาอย่างทุลักทุเล โดยมีสต๊าฟของกุลธีร์ช่วยลากกระเป๋ามาด้วย “ฉันก็ว่านายหายไปไหน”

“ผมมัวแต่ตรวจข้าวของในกระเป๋าของแทบงอยู่เลยช้าไปหน่อย ขอบคุณนะครับ” ผู้จัดการดาราหนุ่มรายงานเจ้านายก่อนหันไปขอบคุณสต๊าฟที่ช่วยเขาขนของ

“งั้นก็ตามสบายนะขอตัวไปดูแทบงหน่อย ฉันก็จะกลับห้องไปพักเหมือนกัน"

เสียงเปิดและปิดประตูเบาๆทำให้เปลือกตาเรียวลืมขึ้น พลิกตะแคงร่างไปอีกทางทันทีที่ได้ยินเสียงของพี่สาวตัวเอง

“ไม่ได้หลับเหรอ”

“หลับแต่เพราะพี่เข้ามาไงเลยทำให้ผมตื่น”

นัมเยรินย่นจมูกให้กับด้านหลังของน้องชายจอมปากเสียของเธอ เรื่องจะพูดให้รื่นหูอย่าหวังจะได้ยินจากหมอนี่เลย

“เหนื่อยเหรอ”

“อืม” เสียงงึมงำตอบกลับมา

“กัมมี่เป็นไงบ้างอยู่ด้วยกันตั้งนานสองนาน” นัมเยรินทรุดตัวนั่งข้างร่างสูงที่นอนตะแคงตัวอยู่

“ยัยเม็ดถั่วนั่นเหรอดุจะตาย” มุมปากบางหยักยิ้มก่อนจะสะดุ้งจากแรงตีของพี่สาวจากทางด้านหลังจนต้องลุกขึ้นมานั่งแทน

"พี่จะมาตีผมทำไมเนี่ยคนจะนอน"

“ก็นายปากเสียนี่ไปเรียกเขาลับหลังแบบนั้นได้ยังไง ถ้าเจ้าตัวเขามาได้ยินจะเป็นเรื่อง ไปก่อเรื่องอะไรเข้าล่ะถึงว่าเขาดุ” นัมเยรินส่งสายตาจับผิด

“เปล่า...ก็แค่ผมยืนรอเขาจนเขามานั่นแหละ” นัมแทบงตอบแล้วทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง

“น่ารักใช่ไหมล่ะ” นัมเยรินเย้า

“เฮ้อ..ไม่มีใครจะวุ่นวายมากเท่าพี่สาวผมอีกแล้ว” ดาราหนุ่มยกหมอนขึ้มาปิดศีรษะไว้หันหนีไปอีกทาง นึกถึงร่างเล็กที่ดูคล่องแคล่วมีรอยยิ้มระบายทั่วใบหน้าแต่บทจะโกรธขึ้นมาก็แอบวีนได้เหมือนกัน

“งั้นก็พักผ่อนเถอะพี่ไม่กวนแหละ” นัมเยรินตบหลังน้องชายเบาๆ ยิ้มอย่างคนกำลังมีความสุขเดินออกจากห้องดาราหนุ่มไป




2ชั่วโมงผ่านไป...


“สวัสดีคะผู้จัดการคิม สวัสดีค่ะประธานนัม” กุมาริกาทักทายเมื่อเจอกันอีกหน

“สวัสดีจ่ะไม่ต้องใช้คำเป็นทางการกับฉันก็ได้ เห็นกอนบ่นว่าหนูไม่ได้พักเลยช่วงนี้คงเหนื่อยน่าดู” ประธานสาวชวนคุย

“ก็นิดหน่อยค่ะประธานนัม เอ่อ..คุณอา” กุมาริกายิ้ม

“แทบงลองชุดอยู่พอดีรอสักครู่นะครับ เอ้อ.. คุณล่ามครับฮามินแจฝากของมาให้บอกว่าขอบคุณเรื่องงานคราวที่แล้วมาก แฟนคลับไทยเขาเพิ่มขึ้นเยอะเลย”ผู้จัดการคิมยื่นถุงของขวัญสีชมพูส่งให้

“ คัมซาฮัมนีดา-ขอบคุณมากค่ะไม่น่าต้องลำบากเลยฉันแค่ทำตามหน้าที่เท่านั้น ฝากขอบคุณฮามินแจด้วยนะคะ” กุมาริการับถุงของขวัญมาถือไว้

