ความรัก...สีหมอก
Tags: ความรัก...สีหมอก,อิง,เอย,แก้วกุดั่น,กรรณิการ์,พัสสน,ก้องภพ
ตอน: บทที่ 2
บทที่ 2
แวบหนึ่ง ก้องภพคิดว่าชมนาดยังไม่ตาย แต่ผ่านไปครู่หนึ่งจึงรู้ว่าเข้าใจผิด
แม้ใบหน้าเป็นพิมพ์เดียวกัน แต่ความอ่อนเยาว์ซึ่งดูแล้วอายุไม่ถึงยี่สิบ ทำให้ชายหนุ่มนึกสงสัย
“เธอเป็นใคร”
ก้องภพเห็นอีกฝ่ายทำหน้าราวกับแปลกใจ ก่อนที่เขาจะได้คำตอบ
“อิงเป็นลูกแม่ชมค่ะ”
ลูกสาวของชมนาด
พลัน ภาพเด็กหญิงสองคนซึ่งเขาเคยเห็นวิ่งเล่นไล่จับกันตรงสวนข้างบ้านก็ผุดขึ้นจากความทรงจำ เพราะที่ผ่านมาชมนาดกับลูก ๆ ของเธออาศัยอยู่ในตึกเล็กที่ห่างไปจากตึกใหญ่ราวหนึ่งกิโลเมตร เขาจึงแทบไม่ได้เจอกับเด็กหญิงทั้งสอง หรือบางทีอาจเจอแต่เขาไม่ทันสังเกตเพราะไม่ได้สนใจ
“ลุงเอกให้อิงมาตามค่ะ”
คำบอกนั้นทำให้ก้องภพรู้ว่าถึงเวลาที่เขาต้องกลับบ้านแล้ว กระนั้นก็ไม่วายสงสัย
“ทำไมก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยเห็นเธอ”
“เอย...น้องสาวอิงไม่สบายค่ะ อิงต้องอยู่ดูแลน้อง เพิ่งมีวันนี้ที่น้องอาการดีขึ้นอิงเลยมาช่วยงานได้”
ก้องภพพยักหน้ารับรู้แล้วทำท่าจะเดินนำออกไป
“คุณก้องคะ”
เมื่อหันไปมอง ชายหนุ่มก็ใจกระตุกอีกครั้งเมื่อสบกับแววตาเศร้า ๆ คู่นั้น โดยเฉพาะเมื่อเธอพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“อิง...เสียใจด้วยนะคะ”
“พี่อิง คุณก้องเป็นยังไงบ้างคะ ใจดีเหมือนคุณลุงหรือเปล่า”
แก้วกุดั่นชะงักมือที่กำลังแปรงผมยาวประบ่าเมื่อได้ยินคำถามของน้องสาว ก่อนที่ภาพของชายหนุ่มจะผุดขึ้น
ชายหนุ่มผิวขาว ดวงตาสีนิล ท่าทางเฉยชานั้น แทบไม่ต่างจากตอนที่เธอเจอเมื่อสองปีก่อน
หลายครั้ง เธอเห็นเขาจากที่ไกล ๆ เวลาออกมาเดินเล่นแถวสวนข้างบ้าน แต่ทุกครั้งได้แต่แอบมองไม่กล้าทักทายเพราะความเจียมตัว
เขาคงไม่อยากเสวนากับลูกของผู้หญิงที่พ่อใช้เงินซื้อตัวมา
“ก็...คงใจดีเหมือนกัน”
เด็กสาววัยสิบเจ็ดตอบ พลางฝืนยิ้มทั้งที่นึกสงสารเมื่อเห็นสีหน้าซีดเซียวของน้องสาว
กรรณิการ์ อายุน้อยกว่าเธอเพียงสองปี สุขภาพไม่แข็งแรงนัก เธอกับมารดาจึงต้องคอยดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ อาจด้วยเหตุนี้แม่ของเธอจึงยอมรับข้อเสนอของคุณการิน เพื่อแลกกับการให้เธอและน้องมีบ้านอยู่มีข้าวกินครบสามมื้อแล้วยังได้เรียนหนังสือต่อ ไม่ต้องลำบากเหมือนที่ผ่านมาจากการหารายได้ไม่พอประทังสามชีวิต
