~ สายใย .. ไฟรัก ~
~ สายใย .. ไฟรัก ~


เส้นสายใย .. ใครกันหนอ .. ที่ทอถัก
เส้นสายรัก .. ใครจักสาน.. ขานคำขอ
เส้นทางเดิน .. ใครเหินห่าง .. ต่างเฝ้ารอ
ไฟรักพอ .. ต่อหัวใจ .. ให้อุ่นอิง




เธอ .. คือ เพื่อนสนิทของน้องสาวเพื่อนรัก

เขา .. คือ ผู้บริหารโรงแรมจอมเผด็จการ แต่กลับเป็นเพื่อนรักพี่ชายของเพื่อนสนิท

ทว่า ..

เธอ .. ในสายตาของเขา .. คือ คนอวดดี ยโส ที่ใช้เพื่อนเป็นทางผ่านไปสู่ความสำเร็จของตัวเอง

เขา .. ในสายตาของเธอ .. คือ ผู้ชายไร้เหตุผล เอาแต่ตนเองเป็นใหญ่

ที่สำคัญเหนืออื่นใด .. ทั้งเธอและเขา .. กำลังตกหลุมรักคนที่ไม่ควรจะรัก!




***************************
Tags: ความรัก ครอบครัว เพื่อน

ตอน: ใยเส้นที่ 18 .. น้ำตา




ยิ่งคิดมัสลินก็ยิ่งติดใจสงสัยในตัวศรตฤณ ต่อให้มีเหตุผลร้อยเอ็ดเจ็ดพันข้อ ก็คงไม่สามารถยกมาอ้างอิงให้ได้คำตอบว่า 'อาป่าน' ของเธอ มาอยู่ที่เกาะลาลัลตั้งแต่เมื่อไหร่ และเขามาทำอะไรที่นั่น

แต่มันก็ยังไม่สำคัญเท่า ๑ ใน ๒ ประเด็นหลักที่น่าสงสัย ทำให้หญิงสาวต้องลงมือค้นหาข้อมูลจากหลายแหล่งและช่องทาง

เมื่อคำๆหนึ่งเล็ดลอดจากปากของเชดส์ ในขณะกำลังสนทนาสั้นๆที่เน้นเลือกใช้คำอย่างรัดกุมกับศรตฤณ หรือในอีกชื่อหนึ่งที่เธอได้ยินเชดส์เรียกเขาว่า 'ซายน์'

ท่าทีที่ทั้งสองคนมีต่อกัน ดูคุ้นเคยสนิทสนมหากแฝงไว้ซึ่งความระมัดระวังตัว เป็นการตอกย้ำความมั่นใจได้อย่างดีว่า บุรุษผู้มีทรงผมเดรดล็อคเป็นเอกลักษณ์ กับ ชายหนุ่มเลือดผสมรูปร่างหน้าตาชวนมอง รู้จักกันมาก่อนแน่นอน

มัสลินนึกขอบคุณอะไรก็ตามแต่ ที่ดลใจพายพัดให้สังเกตกิริยาอาการหัวเราะหนักของเธอ หลังกลับจากฟูลมูนปาร์ตี้คืนนั้น แม้ว่าสาเหตุแห่งความขบขันจะเกิดจากความเข้าใจคลาดเคลื่อนของเพลิงกัลป์ หาใช่สารบางอย่างจากพืชจำพวกใบไม้ร่าเริง แต่นั่นก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการเปิดประเด็นแรกขึ้นมา

'น้ำตา' ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งระหว่างการซักไซ้ไล่เลียง 'พฤติกรรมขำเกินขนาด' อย่างเอาเป็นเอาตายด้วยความบังเอิญ และในที่สุดก็ได้ข้อสรุปถึงความหมายของคำปริศนา .. คำนี้

'เทียร์ส' .. หยดน้ำตาปิศาจ สารสกัดจากเมทแอมเฟตามีน หนึ่งในผลิตภัณฑ์ยาเสพติดตัวใหม่ มันยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายนัก จะหาซื้อได้ก็มีแต่ในวงแคบเท่านั้น

'แล้วอาป่านกับคุณเชดส์ ไปรู้จักของแบบนี้ได้ยังไง'