“โอโม่ๆ ฮามินแจเหรอ รู้จักประจบซะด้วยคงไม่ได้ติดใจอย่างอื่นใช่ไหม” นัมเยรินเอ่ยเสียงขบขัน


เสียงเปิดประตูจากห้องด้านในทำเอาบรรยากาศสนุกสนานหยุดชะงักมองร่างสูงที่กำลังเดินออกมาแทน ประธานสาวยิ้มพอใจเมื่อเห็นว่าล่ามสาวตรงหน้าถึงกับจ้องค้างเมื่อน้องชายตัวเองปรากฎตัว

“แทบงของเราหล่อใช่ไหมกัมมี่”

“เอ่อ คือค่ะ หล่อและก็ดูดีมาก” กุมาริกาเอ่ยอึกอัก เขินที่เผลอจ้องดาราหนุ่มค้างเพราะใบหน้าหล่อๆนั่น ผมดัดลอนถูกเจ้าตัวทัดไว้ที่หูอย่างไม่ใส่ใจนักยิ่งดูมีเสน่ห์ เสื้อยืดคอกลมธรรมดากับกางเกงสแลคสีดำ ในมือเขาถือสูทสีน้ำเงินเข้มไว้ด้วย

นัมแทบงมองที่มือบางมีถุงของขวัญใบเล็กอยู่ในมือ มองสบตากลมที่เขารู้สึกว่ามันกลมสวยเหมือนตากวางเลย ก่อนละสายตาเดินไปหยิบขวดน้ำที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์มาดื่มพาดเสื้อสูทไว้ที่เก้าอี้ตัวที่เขาทรุดนั่ง หันกลับมาที่หญิงสาวอีกครั้ง “คุณจะสอนคำว่าอะไร”

กุมาริกาอยากจะบอกว่าการสบตาคู่สนทนาเป็นเรื่องดี แต่การที่เขามองจ้องเธอขนาดนี้มันก็ทำให้ประหม่าได้เหมือนกัน เสียงของประธานคนสวยทำให้กุมาริกามีเวลาหายใจ เธอนึกว่าตัวเองจะขาดอากาศตายซะแล้วเมื่อสบตาเรียวคู่นั้น

“แทบงรู้แค่ซา-วัด-ดี-คับ / โผม-ลัก-คูน / ขอบ-คูน-มัค ใช่ไหม” นัมเยรินออกเสียงน่ารัก

“โผม-ลัก-เมือ-ไท / กิน-เข่า-กัน-มั้ย” นัมแทบงตอบทั้งหมด สิ้นเสียงแปร่งร่างบางก็ขำจนต้องเอามือขึ้นมาปิดปากไว้

“แทบงต้องพูดผิดแน่ๆ คุณล่ามขำขนาดนี้” ผู้จัดการคิมบอกขำตามไปด้วย

เมื่อหญิงสาวพยักหน้าก็เห็นคิ้วหนาเลิกขึ้นเป็นคำถามแทนคำพูด กุมาริกากลั้นยิ้มตอบ “คุณออกเสียงข้าวเป็นเข่าค่ะ คำว่าเข่าในภาษาไทยคือคำว่ามูรึบที่แปลว่าหัวเข่าในภาษาเกาหลี คงไม่มีใครอยากกินเข่ากับคุณหรอกค่ะ”

คำตอบของหญิงสาวทำให้ทุกคนหัวเราะไม่เว้นแม้แต่ร่างสูงที่ทำหน้าเดียวมาตลอดวัน

“มีคำอื่นอีกไหมเอาที่ฟังแล้วชอบใจเลย” นัมเยรินถาม

“มีทติ้งครั้งนี้ธีมของงานคือการออกเดท ถ้าเปรียบแฟนคลับของคุณเป็นหญิงสาวที่กำลังเดทเธอคงอยากฟังคำชมจากคุณ เช่น คุณสวยจัง...##ภาษาเกาหลีคือ เยปอโย## ”

“คูน-ส่วย-จัง” นัมแทบงออกเสียงตาม มองสบดวงกลมนิ่ง

เสียงโทรศัพท์ภายในห้องดังขึ้นทำให้ร่างเล็กกระตือรือร้นอาสารับแทน เนื่องจากตอนนี้หัวใจของเธอเต้นดังจนแทบจะทะลุออกมานอกอกแล้ว “ค่ะ อ้าวแกเองเหรอปุยฝ้ายว่าไง โอเคจะลงไปเดี๋ยวนี้”