เมื่อนึกถึงอาการประหลาดของน้องสาว แก้วกุดั่นก็ยิ่งเศร้าใจ
เวรกรรมอะไรหนอทำให้กรรณิการ์ไม่มีเสียงพูดทุกครั้งเมื่อจิตใจถูกกระทบกระเทือน ยิ่งช่วงที่มารดาจากไป น้องสาวของเธอไม่เพียงนอนซมอยู่บนเตียงแต่ยังพูดไม่ได้เป็นอาทิตย์
“แล้ว...เขาจะไล่เราไหมคะ”
แก้วกุดั่นรีบเดินไปกอดน้องสาวเพื่อปลอบใจ แค่เห็นสีหน้าเหมือนจะร้องไห้เธอก็เดาได้ว่ากรรณิการ์คงนึกกลัวไม่ต่างไปจากเธอ
สิ้นคุณลุงการินแล้ว ก้องภพจะไล่เธอกับน้องไปจากบ้านนี้หรือเปล่า
เด็กสาวเก็บความกังวลไว้ในใจ เมื่อนึกถึงเงินเก็บก้อนเล็ก ๆ ซึ่งก็ยังไม่พอสำหรับการไปใช้ชีวิตอยู่ข้างนอก โดยเฉพาะเมื่อน้องสาวของเธอมีสุขภาพอ่อนแอแบบนี้
“เขาไม่ทำแบบนั้นหรอก ไม่ต้องคิดมากนะ”
แก้วกุดั่นพูดปลอบ พลางนึกถึงวันเปิดพินัยกรรมที่จะมีขึ้นในอีกหนึ่งอาทิตย์
ถึงเธอกับน้องไม่มีความเกี่ยวข้อง แต่ยังไงเสียเขาก็คงได้รับมรดกทั้งหมดจากคุณการิน มีทรัพย์สินเงินทองมากมายขนาดนั้น คงไม่ใจร้ายไส้ระกำจนไล่เธอกับน้องออกไปจากบ้าน
เมื่อถึงวันเปิดพินัยกรรมก็เป็นไปตามที่แก้วกุดั่นคิด คุณการินทำพินัยกรรมยกทุกอย่างให้กับลูกชายคนเดียว แต่เพราะอีกไม่กี่วันก้องภพต้องกลับไปเรียนต่อเขาจึงมอบหมายให้คุณกุนทร อาของเขา ญาติห่าง ๆ ของพ่อซึ่งมีตำแหน่งรองผู้จัดการช่วยดูแลบริษัทแทนไปก่อนจนกว่าเขาจะเรียนจบ
แก้วกุดั่นเก็บความไม่สบายใจไว้จนเหลืออีกหนึ่งวันก้องภพก็จะออกเดินทาง เด็กสาวตัดสินใจจะไปคุยด้วย แต่ต้องผิดหวังเมื่อรู้ว่าเขาออกไปธุระข้างนอกโดยมีลุงเอกขับรถไปให้ ความกังวลใจทำให้เธอหมั่นเดินไปตึกใหญ่ด้วยหวังว่าเขาจะกลับมา กระทั่งเมื่อฟ้าเริ่มมืดจึงคิดจะเดินกลับตึกเล็ก จังหวะนั้นแสงสว่างจากไฟหน้ารถยนต์ก็สาดส่องมา
“มีธุระกับฉันหรือเปล่า”
แก้วกุดั่นฝืนยิ้มให้เมื่อก้องภพก้าวลงมาจากรถแล้วตั้งคำถามนั้นกับเธอ
“อิง มีเรื่องจะพูดกับคุณก้องค่ะ”
ไม่มีแม้แต่ความแปลกใจให้เห็นบนสีหน้าแววตาของเขา ก่อนที่เธอจะได้ยินคำบอก
“ถ้าอย่างนั้นก็เข้าไปคุยในบ้าน”
“เอ่อ...คุยตรงนี้ก็ได้ค่ะ”
“งั้นก็เดินไปคุยไปก็แล้วกัน”