มัสลินกุมขมับเมื่อความคิดตีบตันลงเพียงเท่านี้ นอกจากพายพัดที่เป็นคนจุดประกายให้นึกถึงแวดวงในโลกมืด เธอยังต้องขอบคุณรัศมิทัตด้วยอีกคน เขาเข้ามาให้ความกระจ่างแบบเจาะลึกยิ่งกว่าโดยคาดไม่ถึงว่า พวกที่ต้องการ 'น้ำตาปิศาจ' จะสามารถหามันได้จากที่ใดบ้าง



"อ้าว ลินิน .. ยังไม่เลิกคิดเรื่อง 'เทียร์ส' อีกหรือน่ะ .. ไม่สิ ท่าทางแบบนี้ มันเหมือนคิดถึงคนที่จะทำให้มีน้ำตามากกว่า ฮ่าๆ"

เสียงนุ่มทุ้มของรัศมิทัตยังแฝงความกวนทุกครั้ง ยามได้พบกับเพื่อนสนิทอีกคน และมันสามารถดึงให้คนหมกมุ่นกับปริศนาคาใจเงยหน้าขึ้นมองเขาให้เต็มตาได้

"พอเลยทัต .. แหม ตั้งแต่คืนดีกับพี่ฟ้าได้ ก็กลายเป็นผู้ชายลั้ลลา แกว่งปากหาเสี้ยนเลยนะ"

"โว่ๆๆ .. มันต้องแบบนี้สิ มัสลินคนกล้า วาจาดั่งหนาม .. ไม่เอานะ ไอ้อาการซึมเซาเหงาเป็นหมาหงอย มันไม่เหมาะกับเธอจริงๆ"

มัสลินตวัดสายตาดุตีหน้าขึงขังไร้คำพูด เพื่อปรามคนปากไวพอกัน แต่แล้วก็เป็นเธอเองที่หลุดหัวเราะออกมา ... จะมีสักกี่คนกันที่กล้าต่อปากต่อคำกับเธอได้ถึงพริกถึงขิงเช่นนี้

ที่แน่ๆเธออดนึกไปถึงคนที่อยู่ไกลกันนับพันกิโลเมตรไม่ได้ ... แต่เขาก็คงกำลังนึกถึงคนอื่นอยู่เช่นกัน

หญิงสาวชะงักอาการขำขันเสียเฉยๆ พยายามปัดความคิดรกสมองทิ้งไป เมื่อมันเริ่มประมวลผลจนเคาะเป็นชื่อ ... เพลิงกัลป์ ออกมา

"บ้าจริง"

"อะไร ลินิน โกรธเหรอ แค่นี้ต้องว่ากันด้วย"

"เปล่าๆ เราว่าตัวเอง มัวแต่นึกเรื่องไร้สาระน่ะ ... ยังไงก็ขอบใจนายมากนะ อุตส่าห์ไปหาข้อมูลมาให้"

มัสลินรีบปฏิเสธทันทีที่รัศมิทัตวางท่าถทึงยืนกอดอกตรงหน้า ยิ่งเธอนั่งอยู่ในระดับต่ำกว่ารูปร่างสูงใหญ่ของเขา จึงมองดูไม่ต่างจากยักษ์ปักหลั่นเท่าใดนัก ก่อนเปลี่ยนมากล่าวขอบคุณในเรื่องสำคัญ

"ก็ ... ไม่ได้ลำบากอะไรเท่าไหร่นี่"

"แหม ทำยังกับคนวงใน รู้เรื่องรู้ราวดีนะ ... นี่ นั่งก่อนเหอะ แหงนคอคุยนานๆมันเมื่อย"

ชายหนุ่มรีบทำตามคำบอกของเพื่อนโดยไม่ต้องรอให้ย้ำ ระหว่างเลื่อนเก้าอี้ก็เสมองไปรอบๆซ้ายทีขวาทีราวกำลังหาใคร แล้วมันก็ได้ผลที่เบี่ยงความสนใจให้พ้นจากคำว่า ‘คนวงใน’ ไปได้

