พรหมลิขิตกระซิบรัก
นัมแทบง นายแบบหนุ่มผู้ผันตัวเองมาเป็นนักแสดงเจ้าของฉายารอยยิ้มเทวดาหากแต่เมื่ออยู่หลังกล้องเขาคือผู้ชายหน้าเดียวที่มีแววตาดุจน้ำแข็ง....
เมื่อพบกับปฎิบัติการดูตัวโดยการชักนำของผู้เป็นพี่สาวที่มีความคิดไม่เหมือนใคร รักครั้งนี้จึงเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อเขาได้พบกับกุมาริกาล่ามสาวชาวไทยที่มีแต่ความสดใส เจ้าของดวงตากลมดุจกวางกับบทพิสูจน์ความรักแท้ที่ผู้เป็นพี่มอบให้...
พีมะ ตากล้องมาดเซอร์ประจำนิตยสารวัยรุ่น K magazine กับความรักข้างเดียวตลอด3ปีที่เฝ้าดูแลหญิงสาวอันเป็นที่รักต้องมาสั่นคลอนเพียงแค่เจอนายแบบหนุ่มหน้านิ่ง ซ้ำร้ายได้คู่ปรับเป็นพัคโบรา นางแบบตัวจี๊ดที่เข้ามาป่วนหัวใจให้เขาลังเลกับความรู้สึกแปลกๆที่เธอมอบให้....
กุลธีร์ บอสหนุ่มผู้เชื่อมั่นในความรักแม้จะรู้ว่ารักนี้อาจไม่สมหวังแต่ก็ยังคงรอคอยถึงมันจะผ่านมานานกว่ายี่สิบปีและเธอนัมเริน หญิงสาวสมัยใหม่ผู้ทุ่มเททุกอย่างให้แก่น้องชายเพียงคนเดียวจนเกือบเสียบางสิ่งที่สำคัญในชีวิต...

... พรหมลิขิตกระซิบรัก...

Tags: ดารา นางแบบ ซุปตาร์ โรแมนติก ซึ้้ง

ตอน: จูบ

เสียงคุยตรงทางเชื่อมลานจอดรถทำให้ดาราหนุ่มหันหาเจ้าของเสียงที่เขาคิดว่าจำได้ไม่พลาด เนื่องจากฟังมาเกือบทั้งวัน คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน เธอออกมาก่อนเขาตั้งนานทำไมยังอยู่ตรงนี้...

เสียงหัวเราะสดใสกับรอยยิ้มกว้างที่ไม่ได้ยิ้มให้เป็นมารยาทเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอายหรือความโกรธของเธอ แต่เป็นรอยยิ้มที่เธอยิ้มเมื่อสบายใจเวลาที่อยู่ต่อหน้าคนที่สนิทสนม ความสดใสของมันทำให้มุมปากบางยิ้มบ้าง นัมแทบงหยุดมองราวต้องมนต์

“คุยเรื่องอะไรกันหัวเราะดังขนาดนั้น คงไม่ใช่เรื่องของฉันนะ” ดาราหนุ่มหรี่ตาเรียวแอบจับผิดโดยที่คนถูกมองก็ไม่รู้ตัว

มือเล็กค่อยๆดึงกิ๊ฟดำที่มัดตรึงผมที่ขมวดไว้ออกส่งให้เพื่อน ก่อนใช้มือทั้งสองข้างนั่นสยายผมดำสนิทแทนหวี ผมสลวยทิ้งตัวลงกลางแผ่นหลัง จู่ๆความคิดแปลกๆก็ผ่านเข้ามาในหัวคนแอบมอง

“ผมเธอสวยดีนะคิดไม่ถึงว่ามันจะยาวขนาดนี้” นัมแทบงเผลอยิ้มออกมา เมื่อหันไปเห็นว่ามีสายตาของผู้จัดการคนสนิทจ้องมาที่ตัวเองด้วยเช่นกัน รอยยิ้มเมื่อครู่จึงถูกเปลี่ยนเป็นใบหน้าตึงแทน ละสายตาจากร่างเล็กเดินตามร่างสต๊าฟที่กุลธีร์ส่งมาดูแลเพื่อกลับที่พัก

บทสนทนาระหว่างสองสาวที่นัมแทบงคิดไว้มันถูกต้อง เพราะปารีย์กำลังเล่าถึงเรื่องที่ทำให้ร่างเล็กต้องพลอยยิ้มกว้างกับความสุขของเพื่อนสนิท

“แกรู้ไหมหัวใจฉันจะระเบิดออกมาตอนที่หันมาเห็นนัมแทบงโบกมือแล้วก็ยิ้มให้ฉัน อยากจะกรี๊ดแข่งกับแฟนคลับขึ้นมาเลยผู้ชายอะไรยิ้มแล้วหล่อจริงๆ ขนาดที่ตรงแกยืนไม่ค่อยสว่างเท่าไหร่นะแต่ฉันเห็นเขาโครตชัดออร่าเขาช่างเปล่งประกายจริงๆ” ปารีย์ทำหน้าเคลิ้ม

“ย่ะ...ยัยแม่ยกซุปตาร์หน้านิ่ง ที่เมื่อเช้ายังทำหน้าซีดอยู่เลย ตอนนี้เลิกกลัวเขาแล้วรึไงไหนบอกว่าเขาเข้าถึงยากไง” กุมาริกาเย้า

ปารีย์หัวเราะแห้งๆ นึกถึงช่วงเวลาที่เธอหัวปั่นก่อนหน้านี้แล้วยักไหล่ พูดด้วยใบหน้าเคลิบเคลิ้ม “ ก็เขาหล่อนี่ ฉันยกโทษให้คนหล่อเสมอแกก็รู้ไปขึ้นรถ ฉันจะได้ไปส่งแกเสร็จต้องรีบไปดูความเรียบร้อยที่จัดงานต่อ แล้วบ่ายๆค่อยกลับมารับแกกับเทวดาของฉัน”

กุมาริกาส่ายหน้าระอากับอารมณ์ของเพื่อนสาวที่จัดว่าดีมากจนเกินไป แค่รอยยิ้มเดียวจริงๆ เฮ้อ!! แม้แต่เธอก็ยังแอบหวั่นไหวเหมือนกันก่อนสลัดศีรษะไล่ความคิดที่พาลจะทำให้ใบหน้าแดงกล่ำออกไป

ณ.ร้านอาหารอิตาลี่ย่านเอกมัย ปรากฏร่างของสองนักธุริจที่ประสบความสำเร็จในสายงานที่พึ่งพากันได้แต่อยู่คนละประเทศ กุลธีร์เลื่อนเก้าอี้ให้สตรีร่างเพรียวนั่งลงก่อนไปพาตัวเองไปนั่งในฝั่งตรงกันข้าม ไม่นานบริกรเดินเข้ามาวางเมนูที่โต๊ะด้วยความนอบน้อม “คุณไม่ชอบอาหารรสจัดที่นี่พาสต้าแซลมอลอร่อยใช้ได้นะผมสั่งทานบ่อยๆ”