นัมเยรินลุกจากโซฟามุมห้องลุกไปหาร่างสูงที่กำลังยิ้ม “ฉันรู้ว่านายจงใจหว่านเสน่ห์ใช่ไหม จ้องซะขนาดนั้นกะให้กัมมี่ใจสั่นเลยรึไงไอ้เด็กบ้า”

เสียงหัวเราะ หึหึดังจากริมฝีปากบางเฉียบแทนคำพูดแก้ตัวใดๆตาเรียวดำมองตามหญิงสาวชาวไทยราวกับเงานั่นก็พอจะทำให้นัมเยรินมั่นใจว่าน้องชายของเธอไมได้ปฏิเสธล่ามสาวชาวไทยผู้นี้

“ได้เวลาไปสถานที่จัดงานแล้วค่ะรถพร้อมแล้ว” กุมาริกาหันไปตอบประธานสาวแทนที่จะมองร่างสูงตรงๆ

“โอเคงั้นเราก็ไปกันเลยพร้อมกันแล้วนี่” นัมเยรินหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นมาคล้องแขนโดยมีผู้จัดการคิมและนัมแทบงเดินตามเธอออกไป


15นาทีก่อนขึ้นเวที...

นัมแทบงและกุมาริกาถูกพามายืนสแตนบายความพร้อมก่อนขึ้นเวที ร่างสูงแอบมองเสี้ยวหน้าใสโดยที่เจ้าตัวไม่รู้เพราะมัวก้มหน้าก้มตาดูสคริปที่ทีมงานเอามาให้

“คุณพอจะมีคำพูดอะไรที่ดีๆไหม” นัมแทบงก้มลงถามใกล้ๆศีรษะเล็กเนื่องจากเสียงรอบตัวค่อนข้างดัง

“คุณตื่นเต้นเหรอคะ” กุมาริกาเอียงคอถามสบในตาเรียวที่แอบเลี่ยงที่จะมองมาสักพักตั้งแต่ออกมาจากโรงแรม

ดาราหนุ่มยิ้มนี่เธอไม่รู้รึไงว่าเขาเป็นนายแบบมาก่อน การที่ถูกมองจากคนหมู่มากเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขาต่อให้อายแค่ไหนก็ตาม นัมแทบงหยักไหล่

“ผมแค่ไม่รู้ว่าแฟนคลับคนไทยชอบผมที่เป็นแบบไหนนายแบบหรือว่านักแสดง”

“ไม่ว่าคุณจะเป็นแบบไหนฉันว่าคนที่เขาชอบคุณ ยอมซื้อบัตรราคาแพงเพื่อมาเจอคุณแค่2ชั่วโมง ก็คงชอบในสิ่งที่คุณทำทั้งนั้นแหละ เพราะคนที่มาที่นี่ก็มีแต่คนที่รักชอบคุณทั้งนั้น จริงๆคุณไม่ต้องพยายามอะไรมากเลยแค่คุณยิ้มให้มากไว้ก็พอ ฉันว่าแค่แฟนคลับคุณเห็นก็คงกรี๊ดจนที่นี่แทบแตกแล้ว” กุมาริกาพูดตามตรง

นัมแทบงสะดุดใจกับคำพูดของล่ามสาวไม่น้อย เธอช่างเหมือนพี่สาวเขาไม่มีผิดไม่ว่าเขาจะรู้สึกยังไงให้ยิ้มเข้าไว้ มุมปากหยักยิ้มลึก “งั้นเหรอแค่ยิ้มก็พอใช่ไหม”

กุมาริกาพยักหน้าก่อนมองไปยังเวทีเห็นปารีย์ยืนอยู่ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหันไปหาร่างสูง “ฉันมีความลับจะบอกค่ะ ในทีมงานของเราคุณปารีย์ที่คอยประสานงานให้คุณเธอปลื้มคุณมาก เธอบอกกับฉันว่ารอยยิ้มของคุณมันทำให้โลกสดใสมาก”

“คุณปารีย์ที่ขึ้นลิฟท์ไปกับเรานะเหรอ” นัมแทบงหันมองไปรอบๆ ชี้มือไปที่ร่างระหงที่ยืนอยู่ข้างเวที

“ค่ะใช่” กุมาริกาอึ้งไปกับสิ่งที่เห็น ร่างสูงของนัมแทบงหันไปที่เพื่อนสนิทของเธอชูมือพร้อมกับตะโกนให้กำลังใจ

“fighting” นัมแทบงชูมือในอากาศหัวเราะเมื่อเห็นปารีย์ยกมือขึ้นมาปิดปากไว้ไม่ให้กรี๊ดที่เห็นรอยยิ้มเทวดา