"พายไปสำนักงานใหญ่ที่เชียงใหม่ คุณป้ายาบอกให้ขึ้นไปช่วยเตรียมงาน ... มีอะไรรึเปล่า"

"สงสัยงานสำคัญ ไม่งั้นป้ายาคงไม่เรียกตัวหลานสาวแน่ ... เออนี่ ที่แวะมาเนี่ยจะมาขอบใจลินินกับพาย ที่ช่วยให้กำลังใจจนเราเคลียร์กับคุณฟ้าได้"

มัสลินยิ้มรับและยินดีกับรัศมิทัตจากใจจริง อย่างน้อย การเห็นเพื่อนมีความสุข คนเป็นเพื่อนก็มีความสุขไปด้วย

"แล้วก็ ... คนเป็นแฟนกัน มันก็ต้องอยากอยู่ใกล้ๆกันถูกไหม"

"กล้าพูดนะ ... ทำไม นายจะหอบผ้าหอบผ่อนตามไปอยู่กับพี่ฟ้าที่ลาลัลรึไง"

"อือฮึ"

"เฮ้ย!"

เสียงอุทานตกใจเรียกบุคลิกสาวห้าวของเธอกลับคืนอีกครั้ง เมื่อได้เห็นเพื่อนยอมรับหน้าตาเฉย แถมยังยักคิ้วหลิ่วตายั่วเย้าคนที่กำลังจ้องเขม็ง

"ความคิดถึงมันห้ามกันได้ที่ไหน ... นี่คุณฟ้าก็กลับไปตั้งอาทิตย์หนึ่งแล้ว เราอยู่ทางนี้เลยต้องรีบเคลียร์งาน อีกสักวันสองวันคงได้ตามไป"

"อ้าว แล้วงานทางนี้ล่ะ ... ป๊านายไม่ว่าเอาเหรอ"

มัสลินสอบถามด้วยความเป็นห่วง เธอไม่อยากให้ใครถูกตำหนิในทางเสียหาย ว่าพอมีเรื่องหัวใจเข้ามา หน้าที่การงานก็ล้มเหลวลง ไม่ว่าจะเป็นรัศมิทัต หรือเวหา

"ป๊าไม่ว่า ... แถมเชียร์อีกต่างหาก"

หญิงสาวกลอกตาอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจ้องมองหน้าประสานสายตากับคนพูด ท่าทีที่แผกไปเล็กน้อยของเขา ทำให้เธอรู้สึกว่า มีบางอย่างที่ไม่ธรรมดาเกิดขึ้น เพราะอารมณ์ร่าเริงล้นเหลือเมื่อครู่ลดลงถนัดใจ คล้ายกับต้องจริงจังกับการเดินทางครั้งนี้ จนอดเปรยอย่างข้องใจไม่ได้

"มีอะไรหรือเปล่าทัต ... เราว่า มันแปลกๆนะ"

"ไม่นี่ ... ไม่เหมือนลินินหรอก จู่ๆก็ถามเราว่า รู้จัก 'น้ำตา' ไหม ... นี่สิแปลก"

รัศมิทัตเท้าความไปถึงเรื่องคำถามที่สร้างความประหลาดใจและตกใจได้พอๆกัน หลังจากนัดพบกับสองสาวที่คอนโดมิเนียมของพายพัด คราวที่ความตื่นเต้นปริ่มเปรมยังพลุ่งพล่าน อยากบอกความคืบหน้าเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับสาวรุ่นพี่จนระงับไม่ไหว

มัสลินเหลือบมองชายหนุ่มตรงหน้า คิดในใจว่าเธอกำลังถูกเขาบ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบคำถาม ... หรือเปล่า

แต่การที่ได้ทราบจุดมุ่งหมายของเพื่อนที่มาในวันนี้ มันก็ทำให้สามารถตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ง่ายขึ้น

"คงจะเป็นอย่างนั้น ... เพราะ 'น้ำตา' นี่ล่ะที่ทำให้เราอยากรู้ความจริงเกี่ยวกับใครบางคน"

"คุณซายน์?"