เมื่อชายหนุ่มเดินนำไปทางสวนด้านหลังบ้าน แก้วกุดั่นจึงต้องก้าวตามไปอย่างไม่มีทางเลือก
เด็กสาวสูดลมหายใจเข้าลึกเมื่อสายลมแผ่วพัดพามาพร้อมกับกลิ่นหอมของดอกไม้ ก่อนหันไปมองคนข้างตัว
“มีอะไรจะพูดกับฉัน”
แก้วกุดั่นนิ่งไปเมื่อเห็นว่าก้องภพไม่ได้มองเธอ แววตาของเขาจับจ้องไปข้างหน้าแทบไม่ต่างจากทุกครั้งที่เจอกัน
เหมือนเขาไม่อยากมองเธอให้เสียสายตา
ความคิดนั้นทำให้หญิงสาวใจเสีย หากเมื่อนึกถึงน้องสาวเจ้าตัวจึงตั้งคำถามออกไป
“อิงกับน้องยังอยู่บ้านนี้ได้อีกหรือเปล่าคะ”
มีความเงียบเข้ามาปกคลุมบรรยากาศพักใหญ่ และนั่นก็สร้างความกดดันให้กับแก้วกุดั่นขณะรอฟังคำตอบ เนิ่นนานในความรู้สึกกว่าก้องภพจะยอมหันมามองเธอ
“เธอมีที่อยู่ใหม่หรือเปล่า”
แก้วกุดั่นก้มหน้าลงด้วยความอับอาย ก่อนตอบเสียงเบา
“ไม่มีค่ะ”
เมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจ หญิงสาวก็ใจไม่ดี อดคิดไม่ได้ว่าเธอทำให้เขารำคาญหรือเปล่า
“ถ้าอย่างนั้นก็อยู่ต่อ”
คำบอกเสียงเรียบนั้นทำให้แก้วกุดั่นแทบร้องไห้อย่างโล่งอก ทั้งที่รู้ตัวว่ากำลังปากสั่นระริกแต่ความดีใจทำให้ยังยิ้มออก
“ขอบคุณค่ะคุณก้อง ขอบคุณมาก ขอบคุณจริง ๆ”
ทั้งที่ก้องภพไม่ได้พูดอะไร แต่การที่เขาเอาแต่จับจ้องเธอไม่วางตาก็ทำให้แก้วกุดั่นเริ่มทำตัวไม่ถูก
หลังจากต่างคนต่างนิ่งกันไปครู่หนึ่ง ก้องภพก็หันหน้าไปอีกทางแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแปร่งปร่า
“ดึกแล้ว ไปนอนเถอะ”
ด้วยคิดว่าเธอมารบกวนเวลาของเขา แก้วกุดั่นจึงรับคำเสียงเบาก่อนจะรีบผละจากไป
____________________________________________________________
สวัสดีค่ะ เอาตอนใหม่มาแปะเพิ่ม ^__^
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และ LIKE ที่มอบให้กันค่ะ
ปิ่นนลิน : ไว้รอติดตามกันต่อไปนะคะ ^^
Zephyr : แหะ แหะ แบบว่า...เรื่องนี้ตั้งใจแต่งเพื่อสนองอาการทางจิตของคนแต่งโดยเฉพาะเลยค่ะ ฮ่าาาาา เพราะงั้นเรามาล้อมวงกินมาม่ากันดีกว่า เน๊อะ ^^
แวบหนึ่ง ก้องภพคิดว่าชมนาดยังไม่ตาย แต่ผ่านไปครู่หนึ่งจึงรู้ว่าเข้าใจผิด
แม้ใบหน้าเป็นพิมพ์เดียวกัน แต่ความอ่อนเยาว์ซึ่งดูแล้วอายุไม่ถึงยี่สิบ ทำให้ชายหนุ่มนึกสงสัย
“เธอเป็นใคร”
ก้องภพเห็นอีกฝ่ายทำหน้าราวกับแปลกใจ ก่อนที่เขาจะได้คำตอบ
