ความรัก...สีหมอก
Tags: ความรัก...สีหมอก,อิง,เอย,แก้วกุดั่น,กรรณิการ์,พัสสน,ก้องภพ
ตอน: บทที่ 3
บทที่ 3
สามปีต่อมา
“พี่อิง เอยได้ยินป้ารัตน์บอกว่าพรุ่งนี้คุณก้องก็จะกลับมาแล้ว จริงหรือเปล่าคะ”
เย็นวันนั้นเมื่อเจอพี่สาวในห้องอาหาร กรรณิการ์ก็ตั้งคำถามอย่างตื่นเต้น
“ใช่จ้ะ ลุงเอกก็บอกเหมือนกันว่าพรุ่งนี้ต้องไปรับคุณก้องที่สนามบินแต่เช้า”
“เอยอยากขอบคุณคุณก้องที่ให้เราอยู่บ้านหลังนี้ต่อ แล้วยังออกเงินค่าเรียนให้พวกเราอีก”
เมื่อเห็นพี่สาวเพียงแต่ยิ้ม เด็กสาวก็พูดต่อ
“เอยอยากไปรับคุณก้องด้วย”
“อย่าเลย เอยเพิ่งหายไข้ นอนพักให้หายดีกว่านี้เถอะ”
กรรณิการ์ถอนหายใจเมื่อคำพูดของแก้วกุดั่นทำให้นึกถึงอาการไข้ที่ทำให้เธอนอนซมถึงสองวัน นึกขัดใจว่าทำไมเธอจึงไม่แข็งแรงเหมือนคนอื่น ๆ จะได้ไม่ต้องมาเจ็บไข้ได้ป่วยอย่างที่คนทั่วไปพูดกันว่าสามวันดีสี่วันไข้ ไม่นับรวมกับอาการบ้า ๆ ที่ทำให้พูดไม่ได้เวลาเจอกับเรื่องสะเทือนใจ
เธอเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้เหลือเกิน
เด็กสาววัยสิบแปดนึกอย่างเศร้าใจ คิดอยู่เสมอว่าตัวเองเป็นภาระให้แม่กับพี่สาว
“เพราะเอย...พี่อิงถึงต้องไปทำงานพิเศษ”
กรรณิการ์พูดด้วยความรู้สึกผิด เมื่อนึกถึงงานพิเศษของพี่สาวซึ่งเป็นพริตตี้ตามงานอีเว้นท์ต่าง ๆ รู้ดีว่าที่แก้วกุดั่นต้องทำงานตลอดตั้งแต่เรียนจนถึงตอนนี้ ซึ่งเหลืออีกไม่กี่เดือนก็จะจบปริญญาตรีคณะบริหารธุรกิจ เป็นเพราะส่วนหนึ่งอยากเก็บเงินไว้เพื่อพาเธอออกไปใช้ชีวิตข้างนอก
“เด็กบ้า พี่ทำเพราะอยากทำ ไม่เกี่ยวกับเอยซะหน่อย”
เด็กสาวฝืนยิ้มรู้ดีว่านั่นคือความพยายามปลอบใจเธอ แก้วกุดั่นเป็นอย่างนี้เสมอตั้งแต่เธอจำความได้ ดูแลและปกป้องเธอไม่ต่างจากแม่ชมนาดที่ทำทุกอย่างเพื่อลูกทั้งสอง
เมื่อนึกถึงมารดาเด็กสาวก็น้ำตาคลอ ความเกลียดตัวเองเพิ่มพูนทุกครั้งเมื่อโทษว่าเป็นต้นเหตุทำให้แม่ต้องเข้ามาเป็นผู้หญิงของคุณการิน ส่วนหนึ่งก็เพราะอยากมีเงินพาเธอไปรักษาโรคบ้า ๆ
แต่จนถึงตอนนี้ ไม่ว่าหมอคนไหนก็ยังไม่สามารถให้คำตอบ เพราะอะไรเธอจึงพูดไม่ได้เวลาจิตใจถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง
“กินข้าวแล้วก็กินยาซะนะ วันนี้พี่มีงานอาจกลับดึกหน่อย เอยนอนได้เลยไม่ต้องรอพี่”
กรรณิการ์ยิ่งรู้สึกผิด เมื่อรู้ว่าแก้วกุดั่นต้องไปทำงานพิเศษทั้งที่เพิ่งกลับจากเรียนมาได้ไม่กี่ชั่วโมง
“เอยขอโทษ”
เด็กสาวพูดเสียงสั่น น้ำตาจากความรู้สึกผิดร่วงลงมา
“เด็กโง่ ร้องไห้ทำไม”
เมื่อถูกพี่สาวกอด กรรณิการ์ก็ยิ่งห้ามน้ำตาไม่ได้ ทั้งที่ไม่อยากเป็นภาระให้พี่สาวแต่คนอ่อนแออย่างเธอก็ทำอะไรไม่ได้เลย
“เอย...ขอโทษ เอยจะไม่ร้องแล้ว”
เด็กสาวบอกเสียงสะอื้น เมื่อคิดว่าสิ่งเดียวที่เธอจะทำได้คือไม่ทำให้แก้วกุดั่นทุกข์ใจไปกว่านี้
“ดีมาก เอาล่ะมากินข้าวเถอะ เอยจะได้รีบไปนอน พรุ่งนี้ตื่นมาหน้าตาจะได้สดใส”
ฟังแล้วกรรณิการ์ก็ต้องหักห้ามใจไม่ให้ร้องไห้ออกมาอีก เธอมีหน้าที่แค่นอนให้เต็มอิ่ม ในขณะที่แก้วกุดั่นต้องรับภาระทุกอย่าง ทั้งทำงานพิเศษและแบ่งเวลามาดูแลเธอ
เมื่อไรหนอ เธอจะเลิกเป็นตัวภาระของพี่สาวสักที
เกือบสามทุ่มแล้ว เมื่อแก้วกุดั่นลงจากรถของเพื่อนสนิทซึ่งที่ผ่านมาคอยช่วยหางานพิเศษให้เธอ หญิงสาวโบกมือลาแล้วยืนรอจนกระทั่งรถยนต์หายลับไปจากสายตา ก่อนจะเปิดประตูเล็กเข้าไปในบ้าน แสงสว่างจากโคมไฟทรงสูงรายทางช่วยให้รอบตัวไม่มืดจนเกินไป สายลมเย็นที่พัดผ่านอีกทั้งเห็นว่าคืนนี้แสงจันทร์ทอกระจ่างงามจับตา หญิงสาวจึงเปลี่ยนใจจากที่จะกลับไปตึกเล็กเป็นการเดินเล่นชมสวนหลังบ้านเพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้า
งานพิเศษที่รับทำ ส่งผลให้มีหลายครั้งเธอได้รับข้อเสนอน่ารังเกียจจากชายหนุ่มมากหน้าหลายตา ยิ่งบางทีชุดที่จำเป็นต้องใส่ก็เหมือนจะล่อตายั่วใจหนุ่ม ๆ ทั้งหลาย แก้วกุดั่นก็นึกสมเพชตัวเองหลายหนแต่เธอไม่มีทางเลือก
สำหรับคนที่ยังเรียนไม่จบแล้วต้องมีเวลาให้กับน้องสาวที่อ่อนแอ เธอคงทำดีที่สุดได้เท่านี้
เพราะมัวแต่ครุ่นคิด แก้วกุดั่นจึงไม่ทันสังเกตว่าไม่ไกลออกไปนักมีเงาตะคุ่มของคนคนหนึ่งกำลังใกล้เข้ามา
“นั่นใคร”
ก้องภพร้องถาม เมื่อภาพที่ปรากฏสู่สายตาของเขาขณะกำลังจะเดินกลับขึ้นไปบนตึก คือเสี้ยวหน้าด้านข้างของผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งกำลังแหงนเงยขึ้นมองท้องฟ้า
“คุณก้อง!”