“งั้นกอนช่วยสั่งให้หน่อยล่ะกันเราจะจะรอกิน” นัมเยรินส่งยิ้มหวาน

“งั้นขอเป็นพาสต้าแซลมอลกับสลัดผักร็อกเก็ตให้กับคุณผู้หญิง ส่วนของผมขอเป็นสปาเกตตี้มารินารากับโรลหมูชีสแฮมผักขม” กุลธีร์ยิ้มกับหญิงสาวก่อนส่งเมนูคืนให้กับบริกร

“คุณยังชอบอาหารที่เปี่ยมไปด้วยไขมันเหมือนเดิม ของโปรดของคุณคือแฮมกับชีส” นัมเยรินยกมือขึ้นมาท้าวคางมองดูเพื่อนชายคนสนิทที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านมากว่ายี่สิบปีแต่เขาก็ยังดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี

“ไม่ต้องกลัวว่าผมจะอ้วนพุงพุ้ยหรอกน่าเห็นผมกินเหมือนเดิมแต่ผมออกกำลังกายสม่ำเสมอนะเยริน” กุลธีร์บอกติดตลกมองดูหญิงสาวตรงหน้าด้วยความคิดถึง แม้เธอจะผ่านวัยสาวมานานแล้วแต่ใบหน้าที่อ่อนกว่าวัยนั้นมันทำให้เธอดูไม่ต่างไปจากเมื่อตอนอายุยี่สิบเลยมีแต่จะดูสวยขึ้นตามวัย

“คุณกำลังจะทำให้ฉันอายนะกอน”

“นั่นเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผมนะ เพราะมันทำให้ผมรู้สึกว่าผมยังมีความหมายกับคุณบ้าง” หนุ่มใหญ่ตัดพ้อ

“คุยเรื่องกัมมี่ดีกว่า ฉันอยากให้คุณชวนเธอไปพักผ่อนกับเราด้วยวันพรุ่งนี้ จะได้ทำความรู้จักกับแทบงมากขึ้นด้วย” ประธานคนสวยบอกกระตือรือร้น

“แล้วผมจะบอกเธอให้แต่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเธอจะไปกับเราไหม” กุลธีร์แบ่งรับแบ่งสู้ตอบ

“บอกเธอว่าฉันขอร้องนะคะ อยากได้เพื่อนเดินเที่ยวที่คุยกับฉันเข้าใจ คุณก็รู้ว่าน้องชายฉันน่าเบื่อแค่ไหนแค่คิดว่าจะไปเที่ยวกับเจ้านั่นก็ไม่ต่างจากฉันไปเดินเที่ยวคนเดียวหรอก” นัมเยรินส่งแววตาเว้าวอนจนเมื่อเห็นว่ากุลธีร์พยักหน้าก็ยิ้มถูกใจจนหยี

“โคมาวอ – ขอบคุณนะ/ขอบใจนะ”

##ใช้พูดเฉพาะกับคนที่สนิท ถ้าจะสุภาพกว่านี้ต้องเติมโยต่อท้าย โคมาวอโย-ขอบคุณนะคะ##


กีรติกางชุดที่เลือกมาให้กุมาริกาใส่ตอนงานเลี้ยงช่วงค่ำเต็มเตียง โดยมีร่างเล็กยืนมองอย่างใช้ความคิดว่าจะใส่ชุดไหนดีก่อนถอยไปนั่งที่เก้ารับแขกปลายเตียง

“บอสนี่ลงทุนตลอดเลยนะเจ๊สังเกตอยู่นาถ้าเทียบกับเจ้าอื่น ถึงงานจบก็แค่เลี้ยงร้านอาหารธรรมดา แต่ถ้าเป็นงานของนัมโมเดลนี่เลี้ยงปิดสถานที่ตลอด มันต้องมีอะไรแน่เลยใช่ไหมกัมมี่บอกเจ๊มานะเจ๊ไม่อยากตกข่าว” กีรติกอดอกจับจ้องกึ่งคาดคั้น

“บ้าน่าเจ๊ไม่มีอะไรหรอก ก็ประธานนัมเป็นเพื่อนสนิทสมัยมหาลัยของอากุลเป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่เหรอที่จะดูแลอย่างดี อีกอย่างบริษัทก็ได้ผลประโยชน์เต็มๆ เจ๊ก็รู้นี่ว่าเด็กในสังกัดประธานนัมมีแต่เบอร์ใหญ่ๆแทบทั้งนั้น ไม่ว่าจะนายแบบหรือนักแสดง การที่เขาเลือกที่จะร่วมงานกับเราง่ายๆ โดยที่เราไม่ต้องเสนอมันก็เป็นเหตุผลที่ต้องดูแลทีมงานเขาอย่างดีก็ถูกแล้วนี่เจ๊” กุมาริกาตอบเลี่ยงเรื่องส่วนตัวของอาหนุ่ม

“มันก็จริงนะแต่ว่า................”

“ถ้าเจ๊อยากรู้จริงๆ เขาถามอากุลให้เอาไหม” กุมาริกาชะโงกถามสตรีข้ามเพศที่นั่งจัดชุดให้เธออยู่บนเตียง

“บ้าเหรอคุณน้อง อยากให้เจ๊ต้องหางานทำใหม่ตอนสูงวัยเหรอ เห็นว่าเราสนิทกันหรอกเลยถาม หาเรื่องให้เจ๊จริงๆ เปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า มาเม้าท์เรื่องซุปตาร์คนน้องดีกว่า ปุยฝ้ายโทรมาเม้าท์กับเจ๊ว่ามีแต่เรื่องที่ทำให้มันหายใจไม่ทั่วท้อง”

“มันก็ไม่ขนาดนั้นหรอกเจ๊อาจเพราะบุคลิกเขาด้วย ยิ่งเวลาไม่พูดเลยยิ่งดูนิ่งเข้าไปใหญ่ แต่งานก็ราบรื่นนะไม่ได้มีปัญหาใหญ่อะไร รวมๆแล้วเขาก็เป็นมืออาชีพใช้ได้” กุมาริกาเผลอพูดถึงอีกฝ่ายในแง่ดีก็กัดปาก

“ไหนว่าไม่ชอบเขาไงแก้ตัวแทนเขาชัดๆ” กีรติมองค้อน

“แก้ตัวอะไรบ้าน่าเจ๊...ก็แค่พูดไปตามเนื้อผ้า”

“เห็นพวกสต๊าฟมันว่าถ้าไม่ชอบ ไม่ใช่ที่ตกลงไว้ไม่ทำเลยเด็ดขาด ขนาดไปถามล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวเข้าหน่อยยังมองตาแทบจะลุกเป็นไฟ จริงป่ะ” กีรติยังเม้าท์ไม่หยุด

“ก็ไม่ขนาดนั้นแค่บริษัทเขาทำงานเป็นระบบมากกว่าเรา คนไทยไม่คุ้นกับความเป็นระบบเท่าไหร่แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเขาเรียกว่าเรามีความยืดหยุ่นมากกว่าในขณะที่พวกเขาตึงเกินไป” กุมาริกาบอกตาก็กดโทรศัพท์ในมือไปด้วย