“ฉันว่าวันนี้เธอคงทำงานหนักอย่างไม่รู้เหนื่อยแน่ๆ” กุมาริกาพลอยหัวเราะไปกับเขาด้วยเมื่อเห็นท่าทางของปารีย์

“ดูเหมือนเราจะไม่ค่อยอึดอัดกันแล้วว่าไหม แล้วคุณละอยากได้อะไรจาก Fans service ของผม” ตาเรียวมองนิ่งริมฝีปากบางยิ้มอย่างที่ทุกคนชอบแต่ตอนนี้มันถูกส่งให้เธอคนเดียว

“ฉัน..เอ่อ” ยังไม่ทันที่เธอจะได้บอกอะไร เสียงให้เตรียมพร้อมจากผู้กำกับเวทีก็ดังที่หูฟังที่กุมาริกาใส่ไว้ เงยหน้ามองตาเรียวที่กำลังมองเธออยู่เช่นกัน

“ผู้กำกับเวทีให้เตรียมตัวได้แล้วค่ะ เราไปกันเถอะฉันจะเดินตามหลังคุณค่ะ” นัมเยรินบอกปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หน้าที่ของเธอคือการเป็นล่ามให้เขาไม่ใช่รอรับ Fans service จากเขาอย่าได้เผลอสั่นไหวเชียวหญิงสาวพูดเตือนตัวเอง

“ขอเชิญพบกับดารานายแบบหนุ่มส่งตรงจากประเทศเกาหลี คุณนัมแทบงคร๊าบ” สิ้นเสียงพิธีกรชายเสียงกรี๊ดจากบรรดาแฟนคลับก็ดังขึ้นกึกก้อง

กุมาริกาแอบมองร่างสูงอย่างนึกชมแค่เขาสวมสูทสีน้ำเงินทับเสื้อยืดคอกลมสีขาวในชุดเดิม มันก็ดูดีขึ้นมาเฉยเลย ยังกับหลุดมาจากในหนังสือรอยยิ้มนั่นมีปุ่มกดเปิดปิดอยู่ตรงไหนนะ ใบหน้านิ่งเรียบเฉยถึงเปลี่ยนเป็นคนละคนในตอนนี้ เธออยากจะไปพังปุ่มปิดให้มันเสียจริงๆจะได้ยิ้มค้างไว้แบบนั้น

พิธีกร: ช่วยถามคุณนัมแทบงหน่อยว่ากินอะไรถึงหล่อขนาดนี้ แถมสูงมากด้วยผมจะได้กินบ้างอิจฉาจัง

ล่ามสาวแปลอย่างสนุกสนานและดาราหนุ่มก็ตอบคำถามอย่างเป็นกันเอง โบกมือให้กับแฟนคลับเป็นระยะและที่สำคัญรอยยิ้มเทวาดาถูกผลิตออกมาราวกับว่าไม่มีวันหมด

พิธีกร :จากละครที่เขารับเล่นตอนนี้เขาพอใจกับผลงานมากน้อยแค่ไหนแล้วหลังจากนี้จะมีผลงานอะไรให้สาวไทยติดตามกันอีกบ้าง

“หลังจากนี้ในเดือนหน้าเขาจะเปิดกล้องละครเรื่องใหม่เป็นแนวรักโรแมนติกแล้วก็ต้องตัดผมสั้นด้วยค่ะไม่รู้ว่าแฟนคลับจะชอบไหมแต่ก็อยากขอให้ช่วยติดตามด้วย” กุมาริกาแปลตามที่ดาราหนุ่มบอก อดใจสั่นเมื่อเขาก้มหน้ามาใกล้ หลายครั้งที่เธอรู้สึกว่ามันใกล้ไปไหม แต่ใบหน้านิ่งที่ทำไม่รู้ไม่ชี้หันไปยิ้มกับพิธีกรอย่างปกตินี่สิเนียนสมกับเป็นมืออาชีพจริงๆ ช่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับความร้อนผ่าวที่ทิ้งไว้ให้คนอื่นใจสั่นซะบ้างเลยทำเอาเธอปั่นป่วนไปหมด

พิธีกร : มาถึงคำถามสุดท้ายก่อนที่ทุกคนจะได้ลายเซ็นต์จากมือนัมแทบงกันเลยดีกว่า แล้วผู้หญิงแบบไหนที่คุณนัมแทบงคิดว่านี่แหละคือสเปคของผม แล้วผู้หญิงไทยนี่อยู่ในสเปคคุณไหม