มัสลินพยักหน้ารับกับชื่อนั้น เพียงแต่เธอยังไม่ได้บอกรัศมิทัตว่า แท้จริงแล้วบุคคลคนนี้มีความเกี่ยวข้องกับเธออย่างไร จนกว่าจะได้รู้เหตุผลของศรตฤณเสียก่อน

"ถ้าทัตโอเค ... เราจะไปลาลัลพร้อมทัตเลย"






เพลิงกัลป์วางสายจากคุณเวหน ครุ่นคิดในเรื่องที่บิดาบอกเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า เขารับรู้ได้ถึงความกังวลที่ไม่อาจซุกซ่อนจากน้ำเสียง ซึ่งเป็นการยืนยันว่า สิ่งที่เขากำลังสงสัย ... มันมีอยู่จริง

ชายหนุ่มไม่ทราบหรอกว่า บิดาไปได้ข้อมูลมาจากใคร แต่ก็ทำให้เขาเชื่อมั่นและพุ่งประเด็นไปยังบุคคลที่เป็นเป้าหมาย ... สองสามคน

หนึ่งในนั้นคือ ซายน์ ชายหนุ่มลูกครึ่งหน้าตาคมคาย ประเมินอายุอานามน่าจะไล่เลี่ยกับเขา แต่ความเป็นมากลับไม่ปรากฏแน่ชัด

ถ้าเพลิงกัลป์จำไม่ผิด การมาถึงของซายน์ เป็นเวลาใกล้เคียงกับข่าวลือว่า บนเกาะมีของ 'เล่น' ตัวใหม่เข้ามา แล้วก็หายหน้าหายตาไป ไม่ต่างจากนักเดินทางที่มาท่องเที่ยวบนเกาะลาลัล

แต่ตอนนั้นตัวเขาเพิ่งเข้ามารับผิดชอบรู้คได้ไม่นาน จึงไม่ได้ให้ความสนใจกับบุคคล หรือของเล่นที่ใครๆเอ่ยถึง คิดว่าข่าวลือก็คงเป็นแค่ข่าวลือ

กระทั่งคืนหนึ่งเพลิงกัลป์ได้พบกับเชดส์ที่เวิ้งหินโสโครก เมื่อเขาออกไปเดินเล่นรับลมทะเล มันเป็นความบังเอิญที่ไม่น่าจดจำเท่าไรนัก เพราะจู่ๆต้องมาพบชายหนุ่มร่างสูงผิวคล้ำ ซึ่งสรีระครึ่งกายท่อนบนนอนเกยหินโกโรโกโส เกลียวคลื่นทยอยถาโถมซัดสาดช่วงครึ่งท่อนล่าง ราวจะรั้งลากชายคนนั้นลงสู่ก้นบึ้งความมืดมิด

เท่าที่สังเกตและประเมินด้วยสายตา เขาก็เห็นเพียงรางๆว่า ร่างกายไร้สตินั้นมีร่องรอยบอบช้ำ คาดว่าน่าจะเกิดจากการถูกทำร้าย อีกทั้งผิวเนื้อบางส่วนก็เต็มไปด้วยลิ่มเลือดที่เริ่มแข็งตัวเกรอะกรังบริเวณบาดแผล

เพลิงกัลป์ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า การที่เขาให้ความช่วยเหลือเชดส์เมื่อคราวนั้น มันเป็นจะเป็นผลดีต่อเขาหรือไม่

จำได้ว่าคืนนั้น ชายหนุ่มได้แต่ภาวนา หวังแค่ไม่ให้มีใครรู้เรื่องที่เจ้าของรู้ค ขับสปีดโบ้ทฝ่าเกลียวคลื่นไปไหน จนบ่ายของอีกวันนั่นล่ะ เขาจึงกลับมาเพียงลำพังด้วยความอ่อนเพลีย

เรื่องนี้มีแต่เพลิงกัลป์และพันตำรวจเอกพันแสง ผู้กำกับการสถานีภูธรแห่งหนึ่งในจังหวัดตรังเท่านั้นที่ทราบ ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเสี่ยงไม่น้อย แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้คนคนหนึ่งเสียชีวิตต่อหน้าต่อตา

และการมีนายตำรวจเป็นพยาน ก็เพื่อความปลอดภัยแก่ตัวเขาเอง ไม่ว่าผู้บาดเจ็บจะเป็นใคร ... คนดี หรือ คนร้ายก็ตาม