“ตกลงเอาชุดไหนเดรสสั้นสีขาวฟ้าหรือว่าแซกผ้ายืดสีดำแขนยาวดี” คอสตูมร่างยักษ์ยกชุดขึ้นมาถือไว้ในมือ

ผู้จัดการร่างอวบกอดอกมองดาราหนุ่มในความดูแลที่ยังคงนั่งอยู่กับที่ไม่ไหวติง ในมือมีรีโมททีวีกดดูช่องนั้นช่องนี้ไปเรื่อยมาเป็นชั่วโมงแล้ว “ทำไมยังไม่เตรียมตัวอีกล่ะนี่มันหกโมงกว่าแล้วนะ ชุดนายก็พร้อมแล้วไปเลือกเลยสิฉันเตรียมไว้ให้3ชุด”

“เมื่อกี้ท่านประธานโทรหาฮยองเรื่องอะไร” นัมแทบงเหลือบมองผู้จัดการตัวเองที่ตาสั่นไปมาผิดสังเกต

“ก็ไม่มีอะไรนี่ท่านประธานแค่ถามว่านายเลือกชุดได้รึยังท่านประธานกำลังจะลงมาแค่นั้นเอง” คิมเซจุนกลืนน้ำลาย ช่างกดดันเขาได้เก่งกันจริงๆพี่น้องคู่นี้จะให้บอกได้ยังไงว่าท่านประธานโทรมาถามถึงปฎิกิริยาที่ดาราหนุ่มมีต่อคุณล่าม

“ไม่ได้คิดวางแผนประหลาดๆกันใช่ไหม” ตาเรียวมองนิ่ง

“นะ นายก็คิดมากไปได้นี่มันงานเลี้ยงขอบคุณนะจะไปมีอะไรได้ยังไงล่ะ” คิมเซจุนหลบตาจากการจับผิดของดาราหนุ่มที่ร้ายไม่ต่างจากปีศาจ

“ฉันว่านายควรจะไปแต่งตัวได้แล้วล่ะ ฉันเริ่มหิวแล้วด้วย”

ร่างสูงถอนหายใจมองร่างอวบของผู้จัดการนิ่ง ลุกขึ้นยืนล้วงกางเกงเดินหายเข้าไปทางห้องตัวเอง โดยปราศจากคำพูด

“ค่อยยังชั่วนึกว่าจะโดนคาดคั้นซะแล้ว” คิมเซจุนระบายลมออกจากริมฝีปากเฮือกใหญ่ สิ่งที่เขาอยู่กับนัมแทบงได้คงเพราะสิ่งนี้ ไม่ว่าเจ้าตัวแสบจะดื้อรั้นสร้างปัญหาแค่ไหน แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาเดือดร้อนไม่ว่าเรื่องใด ความช่วยเหลือจะเกิดขึ้นเงียบๆ โดยไม่ต้องขอร้อง.....

ประธานสาวแห่งนัมโมเดลสวยในชุดแซกแขนกุดสีชมพูเข้มตัดกับผิวขาวของเธอเป็นอย่างดี เอ่ยถามผู้จัดการของน้องชายทันทีที่เปิดประตูรับเธอ “เป็นยังไงมั่งผู้จัดการคิมฉันใส่ชุดนี้ดูเวอร์ไปไหมสำหรับงานนี้”

“ไม่นี่ครับท่านประธาน คุณดูสวยมาก” ผู้จัดการคิมเอ่ยชม

นัมเยรินหันมองในห้องเมื่อไม่เห็นว่าน้องชายตัวแสบอยู่ด้วยก็ดึงผู้จัดการคิมไปหาที่นั่งคุย “นายต้องหาโอกาสพาแทบงไปใกล้ๆกัมมี่บ้างนะ อย่างน้อยๆก็พยายามหาโอกาสให้เขาคุยกันบ้าง อ่อ...อย่าให้แทบงรู้ตัวล่ะไม่งั้นถ้ารู้ว่าเราช่วยทอดสะพานหมอนั่นคงหาแต่ทางอ้อมแน่นอน”

“ครับท่านประธาน เอ่อ...” ยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อร่างสูงก็เดินเข้ามาในส่วนที่คิมเซจุนกับนัมเยรินนั่งอยู่ทำเอาคนทั้งคู่นั่งเงียบ ก่อนที่ประธานสาวจะส่งสายตาให้ผู้จัดการคนสนิทพูดอะไรบ้าง

“โอ้..ชุดนี้ก็ดีนะไม่เป็นทางการมากดูดีว่าไหมครับท่านประธาน” ผู้จัดการคิมหาตัวช่วยเสริม

“ก็โอเคนะ เสื้อยืดกับแจ๊กเก็ตกางเกงยีนส์ก็พอแล้ว ใส่หมวกก็เข้ากันดีเลย” นัมเยรินชี้ไปที่หมวกสแนปแบลคที่ดาราหนุ่มใส่

นัมแทบงถอนหายใจทรุดนั่งอีกฝั่งของเก้าอี้รับแขกกลางห้องมองทั้งคู่นิ่ง “พอเหอะไม่เนียนเอามากๆ ไม่ว่าพี่กับผู้จัดการคิมจะวางแผนอะไรกัน ก็อย่าทำให้ผมเหมือนตัวตลกของคนอื่นก็พอไม่งั้นเป็นเรื่องแน่”

“งั้นเราก็ลงไปกันเถอะกอนกับกัมมี่คงลงไปแล้วล่ะ” นัมเยรินดึงแขนน้องชายตัวเองให้ลุกขึ้น ก่อนจะยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี

“ผมว่าเขาไม่ใช่สไตล์เรียบร้อยน่ารักอย่างที่พี่ชอบเลยนะออกจะตรงกันข้ามกับคุณสมบัติสาวๆที่พี่เคยแนะนำให้ผมรู้จัก” นัมแทบงแย้ง

นัมเยรินยักไหล่คล้องแขนร่างสูงของน้องชายตัวเองไว้บอกในสิ่งที่เธอเห็นจากเด็กสาวชาวไทย “ถ้านายสังเกตเขาอย่างที่ฉันมองความสดใสน่ารักในตัวกัมมี่ไงที่ฉันรู้สึกชอบ จริงอยู่ที่เธออาจจะดูไม่เรียบร้อยอย่างที่ฉันเคยชอบแต่นายไม่รู้สึกเหรอว่าเด็กคนนี้มีอะไรบางอย่างที่ไม่ว่าใครอยู่ด้วยก็รู้สึกดี ไม่ว่าการวางตัวหรือคำพูดที่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าอายุ ที่สำคัญ....กัมมี่เป็นคนที่ต่างจากนายไงมันยังน่าสนใจไม่พอเหรอ”

คำพูดกึ่งตั้งคำถามของผู้เป็นพี่สาวทำให้เขาคิดอะไรได้บางอย่างจนต้องทวนมันในใจ คนที่ต่างจากเรา รอยยิ้มอ่อนโยนผุดเหนือมุมปากอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว

เสียงเพลงอึกทึกถูกเปิดโดยดีเจสมัครเล่นของทีมงาน บุฟเฟ่ริมสระน้ำในช่วงหัวค่ำเต็มไปด้วยความสนุกสนาน เหล่าทีมงานสองชาติแลกเปลี่ยนการสื่อสารอย่างไม่มีปัญหา อาจเพราะการทำงานที่ราบรื่นผ่านไปด้วยดีด้วย

นัมแทบงมองอย่างเผลอไผลคิดในใจว่าในโลกนี้มันเกิดสิ่งที่เกินคาดคิดได้เสมอ จากผู้หญิงที่ดูธรรมดาพอเปลี่ยนชุดเปลี่ยนทรงผมใบหน้าก็เปลี่ยนไปด้วย ตอนนี้เขาเริ่มอยากตัดสินใจจากสิ่งที่ตาเห็นดูบ้าง บางทีเด็กสาวอาจกลายเป็นหญิงสาวได้เมื่อได้ปรุงแต่ง

ร่างเล็กในชุดกระโปรงสั้นแค่ต้นขารัดรูปแขนยาวสีดำ กำลังสนุกสนานท่ามกลางกลุ่มเพื่อนสนิท ผมยาวดำสลวยถูกปล่อยกระจายเต็มแผ่นหลัง มือบางคอยลูบเสยไปทางด้านหลังยามเมื่อลมพัดเส้นผมมาปรกใบหน้า

นัมเยรินเหลือบดูสิ่งที่ทำให้น้องชายตัวเองจ้องเขม็ง ก่อนที่ใบหน้าที่เหมือนจะมีรอยยิ้มเล็กน้อยกลับหุบลงและหันไปมองทางอื่น คนเป็นพี่สาวยิ้มที่มุมปากแทน มองดูชายหนุ่มร่างสูงมาดเซอร์ที่เข้ามายืนแทรกกลางในกลุ่มของหญิงสาวดูสนิทสนมแถมยังจับศีรษะหญิงสาวเล่นอย่างหยอกเย้าใบหน้าใสระบายไปด้วยรอยยิ้มกว้างจนเธอเห็นว่าน้องชายตัวเองถึงกับมีปฎิกิริยาจึงกระซิบพอได้ยินกันสองคน “อิจฉาเท่ากับแพ้ไหนว่าไม่สนใจเขาไงล่ะ”

ดวงตาเรียวหรี่ลงเห็นได้ชัดประธานสาวมองดูก็รู้ว่าน้องชายตัวเองกำลังไม่พอใจสุดๆ นิสัยดื้อรั้นและชอบทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความรู้สึกทั้งคำพูดและการแสดงออกทำให้เธออยากปรับเปลี่ยน ตั้งแต่โตมาไอ้การชอบเก็บความรู้สึกของตัวเองไว้มันทำให้เขาดูหยิ่งและเย็นชาในสายตาคนอื่น และเธอคิดว่าความสดใสของเด็กสาวที่หมายตานั้นจะช่วยเยียวยาแทบงได้

“ ผมเปล่าพี่พูดอะไรไร้สาระ” นัมแทบงยกแก้วไวน์ในมือขึ้นดื่มไม่มองไปทางคนทั้งคู่ที่อยู่อีกฝั่งของสระน้ำอีก

“ท่านประธานครับขออนุญาตสักครู่คือมีทีมงานของคุณกุลธีร์อยากจะขอถ่ายรูปกับแทบง.....”

“ได้ซิ ตรงไหนดี” เสียงที่ตอบกลับมาทันทีทำเอาผู้จัดการร่างอวบถึงกลับมองหน้าดาราหนุ่มสลับกับท่านประธานคนสวย เมื่อเห็นว่านัมเยรินพยักหน้าก็พาดาราหนุ่มเดินไปอย่างประหลาดใจ

“นายไม่เมาใช่ไหมแทบง” ผู้จัดการหนุ่มถามในสิ่งที่คิด

“ทำไม..”

“ปกติฉันว่ามันไม่ง่ายที่..............” คิมเซจุนกำลังจะพูดในสิ่งที่เขาเห็นบ่อยครั้ง

“ตอนนี้ผมกำลังอารมณ์ดีอย่ามาทำให้อารมณ์เสีย” ดวงตาเรียวมองด้วยใบหน้านิ่ง

เสียงโวยวายกรี๊ดกร๊าดของกีรติทำให้ร่างเล็กหันไปดูตรงซุ้มที่ถูกจัดไว้เป็นพร็อพสำหรับถ่ายรูปมีร่างสูงยืนอยู่ตรงนั้น ทั้งทีมงานและพนักงานโรงแรมยืนออกันเพื่อขอถ่ายรูปกับเขาโดยมีร่างอวบของผู้จัดการคิมคอยกันอยู่ข้างๆ

“ดูเจ๊เกิ้นซิถ้าจะเป็นเอามากกรี๊ดซะดังลั่นกว่าใครเลย” พีมะชี้ให้ร่างเล็กดูอาการกระโดดกรี๊ดจนพุงกระเพื่อมของคอสตูมร่างยักษ์

“ก็คนดังนี่แถมไม่ใช่ว่าจะเจอกันง่ายๆที่ไหน ทำไมนายอิจฉาเขาเหรอพี ตกกระป๋องเพราะสาวๆที่นี่ไปรุมล้อมดาราหมดล่ะสิ” กุมาริกาบอกแกล้งเย้า

“ผมไม่สนใจหรอกแค่สาวตัวเล็กคนนี้ไม่วิ่งไปด้วย ผมว่าผมทนได้นะ” พีมะหัวเราะสบตาหญิงสาวข้างตัวอย่างเปิดเผยบีบลงบนปลายจมูกเล็กเมื่อเห็นว่าเธอย่นจมูกให้

นัมแทบงชำเลืองมองชายหนุ่มหญิงสาวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างเริ่มหงุดหงิด “คิดว่าอยู่กันสองคนในโลกรึไง”

“นายพูดว่าอะไรนะ” ผู้จัดการคิมเงยหน้าถาม

นัมแทบงละสายตาบอกในสิ่งที่ตรงกันข้าม “ผมอยากพัก”

“ได้ๆ เอาล่ะถ่ายกันพอแล้วนะสาวๆให้แทบงพักบ้าง” ผู้จัดการคิมยกมือขึ้นห้ามเมื่อไม่มีใครทำท่าจะหยุดถ่ายก่อนเดินนำดาราหนุ่มกลับไปนั่งที่เดิม

“เหนื่อยไหมแทบงขอบคุณมากเลยที่มีน้ำใจกับทีมงานของพี่ด้วย” กุลธีร์ส่งแก้วที่มีไวน์บรรจุอยู่ส่งให้

“ฉลองกันหน่อยเดี๋ยวจะแนะนำทีมงานที่ต้องทำงานร่วมกันพรุ่งนี้ให้รู้จัก”