กุมาริกาถามระหว่างนั้นเสียงกรี๊ดก็ดังไม่ขาดสายเมื่อเขาชี้ไปที่เหล่าบรรดาแฟนคลับ ก่อนหันมายิ้มให้กับเธอเพื่อตอบคำถาม

“ผมชอบผู้หญิงที่สดใสแล้วก็เข้าใจในตัวตนของผมเพราะผมเป็นคนค่อนข้างเงียบและนั่นทำให้คนที่ไม่เข้าใจคิดว่าผมไม่เป็นมิตร ดังนั้นถ้าแฟนของผมจะมีนิสัยที่ตรงกันข้ามกับผมมากๆได้จะดีมาก"

พิธีกร : ไหนใครเข้าใจผู้ชายพูดน้อยบ้าง โอ้ว..สาวไทยเรายกมือเพียบเลยครับ” พิธีกรกล่าวติดตลกก่อนที่จะมีโชว์สุดท้ายของนัมแทบงเป็นการจบงานแฟนมีทติ้ง

กุมาริกามองบนเวทีที่มีร่างสูงกำลังถ่ายรูปกับแฟนคลับและสปอนเซอร์ที่จัดงานอยู่ก็ถอนหายใจแรงๆ “เสร็จงานสักที”

กุลธีร์ลุกขึ้นสวมกอดหลานสาวที่เปิดประตูเข้ามาในห้องแต่งตัว โดยมีท่านประธานคนสวยนั่งอยู่ที่โซฟามุมห้องด้วย “เก่งมากหลานรัก”

“ขอบใจมากนะจ๊ะกัมมี่ โอ๊ะ...แทบงมาพอดี” นัมเยรินหันไปมองร่างสูงที่เดินเข้ามาพร้อมผู้จัดการคิม

“เสน่ห์ของนายนี่ได้ใจแฟนคลับสาวๆไปไม่น้อยเลยนะหอประชุมเกือบแตก” กุลธีร์ตบบ่าชื่นชม

“ผมก็ไม่คิดว่าแฟนคลับจะเยอะขนาดนี้เหมือนกัน ต้องขอบคุณล่ามด้วยมั้งที่ทำให้ผมสื่อสารกับแฟนคลับได้เข้าใจดี” นัมแทบงมองนิ่งแต่ผุดรอยยิ้มที่ริมฝีปากบาง

“นั่นสิ ถ้าล่ามไม่เก่ง สื่อสารไม่ชัดเจนนอกจากแฟนคลับจะไม่สนุกแล้วบรรยากาศอาจจะกร่อยก็ได้นะครับ” ผู้จัดการคิมชมอีกแรง

“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ” ล่ามสาวขัดเขิน

“ อาให้เกิ้นเตรียมชุดไปให้เราแล้วนะ คงรออยู่ที่โรงแรม กัมมี่จะกลับไปพักก่อนไหมที่เหลือเดี๋ยวอาจัดการต่อเอง” กุลธีร์บอกถึงสิ่งที่เตรียมไว้

“จริงเหรอ รักอากุลที่สุดในโลกเลย” กุมาริกากอดอาหนุ่มอย่างดีใจ โดยมีสายตาของพี่น้องตะกูลนัมมองอย่างงุนงงเพราะไม่เข้าใจภาษาที่อาหลานตรงหน้าพูดคุยกัน

“ผมบอกกัมมี่ว่า..ผมจะเป็นคนดูแลคุณกับแทบงต่อเองให้แกไปพักได้ วิ่งวุ่นมาทั้งวันแล้วเลยดีใจแบบนั้น”

“ไม่มีปัญหาค่ะกอน ใช่ไหมแทบง”นัมเยรินหันไปถามร่างสูงที่ยืนมองอยู่

กุมาริกาหลบตาเรียวที่มองมานิ่งโดยไม่พูดอะไร นั่นยิ่งทำให้เธอทำตัวไม่ถูกกับท่าทางของเขา แม้ว่ามันจะเริ่มคลายความอึดอัดไปบ้างแล้วก็ตาม

“งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะประธานนัม คุณนัมแทบง ผู้จัดการคิมแล้วพบกันช่วงค่ำค่ะ” กุมาริกายิ้มหวานให้ก่อนเดินจากไป




ขอบคุณที่เข้ามาอ่านคะ

ผิดผลาดตรงไหนขออภัยด้วยน้าาา



พบกะรัณย์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ก.ย. 2558, 16:22:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ก.ย. 2558, 22:33:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 985





<< แรกพบ   จูบ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account