“อิงเป็นลูกแม่ชมค่ะ”
ลูกสาวของชมนาด
พลัน ภาพเด็กหญิงสองคนซึ่งเขาเคยเห็นวิ่งเล่นไล่จับกันตรงสวนข้างบ้านก็ผุดขึ้นจากความทรงจำ เพราะที่ผ่านมาชมนาดกับลูก ๆ ของเธออาศัยอยู่ในตึกเล็กที่ห่างไปจากตึกใหญ่ราวหนึ่งกิโลเมตร เขาจึงแทบไม่ได้เจอกับเด็กหญิงทั้งสอง หรือบางทีอาจเจอแต่เขาไม่ทันสังเกตเพราะไม่ได้สนใจ
“ลุงเอกให้อิงมาตามค่ะ”
คำบอกนั้นทำให้ก้องภพรู้ว่าถึงเวลาที่เขาต้องกลับบ้านแล้ว กระนั้นก็ไม่วายสงสัย
“ทำไมก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยเห็นเธอ”
“เอย...น้องสาวอิงไม่สบายค่ะ อิงต้องอยู่ดูแลน้อง เพิ่งมีวันนี้ที่น้องอาการดีขึ้นอิงเลยมาช่วยงานได้”
ก้องภพพยักหน้ารับรู้แล้วทำท่าจะเดินนำออกไป
“คุณก้องคะ”
เมื่อหันไปมอง ชายหนุ่มก็ใจกระตุกอีกครั้งเมื่อสบกับแววตาเศร้า ๆ คู่นั้น โดยเฉพาะเมื่อเธอพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“อิง...เสียใจด้วยนะคะ”
“พี่อิง คุณก้องเป็นยังไงบ้างคะ ใจดีเหมือนคุณลุงหรือเปล่า”
แก้วกุดั่นชะงักมือที่กำลังแปรงผมยาวประบ่าเมื่อได้ยินคำถามของน้องสาว ก่อนที่ภาพของชายหนุ่มจะผุดขึ้น
ชายหนุ่มผิวขาว ดวงตาสีนิล ท่าทางเฉยชานั้น แทบไม่ต่างจากตอนที่เธอเจอเมื่อสองปีก่อน
หลายครั้ง เธอเห็นเขาจากที่ไกล ๆ เวลาออกมาเดินเล่นแถวสวนข้างบ้าน แต่ทุกครั้งได้แต่แอบมองไม่กล้าทักทายเพราะความเจียมตัว
เขาคงไม่อยากเสวนากับลูกของผู้หญิงที่พ่อใช้เงินซื้อตัวมา
“ก็...คงใจดีเหมือนกัน”
เด็กสาววัยสิบเจ็ดตอบ พลางฝืนยิ้มทั้งที่นึกสงสารเมื่อเห็นสีหน้าซีดเซียวของน้องสาว
กรรณิการ์ อายุน้อยกว่าเธอเพียงสองปี สุขภาพไม่แข็งแรงนัก เธอกับมารดาจึงต้องคอยดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ อาจด้วยเหตุนี้แม่ของเธอจึงยอมรับข้อเสนอของคุณการิน เพื่อแลกกับการให้เธอและน้องมีบ้านอยู่มีข้าวกินครบสามมื้อแล้วยังได้เรียนหนังสือต่อ ไม่ต้องลำบากเหมือนที่ผ่านมาจากการหารายได้ไม่พอประทังสามชีวิต
เมื่อนึกถึงอาการประหลาดของน้องสาว แก้วกุดั่นก็ยิ่งเศร้าใจ
เวรกรรมอะไรหนอทำให้กรรณิการ์ไม่มีเสียงพูดทุกครั้งเมื่อจิตใจถูกกระทบกระเทือน ยิ่งช่วงที่มารดาจากไป น้องสาวของเธอไม่เพียงนอนซมอยู่บนเตียงแต่ยังพูดไม่ได้เป็นอาทิตย์