“ครับ” แก้วไวน์ถูกยกขึ้นชนแต่ตาเรียวกลับมองไปทางที่มีร่างเล็กนั่งอยู่ ส่งยิ้มให้เมื่อมีเสียงเรียกชื่อเขามาจากฝั่งของเพื่อนของเธอโดยเฉพาะท่าหัวใจของสตรีข้ามเพศร่างใหญ่ที่ดูตั้งใจทำให้เขา นัมแทบงจึงยกมือโบกให้แอบจับจ้องล่ามสาวที่หันมายิ้มด้วยก่อนที่เธอจะหันกลับไป

กุลธีร์ลุกขึ้นยืนตะโกนเรียกทีมงานของตนเองมาใกล้ๆ เอ่ยแนะนำคนที่มาใหม่ซึ่งเขาเห็นว่าแทบจะสิงร่างเล็กของกุมาริกาไม่ห่าง“นี่คุณพีมะเป็นตากล้องมือหนึ่งของ K-magazine ขึ้นชื่อเรื่องถ่ายภาพนิ่งได้ดีเยี่ยมครับ”

“สวัสดีค่ะคุณพีมะ ช่วยเลือกมุมกล้องที่ดีที่สุดให้แทบงด้วยนะคะ” ประธานสาวแห่งนัมโมเดลเอ่ยอย่างเป็นกันเอง โดยมีกุมารกายืนแปลบทสนทนาให้

“ครับ” พีมะตอบรับมองใบหน้าเรียวที่เรียกว่าหล่อมากตรงหน้าด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร

กุมาริกามองสบดวงตาเรียวที่บังเอิญหันมาพอดียิ้มให้เล็กน้อยก่อนหันไปอีกท่างเพื่อปัดความเขินที่ถูกมองด้วยดวงตานิ่งนั่น รู้สึกแค่ว่าประกายในตาเรียวนั่นต่างไปจากที่เธอสบเมื่อเช้า ไม่สิเลเวลของมันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนเธอไม่อาจสบตาคู่นั้นได้นานๆ

พีมะมองดูกุมาริกาที่หันหน้าหนีเพียงแค่ถูกดาราหนุ่มตรงหน้าหันมองมันทำให้เขารู้สึกสะกิดในใจ มันแค่บังเอิญตากล้องหนุ่มบอกตัวเอง เธอไม่ได้หวั่นไหวกับสายตาของหนุ่มต่างชาตินั่นใช่ไหม...

เสียงของกุลธีร์ที่ดังขึ้นหัวโต๊ะฝั่งของทีมงานK magazineทำให้ทุกคนหันมอง พีมะหันไปมองร่างเล็กยิ้มเมื่อเห็นว่าหญิงสาวก็ยิ้มให้เขาด้วยเช่นกัน “เอาล่ะเชิญทุกคนสนุกกันให้เต็มที่แต่อย่าลืมว่าพรุ่งนี้เรามีงานเช้าด้วยก็อย่าให้ดึกกันเกินไปนัก เข้าใจไหม”

“เข้าใจครับ/ค่ะ บอส” ทีมงานของกุลธีร์ตะโกนคึกคัก

กุมาริกาขมวดคิ้ว ถามในสิ่งที่สงสัยทันทีด้วยสายตาที่รู้ทัน “อาพูดเหมือนจะไม่อยู่จนงานเลิกเลย”

“ใช่อาจะพาเยรินไปฟังเพลงต่อ ว่าแต่เราเถอะอย่าอยู่ให้มันดึกนักล่ะแล้วก็อย่าลืมดูแลแทบงด้วย” กุลธีร์กระซิบกระซาบกับหลานสาวที่กำลังใจเต้นไม่เป็นจังหวะเพียงแค่ได้ยินชื่อของดาราหนุ่ม

“ว้าววว...สุดยอดคนเกาหลีนี่คอแข็งเป็นบ้าดูขวดเบียร์กับขวดไวน์สิไม่เกือบลังเหรอนั่นแค่กินแค่ห้าคน” คำพูดของปารีย์ทำให้ทุกคนในโต๊ะหันไปดูฝั่งตรงข้ามเป็นระยะ ร่างเล็กก็เช่นกันกุมาริกานั่งฝั่งตรงกันข้ามกับเขาจึงเป็นไปไม่ได้ว่าจะมองไม่เห็นและหลายครั้งที่เธอเห็นว่าตาเรียวคู่นั้นมองเธอบ่อยๆเช่นกัน

“ประเทศเขาหนาวนี่ย่ะ กินเหล้ากินเบียร์เก่งทั้งผู้ชายผู้หญิงแหละ แต่เจ๊ชอบนะลากง่ายดี”เสียงหัวเราะครึกครื้นของกีรติกับทีมงานสาวๆยังคงดังต่อเนื่อง

“ดารานั่นดื่มไปเยอะเหมือนกันนะ เราก็อยากกินอยู่แต่รู้ตัวเองดีว่าเวลาเมาแล้วตื่นยากเลยไม่กินดีกว่า” พีมะหัวเราะ

“ก็ดีที่แกรู้ตัวเองไม่งั้นพรุ่งนี้บอสคงไปแหกอกแกแน่พี” กีรติหัวเราะตาม

“แต่ถ้าเบบี๋โทรไปตามนะจะลุกขึ้นทันทีเลย” พีมะสบตากรุ้มกริ่ม

“พอเลยแก ไม่ต้องมัวมาหว่านเสน่ห์ใส่กัมมี่เลย เดี๋ยวสาวๆของแกได้ร้องไห้ขี้หมูกโป่งพอดี” ปารีย์ขว้างขนมกรุบกรอบที่อยู่ในจานใส่ตากล้องหนุ่ม

“เล่นบ้าๆน่ะปุยฝ้ายแกเอาของกินมาโยนเล่นทำไมเนี่ยมันเมาแล้วมั้งเจ๊ดูมันด้วยล่ะ” พีมะแหย่พลางหลบทั้งผักและขนมที่ปามาที่เขาพัลวัน

“พอกันทั้งคู่แหละพอเลย” กีรติตีคู่กัดที่เล่นกันเป็นเด็กเล็กๆ

กุมาริกาเห็นด้วยกับที่ทีมงานเธอพูดเช่นกัน ถึงจะเห็นว่าเขาดื่มแต่ไวน์เป็นส่วนใหญ่แต่มันก็หลายแก้วแล้วที่เธอเห็นเขายกดื่มพลอยนึกกังวลแทบไม่ได้ฟังคนรอบข้างที่สนทนาเลย คิดในใจว่าถ้าเขายังคงดื่มอย่างต่อเนื่องแบบนี้ พรุ่งนี้เกิดแฮงค์ขึ้นมาจริงๆมีปัญหาแน่ๆ “ฉันก็ว่าเขาดื่มมากแล้วจริงๆถ้าไม่ห้ามเกิดงานมีปัญหาขึ้นมาจะลำบากเพราะคิวเขาค่อนข้างจำกัดฉันไปเอง”