เพลิงกัลป์รับทราบหลังจากนั้นแค่ว่า คนที่เขาให้ความช่วยเหลือพ้นขีดอันตราย และอยู่ในความดูแลของผู้กำกับพันแสง ... เท่านั้นความสนใจของเขาก็หมดลง

ผ่านไปหลายเดือนทิพพา ภรรยาของผู้กำกับพันแสง และเคยเป็นเลขาฯคนสนิทของคุณเวหา ก็ติดต่อฝากงานให้ใครคนหนึ่ง

ในฐานะคนคุ้นเคยจึงไม่เป็นการยากอะไร ที่เพลิงกัลป์จะรับฟังคำข้อร้องนั้น และนั่นคือ การกลับมาของเชดส์ในรูปลักษณ์ที่ต่างไปอย่างสิ้นเชิง

อาการบาดเจ็บไม่หลงเหลือให้เห็น นอกจากความเปลี่ยนแปลงไปเป็น ... ไอ้หนุ่มเรกเก้กับทรงผมเดรดล็อค!

เพลิงกัลป์เริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลได้ในนาทีนั้น ... สัญชาตญาณระวังภัยของเขาจึงถูกปลุกให้ตื่นตัวโดยอัตโนมัติ

จะมีสักกี่คนที่ตั้งใจกลับมายังสถานที่ ที่ตนเองถูกทำร้ายแทบปางตาย ... แรงจูงใจในเรื่องนี้มีเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้นที่พอจะสันนิษฐานได้

เพราะถ้าเป็นเพลิงกัลป์เอง ... คงจะไม่เก็บใครก็ตามที่กล้าทำร้ายเขาเอาไว้แน่

ท่านประธานรู้คจึงจับตามองเชดส์อยู่ห่างๆ ไปพร้อมๆกับให้ความช่วยเหลือในทุกเรื่องที่หนุ่มเดรดล็อคต้องการ แต่กลับมีเรื่องไม่คาดคิดยิ่งกว่าคือ เขาค่อยๆระแคะระคายถึง 'ของเล่น' ตัวที่เขาลืมไปเนิ่นนาน

ถึงอย่างไรก็ต้องขอบคุณแหล่งข่าวของเขา ที่ให้ข้อมูลเป็นอย่างดีว่า 'ของเล่น' นี้คืออะไร และเชื่อว่าคงได้ติดต่อกับแหล่งข้อมูลนี้อีกแน่ๆ

แม้เพลิงกัลป์จะยังขาดหลักฐานเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างกัน แต่ตอนนี้เขาเริ่มมั่นใจว่า เชดส์กับซายน์ ต้องรู้จักกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ไม่ใช่มิตร ... ก็ศัตรู

ถ้าวันหนึ่งวันใด 'เทียร์ส' หรือ หยดน้ำตาปิศาจ ที่เล่าลือเผยโฉมออกมาจริงๆ ... วันนั้นเขาก็จะได้รู้ชัดๆว่า ใครเป็นใคร มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรกับสิ่งชั่วร้ายที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในโลกนี้


"พี่ไฟ ... ฟ้าจะมารายงานผลที่อาทิตย์ก่อนขึ้นไปขอบคุณเอเจนซี่ของเรา ... ว่าแต่กำลังเครียดอยู่หรือเปล่าคะ สีหน้าไม่ค่อยดีเลย"

เพลิงกัลป์ปรับความคิดไม่ทันกับการมาของเวหา น้องสาวจึงได้เห็นความเคร่งเครียดปรากฏบนใบหน้าเช่นนี้ เขาจึงทำเสียงขรึมเลยตามเลย ไม่อธิบายเรื่องที่อยู่ในใจให้ใครรู้

"นิดหน่อย ... นั่งก่อนสิ เข้ามาไม่เคาะประตู ... ตัดเงินเดือน"

"อะไรกัน ... พี่ไฟนั่นล่ะ หูตึง ฟ้าเคาะจนมือจะหัก ... อ่ะ ดูสิคะ ข้อนิ้วยังแดงอยู่เลย"