ชายหนุ่มงันไปเสี้ยวนาทีเมื่อหญิงสาวหันมามองเขาแล้วร้องเรียกด้วยดวงตาเบิกกว้าง
ชมนาด
ชื่อนั้นผุดขึ้นในวินาทีที่สบกับดวงตาหวานปนเศร้า รู้สึกเหมือนถูกสะกดไม่ต่างจากครั้งแรกที่ได้เจอผู้หญิงคนนั้น หากเมื่อภาพฝันเลือนหายแล้วแทนที่ด้วยภาพจริงซึ่งกำลังเดินเข้ามา ชายหนุ่มก็กระพริบตาเพื่อขับไล่เรื่องราวจากความทรงจำ
“กลับมาเมื่อไรคะ”
กระนั้น ชายหนุ่มก็ยังต้องใช้เวลาอีกครู่ กว่าจะนึกออกว่าหญิงสาวที่กำลังยืนอยู่ต่อหน้าเขาคือใคร
“เมื่อเย็น”
ก้องภพตอบสั้น ๆ ก่อนเบือนหน้าหนี
ทั้งที่ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ชมนาด แต่ทำไมเขายังหวั่นไหว เพียงแค่หน้าตาที่เหมือนกันเท่านั้นหรือ
ชายหนุ่มถามตัวเองอย่างสับสน ก่อนหันกลับมามองเมื่อได้ยินน้ำเสียงสดใส
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะคะ”
“ขอบใจ”
เมื่อเห็นหญิงสาวส่งยิ้มสดใสให้ ชายหนุ่มก็อดยิ้มตอบไม่ได้แต่ก็แค่มุมปาก
“คุณก้องกลับมายังไงคะ ลุงเอกขับรถไปรับหรือคะ”
“เปล่า ฉันเรียกรถกลับมาเอง”
ตอบไปแล้ว ก้องภพก็รู้สึกเหมือนถูกสะกดอีกครั้งจนไม่อาจถอนสายตาไปได้
แก้วกุดั่นรู้สึกได้ว่าหัวใจของเธอกำลังเต้นไม่เป็นจังหวะ
ทุกครั้ง เวลาถูกจับจ้องด้วยดวงตาคมเข้มคู่นี้ เธอก็เหมือนจะละลายกลายเป็นควัน ไม่ต่างจากครั้งแรกที่เจอเขา
จากความสนใจอยากรู้จักในตอนแรก เธอก็ถูกผลักดันมากขึ้นจนถึงกับคอยแอบมองเขาจากที่ไกล ๆ
ยิ่งตอนนี้มาไกลจนกระทั่งเธอได้พูดคุย ได้ยินน้ำเสียงของเขา แก้วกุดั่นก็มีความสุขเหลือเกิน
“คุณก้องกินอะไรมาหรือยังคะ”
เมื่อเห็นเขาเลิกคิ้วสูงราวกับแปลกใจหรือคิดไม่ถึง แก้วกุดั่นก็ร้อนไปทั้งหน้าเมื่อรู้ตัวว่าเผลอแสดงความรู้สึกออกไป
“กินแล้ว”
จากนั้น เธอก็เห็นเขานิ่งไปครู่เหมือนกำลังชั่งใจ ก่อนจะได้ยินคำพูดต่อมา
“ขอบใจที่เป็นห่วง”
แค่นั้น หญิงสาวก็ยิ้มได้ รู้สึกถึงอาการพองโตของหัวใจจนอดคิดไม่ได้ว่าเธออาจจะลอยได้ในไม่กี่นาทีข้างหน้า ยิ่งเห็นเขาจับจ้องเธอก็นึกขัดเขิน
“งั้น...อิงไม่รบกวนแล้วค่ะ คุณก้องจะได้พักผ่อน”
เมื่อไม่มีคำคัดค้าน แก้วกุดั่นจึงผละไปทางที่มุ่งสู่ตึกเล็ก กระนั้นความรู้สึกก็บอกกับเธอว่ายังคงมีสายตาของเขาจับจ้องตามหลัง