“มันจะดีเหรอกัมมี่” ปารีย์ท้วง

“นั่นสิมันปาร์ตี้ด้วยไปห้ามเขาเกิดโกรธขึ้นมาจะมีปัญหาเอานะ” กีรติพูดห้ามหญิงสาวด้วยอีกคน

“ไม่เป็นไรมั้งกัมมี่ ผู้จัดการเขาคงดูแลกันเอง” พีมะเริ่มไม่พอใจเช่นกันที่หญิงสาวเริ่มมีปฏิกิริยาแปลกไป

“ไม่เป็นไรไม่ได้อากุลฝากเขาไว้ให้ฉันดูเขาด้วย” กุมาริกาเดินลิ่วไปที่อีกมุมของสระที่มีดาราหนุ่มและผู้จัดการนั่งอยู่ทันที

คิมเซจุนมองเห็นว่าล่ามสาวกำลังเดินตรงมาก็ยกแก้วในมือขึ้น “ดื่มหน่อยไหมครับคุณล่าม”

นัมแทบงมองหญิงสาวตรงหน้าเต็มตาอีกครั้งและน่าแปลกที่ครั้งนี้เธอไม่หลบสายตา ก่อนที่จะหันไปเอ่ยปฎิเสธผู้จัดการของเขา “ไม่ดีกว่าค่ะคือฉันดื่มไม่ค่อยเก่ง”

กุมาริกายืนมองร่างสูงที่ยกแก้วไวน์ในมือขึ้นดื่มจนหมดก่อนจะส่งให้ผู้จัดการตัวเองรินให้ใหม่ เธอไม่ได้เมานะแต่ทำไมเธอถึงเห็นว่าเจ้าของใบหน้าหล่อที่ชอบทำหน้านิ่งเสมอกำลังยิ้มให้เธออยู่ล่ะ ก่อนที่มือเรียวยาวจะเอื้อมถึงตัวแก้วที่ผู้จัดการคิมส่งให้ก็มีมือเล็กของหญิงสาวหยิบตัดหน้าไปก่อน ทำเอาดาราหนุ่มเลิกคิ้วสูงกับสิ่งที่หญิงสาวทำ

“ฉัน...คือฉันเห็นคุณนัมแทบงดื่มไปเยอะแล้ว กลัวว่าพรุ่งนี้จะรู้สึกไม่สบายตัวเพราะต้องตื่นแต่เช้า รบกวนผู้จัดการคิมช่วยห้ามหน่อยได้ไหมคะ” กุมาริกาวางแก้วก่อนหันไปบอกผู้จัดการส่วนตัวของดาราหนุ่มแทน

อารมณ์กรุ่นที่ตกสะเก็ดมาก่อนหน้านี้ ทำให้ร่างสูงยืนขึ้นเต็มความสูงข่มให้ร่างเล็กตรงหน้าอยู่แค่หน้าอกของเขาเท่านั้น ดวงตาเรียวดำจ้องมานิ่งไม่ต่างอะไรจากเจอเธอครั้งแรก ความเย็นชาในดวงตาเรียวนั่นมันทำให้กุมาริกาต้องกลืน

“หูผมไม่ได้หนวกคุณล่าม คุณบอกกับผมเองไม่ได้รึไง เอาไงดีล่ะฮยองผมไม่ได้อยากจะมีปัญหากับงาน งั้นผมควรเลิกกินตอนนี้เลยใช่ไหม จะได้ไม่ทำให้งานของคุณต้องเสีย แต่ก่อนที่คุณจะว่าอะไรคุณไม่คิดว่าผมเป็นมืออาชีพมากพอเหรอถึงจะกินจนเสียงานเสียการ”

“ฉันไม่ได้...” กุมาริกาตัวสั่น เมื่อร่างสูงผุดลุกขึ้นไปจากเก้าอี้ทันที

“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะออกคำสั่งกับคุณนัมแทบงนะคะ ฉันแค่หวังดีแต่ดูว่าเขาจะไม่พอใจมาก” หญิงสาวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

“ไม่เป็นไรหรอกครับเดี๋ยวผมคุยให้เอง เขาขี้หงุดหงิดนิดหน่อย” ผู้จัดการคิมพูดปลอบเมื่อเห็นว่าสถานะการณ์ตอนนี้ดูไม่ค่อยดี

พีมะลุกออกมาจากโต๊ะทันทีเมื่อเห็นว่าดาราหนุ่มลุกขึ้นยืน เมื่อมาถึงก็พบว่าร่างเล็กยืนตัวสั่นอยู่แล้วในอาการตกตะลึง “มีอะไรกัมมี่พวกเขาว่าอะไรเหรอ”

“ปะเปล่า คุณนัมแทบงเข้าใจผิดนิดหน่อย” กุมาริกาเงยหน้าอธิบาย

“งั้นผมขอตัวไปดูแทบงก่อน ไม่ต้องกังวลครับคุณล่ามเขาแค่ไม่ชอบให้ใครออกคำสั่งเท่านั้น” คิมเซจุนมองร่างสูงที่กอดหญิงสาวไว้แล้วถอนหายใจ ก็เพราะคุณล่ามนั่นแหละไม่รู้ตัวเอาซะเลย

กุมาริกาถูกพากลับมานั่งที่โต๊ะ ดวงตากลมรื้นไปด้วยน้ำตาคิด คิดทบทวนความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ส่ายศีรษะไปมาเมื่อโดนปารีย์กับกีรติรุมถาม

“แกไปพูดอะไรเหรอกัมมี่ ดูเขาไม่พอใจมากเลย”

“นั่นสิหน้างอเป็นตูดลิงเลย ดีนะบอสไม่อยู่แล้วไม่งั้นแกตายแน่”

“ฉันอาจจะวุ่นวายเกินไป” กุมาริกาหมดอารมณ์สนุกพูดอย่างเหนื่อยใจ

พีมะเห็นล่ามสาวก้มหน้านิ่งก็หงุดหงิดพูดโวยวายในสิ่งที่ตัวเองคิด “เบบี๋อย่าไปใส่ใจเลย ดาราดังก็แบบนี้แหละทำอีโก้สูงคงรู้สึกเสียหน้ามั้งที่เบบี๋ไปว่าเขา”

“ไอ้พี” เสียงตะโกนของปารีย์กับกีรติดังขึ้นพร้อมกัน

“แกจะพูดทำไมว่ะ กัมมี่มันยิ่งรู้สึกแย่เข้าไปอีกไปนั่งนู่นเลยป่ะ” ปารีย์ดึงตากล้องหนุ่มให้ไปนั่งเก้าอี้ถัดไป

“ฉันว่าฉันขึ้นห้องก่อนดีกว่าพวกแกสนุกกันต่อเถอะ” กุมาริกาลุกขึ้นยืนแต่มือของตากล้องหนุ่มกลับรั้งไว้