เวหาคว่ำมือที่กำหลวมๆยื่นไปข้างหน้าให้เพลิงกัลป์ดูหลักฐาน เมื่อหย่อนกายนั่งลงตรงข้ามเรียบร้อย คนเป็นพี่ชายเหลือบมองก็เห็นรอยแดงจางตามที่น้องสาวบอกจริง

"ล้อเล่นน่า"

"แต่หน้าพี่ไฟ เสียงพี่ไฟ ... ไม่ได้บอกว่าล้อเล่นกับฟ้านะคะ"

เพลิงกัลป์มองหน้าคนไม่ยอมแพ้ ก่อนจะระบายลมหายใจแรง ยกมือข้างขวาขึ้นมาแตะหัวคิ้วนวดคลึงเบาๆ หลังจากที่เขาเบนสายตาหลบเวหาที่กำลังพูดให้รู้สึกตัว

"เอาล่ะ ... พี่ขอโทษ พี่คงเครียดไม่รู้ตัว ... แล้วมีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่าล่ะ"

"ก็เรื่องคอนแทรคลูกค้าน่ะค่ะ นอกจากจะขอบคุณแล้ว ฟ้ายังได้ลูกค้าเพิ่มด้วยนะคะ"

"เก่ง"

"อะไรกัน ... แค่นี้เอง"

คำชมเชยที่ได้รับจากพี่ชาย ทำให้เวหาอุทานไม่เบานัก เธอทำหน้าบึ้งคล้ายไม่พอใจ แต่ครู่เดียวก็เปลี่ยนเป็นยิ้มร่าเริง เพราะเห็นเพลิงกัลป์ยิ้มออกมาได้แล้ว

"ฟ้าไม่รู้หรอกค่ะ ว่าพี่ไฟกำลังเครียดเรื่องอะไร แต่ถ้ามันหนัก ... แบ่งเบามาให้ฟ้าบ้าง อย่าลืมสิว่า ฟ้าก็เป็นน้อง แล้วก็ไม่ได้อ่อนแอจนช่วยผ่อนหนักผ่อนเบาอะไรไม่ได้"

เพลิงกัลป์ถึงกับอึ้งเมื่อได้ฟัง และดูท่าว่าเขาจะเป็นอย่างที่เวหาพูดจริงๆ ... แต่เรื่องนี้มันอันตรายเกินกว่าที่จะให้น้องสาวรับรู้

เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ทัน เพลิงกัลป์ก็ได้ยินเสียงสดใสเอ่ยถึงคนบางคน ที่อยู่ในบทสนทนาระหว่างเขากับบิดา

"เอาเถอะ ฟ้าเข้าใจว่าเรื่องบางเรื่อง ผู้ชายก็หยิ่งเกินจะออกปากกับผู้หญิง ... ไว้ถ้าผู้ช่วยของฟ้ามาถึง เขาน่าจะช่วยพี่ไฟได้ดีกว่าฟ้าล่ะมั้ง"

"อ้าว ... นี่ฟ้ารู้แล้วเหรอ"

"รักจะคบกัน ... ก็ต้องเรียนรู้ด้วยว่า มีเรื่องสำคัญอะไร ห้ามปิดบังฟ้า ... ก็เท่านั้นล่ะค่ะ"

เวหาตอบพี่ชายน้ำเสียงจริงจัง แต่แววตาทอประกายสดใสระยับ เธอลุกขึ้นเมื่อพูดจบไม่รอให้เพลิงกัลป์ซักถามอะไร นอกจากขมวดคิ้วนิ่วหน้าสงสัย

"พี่ไฟไม่บอกฟ้า ... ฟ้าไม่ว่าค่ะ แต่เดี๋ยวฟ้าก็รู้เองล่ะ"

เพลิงกัลป์ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆจากเวหา กระทั่งประตูเปิดและปิดลง ทิ้งให้เขาอยู่ในห้องคนเดียว มีเวลาได้คิดทบทวนคำพูดของน้องสาว

รักจะคบกัน ... ถ้าอย่างนั้น ก็แปลว่า เวหากับรัศมิทัต

อะไรกันเนี่ย ... สองคนนั้นไปตกลงกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะที่ชายหนุ่มเห็นเมื่อสองเดือนก่อน น้องสาวของเขายังทำท่าเป็นนกป่วยอยู่เลย