“แล้ว...เขาจะไล่เราไหมคะ”
แก้วกุดั่นรีบเดินไปกอดน้องสาวเพื่อปลอบใจ แค่เห็นสีหน้าเหมือนจะร้องไห้เธอก็เดาได้ว่ากรรณิการ์คงนึกกลัวไม่ต่างไปจากเธอ
สิ้นคุณลุงการินแล้ว ก้องภพจะไล่เธอกับน้องไปจากบ้านนี้หรือเปล่า
เด็กสาวเก็บความกังวลไว้ในใจ เมื่อนึกถึงเงินเก็บก้อนเล็ก ๆ ซึ่งก็ยังไม่พอสำหรับการไปใช้ชีวิตอยู่ข้างนอก โดยเฉพาะเมื่อน้องสาวของเธอมีสุขภาพอ่อนแอแบบนี้
“เขาไม่ทำแบบนั้นหรอก ไม่ต้องคิดมากนะ”
แก้วกุดั่นพูดปลอบ พลางนึกถึงวันเปิดพินัยกรรมที่จะมีขึ้นในอีกหนึ่งอาทิตย์
ถึงเธอกับน้องไม่มีความเกี่ยวข้อง แต่ยังไงเสียเขาก็คงได้รับมรดกทั้งหมดจากคุณการิน มีทรัพย์สินเงินทองมากมายขนาดนั้น คงไม่ใจร้ายไส้ระกำจนไล่เธอกับน้องออกไปจากบ้าน
เมื่อถึงวันเปิดพินัยกรรมก็เป็นไปตามที่แก้วกุดั่นคิด คุณการินทำพินัยกรรมยกทุกอย่างให้กับลูกชายคนเดียว แต่เพราะอีกไม่กี่วันก้องภพต้องกลับไปเรียนต่อเขาจึงมอบหมายให้คุณกุนทร อาของเขา ญาติห่าง ๆ ของพ่อซึ่งมีตำแหน่งรองผู้จัดการช่วยดูแลบริษัทแทนไปก่อนจนกว่าเขาจะเรียนจบ
แก้วกุดั่นเก็บความไม่สบายใจไว้จนเหลืออีกหนึ่งวันก้องภพก็จะออกเดินทาง เด็กสาวตัดสินใจจะไปคุยด้วย แต่ต้องผิดหวังเมื่อรู้ว่าเขาออกไปธุระข้างนอกโดยมีลุงเอกขับรถไปให้ ความกังวลใจทำให้เธอหมั่นเดินไปตึกใหญ่ด้วยหวังว่าเขาจะกลับมา กระทั่งเมื่อฟ้าเริ่มมืดจึงคิดจะเดินกลับตึกเล็ก จังหวะนั้นแสงสว่างจากไฟหน้ารถยนต์ก็สาดส่องมา
“มีธุระกับฉันหรือเปล่า”
แก้วกุดั่นฝืนยิ้มให้เมื่อก้องภพก้าวลงมาจากรถแล้วตั้งคำถามนั้นกับเธอ
“อิง มีเรื่องจะพูดกับคุณก้องค่ะ”
ไม่มีแม้แต่ความแปลกใจให้เห็นบนสีหน้าแววตาของเขา ก่อนที่เธอจะได้ยินคำบอก
“ถ้าอย่างนั้นก็เข้าไปคุยในบ้าน”
“เอ่อ...คุยตรงนี้ก็ได้ค่ะ”
“งั้นก็เดินไปคุยไปก็แล้วกัน”
เมื่อชายหนุ่มเดินนำไปทางสวนด้านหลังบ้าน แก้วกุดั่นจึงต้องก้าวตามไปอย่างไม่มีทางเลือก
เด็กสาวสูดลมหายใจเข้าลึกเมื่อสายลมแผ่วพัดพามาพร้อมกับกลิ่นหอมของดอกไม้ ก่อนหันไปมองคนข้างตัว
“มีอะไรจะพูดกับฉัน”
แก้วกุดั่นนิ่งไปเมื่อเห็นว่าก้องภพไม่ได้มองเธอ แววตาของเขาจับจ้องไปข้างหน้าแทบไม่ต่างจากทุกครั้งที่เจอกัน
เหมือนเขาไม่อยากมองเธอให้เสียสายตา