“ให้เราไปส่งไหมไม่ต้องคิดมากหรอก ต่อให้ไอ้ดารานั่นมันโทรมแค่ไหนเราจะแต่งรูปใหม่ให้มันดูดีกว่าตัวจริงเลย รับรองได้ว่าจะไม่มีใครว่าเบบี๋ได้เลยแม้แต่บอส” พีมะพยายามปลอบเขาไม่ชอบที่เห็นเธอเศร้าและดูกังวลแบบนี้เลย

“อืมไม่เป็นไรเราไปเองได้” กุมาริกายิ้มก่อนเดินจากไป

“โว้ย!!นี่มันเรื่องบ้าอะไรว่ะไม่กงไม่กินมันแล้วกลับคอนโดดีกว่า” พีมะตะโกนคว้ากระเป๋าเดินออกไปอีกคน กลายเป็นว่างานเลี้ยงต้องเลิกราตั้งแต่ตอนยังไม่เที่ยงคืน

ปารีย์ชะงักเมื่อเปิดประตูเข้ามาเจอร่างเล็กนั่งชันเข่าอยู่บนโซฟา “ฉันนึกว่าแกหลับไปแล้วซะอีก ทำไมไม่อาบน้ำแล้วนอนพักล่ะ”

“งานเลิกแล้วเหรอ” เจ้าของดวงตาแดงกล่ำเอ่ยถาม

“อืมพอแกขึ้นมาสักแป๊ปก็เลิกแต่ไม่ต้องห่วงฉันกับเจ๊เกิ้นจัดอย่างทุกอย่างเรียบร้อย” ปารีย์กอดไหล่ล่ามสาวไว้

“ฉันไม่สบายใจอ่ะปุยฝ้าย ตอนนี้ฉันรู้สึกแย่มากทำยังไงดี”

“แกกลัวเขาฟ้องพี่สาวเขาให้บอสมาเล่นงานแกเหรอ” คำถามของปารีย์ทำเอาร่างเล็กส่ายศีรษะจนผมกระจาย

“ป่าวเลย..ถึงเขาทำฉันก็ไม่ตำหนิเขาหรอก ฉันมาคิดดูฉันอาจคิดน้อยไปจริงๆ ที่จู่ๆไปยืนพูดแบบนั้นต่อหน้าคนของเขาด้วย เหมือนฉันไปออกคำสั่งกับเขาจริงๆ”

“แกก็ไปเชื่อไอ้พีมัน ไม่เอาน่าอย่าคิดมากป่านนี้แล้วแกจะทำอะไรได้” ปารีย์บอกอย่างไม่รู้จะช่วยยังไงแต่ร่างเล็กก็ยังสั่นศีรษะไปมา

“ฉันต้องไปขอโทษเขา คืนนี้ฉันนอนไม่หลับแน่ถ้าไม่ได้พูดกับเขาให้รู้เรื่อง ถึงจะโดนอากุลด่าก็ยอม เดี๋ยวฉันมา” กุมาริกาผุดลุกขึ้นออกไปจากห้องทันที

“เฮ้ย!!กัมมี่นี่มันห้าทุ่มกว่าแล้วนะ มันไม่สมควรกว่าอีกนะแก” ปารีย์ตะโกนเรียกหากร่างเล็กก็ไม่ได้หยุดฟัง

มือเล็กยกขึ้นค้างกลางอากาศก่อนตัดสินใจกดออดหน้าประตูเพียงไม่นานประตูบานใหญ่ก็ถูกเปิดออกโดยผู้จัดการส่วนตัวดาราหนุ่ม “ฉันขอโทษที่มารบกวนตอนนี้ค่ะผู้จัดการคิม”

“มีอะไรหรือครับคุณล่าม” คิมเซจุนมองดวงตาที่แดงกล่ำอย่างสงสารเธอคงคิดมากไม่น้อย

คิมเซจุนอยากจะบอกแทนคนที่นอนอยู่ในห้องจังว่าไม่เป็นไร เพราะเขาถามแล้วแทบงแค่โกรธที่เธอไม่บอกเขาตรงๆเองก็แค่นั้น แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรมากได้ จึงได้แต่รอท่าทางของล่ามสาว

“คือฉันรู้สึกไม่สบายใจมากๆคงนอนไม่หลับแน่ถ้าไม่ได้ขอโทษคุณนัมแทบงก่อน”

ผู้จัดการหนุ่มถอนหายใจยกมือขึ้นกุมหัวตัวเองอย่างตัดสินใจอย่างประเมินสถานะการณ์ที่กำลังจะทำ “เอาอย่างนี้ครับคุณล่ามแทบงเข้าห้องไปสักชั่วโมงแล้ว ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าเขาหลับรึยัง แต่ถ้าคุณยืนยันที่จะพบคุณก็ลองเคาะประตูแล้วเข้าไปดูแทบงเขานอนไม่ล็อคประตูหรอก ผมจะแก้ตัวเองว่าคุณไม่เชื่อบุ่มบ่ามเข้าไปแต่คุณอาจจะโดนเขาต่อว่าแรงๆได้ คุณยังจะเข้าไปไหม”

กุมาริกาสบตานิ่งอย่างตัดสินใจก่อนพยักหน้า ทำให้ผู้จัดการคิมถอยเปิดทางให้ มองบานประตูห้องของตัวต้นเหตุถูกเคาะก่อนเปิดและปิดลง

“ผมทอดสะพานเต็มที่แล้วนะท่านประธานอยู่ที่น้องชายท่านแล้วล่ะว่าจะสานต่อยังไง” ผู้จัดการคิมถอยไปนั่งฟังผลที่มุมห้องรับแขก

ร่างสูงนอนนิ่งอยู่กลางเตียงมีเพียงแสงไฟสลัวจากหัวเตียงเปิดทิ้งไว้ขนตายาวปิดลงดูสวยสำหรับคนมอง ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันข่มความกลัวเดินไปหยุดตรงหัวเตียงตรงมุมที่เขานอน เมื่อเห็นว่าเขาหลับไปแล้วก็ยังพูดออกมาอย่างที่ตั้งใจไว้

“ฉันอยากจะขอโทษคุณ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณรู้สึกไม่ดีเลยจริงๆนะคะ... ฉันแค่ห่วงว่าคุณจะปวดหัวและรู้สึกไม่ดีในวันพรุ่งนี้เช้า แต่ฉันอาจจะคิดน้อยไปที่พูดออกไปแบบนั้นหวังว่าคุณจะไม่โกรธกับการกระทำที่โง่เขลาของฉันนะ ฝันดีค่ะ”

กุมาริกายกมือปาดน้ำตาหันหลังให้กับร่างที่นอนนิ่งบนเตียง มือเล็กเปิดประตูออกแต่ถูกดันปิดลงจากฝ่ามือที่เอื้อมมาจากทางด้านหลัง หญิงสาวกระพริบตาไล่ความชื้นที่อออยู่ทั่วดวงตากลมอย่างตกใจ เบิกตาโพรงในเงามืดเมื่อหันมาเจอร่างสูงยืนอยู่ตรงหน้า