ความฉงนสนเท่ห์ในเรื่องนี้มีมากพอ จนทำให้ลืมเรื่องเคร่งเครียดไปได้ชั่วขณะเลยทีเดียว





มัสลินเหลือบมองเพื่อนชายนั่งหลับบนเบาะโดยสารที่ปรับเอนกึ่งนอนอยู่ข้างๆ ขณะขับรถเข้าสู่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เนื่องจากเห็นว่ารัศมิทัตขับรถต่อเนื่องมาหลายชั่วโมง จึงอาสาเปลี่ยนมือให้เขาได้พักก่อนจะพ้นชุมพร

การเดินทางไม่ได้เร่งรัดตนทำให้พวกเธอรีบร้อน จึงแวะพักรถหาอะไรรองท้องเป็นระยะ นับตั้งแต่ออกจากกรุงเทพฯ เมื่อคืน

บนถนนสองเลนกับเส้นทางเหมือนยาวไกล กว่าจะไปถึงเขตจังหวัดกระบี่ มันก็นานพอที่จะทำให้หญิงสาวมีเวลาคิดอะไรได้หลายต่อหลายอย่าง

'ลินินรู้มั้ย เราได้คอนแทรกกับศูนย์แสดงผ้าทอที่ใหญ่ที่สุดแล้วนะ ป้ายาบอกว่า คุณทอทิวคนนี้ถึงกับยอมเปิดพิพิธภัณฑ์ส่วนตัว ให้เข้าชม เฉพาะกรุ๊ปทัวร์เป็นของ วิริยา ไทยทัวร์เท่านั้น'

เสียงตื่นเต้นของพายพัดที่เล่าถึงความสำเร็จเมื่อวันก่อน หลังร่วมงานสัมมนาการท่องเที่ยวที่เชียงใหม่ ในเรื่องการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างองค์กรภาครัฐและเอกชน แต่เพราะเพื่อนรักเอ่ยชื่อคนที่มัสลินไม่อยากได้ยิน เธอจึงตอบรับการบอกเล่าอย่างลืมตัวด้วยเสียงเย็นชา

'เหรอ ... ก็ดี'

เธอรับรู้ถึงความเงียบงันของพายพัด กว่าจะปรับอารมณ์ของตนได้ เพื่อนก็เอ่ยลาแผ่วเบาแล้ววางสายทันที

มัสลินกำพวงมาลัยรถแน่น นึกโมโหที่ตัวเองไม่รู้จักควบคุมความรู้สึกให้มากกว่านี้ ทำไมต้องมีปฏิกิริยาทุกครั้งยามได้ยินชื่อของพ่อ

ต่อให้มัสลินไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนั้น แต่ไม่นานพายพัดก็คงจะสงสัยว่า ชื่อสกุลของเจ้าของศูนย์ผ้าทอไทยกับเธอ เหตุใดจึงเหมือนกัน

แล้วเสียงของคนข้างๆก็ดังขึ้นบอกให้รู้ว่าพักพอแล้ว และยังช่วยทำลายภวังค์หม่นของสารถีสาวให้ค่อยเลือนหาย หันมาสนใจผู้ร่วมเดินทางที่เป็นเจ้าของพาหนะอีกครั้ง

"ถึงไหนแล้ว ... ลินิน"

รัศมิทัตถามขณะปรับเบาะเอนนอนให้อยู่ในท่านั่ง สะบัดศีรษะแล้วยกมือตบต้นคอกระตุ้นให้หายงัวเงีย ปิดท้ายด้วยการยกมือลูบหน้าตบแก้มตัวเองเบาๆ

มัสลินชำเลืองมองทุกอิริยาบถของเพื่อนชายยิ้มๆ ก่อนจะตอบคำถามเมื่อครู่

"สุราษฎร์ ... อีกเดี๋ยวก็ถึงกระบี่แล้ว"

"อืม มา ... เราขับเอง"