ความคิดนั้นทำให้หญิงสาวใจเสีย หากเมื่อนึกถึงน้องสาวเจ้าตัวจึงตั้งคำถามออกไป
“อิงกับน้องยังอยู่บ้านนี้ได้อีกหรือเปล่าคะ”
มีความเงียบเข้ามาปกคลุมบรรยากาศพักใหญ่ และนั่นก็สร้างความกดดันให้กับแก้วกุดั่นขณะรอฟังคำตอบ เนิ่นนานในความรู้สึกกว่าก้องภพจะยอมหันมามองเธอ
“เธอมีที่อยู่ใหม่หรือเปล่า”
แก้วกุดั่นก้มหน้าลงด้วยความอับอาย ก่อนตอบเสียงเบา
“ไม่มีค่ะ”
เมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจ หญิงสาวก็ใจไม่ดี อดคิดไม่ได้ว่าเธอทำให้เขารำคาญหรือเปล่า
“ถ้าอย่างนั้นก็อยู่ต่อ”
คำบอกเสียงเรียบนั้นทำให้แก้วกุดั่นแทบร้องไห้อย่างโล่งอก ทั้งที่รู้ตัวว่ากำลังปากสั่นระริกแต่ความดีใจทำให้ยังยิ้มออก
“ขอบคุณค่ะคุณก้อง ขอบคุณมาก ขอบคุณจริง ๆ”
ทั้งที่ก้องภพไม่ได้พูดอะไร แต่การที่เขาเอาแต่จับจ้องเธอไม่วางตาก็ทำให้แก้วกุดั่นเริ่มทำตัวไม่ถูก
หลังจากต่างคนต่างนิ่งกันไปครู่หนึ่ง ก้องภพก็หันหน้าไปอีกทางแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแปร่งปร่า
“ดึกแล้ว ไปนอนเถอะ”
ด้วยคิดว่าเธอมารบกวนเวลาของเขา แก้วกุดั่นจึงรับคำเสียงเบาก่อนจะรีบผละจากไป
____________________________________________________________
สวัสดีค่ะ เอาตอนใหม่มาแปะเพิ่ม ^__^
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และ LIKE ที่มอบให้กันค่ะ
ปิ่นนลิน : ไว้รอติดตามกันต่อไปนะคะ ^^
Zephyr : แหะ แหะ แบบว่า...เรื่องนี้ตั้งใจแต่งเพื่อสนองอาการทางจิตของคนแต่งโดยเฉพาะเลยค่ะ ฮ่าาาาา เพราะงั้นเรามาล้อมวงกินมาม่ากันดีกว่า เน๊อะ ^^
พันวลี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ก.ย. 2558, 21:16:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ก.ย. 2558, 21:16:14 น.
จำนวนการเข้าชม : 1408
<< บทที่ 1 | บทที่ 3 >> |
Zephyr 24 ก.ย. 2558, 00:01:20 น.
นายก้องยังดูเก้กๆนะ
เหมือนจะอยากรู้จักอิงมากกว่านี้
แต่มีอะไรบางอย่างทำให้นายยังกั๊กๆ
นายก้องยังดูเก้กๆนะ
เหมือนจะอยากรู้จักอิงมากกว่านี้
แต่มีอะไรบางอย่างทำให้นายยังกั๊กๆ
LAM 26 พ.ย. 2558, 13:50:08 น.
ก็ยังดีที่คุณก้องยังไม่ใจร้ายกับสองพี่น้อง
ก็ยังดีที่คุณก้องยังไม่ใจร้ายกับสองพี่น้อง