“คุณไม่ได้หลับเหรอคะ” กุมาริกายกมือปาดน้ำตาไม่ให้คนตรงหน้าเห็นเมื่อเห็นว่าเขาก้มลงมาจนได้ระดับสายตาเดียวกัน

“ก็กำลังจะหลับแต่ได้ยินเสียงเด็กขี้แยน่ารำคาญชะมัดจะหลับลงได้ยังไง” นัมแทบงแสร้งทำหน้านิ่งยันมือค้างไว้กับบานประตู

“ฉันขอโทษค่ะที่เสียมารยาทกับคุณ ฉันเสียใจจริงๆนะคะ” กุมาริกาบอกหลบตาเรียวที่มองเธออยู่

นัมแทบงเงยหน้าหัวเราะกับอาการไม่สบตาของล่ามสาว “นั่นไงสิ่งที่คุณทำ รู้ไหมมันก่อกวนผมแค่ไหน คุณเมินผมหลบตาไม่มองแต่คุณกลับคุยกับทุกคน”

หญิงสาวรู้สึกถึงลมหายใจที่เป่ารดบริเวณหน้าผากมน กรุ่นกลิ่นแอลกอฮอล์จากไวน์เจืออยู่จางๆ เสียงของดาราหนุ่มดังไม่ไกลจากแก้มใสนัก

“ผมรู้สึกไม่ดีจริงๆแต่ไม่ใช่เพราะคุณสั่งผม แต่เพราะมีบางสิ่งที่กวนใจผมอยู่เกือบทั้งวัน ทุกอย่างเกิดจากคุณ ดวงตาของคุณชุดนี้ที่คุณใส่รวมถึงคนที่อยู่รอบตัวคุณด้วย มันทำให้ผมหงุดหงิดเพราะควบคุมตัวเองไม่ได้เข้าใจไหม ผมเป็นแบบนี้เพราะคุณรู้ไว้เลยกัมมี่”

นัมแทบงยกมือไล้ไปตามแก้มเนียนก่อนหยุดนิ่งที่ปลายคางนุ่มออกแรงดันเพียงเล็กน้อยริมฝีปากอิ่มที่เจ้าของไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกครอบครองตามความต้องการของคนพูดน้อย แม้ร่างเล็กจะขืนตัวออกแต่ก็ถูกรั้งเข้าหาร่างสูงอยู่ดีศีรษะมนถูกแหงนให้พอดีมุมกับคนที่ปล้นจูบอย่างตามใจตัวเอง รวมถึงเอวบางที่ถูกดึงเข้าไปกอดจนแนบชิด ต่อเมื่อริมฝีปากอิ่มเป็นอิสระก็แทบจะหาปากกับลิ้นของตัวเองไม่เจอ...

“ฉัน... ฉันจะกลับห้องแล้วคะ” กุมาริกาเอ่ยตะกุกตะกักตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น มือที่เมื่อครู่เกาะเกี่ยวเขาไว้กลับดูเกะกะไร้ที่วางจนต้องไพล่หลังบีบเอาไว้แก้อาการขัดเขิน หัวใจหญิงสาวสั่นไหวบอกไม่ถูกว่าตัวเองกำลังเป็นอะไร แล้วเราสนิทกันขนาด
เธออนุญาตให้เขาเรียกชื่อเล่นได้แล้วเหรอ...แล้วเพราะอะไรเธอถึงไม่ตบหน้าเขาให้สาสมกับที่โดนฉวยโอกาสขนาดนี้

“ทำไมล่ะเรายังไม่ได้คุยกันเลย” ดาราหนุ่มยิ้มกับกิริยาขัดเขินและหยุดยืนมองหญิงสาวเฉยๆแทน เพราะเห็นว่าเมื่อเขาก้าวเข้าหาเธออีกครั้งแต่เธอกลับถอยหนีจนชิดบานประตู

“มันดึกแล้วค่ะเพื่อนฉันคงรออยู่ด้วยเพราะผลุนผลันขึ้นมา” กุมาริกาเอาปารีย์มาเป็นข้ออ้างก้มหน้าหงุด

นัมแทบงมองใบหน้าเนียนที่ตอนนี้แดงระเรื่อดูน่ารักในสายตาของคนแอบมอง “งั้นผมไปส่ง”

“ฉันกลับเองค่ะ อยู่ชั้นล่างนี่เอง” กุมาริกาบอกปฏิเสธแต่มือบางก็ถูกดึงออกไปด้วยกันจนได้

คิมเซจุนลุกขึ้นพรวดแทบจะทันทีที่ได้ยินเสียงปิดประตูเป็นครั้งที่สอง ต่างตรงที่ครั้งนี้มีร่างของนัมแทบงเดินจูงมือล่ามสาวชาวไทยออกมาด้วย

“ฮยองยังไม่นอนอีกเหรอ” ดาราหนุ่มทักอย่างอารมณ์ดี

กุมาริกาพยายามดึงมือออกจากการเกาะกุมของดาราหนุ่มแต่มันยิ่งเหมือนถูกบีบกระชับมากขึ้น จนหญิงสาวไม่รู้จะทำยังไง “ฉันกลับห้องก่อนนะคะผู้จัดการคิม”

“ฮยองผมไปส่งกัมมี่ชั้น10 นะ เดี๋ยวมา” นัมแทบงยิ้มส่งให้ผู้จัดการที่ทำหน้าเหวออยู่

“อ่อ..ได้สิ” คิมเซจุนจำได้ว่าตอบไปแค่นั้นเพียงแค่เห็นรอยยิ้มจากดาราหนุ่ม

ล่ามสาวมองมือตัวเองที่ถูกนัมแทบงจับจูงไว้โดยมีเธอเดินตามหลัง กุมาริกาบอกตัวเองว่าเขาดูดีเพียงแค่ใส่เสื้อกล้ามสบายๆกับกางเกงนอนขายาว คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เขาจูบเธอเพราะอะไรเขาชอบเธองั้นเหรอ ยิ่งคิดภายในใจก็แทบจะระเบิด

“ตึก ตึก ตึก ตึก” “ถึงห้องฉันแล้วค่ะขอบคุณที่มาส่ง” กุมาริกาเอ่ยตะกุกตะกักใบหน้าหวานก้มลงมองแต่พื้นมาตลอดนับแต่ก้าวออกจากห้องดารา

“ห้ามใส่ชุดแบบนี้ให้คนอื่นเห็นอีกนะ อย่าให้ใครลูบผมนี่อีก” นัมแทบงจับปลายผมยาวพันเล่นที่นิ้วก่อนจับไปไว้ด้านหลัง
กุมาริกายิ้มขัดเขินแต่ก็พยักหน้ารับโบกมือให้ดาราหนุ่มที่ชะโงกหน้ามาจากลิฟท์ที่ยกสองมือโบกให้เธอเช่นกันรอยยิ้มกว้างนั่นเธอชักชอบมันเข้าแล้วสิ.....







พบกะรัณย์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ก.ย. 2558, 22:28:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ก.ย. 2558, 22:30:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 981





<< ผู้ชายเย็นชา   7.1 คู่แข่ง >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account