______________________________________________________________
ขอบคุณสำหรับ LIKE ที่มอบให้กันค่ะ ^___^
สามปีต่อมา
“พี่อิง เอยได้ยินป้ารัตน์บอกว่าพรุ่งนี้คุณก้องก็จะกลับมาแล้ว จริงหรือเปล่าคะ”
เย็นวันนั้นเมื่อเจอพี่สาวในห้องอาหาร กรรณิการ์ก็ตั้งคำถามอย่างตื่นเต้น
“ใช่จ้ะ ลุงเอกก็บอกเหมือนกันว่าพรุ่งนี้ต้องไปรับคุณก้องที่สนามบินแต่เช้า”
“เอยอยากขอบคุณคุณก้องที่ให้เราอยู่บ้านหลังนี้ต่อ แล้วยังออกเงินค่าเรียนให้พวกเราอีก”
เมื่อเห็นพี่สาวเพียงแต่ยิ้ม เด็กสาวก็พูดต่อ
“เอยอยากไปรับคุณก้องด้วย”
“อย่าเลย เอยเพิ่งหายไข้ นอนพักให้หายดีกว่านี้เถอะ”
กรรณิการ์ถอนหายใจเมื่อคำพูดของแก้วกุดั่นทำให้นึกถึงอาการไข้ที่ทำให้เธอนอนซมถึงสองวัน นึกขัดใจว่าทำไมเธอจึงไม่แข็งแรงเหมือนคนอื่น ๆ จะได้ไม่ต้องมาเจ็บไข้ได้ป่วยอย่างที่คนทั่วไปพูดกันว่าสามวันดีสี่วันไข้ ไม่นับรวมกับอาการบ้า ๆ ที่ทำให้พูดไม่ได้เวลาเจอกับเรื่องสะเทือนใจ
เธอเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้เหลือเกิน
เด็กสาววัยสิบแปดนึกอย่างเศร้าใจ คิดอยู่เสมอว่าตัวเองเป็นภาระให้แม่กับพี่สาว
“เพราะเอย...พี่อิงถึงต้องไปทำงานพิเศษ”
กรรณิการ์พูดด้วยความรู้สึกผิด เมื่อนึกถึงงานพิเศษของพี่สาวซึ่งเป็นพริตตี้ตามงานอีเว้นท์ต่าง ๆ รู้ดีว่าที่แก้วกุดั่นต้องทำงานตลอดตั้งแต่เรียนจนถึงตอนนี้ ซึ่งเหลืออีกไม่กี่เดือนก็จะจบปริญญาตรีคณะบริหารธุรกิจ เป็นเพราะส่วนหนึ่งอยากเก็บเงินไว้เพื่อพาเธอออกไปใช้ชีวิตข้างนอก
“เด็กบ้า พี่ทำเพราะอยากทำ ไม่เกี่ยวกับเอยซะหน่อย”
เด็กสาวฝืนยิ้มรู้ดีว่านั่นคือความพยายามปลอบใจเธอ แก้วกุดั่นเป็นอย่างนี้เสมอตั้งแต่เธอจำความได้ ดูแลและปกป้องเธอไม่ต่างจากแม่ชมนาดที่ทำทุกอย่างเพื่อลูกทั้งสอง
เมื่อนึกถึงมารดาเด็กสาวก็น้ำตาคลอ ความเกลียดตัวเองเพิ่มพูนทุกครั้งเมื่อโทษว่าเป็นต้นเหตุทำให้แม่ต้องเข้ามาเป็นผู้หญิงของคุณการิน ส่วนหนึ่งก็เพราะอยากมีเงินพาเธอไปรักษาโรคบ้า ๆ
แต่จนถึงตอนนี้ ไม่ว่าหมอคนไหนก็ยังไม่สามารถให้คำตอบ เพราะอะไรเธอจึงพูดไม่ได้เวลาจิตใจถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง
“กินข้าวแล้วก็กินยาซะนะ วันนี้พี่มีงานอาจกลับดึกหน่อย เอยนอนได้เลยไม่ต้องรอพี่”
กรรณิการ์ยิ่งรู้สึกผิด เมื่อรู้ว่าแก้วกุดั่นต้องไปทำงานพิเศษทั้งที่เพิ่งกลับจากเรียนมาได้ไม่กี่ชั่วโมง
“เอยขอโทษ”
เด็กสาวพูดเสียงสั่น น้ำตาจากความรู้สึกผิดร่วงลงมา
“เด็กโง่ ร้องไห้ทำไม”
เมื่อถูกพี่สาวกอด กรรณิการ์ก็ยิ่งห้ามน้ำตาไม่ได้ ทั้งที่ไม่อยากเป็นภาระให้พี่สาวแต่คนอ่อนแออย่างเธอก็ทำอะไรไม่ได้เลย
“เอย...ขอโทษ เอยจะไม่ร้องแล้ว”
เด็กสาวบอกเสียงสะอื้น เมื่อคิดว่าสิ่งเดียวที่เธอจะทำได้คือไม่ทำให้แก้วกุดั่นทุกข์ใจไปกว่านี้
“ดีมาก เอาล่ะมากินข้าวเถอะ เอยจะได้รีบไปนอน พรุ่งนี้ตื่นมาหน้าตาจะได้สดใส”
ฟังแล้วกรรณิการ์ก็ต้องหักห้ามใจไม่ให้ร้องไห้ออกมาอีก เธอมีหน้าที่แค่นอนให้เต็มอิ่ม ในขณะที่แก้วกุดั่นต้องรับภาระทุกอย่าง ทั้งทำงานพิเศษและแบ่งเวลามาดูแลเธอ
เมื่อไรหนอ เธอจะเลิกเป็นตัวภาระของพี่สาวสักที
เกือบสามทุ่มแล้ว เมื่อแก้วกุดั่นลงจากรถของเพื่อนสนิทซึ่งที่ผ่านมาคอยช่วยหางานพิเศษให้เธอ หญิงสาวโบกมือลาแล้วยืนรอจนกระทั่งรถยนต์หายลับไปจากสายตา ก่อนจะเปิดประตูเล็กเข้าไปในบ้าน แสงสว่างจากโคมไฟทรงสูงรายทางช่วยให้รอบตัวไม่มืดจนเกินไป สายลมเย็นที่พัดผ่านอีกทั้งเห็นว่าคืนนี้แสงจันทร์ทอกระจ่างงามจับตา หญิงสาวจึงเปลี่ยนใจจากที่จะกลับไปตึกเล็กเป็นการเดินเล่นชมสวนหลังบ้านเพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้า
งานพิเศษที่รับทำ ส่งผลให้มีหลายครั้งเธอได้รับข้อเสนอน่ารังเกียจจากชายหนุ่มมากหน้าหลายตา ยิ่งบางทีชุดที่จำเป็นต้องใส่ก็เหมือนจะล่อตายั่วใจหนุ่ม ๆ ทั้งหลาย แก้วกุดั่นก็นึกสมเพชตัวเองหลายหนแต่เธอไม่มีทางเลือก
สำหรับคนที่ยังเรียนไม่จบแล้วต้องมีเวลาให้กับน้องสาวที่อ่อนแอ เธอคงทำดีที่สุดได้เท่านี้
เพราะมัวแต่ครุ่นคิด แก้วกุดั่นจึงไม่ทันสังเกตว่าไม่ไกลออกไปนักมีเงาตะคุ่มของคนคนหนึ่งกำลังใกล้เข้ามา
“นั่นใคร”
ก้องภพร้องถาม เมื่อภาพที่ปรากฏสู่สายตาของเขาขณะกำลังจะเดินกลับขึ้นไปบนตึก คือเสี้ยวหน้าด้านข้างของผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งกำลังแหงนเงยขึ้นมองท้องฟ้า
“คุณก้อง!”