หญิงสาวเห็นความตั้งใจของเพื่อนก็ไม่อยากขัด จึงให้สัญญาณไฟก่อนจอดเทียบบนไหล่ทางด้านซ้าย แล้วคืนหน้าที่ให้แก่เจ้าของรถไป

"ลินินว่า คุณฟ้าจะตกใจไหม ที่เรามาพร้อมกัน"

"พี่ฟ้าคงไม่เท่าไหร่ แต่พี่ชายพี่ฟ้าน่ะสิ ... รายนั้นยิ่งเขม่นๆ เราอยู่"

สถาปนิกหนุ่มใช้ความคิดครู่เดียว ก็ละมือข้างหนึ่งจากพวงมาลัย ขึ้นมาดีดนิ้วดังเป๊าะ รู้ได้ทันทีว่า เพื่อนสาวหมายถึงใคร

"ลุงไฟน่ะเหรอ ... จะเอาอะไรกับคนแก่ เห็นใครไม่ถูกใจก็เขม่นทั้งนั้น เรายังเคยโดนมาก่อนเลย สมัยที่ลุงแกทำมามองกะลิ้มกะเหลี่ยยัยแฟนน่ะ"

"หืม ... พายน่ะนะ มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ ทัต"

"อือฮึ"

รัศมิทัตยักคิ้วแผล็บยิ้มมุมปากสีหน้าเจ้าเล่ห์ ยืดตัวเขื่องราวกำลังถือไพ่เหนือกว่าคนที่ถูกเอ่ยถึง แถมยังแกล้ง 'ใส่ไฟ' เพลิงกัลป์โดยไม่รู้ว่า คนฟังเชื่อสนิทใจและจริงจังเพียงใด

"ดีนะ ที่ลุงกรีไม่รู้ ... ไม่งั้นล่ะก็ ... เพื่อนก็เพื่อนเท้อ"

คนเล่าลากเสียงพร้อมกับยกมือขวาหันปลายนิ้วทั้งสีเข้าหาลำคอ ส่ายไปมาคล้ายมันเป็นของมีคมบอกใบ้ให้รู้ว่า ... ไม่รอดแน่

รัศมิทัตเหลือบมองเพื่อนสาว แอบขำหน้าตาคร่ำเครียดที่เขารู้แล้วว่า ‘อำ’ ได้อย่างแนบเนียน เขารอให้คนฟังร่วมด้วยช่วยเผา แต่เพื่อนก็ยังเงียบอยู่ จนผ่านไปอึดใจคิดได้ว่าอีกฝ่ายคงไม่เล่นด้วย จึงหันกลับมามีสมาธิกับการขับรถแทน


ในขณะที่มัสลินไม่คาดคิดเลยว่า คนที่เธอเริ่มมองเขาในแง่ดีขึ้นมาบ้าง ... นิดหนึ่ง

แท้จริงแล้ว ... นิสัยก็ไม่ต่างจากผู้ชายทั่วไป ... ไม่ต่างจากพ่อของเธอ เป็นพวกเจ้าชู้ไม่เลือก!

หญิงสาวพอจะจำได้ว่าท่าทีของท่านประธานแห่งรู้ค ดูเอื้ออาทรเอ็นดูพายพัดมาแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่เขายังบริหารเดอะ ฟินิกซ์ รีโซเทล ก่อนที่ตามพ์จะเข้ามามีบทบาทในหัวใจเพื่อนรักของเธอ

หรือพอเขาหมดหวังจากพายพัด ... ศิรา จะเป็นที่หมายรายล่าสุดของเขา

มัสลินปรามาสคนอย่างเพลิงกัลป์ไว้เลยว่า สักวัน ... เขาจะต้องเสียน้ำตา เพราะความเจ้าชู้ของตัวเอง จนใครก็ไม่อาจช่วยได้









***********************************************





โปรดติดตามตอนต่อไป ...


ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม .. และขอบคุณสำหรับการกดไลค์เป็นกำลังใจให้ฮะ



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ก.ย. 2558, 22:45:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ก.ย. 2558, 22:45:05 น.

จำนวนการเข้าชม : 1070





<< ใยเส้นที่ 17 .. เจตนา หรือว่า เข้าใจผิด   ใยเส้นที่ 19 .. อย่าให้คลาดสายตา >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account