ชายหนุ่มงันไปเสี้ยวนาทีเมื่อหญิงสาวหันมามองเขาแล้วร้องเรียกด้วยดวงตาเบิกกว้าง
ชมนาด
ชื่อนั้นผุดขึ้นในวินาทีที่สบกับดวงตาหวานปนเศร้า รู้สึกเหมือนถูกสะกดไม่ต่างจากครั้งแรกที่ได้เจอผู้หญิงคนนั้น หากเมื่อภาพฝันเลือนหายแล้วแทนที่ด้วยภาพจริงซึ่งกำลังเดินเข้ามา ชายหนุ่มก็กระพริบตาเพื่อขับไล่เรื่องราวจากความทรงจำ
“กลับมาเมื่อไรคะ”
กระนั้น ชายหนุ่มก็ยังต้องใช้เวลาอีกครู่ กว่าจะนึกออกว่าหญิงสาวที่กำลังยืนอยู่ต่อหน้าเขาคือใคร
“เมื่อเย็น”
ก้องภพตอบสั้น ๆ ก่อนเบือนหน้าหนี
ทั้งที่ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ชมนาด แต่ทำไมเขายังหวั่นไหว เพียงแค่หน้าตาที่เหมือนกันเท่านั้นหรือ
ชายหนุ่มถามตัวเองอย่างสับสน ก่อนหันกลับมามองเมื่อได้ยินน้ำเสียงสดใส
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะคะ”
“ขอบใจ”
เมื่อเห็นหญิงสาวส่งยิ้มสดใสให้ ชายหนุ่มก็อดยิ้มตอบไม่ได้แต่ก็แค่มุมปาก
“คุณก้องกลับมายังไงคะ ลุงเอกขับรถไปรับหรือคะ”
“เปล่า ฉันเรียกรถกลับมาเอง”
ตอบไปแล้ว ก้องภพก็รู้สึกเหมือนถูกสะกดอีกครั้งจนไม่อาจถอนสายตาไปได้
แก้วกุดั่นรู้สึกได้ว่าหัวใจของเธอกำลังเต้นไม่เป็นจังหวะ
ทุกครั้ง เวลาถูกจับจ้องด้วยดวงตาคมเข้มคู่นี้ เธอก็เหมือนจะละลายกลายเป็นควัน ไม่ต่างจากครั้งแรกที่เจอเขา
จากความสนใจอยากรู้จักในตอนแรก เธอก็ถูกผลักดันมากขึ้นจนถึงกับคอยแอบมองเขาจากที่ไกล ๆ
ยิ่งตอนนี้มาไกลจนกระทั่งเธอได้พูดคุย ได้ยินน้ำเสียงของเขา แก้วกุดั่นก็มีความสุขเหลือเกิน
“คุณก้องกินอะไรมาหรือยังคะ”
เมื่อเห็นเขาเลิกคิ้วสูงราวกับแปลกใจหรือคิดไม่ถึง แก้วกุดั่นก็ร้อนไปทั้งหน้าเมื่อรู้ตัวว่าเผลอแสดงความรู้สึกออกไป
“กินแล้ว”
จากนั้น เธอก็เห็นเขานิ่งไปครู่เหมือนกำลังชั่งใจ ก่อนจะได้ยินคำพูดต่อมา
“ขอบใจที่เป็นห่วง”
แค่นั้น หญิงสาวก็ยิ้มได้ รู้สึกถึงอาการพองโตของหัวใจจนอดคิดไม่ได้ว่าเธออาจจะลอยได้ในไม่กี่นาทีข้างหน้า ยิ่งเห็นเขาจับจ้องเธอก็นึกขัดเขิน
“งั้น...อิงไม่รบกวนแล้วค่ะ คุณก้องจะได้พักผ่อน”
เมื่อไม่มีคำคัดค้าน แก้วกุดั่นจึงผละไปทางที่มุ่งสู่ตึกเล็ก กระนั้นความรู้สึกก็บอกกับเธอว่ายังคงมีสายตาของเขาจับจ้องตามหลัง
______________________________________________________________
ขอบคุณสำหรับ LIKE ที่มอบให้กันค่ะ ^___^
พันวลี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ก.ย. 2558, 19:13:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ก.ย. 2558, 19:13:05 น.
จำนวนการเข้าชม : 1512
<< บทที่ 2 | บทที่ 4 >> |